SlideShare a Scribd company logo
1 of 4
Download to read offline
1
การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๓๐ วัฏฏกโปตกจริยา
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖
เกริ่นนา
ปีกของเรามีอยู่ แต่บินไปไม่ได้ เท้าของเรามีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ มารดาบิดาก็พากันบินออกไป
แล้ว แน่ะไฟ จงกลับไปเถิด. พร้อมกับเมื่อเราทาสัจจกิริยา ไฟที่ลุกรุ่งโรจน์ใหญ่หลวง เว้นไว้ ๑๖ กรีส ไฟดับ
ณ ที่นั้น เหมือนจุ่มลงในน้า.
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
๙. วัฏฏกโปตกจริยา
ว่าด้วยจริยาของลูกนกคุ่ม
[๗๒] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลที่เราเป็นลูกนกคุ่ม ยังอ่อน ขนยังไม่งอก เป็นดังชิ้นเนื้ อ อยู่ในรัง ใน
มคธชนบท
[๗๓] มารดาเอาจะงอยปากคาบเหยื่อมาเลี้ยงเรา เราเป็นอยู่ด้วยผัสสะของมารดา กาลังกาย
ของเรายังไม่มี
[๗๔] ในฤดูร้อนทุกๆ ปี มีไฟป่าไหม้ลุกลามมา ไฟป่าเป็นทางดาลุกลามมาใกล้เรา
[๗๕] ไฟกาลังไหม้ มีเปลวโชติช่วง ส่งเสียงดังอื้ออึง ลามมาใกล้เราโดยลาดับ
[๗๖] มารดาและบิดาของเราตกใจ สะดุ้งกลัว เพราะกลัวไฟที่ไหม้มาโดยเร็ว จึงทิ้งเราไว้ในรัง
หนีเอาตัวรอดไป
[๗๗] เราเหยียดเท้า กางปีกออกรู้ว่า กาลังกายของเราไม่มี เรานั้นไปไม่ได้ อยู่ในรังนั่นเอง จึง
คิดอย่างนี้ ในกาลนั้นว่า
[๗๘] เมื่อก่อนเราสะดุ้งหวาดหวั่น พึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในระหว่างปีกของมารดาและบิดา บัดนี้
มารดาและบิดาทิ้งเราหนีไปเสียแล้ว วันนี้ เราจะทาอย่างไร
[๗๙] ศีลคุณ ความสัตย์ ความสะอาด และความเอ็นดู ยังมีอยู่ในโลก ด้วยความสัตย์นั้น เราจัก
ทาสัจจกิริยาอันยอดเยี่ยม
[๘๐] เราระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้พิชิตมารซึ่งมีในก่อน คานึงถึงกาลังพระธรรม ได้กระทาสัจ
จกิริยา เพื่อฝนคือกาลังความสัตย์ว่า
[๘๑] ปีกของเรามีอยู่ แต่ขนไม่มี เท้าของเรามีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ มารดาและบิดาก็พากันบิน
ออกไปแล้ว แน่ะไฟจงกลับไป(จงดับไปเสีย)
2
[๘๒] พร้อมกับเมื่อเราทาสัจจกิริยา เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเว้นที่ไว้ ๑๖ กรีส (กรีส หมายถึง
มาตรานับ ๑ กรีสเท่ากับ ๑๒๕ ศอก) เหมือนเปลวไฟที่จุ่มน้า บุคคลมีสัจจะเสมอเราไม่มี นี้ เป็นสัจจบารมี
ของเรา ฉะนี้ แล
วัฏฏกโปตกจริยาที่ ๙ จบ
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบาเพ็ญเนกขัมมบารมีเป็นต้น
๙. วัฏฏกโปตกจริยา
อรรถกถาวัฏฏกโปตกจริยาที่ ๙
ในกาลเมื่อเราเกิดในกาเนิดนกคุ่มในอรัญญประเทศแห่งหนึ่ง ในแคว้นมคธ ทาลายเปลือกไข่ยัง
อ่อนเพราะออกไม่นาน ยังเป็นชิ้นเนื้ อขนยังไม่ออกเป็นลูกนกคุ่มอยู่ในรังนั่นเอง.
มารดาของเราเอาจะงอยปากคาบเหยื่อมาเลี้ยงเราตลอดกาล.
เราเป็นอยู่คือยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการสัมผัสตัวของมารดาของเรานั้น ผู้สัมผัสเราตลอดกาล
โดยชอบ เพื่อความอบอุ่นและเพื่ออบรม.
ในฤดูร้อน. ไฟไหม้ป่า ในท้องที่นั้นด้วยไฟที่เกิดขึ้นเพราะการเสียดสีกันและกันของกิ่งไม้แห้ง ไฟ
ไหม้ป่าด้วยเหตุนั้น. เป็นทางดาเพราะนาเชื้อไฟมาเป็นเถ้าไหม้ที่กอไม้ในป่าเข้ามาใกล้. ทาเสียงสนั่นอื้ออึง
ในกาลนั้น เพราะเข้ามาใกล้อย่างนี้ . ด้วยอานาจของเชื้อไฟเช่นกับยอดเขา. ไฟไหม้ท้องที่ป่านั้นมาโดยลาดับ
เข้ามาใกล้จวนจะถึงเรา.
มารดาบิดาของเรากลัวไฟที่ลุกลามมาโดยไว. หนีเอาตัวรอด คือได้ทาความปลอดภัยให้แก่ตน
ด้วยไปในที่ที่ไฟไม่รบกวน.
จริงอยู่ ในกาลนั้น พระมหาสัตว์ได้มีร่างกายใหญ่ประมาณเท่าตะกร้อลูกใหญ่. มารดาบิดาไม่
สามารถจะพาลูกนกนั้นไปได้ ด้วยอุบายไรๆ และเพราะความรักตนครอบงา จึงทิ้งความรักบุตรหนีไป.
เราเตรียมจะไปบนแผ่นดิน และบนอากาศ จึงเหยียดเท้าทั้งสองและพยายามกางปีกทั้งสอง.
เราพยายามเหยียดเท้าและกางปีก คือพยายามจะบินไป. เพราะเหตุไรจึงพยายามดังนั้น. เพราะ
กาลังกายของเราไม่มี.
เราเป็นอย่างนั้น หนีไปไม่ได้เพราะความบกพร่องของเท้าและปีก หรือมารดาบิดาก็เอาเป็นที่พึ่ง
ไม่ได้โดยหนีไปเสีย. เราอยู่ในป่าถูกไฟป่ารบกวน หรือในรังนั้น ในกาลนั้นจึงคิดโดยอาการที่จะพึงกล่าวใน
บัดนี้ อย่างนี้ .
เมื่อก่อน เราสะดุ้งหวาดหวั่นพึงเข้าไปซ่อนตัวในระหว่างปีกของมารดาบิดา คือเรากลัวเพราะ
กลัวตายหวาดสะดุ้ง เพราะจิตสะดุ้งต่อมรณภัยนั้น หวั่นไหวเพราะร่างกายสั่น บัดนี้ ถูกไฟป่ารบกวน สาคัญ
ดุจหล่มน้าจึงวิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในระหว่างปีกของมารดาบิดา. มารดาบิดาของเราเหล่านั้นทิ้ งเราไว้แต่ผู้
เดียวหนีไปเสียแล้ว.
3
วันนี้ เราควรทา ควรปฏิบัติอย่างไร?
พระมหาสัตว์มิได้หลงลืมสิ่งที่ควรทา ยืนคิดอย่างนี้ ว่า ในโลกนี้ คุณของศีลยังมีอยู่ คุณของสัจจะ
ยังมีอยู่. ธรรมดาพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตบาเพ็ญบารมี นั่ง ณ พื้นโพธิมณฑล ตรัสรู้แล้ว ถึง
พร้อมแล้วด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติและวิมุตติญาณทัศนะ ประกอบด้วยสัจจะความเอ็นดูกรุณาและขันติ
บาเพ็ญเมตตาในสรรพสัตว์ ยังมีอยู่. พระธรรมอันพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหล่านั้นแทงตลอดแล้ว เป็นคุณอัน
ประเสริฐโดยส่วนเดียว ยังมีอยู่.
อนึ่ง ความสัตย์อย่างนี้ แม้ในเราก็ยังมีอยู่. สภาวธรรมอย่างหนึ่งยังมีอยู่ย่อมปรากฏ.
เพราะฉะนั้น เราควรระลึกถึงพระพุทธเจ้าในอดีต และคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าเหล่านั้นแทงตลอดแล้ว
ถือเอาสภาวธรรมอันเป็นสัจจะซึ่งมีอยู่ในตน แล้วทาสัจจกิริยา ให้ไฟกลับไป แล้วทาความสวัสดีแก่ตนเอง
และแก่สัตว์ที่เหลือซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ ในวันนี้ .
ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
คุณของศีล ความสัตย์ พระสัพพัญญูพุทธเจ้าผู้ประกอบด้วยความสัตย์ เอ็นดูกรุณามีอยู่ใน
โลก. ด้วยความสัตย์นั้น เราจักกระทาสัจจกิริยาอันสูงสุด.
เราคานึงถึงกาลังของพระธรรม ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้พิชิตมารอันมีอยู่ในก่อน ได้กระทาสัจ
จกิริยา แสดงกาลังความสัตย์.
พระมหาสัตว์ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งปรินิพพานแล้วในอดีต ปรารภสภาพของ
สัจจะอันมีอยู่ในตนแล้วกล่าวคาถาใด ได้ทาสัจจกิริยาในกาลนั้น.
เพื่อแสดงคาถานั้น จึงกล่าวคาถามีอาทิว่า
ปีกของเรามีอยู่ แต่บินไปไม่ได้ เท้าของเรามีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ มารดาบิดาก็พากันบินออกไป
แล้ว แน่ะไฟ จงกลับไปเถิด.
พระมหาสัตว์ได้นอนทาสัจจกิริยาว่า หากความที่เรามีปีก ความที่เหยียดปีกบินไปในอากาศ
ไม่ได้. ความที่เรามีเท้า ความที่เรายกเท้าเดินไปไม่ได้ และความที่มารดาบิดาทิ้งเราไว้ในรังแล้วหนีไป เป็น
ความสัตย์จริง. แน่ะไฟด้วยความสัตย์นี้ ขอท่านจงหลีกไปเสียจากที่นี้ .
พร้อมด้วยสัจจกิริยาของพระมหาสัตว์นั้น ไฟได้หลีกไปในที่ประมาณ ๑๖ กรีส. และเมื่อไฟหลีก
ไปก็มิได้ไหม้กลับเข้าป่าไป. ดับ ณ ที่นั้น ดุจคบเพลิงที่จุ่มลงไปในน้าฉะนั้น.
ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
พร้อมกับเมื่อเราทาสัจจกิริยา ไฟที่ลุกรุ่งโรจน์ใหญ่หลวง เว้นไว้ ๑๖ กรีส ไฟดับ ณ ที่นั้น เหมือน
จุ่มลงในน้า.
ก็สัจจกิริยาของพระโพธิสัตว์นั้น เป็นเบื้องต้นของการงานราลึกถึงพระพุทธคุณในสมัยนั้น ไม่
ทั่วไปแก่ผู้อื่น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า คือผู้เสมอด้วยสัจจะของเราไม่มี นี้ เป็นบารมีของ
เรา.
สถานที่นั้นจึงเป็นปาฏิหาริย์ตั้งอยู่กัปหนึ่ง เพราะไม่ถูกไฟไหม้ในกัปนี้ ทั้งสิ้น.
ด้วยเหตุนี้ พระมหาสัตว์ด้วยอานาจสัจจกิริยา จึงทาความปลอดภัยให้แก่ตนและแก่สัตว์
4
ทั้งหลายผู้อยู่ ณ ที่นั้น เมื่อสิ้นอายุก็ได้ไปตามยถากรรม.
มารดาบิดาในครั้งนั้นได้เป็นมารดาบิดาในครั้งนี้ .
ส่วนพระยานกคุ่ม คือพระโลกนาถ.
แม้บารมีที่เหลือของพระโพธิสัตว์นั้น ก็พึงเจาะจงกล่าวตามสมควร โดยนัยดังกล่าวแล้วในหน
หลังนั่นแล.
อนึ่ง เมื่อไฟป่าลุกลามมาอย่างน่ากลัวอย่างนั้น พระโพธิสัตว์แม้อยู่ผู้เดียวในวัยนั้นก็ยังกลัว จึง
ระลึกถึงพระธรรมคุณมีสัจจะเป็นต้น และพระพุทธคุณ.
พึงประกาศอานุภาพมีการยังสัตว์ทั้งหลายแม้ที่อยู่ ณ ที่นั้น ให้ถึงความปลอดภัยด้วยสัจจกิริยา
เพราะอาศัยอานุภาพของตนเท่านั้น.
จบอรรถกถาวัฏฏกโปตกจริยาที่ ๙
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 30 วัฏฏกโปตกจริยา มจร.pdf

08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf
31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf
31 มัจฉราชจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
27 มูคปักขจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
28 กปิลราชจริยา มจร.pdf
28 กปิลราชจริยา มจร.pdf28 กปิลราชจริยา มจร.pdf
28 กปิลราชจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf
29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf
29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf
11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf
11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 

Similar to 30 วัฏฏกโปตกจริยา มจร.pdf (7)

08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
 
31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf
31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf
31 มัจฉราชจริยา มจร.pdf
 
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
 
28 กปิลราชจริยา มจร.pdf
28 กปิลราชจริยา มจร.pdf28 กปิลราชจริยา มจร.pdf
28 กปิลราชจริยา มจร.pdf
 
29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf
29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf
29 สัจจสวหยปัณฑิตจริยา มจร.pdf
 
11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf
11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf
11 สสปัณฑิตจริยา มจร.pdf
 
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
 

More from maruay songtanin

400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
 
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

30 วัฏฏกโปตกจริยา มจร.pdf

  • 1. 1 การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๓๐ วัฏฏกโปตกจริยา พลตรี มารวย ส่งทานินทร์ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เกริ่นนา ปีกของเรามีอยู่ แต่บินไปไม่ได้ เท้าของเรามีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ มารดาบิดาก็พากันบินออกไป แล้ว แน่ะไฟ จงกลับไปเถิด. พร้อมกับเมื่อเราทาสัจจกิริยา ไฟที่ลุกรุ่งโรจน์ใหญ่หลวง เว้นไว้ ๑๖ กรีส ไฟดับ ณ ที่นั้น เหมือนจุ่มลงในน้า. พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก ๙. วัฏฏกโปตกจริยา ว่าด้วยจริยาของลูกนกคุ่ม [๗๒] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลที่เราเป็นลูกนกคุ่ม ยังอ่อน ขนยังไม่งอก เป็นดังชิ้นเนื้ อ อยู่ในรัง ใน มคธชนบท [๗๓] มารดาเอาจะงอยปากคาบเหยื่อมาเลี้ยงเรา เราเป็นอยู่ด้วยผัสสะของมารดา กาลังกาย ของเรายังไม่มี [๗๔] ในฤดูร้อนทุกๆ ปี มีไฟป่าไหม้ลุกลามมา ไฟป่าเป็นทางดาลุกลามมาใกล้เรา [๗๕] ไฟกาลังไหม้ มีเปลวโชติช่วง ส่งเสียงดังอื้ออึง ลามมาใกล้เราโดยลาดับ [๗๖] มารดาและบิดาของเราตกใจ สะดุ้งกลัว เพราะกลัวไฟที่ไหม้มาโดยเร็ว จึงทิ้งเราไว้ในรัง หนีเอาตัวรอดไป [๗๗] เราเหยียดเท้า กางปีกออกรู้ว่า กาลังกายของเราไม่มี เรานั้นไปไม่ได้ อยู่ในรังนั่นเอง จึง คิดอย่างนี้ ในกาลนั้นว่า [๗๘] เมื่อก่อนเราสะดุ้งหวาดหวั่น พึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในระหว่างปีกของมารดาและบิดา บัดนี้ มารดาและบิดาทิ้งเราหนีไปเสียแล้ว วันนี้ เราจะทาอย่างไร [๗๙] ศีลคุณ ความสัตย์ ความสะอาด และความเอ็นดู ยังมีอยู่ในโลก ด้วยความสัตย์นั้น เราจัก ทาสัจจกิริยาอันยอดเยี่ยม [๘๐] เราระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้พิชิตมารซึ่งมีในก่อน คานึงถึงกาลังพระธรรม ได้กระทาสัจ จกิริยา เพื่อฝนคือกาลังความสัตย์ว่า [๘๑] ปีกของเรามีอยู่ แต่ขนไม่มี เท้าของเรามีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ มารดาและบิดาก็พากันบิน ออกไปแล้ว แน่ะไฟจงกลับไป(จงดับไปเสีย)
  • 2. 2 [๘๒] พร้อมกับเมื่อเราทาสัจจกิริยา เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเว้นที่ไว้ ๑๖ กรีส (กรีส หมายถึง มาตรานับ ๑ กรีสเท่ากับ ๑๒๕ ศอก) เหมือนเปลวไฟที่จุ่มน้า บุคคลมีสัจจะเสมอเราไม่มี นี้ เป็นสัจจบารมี ของเรา ฉะนี้ แล วัฏฏกโปตกจริยาที่ ๙ จบ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบาเพ็ญเนกขัมมบารมีเป็นต้น ๙. วัฏฏกโปตกจริยา อรรถกถาวัฏฏกโปตกจริยาที่ ๙ ในกาลเมื่อเราเกิดในกาเนิดนกคุ่มในอรัญญประเทศแห่งหนึ่ง ในแคว้นมคธ ทาลายเปลือกไข่ยัง อ่อนเพราะออกไม่นาน ยังเป็นชิ้นเนื้ อขนยังไม่ออกเป็นลูกนกคุ่มอยู่ในรังนั่นเอง. มารดาของเราเอาจะงอยปากคาบเหยื่อมาเลี้ยงเราตลอดกาล. เราเป็นอยู่คือยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการสัมผัสตัวของมารดาของเรานั้น ผู้สัมผัสเราตลอดกาล โดยชอบ เพื่อความอบอุ่นและเพื่ออบรม. ในฤดูร้อน. ไฟไหม้ป่า ในท้องที่นั้นด้วยไฟที่เกิดขึ้นเพราะการเสียดสีกันและกันของกิ่งไม้แห้ง ไฟ ไหม้ป่าด้วยเหตุนั้น. เป็นทางดาเพราะนาเชื้อไฟมาเป็นเถ้าไหม้ที่กอไม้ในป่าเข้ามาใกล้. ทาเสียงสนั่นอื้ออึง ในกาลนั้น เพราะเข้ามาใกล้อย่างนี้ . ด้วยอานาจของเชื้อไฟเช่นกับยอดเขา. ไฟไหม้ท้องที่ป่านั้นมาโดยลาดับ เข้ามาใกล้จวนจะถึงเรา. มารดาบิดาของเรากลัวไฟที่ลุกลามมาโดยไว. หนีเอาตัวรอด คือได้ทาความปลอดภัยให้แก่ตน ด้วยไปในที่ที่ไฟไม่รบกวน. จริงอยู่ ในกาลนั้น พระมหาสัตว์ได้มีร่างกายใหญ่ประมาณเท่าตะกร้อลูกใหญ่. มารดาบิดาไม่ สามารถจะพาลูกนกนั้นไปได้ ด้วยอุบายไรๆ และเพราะความรักตนครอบงา จึงทิ้งความรักบุตรหนีไป. เราเตรียมจะไปบนแผ่นดิน และบนอากาศ จึงเหยียดเท้าทั้งสองและพยายามกางปีกทั้งสอง. เราพยายามเหยียดเท้าและกางปีก คือพยายามจะบินไป. เพราะเหตุไรจึงพยายามดังนั้น. เพราะ กาลังกายของเราไม่มี. เราเป็นอย่างนั้น หนีไปไม่ได้เพราะความบกพร่องของเท้าและปีก หรือมารดาบิดาก็เอาเป็นที่พึ่ง ไม่ได้โดยหนีไปเสีย. เราอยู่ในป่าถูกไฟป่ารบกวน หรือในรังนั้น ในกาลนั้นจึงคิดโดยอาการที่จะพึงกล่าวใน บัดนี้ อย่างนี้ . เมื่อก่อน เราสะดุ้งหวาดหวั่นพึงเข้าไปซ่อนตัวในระหว่างปีกของมารดาบิดา คือเรากลัวเพราะ กลัวตายหวาดสะดุ้ง เพราะจิตสะดุ้งต่อมรณภัยนั้น หวั่นไหวเพราะร่างกายสั่น บัดนี้ ถูกไฟป่ารบกวน สาคัญ ดุจหล่มน้าจึงวิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในระหว่างปีกของมารดาบิดา. มารดาบิดาของเราเหล่านั้นทิ้ งเราไว้แต่ผู้ เดียวหนีไปเสียแล้ว.
  • 3. 3 วันนี้ เราควรทา ควรปฏิบัติอย่างไร? พระมหาสัตว์มิได้หลงลืมสิ่งที่ควรทา ยืนคิดอย่างนี้ ว่า ในโลกนี้ คุณของศีลยังมีอยู่ คุณของสัจจะ ยังมีอยู่. ธรรมดาพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตบาเพ็ญบารมี นั่ง ณ พื้นโพธิมณฑล ตรัสรู้แล้ว ถึง พร้อมแล้วด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติและวิมุตติญาณทัศนะ ประกอบด้วยสัจจะความเอ็นดูกรุณาและขันติ บาเพ็ญเมตตาในสรรพสัตว์ ยังมีอยู่. พระธรรมอันพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหล่านั้นแทงตลอดแล้ว เป็นคุณอัน ประเสริฐโดยส่วนเดียว ยังมีอยู่. อนึ่ง ความสัตย์อย่างนี้ แม้ในเราก็ยังมีอยู่. สภาวธรรมอย่างหนึ่งยังมีอยู่ย่อมปรากฏ. เพราะฉะนั้น เราควรระลึกถึงพระพุทธเจ้าในอดีต และคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าเหล่านั้นแทงตลอดแล้ว ถือเอาสภาวธรรมอันเป็นสัจจะซึ่งมีอยู่ในตน แล้วทาสัจจกิริยา ให้ไฟกลับไป แล้วทาความสวัสดีแก่ตนเอง และแก่สัตว์ที่เหลือซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ ในวันนี้ . ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า คุณของศีล ความสัตย์ พระสัพพัญญูพุทธเจ้าผู้ประกอบด้วยความสัตย์ เอ็นดูกรุณามีอยู่ใน โลก. ด้วยความสัตย์นั้น เราจักกระทาสัจจกิริยาอันสูงสุด. เราคานึงถึงกาลังของพระธรรม ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้พิชิตมารอันมีอยู่ในก่อน ได้กระทาสัจ จกิริยา แสดงกาลังความสัตย์. พระมหาสัตว์ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งปรินิพพานแล้วในอดีต ปรารภสภาพของ สัจจะอันมีอยู่ในตนแล้วกล่าวคาถาใด ได้ทาสัจจกิริยาในกาลนั้น. เพื่อแสดงคาถานั้น จึงกล่าวคาถามีอาทิว่า ปีกของเรามีอยู่ แต่บินไปไม่ได้ เท้าของเรามีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ มารดาบิดาก็พากันบินออกไป แล้ว แน่ะไฟ จงกลับไปเถิด. พระมหาสัตว์ได้นอนทาสัจจกิริยาว่า หากความที่เรามีปีก ความที่เหยียดปีกบินไปในอากาศ ไม่ได้. ความที่เรามีเท้า ความที่เรายกเท้าเดินไปไม่ได้ และความที่มารดาบิดาทิ้งเราไว้ในรังแล้วหนีไป เป็น ความสัตย์จริง. แน่ะไฟด้วยความสัตย์นี้ ขอท่านจงหลีกไปเสียจากที่นี้ . พร้อมด้วยสัจจกิริยาของพระมหาสัตว์นั้น ไฟได้หลีกไปในที่ประมาณ ๑๖ กรีส. และเมื่อไฟหลีก ไปก็มิได้ไหม้กลับเข้าป่าไป. ดับ ณ ที่นั้น ดุจคบเพลิงที่จุ่มลงไปในน้าฉะนั้น. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า พร้อมกับเมื่อเราทาสัจจกิริยา ไฟที่ลุกรุ่งโรจน์ใหญ่หลวง เว้นไว้ ๑๖ กรีส ไฟดับ ณ ที่นั้น เหมือน จุ่มลงในน้า. ก็สัจจกิริยาของพระโพธิสัตว์นั้น เป็นเบื้องต้นของการงานราลึกถึงพระพุทธคุณในสมัยนั้น ไม่ ทั่วไปแก่ผู้อื่น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า คือผู้เสมอด้วยสัจจะของเราไม่มี นี้ เป็นบารมีของ เรา. สถานที่นั้นจึงเป็นปาฏิหาริย์ตั้งอยู่กัปหนึ่ง เพราะไม่ถูกไฟไหม้ในกัปนี้ ทั้งสิ้น. ด้วยเหตุนี้ พระมหาสัตว์ด้วยอานาจสัจจกิริยา จึงทาความปลอดภัยให้แก่ตนและแก่สัตว์
  • 4. 4 ทั้งหลายผู้อยู่ ณ ที่นั้น เมื่อสิ้นอายุก็ได้ไปตามยถากรรม. มารดาบิดาในครั้งนั้นได้เป็นมารดาบิดาในครั้งนี้ . ส่วนพระยานกคุ่ม คือพระโลกนาถ. แม้บารมีที่เหลือของพระโพธิสัตว์นั้น ก็พึงเจาะจงกล่าวตามสมควร โดยนัยดังกล่าวแล้วในหน หลังนั่นแล. อนึ่ง เมื่อไฟป่าลุกลามมาอย่างน่ากลัวอย่างนั้น พระโพธิสัตว์แม้อยู่ผู้เดียวในวัยนั้นก็ยังกลัว จึง ระลึกถึงพระธรรมคุณมีสัจจะเป็นต้น และพระพุทธคุณ. พึงประกาศอานุภาพมีการยังสัตว์ทั้งหลายแม้ที่อยู่ ณ ที่นั้น ให้ถึงความปลอดภัยด้วยสัจจกิริยา เพราะอาศัยอานุภาพของตนเท่านั้น. จบอรรถกถาวัฏฏกโปตกจริยาที่ ๙ -----------------------------------------------------