More Related Content
Similar to บทที่ 1 5 (20)
บทที่ 1 5
- 2. 2
บทที่ 2
เอกสำรที่เกี่ยวข้อง
ใ น ก ำ ร ท ำ โ ค ร ง ง ำ น ค รั้ ง นี้
ได้ศึกษำควำมรู้พื้นฐำนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยจำกแหล่งควำมรู้
เพื่อเป็นพื้นฐำนในกำรทำโครงงำน โดยได้ศึกษำในหัวข้อต่อไปนี้
2.1 สถิติและข้อมูล
สถิติเป็ นศำสตร์ที่ใช้เป็ นเครื่องมือช่วยในกำรตัดสินใจอย่ำงมีเหตุผล
กำรแก้ปัญหำส่วนใหญ่มีควำมจำเป็นที่ต้องใช้กำรกระทำกับหลักฐำนที่เป็ นข้อมูล
ซึ่งอำจจะเป็ นข้อมูลเชิงปริมำณหรือเชิงคุณภำพ โดยกำรเก็บรวบรวมข้อมูล
กำรนำเสนอข้อมูล กำรวิเค รำะห์โด ย ใช้ห ลักกำรทำงค ณิต ศ ำสต ร์
และกำรนำผ ลกำรวิเครำะห์มำสรุป ในที่นี่จะนำเสนอตัวอย่ำง ปัญห ำ
หรือกรณีที่เกี่ยวข้องกับกำรใช้สถิติในชีวิตประจำวัน
2.2 ควำมหมำยของสถิติ
ค ำ ว่ำ ส ถิติ ( Statistics) ม ำ จ ำ ก ภ ำ ษ ำ เ ย อ ร มัน ว่ำ Statistik
มี ร ำ ก ศั พ ท์ ม ำ จ ำ ก Stat ห ม ำ ย ถึ ง ข้ อ มู ล ห รื อ ส ำ ร ส น เ ท ศ
ซึ่งจะอำนวย ประโย ช น์ ต่อกำรบ ริห ำร ปร ะเทศ ใ นด้ำนต่ำง ๆ เช่น
กำรทำสำมะโนครัว เพื่อจะทรำบจำนวนพลเมืองในประเทศทั้งหมด ในสมัยต่อมำ
คำว่ำ สถิติ ได้หมำยถึง ตัวเลขหรือข้อมูลที่ได้จำกกำรเก็บรวบรวม เช่น
จำนวนผู้ประสบอุบัติเห ตุบนท้องถนน อัต รำกำรเกิด ข องเด็กทำ รก
ป ริ ม ำ ณ น้ ำ ฝ น ใ น แ ต่ ล ะ ปี เ ป็ น ต้ น
สถิติในควำมหมำยที่กล่ำวมำนี้เรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ ข้อมูลทำงสถิติ (Statistical
data)อีกควำมหมำยหนึ่ง สถิติหมำยถึง วิธีกำรที่ว่ำด้วยกำรเก็บรวบรวมข้อมูล
กำรนำเสนอข้อมูล กำรวิเครำะห์ข้อมูล และกำรตีค วำมหมำย ข้อ มูล
สถิติในควำมหมำยนี้เป็นทั้งวิทยำศำสตร์และศิลปศำสตร์ เรียกว่ำ "สถิติศำสตร์"
สถิติมีควำมหมำยได้ 2 อย่ำง คือ
1.ในแง่ของศำสตร์หมำยถึง
- 3. 3
1.1 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล (collection of data) เมื่อกำหนดในขั้นที่ 1
แ ล้ ว ว่ ำ จ ะ น ำ อ ะ ไ ร ม ำ เ ป็ น ข้ อ มู ล
ก็จะทำกำรรวบรวมตำมวิธีกำรทำงสถิติซึ่งจะได้กล่ำวต่อไป
2 .1 ก ำ ร น ำ เ ส น อ ( Presentation of
data)เ มื่ อ ร ว บ ร ว ม ไ ด้ แ ล้ ว ก็ จ ะ น ำ ม ำ แ ส ด ง ใ ห้ ค น เ ข้ ำ ใ จ
ซึ่งอำจจะแสดงในรูปตำรำงสถิติ เป็นรูปภำพ หรือเป็นแบบเส้นโค้ง
3 . 1 ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ข้ อ มู ล ( Analysis of
data)เมื่อได้ข้อมูลตำมต้องกำรก็จะนำมำวิเครำะห์ ซึ่งอำจจะอยู่ในรูป ค่ำเฉลี่ย
ค่ำร้อยละ ค่ำสัดส่วน หรือค่ำใด ๆ ตำมแต่จะกำหนดไว้ในขั้นตอนที่ 1 5.
ก ำ ร ตี ค ว ำ ม ( Interpretation of data) เ ป็ น ขั้ น ต อ น สุ ด ท้ ำ ย คื อ
ก ำ ร ส รุ ป ผ ล ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ใ น ขั้ น ต อ น ที่ 4 ร ว ม ถึ ง
กำรนำผลที่ได้ไปอ้ำงอิงใช้กับส่วนอื่น ๆ ด้วย
2. ในกรณีเป็นตัวเลข หมำยถึง ตัวเลขต่ำง ๆ อำทิ จำนวนนิสิตที่ลงทะเบียนเรียน
วิ ช ำ ส ถิ ติ 422101 ป ร ะ จ ำ ภ ำ ค ต้ น ปี 2540 - 41 จ ำ น ว น
ประชำชนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง จำนวนทำรกแรกเกิด ในรอบเดือน
จำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ในรอบเดือน หรือจำนวนชำยไทยวัย 21 ปี
ในวันที่ 1 เมษำยน 2540 เป็นต้น
2.3 ประเภทของสถิติ
2.3.1 ส ถิ ติ เ ชิ ง พ ร ร ณ น ำ ( Descriptive
Statistics)เป็นสถิติเกี่ยวกับกำรวิเครำะห์ข้อมูลหรือกำรนำเสนอข้อมูลในรูปแบ
บของตำรำง แผนภูมิ แผนภำพ หรือคำอธิบำยกำรจัดเก็บข้อมูลต่ำงๆ
เพื่อแสดงควำมหมำยในเชิงจำนวนหรือปริมำณของสิ่งต่ำงๆ เช่น เพศ ควำมสูง
อำยุ น้ำหนัก รำยได้ เป็ นต้น หรืออำจแสดงควำมหมำยในเชิงคุณภำพ เช่น
เ จ ต ค ติ ต่ อ วิ ช ำ ชี พ ก ำ ร นั บ ถื อ ศ ำ ส น ำ เ ป็ น ต้ น
ก ำ ร น ำ ข้ อ มู ล เ ห ล่ ำ นี้ ม ำ จั ด จ ำ แ น ก ต ำ ม ป ร ะ เ ภ ท ลั ก ษ ณ ะ
และจุดมุ่งหมำยที่ผู้วิจัยต้องกำรทรำบในรูปแบบของแผนภูมิหรือแผนภำพต่ำงๆ
ก่อนตีควำมหมำยเพื่อให้เข้ำใจควำมหมำยในธรรมชำติและลักษณะของข้อมูลเห
ล่ำนั้น สถิติเชิงพรรณนำจึงเป็ นเพียงวิธีกำรหำข้อสรุปจำกข้อมูลเท่ำนั้น
ไม่มีเทคนิคพิเศษอะไรที่จะนำมำช่วยในกำรตีควำมหมำยแต่อย่ำงใด
2.3.2 ส ถิ ติ เ ชิ ง อ นุ ม ำ น ( Inferential
Statistics)เ ป็ น เ ท ค นิ ค ก ำ ร แ ก้ ปั ญ ห ำ อี ก ร ะ ดั บ ห นึ่ ง
ที่ มี ค ว ำ ม ยุ่ ง ย ำ ก ก ว่ ำ ส ถิ ติ เ ชิ ง พ ร ร ณ น ำ
แ ล ะ ไ ม่ใ ช้ ส ำ มัญ ส ำ นึ ก อ ย่ ำ ง ที่ ใ ช้ ใ น วิธี ก ำ ร ข อ ง ส ถิติพ ร ร ณ น ำ
- 4. 4
วิธี ก ำ ร ท ำ ง ส ถิติเชิ งอ นุ ม ำน จึงเ ป็ น วิธี ข อ ง ก ำร ห ำข้อ ส รุ ป ( Infer)
จำกข้อมูลจำนวนมำกของประชำกรที่ได้จำกกำรศึกษำข้อมูลจำนวนน้อยๆ
ข อ ง ก ลุ่ ม ตัว อ ย่ ำ ง ที่ ไ ด้ จ ำ ก ก ำ ร สุ่ ม ม ำ จ ำ ก ป ร ะ ช ำ ก ร ก ลุ่ ม นั้ น
ตั ว อ ย่ ำ ง เ ช่ น ผู้ บ ริ ห ำ ร ต้ อ ง ก ำ ร ท ร ำ บ ว่ ำ
ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ของนักเรียนชำยและหญิงที่กำลังศึกษำอ
ยู่ ใ น ชั้ น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ ำ ปี ที่ 6
ของโรงเรียนในจังหวัดที่สังกัดสำนักสำนักงำนคณะกรรมกำรประถมศึกษำแห่งช
ำติ มีควำมแตกต่ำงกันหรือไม่ จึงได้ทำกำรสุ่มเลือกนักเรียนชันประถมศึกษำปี ที่
6 จ ำ น ว น 8 6 0 ค น เ พื่ อ ท ำ แ บ บ ท ด ส อ บ วิ ช ำ ค ณิ ต ศ ำ ส ต ร์
จำกนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มำวิเค รำะห์โดยใช้กำรเปรีย บเทียบค่ำเ ฉ ลี่ย
ผ ล ที่ ไ ด้ จ ำ ก ก ำ ร ศึ ก ษ ำ กั บ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ ำ ง 8 6 0 ค น
สำมำรถนำไปอธิบำยนักเรียนทั้งจังหวัดได้ จุดมุ่งหมำยของสถิติอนุมำน คือ
กำรศึกษำคุณสมบัติของประชำกรโดยใช้ควำมรู้ที่ได้จำกกำรศึกษำกับกลุ่มตัวอย่ำ
งที่สุ่มมำจำกประชำกรกลุ่มเดียวกัน สถิติอนุมำนยังแบ่งออกได้เป็น 2ประเภท คือ
1. ส ถิติอ นุ ม ำ น แ บ บ ดั้ง เดิม ( Classical Inferential Statistics)
เป็ นสถิติอนุ ม ำน ที่ใ ช้ข้อมู ล ที่ ได้จำ ก ก ลุ่มตัว อย่ำง ใน ก ำ รค ำ น ว ณ
และประมำณค่ำสถิติต่ำงๆ
2 . ส ถิติอ นุ ม ำ น แ บ บ เ บ ย์ ( Bayesian Inferential Statostics)
เป็นสถิติอนุมำนที่ใช้ข้อมูลจำกกลุ่มตัวอย่ำงและข้อมูลจำกกำรประมำณค่ำแบบเบ
ย์ในกำรคำนวณและประมำณค่ำสถิติต่ำงๆ
2.3.3 สถิติว่ำด้วยเทคนิคกำรสุ่มตัวอย่ำง (Sampling Techniques)
เป็ นเทค นิค ท ำง ส ถิติที่ใ ช้เ พื่ อ ก ำร อธิ บำย ก ำ รแ จ ก แจ งแ บ บ ต่ ำ ง ๆ
ของประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำงที่ถูกนำไปใช้เพื่อกำรสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่ำงจำกประ
ชำกร ซึ่งจำกกำรแจกแจงของประชำกรจะมีผลต่อกำรเลือกใช้สถิติ
2.4.4 สถิติว่ำด้วยควำมสัมพันธ์และกำรพยำกรณ์ (Relationship and
Prediction)
เป็นวิธีกำรทำงสถิติอนุมำนที่ใช้เพื่อกำรศึกษำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงตัวแปรตำมที่
ผู้ วิ จั ย ต้ อ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ กั บ ก ลุ่ ม ข อ ง ตั ว แ ป ร อิ ส ร ะ อื่ น ๆ
โดยควำมสัมพันธ์ของตัวแปรที่นำมำศึกษำต้องมีลักษณะเป็ นเส้นตรง
2.4 ประโยชน์ของสถิติ
ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ข้ อ มู ล ส ถิ ติ
ข้อมูลสถิติมีควำมสำคัญและจำเป็ นต่อกำรบริหำรงำนและพัฒนำประเทศ
- 5. 5
เ ป็ น เ ค รื่ อ ง มื อ ส ำ ห รั บ ผู้ บ ริ ห ำ ร
ใ ช้ เ ป็ น แ น ว ท ำ ง ป ร ะ ก อ บ ก ำ ร ตัด สิน ใ จ ใ น ก ำ ร จัด ท ำ แ ผ น ง ำ น
ก ำ ห น ด น โ ย บ ำ ย ห รื อ แ ก้ ไ ข ปั ญ ห ำ ต่ ำ ง ๆ
ดังนั้นประโยชน์ของข้อมูลสำมำรถจำแนกตำมกำรใช้ที่สำคัญๆ ได้ดังนี้ -
ข้อมูลสถิติที่ใช้ในกำรบริหำร เป็ นข้อมูลสถิติที่หน่วยงำนต่ำงๆ ได้ผลิตขึ้นมำ
เพื่อใช้ในกำรบริหำรและควบคุมกำรดำเนินงำนประจำในสำยงำนต่ำงๆ
หรือตรวจสอบผลกำรบริหำรงำน เช่น ข้อมูลสถิติจำกระบบทะเบียนรำษฎร
สำมำรถนำไปใช้ในกำรกำห นด เข ต กำรเลือกตั้ง กำรเกณฑ์ทห ำ ร
หรือกำรเข้ำเกณฑ์กำรศึกษำภำคบังคับ เป็นต้น - ข้อมูลสถิติที่ใช้ในกำรพัฒนำ
ข้อมูลสถิติมีบทบำทสำคัญยิ่งต่อกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศ
ประโยชน์ของข้อมูลที่ใช้ในกำรพัฒนำนั้น สำมำรถแยกพิจำรณำได้ 3 กรณี คือ
1) กำรใช้ข้อมูลสถิติ สำหรับกำรจัดทำแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม โดยอำศัย
ข้อ มู ล ส ถิติเ ป็ น พื้ น ฐ ำ น ใน ก ำ ร จัด ท ำ แผ น ก ำ ร ก ำ ห น ด เ ป้ ำ ห มำย
แ ล ะ ทิ ศ ท ำ ง ข อ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ เ ช่ น ก ำ ร ก ำ ห น ด ห รื อ
ก ำ ร ว ำ ง น โ ย บ ำ ย เ กี่ ย ว กั บ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ภ ำ ค บั ง คั บ
กำรวำงนโยบำยเกี่ยวกับงบประมำณแผ่นดิน กำรวำงนโยบำยเกี่ยวกับ
กำรค้ำทั้งในประเทศและนอกประเทศ อัตรำค่ำจ้ำงแรงงำน กำรเก็บภำษีอำกร
เ ป็ น ต้ น ใ น ช่ ว ง ภ ำ ว ะ วิ ก ฤ ติ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ เ ช่ น ใ น ปั จ จุ บั น นี้
ข้อมูลสถิติเป็ นสิ่งที่มีค วำม จำเป็ นอย่ำงยิ่งต่อ กำร กำห นด นโย บ ำ ย
และแก้ไขปัญหำต่ำงๆ ของรัฐบำล โดยเฉพำะใช้เป็ นเครื่องเตือนภัยล่วงหน้ำ
เ พื่ อ รั ฐ บ ำ ล จ ะ ไ ด้ ก ำ ห น ด น โ ย บ ำ ย ห รื อ แ ผ น ง ำ น ต่ ำ ง ๆ
ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ภ ำ ว ะ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ 2 ) ก ำ ร ใ ช้ ข้ อ มู ล ส ถิ ติ
สำหรับกำรติดตำมควำมก้ำวหน้ำของแผนพัฒนำ หรือ โครงกำรต่ำงๆ
ซึ่งรัฐบำลและหน่วยงำนรำชกำรได้จัดทำโครงกำรพัฒนำเป็ นจำนวนมำก
ซึ่ ง เ ป็ น แ ผ น ร ะ ย ะ สั้ น แ ล ะ ร ะ ย ะ ย ำ ว
ฉะนั้นจึงจำเป็ นต้องมีข้อมูลเพื่อทำกำรตรวจสอบและติดตำมควำมก้ำวหน้ำของโ
ค ร ง ก ำ ร ดัง ก ล่ ำ ว ว่ ำ ไ ด้ ผ ล ม ำ ก น้ อ ย เ พี ย ง ใ ด เ พื่ อ ผู้ บ ริ ห ำ ร
สำมำรถนำไปแก้ไขปรับปรุงแผนกำรดำเนินงำนได้อย่ำงถูกต้องและทันเวลำ
หรือเพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ สำหรับกำรวำงแผนโครงกำรอื่นๆ
ที่มีลักษณะคล้ำยๆ กัน วัตถุประสงค์ที่สำคัญของกำรติดตำมผลโครงกำร คือ
เพื่อรำยงำนควำมก้ำวหน้ำ ปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินงำน
เพื่อชี้ประเด็นของปัญหำ ให้ข้อเสนอแนะและแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำ
- 6. 6
เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงแผนกำรดำเนินงำนของโครงกำรในระยะต่อไป
หรือเพื่อเป็นแนวทำงใน กำร
จัดทำแผนปฏิบัติงำนของโครงกำรอื่นๆ
เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงำนของโครงกำรหรือคณะทำงำนมีควำมกระตือรือร้นในกำรปฏิบั
ติ ง ำ น 3 ) ก ำ ร ใ ช้ ข้ อ มู ล ส ถิ ติ
ส ำ ห รั บ ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล แ ผ น พั ฒ น ำ ห รื อ โ ค ร ง ก ำ ร พั ฒ น ำ
เมื่อกำรดำเนินงำนตำมแผนงำน / โครงกำรพัฒนำได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
จ ำ เ ป็ น ต้ อ ง มี ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห รื อ วั ด ผ ล ก ำ ร
พัฒ น ำ ว่ำ ไ ด้ผ ล ต ำ ม วัต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ห รื อ เ ป้ ำห ม ำ ย ที่ ตั้ง ไ ว้เพี ย งไร
จึ ง จ ำ เ ป็ น ต้ อ ง ใ ช้ ข้ อ มู ล ส ถิ ติ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง มื อ ที่ ชี้ บ อ ก
ค ว ำ ม ส ำ เ ร็ จ ห รื อ ป ร ะ สิท ธิ ภ ำ พ แ ล ะ ป ร ะ สิท ธิ ผ ล ข อ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ
ตัวอย่ำงกำรใช้ข้อมูลสถิติสำหรับกำรพัฒนำในด้ำนต่ำงๆ ที่สำคัญในภำครัฐ
• ด้ ำ น ก ำ ร ศึ ก ษ ำ
ในกำรกำหนดนโยบำยและกำรวำงแผนพัฒนำกำรศึกษำและกำรกระจำยโอกำสท
ำงกำรศึกษำของประชำชนในระดับกำรศึกษำต่ำงๆ นั้น ข้อมูลสำคัญที่ต้องกำรใช้
ได้แก่ ประช ำกรก่อนวัย เรีย นและวัย เรีย น บุค ลำกรทำงกำรศึกษำ
ปริมำณกำรผ ลิต และพัฒนำ ค รูในแต่ละ สำข ำ จำนวนสถำนศึก ษ ำ
ค่ำใช้จ่ำยในแต่ละระดับกำรศึกษำ เป็นต้น
• ด้ ำ น ก ำ ร เ ก ษ ต ร
ในกำรกำหนดนโยบำยและวำงแผนพัฒนำทำงกำรเกษตรของประเทศ ข้อมูล
ที่ต้องกำรใช้ ได้แก่ ครัวเรือนที่ทำกำรเกษตร เนื้อที่กำรเพำะปลูก ผลิตผลทำง
ก ำ ร เ ก ษ ต ร จ ำ น ว น ป ศุ สั ต ว์ ร ำ ค ำ สิ น ค้ ำ เ ก ษ ต ร ก ร ร ม
เครื่องมือเครื่องใช้ทำงกำรเกษตร ภำวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนเกษตร
กำรประมง กำรป่ำไม้ ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งน้ำ และ กำรชลประทำน เป็นต้น
• ด้ ำ น อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ใ ช้ จั ด ท ำ แ ผ น ง ำ น
ห รื อ ก ำ ห น ด น โ ย บ ำ ย แ ล ะ ส่ ง เ ส ริ ม อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ส่ ง เ ส ริ ม -
กำรลงทุนและพัฒ นำเ ทค โ นโลยี ทำงด้ำน อุต สำ ห ก ร รม ซึ่งได้แ ก่
ข้อมูลเกี่ยวกับปริมำณกำรผลิตทำงอุตสำหกรรม ต้นทุนกำรผลิต จำนวน แรงงำน
ค่ำใช้จ่ำยของสถำนประกอบกำร มูลค่ำเพิ่ม ฯลฯ
• ด้ำนรำยได้ - รำยจ่ำยของครัวเรือน เป็นข้อมูลที่มีควำมสำคัญที่ใช้วัดควำมเจริญ
เติบโตทำงเศรษฐกิจ กำรครองชีพและกำรกระจำยรำยได้ของประชำกร
ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญ ของผลกำรพัฒนำประเทศ ข้อมูลสถิติที่สำคัญ ได้แก่
- 7. 7
ร ำ ย ไ ด้ร ำ ย จ่ำ ย ข อง ค รัว เรื อ น ภ ำ ว ะ ห นี้ สิน ส ภ ำ พ ค ว ำ ม เ ป็ นอยู่
ที่อยู่อำศัยของครัวเรือน เป็นต้น
• ด้ ำ น ส ำ ธ ำ ร ณ สุ ข ก ำ ร จัด ท ำ แ ผ น พั ฒ น ำ ด้ ำ น ส ำ ธ ำ ร ณ สุ ข
ก ำ ร พั ฒ น ำ ง ำ น วิ ช ำ ก ำ ร ท ำ ง ก ำ ร แ พ ท ย์ / ส ำ ธ ำ ร ณ สุ ข
เพื่อให้ประชำชนมีสุขภำพอนำมัยที่ดี จำเป็นต้องใช้สถิติเกี่ยวกับกำรเกิด กำรตำย
ก ำ ร เ จ็ บ ป่ ว ย ข อ ง ป ร ะ ช ำ ช น ก ำ ร รั ก ษ ำ พ ย ำ บ ำ ล
ควำมเป็ นอยู่และสภำพทำงสังคมของประชำกร กำรอนำมัยและสุขำภิบำล
พฤติกรรมด้ำนกำรบริโภค กำรสูบบุหรี่และดื่มสุรำ เป็นต้น
• ด้ำนคมนำคมและขนส่ง กำรปรับปรุงบริกำรและพัฒนำทำงกำรคมนำคม
ขนส่ง และกำรสื่อสำรของประเทศ เพื่อสนับสนุนกำรพัฒนำด้ำนต่ำงๆ
และกระจำย ค วำมเจริญไ ป สู่ภูมิภำค ข้อมูลที่ใช้ ได้แก่ รำย รับ -
รำยจ่ำยของกำรประกอบกำรขนส่ง ปริมำณผู้ใช้บริกำรในแต่ละเส้นทำง
ปริมำณกำรขนส่ง ทำงถนน ทำงน้ำ และทำงอำกำศ รำยละเอียดเส้นทำง คมนำคม
ข้อมูลเกี่ยวกับกำรจัดสรรควำมถี่วิทยุ จำนวนครัวเรือนที่มีเครื่องรับวิทยุ -
โ ท ร ทั ศ น์ เ ป็ น ต้ น น อ ก จ ำ ก นี้
ข้ อ มู ล ส ถิ ติ ยั ง เ ป็ น ที่ ต้ อ ง ก ำ ร แ ล ะ ใ ช้ กั น อ ย่ ำ ง ก ว้ ำ ง ข ว ำ ง
และแพ ร่ห ลำย ในวงกำรธุรกิจ เอกช น โด ย เฉพ ำะธุ รกิจข นำดกลำง
และขนำดใหญ่ที่ต้องอำศัยข้อมูลในกำรวำงแผนด้ำนต่ำง ๆ อย่ำงรอบคอบ
เ พื่ อ ใ ห้ ก ำ ร ด ำ เ นิ น ธุ ร กิ จ มี โ อ ก ำ ส ที่ จ ะ ป ร ะ ส บ ค ว ำ ม ส ำ เ ร็ จ
ควำมก้ำวหน้ำได้มำกที่สุด ไม่ว่ำจะเป็ นกำรวำงแผนด้ำนกำรผลิต กำรตลำด
กำรโฆษณำ กำรกำหนดรำคำสินค้ำหรือบริกำรให้เหมำะสมกับกำลังซื้อ
และสภำวะกำรแข่งขัน จะต้องอำศัยกำรศึกษำและวิเครำะห์ข้อมูลสถิติต่ำงๆ
ที่จำเป็ น และเป็ นประโยชน์ในกำรวำงแผน และกำรตัดสินใจในด้ำนต่ำงๆ
เพื่อลดอัตรำกำรเสี่ยงที่จะต้องประสบควำมล้มเหลวในกำรดำเนิน กำร
และเพื่อให้กำรแก้ไขปัญหำภำวะวิกฤตทำงเศรษฐกิจได้เป็ นผลสำเร็จ
2.5 ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับมวยไทย
ควำมหมำยของมวยไทย
มวยไทยเป็ นกำรเล่นพื้นบ้ำน ที่มีคุณลักษณะของกำรต่อสู้ป้ องกันตัว
ด้วยกำรใช้อวัยวะ
ในส่วนที่สำมำรถใช้ทำอันต รำยคู่ต่อสู้ได้ มำใช้งำนอย่ำงชำญ ฉ ลำด
และมีศิลปะอย่ำงสูง เช่น ห มัด ศ อกแข น เท้ำ แข้ง และเข่ำเป็ นต้น
นับเป็นศิลปะประจำชำติ และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประกำรหนึ่งของคนไทย
- 8. 8
ไ ด้ มี ก ำ ร น ำ ม ำ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ อ ย่ ำ ง จ ริ ง จั ง ใ น ห มู่ ท ห ำ ร
เพรำะในประวัติศำสตร์ชำติไทยที่ต้องผจญกับศึกสงครำมมำโดยตลอด
จึ ง ต้ อ ง ฝึ ก ฝ น ไ ว้ ใ ห้ เ ชี่ ย ว ช ำ ญ เ พื่ อ ใ ช้ ใ น ก ำ ร ต่ อ สู้
มีกำรจัดตั้งสำ นักมวย ขึ้นฝึ กสอนกันโด ยทั่วไปใ นสมัย กรุงศ รีอยุ ธ ย ำ
มีผู้ที่ชื่อเสียงโด่งดังในเชิงมวยไทย จนเป็ นที่เลื่องลือมำจนถึงปัจจุบันคือ
นำยขนมต้ม ที่สำมำรถใช้วิชำมวยไทย เอำชนะศัตรูได้เป็ นจำนวนมำก
แม้แต่พระมหำกษัตริย์ของไทยบำงพระองค์ในสมัยอยุธยำก็ทรงโปรดปรำณ
และมีควำมสำมำรถในวิชำมวยไทย เช่น พระเจ้ำเสือหรือ ขุนหลวงสรศักดิ์
ในสมัย กรุงรัต นโกสินทร์ พ ระบำทสมเด็จพ ระ มง กุฎเ ก ล้ำ ฯ
ได้ทรงส่งเสริมวิชำมวยไทยให้แพร่หลำยยิ่งขึ้นโดยได้ทรงจัดให้มีกำรแข่งขันชก
ม ว ย ไ ท ย ก ำ ร กุ ศ ล
เพื่อเก็บรำยได้ไปบำรุงกองเสือป่ำขึ้นที่เวทีมวยโรงเรียนสวนกุหลำบ เมื่อ พ.ศ.
2463 ส ำ ห รั บ เ ว ที ม ว ย ไ ท ย อื่ น ๆ ใ น ค รั้ ง นั้ น ก็ มี
เ ว ที ส ว น เ จ้ ำ เ ช ตุ แ ล ะ เ ว ที ห ลัก เ มื อ ง เ ป็ น ต้น ก ำ ร ช ก ม ว ย ไ ท ย
เป็ นกำรชกด้วยหมัดเปล่ำๆ ต่อมำเมื่อมีกำรแข่งขัน ก็ได้มีกำรคำดเชือกที่มือ
และในระยะต่อมำ จึงใช้สวมนวมแทนแบบมวยสำกล
กติกำกำรแข่งขันมวยไทยสมัยปัจจุบัน
กติกำมวยไทยสมัยปัจจุบันจะถูกกำหนดไว้อย่ำงชัดเจนครอบคลุมทุกๆ
เรื่อง กำรแข่งขันมวยไทย
ในปัจจุบันนักมวยต้องสวมนวมขนำด 4 ออนซ์ แต่งกำยแบบนักกีฬำมวยคือ
ส ว ม ก ำ ง เ ก ง ข ำ สั้น ส ว ม ก ร ะ จับ ส ว ม ป ล อ ก รัด เ ท้ำ ห รื อ ไ ม่ ก็ ไ ด้
เ ค รื่ อ ง ร ำ ง ข อง ข ลัง ผูก ไ ว้ที่ แ ข น ท่อน บ น ไ ด้ ส่ว น เ ค รื่ อ ง ร ำงอื่นๆ
ใส่ได้เฉพำะตอนร่ำยรำไหว้ครูแล้วให้ถอดออกตอนเริ่มทำกำรแข่งขัน
ในกำรแข่งขันมีกรรมกำรผู้ชี้ขำดบนเวที 1 คนกรรมกำรให้คะแนนข้ำงเวที 2 คน
จ ำ น ว น ย ก ใ น ก ำ ร แ ข่ ง ขั น มี ก ร ร ม ก ำ ร ผู้ ชี้ ข ำ ด บ น เ ว ที 1
คนกรรมกำรให้คะแนนข้ำงเวที 2 คน จำนวนยกในกำรแข่งขันมี 5 ยก ยกละ 3
น ำ ที พั ก ร ะ ห ว่ ำ ง ย ก 2 น ำ ที
กำรแข่งขันแบ่งเป็นรุ่นตำมน้ำหนักตัวของนักมวยเหมือนกับหลักเกณฑ์ของมวย
สำกล อวัยวะที่ใช้ในกำรต่อสู้คือ หมัด เท้ำ เข่ำ ศอก เข้ำชก เตะ ถีบ ถอง เป็นต้น
ไ ด้ ทุ ก ส่ ว น ข อ ง ร่ ำ ง ก ำ ย โ ด ย ไ ม่ จ ำ กั ด ที่ ที่ ช ก
แม่ไม้มวยไทยที่มีอันตรำยสูงบำงท่ำถูกห้ำมใช้
ประวัติมวยไทย
- 9. 9
มวยไทยเริ่มขึ้นในสมัยใดไม่มีเอกสำรหรือหนังสือเล่มใดระ บุไว้
แต่เท่ำที่ได้ปรำกฏมวยไทยเกิดขึ้นมำนำนแล้ว และอำจเกิดขึ้นมำนำนพร้อม ๆ
กั บ ช ำ ติ ไ ท ย ด้ ว ย ซ้ ำ
เพรำะมวยไทยนั้นเป็ นศิลปะประจำชำติและเป็ นเอกลักษณ์ของชำติไทย
ตั้งแต่สมัยโบรำณมำจนถึงปัจจุบันมวยไทยสมัยก่อนมีกำรฝึกฝนอยู่ในบรรดำหมู่
ทหำร กำรรบกับประเทศเพื่อนบ้ำนสมัยนั้นยังไม่มีปื นเป็นอำวุธ มีแต่ดำบ พลอง
ง้ำว ดั้ง เขน กำรรบในสมัยนั้นจึงเป็ นกำรรบที่ประชิดตัวด้วยอำวุธ ในมือ
ค น ไ ท ย จึ ง ไ ด้ ฝึ ก หั ด ก ำ ร เ ต ะ ถี บ คู่ ต่ อ สู้
เพื่อให้เกิดกำรได้เปรียบเพิ่มขึ้นจำกกำรใช้อำวุธในมือดังกล่ำวต่อมำมีผู้คิดว่ำทำอ
ย่ำงไรจึงจะนำกำรถีบกำรเตะนั้นมำเป็ นศิลปะกำรต่อสู้ไปพร้อมกับมือได้
จึงได้เกิดกำรฝึ กหัดกำรต่อสู้ป้ องกันตัว เพื่อแสดงตำมงำนเทศกำลต่ำง ๆ
เมื่อเป็นที่นิยมและแพร่หลำยมำกขึ้นก็มีกำรฝึกหัดและจัดตั้งเป็นสำนักฝึกมวยไท
ยกันมำกมำย และสำนักที่ฝึกมวยไทยก็จะเป็ นสำนักดำบที่มีชื่อเสียงมีอำจำรย์ดี ๆ
เป็นผู้ฝึกสอน ดังนั้นกำรฝึกมวยไทยในสมัยนั้นจึงมีจุดมุ่งหมำย 2 อย่ำง คือ
1. เพื่อสู้รบกับข้ำศึก
2. เพื่อต่อสู้ป้องกันตัว
ในสมัยนั้นใครมีเพลงดำบดีและเก่งทำงรบพุ่งก็จะต้องเก่งทำงมวยไทยด้วย
เ พ ร ำ ะ ก ำ ร ร บ ด้ ว ย อ ำ วุ ธ ใ น มื อ นั้ น ต้อ ง อ ำ ศัย ม ว ย ไ ท ย เ ข้ำ ช่ ว ย
ดั ง นั้ น วิ ช ำ ม ว ย ไ ท ย ใ น ส มั ย นั้ น จึ ง มี จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ห ลั ก
เพื่อที่จะฝึกตนเองเข้ำไปเป็นทหำรรับใช้ชำติกำรฝึกวิชำมวยและเพลงดำบไม่ได้ฝึ
ก เ พื่ อ เ ต รี ย ม ตัว ไ ป เ ป็ น ท ห ำ ร ห รื อ ก ำ ร สู้ ร บ เ พี ย ง อ ย่ ำ ง เ ดี ย ว
แต่เมื่อว่ำงเว้นสงครำมก็จะมีกำรประลองกำรต่อสู้ ทั้งกระบี่กระบองและมวยไทย
เพื่อควำมสนุกสนำนเพลิดเพลินและอำจมีกำรพนันกันระหว่ำงนักมวยแต่ละถิ่นห
รือแต่ละสำนักที่ต่อสู้กัน และมวยไทย สมัยนั้นช กกันด้วย หมัดเ ป ล่ำๆ
ยังไม่มีกำรคำดเชือกตำมประวัติศำสตร์ที่พอจะสืบสำวเรื่องรำวเกี่ยวกับมวยไทยไ
ด้นั้น ปรำกฏว่ำมวยไทยได้วิวัฒนำกำรมำตำมยุคสมัยต่ำง ๆ ดังนี้
ส มั ย อ ำ ณ ำ จั ก ร น่ ำ น เ จ้ ำ พ . ศ . 1291 พ ร ะ เ จ้ ำ พี ล่ อ โ ก๊ ะ
ไ ด้ ร ว บ ร ว ม อ ำ ณ ำ จัก ร ไ ท ย ขึ้ น เ รี ย ก ว่ ำ อ ำ ณ ำ จัก ร น่ ำ น เ จ้ ำ
ส มั ย นี้ ไ ท ย ต้ อ ง ท ำ ส ง ค ร ำ ม กั บ จี น อ ยู่ เ ป็ น เ ว ล ำ น ำ น
บำงครั้งก็เป็นมิตรบำงครั้งก็เป็นศัตรูกัน สมัยนั้นมีกำรฝึกใช้อำวุธบนหลังม้ำ เช่น
ห อก ง้ำว และกำรต้อสู้ด้วย มือเปล่ำก็มีอยู่บ้ำง ในระย ะประชิด ตัว
ซึ่ ง ม ว ย ไ ท ย ก็ อ ำ จ จ ะ เ ป็ น จุ ด เ ริ่ ม ต้ น อ ยู่ ด้ ว ย
ใ น ส มัย ล้ำ น น ำ ไ ท ย ก็ ไ ด้มี วิช ำ ก ำ ร ต่อ สู้ป้ อ ง กัน ตัว แ ล ะ มี วิช ำเจิ้ง
(กำรต่อสู้ชนิดนึ่งคล้ำยมวยจีน)
- 11. 11
3.1.2 กำหนดกลุ่มตัวอย่ำง (นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ จำนวน 100
คน)
3.1.3
จัดทำแบบสอบถำมเพื่อสำรวจเกี่ยวกับกำรเลือกชมรำยกำรเกี่ยวกับมวยไทยของ
นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์
3.1.4 นำแบบสอบถำมให้กับนักเรียน
3.1.5 บันทึกผลกำรดำเนินงำน
3.1.6 อภิปรำยผล
3.2 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในกำรทำโครงงำน
3.2.1 Microsoft Word
บทที่ 4
ผลกำรศึกษำ
4.1 ผลกำรศึกษำ
ตำรำงที่ 1 แสดงจำนวนแสดงจำนวนกลุ่มตัวอย่ำงของนักเรียนเทพศิรินทร์
จำกกำรสำรวจควำมคิดเห็นเกี่ยวกับมวยไทย
กลุ่มตัวอย่ำง จำนวนนักเรียน
นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ 100
- 13. 13
บทที่ 5
สรุป อภิปรำยผล และข้อเสนอแนะ
5.1 อภิปรำยผลกำรศึกษำ
ศึกเจ้ามวยไมย, 9%
มวยไทย 7 สี, 29%
Thai Fight, 50%
ศึกยอดมวยไทยรัฐ, 7%
มวยดีวิถีไทย, 5%
รายการแข่งขันมวยไทย
ศึกเจ้ามวยไมย
มวยไทย 7 สี
Thai Fight
ศึกยอดมวยไทยรัฐ
มวยดีวิถีไทย
- 14. 14
จำกกำรสำรวจควำมชอบมวยไทยของนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์
ได้ผ ลกำรสำรวจ ดังนี้ รำย กำร Thai fight มีนักเรีย นรับช มมำกที่สุด
คิดเป็ นร้อยละ 50 เนื่องจำกรำย กำร Thai fight มีกำรโฆษณำที่ ดีม ำก
ทำให้คนส่วนใหญ่ชอบที่จะรับชม
5.2 สรุปผลกำรศึกษำ
จำกกำรสำรวจค วำมช อบมวย ไทย ของนักเรีย นเทพศิรินทร์ คือ
รำยกำรที่นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ส่วนใหญ่รับชมมำกที่สุด คือ Thai fight
5.3 ข้อเสนอแนะ
กำรทำสถิติควรมีกำรรวบรวมข้อมูลเป็ นขั้นตอน และใช้ข้อมูลที่เป็ นจริง
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีควำมถูกต้องและสำมำรถนำไปใช้ต่อให้เกิดประโยชน์ในด้ำน
ต่ำงๆได้
บรรณำนุกรม
“ควำมหมำยของสถิติ” [ออนไลน์]. เข้ำถึงได้จำก:
https://nkw04944.wordpress.com/2013/01/20/8/. 2556. สืบค้นเมื่อ
29 มกรำคม 2560
- 15. 15
“ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสถิติ” [ออนไลน์]. เข้ำถึงได้จำก:
http://www.vcharkarn.com/lesson/1628. 2557. สืบค้นเมื่อ 29
มกรำคม 2560
“วิธีสำรวจควำมคิดเห็น” [ออนไลน์]. เข้ำถึงได้จำก:
http://www.vcharkarn.com/lesson/1554. 2556.สืบค้นเมื่อ 29 มกรำคม
2560
“กติกำกำรแข่งขันมวยไทย” [ออนไลน์]. เข้ำถึงได้จำก:
https://thaiboxingproject.wordpress.com/กติกำ/. 2553.
สืบค้นเมื่อ 30 มกรำคม 2560
“ควำมเป็นมำของมวยไทย” [ออนไลน์]. เข้ำถึงได้จำก:
https://www.gotoknow.org/posts/270299. 2552. สืบค้นเมื่อ
30 มกรำคม 2560