7. Chromosome classification
กลุ่ม คู่ที่ ขนาด /รูปร่าง โครโมโซม
A 1-3 ใหญ่ /metacentric,
submetacentric
B 4-5 ใหญ่ /submetacentric
C 6-12, X กลาง/submetacentric
D 13-15 กลาง /acrocentric
E 16-18 เล็ก /metacentric,
submetacentric
F 19-20 เล็ก /metacentric
G 21-22, Y เล็ก /acrocentric
63. ถ้าเรามี phenotype เด่น ( A_ ) แล้วอยากรู้ว่ามี genotype เป็นแบบ
AA หรือ Aa สามารถทาได้ 2 วิธี คือ
1) การผสมตัวเอง (Selfing) ถ้าเป็น Aa ผสมกันเอง ลูกที่ได้จะเป็นอัตราส่วน ลักษณะเด่น :
ด้อย = 3 : 1 แต่ถ้าเป็น AA เมื่อผสมตัวเองจะได้ลักษณะเด่นทั้งหมด
2) การผสมเพื่อทดสอบ ( test cross) หรือการผสมแบบย้อนกลับ ( backcross )
เป็นการทดสอบว่าสิ่งมีชีวิตที่เราสงสัยนั้นเป็น homozygous หรือ heterozygous
โดยการทดสอบนั้นจะนาสิ่งมีชีวิตที่เราสงสัยนั้นไปผสมกับ homozygous recessive จากนั้น
สังเกตผลที่เกิดขึ้นในรุ่น F1 ว่าผลเป็นอย่างไร
การผสมเพื่อทดสอบ
กรณีที่ 1
P TT x tt
gamete T t
F1 Tt
phenotype ต้นสูง
สรุป genotype คือ Tt
phenotype คือ ต้นสูงทั้งหมด
คือ 100%
(genotype เป็น homozygous)
64. การผสมเพื่อทดสอบ กรณีที่ 2
P Tt x tt
gamete T , t t
F1 Tt , tt
phenotype ต้นสูง : ต้นเตี้ย
สรุป genotype คือ T t , t t
phenotype คือ ต้นสูง : ต้นเตี้ย ( 1 : 1 )
(genotype เป็น heterozygous)
65. การผสมกลับหรือแบคครอส (backcross)
เป็นการนาลูกผสมรุ่น F1 ที่ได้จากการผสมระหว่างพ่อและแม่ที่เป็นพันธุ์แท้กลับไปผสมพันธุ์กับ
พันธุ์พ่อหรือพันธุ์แม่เพื่อให้ได้ลักษณะตามที่เราต้องการ ตัวอย่างเช่น เรานาพืชลูกผสมที่ได้รับยีน
ต้านทานโรคจากสายพันธุ์พ่อไปผสมกลับกับสายพันธุ์แม่ที่ให้ผลผลิตสูง ถึงแม้ว่าลูกผสม F1 จะมี
ความต้านทานต้านทานต่อโรคได้ดี แต่กลับมีผลผลิตไม่เท่ากับสายพันธุ์แม่ การนาลูกผสมนี้ผสมกลับไป
หาสายพันธุ์แม่หลายๆ ครั้งจะทาให้ได้ลูกผสมในรุ่นหลังๆ ที่นอกจากจะมีลักษณะต้านทานต่อโรคแล้ว
ยังได้รับยีนที่ให้ผลผลิตสูงจากสายพันธุ์แม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
87. มัลติเพิลแอลลีล ( Multiple alleles )
แอลลีล หมายถึง รูปแบบต่าง ๆ ของยีนซึ่งมีตาแหน่งเดียวกันบนโครโมโซม
แต่ละชนิดของแอลลีลจะควบคุมลักษณะเฉพาะเท่านั้น
แต่ละตาแหน่งของยีนที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวอาจมีมากกว่า 2 แอลลีล ที่เรียกว่า มัลติเพิลแอลลีล
ตัวอย่าง
• ลักษณะหมู่เลือดของคน ระบบ ABO มียีนควบคุม 3 แอลลีล คือ
• I A กาหนดการสร้างแอนติเจน A พบในคนหมู่เลือด A
• I B กาหนดการสร้างแอนติเจน B พบในคนหมู่เลือด B
• i ไม่สร้างแอนติเจน ทั้ง A และ B พบในคนหมู่เลือด O
หมายเหตุ
• ทั้งแอลลีล I A และแอลลีล I B เป็นแอลลีลเด่นทั้งคู่ หรือเด่นร่วมกัน เรียกว่า CO – dominant
• คนที่มีทั้งแอลลีล I A และแอลลีล I B กาหนดการสร้างแอนติเจนทั้ง A ,B จึงพบในคนหมู่เลือด AB
• แอลลีล i เป็นแอลลีลด้อยไม่สร้างแอนติเจน
• คนที่มีจีโนไทป์ ii ไม่มีแอนติเจน ทั้ง A และ B จึงมีหมู่เลือด O
88.
89.
90.
91.
92.
93. “โอบอมเบย์ (O-Bombay หรือ hh-antigen blood group)”
ซึ่งถูกรายงานครั้งแรกเมื่อปี 1952 โดยเป็นกรณีนี้เกิดขึ้นที่เมืองบอมเบย์ ประเทศ
อินเดียโดย Dr. Y.M. Bhende ซึ่งในเมืองดังกล่าวจะพบหมู่เลือดพิเศษนี้ใน
อัตรา1 คนในหมื่นคน หรือเมื่อคิดจากประชากรทั้งโลกจะพบคนที่มีหมู่เลือดโอบ
อมเบย์ประมาณ 4 คนใน 1 แสนคน หมู่เลือดนี้จะมีปัญหาอย่างมากในการรับเลือด
กรณีทีได้รับเลือดจากหมู่ O ปกติ โดยจะสามารถรับเลือดจากหมู่ O ปกติได้เพียง
ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถ้ารับจากหมู่โอบอมเบย์ด้วยกันจะได้ไม่มีปัญหา
เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงของหมู่เลือด O จะมีแต่แอนติเจน H เพียงอย่างเดียว ซึ่ง
ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแอนติเจน A หรือแอนติเจน B ได้ เนื่องจากไม่มีเอนไซม์
transferase A หรือ เอนไซม์ transferase B ส่วนของแอนติเจน H จะ
ถูกควบคุมโดย gene H และ gene h โดยที่ HH และ Hh genotype
จะกาหนดให้แสดงแอนติเจน H ที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเม็ดเลือดแดง hh
genotype จะกาหนดให้ไม่แสดงแอนติเจน H ที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเม็ดเลือดแดง