SlideShare a Scribd company logo
1 of 22
Download to read offline
IS 2
การสื่อสารและการ
นาเสนอ
(Communication
and Presentation)
ความหมาย
 IS 2- การสื่อสารและการนาเสนอ

(Communication and
Presentation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนนาความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนาวิธีการการ
ถ่ายทอด/สื่อสารความหมาย/แนวคิด ข้อมูลและองค์ความรู้ ด้วยวิธีการนาเสนอ
ที่เหมาะสม หลากหลายรูปแบบ และมีประสิทธิภาพ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 องค์ประกอบและวิธีการเขียนโครง
ร่างรายงานทางวิชาการ




สาระสาคัญ การเขียนรายงานทางวิชาการ จะให้ความสาคัญกับการจัดรูปแบบและ
องค์ประกอบเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้เขียนรายงานจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการจัดรูปแบบและ
องค์ประกอบของรายงานทางวิชาการ เพื่อจะได้จัดทารายงานทางวิชาการได้ถูกต้อง
สาระการเรียนรู้ 1)ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ
2)แนวคิดพื้นฐานในการเขียนรายงาน
3)องค์ประกอบของการเขียนรายงาน และ
4)การเขียนโครงร่างรายงาน
การเขียนรายงานทางการศึกษา เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ผลงาน และเครื่องมือสือสาร
่
ระหว่างผู้พัฒนาการศึกษาด้วยกัน เป็นเอกสารหลักฐานในการวางแผนพัฒนางาน และเป็น
เครื่องมือ ในการประเมินคุณภาพงาน การเขียนรายงานเป็นการสื่อสารให้ผู้อื่นรับทราบ จึง
ต้องเขียนให้ถูกต้อง ตามรูปแบบสากล ที่คนทั่วไปเข้าใจ ยอมรับ คืออิงหลักวิชาการ ถ้าผู้เขียนได้
ศึกษาหลักการ แนวคิดที่เป็นพื้นฐานในการเขียนรายงาน มีการฝึกทักษะการเขียนก็จะเขียนได้
เขียนเป็น
1. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ








ในการเขียนรายงานนั้น มีความหมายของคาบางคา ใกล้เคียงกัน ที่ควรทราบ เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง
และนาไปใช้ในการวางแผนการเขียน ให้สอดคล้องกับลักษณะของงาน ดังนี้
รายงาน (Report) หมายถึง ผลงานของการศึกษาค้นคว้า หรือการปฏิบติงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่าง
ั
ละเอียด แล้วนามาเรียบเรียงขึนใหม่ อย่างมีระเบียบ แบบแผน ทีกาหนดไว้ เพื่อให้ผู้สั่งงาน หรือผู้รบรายงาน
้
่
ั
และผู้สนใจทั่วไป พิจารณา
บทนิพนธ์ หมายถึง ผลงานการเรียบเรียง อันเนื่องมาจากการศึกษาค้นคว้า ของผู้ศึกษา จาแนกเป็น รายงาน
ภาคนิพนธ์ และปริญญานิพนธ์
ภาคนิพนธ์ (Term Paper) หมายถึง ผลงานที่รวบรวมและเรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ทีผสอนมอบหมายให้ทา ใช้เป็นส่วนประกอบของการศึกษาวิชาใดวิชาหนึง มีลกษณะเป็นการศึกษา
่ ู้
่ ั
เอกสาร ไม่ใช่วิจัยสนาม (Field Research) ซึ่งมักมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์จริง
วิทยานิพนธ์ (Thesis Dissertations) เป็นรายงาน ที่เรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าวิจัย ข้อเท็จจริง อย่าง
ละเอียดลึกซึ้งรอบคอบ ตามลาดับขันของการวิจัย เป็นรายงานที่จดทาเพื่อการศึกษา ระดับปริญญาโทหรือ
้
ั
ปริญญาเอก มีปริมาณและคุณภาพสูงกว่า ภาคนิพนธ์
ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ (ต่อ)






รายงานโดยทั่วไป มีลกษณะคล้ายคลึงกัน คือ การแสดงความคิด ความรู้ และความรู้สึก มีรายละเอียดการเขียน
ั
แตกต่างกันบ้าง อาจแบ่งรายงานเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือรายงานทั่วไป กับ รายงานทาง
วิชาการ
รายงานทั่วไป ได้แก่รายงานข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น ของบุคคลหรือหน่วยงานหรือ
สถานการณ์ เหตุการณ์ ซึ่งได้ดาเนินไปแล้ว หรือกาลังดาเนินอยู่ หรือจะดาเนินต่อไป ได้แก่ รายงานแสดงผล
งาน หรือรายงานเสนอผลงาน ซึงผู้รับผิดชอบรายงานผลการปฏิบติงาน ต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้เกี่ยวข้อง ว่ามี
่
ั
ผลงานเป็นอย่างไร หรือมีแนวโน้มไปทางใด รายงานเหตุการณ์ บอกให้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ เป็นระยะ ถ้ามี
เหตุการณ์ใดเกิดขึนจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
้
รายงานทางวิชาการ ได้แก่ รายงานที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า ของนักวิชาการหรือสถาบันทางวิชาการ มัก
ได้จากการศึกษา ค้นคว้า วิจัย โดยมีระเบียบวิธการศึกษาค้นคว้าที่เป็นระบบ และมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์
ี
เป็นข้อเท็จจริง ปราศจากการต่อเติมเสริมแต่งใช้สานวนภาษาที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่ใช้พรรณนาโวหาร
ไพเราะ เน้นความรู้ ความถูกต้อง มีระบบการอ้างอิง ทีมาของข้อมูล เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้า
่
อ้างอิงได้ใช้ชื่อต่าง ๆ เช่น รายงานการค้นคว้าทดลอง รายงานการวิจัย รวมถึง รายงานภาคนิพนธ์ และ
วิทยานิพนธ์ ก็เป็นรายงานทางวิชาการแบบหนึ่ง
2. แนวคิดพื้นฐานในการเขียนรายงาน


การเขียนรายงาน โดยเฉพาะรายงานทางวิชาการที่มีประโยชน์ จาเป็นจะต้องอิงหลัก
วิชาการ เป็นการนาเสนอความคิด ความรู้ ที่ถกต้อง เกิดประโยชน์ในการอ่าน ตอบสนองความ
ู
ต้องการของผู้อ่านได้ เพราะความมุ่งหมายทีแท้จริงของการเขียน ก็คือ เขียนเพื่อให้ผู้อนอ่าน
่
ื่
การที่จะเขียนให้ผอ่านได้รับประโยชน์จากการอ่านตามจุดมุ่งหมาย ผูเ้ ขียนควรจะได้เขียนอย่าง
ู้
ประณีตในการใช้รูปแบบถ้อยคาภาษา จัดลาดับการนาเสนอเนื้อหา เป็นขั้นตอน ต่อเนือง
่
สัมพันธ์กัน นักเขียนมืออาชีพ จะพิจารณาตอบคาถาม 3 ข้อต่อไปนี้ ก่อนลงมือเขียนผลงาน
1. คุณลักษณะของผู้อ่านเป็นอย่างไร
2. ผูเ้ ขียนมีจุดประสงค์ในการเขียนอย่างไร
3. ควรจะเรียบเรียงนาเสนอเนือหาอย่างไร
้
หลักการ แนวคิดพื้นฐานสาคัญของนักเขียนมืออาชีพ


1. คานึงถึงผู้อ่าน ถ้าได้ทราบล่วงหน้า ว่าผู้อ่านรายงานคือใคร พื้นฐานความรู้ความคิดเป็น
อย่างไร จะทาให้ทราบความรู้ ความสามารถ และความคาดหวัง ที่ผอ่านต้องการจากรายงานได้
ู้
ทาให้การเขียนรายงานทาได้ตรงความต้องการของผูอ่าน รายงานจะมีประโยชน์มากกว่าเขียน
้
ครอบคลุมผูอ่านหลายระดับ ซึ่งตอบสนองได้ยากกว่าเขียนโดยคานึงถึงผู้อ่าน ยึดความต้องการ
้
ของผูอ่านเป็นสาคัญ ผูอ่านต้องการทราบอะไรเขียนให้ตรง ไม่ควรเขียน หรือรายงานทุกอย่าง
้
้
ที่ผู้เขียนทราบ แต่รายงานเฉพาะที่ผู้รับรายงานต้องการหรือควรทราบเท่านั้น ประหยัดเวลา
ของผูอ่าน เพือให้ผู้อ่านทราบถึงสิ่งที่ต้องการโดยเร็ว เขียนเนื้อหาสั้น ๆ ให้ได้ความชัดเจนเขียน
้
่
สาระสาคัญ บทสรุปและข้อเสนอแนะ ให้มีจุดสังเกต เห็นได้ง่าย เช่น ตัวใหญ่ ตัวหนา แยกห่าง
จากข้อความอื่น หรือมีเครื่องหมายพิเศษกากับเขียนให้สอดคล้องกับ พฤติกรรมการอ่านของ
ผู้อ่าน (พอกซัน. 2537 : 26) มีการวิจัยพบว่า แนวคิด ข้อความ ที่กล่าวถึงก่อน จะทาให้ผู้อาน
่
จาได้มากกว่า แนวคิดข้อความที่กล่าวภายหลัง เอกสารยิ่งยาว ความน่าอ่านก็ยิ่งลดลง ผู้อ่าน
สนใจที่จะอ่าน ปัญหาและข้อสรุป ตลอดจนคาแนะนาต่าง ๆ มากกว่าจะอ่าน คาบรรยาย
เรื่อง วิธีการ เนื้อหาทั่วไปหรือข้อมูล รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ และผูอ่านรายงานมักจะคิด
้
ว่าตนเองถูกเสมอ
หลักการ แนวคิดพื้นฐานสาคัญของนักเขียนมืออาชีพ (ต่อ)






2. กาหนดจุดประสงค์ในการเขียน ถ้าผูเขียนมีจุดประสงค์ของการเขียนชัดเจนผู้เขียนจะได้
้
แนวทางในการเขียน และผู้อ่านจะได้รับรู้แนวทางชัดเจนตามไปด้วย ไม่ควรเขียนเพราะ
จาเป็นต้องเขียน ก่อนเขียน ควรจะตอบคาถามให้ได้ว่า ต้องการให้รายงานนี้ มีผลต่อผูอ่าน
้
และต่อผูเ้ ขียนเองอย่างไรบ้าง จุดประสงค์ของการเขียนทั่วไป 4 ข้อ มีดังนี้
1. เพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริง ให้ความรู้ ให้ข้อมูล
2. เพื่อแนะนา ชักจูงให้เชื่อถือ ปฏิบัติตาม
3. เพื่อแสดงตัวของผู้เขียน เพราะการเขียนจะบ่งบอกคุณลักษณะของผู้เขียน
4. เพื่อสนับสนุนหลักการ ให้ความบันเทิง อารมณ์ขัน
การเขียนที่มีจุดประสงค์แตกต่างกัน ต้องเลือกเนื้อหา วิธีเขียน รูปแบบการเขียน และเลือกใช้
ภาษาที่ต่างกัน จึงจะเกิดผลตามความมุ่งหมาย
จุดประสงค์ของการเขียนรายงาน ควรจะมีหลายข้อ เรียงตามลาดับความสาคัญ คือ ควรมุ่ง
แสดงข้อเท็จจริง ให้ข้อมูล แนวปฏิบัติ ความคิด ความรู้
หลักการ แนวคิดพื้นฐานสาคัญของนักเขียนมืออาชีพ (ต่อ)




3. กาหนดรูปแบบการเรียบเรียงนาเสนอเนื้อหา การเสนอเนื้อหา หรือแนวในการเขียน หมายถึง วิธีเรียบเรียงข้อความให้
สอดคล้องกับเนื้อหา จุดมุงหมายในการเขียน จนผู้อ่านสามารถรับ และเข้าใจได้ดีถงสาระ ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อสาร แนวการ
่
ึ
เขียนมีหลายแบบตามประเภทของงานเขียน ผู้เขียนจะต้องกาหนดแนวการเขียนไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้ยึดถือเป็นแนวในการเขียน
ให้สม่าเสมอตลอดทั้งเล่มรายงาน เป็นความเรียงให้ความคิด ความรู้ ต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว แจ่มแจ้ง จึง
นิยมเขียนเป็นความเรียง ซึ่งเป็นแนวการเขียนในลักษณะเรียบเรียงข้อความเป็นเรื่องเป็นราว โดยใช้ภาษาตรงไปตรงมา สั้น
กระชับ ลักษณะของรายงานที่ดีตาม ความคาดหวังของผู้อาน มีแนวทางการนาเสนอ 3 ประการ คือ
่
1. นาเสนอความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นของตนเอง ความแปลกใหม่ เช่น นาเสนอแนวคิดเก่าด้วยวิธีการใหม่ ใช้วิธีใหม่ ๆ ใน
การปฏิบัติ การอธิบายความ ไม่ใช่เพียงแต่นาข้อเท็จจริงมาเรียงต่อ ๆ กัน เท่านัน
้
2. ใช้ทานองเขียนที่สม่าเสมอ ลักษณะของการนาเสนอ ย่อมขึ้นอยู่กบเรื่องที่เขียน และ
ั
คุณลักษณะของผู้อ่านและผู้เขียนแต่ละคนด้วย แต่ควรจะใช้ทานองเขียน เสมอต้นเสมอปลายทังเล่ม เช่นการดาเนินเรื่อง การ
้
เขียนหัวข้อ การเขียนสรุป การกล่าวถึงตัวผู้เขียนและกล่าวถึงผู้อ่าน
3. จัดลาดับเนื้อหาสาระ ใช้โครงสร้างรูปแบบสากล โดยทั่วไปงานเขียนมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ บทนา เนื้อหา และ
บทสรุป บทนาต้องสร้างความสนใจในเนื้อหา เนื้อหาให้ความกระจ่าง ชัดเจน ถูกต้อง แสดงผลตามจุดมุ่งหมาย บทสรุปมี
ข้อความอภิปรายที่ผู้อ่านประทับใจ
4. แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง กว้างขวาง มีเนื้อหาครบถ้วนตามหัวข้อทีกาหนด
่
5. ใช้ภาษาถูกต้องที่เป็นทางการ ภาษาราชการ เป็นทีนิยมใช้กนโดยทั่วไป
่
ั
องค์ประกอบของการเขียนรายงาน
 ในการเขียนหรือพิมพ์รายงานแต่ละสถานศึกษาจะกาหนดให้เขียนในรูปแบบ

เดียวกันทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบและสะดวกในการประเมินผล ส่วนประกอบ
ของรายงานการค้นคว้าทั่วไปแบ่งได้ 3 ส่วน คือ ส่วนประกอบตอนต้น ส่วนเนื้อ
เรื่อง และส่วนประกอบตอนท้าย
ส่วนประกอบตอนต้น








เป็นส่วนประกอบที่อยู่ตอนต้นเล่มของรายงานก่อนถึงเนื้อเรื่องประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
1. ปกนอก (Cover หรือ Binding) คือส่วนที่เป็นปกหุ้มรายงานประกอบด้วยปกหน้า
สัน และปกหลัง ควรเป็นกระดาษแข็งพอสมควรสีสันเหมาะสมกับเนื้อหา หรืออาจใช้ปกของแต่ละสถาบันการศึกษาซึงได้จัดทา
่
สาเร็จไว้แล้วก็ได้ อาจมีภาพหรือไม่กได้ถ้ามีภาพควรให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง การจัดวางรูปแบบควรจัดให้สวยงามเหมาะสม
็
ปัจจุบนการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ทาให้สามารถออกแบบปกให้สวยงามได้อย่างสะดวกง่ายดาย ข้อความทีปรากฏบนปกนอก
ั
่
ประกอบด้วย
1.1 ชื่อเรื่องของรายงาน อยู่หางจากขอบบนของหน้ากระดาษลงมาประมาณ 1.5 – 2 นิ้ว และควรกะให้อยู่กึ่งกลางพอดี (ไม่มคา
่
ี
ว่ารายงานเรื่อง)
1.2 ชื่อผู้เขียนรายงาน ให้อยู่ตรงส่วนกลางของหน้ากระดาษ เขียนหรือพิมพ์ชื่อและนามสกุลของผู้เขียนรายงาน ในกรณีที่
รายงานนันมีผู้เขียนหลายคนให้ใส่ชื่อทุกคนโดยจัดเรียงตามลาดับตัวอักษร
้
1.3 ส่วนล่างของหน้าปก ประกอบด้วยข้อความตามลาดับ ดังนี้
1.3.1 ชื่อของรายวิชาที่กาหนดให้เขียนรายงาน
1.3.2 ระดับชั้น
1.3.3 ชื่อของสถาบันการศึกษา
1.3.4 ภาคการศึกษา ปีการศึกษาที่ทารายงาน
บรรทัดล่างสุดของส่วนล่างปกควรห่างจากขอบล่าง 1.5 – 2 นิ้ว บทนิพนธ์ของ
แต่ละมหาวิทยาลัยอาจแตกต่างกันบ้าง ในรายละเอียดตามที่สถาบันกาหนด
ส่วนประกอบตอนต้น (ต่อ)




2. หน้าปกใน (Title Page) อยู่ต่อจากปกนอกและมีขอความเช่นเดียวกับปกนอก ชื่อเรื่องของรายงานพิมพ์อยู่
้
ตรงกึ่งกลางของหน้ากระดาษ โดยให้หางจากขอบบนประมาณ 2 นิ้ว และห่างจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเท่าๆ
่
กันถ้าชื่อเรื่องยาวแบ่งเป็นสอง-สามบรรทัดตามความเหมาะสม ชื่อผู้เขียนรายงานโดยทั่วไปเขียนเฉพาะชื่อและ
นามสกุลไม่ต้องเขียนคานาหน้านาม เช่น นาย นาง นางสาว ยกเว้นในกรณีที่ผู้เขียนมียศหรือบรรดาศักดิ์ เช่น
ม.ร.ว ม.ล. หรือ ร.ต.ท. ฯลฯ ให้ใส่ไว้ด้วยใต้ชื่อผู้เขียนควรใส่เลขประจาตัวหรือรหัสประจาตัวนักศึกษาด้วย ตา
แหน่งของชื่อผู้เขียนคือตรงกลางหน้ากระดาษ เว้นระยะจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเท่าๆ กัน และอยูห่างจาก
่
ข้อความส่วนบนและส่วนล่างของหน้ากระดาษเป็นระยะพอๆ กัน ในกรณีทมีผู้เขียนหลายคนให้เขียนชื่อทุกคน
ี่
เรียงตามลาดับอักษร และใส่รหัสประจาตัวไว้ต่อจากชือในบรรทัดเดียวกัน ส่วนข้อความทีแจ้งว่าเป็นรายงานการ
่
่
ค้นคว้าประกอบรายวิชาใด สถาบันศึกษาใด ภาคเรียนและปีการศึกษาใด จัดพิมพ์ไว้ส่วนท้ายของหน้ากระดาษ
โดยให้บรรทัดสุดท้ายอยู่หางจากขอบล่างประมาณ 1 นิว
่
้
3. คานา (Preface) คือส่วนทีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของรายงานเรื่องนั้น รวมทั้งความสาคัญและขอบเขตของ
่
เนื้อหา นอกจากนั้นยังอาจกล่าวขอบคุณผูมีส่วนช่วยเหลือในการจัดทา จนสาเร็จด้วยดี คานาอาจมีเพียงย่อหน้า
้
เดียว สอง หรือสามย่อหน้าก็ได้ขนอยู่กบความเหมาะสมของเนื้อหา คานาไม่ควรเขียนยาวเกินไป ให้พิมพ์คาว่า
ึ้
ั
“คานา” ไว้กลางหน้ากระดาษไม่ขดเส้นใต้ห่างจากขอบบน 2 นิ้ว แล้วพิมพ์ข้อความในบรรทัดถัดลงมา เมื่อจบ
ี
ข้อความแล้วให้ลงชื่อ นามสกุลของผู้เขียน ถ้าทางานเป็นกลุมให้ลงคาว่า “คณะผู้จดทา” และลงวันที่ เดือน
่
ั
(เขียนเต็มไม่เขียนย่อ) ปี (ไม่ต้องมีคาว่า พ.ศ.) กากับไว้ดวย
้
ส่วนประกอบตอนต้น (ต่อ)






4. สารบัญ (Table of Contents) ให้เขียนหรือพิมพ์คาว่า “สารบัญ” ด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากขอบ
บนลงมา 2 นิ้ว มีลักษณะคล้ายโครงเรื่องอยู่หลังคานาจัดทาเมือเขียนหรือพิมพ์รายงานเสร็จแล้ว เป็นหน้าทีบอก ชื่อตอน บท
่
่
หัวข้อใหญ่หรือหัวข้อย่อยเรียงตามลาดับเนื้อหาในเล่ม มีเลขหน้าเริ่มต้นกากับอยู่ดานขวามือ พิมพ์ห่างขอบประมาณ 1 นิ้ว
้
ข้อความในหน้าสารบัญให้เขียนหรือพิมพ์ห่างจากขอบซ้ายของหน้ากระดาษ 1.5 นิ้ว
5. สารบัญตารางหรือบัญชีตาราง (List of Tables) จัดทาเมื่องานเขียนนันมีตารางจานวนมาก และตารางเป็นส่วนประกอบที่
้
สาคัญของเนื้อหา (ถ้างานเขียนนันทั้งเล่มมีตารางเพียงหนึงหรือสองตารางก็ไม่จาเป็นต้องทาหน้าสารบัญตาราง) เรียงไว้ต่อจาก
้
่
หน้าสารบัญเป็นหน้าที่แสดงให้ทราบถึงจานวนตารางทั้งหมดในเนื้อเรื่องเรียงตามลาดับทีปรากฏในรายงานซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่าน
่
ค้นหาได้สะดวก จัดหน้าลักษณะเดียวกับสารบัญโดยพิมพ์ไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากขอบบนลงมา 2 นิ้ว พิมพ์คาว่า “บัญชี
ตาราง” หรือ “สารบัญตาราง” และเปลียนคาว่า “บทที่” เป็น “ตารางที”
่
่
6. สารบัญภาพประกอบหรือบัญชีภาพประกอบ (List of illustrations) อยู่ต่อจากหน้าบัญชีตาราง (ถ้ามี) เป็นหน้าที่บอกให้
ทราบถึงจานวนภาพประกอบ แผนผัง แผนที่ กราฟ แผนภาพทางสถิติตางๆ หรือแผนภูมิ ทั้งหมดในเรื่องไปจนถึงภาคผนวก
่
พิมพ์คาว่า “บัญชีภาพประกอบ” “สารบัญภาพ” “สารบัญแผนภูม” และเปลี่ยนคาว่า “บทที่” เป็น “ภาพที่” การกากับหน้าใน
ิ
ส่วนประกอบตอนต้นนันให้เริ่มนับตั้งแต่หน้าปกในเป็นต้นไปโดยใช้ตัวอักษรกากับ งานเขียนภาษาไทยใช้ ก ข ค… และงานเขียน
้
ภาษาอังกฤษใช้เลขโรมัน I II III…เรียงไปตามลาดับ
ส่วนประกอบตอนกลางหรือส่วนเนื้อหา (Text)









เป็นส่วนที่เป็นเนื้อหาโดยละเอียดซึ่งผู้ทารายงานได้เรียบเรียงขึนจากการศึกษาค้นคว้า จึงถือว่าเป็นส่วนสาคัญที่สุดของงานเขียน
้
ทางวิชาการทุกประเภท ประกอบด้วย
1.บทนา (Introduction) เป็นสิ่งแรกที่จะทาให้ผู้อ่านได้สัมผัสกับความคิดและกลวิธีการเขียนของผู้เขียน มีส่วนอย่างสาคัญใน
การจุดประกายความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามอ่านต่อไป ถ้าบทนาไม่นาสนใจ สับสน หรือคลุมเครือผู้อ่านจะไม่รู้สึกอยาก
่
อ่านดังนันบทนาจึงต้องชัดแจ้ง น่าอ่าน และกระตุนความสนใจของผู้อ่านตังแต่แรกเริ่มของบทนิพนธ์
้
้
้
บทนาอาจเป็นแค่เพียงย่อหน้าเดียวหรือทั้งบทก็ได้โดยทั่วไปแล้วความยาวของรายงานการค้นคว้ามีผลต่อความยาวของบทนา
รายงานฉบับเล็กๆ อาจจะมีความนาที่เรียบเรียงอย่างน่าอ่านเพียงหนึงย่อหน้าที่เรียกว่าย่อหน้านา ในขณะที่ภาคนิพนธ์เรื่องยาวๆ
่
อาจจะมีบทนาแยกต่างหากหนึ่งบท
สาหรับบทนาที่แยกเป็นบทจะจัดอยู่ในบทที่ 1 โดยเขียนแบบเดียวกับบทอืนๆ คือกลางหน้ากระดาษ บรรทัดแรกเขียน “บทที่ 1”
่
และบรรทัดถัดลงมาใช้ชื่อบทว่า “บทนา” หรืออาจใช้ชื่อบทเป็นอย่างอืนตามความเหมาะสม ในกรณีที่เขียนบทนาอย่างสันแต่
่
้
เนื้อหาอืนๆ แบ่งเป็นบทอาจใช้หัวข้อว่า “บทนา” หรือ “ความนา” โดยไม่ต้องมีคาว่าบทที่
่
เนื้อความที่เรียบเรียงลงในบทนาเป็นการปูพนให้ผู้อ่านเข้าใจความเป็นมาของเรื่อง ความมุงหมายและขอบเขตของเรื่องหรือ
ื้
่
สภาพปัญหาที่ต้องการนาเสนอ หรือความบันดาลใจของเรื่องทังนี้เพื่อเป็นการนาผู้อ่านเข้าสู่เนื้อเรื่องให้ผู้อ่านมองเห็นภาพรวม
้
ของเนื้อเรื่องทั้งหมด
ส่วนประกอบตอนกลางหรือส่วนเนื้อหา (Text) (ต่อ)




2.ส่วนเนื้อหา (Body of Paper) เป็นส่วนที่เสนอเรื่องราวสาระทั้งหมดของรายงาน
การค้นคว้า การนาเสนอเนื้อหาอาจแบ่งเป็นบทหรือเป็นตอนเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็น
ประเด็นสาคัญของเนื้อหาตามลาดับและต่อเนื่องกัน ส่วนการจะแบ่งเป็นบทหรือเป็น
ตอน หรือเป็นหัวข้ออย่างไรและมีจานวนมากน้อยเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะ ขอบเขต
และความสั้นยาวของเนื้อเรื่องถ้าเป็นรายงานการค้นคว้าขนาดสั้นไม่จาเป็นต้องแบ่งเป็น
บทหรือตอนก็ได้เพียงแต่แบ่งตามหัวข้อสาคัญๆ ของเนื้อเรื่องให้เหมาะสมแต่ถ้าเป็นภาค
นิพนธ์ขนาดยาวควรแบ่งเป็นบทหรือตอนให้ชัดเจน
3. บทสรุปหรือสรุป (Conclusion) คือส่วนที่เขียนย้าหรือเน้นประเด็นสาคัญของ
เนื้อหาหรือสรุปผลของการศึกษาค้นคว้า เช่นเดียวกับที่บทนาเป็นความสาคัญขั้นแรกใน
การชักจูงให้ผู้อ่านสนใจติดตามเนื้อเรื่อง บทสรุปก็มีบทบาทสาคัญในการทาให้ผู้อ่านจับ
ประเด็นของเนื้อเรื่องที่ได้อ่านไปทั้งหมด บทสรุปจะอยู่ตอนท้ายของเนื้อเรื่อง อาจแยก
เป็นบทตากหากหรือเป็นเพียงย่อหน้าท้ายๆ ของเรื่อง
ส่วนประกอบตอนท้าย (back matter หรือ
reference matter)









เป็นส่วนที่อยูถดจากเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย
่ั
1. หน้าบอกตอน (Half Title Page) คือหน้าที่พมพ์ขอความไว้กลางหน้ากระดาษเพื่อบอกว่าส่วนที่อยู่ถดไปคือ
ิ ้
ั
อะไร ส่วนใหญ่แล้วหน้านี้จะปรากฏในส่วนประกอบตอนท้ายของรายงานการค้นคว้า เช่น หน้าบอกตอน
“บรรณานุกรม” หน้าบอกตอน “ภาคผนวก” และหน้าบอกตอน “ดรรชนี”
2. บรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิง (Bibliography หรือ References) เป็นรายชื่อทรัพยากรสารสนเทศ
ทั้งหมดที่ใช้ประกอบการค้นคว้า รายการวัสดุอ้างอิงทุกชิ้นทีปรากฏอยู่ในเนื้อหาต้องมาปรากฏอยู่ในบรรณานุกรม
่
ด้วย แต่อาจมีบางรายการทีมีอยู่ในบรรณานุกรมแต่ไม่ปรากฏในการอ้างอิงเพราะผู้เขียนเพียงแต่ได้แนวคิดมาจาก
่
วัสดุนนแต่ถ้าใช้คาว่าเอกสารอ้างอิง รายการที่อยู่ในเนื้อหาและในรายการเอกสารอ้างอิงต้องมีตรงกันทุกรายการ
ั้
การเขียนบรรณานุกรม หรือเอกสารอ้างอิงต้องเขียนให้ถกต้องตามแบบแผน
ู
3. ภาคผนวก (Appendix) คือส่วนทีนามาเพิ่มไว้ตอนท้ายของรายการเพราะไม่ใช่เนื้อหาทีแท้จริงหรือไม่ได้เป็น
่
่
ส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง แต่เห็นว่ามีประโยชน์เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องหรือช่วยให้ผู้อ่านมีความรูความ
้
เข้าใจเรื่องราวได้ดขน แต่ทั้งนี้รายการการค้นคว้าไม่จาเป็นต้องมีภาคผนวกเสมอไปขึนอยู่กบความจาเป็นและ
ี ึ้
้
ั
ความเหมาะสมของแต่ละเรือง
่
4. ดรรชนี หรือ ดัชนี (Index) คือบัญชีรายชื่อ หรือคา หรือหัวข้อในเนื้อเรื่องทีนามาจัดเรียงไว้ตามลาดับอักษร
่
พร้อมทั้งแจ้งเลขหน้าที่ปรากฏ ดรรชนีเป็นเครื่องมือช่วยให้คนเรื่องได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
้
4. การเขียนโครงร่างรายงาน (Report Outline)
 การเขียนโครงร่าง ผู้เรียนจะต้องแสดง ชื่อโครงการ สาระการเรียนรู้/วิชา ชื่อผู้

ค้นคว้าหรือเจ้าของผลงาน ความสาคัญของหัวข้อเรื่องที่ค้นคว้า วัตถุประสงค์
ของการค้นคว้า ประโยชน์ที่ได้รับจากการค้นคว้า การรวบรวมสรุปข้อมูลที่ได้
จากการค้นคว้าพร้อมเอกสารอ้างอิง วิธหรือแบบแผนการค้นคว้าการเก็บ
ี
รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
การกาหนดหัวข้อค้นคว้า (Research Question)














ชื่อเรื่องจะต้องสะท้อนหรือชี้วัดให้เห็นภาพของผลงาน ซึ่งจะต้องเรียบเรียงเป็นรูปคาถาม หรือ ประเด็นค้นคว้า ในที่นี้จะ
นาเสนอเป็นตัวอย่าง เช่น
๑. หัวข้อเรื่อง : การออกแบบโทรศัพท์มือถือสาหรับวัยรุ่นไทย
หัวข้อค้นคว้า : องค์ประกอบสาคัญในการออกแบบโทรศัพท์มือถือสาหรับวัยรุ่นไทย
๒. หัวข้อเรื่อง : การออกแบบจักรยาน
หัวข้อค้นคว้า : การแนะนาวัสดุใหม่ๆ สามารถปรับปรุงการออกแบบรถจักรยานแข่งขันแบบใหม่ได้หรือไม่
๓. หัวข้อเรื่อง : ความรุนแรงในครอบครัวไทย
หัวข้อค้นคว้า : ศึกษา/วิเคราะห์สาเหตุของความรุนแรงในครอบครัวไทยและทางแก้ปัญหา
๔. หัวข้อเรื่อง : ความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองไทย
หัวข้อค้นคว้า : ศึกษา/วิเคราะห์สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างคนไทยสองกลุ่มและทางแก้ปัญหา ฯลฯ
๕. หัวข้อเรื่อง : การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
หัวข้อค้นคว้า : ศึกษาผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน
๖. หัวข้อเรื่อง : การโฆษณา
หัวข้อค้นคว้า : การใช้ทัศนศิลป์ในการโฆษณาสินค้า
การกาหนดโครงสร้างของผลงาน
 ผลงานการเขียนรายงานผลการค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับ

หัวข้อเรื่องที่ผู้เรียนได้เลือกอย่างอิสระ จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ ๓ ส่วน
ได้แก่ คานา (Introduction) เนื้อเรื่อง (Body/Development) และบทสรุป
(Conclusion)
การกาหนดโครงสร้างของผลงาน (ต่อ)










๑. คานา (Introduction)
สาระจะต้องประกอบด้วย
การให้เหตุผลในการเลือกหัวข้อเรื่อง ความสาคัญและคุณค่าที่ได้จากการศึกษา
บอกความเป็นมาและความสาคัญของหัวข้อเรื่อง
ระบุหัวข้อค้นคว้า (Research Question) ให้ชัดเจน
๒. เนื้อเรื่อง (Body/Development)
เนื้อเรื่องเป็นส่วนสาคัญของผลงานความเรียง ซึ่งผู้เขียนจะต้องลาดับเนื้อหาตามรูปแบบโครงสร้างที่ถูกต้อง
โดยจัดลาดับเนื้อหาเป็นหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อยตามธรรมชาติของเนื้อหา การลาดับความคิดหลักและ
ความคิดรองเป็นต้น
๓. บทสรุป (Conclusion)
บทสรุปจะต้องมีลักษณะของการสรุปการนาเสนอความคิดรวบยอดที่เกี่ยวเนื่องกับหัวข้อเรื่อง การอ้างอิง
หลักฐานประกอบความคิด จบด้วยการเสนอและชี้นาประเด็นที่ค้นพบ รวมทั้งหัวข้อเรื่องประเด็น/เรื่อง ที่
ยังไม่ได้ค้นคว้าศึกษาในผลงานชิ้นนี้ แต่ควรค่าแก่การค้นคว้าเป็นผลงานเรื่องต่อไป
๔. การเขียนสาระย่อ (Abstract)
การเขียนสาระย่อสาหรับผลงานการเขียนความเรียงขั้นสูงตามความเหมาะสม และในการเขียนสาระย่อ
ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นการเขียนคานา (Introduction) สาระย่อจะต้องมีสาระที่
สะท้อนให้เห็นการพูดเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง
การกาหนดโครงสร้างของผลงาน (ต่อ)











๕. หน้าสารบัญ (Content Page)
การเขียนหน้าสารบัญ ผู้เรียนจะต้องลาดับหัวข้อเรื่อง เอกสารอ้างอิงภาคผนวกและมีเลขหน้ากากับทุกหัวเรื่อง
๖. การอ้างอิงโดยใช้ภาพประกอบ (Illustrations)
ผู้เรียนจะต้องรู้จักใช้ภาพประกอบคาอธิบายความคิดเห็นอย่างเป็นระบบและอย่างมีความหมาย
๗. การอ้างอิง/บรรณานุกรม (References)
ในการค้นคว้าข้อมูล ผู้เรียนจะมีการค้นคว้าจากแหล่งค้นคว้าหลากหลายประเภท ได้แก่ เอกสารข้อมูลอิเล็คทรอนิคส์ ครูผู้สอนจึงควรนาเสนอ
รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงทุกประเภทซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นสากล ที่กาหนดโดยหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับ
ได้แก่
๑. สมาคมรัฐศาสตร์อเมริกัน (American Political ScienceAssociation : APSA)
๒. สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association :APA)
๓. สภาบรรณาธิการกิจชีววิทยา (Council of Biology Editors :CBE)
๔. แนวทางการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบฮาร์วาร์ด (Harvard Citationand referencing Guide)
ซึ่งโดยภาพรวมจะมีการเขียนเอกสารอ้างอิงที่เป็นที่นิยมที่มีส่วนประกอบและรูปแบบเรียงเป็นลาดับ ดังนี้ ชื่อผู้แต่ง (พ.ศ) ชื่อเรื่อง วันที่ สถานที่พิมพ์
ชื่อสานักพิมพ์ ตัวอย่างเช่น
— Peterson, A.D.C. School Across Frontiers : the Storyof International Baccalaureate and the United World College.La Salle,
Illinois : Open Court, ๑๙๘๗.
— Peterson, A.D.C. (๑๙๘๗), Schools Across Frontiers :the story of the International Baccalaureate and the United
WorldCollege, Open Court : La Salle, Illinois.
การกาหนดโครงสร้างของผลงาน (ต่อ)
 ๘.

ภาคผนวก (Appendix)
ภาคผนวกไม่ใช่องค์ประกอบสาคัญในการเขียนเรียบเรียงผลงานความเรียงขั้นสูง
เอกสารที่ผู้เรียนสามารถใส่ไว้ในภาคผนวกได้แก่ ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ
 ๙. การใช้สื่อและวัสดุอื่นๆ ประกอบ (The Use of Other Media
andMaterials)
การใช้วีดิโอเทปและการใช้เทปบันทึกไม่อนุญาตให้ใช้ในการอ้างอิงข้อมูลเพื่อ
ยืนยันความรู้ที่เกิดจากการค้นคว้า

More Related Content

What's hot

โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5kessara61977
 
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มรายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มGuntima NaLove
 
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาThongsawan Seeha
 
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุงเทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุงBoomCNC
 
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4Thanawut Rattanadon
 
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมแบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมdnavaroj
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทchaipalat
 
โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5ChutimaKerdpom
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทAekapoj Poosathan
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDFโครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDFWichitchai Buathong
 
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียนโครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียนพัน พัน
 
เรียงความ Is1
เรียงความ Is1เรียงความ Is1
เรียงความ Is1panisra
 
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงานชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงานSAKANAN ANANTASOOK
 
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...Suricha Phichan
 
ภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้องภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้องkrupornpana55
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...ssuser858855
 
โครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติดโครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติดพัน พัน
 

What's hot (20)

โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
 
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มรายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
 
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
แผนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
 
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุงเทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
 
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
 
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
 
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมแบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
 
8 การเขียนเชิงวิชาการ(238 262)
8 การเขียนเชิงวิชาการ(238 262)8 การเขียนเชิงวิชาการ(238 262)
8 การเขียนเชิงวิชาการ(238 262)
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDFโครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
 
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียนโครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
โครงงานเรื่อง การศึกษาต้นไม้ในโรงเรียน
 
เรียงความ Is1
เรียงความ Is1เรียงความ Is1
เรียงความ Is1
 
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงานชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
 
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
 
ภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้องภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้อง
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
 
โครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติดโครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติด
 
ระดับภาษา 2
ระดับภาษา 2ระดับภาษา 2
ระดับภาษา 2
 

Similar to Is2 การสื่อสารและการนำเสนอ กลุ่ม1

ใบความรู้ การเขียนรายงาน
ใบความรู้ การเขียนรายงานใบความรู้ การเขียนรายงาน
ใบความรู้ การเขียนรายงานDuangsuwun Lasadang
 
คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...
คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...
คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...Totsaporn Inthanin
 
การเขียนบทความวิจัย
การเขียนบทความวิจัยการเขียนบทความวิจัย
การเขียนบทความวิจัยsanya111
 
7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)
7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)
7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)อัมพร ศรีพิทักษ์
 
ทักษะการอ่าน
ทักษะการอ่านทักษะการอ่าน
ทักษะการอ่าน0872191189
 
Ppt1ความเรียงขั้นสูง
Ppt1ความเรียงขั้นสูงPpt1ความเรียงขั้นสูง
Ppt1ความเรียงขั้นสูงAttaporn Saranoppakun
 
ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ
ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ
ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญPiyarerk Bunkoson
 
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)Nu Beer Yrc
 
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัยแนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัยwitthaya601
 
เธšเธ—เธ„เธงเธ
เธšเธ—เธ„เธงเธเธšเธ—เธ„เธงเธ
เธšเธ—เธ„เธงเธkhaowpun
 
Baikwam roootee6
Baikwam roootee6Baikwam roootee6
Baikwam roootee6TBnakglan
 
ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์
ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์
ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์Supaporn Khiewwan
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2Krudoremon
 
ใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงาน
ใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงานใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงาน
ใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงานPraphaphun Kaewmuan
 
การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙ พค ๒๕๕๔
การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙  พค ๒๕๕๔การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙  พค ๒๕๕๔
การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙ พค ๒๕๕๔บรรลุ ช่อชู
 
ขั้นตอนการเขียนบทวิทยุ
ขั้นตอนการเขียนบทวิทยุขั้นตอนการเขียนบทวิทยุ
ขั้นตอนการเขียนบทวิทยุSakulsri Srisaracam
 

Similar to Is2 การสื่อสารและการนำเสนอ กลุ่ม1 (20)

ใบความรู้ การเขียนรายงาน
ใบความรู้ การเขียนรายงานใบความรู้ การเขียนรายงาน
ใบความรู้ การเขียนรายงาน
 
คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...
คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...
คู่มือการเขียนรายงาน การอ้างอิง การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ สมาคมวิทยาศาสตร์ ...
 
การเขียนบทความวิจัย
การเขียนบทความวิจัยการเขียนบทความวิจัย
การเขียนบทความวิจัย
 
โวหารการเขียน
โวหารการเขียนโวหารการเขียน
โวหารการเขียน
 
7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)
7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)
7 การเขียนเรียงความและการเขียนย่อความ(209-237)
 
บทเรียน ประกอบแผนที่ 8
บทเรียน ประกอบแผนที่ 8บทเรียน ประกอบแผนที่ 8
บทเรียน ประกอบแผนที่ 8
 
ทักษะการอ่าน
ทักษะการอ่านทักษะการอ่าน
ทักษะการอ่าน
 
News
NewsNews
News
 
Ppt1ความเรียงขั้นสูง
Ppt1ความเรียงขั้นสูงPpt1ความเรียงขั้นสูง
Ppt1ความเรียงขั้นสูง
 
ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ
ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ
ใบความรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ
 
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานคิมพิวเตอร์ (เดี่ยว)
 
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัยแนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
 
เธšเธ—เธ„เธงเธ
เธšเธ—เธ„เธงเธเธšเธ—เธ„เธงเธ
เธšเธ—เธ„เธงเธ
 
Baikwam roootee6
Baikwam roootee6Baikwam roootee6
Baikwam roootee6
 
ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์
ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์
ส่วนประกอบหนังสือวารสารและหนังสือพิมพ์
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
06.pdf
06.pdf06.pdf
06.pdf
 
ใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงาน
ใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงานใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงาน
ใบความรู้เรื่อง การนำเสนอผลงาน
 
การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙ พค ๒๕๕๔
การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙  พค ๒๕๕๔การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙  พค ๒๕๕๔
การเขียนบทความวิจัย บุรีรัมย์ ๙ พค ๒๕๕๔
 
ขั้นตอนการเขียนบทวิทยุ
ขั้นตอนการเขียนบทวิทยุขั้นตอนการเขียนบทวิทยุ
ขั้นตอนการเขียนบทวิทยุ
 

More from พัน พัน

เรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการเรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการพัน พัน
 
เรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซีเรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซีพัน พัน
 
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษรการเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษรพัน พัน
 
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัยระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัยพัน พัน
 
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศพัน พัน
 
ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้พัน พัน
 

More from พัน พัน (20)

เรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการเรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการ
 
เรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซีเรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซี
 
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษรการเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
 
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
 
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
 
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
 
การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์
 
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัยระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
 
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
 
เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
การปริ้น
การปริ้นการปริ้น
การปริ้น
 
Office
OfficeOffice
Office
 
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
 
ยาเสพติด
ยาเสพติดยาเสพติด
ยาเสพติด
 

Is2 การสื่อสารและการนำเสนอ กลุ่ม1

  • 2. ความหมาย  IS 2- การสื่อสารและการนาเสนอ (Communication and Presentation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนนาความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนาวิธีการการ ถ่ายทอด/สื่อสารความหมาย/แนวคิด ข้อมูลและองค์ความรู้ ด้วยวิธีการนาเสนอ ที่เหมาะสม หลากหลายรูปแบบ และมีประสิทธิภาพ
  • 3. หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 องค์ประกอบและวิธีการเขียนโครง ร่างรายงานทางวิชาการ   สาระสาคัญ การเขียนรายงานทางวิชาการ จะให้ความสาคัญกับการจัดรูปแบบและ องค์ประกอบเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้เขียนรายงานจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการจัดรูปแบบและ องค์ประกอบของรายงานทางวิชาการ เพื่อจะได้จัดทารายงานทางวิชาการได้ถูกต้อง สาระการเรียนรู้ 1)ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ 2)แนวคิดพื้นฐานในการเขียนรายงาน 3)องค์ประกอบของการเขียนรายงาน และ 4)การเขียนโครงร่างรายงาน การเขียนรายงานทางการศึกษา เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ผลงาน และเครื่องมือสือสาร ่ ระหว่างผู้พัฒนาการศึกษาด้วยกัน เป็นเอกสารหลักฐานในการวางแผนพัฒนางาน และเป็น เครื่องมือ ในการประเมินคุณภาพงาน การเขียนรายงานเป็นการสื่อสารให้ผู้อื่นรับทราบ จึง ต้องเขียนให้ถูกต้อง ตามรูปแบบสากล ที่คนทั่วไปเข้าใจ ยอมรับ คืออิงหลักวิชาการ ถ้าผู้เขียนได้ ศึกษาหลักการ แนวคิดที่เป็นพื้นฐานในการเขียนรายงาน มีการฝึกทักษะการเขียนก็จะเขียนได้ เขียนเป็น
  • 4. 1. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ      ในการเขียนรายงานนั้น มีความหมายของคาบางคา ใกล้เคียงกัน ที่ควรทราบ เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และนาไปใช้ในการวางแผนการเขียน ให้สอดคล้องกับลักษณะของงาน ดังนี้ รายงาน (Report) หมายถึง ผลงานของการศึกษาค้นคว้า หรือการปฏิบติงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่าง ั ละเอียด แล้วนามาเรียบเรียงขึนใหม่ อย่างมีระเบียบ แบบแผน ทีกาหนดไว้ เพื่อให้ผู้สั่งงาน หรือผู้รบรายงาน ้ ่ ั และผู้สนใจทั่วไป พิจารณา บทนิพนธ์ หมายถึง ผลงานการเรียบเรียง อันเนื่องมาจากการศึกษาค้นคว้า ของผู้ศึกษา จาแนกเป็น รายงาน ภาคนิพนธ์ และปริญญานิพนธ์ ภาคนิพนธ์ (Term Paper) หมายถึง ผลงานที่รวบรวมและเรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทีผสอนมอบหมายให้ทา ใช้เป็นส่วนประกอบของการศึกษาวิชาใดวิชาหนึง มีลกษณะเป็นการศึกษา ่ ู้ ่ ั เอกสาร ไม่ใช่วิจัยสนาม (Field Research) ซึ่งมักมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์จริง วิทยานิพนธ์ (Thesis Dissertations) เป็นรายงาน ที่เรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าวิจัย ข้อเท็จจริง อย่าง ละเอียดลึกซึ้งรอบคอบ ตามลาดับขันของการวิจัย เป็นรายงานที่จดทาเพื่อการศึกษา ระดับปริญญาโทหรือ ้ ั ปริญญาเอก มีปริมาณและคุณภาพสูงกว่า ภาคนิพนธ์
  • 5. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ (ต่อ)    รายงานโดยทั่วไป มีลกษณะคล้ายคลึงกัน คือ การแสดงความคิด ความรู้ และความรู้สึก มีรายละเอียดการเขียน ั แตกต่างกันบ้าง อาจแบ่งรายงานเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือรายงานทั่วไป กับ รายงานทาง วิชาการ รายงานทั่วไป ได้แก่รายงานข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น ของบุคคลหรือหน่วยงานหรือ สถานการณ์ เหตุการณ์ ซึ่งได้ดาเนินไปแล้ว หรือกาลังดาเนินอยู่ หรือจะดาเนินต่อไป ได้แก่ รายงานแสดงผล งาน หรือรายงานเสนอผลงาน ซึงผู้รับผิดชอบรายงานผลการปฏิบติงาน ต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้เกี่ยวข้อง ว่ามี ่ ั ผลงานเป็นอย่างไร หรือมีแนวโน้มไปทางใด รายงานเหตุการณ์ บอกให้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ เป็นระยะ ถ้ามี เหตุการณ์ใดเกิดขึนจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ้ รายงานทางวิชาการ ได้แก่ รายงานที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า ของนักวิชาการหรือสถาบันทางวิชาการ มัก ได้จากการศึกษา ค้นคว้า วิจัย โดยมีระเบียบวิธการศึกษาค้นคว้าที่เป็นระบบ และมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ ี เป็นข้อเท็จจริง ปราศจากการต่อเติมเสริมแต่งใช้สานวนภาษาที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่ใช้พรรณนาโวหาร ไพเราะ เน้นความรู้ ความถูกต้อง มีระบบการอ้างอิง ทีมาของข้อมูล เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้า ่ อ้างอิงได้ใช้ชื่อต่าง ๆ เช่น รายงานการค้นคว้าทดลอง รายงานการวิจัย รวมถึง รายงานภาคนิพนธ์ และ วิทยานิพนธ์ ก็เป็นรายงานทางวิชาการแบบหนึ่ง
  • 6. 2. แนวคิดพื้นฐานในการเขียนรายงาน  การเขียนรายงาน โดยเฉพาะรายงานทางวิชาการที่มีประโยชน์ จาเป็นจะต้องอิงหลัก วิชาการ เป็นการนาเสนอความคิด ความรู้ ที่ถกต้อง เกิดประโยชน์ในการอ่าน ตอบสนองความ ู ต้องการของผู้อ่านได้ เพราะความมุ่งหมายทีแท้จริงของการเขียน ก็คือ เขียนเพื่อให้ผู้อนอ่าน ่ ื่ การที่จะเขียนให้ผอ่านได้รับประโยชน์จากการอ่านตามจุดมุ่งหมาย ผูเ้ ขียนควรจะได้เขียนอย่าง ู้ ประณีตในการใช้รูปแบบถ้อยคาภาษา จัดลาดับการนาเสนอเนื้อหา เป็นขั้นตอน ต่อเนือง ่ สัมพันธ์กัน นักเขียนมืออาชีพ จะพิจารณาตอบคาถาม 3 ข้อต่อไปนี้ ก่อนลงมือเขียนผลงาน 1. คุณลักษณะของผู้อ่านเป็นอย่างไร 2. ผูเ้ ขียนมีจุดประสงค์ในการเขียนอย่างไร 3. ควรจะเรียบเรียงนาเสนอเนือหาอย่างไร ้
  • 7. หลักการ แนวคิดพื้นฐานสาคัญของนักเขียนมืออาชีพ  1. คานึงถึงผู้อ่าน ถ้าได้ทราบล่วงหน้า ว่าผู้อ่านรายงานคือใคร พื้นฐานความรู้ความคิดเป็น อย่างไร จะทาให้ทราบความรู้ ความสามารถ และความคาดหวัง ที่ผอ่านต้องการจากรายงานได้ ู้ ทาให้การเขียนรายงานทาได้ตรงความต้องการของผูอ่าน รายงานจะมีประโยชน์มากกว่าเขียน ้ ครอบคลุมผูอ่านหลายระดับ ซึ่งตอบสนองได้ยากกว่าเขียนโดยคานึงถึงผู้อ่าน ยึดความต้องการ ้ ของผูอ่านเป็นสาคัญ ผูอ่านต้องการทราบอะไรเขียนให้ตรง ไม่ควรเขียน หรือรายงานทุกอย่าง ้ ้ ที่ผู้เขียนทราบ แต่รายงานเฉพาะที่ผู้รับรายงานต้องการหรือควรทราบเท่านั้น ประหยัดเวลา ของผูอ่าน เพือให้ผู้อ่านทราบถึงสิ่งที่ต้องการโดยเร็ว เขียนเนื้อหาสั้น ๆ ให้ได้ความชัดเจนเขียน ้ ่ สาระสาคัญ บทสรุปและข้อเสนอแนะ ให้มีจุดสังเกต เห็นได้ง่าย เช่น ตัวใหญ่ ตัวหนา แยกห่าง จากข้อความอื่น หรือมีเครื่องหมายพิเศษกากับเขียนให้สอดคล้องกับ พฤติกรรมการอ่านของ ผู้อ่าน (พอกซัน. 2537 : 26) มีการวิจัยพบว่า แนวคิด ข้อความ ที่กล่าวถึงก่อน จะทาให้ผู้อาน ่ จาได้มากกว่า แนวคิดข้อความที่กล่าวภายหลัง เอกสารยิ่งยาว ความน่าอ่านก็ยิ่งลดลง ผู้อ่าน สนใจที่จะอ่าน ปัญหาและข้อสรุป ตลอดจนคาแนะนาต่าง ๆ มากกว่าจะอ่าน คาบรรยาย เรื่อง วิธีการ เนื้อหาทั่วไปหรือข้อมูล รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ และผูอ่านรายงานมักจะคิด ้ ว่าตนเองถูกเสมอ
  • 8. หลักการ แนวคิดพื้นฐานสาคัญของนักเขียนมืออาชีพ (ต่อ)    2. กาหนดจุดประสงค์ในการเขียน ถ้าผูเขียนมีจุดประสงค์ของการเขียนชัดเจนผู้เขียนจะได้ ้ แนวทางในการเขียน และผู้อ่านจะได้รับรู้แนวทางชัดเจนตามไปด้วย ไม่ควรเขียนเพราะ จาเป็นต้องเขียน ก่อนเขียน ควรจะตอบคาถามให้ได้ว่า ต้องการให้รายงานนี้ มีผลต่อผูอ่าน ้ และต่อผูเ้ ขียนเองอย่างไรบ้าง จุดประสงค์ของการเขียนทั่วไป 4 ข้อ มีดังนี้ 1. เพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริง ให้ความรู้ ให้ข้อมูล 2. เพื่อแนะนา ชักจูงให้เชื่อถือ ปฏิบัติตาม 3. เพื่อแสดงตัวของผู้เขียน เพราะการเขียนจะบ่งบอกคุณลักษณะของผู้เขียน 4. เพื่อสนับสนุนหลักการ ให้ความบันเทิง อารมณ์ขัน การเขียนที่มีจุดประสงค์แตกต่างกัน ต้องเลือกเนื้อหา วิธีเขียน รูปแบบการเขียน และเลือกใช้ ภาษาที่ต่างกัน จึงจะเกิดผลตามความมุ่งหมาย จุดประสงค์ของการเขียนรายงาน ควรจะมีหลายข้อ เรียงตามลาดับความสาคัญ คือ ควรมุ่ง แสดงข้อเท็จจริง ให้ข้อมูล แนวปฏิบัติ ความคิด ความรู้
  • 9. หลักการ แนวคิดพื้นฐานสาคัญของนักเขียนมืออาชีพ (ต่อ)   3. กาหนดรูปแบบการเรียบเรียงนาเสนอเนื้อหา การเสนอเนื้อหา หรือแนวในการเขียน หมายถึง วิธีเรียบเรียงข้อความให้ สอดคล้องกับเนื้อหา จุดมุงหมายในการเขียน จนผู้อ่านสามารถรับ และเข้าใจได้ดีถงสาระ ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อสาร แนวการ ่ ึ เขียนมีหลายแบบตามประเภทของงานเขียน ผู้เขียนจะต้องกาหนดแนวการเขียนไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้ยึดถือเป็นแนวในการเขียน ให้สม่าเสมอตลอดทั้งเล่มรายงาน เป็นความเรียงให้ความคิด ความรู้ ต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว แจ่มแจ้ง จึง นิยมเขียนเป็นความเรียง ซึ่งเป็นแนวการเขียนในลักษณะเรียบเรียงข้อความเป็นเรื่องเป็นราว โดยใช้ภาษาตรงไปตรงมา สั้น กระชับ ลักษณะของรายงานที่ดีตาม ความคาดหวังของผู้อาน มีแนวทางการนาเสนอ 3 ประการ คือ ่ 1. นาเสนอความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นของตนเอง ความแปลกใหม่ เช่น นาเสนอแนวคิดเก่าด้วยวิธีการใหม่ ใช้วิธีใหม่ ๆ ใน การปฏิบัติ การอธิบายความ ไม่ใช่เพียงแต่นาข้อเท็จจริงมาเรียงต่อ ๆ กัน เท่านัน ้ 2. ใช้ทานองเขียนที่สม่าเสมอ ลักษณะของการนาเสนอ ย่อมขึ้นอยู่กบเรื่องที่เขียน และ ั คุณลักษณะของผู้อ่านและผู้เขียนแต่ละคนด้วย แต่ควรจะใช้ทานองเขียน เสมอต้นเสมอปลายทังเล่ม เช่นการดาเนินเรื่อง การ ้ เขียนหัวข้อ การเขียนสรุป การกล่าวถึงตัวผู้เขียนและกล่าวถึงผู้อ่าน 3. จัดลาดับเนื้อหาสาระ ใช้โครงสร้างรูปแบบสากล โดยทั่วไปงานเขียนมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ บทนา เนื้อหา และ บทสรุป บทนาต้องสร้างความสนใจในเนื้อหา เนื้อหาให้ความกระจ่าง ชัดเจน ถูกต้อง แสดงผลตามจุดมุ่งหมาย บทสรุปมี ข้อความอภิปรายที่ผู้อ่านประทับใจ 4. แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง กว้างขวาง มีเนื้อหาครบถ้วนตามหัวข้อทีกาหนด ่ 5. ใช้ภาษาถูกต้องที่เป็นทางการ ภาษาราชการ เป็นทีนิยมใช้กนโดยทั่วไป ่ ั
  • 11. ส่วนประกอบตอนต้น     เป็นส่วนประกอบที่อยู่ตอนต้นเล่มของรายงานก่อนถึงเนื้อเรื่องประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ 1. ปกนอก (Cover หรือ Binding) คือส่วนที่เป็นปกหุ้มรายงานประกอบด้วยปกหน้า สัน และปกหลัง ควรเป็นกระดาษแข็งพอสมควรสีสันเหมาะสมกับเนื้อหา หรืออาจใช้ปกของแต่ละสถาบันการศึกษาซึงได้จัดทา ่ สาเร็จไว้แล้วก็ได้ อาจมีภาพหรือไม่กได้ถ้ามีภาพควรให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง การจัดวางรูปแบบควรจัดให้สวยงามเหมาะสม ็ ปัจจุบนการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ทาให้สามารถออกแบบปกให้สวยงามได้อย่างสะดวกง่ายดาย ข้อความทีปรากฏบนปกนอก ั ่ ประกอบด้วย 1.1 ชื่อเรื่องของรายงาน อยู่หางจากขอบบนของหน้ากระดาษลงมาประมาณ 1.5 – 2 นิ้ว และควรกะให้อยู่กึ่งกลางพอดี (ไม่มคา ่ ี ว่ารายงานเรื่อง) 1.2 ชื่อผู้เขียนรายงาน ให้อยู่ตรงส่วนกลางของหน้ากระดาษ เขียนหรือพิมพ์ชื่อและนามสกุลของผู้เขียนรายงาน ในกรณีที่ รายงานนันมีผู้เขียนหลายคนให้ใส่ชื่อทุกคนโดยจัดเรียงตามลาดับตัวอักษร ้ 1.3 ส่วนล่างของหน้าปก ประกอบด้วยข้อความตามลาดับ ดังนี้ 1.3.1 ชื่อของรายวิชาที่กาหนดให้เขียนรายงาน 1.3.2 ระดับชั้น 1.3.3 ชื่อของสถาบันการศึกษา 1.3.4 ภาคการศึกษา ปีการศึกษาที่ทารายงาน บรรทัดล่างสุดของส่วนล่างปกควรห่างจากขอบล่าง 1.5 – 2 นิ้ว บทนิพนธ์ของ แต่ละมหาวิทยาลัยอาจแตกต่างกันบ้าง ในรายละเอียดตามที่สถาบันกาหนด
  • 12. ส่วนประกอบตอนต้น (ต่อ)   2. หน้าปกใน (Title Page) อยู่ต่อจากปกนอกและมีขอความเช่นเดียวกับปกนอก ชื่อเรื่องของรายงานพิมพ์อยู่ ้ ตรงกึ่งกลางของหน้ากระดาษ โดยให้หางจากขอบบนประมาณ 2 นิ้ว และห่างจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเท่าๆ ่ กันถ้าชื่อเรื่องยาวแบ่งเป็นสอง-สามบรรทัดตามความเหมาะสม ชื่อผู้เขียนรายงานโดยทั่วไปเขียนเฉพาะชื่อและ นามสกุลไม่ต้องเขียนคานาหน้านาม เช่น นาย นาง นางสาว ยกเว้นในกรณีที่ผู้เขียนมียศหรือบรรดาศักดิ์ เช่น ม.ร.ว ม.ล. หรือ ร.ต.ท. ฯลฯ ให้ใส่ไว้ด้วยใต้ชื่อผู้เขียนควรใส่เลขประจาตัวหรือรหัสประจาตัวนักศึกษาด้วย ตา แหน่งของชื่อผู้เขียนคือตรงกลางหน้ากระดาษ เว้นระยะจากขอบกระดาษซ้ายและขวาเท่าๆ กัน และอยูห่างจาก ่ ข้อความส่วนบนและส่วนล่างของหน้ากระดาษเป็นระยะพอๆ กัน ในกรณีทมีผู้เขียนหลายคนให้เขียนชื่อทุกคน ี่ เรียงตามลาดับอักษร และใส่รหัสประจาตัวไว้ต่อจากชือในบรรทัดเดียวกัน ส่วนข้อความทีแจ้งว่าเป็นรายงานการ ่ ่ ค้นคว้าประกอบรายวิชาใด สถาบันศึกษาใด ภาคเรียนและปีการศึกษาใด จัดพิมพ์ไว้ส่วนท้ายของหน้ากระดาษ โดยให้บรรทัดสุดท้ายอยู่หางจากขอบล่างประมาณ 1 นิว ่ ้ 3. คานา (Preface) คือส่วนทีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของรายงานเรื่องนั้น รวมทั้งความสาคัญและขอบเขตของ ่ เนื้อหา นอกจากนั้นยังอาจกล่าวขอบคุณผูมีส่วนช่วยเหลือในการจัดทา จนสาเร็จด้วยดี คานาอาจมีเพียงย่อหน้า ้ เดียว สอง หรือสามย่อหน้าก็ได้ขนอยู่กบความเหมาะสมของเนื้อหา คานาไม่ควรเขียนยาวเกินไป ให้พิมพ์คาว่า ึ้ ั “คานา” ไว้กลางหน้ากระดาษไม่ขดเส้นใต้ห่างจากขอบบน 2 นิ้ว แล้วพิมพ์ข้อความในบรรทัดถัดลงมา เมื่อจบ ี ข้อความแล้วให้ลงชื่อ นามสกุลของผู้เขียน ถ้าทางานเป็นกลุมให้ลงคาว่า “คณะผู้จดทา” และลงวันที่ เดือน ่ ั (เขียนเต็มไม่เขียนย่อ) ปี (ไม่ต้องมีคาว่า พ.ศ.) กากับไว้ดวย ้
  • 13. ส่วนประกอบตอนต้น (ต่อ)    4. สารบัญ (Table of Contents) ให้เขียนหรือพิมพ์คาว่า “สารบัญ” ด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากขอบ บนลงมา 2 นิ้ว มีลักษณะคล้ายโครงเรื่องอยู่หลังคานาจัดทาเมือเขียนหรือพิมพ์รายงานเสร็จแล้ว เป็นหน้าทีบอก ชื่อตอน บท ่ ่ หัวข้อใหญ่หรือหัวข้อย่อยเรียงตามลาดับเนื้อหาในเล่ม มีเลขหน้าเริ่มต้นกากับอยู่ดานขวามือ พิมพ์ห่างขอบประมาณ 1 นิ้ว ้ ข้อความในหน้าสารบัญให้เขียนหรือพิมพ์ห่างจากขอบซ้ายของหน้ากระดาษ 1.5 นิ้ว 5. สารบัญตารางหรือบัญชีตาราง (List of Tables) จัดทาเมื่องานเขียนนันมีตารางจานวนมาก และตารางเป็นส่วนประกอบที่ ้ สาคัญของเนื้อหา (ถ้างานเขียนนันทั้งเล่มมีตารางเพียงหนึงหรือสองตารางก็ไม่จาเป็นต้องทาหน้าสารบัญตาราง) เรียงไว้ต่อจาก ้ ่ หน้าสารบัญเป็นหน้าที่แสดงให้ทราบถึงจานวนตารางทั้งหมดในเนื้อเรื่องเรียงตามลาดับทีปรากฏในรายงานซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่าน ่ ค้นหาได้สะดวก จัดหน้าลักษณะเดียวกับสารบัญโดยพิมพ์ไว้กลางหน้ากระดาษห่างจากขอบบนลงมา 2 นิ้ว พิมพ์คาว่า “บัญชี ตาราง” หรือ “สารบัญตาราง” และเปลียนคาว่า “บทที่” เป็น “ตารางที” ่ ่ 6. สารบัญภาพประกอบหรือบัญชีภาพประกอบ (List of illustrations) อยู่ต่อจากหน้าบัญชีตาราง (ถ้ามี) เป็นหน้าที่บอกให้ ทราบถึงจานวนภาพประกอบ แผนผัง แผนที่ กราฟ แผนภาพทางสถิติตางๆ หรือแผนภูมิ ทั้งหมดในเรื่องไปจนถึงภาคผนวก ่ พิมพ์คาว่า “บัญชีภาพประกอบ” “สารบัญภาพ” “สารบัญแผนภูม” และเปลี่ยนคาว่า “บทที่” เป็น “ภาพที่” การกากับหน้าใน ิ ส่วนประกอบตอนต้นนันให้เริ่มนับตั้งแต่หน้าปกในเป็นต้นไปโดยใช้ตัวอักษรกากับ งานเขียนภาษาไทยใช้ ก ข ค… และงานเขียน ้ ภาษาอังกฤษใช้เลขโรมัน I II III…เรียงไปตามลาดับ
  • 14. ส่วนประกอบตอนกลางหรือส่วนเนื้อหา (Text)      เป็นส่วนที่เป็นเนื้อหาโดยละเอียดซึ่งผู้ทารายงานได้เรียบเรียงขึนจากการศึกษาค้นคว้า จึงถือว่าเป็นส่วนสาคัญที่สุดของงานเขียน ้ ทางวิชาการทุกประเภท ประกอบด้วย 1.บทนา (Introduction) เป็นสิ่งแรกที่จะทาให้ผู้อ่านได้สัมผัสกับความคิดและกลวิธีการเขียนของผู้เขียน มีส่วนอย่างสาคัญใน การจุดประกายความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามอ่านต่อไป ถ้าบทนาไม่นาสนใจ สับสน หรือคลุมเครือผู้อ่านจะไม่รู้สึกอยาก ่ อ่านดังนันบทนาจึงต้องชัดแจ้ง น่าอ่าน และกระตุนความสนใจของผู้อ่านตังแต่แรกเริ่มของบทนิพนธ์ ้ ้ ้ บทนาอาจเป็นแค่เพียงย่อหน้าเดียวหรือทั้งบทก็ได้โดยทั่วไปแล้วความยาวของรายงานการค้นคว้ามีผลต่อความยาวของบทนา รายงานฉบับเล็กๆ อาจจะมีความนาที่เรียบเรียงอย่างน่าอ่านเพียงหนึงย่อหน้าที่เรียกว่าย่อหน้านา ในขณะที่ภาคนิพนธ์เรื่องยาวๆ ่ อาจจะมีบทนาแยกต่างหากหนึ่งบท สาหรับบทนาที่แยกเป็นบทจะจัดอยู่ในบทที่ 1 โดยเขียนแบบเดียวกับบทอืนๆ คือกลางหน้ากระดาษ บรรทัดแรกเขียน “บทที่ 1” ่ และบรรทัดถัดลงมาใช้ชื่อบทว่า “บทนา” หรืออาจใช้ชื่อบทเป็นอย่างอืนตามความเหมาะสม ในกรณีที่เขียนบทนาอย่างสันแต่ ่ ้ เนื้อหาอืนๆ แบ่งเป็นบทอาจใช้หัวข้อว่า “บทนา” หรือ “ความนา” โดยไม่ต้องมีคาว่าบทที่ ่ เนื้อความที่เรียบเรียงลงในบทนาเป็นการปูพนให้ผู้อ่านเข้าใจความเป็นมาของเรื่อง ความมุงหมายและขอบเขตของเรื่องหรือ ื้ ่ สภาพปัญหาที่ต้องการนาเสนอ หรือความบันดาลใจของเรื่องทังนี้เพื่อเป็นการนาผู้อ่านเข้าสู่เนื้อเรื่องให้ผู้อ่านมองเห็นภาพรวม ้ ของเนื้อเรื่องทั้งหมด
  • 15. ส่วนประกอบตอนกลางหรือส่วนเนื้อหา (Text) (ต่อ)   2.ส่วนเนื้อหา (Body of Paper) เป็นส่วนที่เสนอเรื่องราวสาระทั้งหมดของรายงาน การค้นคว้า การนาเสนอเนื้อหาอาจแบ่งเป็นบทหรือเป็นตอนเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็น ประเด็นสาคัญของเนื้อหาตามลาดับและต่อเนื่องกัน ส่วนการจะแบ่งเป็นบทหรือเป็น ตอน หรือเป็นหัวข้ออย่างไรและมีจานวนมากน้อยเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะ ขอบเขต และความสั้นยาวของเนื้อเรื่องถ้าเป็นรายงานการค้นคว้าขนาดสั้นไม่จาเป็นต้องแบ่งเป็น บทหรือตอนก็ได้เพียงแต่แบ่งตามหัวข้อสาคัญๆ ของเนื้อเรื่องให้เหมาะสมแต่ถ้าเป็นภาค นิพนธ์ขนาดยาวควรแบ่งเป็นบทหรือตอนให้ชัดเจน 3. บทสรุปหรือสรุป (Conclusion) คือส่วนที่เขียนย้าหรือเน้นประเด็นสาคัญของ เนื้อหาหรือสรุปผลของการศึกษาค้นคว้า เช่นเดียวกับที่บทนาเป็นความสาคัญขั้นแรกใน การชักจูงให้ผู้อ่านสนใจติดตามเนื้อเรื่อง บทสรุปก็มีบทบาทสาคัญในการทาให้ผู้อ่านจับ ประเด็นของเนื้อเรื่องที่ได้อ่านไปทั้งหมด บทสรุปจะอยู่ตอนท้ายของเนื้อเรื่อง อาจแยก เป็นบทตากหากหรือเป็นเพียงย่อหน้าท้ายๆ ของเรื่อง
  • 16. ส่วนประกอบตอนท้าย (back matter หรือ reference matter)      เป็นส่วนที่อยูถดจากเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย ่ั 1. หน้าบอกตอน (Half Title Page) คือหน้าที่พมพ์ขอความไว้กลางหน้ากระดาษเพื่อบอกว่าส่วนที่อยู่ถดไปคือ ิ ้ ั อะไร ส่วนใหญ่แล้วหน้านี้จะปรากฏในส่วนประกอบตอนท้ายของรายงานการค้นคว้า เช่น หน้าบอกตอน “บรรณานุกรม” หน้าบอกตอน “ภาคผนวก” และหน้าบอกตอน “ดรรชนี” 2. บรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิง (Bibliography หรือ References) เป็นรายชื่อทรัพยากรสารสนเทศ ทั้งหมดที่ใช้ประกอบการค้นคว้า รายการวัสดุอ้างอิงทุกชิ้นทีปรากฏอยู่ในเนื้อหาต้องมาปรากฏอยู่ในบรรณานุกรม ่ ด้วย แต่อาจมีบางรายการทีมีอยู่ในบรรณานุกรมแต่ไม่ปรากฏในการอ้างอิงเพราะผู้เขียนเพียงแต่ได้แนวคิดมาจาก ่ วัสดุนนแต่ถ้าใช้คาว่าเอกสารอ้างอิง รายการที่อยู่ในเนื้อหาและในรายการเอกสารอ้างอิงต้องมีตรงกันทุกรายการ ั้ การเขียนบรรณานุกรม หรือเอกสารอ้างอิงต้องเขียนให้ถกต้องตามแบบแผน ู 3. ภาคผนวก (Appendix) คือส่วนทีนามาเพิ่มไว้ตอนท้ายของรายการเพราะไม่ใช่เนื้อหาทีแท้จริงหรือไม่ได้เป็น ่ ่ ส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง แต่เห็นว่ามีประโยชน์เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องหรือช่วยให้ผู้อ่านมีความรูความ ้ เข้าใจเรื่องราวได้ดขน แต่ทั้งนี้รายการการค้นคว้าไม่จาเป็นต้องมีภาคผนวกเสมอไปขึนอยู่กบความจาเป็นและ ี ึ้ ้ ั ความเหมาะสมของแต่ละเรือง ่ 4. ดรรชนี หรือ ดัชนี (Index) คือบัญชีรายชื่อ หรือคา หรือหัวข้อในเนื้อเรื่องทีนามาจัดเรียงไว้ตามลาดับอักษร ่ พร้อมทั้งแจ้งเลขหน้าที่ปรากฏ ดรรชนีเป็นเครื่องมือช่วยให้คนเรื่องได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ้
  • 17. 4. การเขียนโครงร่างรายงาน (Report Outline)  การเขียนโครงร่าง ผู้เรียนจะต้องแสดง ชื่อโครงการ สาระการเรียนรู้/วิชา ชื่อผู้ ค้นคว้าหรือเจ้าของผลงาน ความสาคัญของหัวข้อเรื่องที่ค้นคว้า วัตถุประสงค์ ของการค้นคว้า ประโยชน์ที่ได้รับจากการค้นคว้า การรวบรวมสรุปข้อมูลที่ได้ จากการค้นคว้าพร้อมเอกสารอ้างอิง วิธหรือแบบแผนการค้นคว้าการเก็บ ี รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
  • 18. การกาหนดหัวข้อค้นคว้า (Research Question)              ชื่อเรื่องจะต้องสะท้อนหรือชี้วัดให้เห็นภาพของผลงาน ซึ่งจะต้องเรียบเรียงเป็นรูปคาถาม หรือ ประเด็นค้นคว้า ในที่นี้จะ นาเสนอเป็นตัวอย่าง เช่น ๑. หัวข้อเรื่อง : การออกแบบโทรศัพท์มือถือสาหรับวัยรุ่นไทย หัวข้อค้นคว้า : องค์ประกอบสาคัญในการออกแบบโทรศัพท์มือถือสาหรับวัยรุ่นไทย ๒. หัวข้อเรื่อง : การออกแบบจักรยาน หัวข้อค้นคว้า : การแนะนาวัสดุใหม่ๆ สามารถปรับปรุงการออกแบบรถจักรยานแข่งขันแบบใหม่ได้หรือไม่ ๓. หัวข้อเรื่อง : ความรุนแรงในครอบครัวไทย หัวข้อค้นคว้า : ศึกษา/วิเคราะห์สาเหตุของความรุนแรงในครอบครัวไทยและทางแก้ปัญหา ๔. หัวข้อเรื่อง : ความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองไทย หัวข้อค้นคว้า : ศึกษา/วิเคราะห์สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างคนไทยสองกลุ่มและทางแก้ปัญหา ฯลฯ ๕. หัวข้อเรื่อง : การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด หัวข้อค้นคว้า : ศึกษาผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ๖. หัวข้อเรื่อง : การโฆษณา หัวข้อค้นคว้า : การใช้ทัศนศิลป์ในการโฆษณาสินค้า
  • 20. การกาหนดโครงสร้างของผลงาน (ต่อ)        ๑. คานา (Introduction) สาระจะต้องประกอบด้วย การให้เหตุผลในการเลือกหัวข้อเรื่อง ความสาคัญและคุณค่าที่ได้จากการศึกษา บอกความเป็นมาและความสาคัญของหัวข้อเรื่อง ระบุหัวข้อค้นคว้า (Research Question) ให้ชัดเจน ๒. เนื้อเรื่อง (Body/Development) เนื้อเรื่องเป็นส่วนสาคัญของผลงานความเรียง ซึ่งผู้เขียนจะต้องลาดับเนื้อหาตามรูปแบบโครงสร้างที่ถูกต้อง โดยจัดลาดับเนื้อหาเป็นหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อยตามธรรมชาติของเนื้อหา การลาดับความคิดหลักและ ความคิดรองเป็นต้น ๓. บทสรุป (Conclusion) บทสรุปจะต้องมีลักษณะของการสรุปการนาเสนอความคิดรวบยอดที่เกี่ยวเนื่องกับหัวข้อเรื่อง การอ้างอิง หลักฐานประกอบความคิด จบด้วยการเสนอและชี้นาประเด็นที่ค้นพบ รวมทั้งหัวข้อเรื่องประเด็น/เรื่อง ที่ ยังไม่ได้ค้นคว้าศึกษาในผลงานชิ้นนี้ แต่ควรค่าแก่การค้นคว้าเป็นผลงานเรื่องต่อไป ๔. การเขียนสาระย่อ (Abstract) การเขียนสาระย่อสาหรับผลงานการเขียนความเรียงขั้นสูงตามความเหมาะสม และในการเขียนสาระย่อ ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นการเขียนคานา (Introduction) สาระย่อจะต้องมีสาระที่ สะท้อนให้เห็นการพูดเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง
  • 21. การกาหนดโครงสร้างของผลงาน (ต่อ)         ๕. หน้าสารบัญ (Content Page) การเขียนหน้าสารบัญ ผู้เรียนจะต้องลาดับหัวข้อเรื่อง เอกสารอ้างอิงภาคผนวกและมีเลขหน้ากากับทุกหัวเรื่อง ๖. การอ้างอิงโดยใช้ภาพประกอบ (Illustrations) ผู้เรียนจะต้องรู้จักใช้ภาพประกอบคาอธิบายความคิดเห็นอย่างเป็นระบบและอย่างมีความหมาย ๗. การอ้างอิง/บรรณานุกรม (References) ในการค้นคว้าข้อมูล ผู้เรียนจะมีการค้นคว้าจากแหล่งค้นคว้าหลากหลายประเภท ได้แก่ เอกสารข้อมูลอิเล็คทรอนิคส์ ครูผู้สอนจึงควรนาเสนอ รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงทุกประเภทซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นสากล ที่กาหนดโดยหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับ ได้แก่ ๑. สมาคมรัฐศาสตร์อเมริกัน (American Political ScienceAssociation : APSA) ๒. สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association :APA) ๓. สภาบรรณาธิการกิจชีววิทยา (Council of Biology Editors :CBE) ๔. แนวทางการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบฮาร์วาร์ด (Harvard Citationand referencing Guide) ซึ่งโดยภาพรวมจะมีการเขียนเอกสารอ้างอิงที่เป็นที่นิยมที่มีส่วนประกอบและรูปแบบเรียงเป็นลาดับ ดังนี้ ชื่อผู้แต่ง (พ.ศ) ชื่อเรื่อง วันที่ สถานที่พิมพ์ ชื่อสานักพิมพ์ ตัวอย่างเช่น — Peterson, A.D.C. School Across Frontiers : the Storyof International Baccalaureate and the United World College.La Salle, Illinois : Open Court, ๑๙๘๗. — Peterson, A.D.C. (๑๙๘๗), Schools Across Frontiers :the story of the International Baccalaureate and the United WorldCollege, Open Court : La Salle, Illinois.
  • 22. การกาหนดโครงสร้างของผลงาน (ต่อ)  ๘. ภาคผนวก (Appendix) ภาคผนวกไม่ใช่องค์ประกอบสาคัญในการเขียนเรียบเรียงผลงานความเรียงขั้นสูง เอกสารที่ผู้เรียนสามารถใส่ไว้ในภาคผนวกได้แก่ ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ  ๙. การใช้สื่อและวัสดุอื่นๆ ประกอบ (The Use of Other Media andMaterials) การใช้วีดิโอเทปและการใช้เทปบันทึกไม่อนุญาตให้ใช้ในการอ้างอิงข้อมูลเพื่อ ยืนยันความรู้ที่เกิดจากการค้นคว้า