ข่าวเศิกเอิกอึง     ทราบถึงบัดดล
 ในหมู่ผูคน
         ้                ชาวเวสาลี
 แทบทุกถิ่นหมด            ชนบทบูรี
    ่
อกสันขวัญหนี                        ่
                          หวาดกลัวทัวไป

 ถอดคาประพันธ์
ข่าวศึกแพร่ไปจนรูถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่าง
                 ้
ตกใจและหวาดกลัวกันไปทัว  ่
ตื่นตาหน้าเผื อด                 ่
                              หมดเลือดสันกาย
หลบลี้ หนี ตาย                       ่ ่
                              วุ่นหวันพรันใจ
ซุกครอกซอกครัว                 ซ่อนตัวแตกภัย
เข้าดงพงไพร                   ทิ้งย่านบ้านตน

 ถอดคาประพันธ์
  หน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสัน พากันหนี ตายวุ่นวาย
                                      ่
   พากันอพยพครอบครัวหนี ภย ทิ้งบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสีย
                               ั
   ใป่ า ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้
เหลือจักห้ามปราม       ชาวคามล่าลาด
พันหัวหน้าราษฎร์              ขุนด่านตาบล
หารือแก่กนั                   คิดผันผ่อนปรน
จักไม่ให้พล                   มาคธข้ามมา
       ถอดคาประพันธ์
   หัวหน้าราษฎรและนายด่านตาบลต่าง ๆ ปรึกษากันคิดจะ
   ยับยังไม่ให้กองทัพมคธข้ามมาได้
        ้
จึ่งให้ตีกลอง       ป่ าวร้องทันที
  แจ้งข่าวไพรี             รุกเบียนบีฑา
 เพื่อหมู่ภูมี             วัชชีอาณา
ชุมนุมบัญชา                ปองกันฉันใด
                             ้
     ถอดคาประพันธ์
จึงตีกลองป่ าวร้องแจ้งข่าวข้าศึกเข้ารุกราน เพื่อให้เหล่า
กษัตริยแห่งวัชชีเสด็จมาประชุมหาหนทางปองกันประการ
        ์                                     ้
ใด
ราชาลิจฉวี              ไป่ มีสกองค์
                                      ั
อันนึ กจานง                    เพื่อจักเสด็จไป
ต่างองค์ดารัส                 เรียกนัดทาไม
ใครเป็ นใหญ่ใคร               กล้าหาญเห็นดี
        ถอดคาประพันธ์
   ไม่มีกษัตริยลิจฉวีแม้แต่พระองค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละ
               ์
   พระองค์ทรงดารัสว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด ผูใดเป็ นใหญ่
                                                 ้
   ผูใดกล้าหาญ เห็นดีประการใด
     ้
เชิญเทอญท่านต้อง         ขัดข้องข้อไหน
ปรึกษาปราศรัย                  ตามเรื่องตามที
ส่วนเราเล่าใช่                เป็ นใหญ่ยงมี
                                         ั
ใจอย่างผูภี
          ้                  รุกปราศอาจหาญ
        ถอดคาประพันธ์
   ก็เชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรา
   นันไม่ได้มีอานาจยิ่งใหญ่ จิตใจก็ข้ ีขลาด ไม่องอาจกล้า
      ้
   หาญ
ต่างทรงสาแดง        ความแขงอานาจ
สามัคคีขาด                แก่งแย่งโดยมาน
ภูมิศลิจฉวี              วัชชีรฐบาล
                               ั
บ่ชุมนุมสมาน               แม้แต่สกองค์ฯ
                                     ั
      ถอดคาประพันธ์
   แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกเฉย ปราศจากความ
   สามัคคีปรองดองในจิตใจ กษัตริยลิจฉวีแห่งวัชชีไม่เสด็จมา
                                   ์
   ประชุมกันแม้แต่พระองค์เดียว
1.การสรรคา เป็ นการเลือกใช้ คาทีสื่อความคิดและคารมณ์ ได้ อย่ างงดงาม
                                ่
   ดังนี้
   –     1.1 การเลือกใช้ คาได้ ถูกต้ องตรงตามความหมายทีต้องการ มีการ
                                                             ่
       ใช้ คาทีประณีตเป็ นพิเศษเมื่อกล่าวถึงสิ่ งศักสิ ทธ์ พระมหากษัตริย์
               ่
       ครู อาจารย์ จะใช้ ศัพท์ ภาษาบาลี สั นสฤตซึ่งถือว่ าเป็ น ภาษาสู ง
       ดัดแปลงตามทุกคา เช่ น ในบทประณามพจน์ ทาให้ ถ้อยคาเกิด
       ความคลัง และศักดิ์สิทธิ์ ดังบทประพันธ์
เช่ น
      ราชาลิจฉวี   ไป่ มีสักองค์
อันนึกจานง         เพือจักเสด็จไป
                       ่
ต่ างองค์ดารัส     เรียกนัดทาไม
ใครเป็ นใหญ่ ใคร   กล้าหาญเห็นดี
–    1.2 การเลือกใช้ เลือกคาโดยคานึงถึงเสี ยง กวีได้ ดดแปลงฉันท์ บางชนิด
                                                      ั
ให้ มีความแตกต่ างไปจากเดิม ทาให้ มีความไพเราะมากขึน สามัคคีเภทคา
                                                         ้
ฉันท์ มีการใช้ คาทีมีเสี ยงเสนาะดังนี้
                   ่
•        1. การใช้ คาทีเ่ ล่นเสี ยงหนักเบา ในบทร้ อยกรอง ประเภทฉันท์
•        2. การเล่นเสี ยงสั มผัส ในฉันท์ ของนายชิต บุรทัต มีท้งสั มผัส
                                                              ั
    นอกและสั มผัสในโดยเฉพาะสั มผัสใน
•        3. การเล่นสั มผัสชุดคาและชุดเสี ยง
•        4. มีการเล่นคา
2. การใช้ โวหาร สามัคคีเภทคาฉันท์ มีความไพเราะงดงามอันเกิด
   จากสารที่กวีได้ ศิลปะในการถ่ ายทอดความหมายของเนือหา โดย
                                                         ้
   การใช้ สานวนโวหารและการใช้ ภาพพจน์ เพือให้ ผ้ ูอ่าน
                                                    ่
   จินตนาการเห็นภาพชัดเจน เข้ าใจและเกิดอารมณ์ คล้ อยตาม
   ดังนี้
   –      2.1 บรรยายโวหาร ใช้ คาให้ เห็นภาพชัดเจนตามลาดับ
      เหตุการณ์ รวดเร็ว ไม่ เยินเย้ อ เข้ าใจง่ าย เช่ น
                               ่
ข่ าวเศิกเอิกอึง   ทราบถึงบัดดล
ในหมู่ผ้คน ู             ชาวเวสาลี
 แทบทุกถิ่นหมด            ชนบทบูรี
อกสั่ นขวัญหนี            หวาดกลัวทัวไป่
      ตื่นตาหน้ าเผือด   หมดเลือดสั่ นกาย
หลบลีหนีตาย
         ้               วุ่นหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว              ซ่ อนตัวแตกภัย
เข้ าดงพงไพร              ทิงย่ านบ้ านตน
                            ้
–   2.2 บรรนาโวหาร เป็ นการสร้ างมโนภาพให้ ผ้ ูอ่านเกิดภาพขึน
                                                            ้
    ในใจ หรือมองเห็นภาพบรรยากาศตามทีกวีต้องการ
                                       ่
–    2.3 อุปมาโวหาร เป็ นการคล่ าวเปรียบเทียบเพือให้ ผู้อ่าน
                                                ่
    เข้ าใจและเห็นภาพชัดเจนยิงขึน
                             ่ ้
งานนำเสนอ1.ไทย23256

งานนำเสนอ1.ไทย23256

  • 3.
    ข่าวเศิกเอิกอึง ทราบถึงบัดดล ในหมู่ผูคน ้ ชาวเวสาลี แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูรี ่ อกสันขวัญหนี ่ หวาดกลัวทัวไป ถอดคาประพันธ์ ข่าวศึกแพร่ไปจนรูถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่าง ้ ตกใจและหวาดกลัวกันไปทัว ่
  • 4.
    ตื่นตาหน้าเผื อด ่ หมดเลือดสันกาย หลบลี้ หนี ตาย ่ ่ วุ่นหวันพรันใจ ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน ถอดคาประพันธ์ หน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสัน พากันหนี ตายวุ่นวาย ่ พากันอพยพครอบครัวหนี ภย ทิ้งบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสีย ั ใป่ า ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้
  • 5.
    เหลือจักห้ามปราม ชาวคามล่าลาด พันหัวหน้าราษฎร์ ขุนด่านตาบล หารือแก่กนั คิดผันผ่อนปรน จักไม่ให้พล มาคธข้ามมา ถอดคาประพันธ์ หัวหน้าราษฎรและนายด่านตาบลต่าง ๆ ปรึกษากันคิดจะ ยับยังไม่ให้กองทัพมคธข้ามมาได้ ้
  • 6.
    จึ่งให้ตีกลอง ป่ าวร้องทันที แจ้งข่าวไพรี รุกเบียนบีฑา เพื่อหมู่ภูมี วัชชีอาณา ชุมนุมบัญชา ปองกันฉันใด ้ ถอดคาประพันธ์ จึงตีกลองป่ าวร้องแจ้งข่าวข้าศึกเข้ารุกราน เพื่อให้เหล่า กษัตริยแห่งวัชชีเสด็จมาประชุมหาหนทางปองกันประการ ์ ้ ใด
  • 7.
    ราชาลิจฉวี ไป่ มีสกองค์ ั อันนึ กจานง เพื่อจักเสด็จไป ต่างองค์ดารัส เรียกนัดทาไม ใครเป็ นใหญ่ใคร กล้าหาญเห็นดี ถอดคาประพันธ์ ไม่มีกษัตริยลิจฉวีแม้แต่พระองค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละ ์ พระองค์ทรงดารัสว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด ผูใดเป็ นใหญ่ ้ ผูใดกล้าหาญ เห็นดีประการใด ้
  • 8.
    เชิญเทอญท่านต้อง ขัดข้องข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเรื่องตามที ส่วนเราเล่าใช่ เป็ นใหญ่ยงมี ั ใจอย่างผูภี ้ รุกปราศอาจหาญ ถอดคาประพันธ์ ก็เชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรา นันไม่ได้มีอานาจยิ่งใหญ่ จิตใจก็ข้ ีขลาด ไม่องอาจกล้า ้ หาญ
  • 9.
    ต่างทรงสาแดง ความแขงอานาจ สามัคคีขาด แก่งแย่งโดยมาน ภูมิศลิจฉวี วัชชีรฐบาล ั บ่ชุมนุมสมาน แม้แต่สกองค์ฯ ั ถอดคาประพันธ์ แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกเฉย ปราศจากความ สามัคคีปรองดองในจิตใจ กษัตริยลิจฉวีแห่งวัชชีไม่เสด็จมา ์ ประชุมกันแม้แต่พระองค์เดียว
  • 11.
    1.การสรรคา เป็ นการเลือกใช้คาทีสื่อความคิดและคารมณ์ ได้ อย่ างงดงาม ่ ดังนี้ – 1.1 การเลือกใช้ คาได้ ถูกต้ องตรงตามความหมายทีต้องการ มีการ ่ ใช้ คาทีประณีตเป็ นพิเศษเมื่อกล่าวถึงสิ่ งศักสิ ทธ์ พระมหากษัตริย์ ่ ครู อาจารย์ จะใช้ ศัพท์ ภาษาบาลี สั นสฤตซึ่งถือว่ าเป็ น ภาษาสู ง ดัดแปลงตามทุกคา เช่ น ในบทประณามพจน์ ทาให้ ถ้อยคาเกิด ความคลัง และศักดิ์สิทธิ์ ดังบทประพันธ์
  • 12.
    เช่ น ราชาลิจฉวี ไป่ มีสักองค์ อันนึกจานง เพือจักเสด็จไป ่ ต่ างองค์ดารัส เรียกนัดทาไม ใครเป็ นใหญ่ ใคร กล้าหาญเห็นดี
  • 13.
    1.2 การเลือกใช้ เลือกคาโดยคานึงถึงเสี ยง กวีได้ ดดแปลงฉันท์ บางชนิด ั ให้ มีความแตกต่ างไปจากเดิม ทาให้ มีความไพเราะมากขึน สามัคคีเภทคา ้ ฉันท์ มีการใช้ คาทีมีเสี ยงเสนาะดังนี้ ่ • 1. การใช้ คาทีเ่ ล่นเสี ยงหนักเบา ในบทร้ อยกรอง ประเภทฉันท์ • 2. การเล่นเสี ยงสั มผัส ในฉันท์ ของนายชิต บุรทัต มีท้งสั มผัส ั นอกและสั มผัสในโดยเฉพาะสั มผัสใน • 3. การเล่นสั มผัสชุดคาและชุดเสี ยง • 4. มีการเล่นคา
  • 14.
    2. การใช้ โวหารสามัคคีเภทคาฉันท์ มีความไพเราะงดงามอันเกิด จากสารที่กวีได้ ศิลปะในการถ่ ายทอดความหมายของเนือหา โดย ้ การใช้ สานวนโวหารและการใช้ ภาพพจน์ เพือให้ ผ้ ูอ่าน ่ จินตนาการเห็นภาพชัดเจน เข้ าใจและเกิดอารมณ์ คล้ อยตาม ดังนี้ – 2.1 บรรยายโวหาร ใช้ คาให้ เห็นภาพชัดเจนตามลาดับ เหตุการณ์ รวดเร็ว ไม่ เยินเย้ อ เข้ าใจง่ าย เช่ น ่
  • 15.
    ข่ าวเศิกเอิกอึง ทราบถึงบัดดล ในหมู่ผ้คน ู ชาวเวสาลี แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูรี อกสั่ นขวัญหนี หวาดกลัวทัวไป่ ตื่นตาหน้ าเผือด หมดเลือดสั่ นกาย หลบลีหนีตาย ้ วุ่นหวั่นพรั่นใจ ซุกครอกซอกครัว ซ่ อนตัวแตกภัย เข้ าดงพงไพร ทิงย่ านบ้ านตน ้
  • 16.
    2.2 บรรนาโวหาร เป็ นการสร้ างมโนภาพให้ ผ้ ูอ่านเกิดภาพขึน ้ ในใจ หรือมองเห็นภาพบรรยากาศตามทีกวีต้องการ ่ – 2.3 อุปมาโวหาร เป็ นการคล่ าวเปรียบเทียบเพือให้ ผู้อ่าน ่ เข้ าใจและเห็นภาพชัดเจนยิงขึน ่ ้