SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
1 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 
ปีการศึกษา 2557 
ชื่อโครงงาน 
อาหารพิชิตความอ้วน 
ชื่อผู้ทาโครงงาน 1.นางสาวทิวากร วงค์ชัย เลขที่ 11ชั้น ม.6 ห้อง11 
2.นางสาวอรณิชา ยศถามี เลขที่ 13ชั้น ม.6 ห้อง11 
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ 
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557 
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ 
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2 
ใบงาน 
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ 
สมาชิกในกลุ่ม 
1.นางสาวทิวากร วงค์ชัย เลขที่ 11 2.นางสาวอรณิชา ยศถามี เลขที่ 13 
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ 
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) อาหารพิชิตความอ้วน 
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Food conquer obesity ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา 
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวทิวากร วงค์ชัย นางสาวอรณิชา ยศถามี 
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ 
ระยะเวลาดาเนินงาน 11 พฤศจิกายน 2557 – 11 มกราคม 2558 
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) 
ในปัจจุบันเทคโนโลยี เริ่มมีบทบาทในการดาเนินชีวิตของมนุษย์ ทั้งในการติดต่อสื่อสาร การศึกษาหา ข้อมูล การเรียนรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพราะ สะดวกรวดเร็วและเข้าถึงได้ง่าย 
โรคอ้วนจัดเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่พบมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มของวัยรุ่นที่มีปัญหาเกี่ยวกับ โรคอ้วน ที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการน้อย ไม่ชอบออกกาลังกาย อีกทั้งยังมี ปัญหาการเจ็บป่วยต่าง ๆ มากมายสืบเนื่องมาจากโรคอ้วน ไม่เพียงแต่กลุ่มของวัยรุ่นเท่านั้นที่เป็นโรคอ้วน กลุ่ม วัยอื่นๆก็เป็นได้เช่นกัน 
ดังนั้นกลุ่มของพวกเราจึงคิดทาโครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อทางการศึกษาเรื่อง “อาหารพิชิตความ อ้วน” โดยได้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับวิธีกินอาหารที่ไม่ทาให้อ้วนและอาหารที่ไม่ทาให้เกิดโรคอ้วน คณะผู้จัดได้จัดทาเป็นเว็บบล็อก เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับบุคคลที่สนใจศึกษาและต้องดูแลสุขภาพของตนเอง 
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 
1.เพื่อต้องการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์ 
2.เพื่อเป็นสื่อในการศึกษาหาความรู้ 
3.เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นปราศจากโรคอ้วน
3 
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) 
1.ศึกษาสาเหตุการเกิดโรคความอ้วน 
2.ศึกษาพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน 
3. วิธีการรับประทานอาหารให้ไม่อ้วน 
4.เทคนิคการกินอาหารเพื่อลดน้าหนัก 
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) โรคอ้วน คือภาวะที่ร่างกายมีเนื้อเยื่อและไขมันสะสมไว้ในร่างกายมากกว่าปกติ จนทาให้เกิดโรค มากกว่าและมีอายุสั้นกว่าคนปกติ ความอ้วนมีสาเหตุมาจาก 1. ได้พลังงานจากอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย คือ การกินเข้าไปมากแต่ใช้น้อย อาหารที่ให้ พลังงานคือ อาหารพวกแป้งและน้าตาล เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไขมัน กะทิ และเหล้าเบียร์ ฉะนั้น หากใครกิน อาหารประเภทของหวาน ของมัน หรอดื่มเหล้าเบียร์มากก็อ้วนได้ทั้งนั้น 2. อ้วนเพราะออกกาลังกายน้อยไป เช่นคนที่ใช้เวลานั่งโต๊ะทางาน เป็นส่วนใหญ่ 3. กรรมพันธุ์ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทาให้คนอ้วน แต่พบได้น้อย คนอ้วนมักจะชอบโทษว่ากรรมพันธุ์เป็น สาเหตุที่ทาให้ตนอ้วน ซึ่งความจริงแล้วโรคอ้วนมักมาจากปัญหาของพฤติกรรมการชอบกินมากกว่า 4. ความอ้วนเกิดจากโรคบางชนิด เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมน ความผิดปกติของสมอง แต่ความอ้วน จากสาเหตุนี้พบน้อยมาก 
พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน 
1. ไม่มีเวลากินข้าวเช้า 
2. ชอบกินอาหารบุฟเฟ่ต์ 
3. กินข้าวไม่เป็นเวลา 
4. ชอบกินจุบกินจิบ 
5. กินเหล้าเมายาเป็นกิจวัตร 
6. กินข้าวเร็ว จนเคี้ยวไม่ละเอียด 
7. ชอบกินอาหารสาเร็จ 
8. ชอบกินอาหารรสจัด 
9. เวลาเครียด สิ่งแรกที่นึกถึงคือของกิน 
10. ชอบเสียดายของเหลือๆ 
11. ชอบนอนดึกตื่นสาย 
12. กินข้าวเยอะ กินผักน้อย
4 
13. กินมื้อเย็นดึกๆ 
14. กินมื้อเช้าน้อย แต่มื้อเย็นหรือมื้อดึกเยอะ 
15. ชอบกินขนมหวานหลังอาหาร 
16. มีขนมเก็บในตู้เย็นอยู่มาก 
17. มักจะใช้เครื่องทุ่นแรง 
18. ขี้เกียจขยับตัวทาอะไร 
19. ชอบกินเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน 
20. ชอบครีม น้าตาล และของหวาน 
21. ดื่มเหล้าก่อนนอน 
วิธีการรับประทานอาหารให้ไม่อ้วน 
1. รับประทานผัก ผลไม้มากๆอย่าละเลยการรับประทานผัก ผลไม้ เด็ดขาด เพราะ ผัก ผลไม้ มีทั้งเส้น ใยและสารอาหารต่างๆ ที่ดีกับคุณสาวๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย 
2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอดๆ และติดมันอาหารทอดๆ มาพร้อมกับน้ามันที่จะมาทาให้คุณอวบอั๋น ขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ 3. ทานดาร์กช็อกโกแลต เพราะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาวๆ 
4. ดื่มน้าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแทบจะทุกบทความ ที่แนะนาให้คุณดื่มน้าเปล่าอย่าง น้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้าจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกาจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ายังช่วย ให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้า 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง “น้าอัดลม” หรือ “น้าผลไม้” เชียว ยกเว้น “น้ามะนาวผสมน้าผึ้ง” ที่เราแนะนาให้คุณดื่มได้ 
5. ดื่มน้าอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอนจาและทาให้เป็นนิสัยเพราะการดื่มน้าอย่างน้อย 1 แก้ว ทันที หลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอนจะทาให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออก จากร่างกายทั้งหนักทั้งเบาทางานได้อย่างคล่องตัว 
6. ทานอาหารเช้าจาได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสาคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาวๆ พลาด อาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น. ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะคุณอาจจะเผลอ ตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้งแล้วจะลดน้าหนักได้อย่างไร 
7. กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกินการไดเอทไม่ได้สาคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สาคัญที่ว่าทาไมคุณถึง ทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้วหากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้นจงเปลี่ยน พฤติกรรมด่วน ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริงๆ
5 
8. ออกกาลังกายสาคัญสุดๆแน่นอนว่าหนึ่งในวิธีที่คนทั่วโลกแนะนาก็คือ การออกกาลังกายนี่แหละ เพราะมันจะช่วยรักษาน้าหนักให้คงที่ในระยะยาวได้ แถมยังจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็น พลังงานได้คราวละมากด้วย หากคุณสาวๆ ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอลองหาเวลาเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากคุณจะควบคุมน้าหนักได้ดีแล้วยังจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วยล่ะ 
9. หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไดเอทเขาว่า “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น อย่ามาท้อแท้กับการไดเอทเพียงลาพังเลย ลองหาเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกันแล้วชวนมาลดความอ้วนด้วยกัน ดีกว่า เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกันจะทาให้คุณมีกาลังใจขึ้นอีกเยอะเลย 
10. อย่ากักตุนอาหารในตู้เย็นสาวๆ มักจะชอบซื้ออะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น อ้างว่า เตรียมไว้ รับรองแขกบ้าง ไว้เลี้ยงเพื่อนบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้เย็นจนคุณสาวๆ นั่นแหละต้องมาทานเอง เพราะฉะนั้นหากไม่อยากอ้วนกาจัดของกินในตู้เย็นโดยด่วน คุณจะได้ไม่เผลอหยิบติดมือมาทานได้ง่ายเกินไป นั่นเอง แต่ถ้าอยากจะมีอาหารติดในตู้เย็นแนะนาว่า ผักผลไม้และบรรดาอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหลายจะเวิร์ก ที่สุดค่ะ 
11. อย่ากินไป ดูทีวีไปรู้หรอกน่า ว่าคุณสาวๆ ชอบกินนั่น กินนี่ กินจุบกินจิบทั้งวันไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเวลานั่งดูโทรทัศน์หรือนั่งอ่านหนังสือมักจะหาอะไรติดไม้ติดมือเข้า ปากเป็นประจา แต่นั่นแหละค่ะ การที่ คุณสาวๆ หยิบคุ้กกี้บ้าง ขนมปังกรอบบ้าง มันฝรั่งทอดบ้าง เข้าปากแต่ละทีคุณจะเพลินจนลืมเรื่อง “อ้วน” ไปชั่วขณะเลยทีเดียว 
12. ใส่ใจ “ข้าวกล้อง” กันให้มากขึ้นปกติเรามักจะชินกับการรับประทาน “ข้าวขาว” ซึ่งจะได้เพียงแค่ คาร์โบไฮเดรตเท่านั้น แต่หากคุณเปลี่ยนมาทาน”ข้าวกล้อง” แทน คุณจะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไป 
13. “น้าตาล” และ “เกลือ” จอมวายร้าย “น้าตาล” เป็นสาเหตุที่ทาให้คุณมีปัญหาเรื่องน้าหนัก เพราะฉะนั้นบรรดาของหวาน ลูกอม น้าอัดลม เค้กต่างๆ จงงดเสีย!!! ให้ดื่มน้ามะนาวแทนหรือทานน้าตาลที่มา จากผลไม้จะดีกว่า เช่นเดียวกับ “เกลือ” ที่เราควรได้รับโซเดียมวันละไม่เกิน 1 ช้อนชาเท่านั้น แต่เกลือหรือ โซเดียมที่ผสมอยู่ในขนมต่างๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดส์รวมทั้งซุปที่ทานเข้าไปในแต่ละวันล้วนเกินปริมาณที่กาหนด จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและทาให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมายตามมาได้ 
14. ระวัง!!! สลัดน้าข้นคุณสาวๆ หลายคนอาจสงสัยทาไมทานสลัดอยู่ทุกวันๆ ยังอ้วนอีก เพราะลืมไป ว่า ตัวเองทานผักสลัดกับสลัดน้าข้นนั่นไงล่ะ รู้ไหมว่า สลัด น้าข้นนั้นอุดมไปด้วยครีมนมและไขมันนม ซึ่งหาก รับประทานเข้าไปมากๆ แม้จะทานกับผักก็เถอะร้อยทั้งร้อย “อ้วน” อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ 
15. สรรหาจานสีเข้มๆมีผลการศึกษาระบุว่า การใช้จานอาหารสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากทาน อาหารมากขึ้น กลับกันหากคุณใช้จานอาหารสีเข้มๆ โดย เฉพาะสีน้าเงินจะทาให้คุณลดความอยากอาหารลงไป ได้ และนี่เองจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้คุณทานมากจะได้ไม่ต้องลดน้าหนักอย่างเอาเป็น เอาตายภายหลัง 
16. ใช้ภาชนะให้เล็กลงนอกจากใช้ภาชนะสีเข้มๆ แล้ว การเปลี่ยนจานให้เล็กลงก็เป็นวิธีทางจิตวิทยาที่ ทาให้เรารู้สึกว่า อาหารมีปริมาณมากขึ้น ทาให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว ไม่อยากหาอะไรทานอีก
6 
17. ลด ชา, กาแฟ, ครีมเทียมการรับประทานชา , กาแฟ มากกว่าสองแก้วต่อวันอาจทาให้คุณอ้วนได้ โดยเฉพาะหากใครชอบใส่ครีมเทียมในกาแฟจะทาให้คุณได้รับแคลอรี่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัวรวมทั้งกาแฟสด ทั้งหลายด้วยล่ะ 
18. เคี้ยวช้าๆ ได้พร้าเล่มงามการเคี้ยวอาหารช้าๆ และเคี้ยวอย่างละเอียด ช่วยคุณสาวๆ ลดความอ้วน ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจะทาให้สมองมีเวลาที่จะส่ง สัญญาณไปบอกให้ท้องรู้สึกอิ่มได้แล้วกลับกันคนที่เคี้ยว เร็ว กินเร็ว จะไม่รู้สึกอิ่มแม้ทานอาหารหมดจานแล้ว และเมื่อท้องไม่อิ่มคุณสาวๆ ก็มักจะมองหาของหวานตบ ท้ายมื้ออาหารซึ่งจะนาความอ้วนมาสู่ร่างกายของคุณอย่างชัวร์ๆ 
19. หลีกเลี่ยงไข่แดง ให้ทานไข่ขาวไข่แดงอุดมไปด้วยคอเลสเตอรอลที่เป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจและโรค อ้วน แต่ไข่ขาวไม่มีคอเลสเตอรอล ดังนั้น ควร หลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดงหรือทานในปริมาณน้อยและหัน มาทานไข่ขาวแทน นอกจากนี้หากวันไหนทานไข่มากๆ ก็ควรงดการทานอาหารที่มีไขมันสูงในมื้ออื่นๆ ของวัน เดียวกันด้วยเพื่อไม่ให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกายมากเกินไป 
20. อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหาร สอบผ่าน! โปรเจกท์ผ่าน! พรีเซนต์งานผ่าน! ไปฉลอง กันดีกว่า!!! หยุดความคิดนี้เลย เพราะการที่คุณให้รางวัลกับความสาเร็จของตัวเองด้วยการไปรับประทาน อาหารตามใจปากอาจทาให้คุณอ้วนได้เหมือนกัน ทางที่ดีให้ รางวัลกับตัวเองด้วยการทาสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ยกเว้นเรื่องกิน!!! 
21. จาไว้อย่าอดใช่ว่าการไดเอทคือการอดอาหาร เพราะยิ่งคุณอดอาหารเท่าไหร่จะมีผลต่อระดับ น้าตาลในเลือด แถมยังทาให้คุณหิวมากขึ้นมากขึ้นจนทาให้คุณสามารถทานได้มากกว่าปกติในมื้อต่อไป 
22. แบ่งทานบางส่วนไม่ต้องทานให้หมด สาวๆ หลายคนบ่นเสียดายอาหารที่อยู่ตรงหน้าไม่อยาก เหลือทิ้งไว้ แต่สาหรับกฎเกณฑ์ของการลดความอ้วนคุณไม่จาเป็นต้องทานหมดหรอกค่ะ โดยคุณควรจะแบ่ง อาหารในจานไว้ 4 ส่วน แล้วทานเพียงแค่ 3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว 
23. อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็นอีก ไม่ดีแน่หากคุณทานขนมหรืออาหารอะไรหลังจากคุณทานอาหารเย็น เรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีคือควรจะให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการย่อยอาหารแล้วไปเริ่มทางานใหม่ในมื้อเช้าของ วันรุ่งขึ้นจะดีกว่า 
24. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า หากคุณพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพออาจจะมี ผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งทาหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ดังนั้น อาจทาให้คุณยับยั้งชั่งใจในการ รับประทานไม่อยู่และอ้วนขึ้นได้ นอกจากนี้หากคุณนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็สามารถช่วยให้ ร่างกายกาจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่นกัน 
25. ทานหลายๆ มื้อเล็กๆ ในหนึ่งวันผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การทานอาหาร 4-5 มื้อเล็กๆ ในแต่ ละวัน จะช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญและความอยากอาหารได้ดีกว่าการทานอาหารมื้อปกติ 3 มื้อ โดย ระหว่างมื้ออาหารคุณอาจทานสแน็กหรือผลไม้เพื่อให้คุณอิ่ม และไม่หิวมากจนกระทั่งถึงมื้อต่อไป ทีนี้ในมื้อ ต่อไปคุณก็จะทานอาหารได้น้อยลงแล้ว
7 
26. โปรตีนตัวช่วยลดความอ้วนในทุกๆ มื้อ มีคาแนะนาให้ในแต่ละมื้ออาหารต้องมีอาหารประเภท โปรตีนผสมด้วย เพราะโปรตีนจะช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อและกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น โดย โปรตีนที่แนะนาก็คือ อาหารจาพวกถั่ว นม โยเกิร์ตนั่นเอง 
27. เผ็ดหน่อยอร่อยดี การศึกษาพบว่า “พริก” ช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญ จึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้าหนัก นอกจากนี้การกินพริกจะไม่ทาให้รู้สึกอยากกินหวานอีก รับรองว่า กิน พริกแล้วลืมเรื่องความอ้วนไปได้เลย 
28. ดื่มชาเขียว มหาวิทยาลัยสวิสเซอร์แลนด์พบว่า การดื่มชาเขียวเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดน้าหนักเพราะ จะช่วยเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ดังนั้นควรพยายามดื่ม 3 ถ้วยต่อวัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ต้องเป็นชาเขียว บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ใช่ชาเขียวในขวดที่มีส่วนผสมของน้าตาลในปริมาณมากแบบนี้ลดความอ้วนไม่ได้แน่นอนค่ะ 
29. ดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วน หากไม่ชอบดื่มชาเขียวจะลองหันมาดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วนได้เพราะ นมเป็นแหล่งอุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งมีการศึกษาพบว่า การที่ร่างกายได้รับวิตามินดีและแคลเซียมสูงจะช่วยให้ น้าหนักของเราลดลงได้แถมนมยังทาให้เรารู้สึกอิ่มจนไม่อยากทานอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรที่มีน้าตาลด้วย 
30. อ่านฉลากรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ด้วยล่ะ ก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มลองอ่านรายละเอียดที่ ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ หีบห่อ ฯลฯ ดูก่อนทุกครั้ง เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรี สูงหรือไขมันสูงได้ แต่ขอย้าว่ายามใดที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตควรหลีกเลี่ยงการไปเดินในบริเวณที่ขายคุ้กกี้ พิซซ่า แช่แข็ง และไอศกรีม เพราะคุณอาจจะไม่ทันได้อ่านฉลากข้างกล่องก็ซื้อมันได้ง่ายๆ เพราะติดใจในความอร่อย ของมันนั่นเอง 
31. จดบันทึกประจาวันให้เป็นนิสัย แต่ละวันคุณกินอะไรไปบ้างลองจดบันทึกไว้ทุกๆ สัปดาห์ดูสิ เพราะมันจะช่วยให้คุณยับยั้งชั่งใจและควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ดีเลยทีเดียว 
32. ทานผลไม้สดดีกว่าผลไม้ดองหรือน้าผลไม้ปั่น น้าผลไม้ปั่นมักผสมน้าเชื่อม น้าตาล ทาให้คุณสาวๆ ได้รับน้าตาลเกินความจาเป็น ขณะเดียวกัน ผลไม้ดอง ก็อาจมีสารแซคคารีนหรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ซึ่ง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้วิตามินที่ครบถ้วน เลือกทานผลไม้สดดีกว่าแน่นอนค่ะ 
33. ความเครียด คือ จุดอ่อน รู้ไหมคะว่าเมื่อฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นก็ทาให้ความต้องการอาหาร ในร่างกายเพิ่มขึ้นหรือทาให้หิวนั่นเองแถมหิวบ่อยชนิดที่ไม่รู้ตัวเลยด้วย เพราะคนเครียดส่วนใหญ่มักจะจมอยู่ กับความเครียดจนลืมสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง ดังนั้นทาตัวเองให้ห่างไกลจากความเครียดเถอะค่ะ 
34. หัวเราะช่วยลดความอ้วน งานวิจัยระบุว่า การหัวเราะจะทาให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นขณะเราหัวเราะจะ หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้นทาให้กล้ามเนื้อท้องได้ออกกาลังไปในตัว 
35. ชั่งน้าหนักอาทิตย์ละครั้ง ไม่จาเป็นที่คุณจะรีบร้อนชั่งน้าหนักตัวทุกๆ วัน เพราะหากคุณลดไม่ได้ ดังใจปรารถนาแล้วจะยิ่งทาให้คุณเครียดเสียเปล่าๆ เพราะฉะนั้น ชั่งน้าหนัก และเปลือยกายสารวจตัวเองใน ห้องน้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว
8 
เทคนิคในการกินอาหารเพื่อลดความอ้วน 10 ประการ 
1.ต้องตั้งใจ ... ไม่ล้มเลิก 
ควรมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลดน้าหนักอย่างถูกต้องและนามา ประยุกต์ตามความเหมาะสม กับชีวิตประจาวัน ควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องด้วยความตั้งใจแน่วแน่และจริงจัง โดยเฉพาะคนที่อ้วนมาก ๆ อาจจะต้องใช้เวลานานหลายเดือน ต้องตั้งใจ ไม่ล้มเลิกเสียกลางคันจึงจะลดน้าหนักได้ตามต้องการ นอกจากนี้ กาลังใจก็เป็นเรื่องสาคัญ คนที่อยู่รอบข้างควรให้การสนับสนุนและให้กาลังใจอย่างสม่าเสมอก็จะทาให้ เรื่อง ยากกลายเป็นเรื่องง่ายทาให้ลดน้าหนักได้สาเร็จ 
2.ดื่มน้าให้มาก ๆ ก่อนกินอาหาร 
เรารู้แล้วว่าน้าเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน ดังนั้น ถึงแม้คุณจะดื่มน้ามาก ๆ ก็ไม่ทาให้อ้วนแน่นอน และถ้ายิ่งดื่มน้าสัก 2-3 แก้วก่อนหม่าอาหารแล้วล่ะก็ รับรองว่าคุณต้องอิ่มเร็วแน่ ๆ เพราะน้าจะเข้าไปแทนที่ ในกระเพาะอาหาร เมื่อกินอาหารเพิ่มเข้าไปอีกไม่มากกระเพาะก็จะเต็มคุณก็เลยรู้สึกอิ่มได้ เร็วขึ้นนั่นเอง แต่ น้าที่พูดถึงนี่คือน้าเปล่า ไม่ใช่น้าหวาน น้าอัดลม หรือเบียร์ เพราะน้าชนิดหลังนี้ให้พลังงานแก่ร่างกาย นอกจาก ไม่ผอมแล้วยังทาให้อ้วนด้วย 
3.ห้ามกินอาหารหลายมื้อเกินไป 
บางคนกินอาหารถี่เหลือเกิน เริ่มกินตั้งแต่อาหารเช้า พอสายก็มีอาหารว่าง ทั้งเที่ยง ทั้งเย็นก็กินอีก แถม ต่อรอบมิดไนท์อีกรอบ โอ้ย... กินอะไรกันนักกันหนาจะนอนอยู่แล้ว ยังจะกินอีก! ถ้ากินอย่างนี้รับรองอ้วนแน่ ๆ และที่อ้วนอยู่แล้วก็ยิ่งกลายเป็นพะโล้มากขึ้นไปอีก เลิกเสียทีเถอะ ถ้าคุณยังไม่เลิกนิสัยการกินแบบนี้เรื่องผอม ของคุณก็คงกลายเป็น"ฝันที่ไม่ เป็นจริง" แน่นอน ทางที่ดีควรปรับเปลี่ยนอุปนิสัยการกินเสียใหม่ โดยการกิน อาหารให้น้อยมื้อลง ที่เคยกิน 4-5 มื้อก็เปลี่ยนเป็น 2-3 มื้อ โดยเฉพาะคนอ้วนที่กินอาหาร 3 มื้ออยู่แล้วก็ควร เปลี่ยนเป็น 1-2 มื้อ ส่วนมื้ออื่นก็อาจเปลี่ยนเป็นอาหารทดแทน ซึ่งปัจจุบันมีอาหารพลังงานต่าสาเร็จรูป มากมายที่ผลิตมาสาหรับคนที่ต้องการ ผอมโดยเฉพาะ ซึ่งแทนอาหารบางมื้อทาให้ลดความหิวไปได้และ นอกจากผอมแล้วยังไม่เปลืองเงิน อีกด้วย 
4.เลือกกินอาหารที่พลังงานต่า 
เลือกกินอาหารที่เน้นผักหรือผลไม้แทนอาหารที่ให้พลังงานสูง เพราะผักและผลไม้บางชนิดให้พลังงานต่า นอกจากนี้ยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยให้อิ่มเร็วและอิ่มนานด้วย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน ขนมหวาน เป็นต้น และที่สาคัญไม่ควรกินอาหารตอนดึกหรือตอนใกล้นอน เพราะหากคุณกินแล้วนอนร่างกายไม่ได้ออกแรงทางาน พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปก็จะถูกเก็บสะสมเป็น ไขมันได้ง่าย ทาให้คุณอ้วนได้ง่าย
9 
5.กินแต่น้อย ... ค่อย ๆ กิน 
คนที่กินอาหารคราวละมาก ๆ ก็จะติดนิสัย พอกินน้อย ๆ ก็รู้สึกไม่อิ่ม แถมเวลากินก็แทบจะไม่เคี้ยวเลย เข้าปากก็กลืนทันที ทาให้เป็นคนกินจุ ดังนั้นถ้าอยากผอมก็ควรปรับเปลี่ยนนิสัยกินอาหารช้า ๆ เคี้ยวให้ ละเอียด หรือเริ่มกินอาหารหลังคนอื่น ๆ และเมื่ออิ่มแล้วให้รีบลุกไปทันที หรือเก็บอาหารให้พ้นสายตา หากไป กินอาหารนอกบ้านก็ไม่ควรสั่งอาหารมากเกินไป เพราะหากกินไม่หมดก็จะรู้สึกเสียดายจนต้องกินให้หมด ทั้ง ๆ ที่อิ่มจะแย่อยู่แล้ว เข้าสุภาษิตที่ว่า "ท้องแตกดีกว่าของเหลือ" 
6.อย่าซื้ออาหารมาเก็บไว้ 
ไม่ควรซื้ออาหารโดยเฉพาะขนมของจุกจิกกินเล่นมากักตุนหรือเก็บไว้ในที่ที่ เห็นได้บ่อย ๆ เพราะจะทา ให้รู้สึกอยากกิน เช่น ตู้เย็น โต๊ะอาหาร ห้องนั่งเล่น อย่าพยายามเลือกสถานที่พักผ่อนที่เป็นแหล่งอาหาร เช่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต ตลาดนัด เป็นต้น และไม่ควรไปช้อปปิ้งเลือกซื้ออาหารตอนที่หิวจัด เพราะจะทาให้ ซื้ออาหารจานวนมาก 
7.นั่ง ๆ นอน ๆ 
คนที่วัน ๆ ไม่รู้จะทาอะไร มักจะนึกถึงเรื่องกินเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในวันหยุดหรือปิดเทอม แทนที่ จะอยู่เฉย ๆ ก็ควรจะพยายามหางานอดิเรกทา หรือทากิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์หรือสนุกสนาน ยกเว้น กิจกรรมในการกิน เพื่อให้มีการใช้พลังงานและทาให้รู้สึกเพลิดเพลินจนไม่นึกถึงเรื่องอาหาร ยกตัวอย่างเช่น อ่านหนังสือ ถักไหมพรม ทางานบ้าน เล่นกีฬา จัดดอกไม้ วาดรูป ร้องเพลง เล่นดนตรี เป็นต้น 
8.ให้รางวัลกับตัวเอง 
ทุกครั้งที่เอาชนะใจและลดน้าหนักได้สาเร็จตามที่ตั้งใจไว้ก็ควรให้รางวัลตน เอง เช่น ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ซื้อของขวัญที่อยากได้มานาน บอกความสาเร็จให้คนอื่นรู้ ทาให้เกิดความภาคภูมิใจและความพยายามที่จะลด น้าหนักต่อไปให้สาเร็จ 
9.ชักชวนคนอื่นมาลดน้าหนัก 
ถ้ามีเพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือพี่น้องที่อ้วนเหมือนกันก็ควรชักชวนมาลดน้าหนักด้วยกัน ทาให้เกิดการ เปรียบเทียบ เกิดการแข่งขันหรือแนะนาวิธีลดน้าหนักซึ่งกันและกันทาให้เกิดความตั้งใจและ ความรู้สึกอยาก ลดน้าหนักมากขึ้น 
10.กินแล้ว... อ้วก! 
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามีหลาย ๆ คนที่ใช้วิธีนี้ในการลดความอ้วน เพราะว่ามีความรู้สึกว่าอยากกินก็อยาก อยากผอมก็อยาก ก็เลยกินตามใจปากแล้วไปล้วงคอให้อาเจียนเพื่อเอาอาหารที่กินเข้าไปแล้วออกมา
10 
อาหารต้านอ้วน 
กระเทียม 
พืชสมุนไพรบ้าน ๆ อย่างกระเทียมนั้น เป็นได้มากกว่าเครื่องปรุงรสอาหาร เพราะมันสามารถทาให้ หน้าท้องของคุณแบนเรียบปราศจากห่วงยาง นั่นก็เป็นเพราะว่าในกระเทียมประกอบด้วย "สารอัลลิซิน" ซึ่งทา หน้าที่ลดไขมันในเลือดนั่นเอง เกริ กลาสแมน นักโภชนาการอาหาร กล่าวว่า "สารอัลลิซิจะช่วยกาจัดเชื้อ แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทางเดินอาหาร ซึ่งจะทาให้ลาไส้ของคุณสะอาด และทางานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ หรือความหมายหนึ่งคือ ทาให้ลาไส้ขยายตัวน้อยลง ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทาให้กินน้อยอิ่มเร็ว" 
นอกจากนี้ผลการวิจัยจากประเทศเกาหลีใต้ ยังระบุว่า "พืชตระกูลกระเทียมอย่างหอมแดง ยังมี สรรพคุณที่ช่วยต่อต้านโรคอ้วน ที่มีสาเหตุมาจากโปรตีนในตับสูงเช่นกัน" ดังนั้นหากเป็นได้ในทุกมื้ออาหารที่มี ส่วนประกอบของสัตว์ปีก หรือพลาสตา หรือการทาน้าสลัด แนะนาให้บดกระเทียมลงไปคลุกเคล้า แค่นี้โรค อ้วนก็ห่างไกลคุณแล้ว 
ถั่ว 
หากคุณกาลังอยากหม่าข้าวสวยร้อน ๆ หรืออาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตนั้น ให้คุณลองมองหาพืช ตระกูลถั่ว ราแชล บีเกน นักโภชนาการบอกไว้ว่า "ถั่วไม่ใช่อาหารควบคุมน้าหนัก ที่ซ้ากับพืชสมุนไพรอื่น ๆ เพราะถั่วมีทั้งไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร และอุดมไปด้วยโปรตีน โดยถั่วเมล็ดสีดา 1 ถ้วยนั้น ประกอบด้วยเส้น ใยอาหารถึง 17 กรัม และโปรตีนอีก 14 กรัม" เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า กากใยอาหารและโปรตีนในถั่วนั้น จะช่วยให้อิ่มเร็ว อีกทั้งให้พลังที่สูง ซึ่งจะทาให้คุณบริโภคอาหารในมื้อถัดไปน้อยลง ประกอบกับผลงานวิจัย ล่าสุด ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารโรคอ้วนนั้น พบว่าสารสกัดที่พบได้จากถั่วสีขาว จะช่วยลดการดูดซึมไขมัน จากการ บริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต และลดอัตราการดูดซึมน้าตาลจากขนมหวานให้ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน อัน เนื่องมาจากเอนไซม์บางชนิดที่มีคุณสมบัติยับยั้งการย่อย ที่พบได้ในถั่วเมล็ดสีขาวนั่นเอง 
ถั่วพิสตาชิโอ 
ดร.แคทเธอรีน บรูคกิ่ง กล่าวว่า "ถั่วพิสตาชิโอเป็นอาหารคบเคี้ยวที่สามารถควบคุมน้าหนักได้ เพราะใน ถั่วพิสตาชิโอ 1 ออนซ์ มีโปรตีนทั้งหมด 6 กรัม และเส้นใยอาหาร 3 กรัม ซึ่งสารอาหารดังกล่าวเป็นสิ่งที่ ผู้บริโภคควรให้ความสนใจมากกว่าที่คบเคี้ยวถั่วเมล็ดแข็งดังกล่าว เพื่อความอร่อยเท่านั้น" 
นักโภชนาการสาว กล่าวต่อว่า "ถ้าต้องการบริโภคถั่วพิสตาชิโอแทนอาหารว่างอย่างอื่นนั้น แนะนาให้คุณ แกะเปลือกถั่วก่อนรับประทาน เพราะนั่นไม่เพียงเป็นการควบคุมไขมันจากการรับประทานถั่วที่ช้าลงแล้ว แต่ มันยังช่วยลดการบริโภคน้าตาลและเกลือจากอาหารคบเคี้ยว หรือจังก์ฟู้ดที่คุณบริโภคเป็นประจาอีกด้วย"
11 
สาหร่ายทะเล 
สาว ๆ คนไหนที่ไม่ยากพกห่วงยางเดินไปไหนมาไหนแล้วล่ะก็ แนะนาว่าให้ลองบริโภคสาหร่ายทะเล ทริกความอ้วนของสาวๆ ญี่ปุ่น ประเทศที่ถือได้ว่ามีอัตราคนอ้วนน้อยที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะ "สาหร่ายวา กาเมะ" สาหร่ายที่อุดมไปด้วยโปรตีนสูง ที่ถือเป็นตัวช่วยในการควบคุมน้าหนักให้สาวอาทิศอุทัยได้เป็นอย่างดี 
โดยเฉพาะสารฟิวโคแซนทิน ที่สกัดได้จากสาหร่ายวากาเมะ ซึ่งได้รับการยืนยันและทดลองในสัตว์แล้วว่า ช่วย เพิ่มการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี และจากการศึกษาค้นคว้าในสาหร่ายลดความอ้วนดังกล่าว ก็เพื่อต้องการ หาค้นหา "สารอัลจิเนต" (สารมีลักษณะเหมือนเจลหล่อลื่น) หรือเจลที่พบได้ในกระเพาะอาหาร เพื่อกระตุ้นให้ ผู้บริโภครู้สึกอิ่มได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเป็นได้คุณสาวๆ ควรใส่สาหร่ายทะเลลงในซุป หรือเปลี่ยนจากแซนวิช ผักกาดหอมมาเป็นแซนวิชสาหร่ายแทน 
พริกจาลาปิโน (พริกหวานเม็กซิโก) 
ข่าวดีของผู้ที่ชอบความเผ็ดร้อนจากพริก โดยเฉพาะ "พริกจาลาปิโน" พริกจากประเทศเม็กซิโก ที่ ได้รับการวิจัยแล้วว่ามีสรรพคุณต้านการอักเสบและช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดี ซึ่งผลการวิจัยอื่น ๆ ยัง พบว่า ผู้ที่รับประทานพริกไทย หรือพืชในตระกูลพริกนั้นจะรู้สึกหิวน้อยลง และหลังจากนั้นพริกไทยก็จะทา การเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และหนึ่งผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพอร์ดู ที่สนับสนุนข้อมูลดังกล่าว ได้ระบุ ไว้ว่า "อาสาสมัครที่บริโภคพริกไทยเป็นประจานั้น พบว่าน้าหนักของเขาเริ่มลดน้อย อันเนื่องจากการที่เขารู้สึก หิวน้อยลง หลังการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของพริกไทย" 
มันฝรั่งสีขาว 
ลืมคากล่าวที่ว่าอาหารสีขาว ๆ นั้นเป็นสาเหตุของโรคอ้วนไปได้เลย !!! เพราะล่าสุดนักโภชนาการอย่าง ดร.กลาสแมน ได้กล่าวไว้ว่า มันฝรั่งสีขาวนั้นสามารถลดความอ้วนได้ เพราะเป็นพืชที่อุดมไปด้วยแป้ง ดังนั้น เวลาที่ถูกหมักอยู่ในลาไส้ มันจะสร้างกรดแ"บิวทิเลต" ซึ่งเป็นไขมันที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดเผาผลาญไขมัน นั่นเอง ขณะเดียวกันกรดดังกล่าวที่พบได้ในมันฝรั่งสีขาว ยังช่วยควบคุมระดับน้าตาลในเลือดให้กับผู้ป่วย โรคเบาหวานอีกด้วย 
มะม่วง 
คุณรู้หรือไม่ว่าผลไม้เนื้อแข็งสีเหลืองสด อย่างมะม่วงครึ่งผลนั้น มีเส้นใยในอาหารถึง 3 กรัม ซึ่งนั่นอาจ ไม่ใช่เหตุผลที่ช่วยควบคุมน้าหนักได้ ผลงานวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัย "โอคลาโฮมา" ชี้ให้เห็นว่า "มะม่วงอาจ ลดน้าตาลในเลือด และยังสามารถควบคุมความยากอาหารในกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารประเภท แป้ง โดยเฉพาะมะม่วงที่ปลูกในเขตพื้นที่ร้อนทั่วโลก"
12 
โยเกิร์ต 
นอกจากคุณประโยชน์เรื่องไขมันต่าแล้ว คุณสาว ๆ รู้หรือไม่ว่าใน "โยเกิร์ต" ยังมีแคลเซียมที่ไม่เพียงช่วย ลดระดับ "ฮอร์โมนคอร์ติซอล" หรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกายลง ขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนจากการลด การเผาผลาญไขมัน โดยหันมาจัดเก็บไขมันแทน และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ในโยเกิร์ตยังเป็นแหล่งของ "โปร ไบโอติก" หรือเชื้อแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอาหาร แต่ไม่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งแบคทีเรียชนิดดังกล่าวนั้นเป็นปัจจัย กระตุ้นให้กระเพาะอาหาร ทาการย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น 
อีกทั้งยังช่วยให้การขับถ่ายดียิ่งขึ้น ซึ่งกรรมวิธีของการทาโยเกิร์ตนั้น ได้มาจากการหมัก และกรรมวิธี ดังกล่าวนั้น จะทาให้ได้โปรตีนและวิตามินบีที่มีความเข้มข้นสูง รวมไปถึงโพแทสเซียม แมกนีเซียม เมื่อเทียบ กับนมวัวที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดก็ตาม 
อะโวคาโด 
แม้ว่าอะโวคาโดถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีปริมาณไขมันสูงถึง ร้อยละ 80 แต่ทว่าผลไม้ขรุขระสีเขียวเข้ม ดังกล่าว ก็ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็น ประจานั้น จะมีรูปร่างผอมเพรียวหรืออ้วนน้อยกว่าผู้ที่ไม่รับประทาน และจากผลการศึกษาล่าสุดที่ช่วยเพิ่ม น้าหนักความน่าสนใจให้กับผลอะโวคาโดนั้น พบว่าการรับประทานผลไม้ดังกล่าวหลังอาหารกลางวัน จะช่วย ปรับลดดัชนีมวลกายให้ลดลง ได้ถึงร้อยละ 22 จากคาบอกเล่าของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้าร่วม การวิจัย 
อาร์ติโชค 
ผักสีเขียวหน้าตาคล้ายลูกแก้วมังกรนี้ ล้วนอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ที่หากผ่าออกเป็น 2 ซีกแล้วนั้น จะ อยู่ที่ซีกละ 6 กรัม หนาซ้าในผักรูปร่างแปลกตาดังกล่าวนั้น ยังอัดแน่นไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยให้ย่อยง่ายอิ่มนาน แล้ว ในผักดังกล่าวยังช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางผลงานวิจัยยังระบุไว้ว่า ผล "อาร์ติโชค" ยังมีโปร ไบโอติกที่คอยกระตุ้นแบคทีเรียชนิดดีให้กับลาไส้ของคุณ ทาให้ย่อยง่ายและขับถ่ายดีอีกด้วย ซึ่งเหมาะสาหรับ คุณสาว ๆ ที่ต้องการลดไขมันห่วงยางที่หน้าท้อง
13 
วิธีดาเนินงาน 
แนวทางการดาเนินงาน 
1.คิดหัวข้อการทาโครงงาน 
2.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ช่วยลดความอ้วน 
3.จัดทาโรงงาน 
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 
1. โปรแกรม Power Point 
2. โปรแกรม Microsoft Word 2010 
3. เว็บไซต์ http://www.blogger.com/ 
งบประมาณ -- 
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน 
ลาดับ 
ที่ 
ขั้นตอน 
สัปดาห์ที่ 
ผู้รับผิดชอบ 
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
1 
คิดหัวข้อโครงงาน 
ทิวากร,อรณิชา 
2 
ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 
ทิวากร,อรณิชา 
3 
จัดทาโครงร่างงาน 
ทิวากร,อรณิชา 
4 
ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 
ทิวากร,อรณิชา 
5 
ปรับปรุงทดสอบ 
ทิวากร,อรณิชา 
6 
การทาเอกสารรายงาน 
ทิวากร,อรณิชา 
7 
ประเมินผลงาน 
ทิวากร,อรณิชา 
8 
นาเสนอโครงงาน 
ทิวากร,อรณิชา
14 
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 
1.สามารถเป็นสื่อการเรียนในเรื่องของสุขภาพได้ 
2.เยาวชนหรืบุคคลต่างๆมีสุขภาพที่ดี ไม่เป็นโรคอ้วน 
สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ 
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 
1.สาระสุขศึกษาและพลศึกษา 
2.สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี 
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) 
http://style336.blogspot.com/ 
http://webboard.yenta4.com/topic/172252 
http://www.ladytip.com/lose-weight/eat-to-diet.html 
http://www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9570000021867

More Related Content

Viewers also liked

ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
chaipalat
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
naaikawaii
 
โครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพโครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพ
Onnicha Khattirat
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
jumboguide
 
โครงงานพัฒนาเกม 8
โครงงานพัฒนาเกม 8โครงงานพัฒนาเกม 8
โครงงานพัฒนาเกม 8
Aungkana Na Na
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
พัน พัน
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอม
ปยล วชย.
 

Viewers also liked (20)

ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
โครงงานคอมเทอม2
โครงงานคอมเทอม2โครงงานคอมเทอม2
โครงงานคอมเทอม2
 
Projectsci04
Projectsci04Projectsci04
Projectsci04
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ความรู้ออนไลน์
โครงงานคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ความรู้ออนไลน์โครงงานคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ความรู้ออนไลน์
โครงงานคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ความรู้ออนไลน์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง สมุนไพรรางจืด
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง สมุนไพรรางจืดโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง สมุนไพรรางจืด
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง สมุนไพรรางจืด
 
โครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพโครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงานน้ำผักเพื่อสุขภาพ
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงาน การสร้างสื่อ E-book เรือง ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android)
โครงงาน การสร้างสื่อ E-book  เรือง ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) โครงงาน การสร้างสื่อ E-book  เรือง ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android)
โครงงาน การสร้างสื่อ E-book เรือง ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android)
 
โครงงาน54แหนม
โครงงาน54แหนมโครงงาน54แหนม
โครงงาน54แหนม
 
รายงาน โครงงานคอมพิวเตอร์
รายงาน โครงงานคอมพิวเตอร์รายงาน โครงงานคอมพิวเตอร์
รายงาน โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานพัฒนาเกม 8
โครงงานพัฒนาเกม 8โครงงานพัฒนาเกม 8
โครงงานพัฒนาเกม 8
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอม
 
SlideShare 101
SlideShare 101SlideShare 101
SlideShare 101
 

Similar to โครงงานคอม

โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
i_drm
 

Similar to โครงงานคอม (20)

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Project
ProjectProject
Project
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
2560 project 602
2560  project 6022560  project 602
2560 project 602
 
2561 project 41
2561 project 412561 project 41
2561 project 41
 
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
 
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
 
Great
GreatGreat
Great
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 
2558 project-มิ้น
2558 project-มิ้น2558 project-มิ้น
2558 project-มิ้น
 
Exercise in-teens
Exercise in-teensExercise in-teens
Exercise in-teens
 
Comdaniel
ComdanielComdaniel
Comdaniel
 
Project2222
Project2222Project2222
Project2222
 
2557 โครงงาน คอม
2557 โครงงาน คอม 2557 โครงงาน คอม
2557 โครงงาน คอม
 
fgfggghj
fgfggghjfgfggghj
fgfggghj
 
โครงร่าง
โครงร่างโครงร่าง
โครงร่าง
 
โครงงานร่าง
โครงงานร่างโครงงานร่าง
โครงงานร่าง
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 

More from onnicha611

อาหารพิชิตความอ้วน
อาหารพิชิตความอ้วนอาหารพิชิตความอ้วน
อาหารพิชิตความอ้วน
onnicha611
 
อังกฤษ
อังกฤษอังกฤษ
อังกฤษ
onnicha611
 
สังคม
สังคมสังคม
สังคม
onnicha611
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
onnicha611
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
onnicha611
 

More from onnicha611 (8)

อาหารพิชิตความอ้วน
อาหารพิชิตความอ้วนอาหารพิชิตความอ้วน
อาหารพิชิตความอ้วน
 
Blog (1)
Blog (1)Blog (1)
Blog (1)
 
สุขะ
สุขะสุขะ
สุขะ
 
อังกฤษ
อังกฤษอังกฤษ
อังกฤษ
 
สังคม
สังคมสังคม
สังคม
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
 
คนิต
คนิตคนิต
คนิต
 

โครงงานคอม

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2557 ชื่อโครงงาน อาหารพิชิตความอ้วน ชื่อผู้ทาโครงงาน 1.นางสาวทิวากร วงค์ชัย เลขที่ 11ชั้น ม.6 ห้อง11 2.นางสาวอรณิชา ยศถามี เลขที่ 13ชั้น ม.6 ห้อง11 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1.นางสาวทิวากร วงค์ชัย เลขที่ 11 2.นางสาวอรณิชา ยศถามี เลขที่ 13 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) อาหารพิชิตความอ้วน ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Food conquer obesity ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวทิวากร วงค์ชัย นางสาวอรณิชา ยศถามี ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 11 พฤศจิกายน 2557 – 11 มกราคม 2558 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ในปัจจุบันเทคโนโลยี เริ่มมีบทบาทในการดาเนินชีวิตของมนุษย์ ทั้งในการติดต่อสื่อสาร การศึกษาหา ข้อมูล การเรียนรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพราะ สะดวกรวดเร็วและเข้าถึงได้ง่าย โรคอ้วนจัดเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่พบมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มของวัยรุ่นที่มีปัญหาเกี่ยวกับ โรคอ้วน ที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการน้อย ไม่ชอบออกกาลังกาย อีกทั้งยังมี ปัญหาการเจ็บป่วยต่าง ๆ มากมายสืบเนื่องมาจากโรคอ้วน ไม่เพียงแต่กลุ่มของวัยรุ่นเท่านั้นที่เป็นโรคอ้วน กลุ่ม วัยอื่นๆก็เป็นได้เช่นกัน ดังนั้นกลุ่มของพวกเราจึงคิดทาโครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อทางการศึกษาเรื่อง “อาหารพิชิตความ อ้วน” โดยได้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับวิธีกินอาหารที่ไม่ทาให้อ้วนและอาหารที่ไม่ทาให้เกิดโรคอ้วน คณะผู้จัดได้จัดทาเป็นเว็บบล็อก เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับบุคคลที่สนใจศึกษาและต้องดูแลสุขภาพของตนเอง วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อต้องการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์ 2.เพื่อเป็นสื่อในการศึกษาหาความรู้ 3.เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นปราศจากโรคอ้วน
  • 3. 3 ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) 1.ศึกษาสาเหตุการเกิดโรคความอ้วน 2.ศึกษาพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน 3. วิธีการรับประทานอาหารให้ไม่อ้วน 4.เทคนิคการกินอาหารเพื่อลดน้าหนัก หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) โรคอ้วน คือภาวะที่ร่างกายมีเนื้อเยื่อและไขมันสะสมไว้ในร่างกายมากกว่าปกติ จนทาให้เกิดโรค มากกว่าและมีอายุสั้นกว่าคนปกติ ความอ้วนมีสาเหตุมาจาก 1. ได้พลังงานจากอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย คือ การกินเข้าไปมากแต่ใช้น้อย อาหารที่ให้ พลังงานคือ อาหารพวกแป้งและน้าตาล เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไขมัน กะทิ และเหล้าเบียร์ ฉะนั้น หากใครกิน อาหารประเภทของหวาน ของมัน หรอดื่มเหล้าเบียร์มากก็อ้วนได้ทั้งนั้น 2. อ้วนเพราะออกกาลังกายน้อยไป เช่นคนที่ใช้เวลานั่งโต๊ะทางาน เป็นส่วนใหญ่ 3. กรรมพันธุ์ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทาให้คนอ้วน แต่พบได้น้อย คนอ้วนมักจะชอบโทษว่ากรรมพันธุ์เป็น สาเหตุที่ทาให้ตนอ้วน ซึ่งความจริงแล้วโรคอ้วนมักมาจากปัญหาของพฤติกรรมการชอบกินมากกว่า 4. ความอ้วนเกิดจากโรคบางชนิด เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมน ความผิดปกติของสมอง แต่ความอ้วน จากสาเหตุนี้พบน้อยมาก พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน 1. ไม่มีเวลากินข้าวเช้า 2. ชอบกินอาหารบุฟเฟ่ต์ 3. กินข้าวไม่เป็นเวลา 4. ชอบกินจุบกินจิบ 5. กินเหล้าเมายาเป็นกิจวัตร 6. กินข้าวเร็ว จนเคี้ยวไม่ละเอียด 7. ชอบกินอาหารสาเร็จ 8. ชอบกินอาหารรสจัด 9. เวลาเครียด สิ่งแรกที่นึกถึงคือของกิน 10. ชอบเสียดายของเหลือๆ 11. ชอบนอนดึกตื่นสาย 12. กินข้าวเยอะ กินผักน้อย
  • 4. 4 13. กินมื้อเย็นดึกๆ 14. กินมื้อเช้าน้อย แต่มื้อเย็นหรือมื้อดึกเยอะ 15. ชอบกินขนมหวานหลังอาหาร 16. มีขนมเก็บในตู้เย็นอยู่มาก 17. มักจะใช้เครื่องทุ่นแรง 18. ขี้เกียจขยับตัวทาอะไร 19. ชอบกินเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน 20. ชอบครีม น้าตาล และของหวาน 21. ดื่มเหล้าก่อนนอน วิธีการรับประทานอาหารให้ไม่อ้วน 1. รับประทานผัก ผลไม้มากๆอย่าละเลยการรับประทานผัก ผลไม้ เด็ดขาด เพราะ ผัก ผลไม้ มีทั้งเส้น ใยและสารอาหารต่างๆ ที่ดีกับคุณสาวๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย 2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอดๆ และติดมันอาหารทอดๆ มาพร้อมกับน้ามันที่จะมาทาให้คุณอวบอั๋น ขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ 3. ทานดาร์กช็อกโกแลต เพราะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาวๆ 4. ดื่มน้าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแทบจะทุกบทความ ที่แนะนาให้คุณดื่มน้าเปล่าอย่าง น้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้าจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกาจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ายังช่วย ให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้า 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง “น้าอัดลม” หรือ “น้าผลไม้” เชียว ยกเว้น “น้ามะนาวผสมน้าผึ้ง” ที่เราแนะนาให้คุณดื่มได้ 5. ดื่มน้าอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอนจาและทาให้เป็นนิสัยเพราะการดื่มน้าอย่างน้อย 1 แก้ว ทันที หลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอนจะทาให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออก จากร่างกายทั้งหนักทั้งเบาทางานได้อย่างคล่องตัว 6. ทานอาหารเช้าจาได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสาคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาวๆ พลาด อาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น. ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะคุณอาจจะเผลอ ตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้งแล้วจะลดน้าหนักได้อย่างไร 7. กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกินการไดเอทไม่ได้สาคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สาคัญที่ว่าทาไมคุณถึง ทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้วหากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้นจงเปลี่ยน พฤติกรรมด่วน ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริงๆ
  • 5. 5 8. ออกกาลังกายสาคัญสุดๆแน่นอนว่าหนึ่งในวิธีที่คนทั่วโลกแนะนาก็คือ การออกกาลังกายนี่แหละ เพราะมันจะช่วยรักษาน้าหนักให้คงที่ในระยะยาวได้ แถมยังจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็น พลังงานได้คราวละมากด้วย หากคุณสาวๆ ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอลองหาเวลาเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากคุณจะควบคุมน้าหนักได้ดีแล้วยังจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วยล่ะ 9. หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไดเอทเขาว่า “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น อย่ามาท้อแท้กับการไดเอทเพียงลาพังเลย ลองหาเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกันแล้วชวนมาลดความอ้วนด้วยกัน ดีกว่า เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกันจะทาให้คุณมีกาลังใจขึ้นอีกเยอะเลย 10. อย่ากักตุนอาหารในตู้เย็นสาวๆ มักจะชอบซื้ออะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น อ้างว่า เตรียมไว้ รับรองแขกบ้าง ไว้เลี้ยงเพื่อนบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้เย็นจนคุณสาวๆ นั่นแหละต้องมาทานเอง เพราะฉะนั้นหากไม่อยากอ้วนกาจัดของกินในตู้เย็นโดยด่วน คุณจะได้ไม่เผลอหยิบติดมือมาทานได้ง่ายเกินไป นั่นเอง แต่ถ้าอยากจะมีอาหารติดในตู้เย็นแนะนาว่า ผักผลไม้และบรรดาอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหลายจะเวิร์ก ที่สุดค่ะ 11. อย่ากินไป ดูทีวีไปรู้หรอกน่า ว่าคุณสาวๆ ชอบกินนั่น กินนี่ กินจุบกินจิบทั้งวันไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเวลานั่งดูโทรทัศน์หรือนั่งอ่านหนังสือมักจะหาอะไรติดไม้ติดมือเข้า ปากเป็นประจา แต่นั่นแหละค่ะ การที่ คุณสาวๆ หยิบคุ้กกี้บ้าง ขนมปังกรอบบ้าง มันฝรั่งทอดบ้าง เข้าปากแต่ละทีคุณจะเพลินจนลืมเรื่อง “อ้วน” ไปชั่วขณะเลยทีเดียว 12. ใส่ใจ “ข้าวกล้อง” กันให้มากขึ้นปกติเรามักจะชินกับการรับประทาน “ข้าวขาว” ซึ่งจะได้เพียงแค่ คาร์โบไฮเดรตเท่านั้น แต่หากคุณเปลี่ยนมาทาน”ข้าวกล้อง” แทน คุณจะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไป 13. “น้าตาล” และ “เกลือ” จอมวายร้าย “น้าตาล” เป็นสาเหตุที่ทาให้คุณมีปัญหาเรื่องน้าหนัก เพราะฉะนั้นบรรดาของหวาน ลูกอม น้าอัดลม เค้กต่างๆ จงงดเสีย!!! ให้ดื่มน้ามะนาวแทนหรือทานน้าตาลที่มา จากผลไม้จะดีกว่า เช่นเดียวกับ “เกลือ” ที่เราควรได้รับโซเดียมวันละไม่เกิน 1 ช้อนชาเท่านั้น แต่เกลือหรือ โซเดียมที่ผสมอยู่ในขนมต่างๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดส์รวมทั้งซุปที่ทานเข้าไปในแต่ละวันล้วนเกินปริมาณที่กาหนด จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและทาให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมายตามมาได้ 14. ระวัง!!! สลัดน้าข้นคุณสาวๆ หลายคนอาจสงสัยทาไมทานสลัดอยู่ทุกวันๆ ยังอ้วนอีก เพราะลืมไป ว่า ตัวเองทานผักสลัดกับสลัดน้าข้นนั่นไงล่ะ รู้ไหมว่า สลัด น้าข้นนั้นอุดมไปด้วยครีมนมและไขมันนม ซึ่งหาก รับประทานเข้าไปมากๆ แม้จะทานกับผักก็เถอะร้อยทั้งร้อย “อ้วน” อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ 15. สรรหาจานสีเข้มๆมีผลการศึกษาระบุว่า การใช้จานอาหารสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากทาน อาหารมากขึ้น กลับกันหากคุณใช้จานอาหารสีเข้มๆ โดย เฉพาะสีน้าเงินจะทาให้คุณลดความอยากอาหารลงไป ได้ และนี่เองจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้คุณทานมากจะได้ไม่ต้องลดน้าหนักอย่างเอาเป็น เอาตายภายหลัง 16. ใช้ภาชนะให้เล็กลงนอกจากใช้ภาชนะสีเข้มๆ แล้ว การเปลี่ยนจานให้เล็กลงก็เป็นวิธีทางจิตวิทยาที่ ทาให้เรารู้สึกว่า อาหารมีปริมาณมากขึ้น ทาให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว ไม่อยากหาอะไรทานอีก
  • 6. 6 17. ลด ชา, กาแฟ, ครีมเทียมการรับประทานชา , กาแฟ มากกว่าสองแก้วต่อวันอาจทาให้คุณอ้วนได้ โดยเฉพาะหากใครชอบใส่ครีมเทียมในกาแฟจะทาให้คุณได้รับแคลอรี่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัวรวมทั้งกาแฟสด ทั้งหลายด้วยล่ะ 18. เคี้ยวช้าๆ ได้พร้าเล่มงามการเคี้ยวอาหารช้าๆ และเคี้ยวอย่างละเอียด ช่วยคุณสาวๆ ลดความอ้วน ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจะทาให้สมองมีเวลาที่จะส่ง สัญญาณไปบอกให้ท้องรู้สึกอิ่มได้แล้วกลับกันคนที่เคี้ยว เร็ว กินเร็ว จะไม่รู้สึกอิ่มแม้ทานอาหารหมดจานแล้ว และเมื่อท้องไม่อิ่มคุณสาวๆ ก็มักจะมองหาของหวานตบ ท้ายมื้ออาหารซึ่งจะนาความอ้วนมาสู่ร่างกายของคุณอย่างชัวร์ๆ 19. หลีกเลี่ยงไข่แดง ให้ทานไข่ขาวไข่แดงอุดมไปด้วยคอเลสเตอรอลที่เป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจและโรค อ้วน แต่ไข่ขาวไม่มีคอเลสเตอรอล ดังนั้น ควร หลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดงหรือทานในปริมาณน้อยและหัน มาทานไข่ขาวแทน นอกจากนี้หากวันไหนทานไข่มากๆ ก็ควรงดการทานอาหารที่มีไขมันสูงในมื้ออื่นๆ ของวัน เดียวกันด้วยเพื่อไม่ให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกายมากเกินไป 20. อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหาร สอบผ่าน! โปรเจกท์ผ่าน! พรีเซนต์งานผ่าน! ไปฉลอง กันดีกว่า!!! หยุดความคิดนี้เลย เพราะการที่คุณให้รางวัลกับความสาเร็จของตัวเองด้วยการไปรับประทาน อาหารตามใจปากอาจทาให้คุณอ้วนได้เหมือนกัน ทางที่ดีให้ รางวัลกับตัวเองด้วยการทาสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ยกเว้นเรื่องกิน!!! 21. จาไว้อย่าอดใช่ว่าการไดเอทคือการอดอาหาร เพราะยิ่งคุณอดอาหารเท่าไหร่จะมีผลต่อระดับ น้าตาลในเลือด แถมยังทาให้คุณหิวมากขึ้นมากขึ้นจนทาให้คุณสามารถทานได้มากกว่าปกติในมื้อต่อไป 22. แบ่งทานบางส่วนไม่ต้องทานให้หมด สาวๆ หลายคนบ่นเสียดายอาหารที่อยู่ตรงหน้าไม่อยาก เหลือทิ้งไว้ แต่สาหรับกฎเกณฑ์ของการลดความอ้วนคุณไม่จาเป็นต้องทานหมดหรอกค่ะ โดยคุณควรจะแบ่ง อาหารในจานไว้ 4 ส่วน แล้วทานเพียงแค่ 3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว 23. อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็นอีก ไม่ดีแน่หากคุณทานขนมหรืออาหารอะไรหลังจากคุณทานอาหารเย็น เรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีคือควรจะให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการย่อยอาหารแล้วไปเริ่มทางานใหม่ในมื้อเช้าของ วันรุ่งขึ้นจะดีกว่า 24. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า หากคุณพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพออาจจะมี ผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งทาหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ดังนั้น อาจทาให้คุณยับยั้งชั่งใจในการ รับประทานไม่อยู่และอ้วนขึ้นได้ นอกจากนี้หากคุณนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็สามารถช่วยให้ ร่างกายกาจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่นกัน 25. ทานหลายๆ มื้อเล็กๆ ในหนึ่งวันผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การทานอาหาร 4-5 มื้อเล็กๆ ในแต่ ละวัน จะช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญและความอยากอาหารได้ดีกว่าการทานอาหารมื้อปกติ 3 มื้อ โดย ระหว่างมื้ออาหารคุณอาจทานสแน็กหรือผลไม้เพื่อให้คุณอิ่ม และไม่หิวมากจนกระทั่งถึงมื้อต่อไป ทีนี้ในมื้อ ต่อไปคุณก็จะทานอาหารได้น้อยลงแล้ว
  • 7. 7 26. โปรตีนตัวช่วยลดความอ้วนในทุกๆ มื้อ มีคาแนะนาให้ในแต่ละมื้ออาหารต้องมีอาหารประเภท โปรตีนผสมด้วย เพราะโปรตีนจะช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อและกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น โดย โปรตีนที่แนะนาก็คือ อาหารจาพวกถั่ว นม โยเกิร์ตนั่นเอง 27. เผ็ดหน่อยอร่อยดี การศึกษาพบว่า “พริก” ช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญ จึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้าหนัก นอกจากนี้การกินพริกจะไม่ทาให้รู้สึกอยากกินหวานอีก รับรองว่า กิน พริกแล้วลืมเรื่องความอ้วนไปได้เลย 28. ดื่มชาเขียว มหาวิทยาลัยสวิสเซอร์แลนด์พบว่า การดื่มชาเขียวเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดน้าหนักเพราะ จะช่วยเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ดังนั้นควรพยายามดื่ม 3 ถ้วยต่อวัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ต้องเป็นชาเขียว บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ใช่ชาเขียวในขวดที่มีส่วนผสมของน้าตาลในปริมาณมากแบบนี้ลดความอ้วนไม่ได้แน่นอนค่ะ 29. ดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วน หากไม่ชอบดื่มชาเขียวจะลองหันมาดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วนได้เพราะ นมเป็นแหล่งอุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งมีการศึกษาพบว่า การที่ร่างกายได้รับวิตามินดีและแคลเซียมสูงจะช่วยให้ น้าหนักของเราลดลงได้แถมนมยังทาให้เรารู้สึกอิ่มจนไม่อยากทานอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรที่มีน้าตาลด้วย 30. อ่านฉลากรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ด้วยล่ะ ก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มลองอ่านรายละเอียดที่ ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ หีบห่อ ฯลฯ ดูก่อนทุกครั้ง เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรี สูงหรือไขมันสูงได้ แต่ขอย้าว่ายามใดที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตควรหลีกเลี่ยงการไปเดินในบริเวณที่ขายคุ้กกี้ พิซซ่า แช่แข็ง และไอศกรีม เพราะคุณอาจจะไม่ทันได้อ่านฉลากข้างกล่องก็ซื้อมันได้ง่ายๆ เพราะติดใจในความอร่อย ของมันนั่นเอง 31. จดบันทึกประจาวันให้เป็นนิสัย แต่ละวันคุณกินอะไรไปบ้างลองจดบันทึกไว้ทุกๆ สัปดาห์ดูสิ เพราะมันจะช่วยให้คุณยับยั้งชั่งใจและควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ดีเลยทีเดียว 32. ทานผลไม้สดดีกว่าผลไม้ดองหรือน้าผลไม้ปั่น น้าผลไม้ปั่นมักผสมน้าเชื่อม น้าตาล ทาให้คุณสาวๆ ได้รับน้าตาลเกินความจาเป็น ขณะเดียวกัน ผลไม้ดอง ก็อาจมีสารแซคคารีนหรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ซึ่ง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้วิตามินที่ครบถ้วน เลือกทานผลไม้สดดีกว่าแน่นอนค่ะ 33. ความเครียด คือ จุดอ่อน รู้ไหมคะว่าเมื่อฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นก็ทาให้ความต้องการอาหาร ในร่างกายเพิ่มขึ้นหรือทาให้หิวนั่นเองแถมหิวบ่อยชนิดที่ไม่รู้ตัวเลยด้วย เพราะคนเครียดส่วนใหญ่มักจะจมอยู่ กับความเครียดจนลืมสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง ดังนั้นทาตัวเองให้ห่างไกลจากความเครียดเถอะค่ะ 34. หัวเราะช่วยลดความอ้วน งานวิจัยระบุว่า การหัวเราะจะทาให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นขณะเราหัวเราะจะ หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้นทาให้กล้ามเนื้อท้องได้ออกกาลังไปในตัว 35. ชั่งน้าหนักอาทิตย์ละครั้ง ไม่จาเป็นที่คุณจะรีบร้อนชั่งน้าหนักตัวทุกๆ วัน เพราะหากคุณลดไม่ได้ ดังใจปรารถนาแล้วจะยิ่งทาให้คุณเครียดเสียเปล่าๆ เพราะฉะนั้น ชั่งน้าหนัก และเปลือยกายสารวจตัวเองใน ห้องน้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว
  • 8. 8 เทคนิคในการกินอาหารเพื่อลดความอ้วน 10 ประการ 1.ต้องตั้งใจ ... ไม่ล้มเลิก ควรมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลดน้าหนักอย่างถูกต้องและนามา ประยุกต์ตามความเหมาะสม กับชีวิตประจาวัน ควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องด้วยความตั้งใจแน่วแน่และจริงจัง โดยเฉพาะคนที่อ้วนมาก ๆ อาจจะต้องใช้เวลานานหลายเดือน ต้องตั้งใจ ไม่ล้มเลิกเสียกลางคันจึงจะลดน้าหนักได้ตามต้องการ นอกจากนี้ กาลังใจก็เป็นเรื่องสาคัญ คนที่อยู่รอบข้างควรให้การสนับสนุนและให้กาลังใจอย่างสม่าเสมอก็จะทาให้ เรื่อง ยากกลายเป็นเรื่องง่ายทาให้ลดน้าหนักได้สาเร็จ 2.ดื่มน้าให้มาก ๆ ก่อนกินอาหาร เรารู้แล้วว่าน้าเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน ดังนั้น ถึงแม้คุณจะดื่มน้ามาก ๆ ก็ไม่ทาให้อ้วนแน่นอน และถ้ายิ่งดื่มน้าสัก 2-3 แก้วก่อนหม่าอาหารแล้วล่ะก็ รับรองว่าคุณต้องอิ่มเร็วแน่ ๆ เพราะน้าจะเข้าไปแทนที่ ในกระเพาะอาหาร เมื่อกินอาหารเพิ่มเข้าไปอีกไม่มากกระเพาะก็จะเต็มคุณก็เลยรู้สึกอิ่มได้ เร็วขึ้นนั่นเอง แต่ น้าที่พูดถึงนี่คือน้าเปล่า ไม่ใช่น้าหวาน น้าอัดลม หรือเบียร์ เพราะน้าชนิดหลังนี้ให้พลังงานแก่ร่างกาย นอกจาก ไม่ผอมแล้วยังทาให้อ้วนด้วย 3.ห้ามกินอาหารหลายมื้อเกินไป บางคนกินอาหารถี่เหลือเกิน เริ่มกินตั้งแต่อาหารเช้า พอสายก็มีอาหารว่าง ทั้งเที่ยง ทั้งเย็นก็กินอีก แถม ต่อรอบมิดไนท์อีกรอบ โอ้ย... กินอะไรกันนักกันหนาจะนอนอยู่แล้ว ยังจะกินอีก! ถ้ากินอย่างนี้รับรองอ้วนแน่ ๆ และที่อ้วนอยู่แล้วก็ยิ่งกลายเป็นพะโล้มากขึ้นไปอีก เลิกเสียทีเถอะ ถ้าคุณยังไม่เลิกนิสัยการกินแบบนี้เรื่องผอม ของคุณก็คงกลายเป็น"ฝันที่ไม่ เป็นจริง" แน่นอน ทางที่ดีควรปรับเปลี่ยนอุปนิสัยการกินเสียใหม่ โดยการกิน อาหารให้น้อยมื้อลง ที่เคยกิน 4-5 มื้อก็เปลี่ยนเป็น 2-3 มื้อ โดยเฉพาะคนอ้วนที่กินอาหาร 3 มื้ออยู่แล้วก็ควร เปลี่ยนเป็น 1-2 มื้อ ส่วนมื้ออื่นก็อาจเปลี่ยนเป็นอาหารทดแทน ซึ่งปัจจุบันมีอาหารพลังงานต่าสาเร็จรูป มากมายที่ผลิตมาสาหรับคนที่ต้องการ ผอมโดยเฉพาะ ซึ่งแทนอาหารบางมื้อทาให้ลดความหิวไปได้และ นอกจากผอมแล้วยังไม่เปลืองเงิน อีกด้วย 4.เลือกกินอาหารที่พลังงานต่า เลือกกินอาหารที่เน้นผักหรือผลไม้แทนอาหารที่ให้พลังงานสูง เพราะผักและผลไม้บางชนิดให้พลังงานต่า นอกจากนี้ยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยให้อิ่มเร็วและอิ่มนานด้วย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน ขนมหวาน เป็นต้น และที่สาคัญไม่ควรกินอาหารตอนดึกหรือตอนใกล้นอน เพราะหากคุณกินแล้วนอนร่างกายไม่ได้ออกแรงทางาน พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปก็จะถูกเก็บสะสมเป็น ไขมันได้ง่าย ทาให้คุณอ้วนได้ง่าย
  • 9. 9 5.กินแต่น้อย ... ค่อย ๆ กิน คนที่กินอาหารคราวละมาก ๆ ก็จะติดนิสัย พอกินน้อย ๆ ก็รู้สึกไม่อิ่ม แถมเวลากินก็แทบจะไม่เคี้ยวเลย เข้าปากก็กลืนทันที ทาให้เป็นคนกินจุ ดังนั้นถ้าอยากผอมก็ควรปรับเปลี่ยนนิสัยกินอาหารช้า ๆ เคี้ยวให้ ละเอียด หรือเริ่มกินอาหารหลังคนอื่น ๆ และเมื่ออิ่มแล้วให้รีบลุกไปทันที หรือเก็บอาหารให้พ้นสายตา หากไป กินอาหารนอกบ้านก็ไม่ควรสั่งอาหารมากเกินไป เพราะหากกินไม่หมดก็จะรู้สึกเสียดายจนต้องกินให้หมด ทั้ง ๆ ที่อิ่มจะแย่อยู่แล้ว เข้าสุภาษิตที่ว่า "ท้องแตกดีกว่าของเหลือ" 6.อย่าซื้ออาหารมาเก็บไว้ ไม่ควรซื้ออาหารโดยเฉพาะขนมของจุกจิกกินเล่นมากักตุนหรือเก็บไว้ในที่ที่ เห็นได้บ่อย ๆ เพราะจะทา ให้รู้สึกอยากกิน เช่น ตู้เย็น โต๊ะอาหาร ห้องนั่งเล่น อย่าพยายามเลือกสถานที่พักผ่อนที่เป็นแหล่งอาหาร เช่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต ตลาดนัด เป็นต้น และไม่ควรไปช้อปปิ้งเลือกซื้ออาหารตอนที่หิวจัด เพราะจะทาให้ ซื้ออาหารจานวนมาก 7.นั่ง ๆ นอน ๆ คนที่วัน ๆ ไม่รู้จะทาอะไร มักจะนึกถึงเรื่องกินเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในวันหยุดหรือปิดเทอม แทนที่ จะอยู่เฉย ๆ ก็ควรจะพยายามหางานอดิเรกทา หรือทากิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์หรือสนุกสนาน ยกเว้น กิจกรรมในการกิน เพื่อให้มีการใช้พลังงานและทาให้รู้สึกเพลิดเพลินจนไม่นึกถึงเรื่องอาหาร ยกตัวอย่างเช่น อ่านหนังสือ ถักไหมพรม ทางานบ้าน เล่นกีฬา จัดดอกไม้ วาดรูป ร้องเพลง เล่นดนตรี เป็นต้น 8.ให้รางวัลกับตัวเอง ทุกครั้งที่เอาชนะใจและลดน้าหนักได้สาเร็จตามที่ตั้งใจไว้ก็ควรให้รางวัลตน เอง เช่น ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ซื้อของขวัญที่อยากได้มานาน บอกความสาเร็จให้คนอื่นรู้ ทาให้เกิดความภาคภูมิใจและความพยายามที่จะลด น้าหนักต่อไปให้สาเร็จ 9.ชักชวนคนอื่นมาลดน้าหนัก ถ้ามีเพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือพี่น้องที่อ้วนเหมือนกันก็ควรชักชวนมาลดน้าหนักด้วยกัน ทาให้เกิดการ เปรียบเทียบ เกิดการแข่งขันหรือแนะนาวิธีลดน้าหนักซึ่งกันและกันทาให้เกิดความตั้งใจและ ความรู้สึกอยาก ลดน้าหนักมากขึ้น 10.กินแล้ว... อ้วก! แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามีหลาย ๆ คนที่ใช้วิธีนี้ในการลดความอ้วน เพราะว่ามีความรู้สึกว่าอยากกินก็อยาก อยากผอมก็อยาก ก็เลยกินตามใจปากแล้วไปล้วงคอให้อาเจียนเพื่อเอาอาหารที่กินเข้าไปแล้วออกมา
  • 10. 10 อาหารต้านอ้วน กระเทียม พืชสมุนไพรบ้าน ๆ อย่างกระเทียมนั้น เป็นได้มากกว่าเครื่องปรุงรสอาหาร เพราะมันสามารถทาให้ หน้าท้องของคุณแบนเรียบปราศจากห่วงยาง นั่นก็เป็นเพราะว่าในกระเทียมประกอบด้วย "สารอัลลิซิน" ซึ่งทา หน้าที่ลดไขมันในเลือดนั่นเอง เกริ กลาสแมน นักโภชนาการอาหาร กล่าวว่า "สารอัลลิซิจะช่วยกาจัดเชื้อ แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทางเดินอาหาร ซึ่งจะทาให้ลาไส้ของคุณสะอาด และทางานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ หรือความหมายหนึ่งคือ ทาให้ลาไส้ขยายตัวน้อยลง ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทาให้กินน้อยอิ่มเร็ว" นอกจากนี้ผลการวิจัยจากประเทศเกาหลีใต้ ยังระบุว่า "พืชตระกูลกระเทียมอย่างหอมแดง ยังมี สรรพคุณที่ช่วยต่อต้านโรคอ้วน ที่มีสาเหตุมาจากโปรตีนในตับสูงเช่นกัน" ดังนั้นหากเป็นได้ในทุกมื้ออาหารที่มี ส่วนประกอบของสัตว์ปีก หรือพลาสตา หรือการทาน้าสลัด แนะนาให้บดกระเทียมลงไปคลุกเคล้า แค่นี้โรค อ้วนก็ห่างไกลคุณแล้ว ถั่ว หากคุณกาลังอยากหม่าข้าวสวยร้อน ๆ หรืออาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตนั้น ให้คุณลองมองหาพืช ตระกูลถั่ว ราแชล บีเกน นักโภชนาการบอกไว้ว่า "ถั่วไม่ใช่อาหารควบคุมน้าหนัก ที่ซ้ากับพืชสมุนไพรอื่น ๆ เพราะถั่วมีทั้งไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร และอุดมไปด้วยโปรตีน โดยถั่วเมล็ดสีดา 1 ถ้วยนั้น ประกอบด้วยเส้น ใยอาหารถึง 17 กรัม และโปรตีนอีก 14 กรัม" เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า กากใยอาหารและโปรตีนในถั่วนั้น จะช่วยให้อิ่มเร็ว อีกทั้งให้พลังที่สูง ซึ่งจะทาให้คุณบริโภคอาหารในมื้อถัดไปน้อยลง ประกอบกับผลงานวิจัย ล่าสุด ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารโรคอ้วนนั้น พบว่าสารสกัดที่พบได้จากถั่วสีขาว จะช่วยลดการดูดซึมไขมัน จากการ บริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต และลดอัตราการดูดซึมน้าตาลจากขนมหวานให้ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน อัน เนื่องมาจากเอนไซม์บางชนิดที่มีคุณสมบัติยับยั้งการย่อย ที่พบได้ในถั่วเมล็ดสีขาวนั่นเอง ถั่วพิสตาชิโอ ดร.แคทเธอรีน บรูคกิ่ง กล่าวว่า "ถั่วพิสตาชิโอเป็นอาหารคบเคี้ยวที่สามารถควบคุมน้าหนักได้ เพราะใน ถั่วพิสตาชิโอ 1 ออนซ์ มีโปรตีนทั้งหมด 6 กรัม และเส้นใยอาหาร 3 กรัม ซึ่งสารอาหารดังกล่าวเป็นสิ่งที่ ผู้บริโภคควรให้ความสนใจมากกว่าที่คบเคี้ยวถั่วเมล็ดแข็งดังกล่าว เพื่อความอร่อยเท่านั้น" นักโภชนาการสาว กล่าวต่อว่า "ถ้าต้องการบริโภคถั่วพิสตาชิโอแทนอาหารว่างอย่างอื่นนั้น แนะนาให้คุณ แกะเปลือกถั่วก่อนรับประทาน เพราะนั่นไม่เพียงเป็นการควบคุมไขมันจากการรับประทานถั่วที่ช้าลงแล้ว แต่ มันยังช่วยลดการบริโภคน้าตาลและเกลือจากอาหารคบเคี้ยว หรือจังก์ฟู้ดที่คุณบริโภคเป็นประจาอีกด้วย"
  • 11. 11 สาหร่ายทะเล สาว ๆ คนไหนที่ไม่ยากพกห่วงยางเดินไปไหนมาไหนแล้วล่ะก็ แนะนาว่าให้ลองบริโภคสาหร่ายทะเล ทริกความอ้วนของสาวๆ ญี่ปุ่น ประเทศที่ถือได้ว่ามีอัตราคนอ้วนน้อยที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะ "สาหร่ายวา กาเมะ" สาหร่ายที่อุดมไปด้วยโปรตีนสูง ที่ถือเป็นตัวช่วยในการควบคุมน้าหนักให้สาวอาทิศอุทัยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสารฟิวโคแซนทิน ที่สกัดได้จากสาหร่ายวากาเมะ ซึ่งได้รับการยืนยันและทดลองในสัตว์แล้วว่า ช่วย เพิ่มการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี และจากการศึกษาค้นคว้าในสาหร่ายลดความอ้วนดังกล่าว ก็เพื่อต้องการ หาค้นหา "สารอัลจิเนต" (สารมีลักษณะเหมือนเจลหล่อลื่น) หรือเจลที่พบได้ในกระเพาะอาหาร เพื่อกระตุ้นให้ ผู้บริโภครู้สึกอิ่มได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเป็นได้คุณสาวๆ ควรใส่สาหร่ายทะเลลงในซุป หรือเปลี่ยนจากแซนวิช ผักกาดหอมมาเป็นแซนวิชสาหร่ายแทน พริกจาลาปิโน (พริกหวานเม็กซิโก) ข่าวดีของผู้ที่ชอบความเผ็ดร้อนจากพริก โดยเฉพาะ "พริกจาลาปิโน" พริกจากประเทศเม็กซิโก ที่ ได้รับการวิจัยแล้วว่ามีสรรพคุณต้านการอักเสบและช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดี ซึ่งผลการวิจัยอื่น ๆ ยัง พบว่า ผู้ที่รับประทานพริกไทย หรือพืชในตระกูลพริกนั้นจะรู้สึกหิวน้อยลง และหลังจากนั้นพริกไทยก็จะทา การเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และหนึ่งผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพอร์ดู ที่สนับสนุนข้อมูลดังกล่าว ได้ระบุ ไว้ว่า "อาสาสมัครที่บริโภคพริกไทยเป็นประจานั้น พบว่าน้าหนักของเขาเริ่มลดน้อย อันเนื่องจากการที่เขารู้สึก หิวน้อยลง หลังการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของพริกไทย" มันฝรั่งสีขาว ลืมคากล่าวที่ว่าอาหารสีขาว ๆ นั้นเป็นสาเหตุของโรคอ้วนไปได้เลย !!! เพราะล่าสุดนักโภชนาการอย่าง ดร.กลาสแมน ได้กล่าวไว้ว่า มันฝรั่งสีขาวนั้นสามารถลดความอ้วนได้ เพราะเป็นพืชที่อุดมไปด้วยแป้ง ดังนั้น เวลาที่ถูกหมักอยู่ในลาไส้ มันจะสร้างกรดแ"บิวทิเลต" ซึ่งเป็นไขมันที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดเผาผลาญไขมัน นั่นเอง ขณะเดียวกันกรดดังกล่าวที่พบได้ในมันฝรั่งสีขาว ยังช่วยควบคุมระดับน้าตาลในเลือดให้กับผู้ป่วย โรคเบาหวานอีกด้วย มะม่วง คุณรู้หรือไม่ว่าผลไม้เนื้อแข็งสีเหลืองสด อย่างมะม่วงครึ่งผลนั้น มีเส้นใยในอาหารถึง 3 กรัม ซึ่งนั่นอาจ ไม่ใช่เหตุผลที่ช่วยควบคุมน้าหนักได้ ผลงานวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัย "โอคลาโฮมา" ชี้ให้เห็นว่า "มะม่วงอาจ ลดน้าตาลในเลือด และยังสามารถควบคุมความยากอาหารในกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารประเภท แป้ง โดยเฉพาะมะม่วงที่ปลูกในเขตพื้นที่ร้อนทั่วโลก"
  • 12. 12 โยเกิร์ต นอกจากคุณประโยชน์เรื่องไขมันต่าแล้ว คุณสาว ๆ รู้หรือไม่ว่าใน "โยเกิร์ต" ยังมีแคลเซียมที่ไม่เพียงช่วย ลดระดับ "ฮอร์โมนคอร์ติซอล" หรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกายลง ขณะเดียวกันก็จะเปลี่ยนจากการลด การเผาผลาญไขมัน โดยหันมาจัดเก็บไขมันแทน และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ในโยเกิร์ตยังเป็นแหล่งของ "โปร ไบโอติก" หรือเชื้อแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอาหาร แต่ไม่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งแบคทีเรียชนิดดังกล่าวนั้นเป็นปัจจัย กระตุ้นให้กระเพาะอาหาร ทาการย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การขับถ่ายดียิ่งขึ้น ซึ่งกรรมวิธีของการทาโยเกิร์ตนั้น ได้มาจากการหมัก และกรรมวิธี ดังกล่าวนั้น จะทาให้ได้โปรตีนและวิตามินบีที่มีความเข้มข้นสูง รวมไปถึงโพแทสเซียม แมกนีเซียม เมื่อเทียบ กับนมวัวที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดก็ตาม อะโวคาโด แม้ว่าอะโวคาโดถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีปริมาณไขมันสูงถึง ร้อยละ 80 แต่ทว่าผลไม้ขรุขระสีเขียวเข้ม ดังกล่าว ก็ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็น ประจานั้น จะมีรูปร่างผอมเพรียวหรืออ้วนน้อยกว่าผู้ที่ไม่รับประทาน และจากผลการศึกษาล่าสุดที่ช่วยเพิ่ม น้าหนักความน่าสนใจให้กับผลอะโวคาโดนั้น พบว่าการรับประทานผลไม้ดังกล่าวหลังอาหารกลางวัน จะช่วย ปรับลดดัชนีมวลกายให้ลดลง ได้ถึงร้อยละ 22 จากคาบอกเล่าของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เข้าร่วม การวิจัย อาร์ติโชค ผักสีเขียวหน้าตาคล้ายลูกแก้วมังกรนี้ ล้วนอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ที่หากผ่าออกเป็น 2 ซีกแล้วนั้น จะ อยู่ที่ซีกละ 6 กรัม หนาซ้าในผักรูปร่างแปลกตาดังกล่าวนั้น ยังอัดแน่นไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยให้ย่อยง่ายอิ่มนาน แล้ว ในผักดังกล่าวยังช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางผลงานวิจัยยังระบุไว้ว่า ผล "อาร์ติโชค" ยังมีโปร ไบโอติกที่คอยกระตุ้นแบคทีเรียชนิดดีให้กับลาไส้ของคุณ ทาให้ย่อยง่ายและขับถ่ายดีอีกด้วย ซึ่งเหมาะสาหรับ คุณสาว ๆ ที่ต้องการลดไขมันห่วงยางที่หน้าท้อง
  • 13. 13 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1.คิดหัวข้อการทาโครงงาน 2.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่ช่วยลดความอ้วน 3.จัดทาโรงงาน เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. โปรแกรม Power Point 2. โปรแกรม Microsoft Word 2010 3. เว็บไซต์ http://www.blogger.com/ งบประมาณ -- ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน ทิวากร,อรณิชา 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล ทิวากร,อรณิชา 3 จัดทาโครงร่างงาน ทิวากร,อรณิชา 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน ทิวากร,อรณิชา 5 ปรับปรุงทดสอบ ทิวากร,อรณิชา 6 การทาเอกสารรายงาน ทิวากร,อรณิชา 7 ประเมินผลงาน ทิวากร,อรณิชา 8 นาเสนอโครงงาน ทิวากร,อรณิชา
  • 14. 14 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1.สามารถเป็นสื่อการเรียนในเรื่องของสุขภาพได้ 2.เยาวชนหรืบุคคลต่างๆมีสุขภาพที่ดี ไม่เป็นโรคอ้วน สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1.สาระสุขศึกษาและพลศึกษา 2.สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) http://style336.blogspot.com/ http://webboard.yenta4.com/topic/172252 http://www.ladytip.com/lose-weight/eat-to-diet.html http://www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9570000021867