More Related Content
Similar to How to weight loss & control eating
Similar to How to weight loss & control eating (20)
How to weight loss & control eating
- 1. 1
แบบนาเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
โครงงาน การลดความอ้วนและการควบคุมอาหาร
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อนาย กฤษดาร หมื่นตุ้ม เลขที่ 29 ชั้นม.6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 3. 3
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เผชิญปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น พันธุกรรม
สภาพสังคมและวัฒนธรรม และสาเหตุที่สาคัญคือการบริโภคอาหารได้รับอิทธิพลจาก สื่อโฆษณาต่างๆ การ
ขาดวินัยในการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่รู้จักเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ ขาดวินัยในการใช้เวลา ไม่รู้
คุณค่าของเงิน และ พฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ทั้งการบริโภคอาหารไขมันสูง พฤติกรรมนั่งๆ นอนๆ ขาด
การออกกาลังกาย ซึ่งก่อให้เกิดโรคเรื้อรังที่พบบ่อย คนเหล่านี้จึงมีปัญหาโรคอ้วนเพิ่มขึ้น ตามลาดับ อาจส่งผล
ถึงภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ โรคเบาหวาน หอบ และความดันโลหิตสูง ทั้งที่ควรจะเป็นโรคในวัย
ผู้ใหญ่ แต่ในปัจจุบันในวัยเด็กหรือวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น ดังนั้นการป้องกันความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค
อ้วน โดยการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจาเป็น จึงทาให้ข้าพเจ้าสนใจที่จะทาโครงงาน
พัฒนาเว็บไซต์เรื่อง...การลดความอ้วนอย่างถูกวิธีเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาต่อไป
โรคอ้วนจัดเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่พบมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยพบว่าคนที่อยู่
ในเมืองที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์มีปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน อีกทั้งยังมีปัญหาของโรคอื่นๆตามมา มีคน
จานวนมากที่เข้าใจผิดว่าการมีไขมันส่วนเกินเพียงเล็กน้อยที่หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ก็ถือว่า "อ้วน" ซึ่งถือว่า
เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่งเนื่องจากคาว่า "อ้วน" ในความหมายของคนทั่วไป กับความหมายทางวิชาการมีความ
แตกต่างกัน เราควรที่จะมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาหรือมีความคิดวิตกกังวลว่าตนเอง
"อ้วน"
วัตถุประสงค์
-ทราบการทางานของระบบเผาผลาญในร่างกาย
-ทราบวิธีการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง
-ทราบผลเสียที่เกิดจากความอ้วน
ขอบเขตโครงงาน
-กลไกการเผลาผลาญของร่างกาย
-วางแผนการควบคุม
- 4. 4
หลักการและทฤษฎี
การเผาผลาญ (Metabolism)
คือการเปลี่ยนอาหารที่เราทานเข้าไป ให้อยู่ในรูปของเชื้อเพลิงพลังงาน เพื่อนามาใช้ในกระบวนการต่างๆ เช่น การหายใจ การ
ทางานของอวัยวะภายใน การเคลื่อนไหวร่างกาย การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก เป็นต้น การเผาผลาญเป็นกระบวนการที่
เกิดขึ้นในเซลล์ต่างๆ และสาคัญต่อการดารงชีวิต
การเผาผลาญยังแบ่งได้เป็น 2 กระบวนการ ได้แก่ การสลาย หรือ แคแทบอลิซึม (Catabolism) เป็นการสลายสารอินทรีย์ เช่น
น้าตาลกลูโคส ให้เป็นพลังงาน และ การสร้าง หรือ แอแนบอลิซึม (Anabolism) เป็นการใช้พลังงานที่ได้ในการสร้าง
ส่วนประกอบของเซลล์ เช่น โปรตีน, DNA และ RNA ซึ่งกระบวนการทั้งสองจะเกิดควบคู่กันไปอย่างสมดุล
การเผาผลาญสารอาหารแต่ละชนิด
สารอาหาร ซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่และวิตามิน จะผ่านกระบวนการที่แตกต่างกัน ในการสลายและ
นามาใช้ในร่างกาย
คาร์โบไฮเดรต
เป็นแหล่งพลังงานสาคัญ ซึ่งส่วนมากเราจะได้รับจากการทานข้าว แป้ง ขนมปัง อาหารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกย่อยให้
กลายเป็นน้าตาลขนาดเล็ก เช่น น้าตาลกลูโคส จากนั้น เซลล์ต่างๆ จะรับกลูโคสเข้าไป และสลายต่อไปจนได้เป็นก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ น้า และพลังงาน ซึ่งใช้สาหรับเป็นเชื้อเพลิงในการทางานของเซลล์น้าตาลกลูโคสส่วนเกินที่ร่างกายใช้ไม่
หมด จะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน (glycogen) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสารองเมื่อร่างกายต้องการ แต่หากเราทานแป้ง
มากจนมีกลูโคสมากเกินพอ น้าตาลกลูโคสส่วนที่เหลือก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมในร่างกาย ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงสารอง
อีกรูปแบบหนึ่ง
- 5. โปรตีน
เป็นสารอาหารที่ส่วนมากเราจะได้รับจากการทานเนื้อสัตว์นม ไข่ ถั่ว อย่างที่เราทราบกันว่า โปรตีนมีความสาคัญในการ
เสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อเราทานอาหารเข้าไป โปรตีนในอาหารจะถูกย่อยจนกลายเป็นหน่วยเล็ก
ที่สุด คือ กรดอะมิโน และดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย กรดอะมิโนจาเป็นที่เราจะได้รับจากอาหารเท่านั้น ได้แก่ ไลซีน ทริปโตแฟน ลิว
ซีน ไอโซลิวซีน เมตไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน ทรีโอนีน และวาลีน ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสาคัญของเอนไซม์
และฮอร์โมนหลายชนิด รวมถึงเป็นสารตั้งต้นในการสร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์กล้ามเนื้อ และสารต่างๆ
มากมาย นอกจากนี้ ในภาวะที่ร่างกายขาดพลังงาน โปรตีนในกล้ามเนื้อยังสามารถถูกสลายและเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้
พลังงานได้อีกด้วย
ไขมัน
ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูงที่สุด และเราสามารถรับมาจากทั้งพืชและสัตว์ไขมันในอาหารขนาดใหญ่จะถูกย่อยจนมี
ขนาดเล็กลง และกลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ไขมันมีหน้าที่สาคัญคือเป็น
ส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนสเตียรอยด์ ช่วยในการดูดซึมวิตามิน และไขมันส่วนเกินจะถูกเก็บไว้
ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ในเนื้อเยื่อไขมัน เพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงสารองเมื่อร่างกายขาดพลังงาน แต่อย่างที่เราทราบกันว่า
ไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังนั้นทาให้ร่างกายเราอวบอ้วน ไม่กระชับสวยงาม อีกทั้งไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไป อาจไปเกาะตาม
อวัยวะและผนังหลอดเลือด ทาให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ได้
เกลือแร่และวิตามิน
เกลือแร่และวิตามินเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน แต่มีความสาคัญต่อการทางานของระบบต่างๆ รวมถึงระบบเผาผลาญด้วย
เกลือแร่ที่สาคัญมีหลายชนิด เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง สังกะสี เช่นเดียวกับวิตามินที่สาคัญ ก็มีทั้ง
วิตามินที่ละลายในไขมันและสามารถสะสมในร่างกายได้เช่น วิตามิน เอ, ดี, อี, เค และวิตามินที่ละลายในน้าและไม่ถูกสะสม
ในร่างกาย เช่น วิตามิน บี และ ซี
ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ
เมื่อระบบเผาผลาญเกิดความผิดปกติ เช่น ไม่สามารถสลายอาหารที่ทานเข้าไปได้หรืออัตราการสลายและการสร้างไม่สมดุลกัน
จะทาให้เกิดความแปรปรวนของร่างกายและโรคต่างๆ ตามมา เช่น
- 6. ระบบเผาผลาญพัง
เคยสงสัยไหม ว่าบางคนกินน้อยแต่ทาไมยังอ้วน? นั่นอาจเป็นเพราะระบบเผาผลาญพัง ทาให้เราไม่สามารถสลายอาหารที่กิน
เข้าไปกลายเป็นพลังงานได้ตามปกติ แม้ว่าจะกินข้าวเพียงวันละจานก็ตาม ซึ่งสาเหตุของระบบเผาผลาญพัง อาจเกิดจาก
ความเครียดสะสม ระดับฮอร์โมนผิดปกติในร่างกาย เช่น ขาดฮอร์โมนไทรอยด์หรือเกิดจากการลดน้าหนักผิดวิธี เช่น บางคนใช้
วิธีหักดิบ อดอาหาร และออกกาลังกายอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งการทาแบบนี้น้าหนักจะลดลงเฉพาะในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่พอนานเข้า
ร่างกายที่ไม่ได้รับอาหารเพียงพอก็จะเข้าสู่ „โหมดประหยัดพลังงาน‟ และเก็บสะสมอาหารทุกสิ่งอย่างที่กินให้อยู่ในรูปไขมัน
ซึ่งผลที่ได้คือนอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว ยังทาให้ระบบเผาผลาญพังอย่างที่เห็น
โรคเมตาบอลิคซินโดรม
(Metabolic syndrome)
เมตาบอลิคซินโดรม เรียกกันง่ายๆ ว่า “ภาวะอ้วนลงพุง” ซึ่งสาหรับคนไทย ภาวะนี้นิยามโดย...
การมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ในผู้ชาย และเกิน 80 ซม. ในผู้หญิง
การมีความดันโลหิตสูงกว่า 130/85 มม.ปรอท
การมีไขมันไม่ดี (LDL) สูง และมีไขมันดี (HDL) ต่ากว่า 40 มก./ดล. ในผู้ชาย และต่ากว่า 50 มก./ดล. ในผู้หญิง
การมีไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สูงกว่า 150 มก./ดล.
ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา คือความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่คนไทยเป็นกันมาก และควบคุมอาการได้ยาก
โรคหลอดเลือด
ภาวะที่อันตรายร้ายแรง คือการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกิดจากไขมันส่วนเกินไปเกาะตามผนัง
หลอดเลือด ทาให้หลอดเลือดบาดเจ็บเสียหาย หลอดเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น จนอาจถึงขึ้นหลอดเลือดแตกและฉีกขาดได้
- 7. การดูแลระบบเผาผลาญให้เป็นปกติ
ทานอาหารให้ได้พลังงานเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หลีกเลี่ยงการอดอาหารจนหิวโซ หรือการทานมากเกินไป เพราะจะทาให้
ระบบเผาผลาญแปรปรวนได้
กาหนดสัดส่วนของอาหารให้เหมาะสม โดยร่างกายควรรับพลังงาน 40-50% จากคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง อีก 40-
50% ให้ทานโปรตีนและผักผลไม้และทานไขมันไม่เกิน 10% ของพลังงานทั้งหมด หากต้องการจะลดน้าหนัก ควรเปลี่ยน
มาทานข้าวและแป้งไม่ขัดสี ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ามากๆ ไม่ควรใช้วิธีอดอาหารเด็ดขาด
หากลดน้าหนักด้วยการอดอาหารมาเป็นเวลานาน จนระบบเผาผลาญพังไปแล้ว การกลับมาทานปกติโดยทันทีจะทาให้อ้วนขึ้น
อย่างรวดเร็ว อย่างที่เรียกว่า “Yoyo effect” ดังนั้น ควรเริ่มปรับโดยการทานอาหารเพิ่มขึ้นทีละนิด ในสัดส่วนสารอาหาร
ที่เหมาะสม
ออกกาลังกายเป็นประจา ประมาณ 120-150 นาที/สัปดาห์ เพื่อเพิ่มอัตราการสลายไขมันในร่างกาย
เคล็ดลับเพิ่มการเผาผลาญเพื่อควบคุมน้าหนักแบบไม่ต้องอด ไม่ต้องหิว
รับประทานอาหารโปรตีน อาหารประเภทโปรตีนจะกระตุ้นให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยและดูดซึมไปใช้
มากกว่าการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตหรือไขมัน สาหรับผู้ที่กาลังควบคุมน้าหนักหรือเพิ่มการเผาผลาญ
ร่างกาย ควรรับประทานโปรตีนให้มากกว่า 0.8 กรัมต่อน้าหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน หรือควรให้มีโปรตีน 15-35%
ของอาหารทั้งวัน หากคุณออกกาลังกายน้อย ก็รับประทานโปรตีนให้ได้ 15% แต่ถ้าคุณออกกาลังกายมากขึ้น ก็
ค่อยๆ เพิ่มโปรตีนขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 35% ของอาหารทั้งวัน
สกัดแคลอรีเข้าสู่ร่างกาย พลังงานที่เข้าสู่ร่างกายจากสารอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน จะต้อง
สมดุลหรือน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวัน
“อ้วนแป้ง อ้วนน้าตาล ความอ้วนที่บล็อกได้”
- 8. แป้งและน้าตาลเป็นสาเหตุสาคัญของน้าหนักร่างกายที่เพิ่มขึ้น เมื่อคุณกินอาหารแป้งและน้าตาล ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมน
อินซูลินเพื่อลดระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ ปัญหาก็คือ ฮอร์โมนอินซูลินไปลดระดับน้าตาลด้วยการดึงน้าตาล
ในเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อแคลอรีที่เข้าสู่เซลล์ต่างๆ มากเกินใช้ อินซูลินจะเริ่มดึงน้าตาลเข้าสู่เซลล์ไขมันและ
กระตุ้นให้เซลล์ไขมันเปลี่ยนน้าตาลมาเป็นไขมัน และเริ่มก่อตัวเป็นเนื้อไขมันที่ค่อยๆ พอกพูนตามร่างกายและเพิ่มน้าหนัก
ตัวมากขึ้น
การชะลอการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต (แป้งและน้าตาล) จะทาให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินลดลง ผลก็คือร่างกายจะ
ลดอัตราการสะสมไขมันจากแป้งและน้าตาลลง ทาให้มีผลดีต่อการควบคุมน้าหนักและรักษาน้าหนักให้คงที่
หลังลดน้าหนัก โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนาให้รับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารสูง เนื่องจากทาให้การดูดซึม
ช้าลงและควบคุมระดับฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น
สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดมีส่วนช่วยในการชะลอการดูดซึมพลังงาน น้าตาล เข้าสู่ร่างกาย ทาให้การ
เหวี่ยงของระดับน้าตาลลดลง จึงช่วยลดการกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกหิวและอาจช่วยลดแคลอรีเข้าสู่ร่างกายได้บางส่วน
ทาให้ระดับพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายและเผาผลาญต่อวันมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น เช่น
สารสกัดถั่วขาว (white kidney bean extract) ช่วยชะลอการย่อยแป้ง ซึ่งเป็นตัวการสาคัญที่เร่งไขมันสะสมใน
ร่างกาย
สารสกัดจากถั่วเหลืองหมัก (fermented soybean extract) ช่วยชะลอน้าตาลเข้าสู่ร่างกาย ทาให้ร่างกายมี
ระดับน้าตาลคงที่ ลดการเกิดไขมันสะสม
“รับประทานไขมันดี ลดพุง”
คนอ้วนหรือเป็นโรคเบาหวานจะมีระดับการอักเสบในร่างกายและไขมันสูง และทาให้การเผาผลาญไขมันช้าลง เนื่องจาก
การอักเสบในร่างกายจะมีผลชะลอการเผาผลาญในร่างกายเพื่อสารองพลังงานไว้ต่อสู้กับภาวะอักเสบสูงในร่างกาย กรด
ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 จากน้ามันปลา และซีแอลเอ (conjugated linoleic acid) มีความสาคัญ
ในการควบคุมหรือลดระดับการอักเสบในร่างกาย จึงมีส่วนช่วยในโปรแกรมเร่งการเผาผลาญและลดไขมัน
สะสมในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อไขมันอุดตันในหลอดเลือดได้หากกินอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ซีแอล
- 9. เอยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกาย เพิ่มการเผาผลาญในระดับเซลล์ จัดเป็นสารเสริมอาหารตัว
หลักร่วมกับการออกกาลังกาย สาหรับคนที่ต้องการควบคุมไขมันสะสมในร่างกาย
อย่าลืมรักษาสมดุลสารอาหารจาเป็น เพื่อการเผาผลาญ
กระบวนการเผาผลาญ เป็นปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ที่ต้องใช้วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารจาเป็น
การลดหรือควบคุมน้าหนักอาจทาให้เซลล์ร่างกายเริ่มขาดแคลอรีและสารอาหารจาเป็น เซลล์จะ
เริ่มปรับตัวหรือเข้าสู่ภาวะจาศีล เพื่อลดการเผาผลาญ เพื่อให้เหลือพลังงานสะสมชดเชยกับที่
ร่างกายขาดแคลน และอาจดึงไขมันสะสมเก็บไว้เพื่อเป็นพลังงานสารองยามขาดแคลน
ดังนั้น สาหรับคนที่ควบคุมอาหารเพื่อรักษาน้าหนักตัวเกิน 2-3 เดือน อาหารควบคุมน้าหนักที่คุณรับประทาน
อยู่อาจขาดสารอาหารจาเป็น และส่งผลให้การเผาผลาญชะลอตัวได้ คุณจึงควรเสริมสารอาหารจาเป็นให้
เพียงพอกับความต้องการพื้นฐาน หรือเลือกเสริมวิตามิน เกลือแร่ และไฟโตนิวเทรียนท์ เพื่อมั่นใจว่าร่างกาย
ของคุณจะคงระดับการเผาผลาญได้อย่างต่อเนื่องและควบคุมน้าหนักได้ในระยะยาว