#บทนำ #ปริญญานิพนธ์ #วิทยานิพนธ์ #งานวิจัย #Introduction #Research #Thesis Facebook : https://www.facebook.com/TouchPoint.in.th Website : http://touchpoint.in.th

1. การเขียนบทที่ 1บทนาของปริญญานิพนธ์
ผู้สอน
อ.กฤษณพงศ์ เลิศบำรุงชัย
สำขำเทคโนโลยีมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสื่อสำรมวลชน มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลธัญบุรี
TouchPoint.in.th
วิทยานิพนธ์ และงานวิจัย
เอกสารประกอบการสอน
facebook.com/TouchPoint.in.th TouchPoint.in.th
รายวิชา 08-131-314 การศึกษาเฉพาะทาง

2. ความหมายของบทนา
บทนำเป็นส่วนที่จะทำให้ผู้อ่ำนเห็นถึงที่มำและควำมสำคัญของปัญหำในกำรทำ
ปริญญำนิพนธ์ วิทยำนิพนธ์ และงำนวิจัย รวมถึงวัตถุประสงค์ สมมติฐำน
ขอบเขตของงำน ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ และนิยำมศัพท์เฉพำะ

3. ความสาคัญของปัญหา
ปัญหามาจากไหน
• เกิดจำกกำรสังเกต กำรมีประสบกำรณ์ตรง หรือประสบกำรณ์อ้อม
• ต้องกำรพิสูจน์แนวคิดหรือทฤษฎี
• ต้องกำรต่อยอดควำมรู้จำกงำนวิจัยที่มีอยู่แล้ว

4. ความสาคัญของปัญหา
ปัญหามาจากไหน
เกิดจากการสังเกต การมีประสบการณ์ตรง หรือประสบการณ์อ้อม
เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวผู้ศึกษำหรือผู้วิจัยมำกที่สุด เป็นสิ่งที่พบได้รอบๆ ตัว แล้วต้องกำรพัฒนำหรือแก้ไขให้ดีขึ้น สะดวกสบำยมำกขึ้น
รวดเร็วขึ้น ด้วยกำรใช้ควำมรู้จำกสำขำวิชำที่ตนศึกษำ มำสร้ำงสรรค์นวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหำ

5. ความสาคัญของปัญหา
ปัญหามาจากไหน
ต้องการพิสูจน์แนวคิดหรือทฤษฎี
ทฤษฎีสำมำรถมีกำรเปลี่ยนแปลงได้เมื่อปัจจัยต่ำงๆ เปลี่ยนไป เช่น กำลเวลำ ควำมก้ำวหน้ำของเทคโนโลยี อำจจะไม่ถึ้งขั้นล้ม
ทฤษฎีเดิม เพียงแต่เป็นกำรศึกษำทดลองแนวคิดหรือทฤษฎี โดยอำจมีแนวคิดค้ำนกับทฤษฎีเดิม หรือเสริมปัจจัยอื่นเข้ำไป

6. ความสาคัญของปัญหา
ปัญหามาจากไหน
ต้องการต่อยอดความรู้จากงานวิจัยที่มีอยู่แล้ว
อำจเกิดจำกกำรไปอ่ำนงำนที่มีผู้ศึกษำไว้ก่อนหน้ำแล้ว แต่ยังไม่สำมำรถตอบปัญหำที่เป็นจุดเริ่มต้นของกำรศึกษำไว้ทั้งหมด หรือ
นำข้อเสนอแนะ รวมถึงเทคนิควิธีต่ำงๆ มำปรับเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงบำงอย่ำง เพื่อทดสอบต่อยอด

7. ที่มาและความสาคัญ
ส่วนประกอบของที่มาและความสาคัญ
• สภำพปัจจุบัน / สภำพที่เป็นอยู่ ที่เป็นสำเหตุให้เกิดปัญหำ
• ปัญหำที่เกิดขึ้น
• ควำมสำคัญของปัญหำนั้น
• แนวคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับปัญหำที่จะใช้เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนกำรศึกษำ

8. ที่มาและความสาคัญ
การเขียนที่มาและความสาคัญ
• เขียนจำกกว้ำงไปหำแคบ
• ระบุปัญหำให้เป็นประโยคที่มีควำมชัดเจน
• เขียนให้มีลักษณะของกำรอ้ำงอิงตำมหลักกำรอ้ำงอิง
• เขียนถึงผลที่จะเกิดขึ้นจำกปัญหำและวิธีกำรแก้ไขปัญหำ
• มีประมำณ 3-4 ย่อหน้ำ
• มีควำมยำวพอสมควร ผู้อ่ำนอ่ำนแล้วเข้ำใจควำมคิดของนักศึกษำ / ผู้วิจัย
กว้ำง
แคบ

9. ที่มาและความสาคัญ
การเขียนที่มาและความสาคัญ
ย่อหน้าที่ 1
มักจะกล่ำวถึงสภำพแวดล้อมปัจจุบันที่เป็นปัญหำ โดยเนื้อหำเกิดจำกกำรค้นคว้ำหยิบยกมำจำกวิทยำนิพนธ์ งำนวิจัย ตำรำ หรือ
เอกสำรต่ำงๆ

10. ที่มาและความสาคัญ
การเขียนที่มาและความสาคัญ
ย่อหน้าที่ 2-3
เป็นประเด็นที่แคบลงมำจำกย่อหน้ำแรก เป็นประเด็นที่ผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย ค้นคว้ำแล้วหยิบยกมำ โดยเนื้อหำมักจะเกี่ยวกับองค์ควำมรู้
หรือเทคนิคที่จะเข้ำมำช่วยแก้ไขปัญหำ

11. ที่มาและความสาคัญ
การเขียนที่มาและความสาคัญ
ย่อหน้าสุดท้าย
เป็นกำรเขียนสรุปประเด็นจำกย่อหน้ำก่อนหน้ำทั้งหมด และเขียนเชื่อมโยงให้ได้ว่ำ ทำไมจะต้องทำกำรศึกษำ / วิจัย และทำไมถึง
แก้ปัญหำดังกล่ำวได้ หรือเกี่ยวข้องหรือสอดคล้องกับสถำนกำรณ์ในปัจจุบันอย่ำงไร

12. ที่มาและความสาคัญ
การเขียนที่มาและความสาคัญ
ย่อหน้าสุดท้าย
จำกที่มำและควำมสำคัญดังกล่ำว ทำง ผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย จึงต้องกำรผลิตสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำม
จริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย ทำให้ผู้ขำยสำมำรถนำสื่อเทคโนโลยีควำมจริงเสริมไปใช้ประกอบกำรขำยบ้ำนให้กับผู้ซื้อบ้ำน
ประกอบกำรตัดสินใจ และง่ำยต่อกำรนำสื่อไปปรึกษำครอบครัวหรือบุคคลอื่นๆ โดยผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องไปสถำนที่จริงหรือไม่สะดวก
รับชมแบบที่อยู่อำศัยด้วยตนเอง

13. วัตถุประสงค์ของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนวัตถุประสงค์
• เขียนเพื่อบ่งบอกสิ่งที่ต้องกำรจะทำ
• เขียนเพื่อบ่งบอก “ปัญหำ” ที่ต้องกำรหำ “คำตอบ”
• วัตถุประสงค์จะเป็นแนวทำงในกำรทำงำนวิจัย สุดท้ำยจะต้องย้อนกลับมำพิจำรณำผล
ว่ำสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือไม่
• เขียนบนพื้นฐำนของควำมสำมำรถของผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย หำกสูงเกินไปอำจจะสร้ำง
ควำมลำบำกให้กับผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย

14. วัตถุประสงค์ของการศึกษา / วิจัย
การเขียนวัตถุประสงค์
• เขียนเป็นข้อ ประมำณ 3-5 ข้อ ขึ้นอยู่กับประเด็นที่จะศึกษำ / วิจัย
• เขียนให้อยู่ในกรอบของชื่อเรื่อง
• เขียนโดยขึ้นต้นด้วยคำว่ำ “เพื่อ”

15. วัตถุประสงค์ของการศึกษา / วิจัย
การเขียนวัตถุประสงค์
1. เพื่อผลิตสื่อกำรผลิตสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย
2. เพื่อประเมินคุณภำพของสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย
3. เพื่อประเมินควำมพึงพอใจของพนักงำนขำยบ้ำนหรือบุคคลวัยทำงำนที่มีต่อสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยี
ควำมจริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย
ตัวอย่าง

16. สมมติฐานของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนสมมติฐาน
• เป็นข้อคิดเห็นแห่งกำรหำเหตุผล กำรทดลอง หรือกำรวิจัย
• เป็นกำรคำดเดำคำตอบของปัญหำไว้ล่วงหน้ำอย่ำงมีเหตุผล โดยอำศัยแนวคิด ทฤษฎี
หรืองำนวิจัย
• ในงำนอำจจะมีหรือไม่มีสมมติฐำนก็ได้ ขึ้นอยู่กับระเบียบวิธีวิจัยของแต่ละเรื่อง

17. สมมติฐานของการศึกษา / วิจัย
การเขียนสมมติฐาน
• เขียนล้อวัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ / วิจัย
• เขียนให้เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ศึกษำ / วิจัย สำมำรถทวนสอบได้ถึงควำมเป็นเหตุเป็นผล
• เขียนเป็นข้อ ประมำณ 3-5 ข้อ ขึ้นอยู่กับประเด็นปัญหำ บำงครั้งอำจมีกำรแตกประเด็น
ย่อยๆ จำกวัตถุประสงค์ หรืออำจรวมวัตถุประสงค์เป็นประเด็นใหญ่ๆ

18. วัตถุประสงค์ของการศึกษา / วิจัย
การเขียนสมมติฐาน
1. คุณภำพของสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย อยู่ในระดับมำก
2. ควำมพึงพอใจของพนักงำนขำยบ้ำนหรือบุคคลวัยทำงำนที่มีต่อสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริง
เสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย อยู่ในระดับมำก
ตัวอย่าง

19. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
• ประเด็นหลักในหัวเรื่องหรือชื่อเรื่อง (ด้ำนเนื้อหำ / ด้ำนเทคนิค)
• ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง
• ผู้เชี่ยวชำญ
• เครื่องมือที่ใช้
• เวลำ
• ตัวแปร

20. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ประเด็นหลักในหัวเรื่องหรือชื่อเรื่อง (ด้านเนื้อหา / ด้านเทคนิค)
เป็นกำรเขียนให้ผู้อ่ำนทรำบถึงขอบเขตของเนื้อหำหรือเทคนิคต่ำงๆ ที่ใช้ในงำนวิจัย

21. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ประเด็นหลักในหัวเรื่องหรือชื่อเรื่อง (ด้านเนื้อหา / ด้านเทคนิค)
ปริญญำนิพนธ์กำรผลิตสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อกำรส่งเสริมกำรขำยโดยมีเนื้อหำจำก
เอกสำรกำรนำเสนอบ้ำนโดยสื่อเสมือนจริง มีแบบจำลองตัวบ้ำนและภำยในบ้ำนเพื่อส่งเสริมกำรขำยบ้ำนหรือประกอบกำรตัดสินใจ
ชื้อบ้ำนของลูกค้ำและแบ่งเนื้อหำออกเป็น 2 แบบดังต่อไปนี้
• แบบจำลองตัวบ้ำนและสิ่งแวดล้อมรอบบ้ำน
• รำยละเอียดภำยในบ้ำนแต่ละชั้น
ตัวอย่างขอบเขตด้านเนื้อหา

22. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ประเด็นหลักในหัวเรื่องหรือชื่อเรื่อง (ด้านเนื้อหา / ด้านเทคนิค)
โปรแกรมในกำรจัดทำปริญญำนิพนธ์กำรผลิตสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อกำรส่งเสริม
กำรขำยประกอบด้วยโปรแกรมดังต่อไปนี้
• โปรแกรม Adobe Photoshop สำหรับออกแบบและจัดทำแผ่นพับ
• โปรแกรม Adobe Illustrator สำหรับออกแบบและจัดทำแผ่นพับ
• ปรแกรม SketchUp สำหรับออกแบบและจัดทำแบบจำลองบ้ำน
• โปรแกรม Pixlive Maker สำหรับออกแบบและทำตัวสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริม
ตัวอย่างขอบเขตด้านเทคนิค

23. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ประชากร
• เป็นกำรเขียนให้ผู้อ่ำนทรำบถึงขอบเขตของว่ำกลุ่มเป้ำหมำยสำหรับนำงำนวิจัยไปทดสอบคือใคร มำจำกไหน
• เป็นทุกๆ หน่วยของสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตที่ผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย สนใจจะศึกษำทั้งหมด

24. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ประชากร
ประชากรที่มีจานวนจากัด
• นักศึกษำมหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลธัญบุรี
• พนักงำนของบริษัทเอไอเอส
ประชากรแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
ประชากรที่มีจานวนไม่จากัด (นับไม่ได้)
• กุ้งในทะเล
• เม็ดทรำยชำยหำดหัวหิน

25. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
กลุ่มตัวอย่าง
• เป็นบำงส่วนของประชำกรที่ผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย เลือกมำเป็นตัวแทนในกำรศึกษำตัวแปร หรือคุณลักษณะที่สนใจ
• ต้องมีควำมเป็นตัวแทนที่ดี มีขนำดที่เหมำะสม มีลักษณะคล้ำยคลึงและครอบคลุมประชำกรโดยรวมมำกที่สุด

26. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตารางแสดงขนาดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน
ปชก กตย ปชก กตย ปชก กตย ปชก กตย ปชก กตย ปชก กตย ปชก กตย ปชก กตย
10 10 45 40 80 66 160 113 450 208 800 260 2,500 333 7,000 364
15 14 50 44 85 70 180 123 500 217 850 265 3,000 341 8,000 367
20 19 55 48 90 73 200 132 550 226 900 269 3,500 346 9,000 360
25 24 60 52 95 76 250 152 600 234 950 274 4,000 351 10,000 370
30 28 65 56 100 80 300 169 650 242 1,000 278 4,500 354 20,000 377
35 32 70 59 120 92 350 184 700 248 1,500 306 5,000 357 50,000 381
40 36 75 63 140 103 400 196 750 254 2,000 322 6,000 361 75,000 382

27. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
การผลิตสื่อแสดงแบบจาลองที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมเพื่อการส่งเสริมการขาย

28. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชำกรที่ใช้ในกำรศึกษำปริญญำนิพนธ์ กำรผลิตสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อกำร
ส่งเสริมกำรขำยได้แก่ พนักงำนขำยบ้ำนหรือบุคคลวัยทำงำนที่กำลังหำซื้อบ้ำนซึ่งมีอำยุ 30-60 ปีในละแวกพื้นที่อำศัยอยู่ใน
อำเภอคลองหก จังหวัดปทุมธำนี
การผลิตสื่อแสดงแบบจาลองที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมเพื่อการส่งเสริมการขาย

29. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรศึกษำปริญญำนิพนธ์ กำรผลิตสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อกำร
ส่งเสริมกำรขำยได้แก่ พนักงำนขำยบ้ำนหรือบุคคลวัยทำงำนที่กำลังหำซื้อบ้ำนซึ่งมีอำยุ 30-60 ปีในละแวกพื้นที่อำศัยอยู่ใน
อำเภอคลองหก จังหวัดปทุมธำนีจำนวน 357 คน ซึ่งได้มำจำกกำรเลือกแบบบังเอิญ
การผลิตสื่อแสดงแบบจาลองที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมเพื่อการส่งเสริมการขาย

30. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์สาหรับอัตลักษณ์ผ้าทอเกาะยอ

31. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ผู้วิจัยกำหนดประชำกรทั้งหมดเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1. ผู้ผลิตผ้ำทอเกำะยอ จำนวน 131 คน
2. นักท่องเที่ยวที่เดินทำงมำที่ตลำดเกำะยอใน พ.ศ. 2552 จำนวน 414,722 คน (ตัวเลขประมำณของกำรท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย)
3. บุคลำกรในส่วนสำนักปลัดขององค์กำรบริหำรส่วนตำบลเกำะยอ จำนวน 5 คน
การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์สาหรับอัตลักษณ์ผ้าทอเกาะยอ

32. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่าง
ผู้วิจัยกำหนดขนำดกลุ่มตัวอย่ำงโดยใช้วิธีของ Yamane และยอมรับควำมคลำดเคลื่อนที่ระดับ 0.1 โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1. ผู้ผลิตผ้ำทอเกำะยอ จำนวน 56 คน (เลือกแบบเจำะจงเฉพำะผู้ผลิตที่รวมเป็นกลุ่มทอผ้ำ)
2. นักท่องเที่ยวที่เดินทำงมำที่ตลำดเกำะยอใน พ.ศ. 2552 จำนวน 100 คน (สุ่มแบบบังเอิญ)
3. บุคลำกรในส่วนสำนักปลัดขององค์กำรบริหำรส่วนตำบลเกำะยอ จำนวน 5 คน (เลือกแบบเจำะจงศึกษำทั้งหมด)
การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์สาหรับอัตลักษณ์ผ้าทอเกาะยอ

33. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ผู้เชี่ยวชาญ
เป็นผู้ที่มีควำมสำมำรถในกำรประเมินผลงำนที่เกิดขึ้นจำกกำรศึกษำ / วิจัย โดยอำจแบ่งออกเป็นด้ำน เช่น ด้ำนเนื้อหำ ด้ำนสื่อ
ด้ำนเครื่องมือ เป็นต้น และกำหนดคุณสมบัติของผู้เชี่ยวชำญ

34. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชำญด้ำนคุณภำพสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อกำรส่งเสริมกำรขำย มีจำนวน 3 ท่ำน
โดยคัดเลือกจำกผู้ที่มีควำมเชี่ยวชำญด้ำนเทคโนโลยีควำมจริงเสริม (Augmented Reality: AR) ซึ่งมีคุณสมบัติ ได้แก่ จบกำรศึกษำ
ไม่ต่ำกว่ำระดับปริญญำโททำงด้ำนมัลติมีเดีย ดิจิทัลมีเดีย วิทยำกำรคอมพิวเตอร์ หรือสำขำวิชำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นผู้ที่มี
ประสบกำรณ์ไม่ต่ำกว่ำ 3 ปี
ตัวอย่าง

35. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
• ไม่ใช่โปรแกรมหรือวัสดุอุปกรณ์ในกำรจัดทำผลงำน
• เป็นสิ่งที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลจำกกลุ่มตัวอย่ำง เพื่อนำข้อมูลมำวิเครำะห์ใช้ตอบ
ปัญหำในกำรศึกษำ / วิจัย ได้แก่ แบบทดสอบ / แบบสอบถำม / แบบสัมภำษณ์ /
แบบบันทึก / แบบวัดควำมรู้สึก

36. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
ใช้วัดควำมสำมำรถด้ำนสติปัญญำ ทดสอบควำมรู้ควำมเข้ำใจก่อน-หลังรับชมสื่อ
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน เช่น ข้อสอบแบบอัตนัย ปรนัย
แบบทดสอบ
ได้ข้อมูลเชิงปริมำณ

37. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
ใช้เก็บรวบรวมควำมคิดเห็น
• แบบสำรวจ ใช้สำรวจควำมต้องกำร สภำพปัญหำ มีแบบปลำยปิด / ปลำยเปิด
• แบบประเมิน ใช้ประเมินผลงำนหลังจำกรับชมสื่อ
แบบสอบถาม
ได้ทั้งข้อมูลเชิงปริมำณและข้อมูลเชิงคุณภำพ

38. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
ใช้ในกำรรวบรวมข้อมูลจำกกำรสนทนำ สอบถำมปำกเปล่ำ โดยมีกำรจดบันทึกข้อมูล
ลงในแบบสัมภำษณ์ ซึ่งควรมีกำรกำหนดประเด็นที่จะสัมภำษณ์ไว้ล่วงหน้ำ
แบบสัมภาษณ์
ได้ทั้งข้อมูลเชิงปริมำณและข้อมูลเชิงคุณภำพ

39. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
ใช้จดบันทึกข้อมูลที่เกิดจำกกำรทดลอง กำรชั่ง กำรตวง กำรวัด
แบบบันทึกข้อมูล
ได้ข้อมูลเชิงปริมำณ

40. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
ใช้วัดควำมเชื่อหรือกำรเห็นคุณค่ำในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
แบบวัดเจตคติ / ทัศนคติ
ได้ทั้งข้อมูลเชิงปริมำณและข้อมูลเชิงคุณภำพ

41. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล เช่น พฤติกรรมของคนหรือสัตว์ ควรกำหนดรำยกำรที่สังเกต
เอำไว้ล่วงหน้ำ และใช้โดยไม่ให้ผู้ถูกสังเกตรู้ตัว อำจใช้สังเกตสภำพแวดล้อม เช่น
สภำพชุมชน กำรจัดร้ำนค้ำ หรือกำรจัดสำนักงำน เป็นต้น
แบบสังเกต
ได้ข้อมูลเชิงคุณภำพ (สำมำรถแปลงเป็นข้อมูลเชิงปริมำณได้

42. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เครื่องมือที่ใช้
• ข้อมูลเชิงคุณภำพ เป็นข้อมูลเชิงพรรณนำ ไม่มีตัวเลขเข้ำมำเกี่ยวข้อง
• ข้อมูลเชิงปริมำณ เป็นข้อมูลที่มีกำรวิเครำะห์ทำงสถิติ มีตัวเลขเข้ำมำเกี่ยวข้อง
ข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณ

43. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เวลา
เป็นช่วงเวลำที่ควรระบุไว้สำหรับบำงงำน เนื่องจำกในอนำคตอำจมีกำรเปลี่ยนแปลง เช่น
การผลิตสื่อโมชั่นกราฟิกระบบโดยสารสาธารณะในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ในผลงำนนี้มีกำรระบุเรื่องอัตรำค่ำบริกำร ซึ่งในอนำคตอำจมีกำรเปลี่ยนแปลงอัตรำค่ำโดยสำร จึงควรระบุช่วงเวลำให้ชัดเจน
เช่น เป็นข้อมูลที่สำรวจปี พ.ศ. 2561

44. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
เวลา
เป็นช่วงเวลำที่จะนำสื่อหรือผลงำนไปใช้ โดยใช้ระยะเวลำที่เฉพำะเจำะจง เช่น
การผลิตหนังสือดิจิทัลปฏิสัมพันธ์ เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศสาหรับมัลติมีเดีย
ในผลงำนนี้จำเป็นต้องระบุช่วงเวลำในกำรนำสื่อไปทดลองใช้ เช่น ภำคกำรศึกษำที่ 2 ปีกำรศึกษำ 2561 สัปดำห์ที่ 1-8

45. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
แนวคิดในการเขียนขอบเขต
ตัวแปร
เป็นขอบเขตที่ไม่ได้บังคับสำหรับทุกสำขำวิชำ ใช้สำหรับสำขำวิชำที่มีควำมจำเป็น เช่น ตัวแปรทำงสำรเคมี ตัวแปรด้ำนอณหภูมิ
ตัวแปรด้ำนเทคนิคพิเศษเฉพำะตัว

46. ขอบเขตของการศึกษา / วิจัย
การเขียนขอบเขต
• ควรปรึกษำอำจำรย์ผู้สอน / อำจำรย์ที่ปรึกษำ
• อำจมีกำรปรับเปลี่ยนในขั้นตอนกำรสอบหัวข้อ โดยคณะกรรมกำรสอบ
เพื่อให้หัวข้อถูกอนุมัติ
• เขียนไม่ให้กว้ำงหรือแคบจนเกินไป

47. นิยามศัพท์เฉพาะ
แนวคิดในการเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ
• เป็นกำรให้ควำมหมำยของศัพท์บำงคำที่มีควำมหมำยพิเศษในงำนวิจัย
• อำจเป็นคำศัพท์ที่ไม่เป็นที่คุ้นเคย
• อำจเป็นคำศัพท์ที่คุ้นเคย แต่ต้องกำรใช้คำนั้นในควำมหมำยที่ตนเองต้องกำร
• หำกเป็นคำศัพท์ที่คุ้นเคย และผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย ไม่ได้มีกำรให้ควำมหมำยที่พิเศษ
ก็ไม่จำเป็นต้องใส่

48. นิยามศัพท์เฉพาะ
การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ
• ไม่ขัดแย้งกับหลักทฤษฎีหรือข้อเท็จจริงทั่วไป
• ควรเป็นนิยำมที่ผู้ศึกษำ / ผู้วิจัย เขียนขึ้นเอง โดยศึกษำจำกทฤษฎีและงำนวิจัย
• ควรนิยำมตำมลักษณะที่จะศึกษำ และเนื้อหำที่ศึกษำ
• มีควำมชัดเจน เข้ำใจได้ง่ำย และผู้อ่ำนเข้ำใจได้ตรงกัน

49. นิยามศัพท์เฉพาะ
การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ
ตัวอย่าง
การผลิตหนังสือดิจิทัลปฏิสัมพันธ์ เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศสาหรับมัลติมีเดีย
• หนังสือดิจิทัลปฏิสัมพันธ์ หมำยถึง สื่อดิจิทัลในรูปแบบของหนังสือเสมือนจริง ที่มีเนื้อหำเรื่องเทคโนโลยีสำรสนเทศสำหรับ
มัลติมีเดีย ประกอบด้วย ข้อควำม รูปภำพ เสียง วีดิทัศน์ และภำพเคลื่อนไหว ที่สำมำรถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ สำมำรถเปิดได้ใน
ทุกระบบปฏิบัติกำร ทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมำร์ทโฟน
• เทคโนโลยีสารสนเทศสาหรับมัลติมีเดีย หมำยถึง เนื้อหำในรำยวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศเพื่อสื่อสำรมวลชน ของ
สำขำวิชำเทคโนโลยีมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสื่อสำรมวลชน มทร. ธัญบุรี

50. นิยามศัพท์เฉพาะ
การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ
ตัวอย่าง
การผลิตสื่อแสดงแบบจาลองที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมเพื่อส่งเสริมการขาย
• แบบจาลองที่อยู่อาศัย หมำยถึง รูปแบบที่อยู่อำศัยของโครงกำรแบบบ้ำนประชำรัฐ ที่ถูกนำมำจัดทำในลักษณะแบบจำลอง
สำมมิติ ทั้งภำยนอกและภำยใน ผ่ำนสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อเสมือนจริง
• เทคโนโลยีความจริงเสริม (Augmented Reality: AR) หมำยถึง เทคโนโลยีกำรผสมผสำนโลกเสมือน (Virtual World)
เพิ่มเข้ำไปในโลกจริง (Physical World) เพื่อทำให้เกิดกำรกลมกลืนกันมำกที่สุดเพื่อส่งเสริมกำรขำยบ้ำนโดยแสดงให้เห็นถึง
แบบที่อยู่อำศัย

51. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
เป็นส่วนที่บ่งบอกแนวทำงให้เห็นผลของกำรศึกษำ / วิจัยและประโยชน์สำหรับ
กำรนำผลของกำรศึกษำ / วิจัย ไปใช้ต่อไป เป็นควำมคำดหวังของผู้ศึกษำ /
ผู้วิจัย ว่ำผลของกำรศึกษำจะเกิดอะไร และเป็นประโยชน์ต่อใคร
ต้องเขียนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้วย

52. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ตัวอย่าง
การผลิตสื่อแสดงแบบจาลองที่อยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริมเพื่อส่งเสริมการขาย
• ได้สื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย
• ทรำบคุณภำพของสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริงเสริมเพื่อส่งเสริมกำรขำย
• ทรำบควำมพึงพอใจของพนักงำนขำยและบุคคลวัยทำงำนที่มีต่อสื่อแสดงแบบจำลองที่อยู่อำศัยโดยใช้เทคโนโลยีควำมจริง
เสริม

53. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ตัวอย่าง
การพัฒนาแอนิเมชั่น 3 มิติ โดยการประยุกต์ใช้เทคนิคการสร้างแอนิเมชั่น 2 มิติ
• ได้แอนิเมชั่น 3 มิติ โดยกำรประยุกต์ใช้เทคนิคกำรสร้ำงแอนิเมชั่น 2 มิติ
• ทรำบผลประสิทธิภำพของกำรใช้เทคนิคกำรสร้ำงแอนิเมชั่น 3 มิติ ด้วยภำพ 2 มิติ ที่สำมำรถตอบสนองต่อกำรรับรู้ได้
• สำมำรถนำงำนแอนิเมชั่นที่ออกแบบไปใช้ประโยชน์ทำงสื่อโฆษณำและสื่อทำงด้ำนอื่นๆ ได้
• นำควำมรู้ที่ได้จำกกำรศึกษำ / วิจัย ไปใช้ในอนำคต เพื่อสนับสนุนกำรทำงำนด้ำนแอนิเมชั่น

54. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ตัวอย่าง
การสร้างแอนิเมชั่นปลุกจิตสานึกเพื่อการอนุรักษ์ป่าชายเลนผืนสุดท้ายของเมืองพัทยา
• ได้ผลงำนแอนิเมชั่นปลุกจิตสำนึกเพื่อกำรอนุรักษ์ป่ำชำยเลนผืนสุดท้ำยของเมืองพัทยำ
• ประชำชนได้ทรำบถึงสภำพปัญหำที่เกิดขึ้นกับป่ำชำยเลนผืนสุดท้ำยของเมืองพัทยำ
• สำมำรถเป็นแนวทำงในกำรสร้ำงควำมตระหนักถึงควำมสำคัญของกำรอนุรักษ์ป่ำชำยเลนผืนสุดท้ำยของเมืองพัทยำ
• เป็นแนวทำงในกำรผลิตสื่อแอนิเมชั่นสร้ำงสรรค์สังคม สำหรับผู้ที่สนใจต่อไป

55. การสอบหัวข้อปริญญานิพนธ์
• งำนนำเสนอแสดงข้อมูลในส่วนของบทนำ (PowerPoint / PDF)
• ไฟล์ตัวอย่ำง (References) หรือแนวทำงของงำนที่จะทำ
• เอกสำรอ้ำงอิง (สำมำรถบอกได้ว่ำค้นหำข้อมูลมำจำกไหน อำจจะปรินท์หรือเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ เผื่อกรรมกำรถำม)
• ร่ำงงำนคร่ำวๆ (Storyboard / บทพูด / Wireframe / ฯลฯ)
สิ่งที่ต้องเตรียม

56. การสอบหัวข้อปริญญานิพนธ์
• แต่ละกลุ่มมีเวลำ 15 นำที สำหรับนำเสนอโครงร่ำงปริญญำนิพนธ์ / งำนวิจัย ที่ต้องกำรศึกษำ / วิจัย
• นักศึกษำทุกคนต้องมำสอบ
• แต่งกำยสุภำพเรียบร้อยด้วยชุดนักศึกษำ
• มำก่อนเวลำนัดหมำยในตำรำงเวลำของแต่ละกลุ่ม
การปฏิบัติตัวในวันสอบหัวข้อ