More Related Content
Similar to Lec การสืบพันธุ์
Similar to Lec การสืบพันธุ์ (20)
Lec การสืบพันธุ์
- 2. การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง กระบวนการที่ทาให้เกิด
สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน โดยที่สิ่งมีชีวิตรุ่น
ใหม่ที่เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป ทาให้สิ่งมีชีวิต
เหลือรอดอยู่ได้โดยไม่สูญพันธุ์
- 5. การสืบพันธุ์มี 2 วิธี คือ
1. การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (Asexual Reproduction)
• การแตกหน่อ (Budding)
• การแบ่งเป็นสอง (Binary Fission)
• การเจริญเป็นตัวอ่อนโดยไม่ต้องผสมพันธุ์ (Parthenogenesis)
• การงอกใหม่ (Regeneration)
• การสร้างสปอร์ (Spore Formation)
• การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช (Plant Tissue Culture)
2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (Sexual Reproduction)
ประเภทของการสืบพันธุ์
- 6. เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell)
เป็นการสืบพันธุ์ที่สร้างหน่วยใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตเดิม
อาจเกิดได้โดยการจาลองตัวเองของหน่วยพันธุกรรม (gene) การ
แบ่งนิวเคลียสแบบ mitosis
หน่วยใหม่ที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกประการ
ดังนั้นถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนมันจะตายหมดถ้าปรับตัวไม่ได้
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
(Asexual Reproduction)
- 8. การแตกหน่อ (Budding)
เป็นการสืบพันธุ์ของสัตว์ชั้นต่า โดยเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
จะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอกออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็น
ตัวเล็กๆ ที่มีอวัยวะต่างๆ เหมือนตัวแม่ หลังจากติดอยู่กับตัวแม่
ระยะหนึ่งก็จะหลุดออกมาไปอยู่อิสระตามลาพัง
ชีวิตที่งอกใหม่ออกมานี้ เรียกว่า หน่อ
การสืบพันธุ์ลักษณะนี้พบในไฮดรา หนอนตัวแบน ฟองน้า
ปะการัง ยีสต์
ในพืชชั้นสูง เช่น ขิง ข่า กล้วย หน่อไม้ต้นคว่าตายหงายเป็น
กล้วยไม้เป็นต้น
- 12. การแบ่งตัวออกเป็นสอง (Binary Fission)
เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา
และแบคทีเรีย
การสืบพันธุ์วิธีนี้เกิดขึ้นโดยการแบ่งตัวจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์
โดยนิวเคลียสของเซลล์จะแบ่งตัวก่อน แล้วไซโทพลาสซึมจะ
แบ่งตาม ได้เป็นตัวใหม่ 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะเหมือน
ตัวเดิมทุกประการ
- 15. การเจริญเป็นตัวอ่อนโดยไม่ต้องผสมพันธุ์
(Parthenogenesis)
เป็นการสืบพันธุ์ของแมลงบางชนิด เช่น ตั๊กแตนกิ่งไม้ไรน้า เพลี้ย
โดยตัวเมียสามารถผลิตไข่ที่ฟักเป็นตัวได้โดยไม่ต้องมีการปฏิสนธิ
ในสภาวะปกติไข่ของสัตว์ดังกล่าวจะฟักออกมาเป็นตัวเมียเสมอ
แต่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสมกับการดารงชีวิต เช่น เกิดความแห้งแล้ง
หนาวเย็น หรือขาดแคลนอาหาร ตัวเมียก็จะผลิตไข่ที่ฟักออกเป็น
ทั้งตัวผู้และตัวเมีย จากนั้นสัตว์ตัวผู้และตัวเมียเหล่านี้จะผสมพันธุ์
กันแล้วตัวเมียจะออกไข่ที่มีความคงทนต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสม
ดังกล่าวได้
- 17. ในผึ้ง มด ต่อ แตน ก็พบว่ามีการสืบพันธุ์แบบพาร์ธีโนเจเนซิสด้วย
เช่นกัน โดยไข่ไม่ต้องมีการปฏิสนธิก็สามารถฟักออกมาเป็นตัวได้
ซึ่งจะฟักออกมาเป็นตัวผู้เสมอ
- 18. การงอกใหม่ (Regeneration)
พบในสัตว์ชั้นต่า เช่น ปลาดาว พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ปลิง
ดอกไม้ทะเล (ซีแอนนีโมนี) ไฮดรา
การงอกใหม่เป็นการสร้างส่วนของร่างกายที่ขาดหายไป โดยสัตว์
เหล่านี้ถ้าร่างกายถูกตัดออกเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนจะสามารถงอก
เป็นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้ดังนั้นการงอกใหม่นี้จึงทาให้มีจานวน
สิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นจากจานวนเดิม
นอกจากนี้ยังรวมถึง การงอกของอวัยวะขึ้นมาทดแทนอวัยวะที่ขาด
หายไปด้วย เช่น จิ้งจก เมื่อหางหลุด ก็สามารถงอกหางใหม่มา
ทดแทนได้
- 21. การสร้างสปอร์ (Spore Formation)
เป็นการสืบพันธุ์ที่เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลายๆ ครั้ง ต่อจากนั้น
ไซโทพลาสซึมจะแบ่งตาม แล้วจะมีการสร้างเยื่อกั้นเป็นส่วนๆ แต่
ละส่วนจะมีนิวเคลียส 1 อัน เรียกว่า สปอร์ (Spore)
สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์แบบนี้ เช่น พลาสโมเดียม ซึ่งเป็นสัตว์ที่ทาให้
เกิดโรคไข้มาลาเรีย ในพืชพบในพวกมอสและเฟิร์น
การสร้างสปอร์ของรานั้น เริ่มจากสายราสร้างผนังเซลล์และภายใน
มีการแบ่งเซลล์แบบ mitosis จานวนมาก ทาให้ได้เซลล์เล็กๆ
มากมาย เรียกว่า สปอร์ และเมื่อสปอร์แก่ตัวเต็มที่จะปลิวไปตามลม
- 29. ไข่ (Egg)
โดยทั่วไปมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้
ไข่ของสัตว์มักมีอาหารสะสมอยู่เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายในไข่ เช่น
ไข่แดงของไข่ไก่และไข่เป็ด ไข่แดงซึ่งมีเยื่อหุ้มอยู่เทียบได้กับเซลล์
1 เซลล์ ส่วนจุดกลมๆ ในไข่แดง คือ นิวเคลียส
เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน
จากสิ่งแวดล้อม เช่นไข่กบมีวุ้นหุ้ม ไข่เต่าทะเลมีสิ่งที่มีลักษณะเป็น
เยื่อเหนียวหุ้ม ไข่เป็ดและไข่ไก่มีเปลือกแข็งหุ้ม เป็นต้น
- 31. ตัวอสุจิ (Sperm)
มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้อง
จุลทรรศน์ส่องดูจึงจะมองเห็น
ตัวอสุจิมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ หัว (head) ลาตัว (body) และ
หาง (tail) ส่วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็นส่วนประกอบ มีส่วนหางช่วย
ในการเคลื่อนที่เพื่อเข้าผสมกับไข่
- 32. การปฏิสนธิ (Fertilization)
การปฏิสนธิ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. การปฏิสนธิภายใน (Internal Fertilization)
การที่ตัวอสุจิจากสัตว์เพศผู้เข้าผสมกับไข่ซึ่งยังอยู่ในตัวของสัตว์
เพศเมีย
พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน เช่น คน
แมว สุนัข ช้าง เป็ด ไก่ นก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบในพวกแมลง ปลาที่ออกลูกเป็นตัว เช่น ปลา
เข็ม ปลาหางนกยูง ปลาฉลาม เป็นต้น
- 33. การปฏิสนธิ (Fertilization)
2. การปฏิสนธิภายนอก (External Fertilization)
การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจิภายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย
โดยที่เพศผู้จะปล่อยเชื้ออสุจิออกมา และเพศเมียจะปล่อยไข่
ออกมาเพื่อผสมกับตัวอสุจิ
พบในสัตว์ครึ่งน้าครึ่งบก เช่น กบ คางคก เป็นต้น ปลาต่างๆ
ม้าน้า และสัตว์น้าที่ออกลูกเป็นไข่ทุกชนิด
- 37. อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
• อัณฑะ (testis) ทาหน้าที่สร้าง sperm และ hormone เพศชายคือ
testosterone อัณฑะมี 2 ลูก อยู่ในถุงหุ้มอัณฑะนอกร่างกาย ถุงนี้
ป้องกันอันตรายและปรับอุณหภูมิให้ต่ากว่าในช่องท้องประมาณ 3C
ซึ่งเหมาะกับการสร้างอสุจิ
• accessory ducts เป็นท่อนา sperm จากอัณฑะออกไปสู่ภายนอก
ประกอบด้วย epididymis, หลอดนาอสุจิ (vas deferens), หลอดฉีด
อสุจิ(ejaculatory duct: ทาหน้าที่บีบตัวขับน้าอสุจิเข้าสู่ท่อปัสสาวะ)
และท่อปัสสาวะ (Urethra)
- 38. อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
• accessory glands เป็นต่อมที่สร้างสารอาหารเลี้ยง sperm และช่วย
อานวยความสะดวกในการลาเลียง sperm ออกสู่ภายนอกด้วย ได้แก่
- ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) ทาหน้าที่สร้างอาหาร
สาหรับอสุจิ อาหารประกอบด้วยน้าตาลฟรุกโตสกับโปรตีนโกลบูลิน
- ต่อมลูกหมาก (Prostrate Gland) ทาหน้าที่สร้างและหลั่งสารที่
มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนเพื่อทาลายความเป็นกรดของน้าปัสสาวะ
- ต่อมคาวเปอร์ (Cowper's gland) อยู่ใต้ต่อมลูกหมาก
ทาหน้าที่สร้างสารหล่อลื่นให้ท่อปัสสาวะก่อนที่จะปล่อยน้าอสุจิออกมา
สารที่สร้างมีฤทธิ์เป็นด่าง
- 39. อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
• องคชาตหรือลึงค์ (penis) เป็นอวัยวะช่วยนาอสุจิเข้าสู่ช่องสืบพันธุ์
เพศเมียป้องกันการสูญเสียอสุจิ และช่วยให้มีการผสมพันธุ์ของไข่
ภายในท่อสืบพันธุ์เพศเมีย ภายในประกอบด้วยเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้า
และท่อปัสสาวะ ทาหน้าที่เป็นท่อนาน้าปัสสาวะและน้าอสุจิออกจาก
ร่างกาย
- 43. • ช่องคลอด (vagina)เป็นช่องทางผ่านของ sperm ที่จะเข้าไปผสม
กับเซลล์ไข่ และเป็นทางออกของเลือดประจาเดือนและทารก
• รังไข่ (ovary) ทาหน้าที่สร้างเซลล์ไข่ และ hormone เพศหญิงคือ
estrogen และ progesterone มี 2 ข้างของมดลูกโดยมีเยื่อยึดติดกับ
มดลูก ในรังไข่มีเซลล์ Primary Oocyte ที่ห่อหุ้มด้วย Follicle Cell
เรียกว่า Primary Follicle ซึ่งเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จะมีการเจริญ
ของ Primary Oocyte 1 ใบ ทุก ๆ เดือนสลับกันระหว่างรังไข่ ซีก
ซ้ายกับซีกขวา
อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง
- 45. • ท่อนาไข่ (uterine tube) เป็นท่อที่ทาหน้าที่นาเซลล์ไข่จากรังไข่ ให้
เคลื่อนไปสู่มดลูก
• มดลูก (uterus) ทาหน้าที่เป็นที่อยู่อาศัยและนาสารอาหารมาเลี้ยง
เซลล์ไข่ที่ผสมติดแล้วจนพัฒนาเป็นตัวอ่อน นอกจากนี้ยังมีรกและ
เต้านม ซึ่งไม่ได้จัดเป็นส่วนประกอบของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง
แต่เป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง
- 46. • เนื้อเยื่อมดลูก แบ่งเป็น 3 ชั้น
1. เนื้อเยื่อชั้นใน (Endometrium) เปลี่ยนแปลงความหนาได้ใน
ระยะที่ไข่ถูกผสมแล้วจะเคลื่อนที่มาฝังตัวอยู่ที่ชั้นนี้
2. เนื้อเยื่อชั้นกลาง (Myometrium) มีความหนาและแข็งแรง
สามารถขยายตัวได้ระหว่างที่ตั้งครรภ์
3. เนื้อเยื่อชั้นนอก (Serous Layer) ทาหน้าที่ปกคลุมด้านนอกสุดทุก
ส่วน ยกเว้นปากมดลูก (Cervix) เป็นทางติดต่อกับช่องคลอด (Vagina)