SlideShare a Scribd company logo
1 of 44
1
คำอธิบำยรำยวิชำ
คณิตศำสตร์ รอบรู้ 5 รหัสวิชำ ค33201 ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 6
จำนวน 80 ชั่วโมง (4 ชั่วโมง/สั ปดำห์ )
**********************
ศึกษา ฝึ กทักษะ/กระบวนการ ในสาระต่อไปนี้
กำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น โดยใช้ค่ากลางของข้อมูล การวัดตาแหน่งที่ของข้อมูลและ
้
การวัดการกระจายของข้อมูล
กำรแจกแจงปกติ ค่ามาตรฐาน การแจกแจงปกติและเส้นโค้งปกติ พื้นที่ใต้เส้นโค้งปกติมาตรฐาน
ควำมสั มพันธ์ เชิ งฟังก์ ชันระหว่ ำงข้ อมูล แผนภาพการกระจาย
่
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูลที่ประกอบด้วยสองตัวแปรที่อยุในรู ปอนุกรมเวลา
ั
การใช้ความสัมพันธ์ของข้อมูลทานายค่าตัวแปรตาม
เมื่อกาหนดตัวแปรอิสระให้
โดยจัดกิจกรรมหรื อจัดประสบการณ์ สร้างประสบการณ์ ที่สอดคล้องกับชีวตประจาวัน
ิ
หรื อสภาพท้องถิ่น ให้ผเู ้ รี ยนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึ กทักษะ โดยการปฏิบติจริ ง ทดลอง สรุ ป รายงาน
ั
เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล
หารสื่ อความหมายทางคณิ ตศาสตร์ และนาประสบการณ์ดานความรู้ ความคิด
้
ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรี ยนรู ้สิ่งต่างๆ และใช้ในชีวตประจาวันอย่างสร้างสรรค์
ิ
รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิ ตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็ นระบบ มีความคิดรอบคอบ
มีความรับผิดชอบ มีวจารณญาณ
ิ
และมีความเชื่อมันในตนเอง
่
การวัดและประเมินผล ใช้วธีที่หลากหลายตามสภาพความเป็ นจริ งให้สอดคล้องกับเนื้ อหาและ
ิ
ทักษะที่ตองการวัด
้

ผลกำรเรี ยนรู้
คณิตศำสตร์ รอบรู้ 5 รหัสวิชำ ค33201
1.
2.
3.
4.
5.

เลือกวิธีวเิ คราะห์ขอมูลเบื้องต้นและอธิ บายผลการวิเคราะห์ขอมูลได้อย่างถูกต้อง
้
้
นาความรู้เรื่ องการวิเคราะห์ขอมูลไปใช้ได้
้
นาความรู ้เรื่ องค่ามาตรฐานไปใช้ในการเปรี ยบเทียบข้อมูลได้
หาพื้นที่ใต้โค้งปกติและนาความรู ้เกี่ยวกับพื้นที่ใต้โค้งปกติไปใช้ได้
เข้าใจความหมายของการสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูล
ั
ที่ประกอบด้วยสองตัวแปร
6. สร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูลที่ประกอบด้วยสองตัวแปร
ั
่
ที่อยูในรู ปอนุกรมเวลาโดยใช้เครื่ องคานวณ
7. ใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูลทานายตัวแปรตาม
ั
เมื่อกาหนดตัวแปรอิสระให้
2

สำรบัญ
เรื่อง
บทที่ 1 กำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น
้
1.1 ค่ ำกลำงของข้ อมูล
1.1.1 ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต
1.12 มัธยฐาน
1.1.3 ฐานนิยม
1.1.4 ค่าเฉลี่ยฮาร์ โมนิค
1.1.5 ค่าเฉลี่ยเรขาคณิ ต
1.1.6 โจทย์ระคน
1.2 กำรวัดตำแหน่ งทีของข้ อมูล
่
2.1 ความหมาย
2.2 การวัดตาแหน่งที่ของข้อมูลที่ไม่แจงแจงความถี่
2.3 การวัดตาแหน่งที่ของข้อมูลที่แจงแจงความถี่
1.3 กำรวัดกำรกระจำยของข้ อมูล
1.3.1 การวัดการกระจายสัมบูรณ์
1. พิสัย
2. ส่ วนเบี่ยงเบนควอร์ ไทล์
3. ส่ วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย
4. ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
1.3.2 การวัดการกระจายสัมพัทธ์
บทที่ 2 กำรแจกแจงปกติ
2.1 ค่ามาตรฐาน
2.2 การแจกแจงปกติและเส้นโค้งปกติ
บทที่ 3 ควำมสั มพันธ์ เชิ งฟังก์ ชันระหว่ ำงข้ อมูล
3.1 ความรู ้พ้ืนฐาน
3.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนในรู ปเส้นตรง
ั
3.3 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนในรู ปพาราโบลา
ั
่
3.4 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนเชิงเส้นที่อยูใน
ั
รู ปอนุกรมเวลา
3.5 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนเอกซ์โพเนนเชียล
ั
่
ที่อยูในรู ปอนุกรมเวลา
ภาคผนวก
ตารางค่าลอการิ ทึม
ตารางแสดงพื้นที่ใต้เส้นโค้งปกติ

หน้ ำ

9
19
22
24
30
32
42
43
44
48
48
48
49
50
56
60
63
82
94
101
106
111

123
127
3

คำแนะนำสำหรับนักเรียน
ชุดกิจกรรมจัดการเรี ยนรู ้คณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6
ในการเรี ยนแต่ละครั้ง ครู จะแบ่งกลุ่มนักเรี ยนออกเป็ นกลุ่มๆละ 4 คน โดยแต่ละกลุ่มให้มีท้ งนักเรี ยนเก่ง อ่อน
ั
อย่างละ1 คน ปานกลาง 2 คน คละกัน แล้วให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มเลือกประธานกลุ่มและเลขาของกลุ่ม
ั
แบ่งหน้าที่ในการทากิจกรรมและหมุนเวียนหน้าที่กนในกลุ่มช่วยกันทางานกลุ่ม
่
ซึ่ งนักเรี ยนจะอยูกลุ่มเดียวกันจนสิ้ นสุ ดการสอน
ชุดกิจกรรมเหล่านี้ จัดทาขึ้นเพื่อเป็ นสื่ อการจัดการเรี ยนรู ้กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้คณิ ตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียด ดังนี้
1. เนื้อหาประกอบด้วย การวิเคราะห์ขอมูลเบื้องต้น การแจกแจงปกติ
้
และความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนระหว่างข้อมูล
ั
2. แบบฝึ กกิจกรรมแต่ละเนื้ อหาสาระ
มีแบบฝึ กที่ทาให้ผเู ้ รี ยนสามารถเรี ยนรู ้ได้ดวยตนเองจึงเกิดศักยภาพในการแก้โจทย์ปัญหาอย่างแม่นยา
้
3. แบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรม จัดทาไว้แต่ละชุดกิจกรรม เพื่อให้ผเู ้ รี ยนได้ทราบผลการเรี ยนรู ้แต่ละสาระ
แล้วนาไปแก้ไขข้อบกพร่ องของตนเอง
4. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน
เป็ นแบบทดสอบเพื่อวัดศักยภาพของผูเ้ รี ยนหลังการเรี ยนครบทุกชุดกิจกรรม
เพื่อให้ผเู ้ รี ยนได้ทราบความก้าวหน้าทางการเรี ยนของตนเอง
ผูจดทาหวังว่า ทุกชุ ดกิจกรรมเล่มนี้จะเป็ นประโยชน์แก่ครู ผสอนที่นาไปจัดการเรี ยนรู ้
้ั
ู้
ผูเ้ รี ยนที่นาไปศึกษาและฝึ กฝนด้วยตนเอง และพ่อ แม่
ั
ผูปกครองที่นาไปเป็ นแนวทางในการสร้างเสริ มศักยภาพให้กบบุตรหลานได้อย่างแท้จริ ง
้
4

ใบควำมรู้ ที่ 1 ก
กระบวนกำรแก้ปัญหำของโพลยำ
กระบวนกำรแก้ปัญหำ
การมีความรู ้เกี่ยวกับกระบวนการแก้ปัญหา
ทาให้สามารถแก้ปัญหาได้ดีและกระบวนการแก้ปัญหามีบทบาทสาคัญในการพัฒนาคณิ ตศาสตร์ เพราะคาตอบของปั
ั
ญหาที่ได้จากกระบวนการแก้ปัญหาจะทาให้เกิดข้อค้นพบใหม่และเป็ นวิธีการที่สามารถนาไปประยุกต์กบปั ญหาอื่นๆ
ได้กระบวนการแก้ปัญหาที่เป็ นที่ยอมรับกันโดยทัวไปคือ กระบวนการแก้ปัญหาของ Polya (1957)
่
ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 ทำควำมเข้ ำใจกับปัญหำ (Understanding the problem )
ต้องอาศัยทักษะที่สาคัญและจาเป็ นอีกหลายประการ เช่น ทักษะในการอ่านโจทย์ปัญหา
ทักษะการแปลความหมายทางภาษา
่
ซึ่ งผูเ้ รี ยนควรแยกแยะได้วาโจทย์กาหนดอะไรให้และโจทย์ถามให้หาอะไรหรื อพิสูจน์ขอความใด
้
ขั้นที่ 2 วำงแผนในกำรแก้ปัญหำ( Devising a plan ) เป็ นขั้นตอนที่สาคัญที่สุด
ต้องอาศัยทักษะในการนาความรู ้หลักการหรื อทฤษฎีที่เรี ยนรู ้มาแล้ว ทักษะในการเลือกใช้ยทธวิธีที่เหมาะสม เช่น
ุ
เลือกใช้การเขียนรู ปหรื อแผนภาพ ตาราง การสังเกตหาแบบรู ปหรื อความสัมพันธ์ เป็ นต้น
ในบางปั ญหาอาจใช้ทกษะในการประมาณค่า คาดการณ์ หรื อคาดเดาคาตอบมาประกอบด้วย
ั
ผูสอนต้องหาวิธีการฝึ กวิเคราะห์แนวคิดในขั้นนี้ให้มาก หลักการวางแผนในการแก้ปัญหาดังนี้
้
1) เป็ นโจทย์ปัญหาที่เคยประสบมาก่อนหรื อไม่
หรื อมีลกษณะคล้ายคลึงกับโจทย์ที่เคยแก้ปัญหามาก่อนหรื อไม่
ั
ั
2) รู ้จกใช้โจทย์ปัญหาที่เกี่ยวข้องหรื อสัมพันธ์กบโจทย์ปัญหาที่แก้หรื อไม่เพียงใด และ
ั
รู ้จกทฤษฎีที่ใช้แก้หรื อไม่
ั
3) พิจารณาสิ่ งที่ไม่รู้ในโจทย์และพยายามคิดถึงปั ญหาที่คุนเคย
้
่
ั
ซึ่ งมีสิ่งที่ไม่รู้เหมือนกันและพิจารณาดูวาจะใช้วธีการแก้ปัญหาที่เคยพบ มาใช้กบโจทย์ปัญหาที่กาลังจะแก้หรื อไม่
ิ
4) ควรอ่านโจทย์ปัญหาอีกครั้งและวิเคราะห์เพื่อดูความแตกต่างจากปั ญหาที่เคยพบมาหรื อไม่
ขั้นที่ 3 ดำเนินกำรตำมแผน ( Carrying out the plan )
ต้องอาศัยทักษะในการคิดคานวณหรื อดาเนินการทางคณิ ตศาสตร์ ทักษะในการพิสูจน์หรื ออธิบายและแสดงเหตุผล
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลทีได้ ( Looking back ) ต้องอาศัยทักษะการคานวณการประมาณคาตอบ
่
การตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้โดยอาศัยความรู้สึกเชิงจานวน หรื อความรู้สึกเชิงปริ ภูมิ
ในการพิจารณาความสมเหตุสมผลขอคาตอบที่สอดคล้องกับสถานการณ์หรื อปั ญหา
2. เกณฑ์ กำรประเมิน หรือแนวทำงกำรให้ คะแนน
สาหรับการวิจยในครั้งนี้ จะใช้เกณฑ์การประเมินการแก้ปัญหาของโพลยา
ั
ที่พฒนาปรับปรุ งมาจากแนวทางของ สถาบันส่ งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี : 2555. ดังนี้
ั
เกณฑ์ กำรให้ คะแนนกระบวนกำรแก้ ปัญหำของโพลยำ (10 คะแนน)
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
( 2 คะแนน )
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
( 2 คะแนน )
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
( 4 คะแนน )
5
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคาตอบ

( 2 คะแนน )

บทที่ 1 กำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น
้
1.1 ควำมหมำยของข้ อมูล
ข้ อมูล (Data) เป็ นข้อความหรื อสิ่ งที่บ่งบอกสภาพ สถานการณ์ หรื อปรากฎการณ์ใดปรากฎการณ์หนึ่ง
โดยมีขอมูลอาจเป็ นตัวเลขหรื อข้อความก็ได้ (สถาบันส่ งเสริ มการเรี ยนการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี. 2552 :
้
8)
ข้อมูล (data) หมายถึง ข้อเท็จจริ งเราที่สนใจ ซึ่ งอาจเป็ นตัวเลข หรื อข้อความก็ได้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2525) ให้ความหมายของ ข้ อมูล(Data) หมายถึง
ข้อเท็จจริ งหรื อสิ่ งที่ถือหรื อยอมรับว่าเป็ นข้อเท็จจริ ง สาหรับใช้เป็ นหลักอนุมานหาความจริ งหรื อ การคานวณ
่
ข้ อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริ งเกี่ยวกับเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งที่อยูในรู ปของตัวเลขหรื อสัญลักษณ์ต่างๆ
ที่ยงไม่ผานการประมวลข้อมูล (มนตรี ดวงจิโน, 2546)
ั ่
สรุ ปได้ ว่ำ ข้ อมูล คือ ข้ อเท็จจริงที่ยงไม่ ผ่ำนกำรประมวลผล"
ั
การตัดสิ นใจเกี่ยวกับเรื่ องต่างๆ บางเรื่ องอาจจะไม่สามารถใช้ขอมูลเพียงอย่างเดียว
้
่
ต้องมีการวิเคราะห์ขอมูลที่เกี่ยวข้อง จึงจะนามาเพื่อใช้ในการตัดสิ นใจ ข้อมูลที่ผานการวิเคราะห์แล้ว เรี ยกว่า
้
สารสนเทศ หรื อข่าวสาร (information) ดังแผนภูมิต่อไปนี้
ข้ อมูล -->
สารสนเทศ -->
ความรู้ -->
ความชานาญ
Data
Information
Knowledge
Wisdom
่
สรุ ปได้ ว่ำ สำรสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผานการประมวลผลแล้วสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้
กำรจำแนกตำมลักษณะของข้ อมูล จาแนกเป็ น 2 ลักษณะ คือ ข้อมูลเชิงปริ มาณ และข้อมูลเชิงคุณภาพ
1. ข้อมูลเชิงปริ มาณ คือ ข้อมูลที่สามารถวัดออกมาเป็ นจานวนที่สามารถนามาเปรี ยบเทียบกันได้เช่น น้ าหนัก
ส่ วนสู ง รายได้
2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดออกมาเป็ นจานวนได้โดยตรง เช่น เพศ สถานะภาพ
วุฒิการศึกษา ความคิดเห็นหรื อความรู ้สึก เมื่อจะนาข้อมูลไปวิเคราะห์จะต้องใช้ตวเลขแทนข้อความที่กาหนด
ั
ข้ อมูลทีใช้ วเิ ครำะห์ มี 2 ชนิด
่
1. ข้อมูลที่ยงไม่แจกแจงความถี่ ( Ungroup data)
ั
2. ข้อมูลที่แจงแจงความถี่แล้ว (Group data)
กำรแจกแจงควำมถี่ของข้ อมูล ( frequency distribution )
่
เป็ นวิธีการทางสถิติอย่างหนึ่ งที่ใช้ในการจัดข้อมูลที่มีอยูหรื อที่เก็บรวบรวมมาได้ให้อยูเ่ ป็ นพวกๆเพื่อความสะดวกใน
การวิเคราะห์ขอมูลเหล่านั้น
้
กำรสร้ ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่ ประกอบด้วยสิ่ งต่างๆต่อไปนี้
1. พิสัย ( Range) คือ ค่าสู ง - ค่าต่า = Xmax – Xmin
2. ควำมกว้ำงของอันตรภำคชั้น =

พิสย
ั
จานวนชั้น

อันตรภาคชั้น ( class interval ) คือ ช่วงคะแนน
เช่น 1 - 4 ประกอบด้วย ข้อมูล 1 , 2 , 3 , 4
6
5 – 10 ประกอบด้วย ข้อมูล 5 , 6 , 7, 8 , 9 , 10
่
ความกว้างของอันตรภาคชั้น คือจานวนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยูในช่วงคะแนน
การหาความกว้างของอันตรภาคชั้น
วิธีที่ 1 ( ตัวบน - ตัวล่าง) + 1 เช่น 5 – 10 ความกว้าง (10 – 5 ) + 1 = 6
วิธีที่ 2 ขอบบน – ขอบล่าง
ขอบบน
คือค่ากึ่งกลางระหว่างคะแนนมากที่สุดในอันตรภาคชั้นนั้นกับคะแนนที่นอยที่สุดของอันตรภาคชั้น
้
ที่ติดกันและเป็ นช่วงคะแนนที่สูงกว่า
เช่น ขอบบนของอันตรภาคชั้น 30 – 39 เท่ากับ

39  40
2

= 39.5

29  30
2

= 29.5

ขอบล่าง
คือค่ากึ่งกลางระหว่างคะแนนที่นอยที่สุดในอันตรภาคชั้นนั้นกับคะแนนที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้
้
นที่ติดกันและเป็ นช่วงคะแนนที่ต่ากว่า
เช่น ขอบล่างของอันตรภาคชั้น 30 – 39 เท่ากับ

ความกว้างของอันตรภาคชั้น 30 – 39 เท่ากับ 39.5 – 29.5 = 10
3 . ตำรำงแจกแจงควำมถี่
่
3.1 อันตรภาคชั้นแรกต้องมีค่าต่าสุ ดอยูในอันตรภาคชั้นนั้น
่
3.2 อันตรภาคชั้นสุ ดท้ายต้องมีค่าสู งสุ ดอยูในอันตรภาคชั้นนั้น
4. รอยขีด ( tally )คือเครื่ องหมาย / ที่เชคการตรวจนับจานวนข้อมูล
5. ควำมถี่ ( frequency ) คือจานวนข้อมูลในแต่ละชั้นของอันตรภาคชั้น
ตัวอย่ำงที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน
ของนักเรี ยน 20 คน
14
11
16
5
5
10
9
1
14
12
19
13
13
10
17
11
11
9
7
1
จงสร้างตารางแจกแจงความถี่โดยให้อนตรภาคชั้นเท่ากันทุกชั้น จานวน 4 ชั้น
ั
วิธีทำ กำรสร้ ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่
1. หาพิสัย = Xmax – Xmin = 19 – 1 = 18
2. ความกว้างของอันตรภาคชั้น ( i ) =

พิสย
ั
จานวนชั้น

สร้างตารางแจกแจงความถี่ได้ดงนี้
ั
คะแนน
รอยขีด
1–5
////
6 – 10
////
11- 15
//// ///
16 - 20
///
รวม

=

18
4

5
ความถี่ (f)
4
5
8
3
20

1.2. กำรแจกแจงควำมถี่สะสม
ควำมถี่สะสม ( cumulative frequency : cf ) ของค่าที่เป็ นไปได้ ของอันตรภาคชั้นใด คือ ผลรวมของ
7
ความถี่ของค่านั้นหรื อของอันตรภาคชั้นนั้นกับความถี่ของค่าหรื อของอันตรภาคชั้นที่มีช่วงคะแนนต่ากว่า
ทั้งหมดหรื อสู งกว่าทั้งหมดหรื ออย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวอย่ำงที่ 2 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่สะสมของคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5
ของนักเรี ยน 20 คน จากข้อมูลในตัวอย่างที่ 1
คะแนน
ควำมถี่ (f)
ควำมถี่สะสม ( cf)
1–5
4
4
6 – 10
5
9
11- 15
8
17
16 - 20
3
20
รวม
20
1.3. กำรแจกแจงควำมถี่สัมพัทธ์
ควำมถี่สัมพัทธ์ ( relative frequency : rf ) ของค่าที่เป็ นไปได้ ของอันตรภาคชั้นใด คือ
อัตราส่ วนระหว่างความถี่ของค่านั้นกับผลบวกของความถี่ท้ งหมด
ั
ความถี่สัมพัทธ์อาจแสดงในรู ปเศษส่ วนหรื อทศนิยมหรื อร้อยละก็ได้
ตัวอย่ำงที่ 3 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่สะสมของคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5ของ
นักเรี ยน 20 คน จากข้อมูลในตัวอย่างที่ 1
คะแนน
1–5

ควำมถี่ (f)
4

6 – 10

5

11- 15

8

16 - 20

3

รวม

ควำมถี่สัมพัทธ์

20

= 0.2
= 0.25

25

= 0.4

40

= 0.15

15

1.000

4
20
5
20
8
20
3
20

ร้ อยละของควำมถี่สัมพัทธ์
20

100.0

1.4. กำรแจกแจงควำมถี่สะสมสั มพัทธ์
ควำมถี่สะสมสั มพัทธ์ ( relative cumulative frequency : rf ) ของค่าที่เป็ นไปได้ ของอันตรภาคชั้นใด คือ
อัตราส่ วนระหว่างความถี่สะสมของค่านั้นกับผลบวกของความถี่ท้ งหมด
ั
ความถี่สะสมสัมพัทธ์อาจแสดงในรู ปเศษส่ วนหรื อทศนิยมหรื อร้อยละก็ได้
ตัวอย่ำงที่ 4 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่สะสมของคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5ของ
นักเรี ยน 20 คน จากข้อมูลใน ตัวอย่ำงที่ 1
คะแนน

ควำมถี่ (f)

ควำมถี่สะสม

1–5

4

4

6 – 10

5

9

ควำมถี่สะสม
สั มพัทธ์
4
20
9
20

= 0.2

ร้ อยละของควำมถี่สะส
มสั มพัทธ์
20

= 0.45

45
8
11- 15

8

17

16 - 20

3

20

รวม

20

17
20
20
20

= 0.85

85

= 1.000

100

กำรแสดงกำรแจกแจงควำมถี่โดยใช้ กรำฟ มีดังนี้
ฮีสโทแกรม (histogram )
รู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ (frequency polygon)
เส้นโค้งของความถี่ ( frequency curve )
3.1 ฮีสโทแกรม (histogram ) มีลกษณะเป็ นรู ปสี่ เหลี่ยมมุมฉากวางเรี ยนติดต่อกันบนแกนนอนโดยมี
ั
แกนนอนแทนค่าของตัวแปร ความกว้างของสี่ เหลี่ยมมุมฉากแทนความกว้างของอันตรภาคชั้น
และพื้นที่สี่เหลี่ยมมุมฉากแต่ละรู ปแทนความถี่ของอันตรภาคชั้น

กำรสร้ ำง ฮีสโทแกรม ควรทำเป็ นขั้นๆดังนี้
หาจุดกึ่งกลางของแต่ละอันตรภาคชั้น จุดกึงกลำงชั้ น เท่ ำกับ
่

ขอบล่าง  ขอบบน
2

ก. ลากส่ วนของเส้นตรงจากจุดกึ่งกลางของแต่ละอันตรภาคชั้นให้ต้ งฉากกับแกนนอน
ั
ซึ่งเป็ นแกนของตัวแปร X ให้ความสู งเท่ากับความถี่ของคะแนนในแต่ละอันตรภาคชั้นนั้น
ข. ใช้ส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดกึ่งกลางของแต่ละอันตรภาคชั้นนี้เป็ นส่ วนสู งและแนวกลางสร้างรู ปสี่ เ
หลี่ยมมุมฉากโดยให้ความกว้างของแต่ละรู ปเท่ากับความกว้างของแต่ละอันตรภาคชั้นในกรณี น้ ี
กว้างเท่ากันหมดทุกอันตรภาคชั้น
คะแนน
1–5
6 – 10
11- 15
16 - 20
รวม

ควำมถี่ (f)
4
5
8
3
20

จุดกึงกลำงชั้ น
่
3
8
13
18

3.2 รู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ คือรู ปหลายเหลี่ยมที่เกิดจากการโยงจุดกึ่งกลางของยอดแท่งสี่ เหลี่ยม
มุมฉากของฮีสโทแกรมด้วยส่ วนของเส้นตรง
3.3 เส้นโค้งของความถี่ คือเส้นโค้งที่ได้จากการปรับด้านของรู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ให้เรี ยบขึ้น
การปรับด้านของรู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ให้เรี ยบขึ้นนี้ ต้องพยายามทาให้พ้ืนที่ภายใต้เส้นโค้งที่
ปรับใหม่มีขนาดใกล้เคียงกับพื้นที่รูปหลายเหลี่ยมของความถี่ให้มากที่สุด
9

8
7
6
5
4

วามถี

3
2
1
0
1

2

3

4

1.1 กำรหำค่ ำกลำงของข้ อมูล
ค่ ำกลำงของข้ อมูล คือ ตัวเลขทางสถิติเป็ นค่าที่ได้จากการคานวณหาค่าที่เหมาะสมที่สุด
ที่จะทาหน้าที่เป็ นตัวแทนของข้อมูลชุดนั้นซึ่ งช่วยให้สะดวกในกำรจดจำหรื อสรุ ปเรื่ องราวที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้นๆ
ได้
ค่ ำกลำงของข้ อมูลทีนิยมใช้ มี ดังนี้
่
1.1.1 ค่ ำเฉลียเลขคณิต ( Arithmetic mean ) คือ
่
อัตราส่ วนระหว่างผลรวมของข้อมูลทั้งหมดกับจานวนข้อมูลทั้งหมด แทนด้วยสัญลักษณ์ X และ  เมื่อ
X คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของกลุ่มตัวอย่าง (n)
 คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของประชากร (N)
ค่ ำเฉลียเลขคณิตของข้ อมูลไม่ แจกแจงควำมถี่
่
ให้ x1 , x2 , x3 , . . . , xN เป็ นข้อมูลแต่ละตัว
N

 x i = x1 + x2 + x3 . . . + xN

i 1

1) ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของประชากร (  )

2 ) ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของกลุ่มตัวอย่าง ( X )
n

N

=

xi
i 1

N

, N = จานวนข้อมูลของประชากร

X =

xi

i 1

n

; n = จานวนข้อมูลของตัวอย่าง

สมบัติของซิกมำ
N

หมำยเหตุ สัญลักษณ์  x i แทนผลบวกของตัวแปร x ซึ่ งประกอบด้วยค่าจากการสังเกตทั้งหมด
i 1

N จานวน เรี ยกสัญลักษณ์  ว่า ซิ กมา
สมบัติของ  ทีควรทรำบมีดังนี้
่
ถ้า c และ d เป็ นค่าคงตัวใดๆ
10
N

1)  c = Nc
i 1
N

N

i 1

i 1

2)  cxi = c xi
N

N

i 1

i 1

i 1

N

N

N

i 1

i 1

i 1

N

3)  ( xi  y i ) =  xi +  y i
4)  ( xi  yi ) =  xi -  y i
ค่ ำต่ ำงๆของ  ทีควรทรำบมีดังนี้
่
5

1.  8 = 8 + 8 + 8 + 8 +8 = 5 x 8 = 40
i 1

N

N
(N 1)
2
i 1
20
เช่น  x i = 20 ( 21 ) = 210
2
i 1
N
3.  i 2 = N ( N  1 )( 2 N  1 )
6
i 1

2.

i =

2

5

3.1 หาผลบวก  xi = 12 + 22 + 32 + 42 + 52 = 1 + 4 + 9 + 16 + 25 = 55
i 1

N

= N ( N  1 )( 2 N  1 ) =

3.2 ใช้สูตร  i 2
i 1

N

4.  i
i 1

3

5
( 6 )( 11 )
6

6

2

N
=   i  = N ( N  1 ) 
2

i 1 


 

= 55

2

N

4.1 หาผลบวก  xi 3 = 13 + 23 + 33 + 43 + 53 = 1 + 8 + 27 + 64 + 125 = 225
i 1

N

4.2 ใช้สูตร ถ้า  xi =
3

i 1

5(6)
2

=

N

ดังนั้น  xi =
3

i 1

N 
 xi 
 i 1 

2

= (15)2 = 225

กำหนด ให้ x1 = 1, x2 = 2 , x3 = 3 , x4 = 4
y1 = 6 , y2 = 7 , y3 = 8 , y 4 = 9 และ c = 5
(แนวคิด  x = 1 + 2 + 3 + 4 = 10
 y = 6 + 7 + 8 + 9 = 30
 x 2 = 12 + 22 + 32 + 42 = 30
 y 2 = 62 + 72 + 82 + 92 = 230
 xy = 6 + 14 + 24 + 36 = 80
4

ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาค่าของ  ( xi  2)
i 1

วิธีทำ

4

 ( x i  2)
i 1

=

4

4

i 1

i 1

 xi   2
= 10 – (4  2 )
=2
4

ตัวอย่ำงที่ 2 จงหาค่าของ  (3xi yi  5 yi )
i 1

4

ตัวอย่ำงที่ 3 จงหาค่าของ  ( x i 3)2
4

i 1

วิธีทำ  ( x i 3)2 =  ( x
i 1

4

i 1

2
i

 6 xi  9)

= 30 – 6(10) + 9(4)
= 30 – 60 + 36 = 6
4

ตัวอย่ ำงที่ 4 จงหาค่าของ  ( x i y i )2
i 1
11
4

4

วิธีทำ  (3xi yi  5 yi ) =
i 1

4

4

i 1

i 1

i 1

3 xi y i  5 y i )

4

วิธีทำ  ( x i y i ) =  ( x i 2  2 x i y i  y i 2 )
2

= 3(80) - 5(30)
= 240 – 150
= 90

i 1

= 30 – 2(80) + 230
= 100

ตัวอย่ำงที่ 1 สถำนกำรณ์ นักเรี ยนไปเลือกซื้ อสิ นค้าจากร้านแห่งหนึ่ง
จะซื้ อสิ นค้าในข้อใดให้ในรำคำถูกทีสุดโดยใช้กระบวนการของโพลยา
่

ซื้ อน้ ามันพืชขนาด 1 ลิตรในข้อใดรำคำถูกทีสุด
่
ก. ขวดละ 43 บาท
ข. 2 ขวด 85 บาท
ค. 4 ขวด 168 บาท
ง. 6 ขวด 249 บาท
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด น้ ามันพืชขนาด 1 ลิตรในราคาต่างๆกัน
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร ซื้ อน้ ามันพืชขนาด 1 ลิตรในข้อใดรำคำถูกทีสุด
่
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 โจทย์ให้เลือกซื้ อสิ นค้าในรำคำถูกทีสุด (หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของสิ นค้าหนึ่งหน่ วย)
่
n

2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X =
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน

xi

i 1

n

หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2
12
n

x = nX

ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้

i 1

i

ก. ขวดละ 43 บาท (ขวดละ 43 บำท )
ข. 2 ขวด 85 บาท(ขวดละ 42.5 บำท )
ค. 4 ขวด 168 บาท(ขวดละ 42 บำท )
ง. 6 ขวด 249 บาท(ขวดละ 41.50 บำท )
ดังนั้น ควรเลือกซื้ อน้ ามันพืชขนาด 1 ลิตร ในข้อ ง. 6 ขวด 249 บาท (ขวดละ 41.50 บำท ) จึงจะประหยัดที่สุด
1.2 ค่ ำเฉลียเลขคณิตถ่ วงนำหนัก ( Weighted Arithmetic Mean )
่
้
การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนักนี้ใช้ในกรณี ที่ขอมูลแต่ละค่ามีความสาคัญไม่เท่ากัน เช่น
้
การหาผลการเรี ยนเฉลี่ยของคะแนนสอบ 4 วิชา ที่แต่ละวิชาใช้เวลาเรี ยนในแต่ละสัปดาห์ไม่เท่ากัน
ถ้าให้ w1 ,w2 , w3 , . . . ,w N เป็ นความสาคัญหรื อน้ าหนักถ่วงของค่าจากการสังเกต
x1 , x2 , x3 , . . . , xN ตามลาดับ
N

ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนัก ( X w ) =

w1 x1  w2 x2  w3 x3  ...  wN x N
w1  w2  w3  ...  wN

=

w x
i 1
N

i

i

w
i 1

i

ตัวอย่ำงที่ 1 ผลการสอบของ ด.ช. เอ วิชาคณิ ตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ได้ผลการเรี ยนเป็ น 4 , 3 และ 2
ตามลาดับ แต่ละวิชามีหน่วยการเรี ยน 2.5 , 2 และ 1.5 ตามลาดับ จงหาเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ
โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด หน่วยการเรี ยนและผลการเรี ยน
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหาเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 โจทย์ให้หาเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ (หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนัก)
ถ้าถามหาเกรดเฉลี่ยจะนา

4 3 2
3

= 3 ไม่ได้เพราะ จะเกิดความไม่ยติธรรม
ุ

เนื่องจากไม่ได้นาหน่วยการเรี ยนของแต่ละวิชามาคิดด้วย
N

2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนัก ( X w ) = =

w x
i 1
N

i

i

w
i 1

i

ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
n

n

x w =  w
i 1

i

i

i 1

i

16 = 3.17  6
วิธีทำ ถ้าถามหาเกรดเฉลี่ยจะนา

4 3 2
3

= 3 ไม่ได้เพราะ จะเกิดความไม่ยติธรรม
ุ

เนื่องจากไม่ได้นาหน่วยการเรี ยนของแต่ละวิชามาคิดด้วย
13
N

ต้องหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตแบบถ่วงน้ าหนัก ( X w )

= =

w x
i 1
N

i

i

w
i 1

i

( 2.5  4 )  ( 2  3)  (1.5  2 )
2.5  2  1.5

=

10  6  3
6
19
= 3.166...  3.17
6

=
=
ดังนั้นเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ เท่ากับ 3.17

1.3 ค่ ำเฉลียเลขคณิตรวม ( Combined Arithmetic Mean )
่
ในการวิเคราะห์ขอมูลหลายๆ ชุดที่หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของแต่ละชุดไว้แล้ว
้
หากผูวเิ คราะห์ถามทราบค่าเฉลี่ยของข้อมูลทั้งหมดโดยนับรวมเป็ นชุดเดียวกันก็สามารถหาได้จากค่าเฉลี่ยเลขคณิ
้
ตของข้อมูล แต่ละชุดที่คานวณไว้แล้วกล่าวคือ
ถ้าให้ X 1 , X 2 , X 3 , . . . , X k เป็ นค่าเฉลี่ยของข้อมูลชุดที่ 1 , 2, 3 ,…,k ตามลาดับ
n1 , n2 , n3 , . . . , nk เป็ นจานวนค่าจากการสังเกตในข้อมูลชุดที่ 1 , 2, 3 ,…,k ตามลาดับ
k

ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม ( X รวม ) =

 ni Xi
i 1
k

 ni
i 1

ตัวอย่ำงที่ 1 ถ้านำหนักเฉลียของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6/1 , 6/2 , 6/3 6/4 และ 6/5 ของโรงเรี ยนแห่งหนึ่งเป็ น
้
่
53 , 52 , 50 , 55 และ 50 กิโลกรัมตามลาดับ โรงเรี ยนแห่งนี้มีนกเรี ยนแต่ละชั้นดังกล่าวเป็ น 44 , 47 , 46 , 43 และ 35
ั
คน ตามลาดับ จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวมน้ าหนักของนักเรี ยนของมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ทั้งห้าห้องรวมกัน
โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
วิธีทำ
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด (ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตและจานวนนักเรี ยน)
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร (ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวมน้ าหนักของนักเรี ยน)
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 โจทย์ให้หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม
k

2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม ( X รวม ) =

 ni Xi
i 1
k

 ni
i 1
14
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
k

k

 n i X i = X  ni
i 1

i 1

11191 = 52.05  215
k

 ni Xi
i 1
k

วิธีทำ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม ( X รวม ) =

 ni

=
=
=

i 1
(53  44)  (52  47)  (50  46)  (55  43)  (50  35)
44  47  46  43  35
2332  2444  2300  2365  1750
215
11191
= 52.05
215

ดังนั้น ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวมของน้ าหนักของนักเรี ยนของมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เท่ากับ 52.05 กิโลกรัม
1.4 สมบัติทสำคัญของค่ ำเฉลียเลขคณิต
ี่
่
่
(1) ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตเมื่อคูณกับจานวนข้อมูลทั้งหมด ไม่วาจะเป็ นทั้งประชากรขนาด Nหรื อตัวอย่างขนาด n
จะมีค่าเท่ากับผลรวมของข้อมูลทุกๆค่าตามลาดับดังนี้
N

 xi

= N

และ

n

x = nX
i 1

i 1

i

(2) ผลรวมของความแตกต่างระหว่างแต่ละค่าของข้อมูลจากค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุ ดนั้นเท่ากับ 0
N

 (x

กล่าวคือ

i 1

i

=0

 )

และ

n

 (x i  X) = 0
i 1

(3) ผลรวมของความแตกต่างกาลังสองของแต่ละข้อมูลจากจานวน M ใดๆ จะมีค่าน้อยที่สุด
เมื่อ M เท่ากับค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดนั้นกล่าวคือ
2

N

น้อยที่สุด

M

= 

และ  ( xi  M ) น้อยที่สุด

M

= X

 (x
i 1
n

i

 M)
2

i 1

สมบัติของค่ ำเฉลียเลขคณิต
่
1. ถ้าบวกข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม + c

5. ถ้าตัดข้อมูลที่เท่ากับ X ออก1 จานวน
X ใหม่ จะเท่าเดิม

2. ถ้าลบข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม - c

6. ถ้าตัดข้อมูลที่นอยกว่า X ออก1 จานวน
้
X ใหม่ จะมากกว่าเดิม

3. ถ้าคูณข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม x c

7. ถ้าตัดข้อมูลที่มากกว่า X ออก1 จานวน
X ใหม่ จะน้อยกว่าเดิม
15
4. ถ้าหารข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม  c
1.1.2 กำรหำค่ ำเฉลียเลขคณิตของข้ อมูลที่แจกแจงควำมถี่แล้ ว
่
ถ้าให้ f1 เป็ นความถี่ของค่าจากการสังเกต x1 , f2 เป็ นความถี่ของค่าจากการสังเกต x2
ไปเรื่ อยๆจนถึง fk เป็ นความถี่ของค่าจากการสังเกต xk แล้วค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตคือ
=

X

f1 x1  f2 x 2  f3 x 3  ...  fk x k
f1  f2  f3  ...  fk
k

=

 fi x i

i 1
k

 fi

k

=

 fi x i

i 1

N

i 1

k

เมื่อ N เป็ นจานวนค่าจากการสังเกตทั้งหมด หรื อ N =  fi
i 1

xi เป็ นจุดกึ่งกลางของชั้นที่ i , k เป็ นจานวนอันตรภาคชั้น

หมำยเหตุ ถ้าเป็ นค่าเฉลี่ยของตัวอย่างที่เป็ นตัวแทนของประชากรยังคงใช้สูตรของค่าเฉลี่ยแบบเดิม
แต่เปลี่ยน  เป็ น X และหารด้วย n แทน N
ตัวอย่ำงที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์รอบรู้ 5
ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน ดังนี้
คะแนน
1–5
6 – 10
11- 15
16 – 20
ความถี่ (f)
4
5
8
3
จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
วิธีทา ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่
2.2 กาหนดตัวแปร x แทนจุดกึ่งกลางชั้น และ f แทนความถี่
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาจุดกึ่งกลางชั้น(x) และหา fx
n

 fi x i

3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X =

i 1

n

ตารางที่ 1.5 ก หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต
คะแนน
1–5
6 – 10

ควำมถี่ (f)
4
5

จุดกึงกลำงชั้ น (x)
่
3
8

ควำมถี่ xจุดกึงกลำงชั้ น = (f)(x)
่
12
40
16
11- 15
16 – 20
รวม

8
3
20

13
18
-

104
54
210

n

 fi x i

ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ( X ) =
=

i 1

n
210
20

= 10.5

ดังนั้น คะแนนเฉลี่ยของการสอบ เท่ากับ 10.5 คะแนน
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ( X ) = 10.5
4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบ
n

nX

=  fi x i

20  10.5

= 210

i 1

ั
1.6 ค่ ำเฉลียเลขคณิตวิธีลด ใช้กบข้อมูลที่อนตรภาคชั้นมีค่ามากๆ
่
ั
ั
ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X

= A + i(  )
fd
N

เมื่อ X คือค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต

A คือค่าเฉลี่ยสมมติ (ชั้ นที่มีความถี่สูงสุ ด)

i คือความกว้างของอันตรภาคชั้น

d 

x A
i

ตัวอย่ำงที่ 2 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นค่าจ้างรายวันของพนักงานบริ ษทแห่งหนึ่งจานวน 200 คน ดังนี้
ั
ค่ ำจ้ ำง(บำท)

ควำมถี่ (f)

1 – 100
101 – 200
201 – 300
301 – 400
401 – 500
รวม

20
80
50
40
10
200

จุดกึงกลำงชั้น
่
(x)
50.5
150.5
250.5***A
350.5
450.5
-

d 

-2
-1
0
1
2
-

จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต
ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X

= A + i(  )

แทนค่า

วิธีทำ

= 250.5 + 100 (

fd
N

= 250.5 – 30
= 220.5
ดังนั้น ค่าจ้างเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 220.5 บาท

x A
i

 60
200

)

fd
- 40
- 80
0
40
20
 fd = - 60
17
ตัวอย่ำงที่ 3 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นเงินเดือนของพนักงานทั้งหมดในบริ ษทแห่งหนึ่งแห่งหนึ่งจานวน 100 คน ดังนี้
ั
ค่ ำจ้ ำง(บำท)

ควำมถี่ (f)

11,000 – 12,999
13,000 – 14,999
15,000 – 16,999
17,000 – 18,999
19,000 – 20,999
รวม

25
20
30
15
10
100

จุดกึงกลำงชั้ น
่
(x)
11,999.5
13,999.5
15,999.5***
17,999.5
19,999.5
-

d 

x A
i

-2
-1
0
1
2
-

fd
- 50
- 20
0
15
20
 fd = - 35

จงหาเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานของบริ ษทแห่งนี้
ั
ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X

= A+ i( 

แทนค่า

วิธีทำ

= 15,999.5+ 2000 (

fd

N

)

= 15,999.5 –700
= 15,299.5
ดังนั้น เงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานเท่ากับ 15,299.5 บาท

35
)
100

1.7 กำรตรวจสอบคำตอบค่ ำเฉลียเลขคณิตโดยใช้ โปรแกรมเอกซ์ เซลล์ (Excell)
่
กำรใช้ โปรแกรม Excell สำหรับกำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น
้
Microsoft Excell เป็ นโปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดการข้อมูลในเรื่ องของตารางได้อย่างดี
และมีความสะดวกในการใช้งาน Excell สามารถคานวณได้อย่างแม่นยา ซึ่ งมีจุดเด่นคือ
เมื่อค่าที่ใช้เป็ นตัวตั้งในสู ตรคานวณเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณก็จะเปลี่ยนไปเป็ นแบบอัตโนมัติ (ณรงค์
่
ศรี สมาน.2547 : 102 -103) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ใช้สาหรับการคานวณทางสถิติในปั จจุบนมีอยูหลายโปรแกรม
ั
เช่น NySCC , SPSS , SAS , STATA ฯลฯ ซึ่ งเป็ นโปรแกรมที่นิยมใช้ โดยแต่ละโปรแกรมมีขอเด่นแตกต่างกันไป
้
แล้วแต่ประเภทหรื อลักษณะของการใช้งานของผูใช้ นอกจากโปรแกรมที่กล่าวข้างต้นแล้ว โปรแกรม Excell
้
่
ที่มีอยูในMicrosoft Office
ซึ่ งเป็ นโปรแกรมที่ใช้ทวๆไปในเครื่ องคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้การวิเคราะห์ขอมูลทางสถิติได้เช่นกัน
ั่
้
มำรู้ จักกับควำมหมำยของคำต่ ำงๆทีใช้ ในโปรแกรม Excell กันเถอะ
่
Row
แถว
Column
หลัก
N

X
i 1

i

AVERAGE
SUM
MAX
MIN

ผลบวก
ค่ ำเฉลีย
่
ผลบวก
ค่ ำสู งสุ ด
ค่ ำต่ำสุ ด
18
STDEV

ส่ วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน

1. หำค่ ำเฉลียเลขคณิตของข้ อมูลกำรใช้ โปรแกรม Excell
่
หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดใหม่ที่เกิดจากการนาค่าคงตัวค่าหนึ่ง
บวก ลบ คูณและหารข้อมูลชุดเดิม
1. พิมพ์ขอมูลใน Column A1:A10 (นักเรี ยนกาหนดขึ้นมาเอง)
้
2. นาค่าคงตัวค่าหนึ่ง บวก ลบ คูณและหารข้อมูลชุดเดิม
2.1 นา 5 บวกข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้
ั
คลิก Column B1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)+5 แล้วคลิก Enter คลิก Column B1 ลากลงมา
ั
2.2 นา 4 ลบข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้
ั
คลิก Column C1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)-8 แล้วคลิก Enter คลิก Column C1 ลากลงมา
ั
2.3 นา 3 คูณข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้
ั
คลิก Column D1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)*3 แล้วคลิก Enter คลิก Column D1 ลากลงมา
ั
2.4 นา 2 หารข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้
ั
คลิก Column E1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)/5 แล้วคลิก Enter คลิก Column E1 ลากลงมา
ั
3. หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดใหม่
3.1 นาลูกศรคลิกที่ fx
3.2 เมื่อปรากฎหน้าต่าง เลือกที่ =AVERAGE(B1:B10) จากนั้นคลิก OK
(เปลี่ยน Column ตามช่องตัวอักษรที่สร้างขึ้น)
จะได้ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดใหม่และนักเรี ยนช่วยกันสรุ ปสมบัติของค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ดังรู ป
19

สรุ ปได้ ดังนี้ (สมบัติของค่ ำเฉลียเลขคณิต)
่
ให้ c เป็ นค่าคงตัวค่าหนึ่ง ; c > 0
1. ถ้าบวกข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม + c
2. ถ้าลบข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม - c
3. ถ้าคูณข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม x c
4. ถ้าหารข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c
X ใหม่ = X เดิม  c
2. กำรคิดเกรดเฉลียโดยใช้ โปรแกรมExcell
่
1. พิมพ์ชื่อวิชาใน Column A
2. พิมพ์จานวนหน่วยกิตของแต่ละวิชาใน Column B
3. พิมพ์เกรดที่นกเรี ยนได้ใน Column C
ั
4. สร้างฟังก์ชนหาผลคูณคือ =B1:C1 ในช่อง D1 เพื่อให้ได้ผลคูณระหว่างหน่วยกิตกับเกรด แล้วพิมพ์ =B2:C2
ั
ในช่อง D2 จากนั้นพิมพ์คล้าย ๆ กันใน D3, D4,……
5. สร้างฟังก์ชนหาเกรดเฉลี่ยคือ =sum(D1:D…)/ จานวนหน่วยกิตทั้งหมด
ั
1.1.2 ตำแหน่ งกึงกลำงข้ อมูล ( มัธยฐำน )
่
่
มัธยฐำน ( Median ; Med) คือ ข้อมูลที่อยูตาแหน่งกึงกลำงของข้อมูลทั้งหมด
่
เมื่อเรี ยงข้อมูลจากน้อยไปหามากหรื อ เรี ยงจากมากไปหาน้อย
ก. มัธยฐำนของข้ อมูลทียงไม่ แจกแจงควำมถี่
่ั
1) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร

N 1
2

เมื่อ N คือจานวนข้อมูล
20
2) ค่าของมัธยฐาน
1) ถ้า N เป็ นจานวนคี่ แล้ว
2) ถ้า N เป็ นจานวนคู่ แล้ว

N 1
2
N 1
2

เป็ นจานวนเต็ม หาค่าได้จากข้อมูล
เป็ นทศนิยม ต้องใช้ค่าเฉลี่ยของข้อมูล

ตัวอย่ำงที่ 1 ถ้าคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5ของนักเรี ยน 5 คน ดังนี้
4 , 10 , 12 , 14 , 16
จงหามัธยฐาน
วิธีทำ
เรี ยงลาดับข้อมูล
4
10
14
12
ตาแหน่ง
1
2
4
3
N 1
2

1) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร
=

5 1
2

16
5

เมื่อ N คือจานวนข้อมูล

= 3

2) ค่าของมัธยฐาน ตาแหน่งที่ 3 เท่ากับ 12 คะแนน

ตัวอย่ำงที่ 2 ถ้าคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5 ของนักเรี ยน 6 คน ดังนี้
5 , 8 , 11 , 13 , 15 , 16
จงหามัธยฐาน
วิธีทำ
เรี ยงลาดับข้อมูล
5
8
11
13
ตาแหน่ง
1
2
3
4
N 1
2

1) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร
=

6 1
2

15
5

เมื่อ N คือจานวนข้อมูล

= 3.5

2) ค่าของมัธยฐาน ตาแหน่งที่ 3.5 เท่ากับ 11

 13
2

= 12 คะแนน

ข. มัธยฐำนของข้ อมูลที่แจกแจงควำมถี่แล้ ว
1) หาความถี่สะสม (cf )
2) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร
3) ค่าของมัธยฐาน
วิธีที่ 1 ใช้ สูตร มัธยฐาน = L +

มัธยฐาน = U - i

N
2

N

 2  cf 1 
i

 cf 2  cf 1 




N 

 cf 1  2 


 cf 2  cf 1 





เมื่อ N คือจานวนข้อมูล

หรื อ

ให้ U เป็ นขอบบน และ L เป็ นขอบล่าง ของชั้นที่มีมธยฐาน
ั
i เป็ นความกว้างของมัธยฐาน

N
2

เป็ นตาแหน่งของมัธยฐาน

cf1 เป็ นความถี่สะสมของชั้นก่อนตาแหน่งที่มีมธยฐานอยู่
ั
cf2 เป็ นความถี่สะสมของชั้นหลังตาแหน่งที่มีมธยฐานอยู่
ั

16
6
21
วิธีที่ 2 ใช้ อตรำส่ วน(ตั้งสั ดส่ วน)
ั
วงเล็ บเล็ ก
วงเล็ บเล็ ก
=
วงเล็ บใหญ่
วงเล็ บใหญ่
ตัวอย่ำงที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5
ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน ดังนี้
คะแนน
ความถี่(f)

1–5
4

6 – 10
5

11- 15
8

จงหามัธยฐานโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
วิธีทำ ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหามัธยฐาน
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่
2.2 กาหนดตัวแปร f แทนความถี่ และ cf แทนความถี่สะสม
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาความถี่สะสม
3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้วธีต้ งอัตราส่ วน
ิ ั
ตารางที่ 2.2 ก หามัธยฐาน
คะแนน
1–5
6 – 10
11- 15
16 - 20
รวม

ควำมถี่ (f)
4
5
8
3
20

ควำมถี่สะสม (cf)
4
9
17
20

1. หาความถี่สะสม
2. ตาแหน่งของมัธยฐาน =

N
2

=

20
2

= 10

่ ั
3. ค่าของมัธยฐาน (พิจารณาที่ความถี่สะสม) อยูที่อนตรภาคชั้น
6 – 10
9
x
10
11 – 15
17
อันตรภาคชั้น 6 – 10 ขอบบนเท่ากับ 10.5 ให้ x เป็ นค่าของมัธยฐาน
วงเล็ บเล็ ก
=
วงเล็ บใหญ่
x  10 . 5
15  10

วงเล็ บเล็ ก
วงเล็ บใหญ่

=

10  9
17  9

16 – 20
3
22
x – 10.5 =

1
5
8

= 0.625

x
= 10.5 + 0.625 = 11.125  11.13
ดังนั้นมัธยฐานของคะแนนสอบเท่ากับ 11.13 คะแนน
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม มัธยฐาน = 11.13
4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบใช้สูตร
มัธยฐาน = L + i

N

 2  cf 1 


 cf 2  cf 1 





= 10.5 + 5 10  9 



17  9 

= 10.5 + 0.625 = 11.125  11.13
ดังนั้นมัธยฐานคะแนนสอบของนักเรี ยน  11.13 คะแนน

สมบัติของมัธยฐำน
สมบัติขอหนึ่งทีสาคัญของมัธยฐานคือ ผลรวมของค่ ำสั มบูรณ์ ของผลต่ ำงระหว่ ำงข้ อมูลแต่ ละค่ ำ
้
กับมัธยฐำนของข้ อมูลชุ ดนั้นจะมีค่ำน้ อยทีสุด
่
N

 | XI - มัธยฐาน | มีค่าน้อยสุ ด
i 1

ถ้าแทนค่ามัธยฐานด้วยจานวนอื่นจะได้ผลรวมมากกว่าหรื อเท่ากับค่านี้ เสมอ
เช่น ถ้ากาหนดข้อมูล 3 , 4 , 6, 13 , 8 , 2 ข้อมูลชุดนี้มีมธยฐานเท่ากับ 5
ั
N

|
i 1

Xi 5 |

= | 3 - 5 | + | 4 - 5 | + | 6 – 5 | + | 13 – 5 | + | 8 – 5 | +| 2 – 5 |

= 18

แต่ถาเปลี่ยน 5 เป็ นจานวนอื่น เช่น 7 หรื อ 9 จะได้ผลรวมเป็ น 20 และ 26 ตามลาดับ
้
ถ้าเปลี่ยน 5 เป็ น 6 จะได้ผลรวมเป็ น 18
นันคือถ้าแทนค่ามัธยฐานด้วยจานวนอื่น จะได้ผลรวมมากกว่าหรื อเท่ากับใช้มธยฐาน
ั
่
1.1.3 ศูนย์ รวมควำมนิยม ( ฐำนนิยม )
ฐำนนิยม ( Mode : Mod ) คือ ค่าของข้อมูลที่มีความถี่สูงสุ ด หรื อมีความนิยมมากที่สุด
ใช้เป็ นค่ากลางของข้อมูลอีกชนิดหนึ่งนอกเหนื อจากค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตและมัธยฐานที่ได้กล่าวมาแล้วส่ วนมากฐานนิยม
ั
จะใช้กบข้อมูลเชิงคุณภาพมากกว่าข้อมูลเชิงปริ มาณ
ฐานนิยมเหมาะที่จะนามาใช้เป็ นค่ากลางเมื่อข้อมูลนั้นๆเป็ นค่ามาตรฐาน เช่น ขนาดรองเท้า
ขนาดยางรถยนต์ ฯลฯ
่ ้
หรื อข้อมูลที่แจกแจงความถี่แล้วตามกลุ่มหรื อช่วงต่างๆและโดยเฉพาะเมื่อข้อมูลที่มีค่าสู งหรื อต่าผิดปกติรวมอยูดวย
ก. กำรหำฐำนนิยมของข้ อมูลทีไม่ ได้ แจกแจงควำมถี่
่
่
่ ั
ฐานนิยมของข้อมูลชนิดนี้หาได้จากการดูวาข้อมูลค่าใดจากข้อมูลทั้งหมดที่มีอยูท้ งหมดมี
ความถี่สูงสุ ดหรื อปรากฏบ่อยครั้งที่สุด ข้อมูลนั้นจะเป็ นฐานนิยมของข้อมูลชุดนั้น
ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาฐานนิยมของข้อมูลต่อไปนี้
23
ข้ อมูล
1) 4 , 4 , 5 , 5 , 6 , 5
2) 5 , 6 , 7 , 8 , 9 ,10
3) 4 , 5 , 5 , 6 , 6, 7
4) 10 , 15 , 10 , 5 , 20 , 20 , 10 , 12
5) 15 , 14 , 14 , 17 , 15 , 14 , 14

ฐำนนิยม
5
ไม่มี
5 และ 6
10
14

หมำยเหตุ
5 มีความถี่ เท่ากับ 3 มากที่สุด
ข้อมูลทุกตัวมีความถี่ เท่ากับ 1
อาจถือว่าไม่มีฐานนิยม
10 มีความถี่ เท่ากับ 3 มากที่สุด
14 มีความถี่ เท่ากับ 4 มากที่สุด

การสารวจความนิยมในการเลือกใช้ยาสระผม 3 ชนิด
โดยการสอบถามว่าชนิดไหนขายดีกว่ากัน เรี ยกว่า ฐำนนิยม

ข. กำรหำฐำนนิยมของข้ อมูลทีแจกแจงควำมถี่แล้ ว
่

 d 
= L+  1  i
 d1  d 2 
L เป็ นขอบล่ำง ของชั้นทีมีฐำนนิยม
่
d1 = ผลต่ ำงของควำมถี่ระหว่ ำงชั้นทีมีฐำนนิยมกับชั้นทีมีค่ำต่ำกว่ำ
่
d2 = ผลต่ ำงของควำมถี่ระหว่ ำงชั้ นทีมีฐำนนิยมกับชั้ นทีมีค่ำสู งกว่ ำ
่
ฐานนิยม ( Mo)

ตัวอย่ำงที่ 2 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 ของนักเรี ยน 20 คน
ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ดังนี้
คะแนน
1–5
6 – 10
11- 15
16 – 20
ความถี่(f)
4
5
8
3
จงหา 1. ฐานนิยม(โดยประมาณ)
2. ฐานนิยมของคะแนนสอบของนักเรี ยนทั้ง 20 คน โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
วิธีทำ
ตารางที่ 3.2 ก ฐานนิยม
คะแนน
ควำมถี่ (f)
1–5
4
6 – 10
5
11- 15
8
16 - 20
3
รวม
20
วิธีที่1 ฐานนิยม(โดยประมาณ)
่
อันตรภาคชั้นที่มีฐานนิยมอยูคือ อันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด คือ 11 – 15
24
ฐานนิยมคือ จุดกึ่งกลางชั้นอันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด =
ดังนั้นฐานนิยมคะแนนโดยประมาณ คือ 13 คะแนน

11 15
= 13
2

วิธีที่ 2 ฐานนิยมโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถาม จงหาฐานนิยม
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่
2.2 กาหนดตัวแปร
L เป็ นขอบล่าง ของชั้นที่มีฐานนิยม
d1 = ผลต่างของความถี่ระหว่างชั้นทีมีฐานนิยมกับชั้นที่มีค่าต่ากว่า
d2 = ผลต่างของความถี่ระหว่างชั้นทีมีฐานนิยมกับชั้นที่มีค่าสู งกว่า
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาขอบล่าง (L)
3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้วธีใช้สูตร
ิ
 d



ฐานนิยม ( Mo) = L +  1  i
 d1  d 2 
่
เนื่องจากความกว้างของอันตรภาคชั้นเท่ากันทุกชั้น ดังนั้นอันตรภาคชั้นที่มีฐานนิยมอยูคือ
อันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด คือ 11 – 15 ขอบล่าง (L) = 10.5
ฐานนิยม ( Mo)

 d 
= L+  1  i
 d1  d 2 

d1 = 8 – 5 , d2 = 8 - 3
แทนค่า

ฐานนิยม ( Mo) = 10.5 + 


3 

3  5 

5

= 10.5 + 1.875 = 12.38
ดังนั้นฐานนิยมคะแนนของนักเรี ยน เท่ากับ 12.38 คะแนน
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม ฐานนิยม = 12.38
4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบ
อันตรภาคชั้นที่มีฐานนิยมอยู่ คือ อันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด คือ 11 – 15
่ ั
ฐานนิยม = 12.38 ซึ่ งอยูอนตรภาคชั้น 11 – 15
1.1.4 ชื่นชมควำมสำเร็จ ( ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิก )
่
ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิก ( harmonic mean )
่
ก. ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิกของข้ อมูลไม่ แจกแจงควำมถี่
่
เป็ นค่ากลางที่เหมาะสมกับข้อมูลที่เป็ นอัตราส่ วน เช่น ระยะทางต่อเวลา
จานวนครั้งต่อเวลา
ถ้า X1 , X2 , X3 , . . . , XN เป็ นข้อมูล N จานวนซึ่งเป็ นจานวนบวกทุกจานวน
25
H.M. =

1
1 1
1
1
1
{


 ... 
}
N X1 X 2
X3
XN

=

N
N

1

X
i 1

i

ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิกของข้อมูล 2 , 4 , 8
วิธีทำ

ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. =

N
N

1

X
i 1

i

3
1 1 1
 
2 4 8
3
= 24
7
7
8

=
=

= 3.43

ตัวอย่ำงที่ 2 ชายคนหนึ่งขับรถจากเมือง ก ไปเมือง ข โดยวันที่หนึ่งขับรถด้วยความเร็ ว
30 กิโลเมตร/ชัวโมง วันที่สองขับด้วยความเร็ ว 40 กิโลเมตร/ชัวโมง วันที่สามขับด้วยความเร็ ว
่
่
60 กิโลเมตร/ชัวโมงโดยเฉลี่ยแล้วเขาขับรถด้วยความเร็ วเท่าไร โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
่
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนดอะไรให้บาง (ความเร็ วและจานวนวันที่ขบรถ)
้
ั
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร โดยเฉลี่ยแล้วเขาขับรถด้วยความเร็ วเท่าไร (ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก)
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 โจทย์ให้หาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก
N

2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. =

N

1

X
i 1

i

ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
N

N = H.M.  1
x
i 1

i

่
วิธีทำ ข้อมูลชุดนี้กาหนดให้อยูในรู ประยะทางต่อเวลาหรื อความเร็ ว คือ 30 , 40 , 60
เราต้องพิจารณาผลงานต่อหนึ่งหน่วยเวลา ค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมคือ ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก
ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M.

=

N
N

i 1

=

1

X

i

3
1
1
1


30 40 60
26
3
9
120

=

=

3

120
9

= 40

ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเขาขับรถด้วยความเร็ ว 40 กิโลเมตร/ชัวโมง
่
ตัวอย่ำงที่ 3 ในโรงงานแห่งหนึ่งนาย ก ทางานหนึ่งหน่วยแล้วเสร็ จในเวลา 2 นาที นาย ข นาย ค นาย ง และนาย จ
ทางานหน่วยเดียวกันนี้เสร็ จใน 3 , 4 , 6 และ 12 นาทีตามลาดับ จงหาค่าเฉลี่ยของอัตราการทางานของคนทั้ง 5 คน
และจงหาว่า ใน 5 ชัวโมง ทั้ง 5 คน จะทางานได้รวมกันทั้งหมดกี่หน่วย
่
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนดอะไรให้บาง (เวลาที่ใช้ทางานหนึ่งหน่วยและจานวนคนที่ทางาน)
้
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหา
1. ค่าเฉลี่ยของอัตราการทางาน (ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก)
2. ทางานได้รวมกันทั้งหมดกี่หน่วย
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 โจทย์ให้หาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก
N

2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. =

N

1

X
i 1

i

ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
แสดงวิธีการหาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2
่
วิธีทำ
ข้อมูลชุดนี้กาหนดให้อยูในรู ปเวลาที่ใช้ต่องานหนึ่งหน่วยเวลา คือ 2 , 3 , 4 , 6 , 12
เราต้องพิจารณาผลงานต่อหนึ่งหน่วยเวลา ค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมคือ ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก
ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M.

=

N
N

1

X
i 1

5
1 1 1 1
1
   
2 3 4 6 12

=
i

5

5

12

12

= 6  4  3  2  1 = 16
5
4
3

=

ดังนั้น อัตราการทางานเฉลี่ยของคนทั้ง 5 คน คือ 3

3
4

ใน 5 ชัวโมง หรื อ 300 นาที คนทั้ง 5 คน จะทางานได้
่
=

N

N = H.M.  1
x
i 1

5 =

15 4

4 3

4.4 ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิกของข้ อมูลแจกแจงควำมถี่
่
k

ในกรณี ที่ Xi มีความถี่ fi และ  f i = N
i 1

15
4

i

=

นาทีต่อหนึ่งหน่วย
5  300
15
4

5 300  4
= 400 หน่วย
15

ทั้ง 5 คน ทางานได้รวมกันทั้งหมด 400 หน่วย
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้

3
4

= 5 =

3

3
4
27
H.M. =

1

=

1
1
1
1
1
{ f1
f2
f3
 ...  f k
}
N
X1
X2
X3
Xk

N
f
 Xi
i 1
i
k

ตัวอย่ำงที่ 4 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5
ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน ดังนี้
คะแนน
1–5
6 – 10
11- 15
4
5
8
ความถี่ (f)
จงหาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
วิธีทา ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา
1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่
1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก
ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา
2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่
2.2 กาหนดตัวแปร x แทนจุดกึ่งกลางชั้น และ f แทนความถี่
ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน
3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาจุดกึ่งกลางชั้น(x) และหา

16 – 20
3

f
x

3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้สูตร

คะแนน

ควำมถี่ (f)

ตารางที่ 4.5ก
จุดกึงกลำงชั้ น (x)
่

1–5

4

3

6 – 10

5

8

11- 15

8

13

16 - 20

3

18

รวม

20

-

ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก ( H.M.) =

N
f
 Xi
i 1
i

=

k

20
2 . 75

f
x

4
3
5
8
8
13
3
18

= 1.33
= 0.63
= 0.62
= 0.17

4 f
 = 2.75
i 1 x

= 7.27

ดังนั้นค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิกของคะแนนสอบเท่ากับ 7.27 คะแนน
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้
4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิกของคะแนนสอบเท่ากับ 7.27 คะแนน
4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบ
N

= H.M.  f
x

20

= 7.27 

20

i 1

11
4

= 19.99  20

ใบควำมรู้ 1ก ทบทวนกำรหำค่ ำลอกำริทม
ึ
1. สมบัติของลอกฐำนสิ บ ถ้ ำ M , N  R+ และ k  R
28
1.

log (M  N) =
M
2.
log
=
N
3.
log Mk
=
4.
log 10
=
5.
log 1
=
ตัวอย่ำงที่ 1 ให้ log 2 = 0.3010
1. log 6 = log (2 3 )
= log 2 + log 3
= 0.3010 + 0.4771
= 0.7781
10
2. log 5 = log  
 

2

log M + log N
log M - log N
k log M
1
0
log 3 = 0.4771 จงใช้ ค่ำของ log 2 และ log 3 ประมำณค่ ำของ log ต่ อไปนี้
4. log 9 = log 32
= 2log 3
= 2(0.4771)
= 0.9542
5. log 10 = 1

= log 10 – log 2
6. log 1 = log 100
= 1 - 0.3010
= 0log 10
= 0.6990
=0
3
3. log 8 = log 2
= 3log 2
= 3(0.3010) = 0.9030
2. ฝึ กเปิ ดตำรำงลอก
log 3.62 = 0.5587
log 7.43 = 0.8710
3. กำรหำค่ ำของ log ( N0  10n ) = log N0 + n log 10 = log N0 + n
N0 เรียกว่ำ แมนติสซำ (mantissa) และ n เรียกว่ำ คำแรคเตอริสติค (characteristics)
ตัวอย่ำงที่ 3.1 จงหาค่าของ log 135
ตัวอย่ำงที่ 3.2 จงหาค่าของ log 0.0415
วิธีทำ log 135 = log ( 1.35  102 )
วิธีทำ log 0.0415= log (4.15  10-2 )
= log 1.35 + log 102
= log 4.15 + log 10-2
= log 1.35 + 2 log 10
= log 4.15 - 2log 10
= log 1.35 + 2
= log 4.15 - 2
= 2 + log 1.35
= - 2 + log 4.15
= 2 + 0.1303
= - 2 + 0.6180
= 2.1303
= - 1.3820
กำรประมำณจำนวนจริง
ตัวอย่ำงที่ 3.3 จงหาค่าของ log 4.136
วิธีที่ 1 เทียบบัญญัติไตรยางศ์
เนื่องจาก log 4.136 ไม่มีในตารางลอกต้องเปิ ดตารางลอกหาค่าใกล้เคียง 2 ค่า คือ
log 4.13
=
0.6160
log 4.14
=
0.6170
ประมำณค่ ำ ด้ วยวิธีทียบบัญญัติไตรยำงศ์ ดังนี้
จานวนจริ งเพิ่ม 4.13 – 4.14 = 0.01 ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม 0.6170 - 0.6160 = 0.001
29
จานวนจริ ง 4.136 - 4.13 = 0.0006 ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม
่
จะได้วา log 4.136  0.6160 + 0.0006  0.6166
วิธีที่ 2 ใช้อตราส่ วน
ั
จานวนจริ ง
ค่าจานวนจริ งของลอก
log 4.13
=
0.6160
log 4.136
=
x
log 4.14
=
0.6170
x  0.6160
=
0.6170  0.6160

x – 0.6160

=

0.001
 0.0006 = 0.0006
0.01

4.136  4.13
4.14  4.13

0.006
 0.001
0.01

x – 0.6160 = 0.0006
x
= 0.6160 + 0.0006 = 0.6166
ดังนั้น log 4.136 = 0.6166

4. กำรหำ antilogarithm ของ log N กำรหำค่ ำของ N
ตัวอย่ำงที่ 4.1 ให้ log N = 3.7340 จงหาค่า N
ตัวอย่ำงที่ 4.2 ให้ log N = - 2.1720 จงหาค่า N
วิธีทำ log N = 3.7340
วิธีทำ log N = - 2.1720
= 3 + 0.7340
= - 2 - 0.1720 + 1 - 1
= 3 + log 5.42
= 0.8280 - 3
= log 5.42 + log 103
= log 6.73 + log 10- 3
log N = log (5.42  103)
= log (6.73  10-3)
antilog N = 5.42  103 = 5420
antilog N = 6.73  10-3 = 0.00673
ตัวอย่ำงที่ 4.3 log Y = 2.1313 จงหาค่า Y
วิธีที่ 1 เทียบบัญญัติไตรยำงศ์
วิธีทำ log Y = 2.1313 = 2 + 0.1313
ให้ log M = 0.1313 ไม่ตรงในตารางลอกต้องเปิ ดตารางลอกหาค่าใกล้เคียง 2 ค่า คือ
log 1.35 = 0.1303
log 1.36 = 0.1335
ประมำณค่ ำ ด้ วยวิธีทียบบัญญัติไตรยำงศ์ ดังนี้
ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม 0.1335- 0.1303 = 0.0033 จานวนจริ งเพิ่ม 1.36 – 1.35 = 0.01
0.01
 0.0010
ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม 0.1313 - 0.1303 = 0.0010 จานวนจริ งเพิ่ม
0.0033
= 0.00303  0.003
่
จะได้วา log M  1.35 + 0.003  1.353
30
= 2 + log 1.353
= log 1.353 + log 102
= log (1.353  102)
antilog Y = 1.353  102 = 135.3
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้โดยการประมาณค่าลอก ใช้อตราส่ วน
ั
ตัวอย่ำง 4.3 log Y = 2.1313 จงหาค่า Y
วิธีที่ 2 ใช้อตราส่ วน กำรประมำณจำนวนจริงของลอก (log M )
ั
จานวนจริ ง
ค่าจานวนจริ งของลอก
log 1.35
=
0.1303
log M
=
0.1313
log 1.36
=
0.1335
ใช้ อตรำส่ วน
ั
M  1.35
1.36  1.35
M  1.35
0.01

=

M  1.35

=

M  1.35
M

=

=


0.1313  0.1303
0.1335  0.1303
0.0010
0.0033
0.0010
 .01
0.0033

0.00303



1.35  0.003

0.003



1.353

ใบงำน 1ก
ประมำณค่ ำของ log
1. ให้ log 2 = 0.3010 log 3 = 0.4771 จงใช้ ค่ำของ log 2 และ log 3
จงประมำณค่ ำของ log ต่ อไปนี้
1. log 6 =…………………………….
2. log 5 =…………………………….
3. log 8 =…………………………….

4. log 9 =…………………………….
5. log 100 =…………………………….
6. log 1 =…………………………….

2. จงเปิ ดตำรำงหำค่ ำของ log ต่ อไปนี้
1. log 2.48 = …………………
2. log 3.4 =……………………
3. log 4.62 =……………………
4. log 5.37 =……………………
5. log 6.59 =……………………

6. log 7.15 =……………………
7. log 8.23 =……………………
8. log 9.09 =……………………
9. log 5.426 =……………………
10. log 8.125 =……………………

3. จงหำค่ ำของ log ต่ อไปนี้
1. log 421
=………………………….
2. log 3570
=………………………….
3. log 0.0432 =………………………….
31
4. log 0.00786 =………………………….
4. จงหาค่า N (antilogarithm ของ log N )
1. log N = 1.9212
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………………..
…………………………………………………
………………………………………………..

3. log N = - 1.2125
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………………..
…………………………………………………
………………………………………………..

2. log N = 3.4564
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………………..
…………………………………………………
………………………………………………..

4. log N = - 2.1630
…………………………………………………
…………………………………………………
…………………………………………………
………………………………………………..
…………………………………………………
………………………………………………..

1.1.5 เสร็จสิ้นด้ วยค่ ำรำกหรือค่ ำลอกฯ ( ค่ ำเฉลียเรขำคณิต geometric mean )
่
ก. ค่ ำเฉลียเรขำคณิตของข้ อมูลทีแจกแจงไม่ ควำมถี่
่
่
ถ้า X1 , X2 , X3 , . . . , XN เป็ นข้อมูล N จานวนซึ่งเป็ นจำนวนบวกทุกจานวน
และไม่มีจานวนใดจานวนหนึ่งมีค่าเท่ากับ 0
ค่าเฉลี่ยเรขาคณิ ต G.M. = N X1 X 2 X 3 ... X N
……สู ตรที่ 1
1 N
log G.M. =  log X i
…….สู ตรที่ 2
N i1
G.M. =

n

x =

1
xn

1
log x
n

log G.M. =

ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาค่าเฉลี่ยเรขาคณิ ตของข้อมูล 2 , 8 , 32 , 128
วิธีทำ สู ตรที่ 1 จาก G.M. = N X1 X 2 X 3 ... X N
= 4 2 832 128
= 4 2 16 = 24 = 16
1 N
วิธีทำ สู ตรที่ 2 log G.M.
=  log X i
N i1
=
=
log G.M.

=

1
(log 2  log 8  log 32  log 128)
4
1
(0.3010  0.9031  1.5051  2.1072)
4
1
(4.8164) = 1.2041 = 0.2041 + 1
4
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี
ค่ากลางปี

More Related Content

What's hot

สถิติ คณิตศาสตร์
สถิติ คณิตศาสตร์สถิติ คณิตศาสตร์
สถิติ คณิตศาสตร์Pla FC
 
มอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกา
มอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกามอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกา
มอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกาไชยยา มะณี
 
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Ok
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Okสถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Ok
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย OkChanakan Sojayapan
 
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169Chanakan Sojayapan
 
สาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิดสาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิดWareerut Hunter
 
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6yosawat1089
 
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1Nut Yuthapong
 
บทที่ 1 5
บทที่ 1 5บทที่ 1 5
บทที่ 1 5Tonkaow Jb
 
ใบความรู้ เรื่องสถิติ
ใบความรู้ เรื่องสถิติใบความรู้ เรื่องสถิติ
ใบความรู้ เรื่องสถิติพัน พัน
 
การวัดการกระจายสัมพัทธ์
การวัดการกระจายสัมพัทธ์การวัดการกระจายสัมพัทธ์
การวัดการกระจายสัมพัทธ์KruGift Girlz
 
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศ
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศบทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศ
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศchushi1991
 
Data warehouse for icd By quickview
Data warehouse for icd  By quickviewData warehouse for icd  By quickview
Data warehouse for icd By quickviewSakarin Habusaya
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมnoeiinoii
 
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นสถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นParn Parai
 
สถิติเพื่อการวิจัย
สถิติเพื่อการวิจัยสถิติเพื่อการวิจัย
สถิติเพื่อการวิจัยTwatchai Tangutairuang
 

What's hot (20)

สถิติ คณิตศาสตร์
สถิติ คณิตศาสตร์สถิติ คณิตศาสตร์
สถิติ คณิตศาสตร์
 
มอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกา
มอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกามอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกา
มอค.3คณิตและสถิติในชีวิตประจำวัน ญาติกา
 
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Ok
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Okสถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Ok
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย Ok
 
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169
สถิติประยุกต์สำหรับงานวิจัย 169
 
บทเรียน1 สถิติ
บทเรียน1  สถิติบทเรียน1  สถิติ
บทเรียน1 สถิติ
 
Stat2
Stat2Stat2
Stat2
 
สาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิดสาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิด
 
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
 
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1
 
บทที่ 1 5
บทที่ 1 5บทที่ 1 5
บทที่ 1 5
 
ใบความรู้ เรื่องสถิติ
ใบความรู้ เรื่องสถิติใบความรู้ เรื่องสถิติ
ใบความรู้ เรื่องสถิติ
 
การวัดการกระจายสัมพัทธ์
การวัดการกระจายสัมพัทธ์การวัดการกระจายสัมพัทธ์
การวัดการกระจายสัมพัทธ์
 
วิจัย1
วิจัย1วิจัย1
วิจัย1
 
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศ
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศบทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศ
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารสนเทศ
 
Data warehouse for icd By quickview
Data warehouse for icd  By quickviewData warehouse for icd  By quickview
Data warehouse for icd By quickview
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
sta
stasta
sta
 
Unit03
Unit03Unit03
Unit03
 
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นสถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
สถิติ ม.6 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
 
สถิติเพื่อการวิจัย
สถิติเพื่อการวิจัยสถิติเพื่อการวิจัย
สถิติเพื่อการวิจัย
 

Similar to ค่ากลางปี

การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัยการวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัยsudaphud
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...Nattapon
 
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯสาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯณัฐพล บัวพันธ์
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศdechathon
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1dechathon
 
ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1Orapan Chamnan
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10Aon Narinchoti
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10Aon Narinchoti
 
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)Apirak Potpipit
 
ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1Orapan Chamnan
 
ใบงานที่ 5 การพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5  การพัฒนาเครื่องมือใบงานที่ 5  การพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5 การพัฒนาเครื่องมือRut' Np
 
ใบความรู้ที่ 9
ใบความรู้ที่ 9ใบความรู้ที่ 9
ใบความรู้ที่ 9Rattana Wongphu-nga
 
ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์
ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์
ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์ทับทิม เจริญตา
 
ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...
ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...
ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...Mnr Prn
 

Similar to ค่ากลางปี (20)

การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัยการวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
 
Standard7
Standard7Standard7
Standard7
 
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯสาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้การงานฯ
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบสารสนเทศ
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
 
ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
 
Plan10
Plan10Plan10
Plan10
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
 
Unit8
Unit8Unit8
Unit8
 
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
 
Expand
ExpandExpand
Expand
 
ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1ใบความรู้ที่1
ใบความรู้ที่1
 
ใบงานที่ 5 การพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5  การพัฒนาเครื่องมือใบงานที่ 5  การพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5 การพัฒนาเครื่องมือ
 
ใบความรู้ที่ 9
ใบความรู้ที่ 9ใบความรู้ที่ 9
ใบความรู้ที่ 9
 
R wichuta
R wichutaR wichuta
R wichuta
 
ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์
ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์
ตัวอย่างแผนพอเพียงกับคณิตศาสตร์
 
ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...
ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...
ตัวอย่างการเขียน มคอ.3 รายละเอียดรายวิชา ที่ถูกต้องสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที...
 
86 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่13_โปรแกรมการคำนวณทางสถิติ1
86 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่13_โปรแกรมการคำนวณทางสถิติ186 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่13_โปรแกรมการคำนวณทางสถิติ1
86 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่13_โปรแกรมการคำนวณทางสถิติ1
 

ค่ากลางปี

  • 1. 1 คำอธิบำยรำยวิชำ คณิตศำสตร์ รอบรู้ 5 รหัสวิชำ ค33201 ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 6 จำนวน 80 ชั่วโมง (4 ชั่วโมง/สั ปดำห์ ) ********************** ศึกษา ฝึ กทักษะ/กระบวนการ ในสาระต่อไปนี้ กำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น โดยใช้ค่ากลางของข้อมูล การวัดตาแหน่งที่ของข้อมูลและ ้ การวัดการกระจายของข้อมูล กำรแจกแจงปกติ ค่ามาตรฐาน การแจกแจงปกติและเส้นโค้งปกติ พื้นที่ใต้เส้นโค้งปกติมาตรฐาน ควำมสั มพันธ์ เชิ งฟังก์ ชันระหว่ ำงข้ อมูล แผนภาพการกระจาย ่ ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูลที่ประกอบด้วยสองตัวแปรที่อยุในรู ปอนุกรมเวลา ั การใช้ความสัมพันธ์ของข้อมูลทานายค่าตัวแปรตาม เมื่อกาหนดตัวแปรอิสระให้ โดยจัดกิจกรรมหรื อจัดประสบการณ์ สร้างประสบการณ์ ที่สอดคล้องกับชีวตประจาวัน ิ หรื อสภาพท้องถิ่น ให้ผเู ้ รี ยนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึ กทักษะ โดยการปฏิบติจริ ง ทดลอง สรุ ป รายงาน ั เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล หารสื่ อความหมายทางคณิ ตศาสตร์ และนาประสบการณ์ดานความรู้ ความคิด ้ ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรี ยนรู ้สิ่งต่างๆ และใช้ในชีวตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ ิ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิ ตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็ นระบบ มีความคิดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวจารณญาณ ิ และมีความเชื่อมันในตนเอง ่ การวัดและประเมินผล ใช้วธีที่หลากหลายตามสภาพความเป็ นจริ งให้สอดคล้องกับเนื้ อหาและ ิ ทักษะที่ตองการวัด ้ ผลกำรเรี ยนรู้ คณิตศำสตร์ รอบรู้ 5 รหัสวิชำ ค33201 1. 2. 3. 4. 5. เลือกวิธีวเิ คราะห์ขอมูลเบื้องต้นและอธิ บายผลการวิเคราะห์ขอมูลได้อย่างถูกต้อง ้ ้ นาความรู้เรื่ องการวิเคราะห์ขอมูลไปใช้ได้ ้ นาความรู ้เรื่ องค่ามาตรฐานไปใช้ในการเปรี ยบเทียบข้อมูลได้ หาพื้นที่ใต้โค้งปกติและนาความรู ้เกี่ยวกับพื้นที่ใต้โค้งปกติไปใช้ได้ เข้าใจความหมายของการสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูล ั ที่ประกอบด้วยสองตัวแปร 6. สร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูลที่ประกอบด้วยสองตัวแปร ั ่ ที่อยูในรู ปอนุกรมเวลาโดยใช้เครื่ องคานวณ 7. ใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนของข้อมูลทานายตัวแปรตาม ั เมื่อกาหนดตัวแปรอิสระให้
  • 2. 2 สำรบัญ เรื่อง บทที่ 1 กำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น ้ 1.1 ค่ ำกลำงของข้ อมูล 1.1.1 ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต 1.12 มัธยฐาน 1.1.3 ฐานนิยม 1.1.4 ค่าเฉลี่ยฮาร์ โมนิค 1.1.5 ค่าเฉลี่ยเรขาคณิ ต 1.1.6 โจทย์ระคน 1.2 กำรวัดตำแหน่ งทีของข้ อมูล ่ 2.1 ความหมาย 2.2 การวัดตาแหน่งที่ของข้อมูลที่ไม่แจงแจงความถี่ 2.3 การวัดตาแหน่งที่ของข้อมูลที่แจงแจงความถี่ 1.3 กำรวัดกำรกระจำยของข้ อมูล 1.3.1 การวัดการกระจายสัมบูรณ์ 1. พิสัย 2. ส่ วนเบี่ยงเบนควอร์ ไทล์ 3. ส่ วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย 4. ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.3.2 การวัดการกระจายสัมพัทธ์ บทที่ 2 กำรแจกแจงปกติ 2.1 ค่ามาตรฐาน 2.2 การแจกแจงปกติและเส้นโค้งปกติ บทที่ 3 ควำมสั มพันธ์ เชิ งฟังก์ ชันระหว่ ำงข้ อมูล 3.1 ความรู ้พ้ืนฐาน 3.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนในรู ปเส้นตรง ั 3.3 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนในรู ปพาราโบลา ั ่ 3.4 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนเชิงเส้นที่อยูใน ั รู ปอนุกรมเวลา 3.5 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนเอกซ์โพเนนเชียล ั ่ ที่อยูในรู ปอนุกรมเวลา ภาคผนวก ตารางค่าลอการิ ทึม ตารางแสดงพื้นที่ใต้เส้นโค้งปกติ หน้ ำ 9 19 22 24 30 32 42 43 44 48 48 48 49 50 56 60 63 82 94 101 106 111 123 127
  • 3. 3 คำแนะนำสำหรับนักเรียน ชุดกิจกรรมจัดการเรี ยนรู ้คณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ในการเรี ยนแต่ละครั้ง ครู จะแบ่งกลุ่มนักเรี ยนออกเป็ นกลุ่มๆละ 4 คน โดยแต่ละกลุ่มให้มีท้ งนักเรี ยนเก่ง อ่อน ั อย่างละ1 คน ปานกลาง 2 คน คละกัน แล้วให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มเลือกประธานกลุ่มและเลขาของกลุ่ม ั แบ่งหน้าที่ในการทากิจกรรมและหมุนเวียนหน้าที่กนในกลุ่มช่วยกันทางานกลุ่ม ่ ซึ่ งนักเรี ยนจะอยูกลุ่มเดียวกันจนสิ้ นสุ ดการสอน ชุดกิจกรรมเหล่านี้ จัดทาขึ้นเพื่อเป็ นสื่ อการจัดการเรี ยนรู ้กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้คณิ ตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียด ดังนี้ 1. เนื้อหาประกอบด้วย การวิเคราะห์ขอมูลเบื้องต้น การแจกแจงปกติ ้ และความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชนระหว่างข้อมูล ั 2. แบบฝึ กกิจกรรมแต่ละเนื้ อหาสาระ มีแบบฝึ กที่ทาให้ผเู ้ รี ยนสามารถเรี ยนรู ้ได้ดวยตนเองจึงเกิดศักยภาพในการแก้โจทย์ปัญหาอย่างแม่นยา ้ 3. แบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรม จัดทาไว้แต่ละชุดกิจกรรม เพื่อให้ผเู ้ รี ยนได้ทราบผลการเรี ยนรู ้แต่ละสาระ แล้วนาไปแก้ไขข้อบกพร่ องของตนเอง 4. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน เป็ นแบบทดสอบเพื่อวัดศักยภาพของผูเ้ รี ยนหลังการเรี ยนครบทุกชุดกิจกรรม เพื่อให้ผเู ้ รี ยนได้ทราบความก้าวหน้าทางการเรี ยนของตนเอง ผูจดทาหวังว่า ทุกชุ ดกิจกรรมเล่มนี้จะเป็ นประโยชน์แก่ครู ผสอนที่นาไปจัดการเรี ยนรู ้ ้ั ู้ ผูเ้ รี ยนที่นาไปศึกษาและฝึ กฝนด้วยตนเอง และพ่อ แม่ ั ผูปกครองที่นาไปเป็ นแนวทางในการสร้างเสริ มศักยภาพให้กบบุตรหลานได้อย่างแท้จริ ง ้
  • 4. 4 ใบควำมรู้ ที่ 1 ก กระบวนกำรแก้ปัญหำของโพลยำ กระบวนกำรแก้ปัญหำ การมีความรู ้เกี่ยวกับกระบวนการแก้ปัญหา ทาให้สามารถแก้ปัญหาได้ดีและกระบวนการแก้ปัญหามีบทบาทสาคัญในการพัฒนาคณิ ตศาสตร์ เพราะคาตอบของปั ั ญหาที่ได้จากกระบวนการแก้ปัญหาจะทาให้เกิดข้อค้นพบใหม่และเป็ นวิธีการที่สามารถนาไปประยุกต์กบปั ญหาอื่นๆ ได้กระบวนการแก้ปัญหาที่เป็ นที่ยอมรับกันโดยทัวไปคือ กระบวนการแก้ปัญหาของ Polya (1957) ่ ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 ทำควำมเข้ ำใจกับปัญหำ (Understanding the problem ) ต้องอาศัยทักษะที่สาคัญและจาเป็ นอีกหลายประการ เช่น ทักษะในการอ่านโจทย์ปัญหา ทักษะการแปลความหมายทางภาษา ่ ซึ่ งผูเ้ รี ยนควรแยกแยะได้วาโจทย์กาหนดอะไรให้และโจทย์ถามให้หาอะไรหรื อพิสูจน์ขอความใด ้ ขั้นที่ 2 วำงแผนในกำรแก้ปัญหำ( Devising a plan ) เป็ นขั้นตอนที่สาคัญที่สุด ต้องอาศัยทักษะในการนาความรู ้หลักการหรื อทฤษฎีที่เรี ยนรู ้มาแล้ว ทักษะในการเลือกใช้ยทธวิธีที่เหมาะสม เช่น ุ เลือกใช้การเขียนรู ปหรื อแผนภาพ ตาราง การสังเกตหาแบบรู ปหรื อความสัมพันธ์ เป็ นต้น ในบางปั ญหาอาจใช้ทกษะในการประมาณค่า คาดการณ์ หรื อคาดเดาคาตอบมาประกอบด้วย ั ผูสอนต้องหาวิธีการฝึ กวิเคราะห์แนวคิดในขั้นนี้ให้มาก หลักการวางแผนในการแก้ปัญหาดังนี้ ้ 1) เป็ นโจทย์ปัญหาที่เคยประสบมาก่อนหรื อไม่ หรื อมีลกษณะคล้ายคลึงกับโจทย์ที่เคยแก้ปัญหามาก่อนหรื อไม่ ั ั 2) รู ้จกใช้โจทย์ปัญหาที่เกี่ยวข้องหรื อสัมพันธ์กบโจทย์ปัญหาที่แก้หรื อไม่เพียงใด และ ั รู ้จกทฤษฎีที่ใช้แก้หรื อไม่ ั 3) พิจารณาสิ่ งที่ไม่รู้ในโจทย์และพยายามคิดถึงปั ญหาที่คุนเคย ้ ่ ั ซึ่ งมีสิ่งที่ไม่รู้เหมือนกันและพิจารณาดูวาจะใช้วธีการแก้ปัญหาที่เคยพบ มาใช้กบโจทย์ปัญหาที่กาลังจะแก้หรื อไม่ ิ 4) ควรอ่านโจทย์ปัญหาอีกครั้งและวิเคราะห์เพื่อดูความแตกต่างจากปั ญหาที่เคยพบมาหรื อไม่ ขั้นที่ 3 ดำเนินกำรตำมแผน ( Carrying out the plan ) ต้องอาศัยทักษะในการคิดคานวณหรื อดาเนินการทางคณิ ตศาสตร์ ทักษะในการพิสูจน์หรื ออธิบายและแสดงเหตุผล ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลทีได้ ( Looking back ) ต้องอาศัยทักษะการคานวณการประมาณคาตอบ ่ การตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้โดยอาศัยความรู้สึกเชิงจานวน หรื อความรู้สึกเชิงปริ ภูมิ ในการพิจารณาความสมเหตุสมผลขอคาตอบที่สอดคล้องกับสถานการณ์หรื อปั ญหา 2. เกณฑ์ กำรประเมิน หรือแนวทำงกำรให้ คะแนน สาหรับการวิจยในครั้งนี้ จะใช้เกณฑ์การประเมินการแก้ปัญหาของโพลยา ั ที่พฒนาปรับปรุ งมาจากแนวทางของ สถาบันส่ งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี : 2555. ดังนี้ ั เกณฑ์ กำรให้ คะแนนกระบวนกำรแก้ ปัญหำของโพลยำ (10 คะแนน) ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา ( 2 คะแนน ) ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา ( 2 คะแนน ) ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน ( 4 คะแนน )
  • 5. 5 ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคาตอบ ( 2 คะแนน ) บทที่ 1 กำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น ้ 1.1 ควำมหมำยของข้ อมูล ข้ อมูล (Data) เป็ นข้อความหรื อสิ่ งที่บ่งบอกสภาพ สถานการณ์ หรื อปรากฎการณ์ใดปรากฎการณ์หนึ่ง โดยมีขอมูลอาจเป็ นตัวเลขหรื อข้อความก็ได้ (สถาบันส่ งเสริ มการเรี ยนการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี. 2552 : ้ 8) ข้อมูล (data) หมายถึง ข้อเท็จจริ งเราที่สนใจ ซึ่ งอาจเป็ นตัวเลข หรื อข้อความก็ได้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2525) ให้ความหมายของ ข้ อมูล(Data) หมายถึง ข้อเท็จจริ งหรื อสิ่ งที่ถือหรื อยอมรับว่าเป็ นข้อเท็จจริ ง สาหรับใช้เป็ นหลักอนุมานหาความจริ งหรื อ การคานวณ ่ ข้ อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริ งเกี่ยวกับเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งที่อยูในรู ปของตัวเลขหรื อสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ยงไม่ผานการประมวลข้อมูล (มนตรี ดวงจิโน, 2546) ั ่ สรุ ปได้ ว่ำ ข้ อมูล คือ ข้ อเท็จจริงที่ยงไม่ ผ่ำนกำรประมวลผล" ั การตัดสิ นใจเกี่ยวกับเรื่ องต่างๆ บางเรื่ องอาจจะไม่สามารถใช้ขอมูลเพียงอย่างเดียว ้ ่ ต้องมีการวิเคราะห์ขอมูลที่เกี่ยวข้อง จึงจะนามาเพื่อใช้ในการตัดสิ นใจ ข้อมูลที่ผานการวิเคราะห์แล้ว เรี ยกว่า ้ สารสนเทศ หรื อข่าวสาร (information) ดังแผนภูมิต่อไปนี้ ข้ อมูล --> สารสนเทศ --> ความรู้ --> ความชานาญ Data Information Knowledge Wisdom ่ สรุ ปได้ ว่ำ สำรสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผานการประมวลผลแล้วสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ กำรจำแนกตำมลักษณะของข้ อมูล จาแนกเป็ น 2 ลักษณะ คือ ข้อมูลเชิงปริ มาณ และข้อมูลเชิงคุณภาพ 1. ข้อมูลเชิงปริ มาณ คือ ข้อมูลที่สามารถวัดออกมาเป็ นจานวนที่สามารถนามาเปรี ยบเทียบกันได้เช่น น้ าหนัก ส่ วนสู ง รายได้ 2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดออกมาเป็ นจานวนได้โดยตรง เช่น เพศ สถานะภาพ วุฒิการศึกษา ความคิดเห็นหรื อความรู ้สึก เมื่อจะนาข้อมูลไปวิเคราะห์จะต้องใช้ตวเลขแทนข้อความที่กาหนด ั ข้ อมูลทีใช้ วเิ ครำะห์ มี 2 ชนิด ่ 1. ข้อมูลที่ยงไม่แจกแจงความถี่ ( Ungroup data) ั 2. ข้อมูลที่แจงแจงความถี่แล้ว (Group data) กำรแจกแจงควำมถี่ของข้ อมูล ( frequency distribution ) ่ เป็ นวิธีการทางสถิติอย่างหนึ่ งที่ใช้ในการจัดข้อมูลที่มีอยูหรื อที่เก็บรวบรวมมาได้ให้อยูเ่ ป็ นพวกๆเพื่อความสะดวกใน การวิเคราะห์ขอมูลเหล่านั้น ้ กำรสร้ ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่ ประกอบด้วยสิ่ งต่างๆต่อไปนี้ 1. พิสัย ( Range) คือ ค่าสู ง - ค่าต่า = Xmax – Xmin 2. ควำมกว้ำงของอันตรภำคชั้น = พิสย ั จานวนชั้น อันตรภาคชั้น ( class interval ) คือ ช่วงคะแนน เช่น 1 - 4 ประกอบด้วย ข้อมูล 1 , 2 , 3 , 4
  • 6. 6 5 – 10 ประกอบด้วย ข้อมูล 5 , 6 , 7, 8 , 9 , 10 ่ ความกว้างของอันตรภาคชั้น คือจานวนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยูในช่วงคะแนน การหาความกว้างของอันตรภาคชั้น วิธีที่ 1 ( ตัวบน - ตัวล่าง) + 1 เช่น 5 – 10 ความกว้าง (10 – 5 ) + 1 = 6 วิธีที่ 2 ขอบบน – ขอบล่าง ขอบบน คือค่ากึ่งกลางระหว่างคะแนนมากที่สุดในอันตรภาคชั้นนั้นกับคะแนนที่นอยที่สุดของอันตรภาคชั้น ้ ที่ติดกันและเป็ นช่วงคะแนนที่สูงกว่า เช่น ขอบบนของอันตรภาคชั้น 30 – 39 เท่ากับ 39  40 2 = 39.5 29  30 2 = 29.5 ขอบล่าง คือค่ากึ่งกลางระหว่างคะแนนที่นอยที่สุดในอันตรภาคชั้นนั้นกับคะแนนที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้ ้ นที่ติดกันและเป็ นช่วงคะแนนที่ต่ากว่า เช่น ขอบล่างของอันตรภาคชั้น 30 – 39 เท่ากับ ความกว้างของอันตรภาคชั้น 30 – 39 เท่ากับ 39.5 – 29.5 = 10 3 . ตำรำงแจกแจงควำมถี่ ่ 3.1 อันตรภาคชั้นแรกต้องมีค่าต่าสุ ดอยูในอันตรภาคชั้นนั้น ่ 3.2 อันตรภาคชั้นสุ ดท้ายต้องมีค่าสู งสุ ดอยูในอันตรภาคชั้นนั้น 4. รอยขีด ( tally )คือเครื่ องหมาย / ที่เชคการตรวจนับจานวนข้อมูล 5. ควำมถี่ ( frequency ) คือจานวนข้อมูลในแต่ละชั้นของอันตรภาคชั้น ตัวอย่ำงที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน 14 11 16 5 5 10 9 1 14 12 19 13 13 10 17 11 11 9 7 1 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่โดยให้อนตรภาคชั้นเท่ากันทุกชั้น จานวน 4 ชั้น ั วิธีทำ กำรสร้ ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่ 1. หาพิสัย = Xmax – Xmin = 19 – 1 = 18 2. ความกว้างของอันตรภาคชั้น ( i ) = พิสย ั จานวนชั้น สร้างตารางแจกแจงความถี่ได้ดงนี้ ั คะแนน รอยขีด 1–5 //// 6 – 10 //// 11- 15 //// /// 16 - 20 /// รวม = 18 4 5 ความถี่ (f) 4 5 8 3 20 1.2. กำรแจกแจงควำมถี่สะสม ควำมถี่สะสม ( cumulative frequency : cf ) ของค่าที่เป็ นไปได้ ของอันตรภาคชั้นใด คือ ผลรวมของ
  • 7. 7 ความถี่ของค่านั้นหรื อของอันตรภาคชั้นนั้นกับความถี่ของค่าหรื อของอันตรภาคชั้นที่มีช่วงคะแนนต่ากว่า ทั้งหมดหรื อสู งกว่าทั้งหมดหรื ออย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่ำงที่ 2 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่สะสมของคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5 ของนักเรี ยน 20 คน จากข้อมูลในตัวอย่างที่ 1 คะแนน ควำมถี่ (f) ควำมถี่สะสม ( cf) 1–5 4 4 6 – 10 5 9 11- 15 8 17 16 - 20 3 20 รวม 20 1.3. กำรแจกแจงควำมถี่สัมพัทธ์ ควำมถี่สัมพัทธ์ ( relative frequency : rf ) ของค่าที่เป็ นไปได้ ของอันตรภาคชั้นใด คือ อัตราส่ วนระหว่างความถี่ของค่านั้นกับผลบวกของความถี่ท้ งหมด ั ความถี่สัมพัทธ์อาจแสดงในรู ปเศษส่ วนหรื อทศนิยมหรื อร้อยละก็ได้ ตัวอย่ำงที่ 3 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่สะสมของคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5ของ นักเรี ยน 20 คน จากข้อมูลในตัวอย่างที่ 1 คะแนน 1–5 ควำมถี่ (f) 4 6 – 10 5 11- 15 8 16 - 20 3 รวม ควำมถี่สัมพัทธ์ 20 = 0.2 = 0.25 25 = 0.4 40 = 0.15 15 1.000 4 20 5 20 8 20 3 20 ร้ อยละของควำมถี่สัมพัทธ์ 20 100.0 1.4. กำรแจกแจงควำมถี่สะสมสั มพัทธ์ ควำมถี่สะสมสั มพัทธ์ ( relative cumulative frequency : rf ) ของค่าที่เป็ นไปได้ ของอันตรภาคชั้นใด คือ อัตราส่ วนระหว่างความถี่สะสมของค่านั้นกับผลบวกของความถี่ท้ งหมด ั ความถี่สะสมสัมพัทธ์อาจแสดงในรู ปเศษส่ วนหรื อทศนิยมหรื อร้อยละก็ได้ ตัวอย่ำงที่ 4 จงสร้างตารางแจกแจงความถี่สะสมของคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5ของ นักเรี ยน 20 คน จากข้อมูลใน ตัวอย่ำงที่ 1 คะแนน ควำมถี่ (f) ควำมถี่สะสม 1–5 4 4 6 – 10 5 9 ควำมถี่สะสม สั มพัทธ์ 4 20 9 20 = 0.2 ร้ อยละของควำมถี่สะส มสั มพัทธ์ 20 = 0.45 45
  • 8. 8 11- 15 8 17 16 - 20 3 20 รวม 20 17 20 20 20 = 0.85 85 = 1.000 100 กำรแสดงกำรแจกแจงควำมถี่โดยใช้ กรำฟ มีดังนี้ ฮีสโทแกรม (histogram ) รู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ (frequency polygon) เส้นโค้งของความถี่ ( frequency curve ) 3.1 ฮีสโทแกรม (histogram ) มีลกษณะเป็ นรู ปสี่ เหลี่ยมมุมฉากวางเรี ยนติดต่อกันบนแกนนอนโดยมี ั แกนนอนแทนค่าของตัวแปร ความกว้างของสี่ เหลี่ยมมุมฉากแทนความกว้างของอันตรภาคชั้น และพื้นที่สี่เหลี่ยมมุมฉากแต่ละรู ปแทนความถี่ของอันตรภาคชั้น กำรสร้ ำง ฮีสโทแกรม ควรทำเป็ นขั้นๆดังนี้ หาจุดกึ่งกลางของแต่ละอันตรภาคชั้น จุดกึงกลำงชั้ น เท่ ำกับ ่ ขอบล่าง  ขอบบน 2 ก. ลากส่ วนของเส้นตรงจากจุดกึ่งกลางของแต่ละอันตรภาคชั้นให้ต้ งฉากกับแกนนอน ั ซึ่งเป็ นแกนของตัวแปร X ให้ความสู งเท่ากับความถี่ของคะแนนในแต่ละอันตรภาคชั้นนั้น ข. ใช้ส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดกึ่งกลางของแต่ละอันตรภาคชั้นนี้เป็ นส่ วนสู งและแนวกลางสร้างรู ปสี่ เ หลี่ยมมุมฉากโดยให้ความกว้างของแต่ละรู ปเท่ากับความกว้างของแต่ละอันตรภาคชั้นในกรณี น้ ี กว้างเท่ากันหมดทุกอันตรภาคชั้น คะแนน 1–5 6 – 10 11- 15 16 - 20 รวม ควำมถี่ (f) 4 5 8 3 20 จุดกึงกลำงชั้ น ่ 3 8 13 18 3.2 รู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ คือรู ปหลายเหลี่ยมที่เกิดจากการโยงจุดกึ่งกลางของยอดแท่งสี่ เหลี่ยม มุมฉากของฮีสโทแกรมด้วยส่ วนของเส้นตรง 3.3 เส้นโค้งของความถี่ คือเส้นโค้งที่ได้จากการปรับด้านของรู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ให้เรี ยบขึ้น การปรับด้านของรู ปหลายเหลี่ยมของความถี่ให้เรี ยบขึ้นนี้ ต้องพยายามทาให้พ้ืนที่ภายใต้เส้นโค้งที่ ปรับใหม่มีขนาดใกล้เคียงกับพื้นที่รูปหลายเหลี่ยมของความถี่ให้มากที่สุด
  • 9. 9 8 7 6 5 4 วามถี 3 2 1 0 1 2 3 4 1.1 กำรหำค่ ำกลำงของข้ อมูล ค่ ำกลำงของข้ อมูล คือ ตัวเลขทางสถิติเป็ นค่าที่ได้จากการคานวณหาค่าที่เหมาะสมที่สุด ที่จะทาหน้าที่เป็ นตัวแทนของข้อมูลชุดนั้นซึ่ งช่วยให้สะดวกในกำรจดจำหรื อสรุ ปเรื่ องราวที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้นๆ ได้ ค่ ำกลำงของข้ อมูลทีนิยมใช้ มี ดังนี้ ่ 1.1.1 ค่ ำเฉลียเลขคณิต ( Arithmetic mean ) คือ ่ อัตราส่ วนระหว่างผลรวมของข้อมูลทั้งหมดกับจานวนข้อมูลทั้งหมด แทนด้วยสัญลักษณ์ X และ  เมื่อ X คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของกลุ่มตัวอย่าง (n)  คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของประชากร (N) ค่ ำเฉลียเลขคณิตของข้ อมูลไม่ แจกแจงควำมถี่ ่ ให้ x1 , x2 , x3 , . . . , xN เป็ นข้อมูลแต่ละตัว N  x i = x1 + x2 + x3 . . . + xN i 1 1) ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของประชากร (  ) 2 ) ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของกลุ่มตัวอย่าง ( X ) n N = xi i 1 N , N = จานวนข้อมูลของประชากร X = xi i 1 n ; n = จานวนข้อมูลของตัวอย่าง สมบัติของซิกมำ N หมำยเหตุ สัญลักษณ์  x i แทนผลบวกของตัวแปร x ซึ่ งประกอบด้วยค่าจากการสังเกตทั้งหมด i 1 N จานวน เรี ยกสัญลักษณ์  ว่า ซิ กมา สมบัติของ  ทีควรทรำบมีดังนี้ ่ ถ้า c และ d เป็ นค่าคงตัวใดๆ
  • 10. 10 N 1)  c = Nc i 1 N N i 1 i 1 2)  cxi = c xi N N i 1 i 1 i 1 N N N i 1 i 1 i 1 N 3)  ( xi  y i ) =  xi +  y i 4)  ( xi  yi ) =  xi -  y i ค่ ำต่ ำงๆของ  ทีควรทรำบมีดังนี้ ่ 5 1.  8 = 8 + 8 + 8 + 8 +8 = 5 x 8 = 40 i 1 N N (N 1) 2 i 1 20 เช่น  x i = 20 ( 21 ) = 210 2 i 1 N 3.  i 2 = N ( N  1 )( 2 N  1 ) 6 i 1 2. i = 2 5 3.1 หาผลบวก  xi = 12 + 22 + 32 + 42 + 52 = 1 + 4 + 9 + 16 + 25 = 55 i 1 N = N ( N  1 )( 2 N  1 ) = 3.2 ใช้สูตร  i 2 i 1 N 4.  i i 1 3 5 ( 6 )( 11 ) 6 6 2 N =   i  = N ( N  1 )  2  i 1      = 55 2 N 4.1 หาผลบวก  xi 3 = 13 + 23 + 33 + 43 + 53 = 1 + 8 + 27 + 64 + 125 = 225 i 1 N 4.2 ใช้สูตร ถ้า  xi = 3 i 1 5(6) 2 = N ดังนั้น  xi = 3 i 1 N   xi   i 1  2 = (15)2 = 225 กำหนด ให้ x1 = 1, x2 = 2 , x3 = 3 , x4 = 4 y1 = 6 , y2 = 7 , y3 = 8 , y 4 = 9 และ c = 5 (แนวคิด  x = 1 + 2 + 3 + 4 = 10  y = 6 + 7 + 8 + 9 = 30  x 2 = 12 + 22 + 32 + 42 = 30  y 2 = 62 + 72 + 82 + 92 = 230  xy = 6 + 14 + 24 + 36 = 80 4 ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาค่าของ  ( xi  2) i 1 วิธีทำ 4  ( x i  2) i 1 = 4 4 i 1 i 1  xi   2 = 10 – (4  2 ) =2 4 ตัวอย่ำงที่ 2 จงหาค่าของ  (3xi yi  5 yi ) i 1 4 ตัวอย่ำงที่ 3 จงหาค่าของ  ( x i 3)2 4 i 1 วิธีทำ  ( x i 3)2 =  ( x i 1 4 i 1 2 i  6 xi  9) = 30 – 6(10) + 9(4) = 30 – 60 + 36 = 6 4 ตัวอย่ ำงที่ 4 จงหาค่าของ  ( x i y i )2 i 1
  • 11. 11 4 4 วิธีทำ  (3xi yi  5 yi ) = i 1 4 4 i 1 i 1 i 1 3 xi y i  5 y i ) 4 วิธีทำ  ( x i y i ) =  ( x i 2  2 x i y i  y i 2 ) 2 = 3(80) - 5(30) = 240 – 150 = 90 i 1 = 30 – 2(80) + 230 = 100 ตัวอย่ำงที่ 1 สถำนกำรณ์ นักเรี ยนไปเลือกซื้ อสิ นค้าจากร้านแห่งหนึ่ง จะซื้ อสิ นค้าในข้อใดให้ในรำคำถูกทีสุดโดยใช้กระบวนการของโพลยา ่ ซื้ อน้ ามันพืชขนาด 1 ลิตรในข้อใดรำคำถูกทีสุด ่ ก. ขวดละ 43 บาท ข. 2 ขวด 85 บาท ค. 4 ขวด 168 บาท ง. 6 ขวด 249 บาท ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด น้ ามันพืชขนาด 1 ลิตรในราคาต่างๆกัน 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร ซื้ อน้ ามันพืชขนาด 1 ลิตรในข้อใดรำคำถูกทีสุด ่ ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 โจทย์ให้เลือกซื้ อสิ นค้าในรำคำถูกทีสุด (หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของสิ นค้าหนึ่งหน่ วย) ่ n 2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X = ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน xi i 1 n หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2
  • 12. 12 n x = nX ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ i 1 i ก. ขวดละ 43 บาท (ขวดละ 43 บำท ) ข. 2 ขวด 85 บาท(ขวดละ 42.5 บำท ) ค. 4 ขวด 168 บาท(ขวดละ 42 บำท ) ง. 6 ขวด 249 บาท(ขวดละ 41.50 บำท ) ดังนั้น ควรเลือกซื้ อน้ ามันพืชขนาด 1 ลิตร ในข้อ ง. 6 ขวด 249 บาท (ขวดละ 41.50 บำท ) จึงจะประหยัดที่สุด 1.2 ค่ ำเฉลียเลขคณิตถ่ วงนำหนัก ( Weighted Arithmetic Mean ) ่ ้ การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนักนี้ใช้ในกรณี ที่ขอมูลแต่ละค่ามีความสาคัญไม่เท่ากัน เช่น ้ การหาผลการเรี ยนเฉลี่ยของคะแนนสอบ 4 วิชา ที่แต่ละวิชาใช้เวลาเรี ยนในแต่ละสัปดาห์ไม่เท่ากัน ถ้าให้ w1 ,w2 , w3 , . . . ,w N เป็ นความสาคัญหรื อน้ าหนักถ่วงของค่าจากการสังเกต x1 , x2 , x3 , . . . , xN ตามลาดับ N ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนัก ( X w ) = w1 x1  w2 x2  w3 x3  ...  wN x N w1  w2  w3  ...  wN = w x i 1 N i i w i 1 i ตัวอย่ำงที่ 1 ผลการสอบของ ด.ช. เอ วิชาคณิ ตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ได้ผลการเรี ยนเป็ น 4 , 3 และ 2 ตามลาดับ แต่ละวิชามีหน่วยการเรี ยน 2.5 , 2 และ 1.5 ตามลาดับ จงหาเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด หน่วยการเรี ยนและผลการเรี ยน 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหาเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 โจทย์ให้หาเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ (หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนัก) ถ้าถามหาเกรดเฉลี่ยจะนา 4 3 2 3 = 3 ไม่ได้เพราะ จะเกิดความไม่ยติธรรม ุ เนื่องจากไม่ได้นาหน่วยการเรี ยนของแต่ละวิชามาคิดด้วย N 2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตถ่วงน้ าหนัก ( X w ) = = w x i 1 N i i w i 1 i ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2 ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ n n x w =  w i 1 i i i 1 i 16 = 3.17  6 วิธีทำ ถ้าถามหาเกรดเฉลี่ยจะนา 4 3 2 3 = 3 ไม่ได้เพราะ จะเกิดความไม่ยติธรรม ุ เนื่องจากไม่ได้นาหน่วยการเรี ยนของแต่ละวิชามาคิดด้วย
  • 13. 13 N ต้องหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตแบบถ่วงน้ าหนัก ( X w ) = = w x i 1 N i i w i 1 i ( 2.5  4 )  ( 2  3)  (1.5  2 ) 2.5  2  1.5 = 10  6  3 6 19 = 3.166...  3.17 6 = = ดังนั้นเกรดเฉลี่ย 3 วิชาของ ด.ช. เอ เท่ากับ 3.17 1.3 ค่ ำเฉลียเลขคณิตรวม ( Combined Arithmetic Mean ) ่ ในการวิเคราะห์ขอมูลหลายๆ ชุดที่หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของแต่ละชุดไว้แล้ว ้ หากผูวเิ คราะห์ถามทราบค่าเฉลี่ยของข้อมูลทั้งหมดโดยนับรวมเป็ นชุดเดียวกันก็สามารถหาได้จากค่าเฉลี่ยเลขคณิ ้ ตของข้อมูล แต่ละชุดที่คานวณไว้แล้วกล่าวคือ ถ้าให้ X 1 , X 2 , X 3 , . . . , X k เป็ นค่าเฉลี่ยของข้อมูลชุดที่ 1 , 2, 3 ,…,k ตามลาดับ n1 , n2 , n3 , . . . , nk เป็ นจานวนค่าจากการสังเกตในข้อมูลชุดที่ 1 , 2, 3 ,…,k ตามลาดับ k ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม ( X รวม ) =  ni Xi i 1 k  ni i 1 ตัวอย่ำงที่ 1 ถ้านำหนักเฉลียของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6/1 , 6/2 , 6/3 6/4 และ 6/5 ของโรงเรี ยนแห่งหนึ่งเป็ น ้ ่ 53 , 52 , 50 , 55 และ 50 กิโลกรัมตามลาดับ โรงเรี ยนแห่งนี้มีนกเรี ยนแต่ละชั้นดังกล่าวเป็ น 44 , 47 , 46 , 43 และ 35 ั คน ตามลาดับ จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวมน้ าหนักของนักเรี ยนของมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ทั้งห้าห้องรวมกัน โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา วิธีทำ ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด (ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตและจานวนนักเรี ยน) 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร (ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวมน้ าหนักของนักเรี ยน) ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 โจทย์ให้หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม k 2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม ( X รวม ) =  ni Xi i 1 k  ni i 1
  • 14. 14 ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2 ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ k k  n i X i = X  ni i 1 i 1 11191 = 52.05  215 k  ni Xi i 1 k วิธีทำ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวม ( X รวม ) =  ni = = = i 1 (53  44)  (52  47)  (50  46)  (55  43)  (50  35) 44  47  46  43  35 2332  2444  2300  2365  1750 215 11191 = 52.05 215 ดังนั้น ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตรวมของน้ าหนักของนักเรี ยนของมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เท่ากับ 52.05 กิโลกรัม 1.4 สมบัติทสำคัญของค่ ำเฉลียเลขคณิต ี่ ่ ่ (1) ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตเมื่อคูณกับจานวนข้อมูลทั้งหมด ไม่วาจะเป็ นทั้งประชากรขนาด Nหรื อตัวอย่างขนาด n จะมีค่าเท่ากับผลรวมของข้อมูลทุกๆค่าตามลาดับดังนี้ N  xi = N และ n x = nX i 1 i 1 i (2) ผลรวมของความแตกต่างระหว่างแต่ละค่าของข้อมูลจากค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุ ดนั้นเท่ากับ 0 N  (x กล่าวคือ i 1 i =0  ) และ n  (x i  X) = 0 i 1 (3) ผลรวมของความแตกต่างกาลังสองของแต่ละข้อมูลจากจานวน M ใดๆ จะมีค่าน้อยที่สุด เมื่อ M เท่ากับค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดนั้นกล่าวคือ 2 N น้อยที่สุด M =  และ  ( xi  M ) น้อยที่สุด M = X  (x i 1 n i  M) 2 i 1 สมบัติของค่ ำเฉลียเลขคณิต ่ 1. ถ้าบวกข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม + c 5. ถ้าตัดข้อมูลที่เท่ากับ X ออก1 จานวน X ใหม่ จะเท่าเดิม 2. ถ้าลบข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม - c 6. ถ้าตัดข้อมูลที่นอยกว่า X ออก1 จานวน ้ X ใหม่ จะมากกว่าเดิม 3. ถ้าคูณข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม x c 7. ถ้าตัดข้อมูลที่มากกว่า X ออก1 จานวน X ใหม่ จะน้อยกว่าเดิม
  • 15. 15 4. ถ้าหารข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม  c 1.1.2 กำรหำค่ ำเฉลียเลขคณิตของข้ อมูลที่แจกแจงควำมถี่แล้ ว ่ ถ้าให้ f1 เป็ นความถี่ของค่าจากการสังเกต x1 , f2 เป็ นความถี่ของค่าจากการสังเกต x2 ไปเรื่ อยๆจนถึง fk เป็ นความถี่ของค่าจากการสังเกต xk แล้วค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตคือ = X f1 x1  f2 x 2  f3 x 3  ...  fk x k f1  f2  f3  ...  fk k =  fi x i i 1 k  fi k =  fi x i i 1 N i 1 k เมื่อ N เป็ นจานวนค่าจากการสังเกตทั้งหมด หรื อ N =  fi i 1 xi เป็ นจุดกึ่งกลางของชั้นที่ i , k เป็ นจานวนอันตรภาคชั้น หมำยเหตุ ถ้าเป็ นค่าเฉลี่ยของตัวอย่างที่เป็ นตัวแทนของประชากรยังคงใช้สูตรของค่าเฉลี่ยแบบเดิม แต่เปลี่ยน  เป็ น X และหารด้วย n แทน N ตัวอย่ำงที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์รอบรู้ 5 ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน ดังนี้ คะแนน 1–5 6 – 10 11- 15 16 – 20 ความถี่ (f) 4 5 8 3 จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา วิธีทา ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่ 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ 2.2 กาหนดตัวแปร x แทนจุดกึ่งกลางชั้น และ f แทนความถี่ ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน 3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาจุดกึ่งกลางชั้น(x) และหา fx n  fi x i 3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้สูตรค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X = i 1 n ตารางที่ 1.5 ก หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต คะแนน 1–5 6 – 10 ควำมถี่ (f) 4 5 จุดกึงกลำงชั้ น (x) ่ 3 8 ควำมถี่ xจุดกึงกลำงชั้ น = (f)(x) ่ 12 40
  • 16. 16 11- 15 16 – 20 รวม 8 3 20 13 18 - 104 54 210 n  fi x i ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ( X ) = = i 1 n 210 20 = 10.5 ดังนั้น คะแนนเฉลี่ยของการสอบ เท่ากับ 10.5 คะแนน ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ 4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ( X ) = 10.5 4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบ n nX =  fi x i 20  10.5 = 210 i 1 ั 1.6 ค่ ำเฉลียเลขคณิตวิธีลด ใช้กบข้อมูลที่อนตรภาคชั้นมีค่ามากๆ ่ ั ั ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X = A + i(  ) fd N เมื่อ X คือค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต A คือค่าเฉลี่ยสมมติ (ชั้ นที่มีความถี่สูงสุ ด) i คือความกว้างของอันตรภาคชั้น d  x A i ตัวอย่ำงที่ 2 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นค่าจ้างรายวันของพนักงานบริ ษทแห่งหนึ่งจานวน 200 คน ดังนี้ ั ค่ ำจ้ ำง(บำท) ควำมถี่ (f) 1 – 100 101 – 200 201 – 300 301 – 400 401 – 500 รวม 20 80 50 40 10 200 จุดกึงกลำงชั้น ่ (x) 50.5 150.5 250.5***A 350.5 450.5 - d  -2 -1 0 1 2 - จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X = A + i(  ) แทนค่า วิธีทำ = 250.5 + 100 ( fd N = 250.5 – 30 = 220.5 ดังนั้น ค่าจ้างเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 220.5 บาท x A i  60 200 ) fd - 40 - 80 0 40 20  fd = - 60
  • 17. 17 ตัวอย่ำงที่ 3 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นเงินเดือนของพนักงานทั้งหมดในบริ ษทแห่งหนึ่งแห่งหนึ่งจานวน 100 คน ดังนี้ ั ค่ ำจ้ ำง(บำท) ควำมถี่ (f) 11,000 – 12,999 13,000 – 14,999 15,000 – 16,999 17,000 – 18,999 19,000 – 20,999 รวม 25 20 30 15 10 100 จุดกึงกลำงชั้ น ่ (x) 11,999.5 13,999.5 15,999.5*** 17,999.5 19,999.5 - d  x A i -2 -1 0 1 2 - fd - 50 - 20 0 15 20  fd = - 35 จงหาเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานของบริ ษทแห่งนี้ ั ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต X = A+ i(  แทนค่า วิธีทำ = 15,999.5+ 2000 ( fd N ) = 15,999.5 –700 = 15,299.5 ดังนั้น เงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานเท่ากับ 15,299.5 บาท 35 ) 100 1.7 กำรตรวจสอบคำตอบค่ ำเฉลียเลขคณิตโดยใช้ โปรแกรมเอกซ์ เซลล์ (Excell) ่ กำรใช้ โปรแกรม Excell สำหรับกำรวิเครำะห์ ข้อมูลเบืองต้ น ้ Microsoft Excell เป็ นโปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดการข้อมูลในเรื่ องของตารางได้อย่างดี และมีความสะดวกในการใช้งาน Excell สามารถคานวณได้อย่างแม่นยา ซึ่ งมีจุดเด่นคือ เมื่อค่าที่ใช้เป็ นตัวตั้งในสู ตรคานวณเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณก็จะเปลี่ยนไปเป็ นแบบอัตโนมัติ (ณรงค์ ่ ศรี สมาน.2547 : 102 -103) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ใช้สาหรับการคานวณทางสถิติในปั จจุบนมีอยูหลายโปรแกรม ั เช่น NySCC , SPSS , SAS , STATA ฯลฯ ซึ่ งเป็ นโปรแกรมที่นิยมใช้ โดยแต่ละโปรแกรมมีขอเด่นแตกต่างกันไป ้ แล้วแต่ประเภทหรื อลักษณะของการใช้งานของผูใช้ นอกจากโปรแกรมที่กล่าวข้างต้นแล้ว โปรแกรม Excell ้ ่ ที่มีอยูในMicrosoft Office ซึ่ งเป็ นโปรแกรมที่ใช้ทวๆไปในเครื่ องคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้การวิเคราะห์ขอมูลทางสถิติได้เช่นกัน ั่ ้ มำรู้ จักกับควำมหมำยของคำต่ ำงๆทีใช้ ในโปรแกรม Excell กันเถอะ ่ Row แถว Column หลัก N X i 1 i AVERAGE SUM MAX MIN ผลบวก ค่ ำเฉลีย ่ ผลบวก ค่ ำสู งสุ ด ค่ ำต่ำสุ ด
  • 18. 18 STDEV ส่ วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน 1. หำค่ ำเฉลียเลขคณิตของข้ อมูลกำรใช้ โปรแกรม Excell ่ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดใหม่ที่เกิดจากการนาค่าคงตัวค่าหนึ่ง บวก ลบ คูณและหารข้อมูลชุดเดิม 1. พิมพ์ขอมูลใน Column A1:A10 (นักเรี ยนกาหนดขึ้นมาเอง) ้ 2. นาค่าคงตัวค่าหนึ่ง บวก ลบ คูณและหารข้อมูลชุดเดิม 2.1 นา 5 บวกข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้ ั คลิก Column B1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)+5 แล้วคลิก Enter คลิก Column B1 ลากลงมา ั 2.2 นา 4 ลบข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้ ั คลิก Column C1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)-8 แล้วคลิก Enter คลิก Column C1 ลากลงมา ั 2.3 นา 3 คูณข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้ ั คลิก Column D1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)*3 แล้วคลิก Enter คลิก Column D1 ลากลงมา ั 2.4 นา 2 หารข้อมูลทุกตัว สร้างฟังก์ชนดังนี้ ั คลิก Column E1 สร้างฟังก์ชน= (A1:A10)/5 แล้วคลิก Enter คลิก Column E1 ลากลงมา ั 3. หาค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดใหม่ 3.1 นาลูกศรคลิกที่ fx 3.2 เมื่อปรากฎหน้าต่าง เลือกที่ =AVERAGE(B1:B10) จากนั้นคลิก OK (เปลี่ยน Column ตามช่องตัวอักษรที่สร้างขึ้น) จะได้ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตของข้อมูลชุดใหม่และนักเรี ยนช่วยกันสรุ ปสมบัติของค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต ดังรู ป
  • 19. 19 สรุ ปได้ ดังนี้ (สมบัติของค่ ำเฉลียเลขคณิต) ่ ให้ c เป็ นค่าคงตัวค่าหนึ่ง ; c > 0 1. ถ้าบวกข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม + c 2. ถ้าลบข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม - c 3. ถ้าคูณข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม x c 4. ถ้าหารข้อมูลทุกตัวด้วยค่าคงตัวค่าหนึ่ง c X ใหม่ = X เดิม  c 2. กำรคิดเกรดเฉลียโดยใช้ โปรแกรมExcell ่ 1. พิมพ์ชื่อวิชาใน Column A 2. พิมพ์จานวนหน่วยกิตของแต่ละวิชาใน Column B 3. พิมพ์เกรดที่นกเรี ยนได้ใน Column C ั 4. สร้างฟังก์ชนหาผลคูณคือ =B1:C1 ในช่อง D1 เพื่อให้ได้ผลคูณระหว่างหน่วยกิตกับเกรด แล้วพิมพ์ =B2:C2 ั ในช่อง D2 จากนั้นพิมพ์คล้าย ๆ กันใน D3, D4,…… 5. สร้างฟังก์ชนหาเกรดเฉลี่ยคือ =sum(D1:D…)/ จานวนหน่วยกิตทั้งหมด ั 1.1.2 ตำแหน่ งกึงกลำงข้ อมูล ( มัธยฐำน ) ่ ่ มัธยฐำน ( Median ; Med) คือ ข้อมูลที่อยูตาแหน่งกึงกลำงของข้อมูลทั้งหมด ่ เมื่อเรี ยงข้อมูลจากน้อยไปหามากหรื อ เรี ยงจากมากไปหาน้อย ก. มัธยฐำนของข้ อมูลทียงไม่ แจกแจงควำมถี่ ่ั 1) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร N 1 2 เมื่อ N คือจานวนข้อมูล
  • 20. 20 2) ค่าของมัธยฐาน 1) ถ้า N เป็ นจานวนคี่ แล้ว 2) ถ้า N เป็ นจานวนคู่ แล้ว N 1 2 N 1 2 เป็ นจานวนเต็ม หาค่าได้จากข้อมูล เป็ นทศนิยม ต้องใช้ค่าเฉลี่ยของข้อมูล ตัวอย่ำงที่ 1 ถ้าคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5ของนักเรี ยน 5 คน ดังนี้ 4 , 10 , 12 , 14 , 16 จงหามัธยฐาน วิธีทำ เรี ยงลาดับข้อมูล 4 10 14 12 ตาแหน่ง 1 2 4 3 N 1 2 1) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร = 5 1 2 16 5 เมื่อ N คือจานวนข้อมูล = 3 2) ค่าของมัธยฐาน ตาแหน่งที่ 3 เท่ากับ 12 คะแนน ตัวอย่ำงที่ 2 ถ้าคะแนนสอบวิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5 ของนักเรี ยน 6 คน ดังนี้ 5 , 8 , 11 , 13 , 15 , 16 จงหามัธยฐาน วิธีทำ เรี ยงลาดับข้อมูล 5 8 11 13 ตาแหน่ง 1 2 3 4 N 1 2 1) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร = 6 1 2 15 5 เมื่อ N คือจานวนข้อมูล = 3.5 2) ค่าของมัธยฐาน ตาแหน่งที่ 3.5 เท่ากับ 11  13 2 = 12 คะแนน ข. มัธยฐำนของข้ อมูลที่แจกแจงควำมถี่แล้ ว 1) หาความถี่สะสม (cf ) 2) ตาแหน่งของมัธยฐาน หาได้จากสู ตร 3) ค่าของมัธยฐาน วิธีที่ 1 ใช้ สูตร มัธยฐาน = L + มัธยฐาน = U - i N 2 N   2  cf 1  i   cf 2  cf 1      N    cf 1  2     cf 2  cf 1      เมื่อ N คือจานวนข้อมูล หรื อ ให้ U เป็ นขอบบน และ L เป็ นขอบล่าง ของชั้นที่มีมธยฐาน ั i เป็ นความกว้างของมัธยฐาน N 2 เป็ นตาแหน่งของมัธยฐาน cf1 เป็ นความถี่สะสมของชั้นก่อนตาแหน่งที่มีมธยฐานอยู่ ั cf2 เป็ นความถี่สะสมของชั้นหลังตาแหน่งที่มีมธยฐานอยู่ ั 16 6
  • 21. 21 วิธีที่ 2 ใช้ อตรำส่ วน(ตั้งสั ดส่ วน) ั วงเล็ บเล็ ก วงเล็ บเล็ ก = วงเล็ บใหญ่ วงเล็ บใหญ่ ตัวอย่ำงที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู้ 5 ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน ดังนี้ คะแนน ความถี่(f) 1–5 4 6 – 10 5 11- 15 8 จงหามัธยฐานโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา วิธีทำ ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่ 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหามัธยฐาน ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ 2.2 กาหนดตัวแปร f แทนความถี่ และ cf แทนความถี่สะสม ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน 3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาความถี่สะสม 3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้วธีต้ งอัตราส่ วน ิ ั ตารางที่ 2.2 ก หามัธยฐาน คะแนน 1–5 6 – 10 11- 15 16 - 20 รวม ควำมถี่ (f) 4 5 8 3 20 ควำมถี่สะสม (cf) 4 9 17 20 1. หาความถี่สะสม 2. ตาแหน่งของมัธยฐาน = N 2 = 20 2 = 10 ่ ั 3. ค่าของมัธยฐาน (พิจารณาที่ความถี่สะสม) อยูที่อนตรภาคชั้น 6 – 10 9 x 10 11 – 15 17 อันตรภาคชั้น 6 – 10 ขอบบนเท่ากับ 10.5 ให้ x เป็ นค่าของมัธยฐาน วงเล็ บเล็ ก = วงเล็ บใหญ่ x  10 . 5 15  10 วงเล็ บเล็ ก วงเล็ บใหญ่ = 10  9 17  9 16 – 20 3
  • 22. 22 x – 10.5 = 1 5 8 = 0.625 x = 10.5 + 0.625 = 11.125  11.13 ดังนั้นมัธยฐานของคะแนนสอบเท่ากับ 11.13 คะแนน ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ 4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม มัธยฐาน = 11.13 4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบใช้สูตร มัธยฐาน = L + i N   2  cf 1     cf 2  cf 1      = 10.5 + 5 10  9    17  9  = 10.5 + 0.625 = 11.125  11.13 ดังนั้นมัธยฐานคะแนนสอบของนักเรี ยน  11.13 คะแนน สมบัติของมัธยฐำน สมบัติขอหนึ่งทีสาคัญของมัธยฐานคือ ผลรวมของค่ ำสั มบูรณ์ ของผลต่ ำงระหว่ ำงข้ อมูลแต่ ละค่ ำ ้ กับมัธยฐำนของข้ อมูลชุ ดนั้นจะมีค่ำน้ อยทีสุด ่ N  | XI - มัธยฐาน | มีค่าน้อยสุ ด i 1 ถ้าแทนค่ามัธยฐานด้วยจานวนอื่นจะได้ผลรวมมากกว่าหรื อเท่ากับค่านี้ เสมอ เช่น ถ้ากาหนดข้อมูล 3 , 4 , 6, 13 , 8 , 2 ข้อมูลชุดนี้มีมธยฐานเท่ากับ 5 ั N | i 1 Xi 5 | = | 3 - 5 | + | 4 - 5 | + | 6 – 5 | + | 13 – 5 | + | 8 – 5 | +| 2 – 5 | = 18 แต่ถาเปลี่ยน 5 เป็ นจานวนอื่น เช่น 7 หรื อ 9 จะได้ผลรวมเป็ น 20 และ 26 ตามลาดับ ้ ถ้าเปลี่ยน 5 เป็ น 6 จะได้ผลรวมเป็ น 18 นันคือถ้าแทนค่ามัธยฐานด้วยจานวนอื่น จะได้ผลรวมมากกว่าหรื อเท่ากับใช้มธยฐาน ั ่ 1.1.3 ศูนย์ รวมควำมนิยม ( ฐำนนิยม ) ฐำนนิยม ( Mode : Mod ) คือ ค่าของข้อมูลที่มีความถี่สูงสุ ด หรื อมีความนิยมมากที่สุด ใช้เป็ นค่ากลางของข้อมูลอีกชนิดหนึ่งนอกเหนื อจากค่าเฉลี่ยเลขคณิ ตและมัธยฐานที่ได้กล่าวมาแล้วส่ วนมากฐานนิยม ั จะใช้กบข้อมูลเชิงคุณภาพมากกว่าข้อมูลเชิงปริ มาณ ฐานนิยมเหมาะที่จะนามาใช้เป็ นค่ากลางเมื่อข้อมูลนั้นๆเป็ นค่ามาตรฐาน เช่น ขนาดรองเท้า ขนาดยางรถยนต์ ฯลฯ ่ ้ หรื อข้อมูลที่แจกแจงความถี่แล้วตามกลุ่มหรื อช่วงต่างๆและโดยเฉพาะเมื่อข้อมูลที่มีค่าสู งหรื อต่าผิดปกติรวมอยูดวย ก. กำรหำฐำนนิยมของข้ อมูลทีไม่ ได้ แจกแจงควำมถี่ ่ ่ ่ ั ฐานนิยมของข้อมูลชนิดนี้หาได้จากการดูวาข้อมูลค่าใดจากข้อมูลทั้งหมดที่มีอยูท้ งหมดมี ความถี่สูงสุ ดหรื อปรากฏบ่อยครั้งที่สุด ข้อมูลนั้นจะเป็ นฐานนิยมของข้อมูลชุดนั้น ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาฐานนิยมของข้อมูลต่อไปนี้
  • 23. 23 ข้ อมูล 1) 4 , 4 , 5 , 5 , 6 , 5 2) 5 , 6 , 7 , 8 , 9 ,10 3) 4 , 5 , 5 , 6 , 6, 7 4) 10 , 15 , 10 , 5 , 20 , 20 , 10 , 12 5) 15 , 14 , 14 , 17 , 15 , 14 , 14 ฐำนนิยม 5 ไม่มี 5 และ 6 10 14 หมำยเหตุ 5 มีความถี่ เท่ากับ 3 มากที่สุด ข้อมูลทุกตัวมีความถี่ เท่ากับ 1 อาจถือว่าไม่มีฐานนิยม 10 มีความถี่ เท่ากับ 3 มากที่สุด 14 มีความถี่ เท่ากับ 4 มากที่สุด การสารวจความนิยมในการเลือกใช้ยาสระผม 3 ชนิด โดยการสอบถามว่าชนิดไหนขายดีกว่ากัน เรี ยกว่า ฐำนนิยม ข. กำรหำฐำนนิยมของข้ อมูลทีแจกแจงควำมถี่แล้ ว ่  d  = L+  1  i  d1  d 2  L เป็ นขอบล่ำง ของชั้นทีมีฐำนนิยม ่ d1 = ผลต่ ำงของควำมถี่ระหว่ ำงชั้นทีมีฐำนนิยมกับชั้นทีมีค่ำต่ำกว่ำ ่ d2 = ผลต่ ำงของควำมถี่ระหว่ ำงชั้ นทีมีฐำนนิยมกับชั้ นทีมีค่ำสู งกว่ ำ ่ ฐานนิยม ( Mo) ตัวอย่ำงที่ 2 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 ของนักเรี ยน 20 คน ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ดังนี้ คะแนน 1–5 6 – 10 11- 15 16 – 20 ความถี่(f) 4 5 8 3 จงหา 1. ฐานนิยม(โดยประมาณ) 2. ฐานนิยมของคะแนนสอบของนักเรี ยนทั้ง 20 คน โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา วิธีทำ ตารางที่ 3.2 ก ฐานนิยม คะแนน ควำมถี่ (f) 1–5 4 6 – 10 5 11- 15 8 16 - 20 3 รวม 20 วิธีที่1 ฐานนิยม(โดยประมาณ) ่ อันตรภาคชั้นที่มีฐานนิยมอยูคือ อันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด คือ 11 – 15
  • 24. 24 ฐานนิยมคือ จุดกึ่งกลางชั้นอันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด = ดังนั้นฐานนิยมคะแนนโดยประมาณ คือ 13 คะแนน 11 15 = 13 2 วิธีที่ 2 ฐานนิยมโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่ 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถาม จงหาฐานนิยม ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ 2.2 กาหนดตัวแปร L เป็ นขอบล่าง ของชั้นที่มีฐานนิยม d1 = ผลต่างของความถี่ระหว่างชั้นทีมีฐานนิยมกับชั้นที่มีค่าต่ากว่า d2 = ผลต่างของความถี่ระหว่างชั้นทีมีฐานนิยมกับชั้นที่มีค่าสู งกว่า ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน 3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาขอบล่าง (L) 3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้วธีใช้สูตร ิ  d  ฐานนิยม ( Mo) = L +  1  i  d1  d 2  ่ เนื่องจากความกว้างของอันตรภาคชั้นเท่ากันทุกชั้น ดังนั้นอันตรภาคชั้นที่มีฐานนิยมอยูคือ อันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด คือ 11 – 15 ขอบล่าง (L) = 10.5 ฐานนิยม ( Mo)  d  = L+  1  i  d1  d 2  d1 = 8 – 5 , d2 = 8 - 3 แทนค่า ฐานนิยม ( Mo) = 10.5 +   3   3  5  5 = 10.5 + 1.875 = 12.38 ดังนั้นฐานนิยมคะแนนของนักเรี ยน เท่ากับ 12.38 คะแนน ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ 4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม ฐานนิยม = 12.38 4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบ อันตรภาคชั้นที่มีฐานนิยมอยู่ คือ อันตรภาคชั้นที่มีความถี่สูงสุ ด คือ 11 – 15 ่ ั ฐานนิยม = 12.38 ซึ่ งอยูอนตรภาคชั้น 11 – 15 1.1.4 ชื่นชมควำมสำเร็จ ( ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิก ) ่ ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิก ( harmonic mean ) ่ ก. ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิกของข้ อมูลไม่ แจกแจงควำมถี่ ่ เป็ นค่ากลางที่เหมาะสมกับข้อมูลที่เป็ นอัตราส่ วน เช่น ระยะทางต่อเวลา จานวนครั้งต่อเวลา ถ้า X1 , X2 , X3 , . . . , XN เป็ นข้อมูล N จานวนซึ่งเป็ นจานวนบวกทุกจานวน
  • 25. 25 H.M. = 1 1 1 1 1 1 {    ...  } N X1 X 2 X3 XN = N N 1 X i 1 i ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิกของข้อมูล 2 , 4 , 8 วิธีทำ ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. = N N 1 X i 1 i 3 1 1 1   2 4 8 3 = 24 7 7 8 = = = 3.43 ตัวอย่ำงที่ 2 ชายคนหนึ่งขับรถจากเมือง ก ไปเมือง ข โดยวันที่หนึ่งขับรถด้วยความเร็ ว 30 กิโลเมตร/ชัวโมง วันที่สองขับด้วยความเร็ ว 40 กิโลเมตร/ชัวโมง วันที่สามขับด้วยความเร็ ว ่ ่ 60 กิโลเมตร/ชัวโมงโดยเฉลี่ยแล้วเขาขับรถด้วยความเร็ วเท่าไร โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ่ ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนดอะไรให้บาง (ความเร็ วและจานวนวันที่ขบรถ) ้ ั 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร โดยเฉลี่ยแล้วเขาขับรถด้วยความเร็ วเท่าไร (ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก) ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 โจทย์ให้หาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก N 2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. = N 1 X i 1 i ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน หาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2 ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ N N = H.M.  1 x i 1 i ่ วิธีทำ ข้อมูลชุดนี้กาหนดให้อยูในรู ประยะทางต่อเวลาหรื อความเร็ ว คือ 30 , 40 , 60 เราต้องพิจารณาผลงานต่อหนึ่งหน่วยเวลา ค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมคือ ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. = N N i 1 = 1 X i 3 1 1 1   30 40 60
  • 26. 26 3 9 120 = = 3 120 9 = 40 ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเขาขับรถด้วยความเร็ ว 40 กิโลเมตร/ชัวโมง ่ ตัวอย่ำงที่ 3 ในโรงงานแห่งหนึ่งนาย ก ทางานหนึ่งหน่วยแล้วเสร็ จในเวลา 2 นาที นาย ข นาย ค นาย ง และนาย จ ทางานหน่วยเดียวกันนี้เสร็ จใน 3 , 4 , 6 และ 12 นาทีตามลาดับ จงหาค่าเฉลี่ยของอัตราการทางานของคนทั้ง 5 คน และจงหาว่า ใน 5 ชัวโมง ทั้ง 5 คน จะทางานได้รวมกันทั้งหมดกี่หน่วย ่ ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนดอะไรให้บาง (เวลาที่ใช้ทางานหนึ่งหน่วยและจานวนคนที่ทางาน) ้ 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหา 1. ค่าเฉลี่ยของอัตราการทางาน (ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก) 2. ทางานได้รวมกันทั้งหมดกี่หน่วย ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 โจทย์ให้หาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก N 2.2 ใช้สูตรค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. = N 1 X i 1 i ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน แสดงวิธีการหาคาตอบจากสู ตรในข้อ 2.2 ่ วิธีทำ ข้อมูลชุดนี้กาหนดให้อยูในรู ปเวลาที่ใช้ต่องานหนึ่งหน่วยเวลา คือ 2 , 3 , 4 , 6 , 12 เราต้องพิจารณาผลงานต่อหนึ่งหน่วยเวลา ค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมคือ ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก H.M. = N N 1 X i 1 5 1 1 1 1 1     2 3 4 6 12 = i 5 5 12 12 = 6  4  3  2  1 = 16 5 4 3 = ดังนั้น อัตราการทางานเฉลี่ยของคนทั้ง 5 คน คือ 3 3 4 ใน 5 ชัวโมง หรื อ 300 นาที คนทั้ง 5 คน จะทางานได้ ่ = N N = H.M.  1 x i 1 5 = 15 4  4 3 4.4 ค่ ำเฉลียฮำร์ มอนิกของข้ อมูลแจกแจงควำมถี่ ่ k ในกรณี ที่ Xi มีความถี่ fi และ  f i = N i 1 15 4 i = นาทีต่อหนึ่งหน่วย 5  300 15 4 5 300  4 = 400 หน่วย 15 ทั้ง 5 คน ทางานได้รวมกันทั้งหมด 400 หน่วย ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ 3 4 = 5 = 3 3 4
  • 27. 27 H.M. = 1 = 1 1 1 1 1 { f1 f2 f3  ...  f k } N X1 X2 X3 Xk N f  Xi i 1 i k ตัวอย่ำงที่ 4 ข้อมูลต่อไปนี้ เป็ นคะแนนสอบกลางภาควิชาคณิ ตศาสตร์ รอบรู ้ 5 ซึ่งมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน ของนักเรี ยน 20 คน ดังนี้ คะแนน 1–5 6 – 10 11- 15 4 5 8 ความถี่ (f) จงหาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา วิธีทา ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปั ญหา 1.1 สิ่ งที่โจทย์กาหนด คะแนนและความถี่ 1.2 สิ่ งที่โจทย์ถามหาอะไร จงหาค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก ขั้นที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหา 2.1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ 2.2 กาหนดตัวแปร x แทนจุดกึ่งกลางชั้น และ f แทนความถี่ ขั้นที่ 3 ดาเนินการตามแผน 3. 1 สร้างตารางแจกแจงความถี่ หาจุดกึ่งกลางชั้น(x) และหา 16 – 20 3 f x 3.2 แสดงวิธีการคานวณคาตอบ ใช้สูตร คะแนน ควำมถี่ (f) ตารางที่ 4.5ก จุดกึงกลำงชั้ น (x) ่ 1–5 4 3 6 – 10 5 8 11- 15 8 13 16 - 20 3 18 รวม 20 - ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิก ( H.M.) = N f  Xi i 1 i = k 20 2 . 75 f x 4 3 5 8 8 13 3 18 = 1.33 = 0.63 = 0.62 = 0.17 4 f  = 2.75 i 1 x = 7.27 ดังนั้นค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิกของคะแนนสอบเท่ากับ 7.27 คะแนน ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้ 4.1 เขียนคาตอบที่โจทย์ถาม ค่าเฉลี่ยฮาร์ มอนิกของคะแนนสอบเท่ากับ 7.27 คะแนน 4.2 แสดงวิธีการตรวจผลของคาตอบ N = H.M.  f x 20 = 7.27  20 i 1 11 4 = 19.99  20 ใบควำมรู้ 1ก ทบทวนกำรหำค่ ำลอกำริทม ึ 1. สมบัติของลอกฐำนสิ บ ถ้ ำ M , N  R+ และ k  R
  • 28. 28 1. log (M  N) = M 2. log = N 3. log Mk = 4. log 10 = 5. log 1 = ตัวอย่ำงที่ 1 ให้ log 2 = 0.3010 1. log 6 = log (2 3 ) = log 2 + log 3 = 0.3010 + 0.4771 = 0.7781 10 2. log 5 = log     2 log M + log N log M - log N k log M 1 0 log 3 = 0.4771 จงใช้ ค่ำของ log 2 และ log 3 ประมำณค่ ำของ log ต่ อไปนี้ 4. log 9 = log 32 = 2log 3 = 2(0.4771) = 0.9542 5. log 10 = 1 = log 10 – log 2 6. log 1 = log 100 = 1 - 0.3010 = 0log 10 = 0.6990 =0 3 3. log 8 = log 2 = 3log 2 = 3(0.3010) = 0.9030 2. ฝึ กเปิ ดตำรำงลอก log 3.62 = 0.5587 log 7.43 = 0.8710 3. กำรหำค่ ำของ log ( N0  10n ) = log N0 + n log 10 = log N0 + n N0 เรียกว่ำ แมนติสซำ (mantissa) และ n เรียกว่ำ คำแรคเตอริสติค (characteristics) ตัวอย่ำงที่ 3.1 จงหาค่าของ log 135 ตัวอย่ำงที่ 3.2 จงหาค่าของ log 0.0415 วิธีทำ log 135 = log ( 1.35  102 ) วิธีทำ log 0.0415= log (4.15  10-2 ) = log 1.35 + log 102 = log 4.15 + log 10-2 = log 1.35 + 2 log 10 = log 4.15 - 2log 10 = log 1.35 + 2 = log 4.15 - 2 = 2 + log 1.35 = - 2 + log 4.15 = 2 + 0.1303 = - 2 + 0.6180 = 2.1303 = - 1.3820 กำรประมำณจำนวนจริง ตัวอย่ำงที่ 3.3 จงหาค่าของ log 4.136 วิธีที่ 1 เทียบบัญญัติไตรยางศ์ เนื่องจาก log 4.136 ไม่มีในตารางลอกต้องเปิ ดตารางลอกหาค่าใกล้เคียง 2 ค่า คือ log 4.13 = 0.6160 log 4.14 = 0.6170 ประมำณค่ ำ ด้ วยวิธีทียบบัญญัติไตรยำงศ์ ดังนี้ จานวนจริ งเพิ่ม 4.13 – 4.14 = 0.01 ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม 0.6170 - 0.6160 = 0.001
  • 29. 29 จานวนจริ ง 4.136 - 4.13 = 0.0006 ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม ่ จะได้วา log 4.136  0.6160 + 0.0006  0.6166 วิธีที่ 2 ใช้อตราส่ วน ั จานวนจริ ง ค่าจานวนจริ งของลอก log 4.13 = 0.6160 log 4.136 = x log 4.14 = 0.6170 x  0.6160 = 0.6170  0.6160 x – 0.6160 = 0.001  0.0006 = 0.0006 0.01 4.136  4.13 4.14  4.13 0.006  0.001 0.01 x – 0.6160 = 0.0006 x = 0.6160 + 0.0006 = 0.6166 ดังนั้น log 4.136 = 0.6166 4. กำรหำ antilogarithm ของ log N กำรหำค่ ำของ N ตัวอย่ำงที่ 4.1 ให้ log N = 3.7340 จงหาค่า N ตัวอย่ำงที่ 4.2 ให้ log N = - 2.1720 จงหาค่า N วิธีทำ log N = 3.7340 วิธีทำ log N = - 2.1720 = 3 + 0.7340 = - 2 - 0.1720 + 1 - 1 = 3 + log 5.42 = 0.8280 - 3 = log 5.42 + log 103 = log 6.73 + log 10- 3 log N = log (5.42  103) = log (6.73  10-3) antilog N = 5.42  103 = 5420 antilog N = 6.73  10-3 = 0.00673 ตัวอย่ำงที่ 4.3 log Y = 2.1313 จงหาค่า Y วิธีที่ 1 เทียบบัญญัติไตรยำงศ์ วิธีทำ log Y = 2.1313 = 2 + 0.1313 ให้ log M = 0.1313 ไม่ตรงในตารางลอกต้องเปิ ดตารางลอกหาค่าใกล้เคียง 2 ค่า คือ log 1.35 = 0.1303 log 1.36 = 0.1335 ประมำณค่ ำ ด้ วยวิธีทียบบัญญัติไตรยำงศ์ ดังนี้ ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม 0.1335- 0.1303 = 0.0033 จานวนจริ งเพิ่ม 1.36 – 1.35 = 0.01 0.01  0.0010 ค่าจานวนจริ งของลอกเพิ่ม 0.1313 - 0.1303 = 0.0010 จานวนจริ งเพิ่ม 0.0033 = 0.00303  0.003 ่ จะได้วา log M  1.35 + 0.003  1.353
  • 30. 30 = 2 + log 1.353 = log 1.353 + log 102 = log (1.353  102) antilog Y = 1.353  102 = 135.3 ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผลที่ได้โดยการประมาณค่าลอก ใช้อตราส่ วน ั ตัวอย่ำง 4.3 log Y = 2.1313 จงหาค่า Y วิธีที่ 2 ใช้อตราส่ วน กำรประมำณจำนวนจริงของลอก (log M ) ั จานวนจริ ง ค่าจานวนจริ งของลอก log 1.35 = 0.1303 log M = 0.1313 log 1.36 = 0.1335 ใช้ อตรำส่ วน ั M  1.35 1.36  1.35 M  1.35 0.01 = M  1.35 = M  1.35 M = =  0.1313  0.1303 0.1335  0.1303 0.0010 0.0033 0.0010  .01 0.0033 0.00303  1.35  0.003 0.003  1.353 ใบงำน 1ก ประมำณค่ ำของ log 1. ให้ log 2 = 0.3010 log 3 = 0.4771 จงใช้ ค่ำของ log 2 และ log 3 จงประมำณค่ ำของ log ต่ อไปนี้ 1. log 6 =……………………………. 2. log 5 =……………………………. 3. log 8 =……………………………. 4. log 9 =……………………………. 5. log 100 =……………………………. 6. log 1 =……………………………. 2. จงเปิ ดตำรำงหำค่ ำของ log ต่ อไปนี้ 1. log 2.48 = ………………… 2. log 3.4 =…………………… 3. log 4.62 =…………………… 4. log 5.37 =…………………… 5. log 6.59 =…………………… 6. log 7.15 =…………………… 7. log 8.23 =…………………… 8. log 9.09 =…………………… 9. log 5.426 =…………………… 10. log 8.125 =…………………… 3. จงหำค่ ำของ log ต่ อไปนี้ 1. log 421 =…………………………. 2. log 3570 =…………………………. 3. log 0.0432 =………………………….
  • 31. 31 4. log 0.00786 =…………………………. 4. จงหาค่า N (antilogarithm ของ log N ) 1. log N = 1.9212 ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………….. ………………………………………………… ……………………………………………….. 3. log N = - 1.2125 ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………….. ………………………………………………… ……………………………………………….. 2. log N = 3.4564 ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………….. ………………………………………………… ……………………………………………….. 4. log N = - 2.1630 ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………….. ………………………………………………… ……………………………………………….. 1.1.5 เสร็จสิ้นด้ วยค่ ำรำกหรือค่ ำลอกฯ ( ค่ ำเฉลียเรขำคณิต geometric mean ) ่ ก. ค่ ำเฉลียเรขำคณิตของข้ อมูลทีแจกแจงไม่ ควำมถี่ ่ ่ ถ้า X1 , X2 , X3 , . . . , XN เป็ นข้อมูล N จานวนซึ่งเป็ นจำนวนบวกทุกจานวน และไม่มีจานวนใดจานวนหนึ่งมีค่าเท่ากับ 0 ค่าเฉลี่ยเรขาคณิ ต G.M. = N X1 X 2 X 3 ... X N ……สู ตรที่ 1 1 N log G.M. =  log X i …….สู ตรที่ 2 N i1 G.M. = n x = 1 xn 1 log x n log G.M. = ตัวอย่ำงที่ 1 จงหาค่าเฉลี่ยเรขาคณิ ตของข้อมูล 2 , 8 , 32 , 128 วิธีทำ สู ตรที่ 1 จาก G.M. = N X1 X 2 X 3 ... X N = 4 2 832 128 = 4 2 16 = 24 = 16 1 N วิธีทำ สู ตรที่ 2 log G.M. =  log X i N i1 = = log G.M. = 1 (log 2  log 8  log 32  log 128) 4 1 (0.3010  0.9031  1.5051  2.1072) 4 1 (4.8164) = 1.2041 = 0.2041 + 1 4