SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
Download to read offline
การสืบพันธุ์
              การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง กระบวนการที่ทาให้                  จึงจะหลุดออกไปจากตัวแม่ แล้วเจริญเป็นไฮดราตัวใหม่ต่อไป
เกิดสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน โดยที่สิ่งมีชวิตรุ่นใหม่ที่
                                                                    ี                                    การแบ่ง ตัวออกเป็นสอง (Binary Fission)
เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป ทาให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้โดย              เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ได้แก่ อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา และ
ไม่สูญพันธุ์ แบ่งการสืบพันธุ์มี 2 วิธี คือ                                           แบคทีเรีย การสืบพันธุ์วิธีนี้เกิดขึ้นโดยการแบ่งตัวจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์
1.การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction)                                  โดยนิวเคลียสของเซลล์จะแบ่งตัวก่อน แล้วไซโทพลาซึมจะแบ่งตามได้เป็นตัว
              เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell) เป็น          ใหม่ 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะเหมือนตัวเดิมทุกประการ เช่น - การ
การสืบพันธุ์ที่สร้างหน่วยใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตเดิม อาจเกิดได้โดยการ               แบ่งตัวของอะมีบา (ดังภาพ)
จาลองตัวเองของหน่วยพันธุกรรม การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโตซิส หน่วย                                           พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis)
ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจะมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกประการ การสืบพันธุ์แบบนี้พบ                       เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของแมลงบางชนิด เช่น ตักแตนกิ่งไม้
                                                                                                                                                        ๊
ตั้งแต่สิ่งที่มีชีวิตที่ยังไม่เป็นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไป              เพลี้ย ไรน้าซึ่งตัวเมียสามารถผลิตไข่ที่ฟักเป็นตัวได้โดยไม่ตองมีการปฏิสนธิ
                                                                                                                                                    ้
จนถึงพืชชั้นสูง เป็นการสืบพันธุ์ที่ง่ายที่สุด พบในสัตว์ชั้นต่าที่ไม่มีระบบ           ในสภาวะปกติไข่ของสัตว์ดังกล่าวจะฟักออกมาเป็นตัวเมียเสมอ แต่ในสภาวะที่
สืบพันธุ์หรือมีแต่ยังไม่เจริญดี ด้วยการแบ่งตัวจาก 1 เป็น 2 ได้สิ่งมีชีวิต            ไม่เหมาะสมกับการดารงชีวิต เช่น เกิดความแห้งแล้งหนาวเย็น หรือขาดแคลน
ตัวใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่สามารถ                อาหาร ตัวเมียก็จะผลิตไข่ที่ฟักออกเป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย จากนั้นสัตว์ตัวผู้
ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ก็จะทาให้ตายและสูญพันธุ์ในที่สุด                     และตัวเมียเหล่านี้จะผสมพันธุ์กันแล้วตัวเมียจะออกไข่ที่มีความคงทนต่อสภาวะ
ขั้นตอนการสืบพันธุ์                                                                  ที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวได้ ในผึ้ง มด ต่อ แตน ก็พบว่ามีการสืบพันธุ์แบบพาร์ธี
                                                                                     โนเจเนซิสด้วยเช่นกัน โดยไข่ไม่ต้องมีการปฏิสนธิก็สามารถฟักออกมาเป็นตัว
                                                                                     ได้ ซึ่งไข่จะฟักออกมาเป็นตัวผู้เสมอ
                                                                                                            การงอกใหม่ (Regeneration)
                                                                                           พบในสัตว์ชั้นต่า ได้แก่ ดาวทะเล พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ปลิง
                                                                                     ดอกไม้ทะเล การงอกใหม่เป็นการสร้างส่วนของร่างกายที่ขาดหายไป สัตว์
                                                                                     เหล่านี้ถ้าร่างกายถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ ที่มีขนาดเหมาะสม พบว่าแต่ละส่วน
                                                                                     จะสามารถงอกเป็นสิงมีชีวิตตัวใหม่ได้ ดังนั้นการงอกใหม่นี้จึงทาให้มีจานวน
                                                                                                               ่
                         การแตกหน่อ (Budding)                                        สิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นจากจานวนเดิม
      การแตกหน่อเป็นการสืบพันธุ์ของสัตว์ชั้นต่า โดยเมื่อเจริญเติบโต                                      การสร้างสปอร์ (Spore Formation)
เต็มที่แล้วจะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัว                                                 เป็นการสืบพันธุ์ที่เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลาย ๆ ครั้ง แล้วไซโทพลา
งอกออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวเล็ก                                                  ซึมจะแบ่งตาม แล้วจะมีการสร้างเยื่อกั้นเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะมีนิวเคลียส 1
ๆ ที่มีอวัยวะต่าง ๆ เหมือนตัวแม่                                                     อัน เรียกว่า สปอร์ (Spore) สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์แบบนี้ ได้แก่ พลาสโมเดียม
หลังจากติดอยูกับตัวแม่ระยะหนึ่งก็จะ
                 ่                                                                   ซึ่งเป็นพาหะที่ทาให้เกิดโรคไข้มาลาเรีย
หลุดออกมาไปอยูอิสระตามลาพัง สัตว์ที่
                     ่                                                                               การขาดออกเป็นท่อน (Fragmentation)
มีการสืบพันธุ์ลกษณะนี้ได้แก่ ไฮดรา
                   ั                                                                       เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศอีกแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะพวก
หนอนตัวแบน ฟองน้า ปะการัง และ                                                        ที่มีเซลล์ต่อกันเป็นเส้นสายโดยการหักเป็นท่อนๆ แต่ละท่อนที่หลุดไปก็จะ
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น ยีสต์                                                     แบ่งตัวแบบ Mitotic cell division ได้เซลล์ใหม่ที่ต่อกันเป็นเส้นสายเจริญ
ในพืชชั้นสูงก็มีพวก ขิง ข่า กล้วย หน่อไม้ เป็นต้น                                    ต่อไป เช่น พวกหนอนตัวแบน สาหร่ายทะเล
      ไฮดรา (Hydra) เป็นสัตว์ชั้นต่าประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลาตัวคล้ายเส้นด้าย มีขนาดประมาณ 0.5-1 ม.ม.
ยาวประมาณ 0.5-1 ซ.ม. มีหนวดเป็นเส้นยาว 4 - 12 เส้นลาตัวสีขาวขุ่น
แต่บางชนิดมีสีเขียว จึงทาให้สามารถสังเคราะห์แสงได้ อาหารของไฮดรา
คือ ไรน้าและตัวอ่อนของแมลงในน้า ไฮดราสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบไม่
อาศัยเพศและแบบอาศัยเพศ ดังนี้
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของไฮดรา
     เมื่อไฮดราเจริญเติบโตเต็มวัย จะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอก
ออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นไฮดราตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็จะหลุดออกไปอยู่
ตามลาพังได้เอง การสืบพันธุ์แบบนี้ เรียกว่า การแตกหน่อ
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของไฮดรา
       ไฮดรามีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ แต่เกิดขึ้นไม่บอยนัก ซึ่งจะ
                                                          ่
เกิดขึ้นในกรณีที่อาหารไม่สมบูรณ์ ไฮดราจะมี 2 เพศอยูในตัวเดียวกันและ
                                                        ่
มีรังไข่อยูข้างลาตัว ลักษณะเป็นปุ่มใหญ่เหนือรังไข่บริเวณใกล้ ๆ หนวด
            ่
(Tentacle) จะมีอัณฑะเป็นปุ่มเล็ก ๆ รังไข่จะผลิตเซลล์ไข่ และอัณฑะจะ
ผลิตเซลล์อสุจิ โดยปกติไข่และตัวอสุจิจะเติบโตไม่พร้อมกัน จึงต้องผสมกับ
ตัวอื่น ตัวอสุจิจากไฮดราตัวหนึ่งจะว่ายน้าไปผสมกับไข่ที่สุกในรังไข่ของ
ไฮดราตัวอื่นไข่ที่ผสมแล้วจะเป็นไซโกตจะเจริญเติบโตอยู่กับตัวแม่ระยะหนึ่ง
2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction)                            ...............1. Hermaphrodite broadcaster
                                                                               มีลักษณะของทั้งสองเพศภายในโพลิปเดียวกัน ไข่และน้าเชื้อจะถูกรวมอยูใน    ่
                   เป็นการสืบพันธุ์ที่ผลิตสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาด้วยการ         ก้อนเล็ก ๆ เรียกว่า "bundle" เมื่อเข้าสู่ระยะที่สมบูรณ์จะถูกปล่อยออกสู่
                   รวมตัวของหน่วยพันธุกรรมซึ่งอาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตตัว         ภายนอก bundle แต่ละก้อนจะแตกออก ซึ่งไข่และน้าเชื้อจะผสมกันในมวลน้า
                   เดียวกัน หรือคนละตัวก็ได้ หรือเกิดจากการรวมตัวของ           ...............2.Hermaphrodite brooder
                   นิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell or gamete)             มีลักษณะที่มีสองเพศภายในโพลิปเดียวกัน ไข่และนาเชื้อมีการผสมกันภายใน
                   ซึ่งจากการแบ่งตัวแบบไมโทซิสของไพรมอร์เดียลเจิม              โพลิป ตัวอ่อนจะได้รับการพัฒนาอยู่ภายใน (internal fertilization)
                   เซลล์                                                       ระยะหนึ่งก่อนที่จะถูกปล่อยออกสู่ภายนอก
                         การรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์เรียกว่า ปฏิสนธิ            ...............3.Gonochoric broadcaster
                   (fertilization) ได้นิวเคลียสใหม่ที่เป็นดิพลอยด์             มีลักษณะที่ในแต่ละโคโลนี หรือในแต่ละโพลิปมีเพศที่ตางกัน มีการปล่อยไข่
                                                                                                                                    ่
                   (diploid) ซึ่งเรียกว่าไซโกต (zygote) จะเป็นเซลล์            และน้าเชื้อออกมาผสมกันภายนอกลาตัว
                   เริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตรุ่นต่อไป                             ...............4.Gonochoric brooder
                                                                               ลักษณะที่ในแต่ละโคโลนี หรือในแต่ละโพลิปมีเพศต่างกัน เพศผู้จะปล่อยน้าเชื้อ
                          เซลล์สืบพันธุ์                                       เข้าไปผสมภายในโพลิปของกับทางจันทรคติ (lunar cycle) ทั้งข้างขึ้นและ
                                                                               ข้างแรม ในหลายพื้นที่เกิดขึ้นหลังจาก 15 ค่า ประมาณ 5 - 8 วัน สาหรับ
ไข่ (Egg)                                                                      ลักษณะความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ ในเขตกึ่งเขตร้อน (sub-tropical)
       โดยทั่วไปมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มักมีอาหาร       ปะการังมีแนวโน้มที่จะผลิตเซลล์สืบพันธุ์มากในช่วงฤดูรอน สาหรับในเขตร้อน
                                                                                                                                      ้
สะสมอยู่เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายในไข่ เช่น ไข่แดงของไข่ไก่และไข่เป็ด ไข่   ศูนย์สูตร (tropical) ปะการังมีแนวโน้มที่จะผลิตเซลล์สืบพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี
แดงซึ่งมีเยื่อหุ้มอยู่เทียบได้กับเซลล์ 1 เซลล์ ส่วนจุดกลม ๆ ในไข่แดง คือ                 การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของปะการังมีหลายรูปแบบ ซึ่งจะแตกต่าง
นิวเคลียส เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ้มเพือป้องกันการ
                                                    ่                          กันไปในแต่ละชนิด ในแนวปะการังการสืบพันธุ์แบบนี้จะเป็นการเพิมจานวน
                                                                                                                                              ่
กระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม เช่นไข่กบมีวนหุ้ม ไข่เต่าทะเลมีสิ่งที่มี
                                                 ุ้                            อย่างรวดเร็ว การสืบพันธุ์ในรูปแบบนี้ จะมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนเดิม
ลักษณะเป็นเยื่อเหนียวหุ้ม ไข่เป็ดและไข่ไก่มีเปลือกแข็งหุ้ม เป็นต้น             ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวเพือทนทานต่อสภาพแวดล้อม ที่รุนแรงจึงมี
                                                                                                                     ่
อสุจิ (Sperm)                                                                  น้อย ทาให้ประชากรแต่ละตัวจะมีความสามารถในการอยูรอดการปรับตัวจึง
                                                                                                                                        ่
       มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์         ต่า นอกจากนั้นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ทาให้ความหลากหลายทาง
ส่องดูจึงจะมองเห็น ตัวอสุจิมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ หัว (head)              พันธุกรรมลดลง อย่างไรก็ตามในแนวปะการังส่วนมากจะพบการสืบพันธุ์ ใน
ลาตัว (body) และหาง (tail) ส่วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็นส่วนประกอบ                  รูปแบบนี้เป็นหลัก โดยแบ่งออกเป็น
เคลือนที่โดยใช้หาง.
     ่                                                                         ...............1.Flagmentation
       เมื่อสัตว์โตเต็มที่และพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้ว เพศเมียจะสร้างไข่ และ           โดยการแตกหักออกจากโคโลนีใหญ่ ปะการังจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่อย่าง
เพศผู้จะสร้างอสุจิ ไข่และตัวอสุจิของสัตว์แต่ละชนิดจะมีขนาดและจานวน             รวดเร็ว ขึ้นมาแทนที่ ในบางพื้นที่ที่มีตะกอนมาก โอกาสในการสร้างเนื้อเยื่อ
ต่างๆกันไป โดยทั่วไปไข่จะมีลกษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ และมักมี
                                 ั                                             ใหม่ก็จะลดลงไปด้วย การแตกหักที่เกิดขึ้น มักจะเกิดขึ้นกับปะการังที่มีรูปร่าง
อาหารสะสมอยู่เพื่อไว้เลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายใน เช่น ไข่แดงของไข่ไก่ ไข่เป็ด    แบบกิ่งก้านมากกว่าแบบก้อน
นอกจากนี้ยังมีสิ่งห่อหุ้มเพือป้องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม
                              ่                                                ..............2.Budding
ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวุน เช่น ไข่กบ หรือมีลกษณะเป็นเยื่อเหนียว เช่น
                          ้                   ั                                       เป็นการแบ่งตัวออกภายในโคโลนีแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ
ไข่เต่าทะเล บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้ม เช่น ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่จระเข้              Intratentacular budding เป็นการแยกตัวโพลิปใหม่ออกจากโพลิปเดิม
       เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึ้น            โดยเกิดเป็น 2 หรือ 3 โพลิปใหม่ แต่ไม่มีผนังของตนเองอย่างสมบูรณ์
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ                                                         Extratentacular budding เป็นการแบ่งตัวที่เกิดขึ้นภายนอกโพลิปเดิม
              1.การปฏิสนธิภายใน (Internal Fertilization)                       ทาให้โพลิปใหม่ มีผนังของตัวเองชัดเจน
    ตัวอสุจิจากสัตว์เพศผู้เข้าผสมกับไข่ซึ่งยังอยูในตัวของสัตว์เพศเมีย
                                                      ่                        ...............3.Polyp bail-out
ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน แมลง ปลาที่ออกลูก                ปะการังจะมีการปล่อยโพลิปออกมาในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะ หรือมี
เป็นตัว เช่น ปลาเข็ม ปลาหางนกยูง ปลาฉลาม                                       ความเครียด เกิดขึ้น ซึ่งการสืบพันธุ์ในรูปแบบนี้จะมีน้อยชนิด
         2.การปฏิสนธิภายนอก (External Fertilization)                                    การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยวิธีการแตกหน่อขยายออกไปจากตัว
   การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจิภายนอกตัวของ                                     เดิม ทาให้กอนปะการัง มีขนาดใหญ่ขึ้นและลงเกาะทับถมกันเป็นเวลานานนับ
                                                                                                ้
สัตว์เพศเมีย ได้แก่ สัตว์ครึ่งน้าครึ่งบก ปลาต่าง ๆ                             ร้อย ๆ ปี เป็นแนวหินปูนใต้น้าเรียกว่า " แนวปะการัง" การเจริญเติบโต
และสัตว์น้าที่ออกลูกเป็นไข่ทุกชนิด                                             ปะการังบางชนิดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10 ซ.ม. ต่อปี ส่วน
                                                                               ปะการังก้อน มีการเจริญเติบโตเฉลี่ย 1-2 ซม. ต่อปี ปะการังจะเติบโตได้ดีใน
การสืบพันธุ์ของปะการัง                                                         น้าทะเลที่ใสสะอาด ความเค็มคงที่ มีแสงสว่างส่องถึงระดับอุณหภูมิที่ 18-32
      การสืบพันธุ์ของปะการังสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศ และ              องศาเซลเซียส หากระบบนิเวศน์เสื่อมโทรมแนวปะการัง จะถูกทาลายกว่าจะ
แบบไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศทาให้เกิดการแลกเปลี่ยน                   ฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลานานหลายสิบปี
พันธุกรรม (gene flow) ส่งผลให้สังคมปะการังมีความหลากหลายทาง
พันธุกรรมเพิมขึ้น แนวปะการังบางแห่ง เมื่อตรวจเช็คหาพันธุกรรม พบว่า
             ่
ทั้งแนวปะการังมีพนธุกรรมเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการสืบพันธุ์ แบบไม่
                   ั
อาศัยเพศ โดยอาศัยการแตกหักของร่างกายบางส่วน อย่างไรก็ตามการ
สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สังคม และโครงสร้างทาง
สังคมสามารถดารงอยู่ได้ โดยสร้างและผลิตตัวอ่อน ที่มีความหลากหลาย
ทางพันธุกรรม แพร่กระจายออกไปแทนที่ประชากรเดิมที่มี
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของปะการังแข็งเป็น 4 รูปแบบ
การเปลี่ยนสภาพและการชราภาพของเซลล์                                    สืบพันธุ์ชาย แต่ในตัวอ่อนเพศหญิงไม่มี จึงมีการพัฒนาให้เป็นอวัยวะของ
         เซลล์เมื่อแบ่งตัวแล้วก็จะเปลี่ยนสภาพไป เพือทาหน้าที่เฉพาะอย่าง การ
                                                            ่                       ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงแทน สาหรับอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย
แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส ทาให้ได้จานวนเซลล์เพิมมากขึ้น และเป็นผลให้เกิด
                                                        ่                                                           1. อัณฑะ (testes)
การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ซึ่งตามปกติแล้วจะเกิดกระบวนการ                 ถุงอัณฑะ (scrotum)
ต่าง ๆ 4 กระบวนการ คือ                                                                   ถุงอัณฑะเป็นส่วนผิวหนังที่มีลักษณะเป็นถุงยื่นออกมาจากส่วนล่างของ
         1. การเพิ่มจานวนเซลล์ (cell multiplication)                                ผนังหน้าท้องบริเวณส่วนกลางของถุงอัณฑะมีสันนูนคล้ายรอยเย็บ จะทา
            ในสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์เดียว เมื่อมีการแบ่งเซลล์ เพือเพิ่มจารนวน
                                                                  ่                 หน้าที่ปรับอุณหภูมิของอัณฑะให้คงที่ ซึงจาเป็นต่อการสร้างและการพัฒนา
                                                                                                                            ่
เซลล์ก็จะทาให้เกิดการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศขึ้น ส่วนในพวกสิ่งมีชีวิต               ของอสุจิ ที่ต้องการอุณหภูมิที่ต่ากว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 3-5 ðC
หลายเซลล์ เมื่อเกิดปฏิสนธิแล้ว เซลล์ที่ได้ก็ คือ ไซโกต ซึ่งจะมีการแบ่ง
เซลล์แบบไมโทซิส เพือเพิ่มจานวนเซลล์ให้มากขึ้น ผลจากการเพิมจานวน
                              ่                                         ่           อัณฑะ (testes)
เซลล์ทาให้ได้เซลล์ใหม่มากขึ้น และมีขนาดเพิ่มขึ้น การจะมีเซลล์มากน้อย                      อัณฑะ เป็นอวัยวะที่เคลื่อนไหวได้อยู่ในถุงอัณฑะ มีลักษณะเป็นรูปไข่
แค่ไหนก็แล้วแต่ชนิดของสิ่งมีชีวิตนั้นว่ามีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เท่าใด                ขนาดประมาณ 4x2.5x2 เซนติเมตร หนัก 10-15 กรัม ปกติอัณฑะทาง
         2. การเจริญเติบโต (growth)                                                 ด้านซ้ายจะอยู่ตากว่าทางด้านขวาประมาณ 1 เซนติเมตร ในตัวอ่อนอัณฑะจะ
                                                                                                     ่
            ในสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์เดียว การเพิมของโพรโทพลาซึมก็จัดว่า เป็น
                                                   ่                                วางตัวอยูในช่องท้องใกล้กับไต เมื่อตัวอ่อนอายุได้ 7 เดือนอัณฑะจะเคลือน
                                                                                               ่                                                         ่
การเจริญเติบโต เมื่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตแบ่งเซลล์ในตอนแรกเซลล์ใหม่ที่ได้             เข้าไปอยู่ในถุงอัณฑะพร้อมทั้งนาเอาหลอดเลือด เส้นประสาทและท่อ นาอสุจิ
จะมีขนาดเล็กกว่าเซลล์เดิม ในเวลาต่อมาเซลล์ใหม่ที่ได้จะสร้างสารต่าง ๆ                ที่ออกจากอัณฑะตามลงไปด้วยกลายเป็น spermatid cord การออกแรง
เพิมมากขึ้นทาให้ขนาดของเซลล์ใหม่นั้นขยายขนาดขึ้น ซึ่งจัดเป็นการ
   ่                                                                                ยกของหนักหรือมีความดันในช่องท้องสูงอาจทาให้ inguinal canal ขยาย
เจริญเติบโตด้วย ในสิ่งมีชีวิตพวกที่เป็นหลายเซลล์ ผลจากการเพิมจานวน        ่         เปิดกว้างออก อวัยวะต่างๆ ที่อยู่ในช่องท้องสามารถเคลื่อนผ่านรูนี้ออกมาดัน
เซลล์ก็คือ การขยายขนาดให้ใหญ่โตขึ้น ซึ่งจัดเป็นการเจริญเติบโตด้วย                   อยูในถุงอัณฑะ เรียกว่า ไส้เลื่อน (inguinal hernia) และถ้าหากอัณฑะยัง
                                                                                        ่
เช่นกัน                                                                             ไม่สามารถเคลื่อนลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ เรียกสภาพนี้ว่าอัณฑะทองแดง
         3. การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (cell differentiation)                           (cryptochidism) ซึ่งจะมีผลทาให้ไม่สามารถสร้างอสุจได้    ิ
            เพือไปทาหน้าที่ต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์เดียวก็มีการเปลี่ยนแปลง
               ่
ของเซลล์ เพือไปทาหน้าที่ต่าง ๆ เหมือนกัน เช่น มีการสร้างเซลล์ที่ทนทาน
                   ่                                                                โครงสร้างของอัณฑะ
ต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดี เช่น การสร้าง เอนโดสปอร์                                 อัณฑะถูกหุ้มด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหลวมซึ่งจะให้ผนังแทรกเข้าไป
(endospore) ของแบคทีเรียในพวกสาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงินก็มี เช่น                      ภายในแบ่งอัณฑะออกเป็นช่องขนาดเล็ก ประมาณ 200-300 ช่อง ภายใน
การสร้างเซลล์พิเศษซึ่งเรียกว่า เฮเทอโรซิสต์ (heterocyst) มีผนังหนา                  แต่ละช่องประกอบด้วย เซลล์เลย์ดิกส์ และหลอดสร้างอสุจิ (seminiferous
และสามารถจับก๊าซไนโตรเจนในอากาศเปลี่ยนเป็นสารประกอบไนโตรเจนที่                      tubule) จะขดไปรวมความยาวทั้งหมดประมาณ 225 เมตร ซึ่งแต่ละหลอด
มีประโยชน์ต่อเซลล์ของสาหร่ายชนิดนั้น ๆ ได้                                          มาบรรจบกันเป็นตาข่ายเรียกว่า เรติเทสทีส (rete testis) ต่อจากนั้นก็จะ
           ในสิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ์แบบมีเพศ เมื่อไข่และสเปิร์มผสมกันก็จะได้   เชื่อมต่อกับส่วนหัวของหลอดเก็บอสุจิ (epididymis)
เซลล์ใหม่ คือ ไซโกต ซึ่งมีเพียงเซลล์เดียว ต่อมาไซโกตจะแบ่งตัวเพิม           ่       ...........
จานวนเซลล์ให้มากขึ้น เซลล์ใหม่ ๆ ที่ได้จะเปลียนแปลงไป เพือไปทาหน้าที่
                                                          ่           ่                                               หลอดเลือดและเส้นประสาท
ต่าง ๆ กัน เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ ทาหน้าที่ในการหดตัว ทาให้เกิดการ
เคลือนที่หรือเคลื่อนไหว เซลล์เม็ดเลือดแดง ทาหน้าที่ลาเลียงก๊าซออกซิเจน
       ่                                                                                                                          หลอดเก็บอสุจิ
เซลล์ประสาททาหน้าที่ในการนากระแสประสาทเกี่ยวกับความรู้สึก และ
คาสั่งต่าง ๆ เซลล์ต่อมไร้ท่อ ทาหน้าที่สร้างฮอร์โมน เป็นต้น จะเห็นได้ว่า                   ท่อนาอสุจิ                                              เรติเทสทีส
เซลล์ภายในร่างการของเราจะเริ่มต้นมาจากเซลล์เซลล์เดียวกัน แต่มีการ
เปลี่ยนแปลงไป เพือทาหน้าที่ต่าง ๆ กันไป เพือให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ๆ
                         ่                            ่
สามารถดารงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กันได้
         4. การเกิดรูปร่างที่แน่นอน (morphogenesis)
             เป็นผลจากการเพิมจานวนเซลล์การเจริญเติบโต การเปลี่ยนแปลง
                                  ่                                                  หลอดเลือด
ของเซลล์ เพือทาหน้าที่ต่าง ๆ ขบวนการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะเอมบริโอ
                   ่
อยูตลอดเวลาที่มีการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ขึ้น อัตราเร็วของการสร้างในแต่
     ่
ละแห่งบนร่างกายจะไม่เท่ากัน ทาให้เกิดรูปร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดขึ้น
โดยที่สิ่งมีชวิตแต่ละชนิดจะมีแบบแผนและลักษณะต่าง ๆ เป็นแบบเฉพาะตัว
                 ี
และไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นลักษณะ
                                                                                                                                            หลอดสร้างอสุจิ
ทางพันธุกรรม ซึ่งถูกควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมของสิ่งมีชวิตชนิดนั้น ๆ   ี
                        ระบบการสืบพันธุ์ในมนุษย์                                                                  โครงสร้างภายในอัณฑะ
                                                                                                                                                               .
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย                                                                                                2. accessory ducts
     ระบบสืบพันธุ์ทั้งในเพศชายและเพศหญิง เป็นระบบที่สาคัญต่อการ                             เป็นท่อนาอสุจจากอัณฑะออกไปสู่ภายนอก ประกอบด้วย หลอดเก็บ
                                                                                                         ิ
ดารงรักษาเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตให้สืบต่อไปชัวลูกชัวหลาน โดยจะทาหน้าที่
                                              ่ ่                                   อสุจิ (epididymis), ท่อนาอสุจิ (vas deferen), ท่อฉีดอสุจิ
สร้างเซลล์สืบพันธุ์และเลี้ยงดูจนกลายเป็นตัวเต็มวัยออกมา โดยมีสาร                    (ejaculatory duct) และ ท่อปัสสาวะ
พันธุกรรมจากพ่อและแม่เป็นตัวกาหนดลักษณะตลอดจนเพศของลูกตั้งแต่มี                     อินเตอร์สติเชียลเซลล์หรือเลย์ดิกเซลล์ (Leydig's cell)
การปฏิสนธิ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ทั้งภายใน                         เป็นเซลล์ขนาดใหญ่ที่แทรกอยูระหว่างหลอดสร้างอสุจิ (รปที่ 3) มีหน้าที่
                                                                                                                     ่
และภายนอกของเพศชายและเพศหญิง จะมีการพัฒนามาตั้งแต่ระยะที่อยู่ใน                     สร้างฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เพือกระตุ้นให้
                                                                                                                                                   ่
ท้องของแม่แล้ว โดยจะมีการพัฒนาควบคู่มากับระบบขับถ่าย ผลจาก                          เด็กชายแตกหนุ่มมีรูปร่างลักษณะเปลี่ยนเป็นเพศชายชัดเจน (male
โครโมโซมY ในตัวอ่อนเพศชายจะกระตุ้นให้มีการพัฒนาอวัยวะของระบบ                        secondary sex charateristics) คือมีหนวดเคราตามใบหน้า ขนขึ้น
บริเวณรักแร้ หน้าท้องและบริเวณหัวเหน่า กล่องเสียงขยายใหญ่ทาให้เสียง                                                                     ท่อรวมปัสสาวะ
    แตกห้าว กล้ามเนื้อเป็นมัดใหญ่ และกระดูกยืดยาวขึ้น ลึงค์ขยายโตขึ้นและ
    ต่อมต่าง ๆ เช่น ต่อมลูกหมาก มีการเจริญเติบโตสร้างและหลังสารออกมา
                                                                ่                                                กระเพาะ
                                                                                                                 ปัสสาวะ
    และกระตุ้นให้มีการสร้างอสุจิ
    2.1 หลอดสร้างอสุจิ (seminiferous tubule)
         ท่อนี้ถูกล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและ เซลล์แบน ๆ มีลักษณะ          กระดูกหัวเหน่า
    คล้ายเซลล์กล้ามเนื้อเรียบเรียก เซลล์ไมออยด์ (myoid cell) เมื่อเซลล์นี้                                                                     หลอดเก็บอสุจิ
                                                                                 ท่อปัสสาวะ
    หดตัวช่วยบีบไล่อสุจิออกไปตามท่อฉีดอสุจิ ภายใน seminiferous                                                                                 ต่อมลูกหมาก
    tubule จะประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือ spermatogenic cell เป็น                                                                             ท่อฉีดอสุจิ
    เซลล์ที่ให้กาเนิดเซลล์สืบพันธุ์หลายระยะและเซลล์เซอทอริ (sertoli cell)          ลึงค์                                                    รูทวาร
                                                                                                                   ท่อนาอสุจิ
                                                                                                                   หลอดสร้างอสุจิ
    ไพรมอเดียลเจิร์มเซลล์ (primordial germ cell)
             เป็นเซลล์ต้นตอที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย มีการแบ่งตัวและเปลี่ยน
    สเปอร์มาโทโกเนีย(spermatogonia)จนกลายไปเป็นอสุจิ เรียก                                        อัณฑะ
    กระบวนการนี้ว่า สเปอร์มาโทเจเนซิส (spermatogenesis) ซึ่งใช้
    เวลานานประมาณ 64 วัน แบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ ได้ 4 ระยะคือ                     - acrosin หน้าที่ย่อยสลายเยื่อหุ้มไข่ (zona pellucida)ของเซลล์ไข่
    ...............1. spermatocytogenesis เป็นกระบวนการแบ่งเซลล์แบบ              - ส่วนหาง ส่วนประกอบภายในจะคล้ายกันกับแฟลกเจลลัม สร้างมาจาก
    ไมโทซิสเริ่มต้นตั้งแต่สเปอร์มาโทโกเนียจนกลายเป็นสเปอร์มาโทไซต์ระยะ           เซนทริโอล มีไมโทคอนเดรียล้อมรอบ ทาหน้าที่ในการสร้างพลังงานให้แก่
    ที่ 1 (primary spermatocyte) เพือเพิ่มปริมาณของเซลล์สืบพันธุ์
                                              ่                                  อสุจิให้สามารถเคลื่อนไหวได้
    ...............2. meiosis เป็นกระบวนการแบ่งเซลล์สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่        2.2 หลอดเก็บอสุจิ (epididymis)
    1 จนกลายเป็นสเปอร์มาทิดซึ่งทาให้จานวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือ                   ประกอบด้วย กลุ่มท่อที่ขดไปมาเป็นก้อนโอบโค้งอยูทางด้านหลังของ
                                                                                                                                           ่
    เป็น 23 โครโมโซม จะมีการแบ่งเซลล์ 2 ครั้ง                                    อัณฑะ เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ขนาดประมาณ 4 เซนติเมตร เมื่อคลี่ออกจะ
    ...... - meiosis I เป็นการแบ่งเซลล์จากสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 1 กลาย           ยาวประมาณ 6 เมตร มีหน้าที่
    เป็นสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 2                                                  ...............1. เป็นแหล่งอาหารและที่พักของอสุจให้มีการพัฒนาตัวเองจน
                                                                                                                                  ิ
    .......- meiosis II เป็นการแบ่งเซลล์จาก สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 2              สามารถเคลื่อนไหวเพื่อเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่ได้
    กลายเป็นสเปอร์มาทิด                                                          ...............2. เป็นทางผ่านของ sperm ออกจากอัณฑะเข้าสูหลอดนาอสุจิ
                                                                                                                                                ่
    ...............3. spermiogenesis เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของ          (vas deferens)
    สเปอร์มาทิดซึ่งเป็นเซลล์รูปร่างกลมให้กลายเป็นเซลล์มีรูปร่างลักษณะ            ...............3. หลังสารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของน้าอสุจิ
                                                                                                       ่
    พิเศษคือ อสุจิ โดยอาศัยออร์กาเนลล์ในสเปอร์มาทิด คือ นิวเคลียส                2.3 ท่อนาอสุจิ (vas deferens)
    กอลจิบอดี, ไมโทคอนเดรีย และเซนทริโอล                                               เป็นท่อที่ต่อจากหลอดเก็บอสุจิ ยาวประมาณ 45 เซนติเมตร เปิดเข้าสู่ท่อ
    ...............4. spermiation เป็นกระบวนการปลดปล่อยอสุจออกสูลูเมน
                                                                  ิ ่            ปัสสาวะในต่อมลูกหมาก ทาหน้าที่นาอสุจจากอัณฑะเข้าสูท่อฉีดอสุจิ
                                                                                                                              ิ              ่
    หรือช่องว่างเพื่อส่งไปยังหลอดเก็บอสุจิ                                              ในการทาหมันชาย โดยการตัดเส้นทางไม่ให้อสุจออกสู่ภายนอกไปผสม
                                                                                                                                         ิ
                                ช่องว่างในหลอดสร้างอสุจิ                         กับเซลล์ไข่สามารถทาได้ง่าย ด้วยวิธีกรีดผิวหนังทางด้านหลังของถุงอัณฑะ
                                                                                 แล้วจึงผูกและตัดท่อนาอสุจเิ นื่องจากเป็นท่อที่มีชั้นกล้ามเนื้อหนามากสามารถ
                                                                                 คลาส่วนต้นของท่อนี้ได้ ซึ่งมีลักษณะเป็นลาอยู่ทางด้านหลังของถุงอัณฑะ
spermiogenesis
                                                                                 เรียกวิธีการทาหมันในผู้ชายนี้ว่า vasectomy
                                                                                 2.4 ท่อฉีดอสุจิ (ejaculatory duct)
                                                                                       เป็นท่อสั้นๆ ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร รับสารที่สร้างมาต่อมสร้างน้า
 Spermatozoa                                                                     เลี้ยงอสุจิและท่อนาอสุจิ แล้วแทงทะลุเข้าทางด้านหลังของต่อมลูกหมาก เข้าไป
   Spermatid                                                                     เชื่อมต่อกับท่อปัสสาวะที่อยู่ในต่อมลูกหมาก เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศก็จะมี
  2๐spermatocyte
                                                                                 การบีบตัวทาให้อสุจิเคลือนที่ออกมาทางท่อปัสสาวะ
                                                                                                              ่
 1๐spermatocyte
                                                                                                         3. accessory glands
       เส้นเลือด                                                                      เป็นต่อมที่สร้างสารอาหารเลี้ยงอสุจิและช่วยอานวยความสะดวกในการ
                                                                                 ลาเลียงอสุจิ ออกสู่ภายนอกด้วย ได้แก่ ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (seminal
                                                                                 vesicle) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) และต่อมคาวเปอร์
                          spermatogonia                                          (Cowper's gland)
                                                                                 3.1 ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle)
                                                                                      seminal vesicle มีลักษณะเป็นถุงยาวขดไปมาทางด้านหลังของ
          ถ้าเอาอสุจแต่ละตัวที่เจริญเต็มที่ไปศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์
                    ิ                                                            กระเพาะปัสสาวะ มีอยู่ 2 ข้างจะให้ท่อเชื่อมต่อกับแอมพูลลาของท่อนาอสุจิซึ่ง
    อิเล็กตรอน จะเห็นว่าอสุจแต่ละตัวมีความยาว 55-65 ไมครอน
                               ิ                                                 ประกอบด้วย
    ประกอบด้วย                                                                       -สารเมือกฟรักโทสสาหรับให้พลังงานแก่อสุจิ เพือใช้ในการเคลือนไหว
                                                                                                                                         ่           ่
         - ส่วนหัว มีลักษณะเป็นรูปไข่ ภายในคือนิวเคลียสของ spermatid                 -โพรสทาแกลนดิน (prostaglandins) เพือทาให้มดลูกหดตัวช่วยบีบ
                                                                                                                                      ่
    และทางด้านหน้า 2/3 ของนิวเคลียสจะถูกหุ้มด้วย acrosome ซึ่งภายใน              ไล่อสุจิ ให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมี วิตามินซี และ coagulating
    มี acrosomal enzyme หลายชนิดทาหน้าที่ย่อยทาลายผนังของไข่คือ                  enzyme สารที่หลั่งออกจากต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ 60 % ของน้าอสุจิที่หลั่ง
    - เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (hyaluronidase) ซึ่งทาหน้าที่ย่อยสลาย เยื่อ           ออกมาแต่ละครั้ง มีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อลดความเป็นกรดในช่องคลอดของผู้หญิง
    หุ้มเซลล์ไข่                                                                 3.2 ต่อมลูกหมาก (prostate gland)
........ต่อมลูกหมาก เป็นก้อนรูปร่างคล้ายกรวย มีเส้นผ่าศูนย์กลาง             จานวนมาก ดังนั้นหากเกิดการฉีกขาดที่บริเวณนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในขณะ
ประมาณ 3 เซนติเมตร น้าหนัก 20 กรัม หุ้มรอบท่อ ผนังชั้นนอกของ                คลอด จะทาให้เจ็บ เสียเลือดมาก และเย็บติดได้ยาก
ต่อมลูกหมากถูกห่อหุ้มด้วยถุง(capsule) สารที่สร้างมาจากต่อมลูกหมาก           ...............5.เวสติบูล (vestibule) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างแคมเล็กทั้งสอง
มีลักษณะเป็นน้าสีขาวคล้ายน้านม มีฤทธิ์เป็นด่างเล็กน้อย ประกอบด้วย           ข้าง บริเวณนี้มีรูเปิดของท่อต่างๆ ดังนี้
กรดฟอสฟาเตส กรดซิตริค คลอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิพิด สังกะสี โปรติ                 - รูเปิดของท่อปัสสาวะ (urethral orifice) จะอยูถัดจากคลิทอริส ราว 1
                                                                                                                                ่
โอไลติกเอนไซม์ และไฟบริโนไลซินmซึ่งช่วยหลอมละลายการแข็งตัวของ               ซม.
ก้อนอสุจิที่หลั่งออกมา สารที่หลั่งออกจากต่อมลูกหมากจะกระตุ้นให้อสุจิ        - รูเปิดของช่องคลอด (vaginal orifice) อยูถัดไปอีก มีเยื่อพรหมจารีย์ปิด
                                                                                                                            ่
เคลือนไหวได้ดี มีการสร้างสารอาหารสาหรับอสุจซึ่งการหลั่งน้าอสุจิแต่ละ
      ่                                        ิ                            อยู่
ครั้งมีสารที่สร้างจากต่อมลูกหมากประมาณ 30 %                                 - รูเปิดของ Bartholin's gland และ paraurethral gland อย่างละ 1
                                                                            คู่
 3.3 ต่อมคาวเปอร์ (Cowper's gland)
    ขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่ว 2 ต่อม ตั้งอยู่ 2 ข้างของท่อปัสสาวะ แต่อยู่ตา
                                                                     ่                                     รังไข่                                    มดลูก
กว่าต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่ให้ท่อออกมาเปิดออกสู่ท่อปัสสาวะที่อยู่ในลึงค์                         ท่อนาไข่
สารที่สร้างและหลังออกมา เป็นสารเมือก มีฤทธิ์เป็นด่างทาหน้าที่หล่อลื่น
                 ่
และลดความเป็นกรดภายในท่อปัสสาวะของผู้ชายและในช่องคลอดของผู้หญิง
                           4. ลึงค์ (penis)                                   กระเพาะปัสสาวะ
      เป็นอวัยวะที่ทาหน้าที่เป็นทางผ่านของน้าปัสสาวะและน้าอสุจิ แบ่ง          กระดูกหัวเหน่า
ออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่แนบชิดติดกับลาตัวเรียกว่า โคน และส่วนที่ยน    ื่                                                                             ลาไส้ใหญ่
ออกมาเรียกว่า ตัวลึงค์ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ (erectile            ท่อปัสสาวะ
                               tissue) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก
                                                                                                                                          ปากมดลูก
                               3 แท่ง ภายในมีลักษณะคล้ายฟองน้า                                                                            ลาไส้ตรง
                               ประกอบด้วยโพรงของแอ่งเลือดเล็ก ๆ ในชั้น                                                                    ช่องคลอด
                               ผิวหนังของปลายลึงค์นี้จะมีตอมเหงื่อ และ
                                                             ่                                                                            ทวาร
                               ต่อมไขมันมาก เมื่อมีการหลังสารออกจาก
                                                           ่                                   ภาพตาแหน่งและลักษณะโครงสร้างของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
                               ต่อมพร้อมกับเซลล์ที่หลุดลอกออกจาก            ..............6.ต่อมบาร์โทลิน Bartholin's gland (greater vestibular
                               ผิวหนังมารวมตัวกันจะเป็นก้อนสีขาวขุน ่       gland) เป็นต่อมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถัวเขียวพบอยู่ 2 ข้างของรูเปิดของช่อง
                                                                                                                    ่
        ลึงค์ตัดตามขวาง        เรียกว่า สเมกมา (smegma) ถ้าหากทา            คลอด ต่อมนี้เปรียบเทียบได้กับต่อมคาวเปอร์ในเพศชาย จะให้ท่อออกมาเปิด
                               ความสะอาดบริเวณนี้ไม่ดีจะก่อให้เกิดการติด    ที่บริเวณระหว่างเยื่อพรหมจารีย์กับแคมเล็ก ทาหน้าที่สร้างเมือกหล่อลื่น และ
เชื้อได้ ดังนั้นการผ่าตัดเอาหนังหุ้มลึงค์ออกซึ่งเรียกว่า การขลิบ            มีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อลดความเป็นกรดในช่องคลอด
(circumcision) จะทาให้สามารถทาความสะอาดบริเวณนี้ได้ง่าย                     ...............7. เยื่อพรหมจารีย์ (hymen) เป็นเนื้อเยื่อที่ยนออกมาปิดรูเปิด
                                                                                                                                        ื่
                                                                            ของช่องคลอด ตรงกลางจะมีรเปิดเล็กๆ เยื่อพรหมจารีย์นี้สามารถยืดหยุ่นได้
                                                                                                              ู
 ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง (Female Reproductive System)                          ในเด็กบางคนเยื่อพรหมจารีย์ไม่มีรูเปิดจึงปิดช่องคลอดไว้หมด ทาให้เลือด
                                                                            ประจาเดือนไม่สามารถไหลออกมาได้ เรียก imperferated hymen
      ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงเป็นระบบที่ทาหน้าที่คล้ายกับระบบสืบพันธุ์เพศ      ...............8. ฝีเย็บ (perineum) ฝีเย็บมักจะฉีกขาดขณะที่ทาการคลอด ถ้า
ชาย ซึ่งนอกจาก สร้างเซลล์สืบพันธุ์คือเซลล์ไข่ และสร้างฮอร์โมนเพศหญิง        หากไม่มีการเย็บซ่อมก็อาจจะทาให้อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะมดลูก
แล้ว ยังทาหน้าที่ดูแลฟูมพักให้ เซลล์ไข่ที่ผสมติดให้พัฒนากลายเป็นตัวอ่อน     เคลือนที่ออกมาทางช่องคลอด ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ฝีเย็บฉีกขาด ขณะทา
                                                                                  ่
จนคลอดออกมา ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบ ด้วย                                 คลอดจะต้องตัดบริเวณฝีเย็บ เรียกว่า episiotomy เพือเปิดช่องคลอดให้
                                                                                                                                           ่
                อวัยวะเพศภายนอก (external genitalia)                        กว้างขึ้นจะได้คลอดสะดวก เมื่อทารกคลอดออกมาแล้วค่อยทาการเย็บปิดกลับ
      เป็นอวัยวะที่มองเห็นได้จาก ภายนอก อาจจะเรียกว่า vulva หรือ            ตามเดิม
pudendum ซึ่งได้แก่ เนินหัวเหน่า แคมใหญ่ แคมเล็ก คลิทอริส ,
vestibule, Bartholin's gland , paraurethral gland และ                                            อวัยวะเพศภายใน (internal genitalia)
บริเวณฝีเย็บ
...............1. เนินหัวเหน่า (mone pubis) เป็นผิวหนังนูนอยู่บริเวณ              1.ช่องคลอด (vagina)
เหนือกระดูกหัวเหน่า (pubic symphysis) เมื่อเข้าสู่วัยสาวจะมีขนงอก                 ตั้งอยูระหว่างทวารหนักและท่อปัสสาวะ เริ่มจากรูเปิดของช่องคลอดทอด
                                                                                         ่
ขึ้นที่บริเวณนี้ สาหรับในเพศหญิงแนวขนจะเรียงตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมมี          ทอดเฉียงขึ้นไปทางด้านหลังจนถึงปากมดลูก โดยจะสวมรอบปากมดลูกเอาไว้
ยอดชี้ลงมาทางด้านล่าง ส่วนในเพศชายยอดของสามเหลี่ยมจะชี้ขึ้นไปทาง            ทาให้เกิดเป็นซอกเล็กๆ เรียกว่า fornix
สะดือ                                                                                ผนังภายในช่องคลอดมีลกษณะเป็นรอยย่นตามขวาง เรียกว่า รูกี ทาให้
                                                                                                           ั
...............2. แคมใหญ่ (labia majora) เป็นผิวหนังที่ต่อมาจากทาง          ผนังช่องคลอดสามารถยืดขยายตัวได้ บุด้วยเยื่อบุผิว ซึ่งจะมีเซลล์ชั้นล่างเจริญ
ด้านล่างของเนินหัวเหน่า มีลักษณะนูนแยกเป็น 2 กลีบลงไปบรรจบกันทาง            ขึ้นมาแทนที่เซลล์ชั้นบนสุด ซึ่งมีการลอกหลุดออกไปบ้าง ในผนังช่องคลอดจะ
ด้านหลังที่บริเวณผีเย็บ                                                     ไม่มีตอมชนิดใดอยูเลย สารเมือกในช่องคลอดได้มาจากต่อมของปากมดลูก
                                                                                   ่            ่
...............3. แคมเล็ก (labia minora) เป็นชั้นผิวหนังที่ยกตัวขึ้นเป็น    เยื่อบุผิวของผนังช่องคลอดนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามระดับของ
กลีบเล็กๆ สีแดง 2 กลีบทางด้านในของแคมใหญ่ กลีบของแคมเล็กทาง                 ฮอร์โมน กล่าวคือขณะที่มเี อสโตรเจนสูง(estrogen) ก็จะกระตุ้นให้เซลล์เยื่อ
ด้านหน้าจะแยกออกเป็น 2 แฉก                                                  บุผิวสร้างสารไกลโคเจน ออกมา เพือให้แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดคือ
                                                                                                                ่
...............4. คลิทอริส (clitoris) มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ เป็นอวัยวะที่   Doderlein bacilli ทาการสลายให้กลายเป็น กรดแลกติค ทาให้ภายในช่อง
เทียบได้กับ glans penis ในเพศชาย และมีโครงสร้างเนื้อเนื้อเยื่อที่แข้ง       คลอดมีสภาพเป็นกรด สามารถทาลายเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆ ได้ ส่วนน้าอสุจิมี
ตัวได้เช่นกัน มีหลอดเลือดและปลายประสาทรับความรู้สึกมาเลี้ยงเป็น             ฤทธิ์เป็นด่างอ่อนทาให้ความเป็นกรดในช่องคลอดลดลงอสุจิ จึงสามารถมีชีวิต
อยูภายในช่องคลอดได้ กล่าวโดยสรุป ช่องคลอดทาหน้าทีเ่ ป็นอวัยวะ
   ่
รองรับน้าอสุจิ เป็นทางผ่านของเลือดประจาเดือน และเป็นช่องทางคลอด
ของทารก
      2.รังไข่ (ovary)
      รังไข่ มีอยู่ 2 ข้าง มีลักษณะเป็นรูปไข่แบน มีขนาด 3 x 1.5 x 1 ซ.ม.
หนักประมาณ 3 กรัม วางตัวอยูภายในอุ้งเชิงกรานทางด้านหลัง
                                     ่
 โครงสร้างภายในของรังไข่
      รังไข่ถูกห่อหุ้มด้วยเยื่อบุช่องท้อง (peritoneum) เมื่อผ่ารังไข่ออก
แล้วศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่า ภายในรังไข่เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่ง
ความหนาแน่นแตกต่างกัน ทาให้แบ่งรังไข่ออกเป็น 2 ชั้น ดังนี้
      - ชั้นนอก (cortex) ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หนาแน่นมาก
ในชั้นนี้มีไข่ที่กาลังเจริญเติบโตในระยะต่างๆ ไข่แต่ละใบจะมีเซลล์บริวาร
ล้อมรอบอยูเสมอ ่                                                            โดยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง โอโอไซต์ระยะแรกซึ่งอยู่ภายในฟอลลิเคิล ก็
      - ชั้นใน (medulla) ประกอบด้วย เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่กันอย่าง      จะเจริญต่อไปจนกลายเป็น growing และ graafian follicle ตามลาดับ
หลวมๆ ภายในมีหลอดเลือด เส้นประสาท และท่อน้าเหลือง                           และก่อนที่จะมีการตกไข่ โอโอไซต์ระยะแรกที่อยู่ในกราเฟียนฟอล ลิเคิลก็จะ
                                                                            แบ่งเซลล์แบบ meiosis ครั้งที่ 1 โดยสมบูรณ์ ทาให้ได้เซลล์ 2 ชนิด ซึ่งมี
                การเจริญของเซลล์ไข่ (oogenesis)                             จานวนของโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่งเป็น 23 โครโมโซม (n) เซลล์ชนิดแรก
      การเจริญของเซลล์ไข่แตกต่างจากการเจริญของอสุจิ คือในแต่ละเดือน         เป็นเซลล์ขนาดใหญ่มไซโทพลาซึมมากเรียกว่า โอโอไซต์ระยะที่สองหรือ โอโอ
                                                                                                     ี
เซลล์ไข่สามารถเจริญพร้อมที่จะผสมกับอสุจิ ได้เพียง 1 ใบเท่านั้น ในขณะที่     ติด (secondary oocyte/ootid) เซลล์ชนิดที่ 2 มีขนาดเล็ก มีไซโทพลา
เพศชายสามารถผลิต sperm ได้จานวนนับพันล้านตัวที่เจริญสมบูรณ์                 ซึมน้อยกว่าเรียกว่า โพลาร์บอดี (first polar body) ซึ่งทั้ง 2 เซลล์ยังคง
พร้อมที่จะเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่ กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศ           อยูในซิดา หลังจากนั้น โอโอไซต์ระยะที่สองก็จะหยุดการเจริญอีกครั้ง รอ
                                                                                 ่
หญิงแบ่งเป็นหลายขั้นตอนแต่ละขั้นตอนอาศัยเวลานานจึงจะเสร็จสิ้นได้            จนกระทั่งมีการตกไข่ และได้รับการผสมกับอสุจิก็จะเกิดการแบ่งเซลล์แบบ
เซลล์ไข่ที่สมบูรณ์ ซึ่งกระบวนการผลิตเซลล์ไข่ให้เจริญสมบูรณ์จนพร้อมที่       meiosis ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นทันทีกลายเป็น เซลล์ไข่หรือโอวัม(ovum) และโพ
จะผสมได้นั้นเรียกว่า โอโอเจเนซิส (oogenesis) โดย เริ่มตั้งแต่ระยะที่        ลาร์บอดี (second polar body) กรณีที่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ โอโอไซต์
เป็นตัวอ่อนอยู่ในครรภ์มารดามี “ไพรมอเดียลเจิร์มเซลล์ (primodial             ระยะที่สองก็จะไม่มีการแบ่งเซลล์และสลายตัวภายในท่อนาไข่ แล้วอีก 14 วัน
germ cell)” เป็นเซลล์ต้นกาเนิดเจริญมาจากเนื้อเยื่อชั้น mesoderm             ต่อมา โอโอไซต์ระยะแรกกลุ่มใหม่ในรังไข่ก็จะได้รับการกระตุ้นโดย ฮอร์โมน
เคลือนที่แทรกเข้าไปในรังไข่เรียกชื่อใหม่ว่า โอโอโกเนีย (oogonia)
    ่                                                                       จากต่อมใต้สมองให้สร้างเซลล์ไข่เซลล์ใหม่ต่อไป
             โอโอเจเนซิส             การพัฒนาของฟอลลิเคิล                           3.ท่อนาไข่ (uterine tube, fallopian tube หรือ oviduct)
                                                                                    ท่อนาไข่ยาวประมาณ 4 นิ้ว ปลายด้านหนึ่งจะเปิดออกสู่ช่องท้อง ส่วน
                       โอโอโกเนีย
mitosis                                                                     ปลายอีก ข้างหนึ่งเปิดเข้าสู่โพรงมดลูก ท่อนาไข่ ทาหน้าที่เก็บเซลล์ไข่ที่หลุด
  ซิส                                                                       ออกจากรังไข่ เป็นบริเวณที่ผสมกันของเซลล์ไข่กบอสุจและนาเซลล์ไข่ทปฏิสนธิ
                                                                                                                                ั ิ                ี่
                       10 โอโอไซต์
                                                                            แล้วเดินทางเข้าสู่โพรงมดลูก ดังนั้นในระยะก่อนไข่ตก พบว่าท่อนาไข่บริเวฯ
                                                                            ส่วยปลายหรือฟริมเบรีย (fimbriae) จะเคลือนเข้าใกล้รังไข่ ซิเลียบริเวณฟ
                                                                                                                              ่
                                                                            ริมเบรียจะโบกพัดเซลล์ไข่ที่ตกลงไปในช่องท้องให้เคลื่อนเข้าไปในท่อนาไข่ แล้ว
                                                                            เดินทางต่อไปจนเข้าสู่โพรงมดลูกโดยอาศัยการโบกพัดของซิเลีย และการหด
                                                                            ตัวของกล้ามเนื้อเรียบ
                                                                                    4. มดลูก (uterus)
                                                                                   มดลูก เป็นอวัยวะที่มีรปร่างคล้ายลูกแพร์หรือลูกชมพู่ มีผนังเป็นกล้ามเนื้อ
                                                                                                           ู
                                                                            เรียบหนา ตั้งอยูด้านหลังของกระเพาะปัสสาวะและด้านหน้าของทวารหนัก ใน
                                                                                                   ่
                                                                            ระยะที่ไม่ตั้งครรภ์มดลูกจะมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว กว้าง 2 นิ้ว หนา 1
                                                                            นิ้ว น้าหนักประมาณ 50 - 60 กรัม เมื่อตั้งครรภ์ขนาดของมดลูกจะขยาย
                                                                            ใหญ่หลายเท่าและจะกลับสู่สภาพเดิมหลังคลอด เมื่อถึงวัยหมดประจาเดือน
                                                                            มดลูกก็จะเหี่ยวเล็กลงตามอิทธิพลของฮอร์โมน
                                                                            มดลูกแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนคือ
                                                                            ...............- ฟันดัส (fundus) คือส่วนบนที่อยู่เหนือท่อนาไข่เป็นส่วนที่กว้าง
                                                                            ที่สุด
                                                                            ...............- บอดี (body) คือส่วนที่อยู่ต่ากว่าท่อนาไข่ เรียวลงไปจนถึงส่วน
                                                                            แคบที่เรียกว่า isthmus
                                                                            ...............- ปากมดลูก (cervix) คือส่วนล่างสุดที่อยู่ติดกับช่องคลอด
                                                                                    มดลูกมีเอ็นลิกาเมนต์ซึ่งทาหน้าที่คอยยึดตัวมดลูกให้อยู่ภายในอุ้งเชิง
                ภาพการเจริญของเซลล์ไข่                                      กราน หากเอ็นลิกาเมนต์หย่อนยาน หรือฉีกขาดก็จะทาให้มดลูกเคลือนตัวลง    ่
                                                                            มาอยู่ในช่องคลอด หรือโผล่ออกมาทางรูเปิดของช่องคลอด
   โอโอโกเนีย มีโครโมโซม 46 แท่ง (2n) มีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจะ            โครงสร้างของผนังมดลูก แบ่งออกเป็น 3 ชั้นใหญ่ ๆ คือ
กลายเป็น โอโอไซต์ระยะแรก (primary oocyte) ต่อมา โอโอไซต์                    ...............1. ชั้นนอกสุดเรียกว่า เพอริมีเทรียม (perimetrium หรือ
ระยะแรกก็จะเจริญต่อไป จนถึงระยะ โพรเฟส (prophase) ของการแบ่ง                serosa) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเยื่อบุช่องท้องลงมาคลุมมดลูกเอาไว้ ถ้าหาก
เซลล์แบบไมโอซิสครั้งที่ 1 ก็จะหยุดเจริญเติบโตเพียงแค่นี้ รอจนกว่าตัว        เกิดการตกเลือดหรือมีการอักเสบในช่องท้องจะทาให้เลือดขังที่นี่
อ่อนจะคลอดออกมาแล้วเจริญเติบโตจนเข้าสู่วัยสาว เมื่อได้รับการกระตุ้น         ...............2. ชั้นกลางเรียกว่า ไมโอมีเทรียม (myometrium) ประกอบด้วย
การสืบพันธุ2
การสืบพันธุ2

More Related Content

What's hot

ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์  สอนระบบสืบพันธุ์  สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอนnokbiology
 
Developmental biology sp2
Developmental biology sp2Developmental biology sp2
Developmental biology sp2Wan Ngamwongwan
 
เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์
เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์
เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์natthineechobmee
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอกฟลุ๊ค ลำพูน
 
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์kanitnun
 
ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์Lilrat Witsawachatkun
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกNokko Bio
 
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชายระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชายNokko Bio
 
ระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชาย
ระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชายระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชาย
ระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชายTiwapon Wiset
 

What's hot (20)

ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์  สอนระบบสืบพันธุ์  สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
 
Developmental biology sp2
Developmental biology sp2Developmental biology sp2
Developmental biology sp2
 
เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์
เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์
เอกสารเรื่องการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์
 
การสืบพันธ์
การสืบพันธ์การสืบพันธ์
การสืบพันธ์
 
Plant
PlantPlant
Plant
 
กลุ่ม 1
กลุ่ม 1กลุ่ม 1
กลุ่ม 1
 
ใบความรู้ที่1pdf
ใบความรู้ที่1pdfใบความรู้ที่1pdf
ใบความรู้ที่1pdf
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
 
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
 
ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์
 
ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอก
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืชอาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
 
Reproduction
ReproductionReproduction
Reproduction
 
Reproduction
ReproductionReproduction
Reproduction
 
สืบพันธุ์
สืบพันธุ์สืบพันธุ์
สืบพันธุ์
 
Kingdom fungi
Kingdom fungiKingdom fungi
Kingdom fungi
 
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชายระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
 
ระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชาย
ระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชายระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชาย
ระบบสืบพันธุ์และอวัยะเพศชาย
 

Viewers also liked

ข้อสอบชีววิทยา Taro 47
ข้อสอบชีววิทยา Taro 47ข้อสอบชีววิทยา Taro 47
ข้อสอบชีววิทยา Taro 47FREDDO_CHIN
 
ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546
ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546
ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546Trd Wichai
 
Biology bio15
 Biology bio15 Biology bio15
Biology bio15Bios Logos
 
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnflimgold
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมdnavaroj
 

Viewers also liked (6)

ข้อสอบชีววิทยา Taro 47
ข้อสอบชีววิทยา Taro 47ข้อสอบชีววิทยา Taro 47
ข้อสอบชีววิทยา Taro 47
 
ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546
ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546
ข้อสอบเอ็นทรานซ์ ชีววิทยา มีนาคม 2546
 
Biology bio15
 Biology bio15 Biology bio15
Biology bio15
 
ชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกาย
ชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกายชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกาย
ชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกาย
 
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
 

Similar to การสืบพันธุ2

การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชchiralak
 
การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)Thitaree Samphao
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์Wan Ngamwongwan
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์Wan Ngamwongwan
 
Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62Wichai Likitponrak
 
บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.pptบทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.pptrathachokharaluya
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตPinutchaya Nakchumroon
 
Plant kingdom 1
Plant kingdom 1Plant kingdom 1
Plant kingdom 1krunidhswk
 
การจัดจำแนก
การจัดจำแนกการจัดจำแนก
การจัดจำแนกNonglawan Saithong
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2wijitcom
 
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำสื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำsavokclash
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกThanyamon Chat.
 

Similar to การสืบพันธุ2 (20)

Chapter6
Chapter6Chapter6
Chapter6
 
1 repro
1 repro1 repro
1 repro
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืช
 
การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)
 
Lesson4 animalrepro2561
Lesson4 animalrepro2561Lesson4 animalrepro2561
Lesson4 animalrepro2561
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
 
กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์กำเนิดสปีชีส์
กำเนิดสปีชีส์
 
Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62
 
บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.pptบทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
 
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
 
Plant kingdom 1
Plant kingdom 1Plant kingdom 1
Plant kingdom 1
 
1
11
1
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
การจัดจำแนก
การจัดจำแนกการจัดจำแนก
การจัดจำแนก
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
Lesson5animalgrowth
Lesson5animalgrowthLesson5animalgrowth
Lesson5animalgrowth
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2
 
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำสื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
 

More from Coverslide Bio

วิจัยในชั้นเรียนชีววิทยา
วิจัยในชั้นเรียนชีววิทยาวิจัยในชั้นเรียนชีววิทยา
วิจัยในชั้นเรียนชีววิทยาCoverslide Bio
 
กระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลาง
กระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลางกระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลาง
กระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลางCoverslide Bio
 
สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7
สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7
สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7Coverslide Bio
 
สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)
สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)
สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)Coverslide Bio
 
วิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
วิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพวิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
วิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพCoverslide Bio
 
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามิน
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามินแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามิน
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามินCoverslide Bio
 
ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์
ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์
ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์Coverslide Bio
 
ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554
ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554
ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554Coverslide Bio
 
ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554
ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554
ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554Coverslide Bio
 
ขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอน
ขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอนขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอน
ขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอนCoverslide Bio
 
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัย
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัยแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัย
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัยCoverslide Bio
 
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้Coverslide Bio
 
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนCoverslide Bio
 
ใบงานที่ 5 วาเลนซ์อิเล็กตรอน
ใบงานที่ 5  วาเลนซ์อิเล็กตรอนใบงานที่ 5  วาเลนซ์อิเล็กตรอน
ใบงานที่ 5 วาเลนซ์อิเล็กตรอนCoverslide Bio
 
ใบงานที่ 4 ตารางธาตุ
ใบงานที่ 4 ตารางธาตุใบงานที่ 4 ตารางธาตุ
ใบงานที่ 4 ตารางธาตุCoverslide Bio
 
ใบงานโครงสร้างอะตอม1
ใบงานโครงสร้างอะตอม1ใบงานโครงสร้างอะตอม1
ใบงานโครงสร้างอะตอม1Coverslide Bio
 

More from Coverslide Bio (16)

วิจัยในชั้นเรียนชีววิทยา
วิจัยในชั้นเรียนชีววิทยาวิจัยในชั้นเรียนชีววิทยา
วิจัยในชั้นเรียนชีววิทยา
 
กระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลาง
กระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลางกระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลาง
กระบวนการวิจัย-การแจกแจงความถี่-การวัดเข้าสู่ส่วนกลาง
 
สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7
สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7
สรุปวิจัย อ.ทิพยา แผ่นที่ 7
 
สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)
สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)
สรุปวิจัย-การตรวจสอบสามเส้า(triangulation)
 
วิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
วิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพวิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
วิจัย-การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
 
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามิน
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามินแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามิน
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิตามิน
 
ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์
ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์
ใบงานวิชาเคมี เรื่อง สารประกอบอินทรีย์
 
ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554
ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554
ข้อสอบปลายภาคเคมีม4 1-2554
 
ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554
ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554
ข้อสอบปลายภาคChem6 1-2554
 
ขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอน
ขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอนขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอน
ขั้นตอนการดาวน์โหลดแผนการสอน
 
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัย
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัยแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัย
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความหมายและบทบาทการวิจัย
 
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิธีการแสวงหาความรู้
 
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
 
ใบงานที่ 5 วาเลนซ์อิเล็กตรอน
ใบงานที่ 5  วาเลนซ์อิเล็กตรอนใบงานที่ 5  วาเลนซ์อิเล็กตรอน
ใบงานที่ 5 วาเลนซ์อิเล็กตรอน
 
ใบงานที่ 4 ตารางธาตุ
ใบงานที่ 4 ตารางธาตุใบงานที่ 4 ตารางธาตุ
ใบงานที่ 4 ตารางธาตุ
 
ใบงานโครงสร้างอะตอม1
ใบงานโครงสร้างอะตอม1ใบงานโครงสร้างอะตอม1
ใบงานโครงสร้างอะตอม1
 

การสืบพันธุ2

  • 1. การสืบพันธุ์ การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง กระบวนการที่ทาให้ จึงจะหลุดออกไปจากตัวแม่ แล้วเจริญเป็นไฮดราตัวใหม่ต่อไป เกิดสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน โดยที่สิ่งมีชวิตรุ่นใหม่ที่ ี การแบ่ง ตัวออกเป็นสอง (Binary Fission) เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ตายไป ทาให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้โดย เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ได้แก่ อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา และ ไม่สูญพันธุ์ แบ่งการสืบพันธุ์มี 2 วิธี คือ แบคทีเรีย การสืบพันธุ์วิธีนี้เกิดขึ้นโดยการแบ่งตัวจาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์ 1.การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) โดยนิวเคลียสของเซลล์จะแบ่งตัวก่อน แล้วไซโทพลาซึมจะแบ่งตามได้เป็นตัว เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell) เป็น ใหม่ 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะเหมือนตัวเดิมทุกประการ เช่น - การ การสืบพันธุ์ที่สร้างหน่วยใหม่ขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตเดิม อาจเกิดได้โดยการ แบ่งตัวของอะมีบา (ดังภาพ) จาลองตัวเองของหน่วยพันธุกรรม การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโตซิส หน่วย พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis) ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจะมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกประการ การสืบพันธุ์แบบนี้พบ เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของแมลงบางชนิด เช่น ตักแตนกิ่งไม้ ๊ ตั้งแต่สิ่งที่มีชีวิตที่ยังไม่เป็นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไป เพลี้ย ไรน้าซึ่งตัวเมียสามารถผลิตไข่ที่ฟักเป็นตัวได้โดยไม่ตองมีการปฏิสนธิ ้ จนถึงพืชชั้นสูง เป็นการสืบพันธุ์ที่ง่ายที่สุด พบในสัตว์ชั้นต่าที่ไม่มีระบบ ในสภาวะปกติไข่ของสัตว์ดังกล่าวจะฟักออกมาเป็นตัวเมียเสมอ แต่ในสภาวะที่ สืบพันธุ์หรือมีแต่ยังไม่เจริญดี ด้วยการแบ่งตัวจาก 1 เป็น 2 ได้สิ่งมีชีวิต ไม่เหมาะสมกับการดารงชีวิต เช่น เกิดความแห้งแล้งหนาวเย็น หรือขาดแคลน ตัวใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่สามารถ อาหาร ตัวเมียก็จะผลิตไข่ที่ฟักออกเป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย จากนั้นสัตว์ตัวผู้ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ก็จะทาให้ตายและสูญพันธุ์ในที่สุด และตัวเมียเหล่านี้จะผสมพันธุ์กันแล้วตัวเมียจะออกไข่ที่มีความคงทนต่อสภาวะ ขั้นตอนการสืบพันธุ์ ที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวได้ ในผึ้ง มด ต่อ แตน ก็พบว่ามีการสืบพันธุ์แบบพาร์ธี โนเจเนซิสด้วยเช่นกัน โดยไข่ไม่ต้องมีการปฏิสนธิก็สามารถฟักออกมาเป็นตัว ได้ ซึ่งไข่จะฟักออกมาเป็นตัวผู้เสมอ การงอกใหม่ (Regeneration) พบในสัตว์ชั้นต่า ได้แก่ ดาวทะเล พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ปลิง ดอกไม้ทะเล การงอกใหม่เป็นการสร้างส่วนของร่างกายที่ขาดหายไป สัตว์ เหล่านี้ถ้าร่างกายถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ ที่มีขนาดเหมาะสม พบว่าแต่ละส่วน จะสามารถงอกเป็นสิงมีชีวิตตัวใหม่ได้ ดังนั้นการงอกใหม่นี้จึงทาให้มีจานวน ่ การแตกหน่อ (Budding) สิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นจากจานวนเดิม การแตกหน่อเป็นการสืบพันธุ์ของสัตว์ชั้นต่า โดยเมื่อเจริญเติบโต การสร้างสปอร์ (Spore Formation) เต็มที่แล้วจะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัว เป็นการสืบพันธุ์ที่เกิดจากการแบ่งนิวเคลียสหลาย ๆ ครั้ง แล้วไซโทพลา งอกออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวเล็ก ซึมจะแบ่งตาม แล้วจะมีการสร้างเยื่อกั้นเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนจะมีนิวเคลียส 1 ๆ ที่มีอวัยวะต่าง ๆ เหมือนตัวแม่ อัน เรียกว่า สปอร์ (Spore) สัตว์ที่มีการสืบพันธุ์แบบนี้ ได้แก่ พลาสโมเดียม หลังจากติดอยูกับตัวแม่ระยะหนึ่งก็จะ ่ ซึ่งเป็นพาหะที่ทาให้เกิดโรคไข้มาลาเรีย หลุดออกมาไปอยูอิสระตามลาพัง สัตว์ที่ ่ การขาดออกเป็นท่อน (Fragmentation) มีการสืบพันธุ์ลกษณะนี้ได้แก่ ไฮดรา ั เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศอีกแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะพวก หนอนตัวแบน ฟองน้า ปะการัง และ ที่มีเซลล์ต่อกันเป็นเส้นสายโดยการหักเป็นท่อนๆ แต่ละท่อนที่หลุดไปก็จะ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ แบ่งตัวแบบ Mitotic cell division ได้เซลล์ใหม่ที่ต่อกันเป็นเส้นสายเจริญ ในพืชชั้นสูงก็มีพวก ขิง ข่า กล้วย หน่อไม้ เป็นต้น ต่อไป เช่น พวกหนอนตัวแบน สาหร่ายทะเล ไฮดรา (Hydra) เป็นสัตว์ชั้นต่าประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลาตัวคล้ายเส้นด้าย มีขนาดประมาณ 0.5-1 ม.ม. ยาวประมาณ 0.5-1 ซ.ม. มีหนวดเป็นเส้นยาว 4 - 12 เส้นลาตัวสีขาวขุ่น แต่บางชนิดมีสีเขียว จึงทาให้สามารถสังเคราะห์แสงได้ อาหารของไฮดรา คือ ไรน้าและตัวอ่อนของแมลงในน้า ไฮดราสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบไม่ อาศัยเพศและแบบอาศัยเพศ ดังนี้ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของไฮดรา เมื่อไฮดราเจริญเติบโตเต็มวัย จะมีการสร้างเนื้อเยื่อข้างลาตัวงอก ออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นไฮดราตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็จะหลุดออกไปอยู่ ตามลาพังได้เอง การสืบพันธุ์แบบนี้ เรียกว่า การแตกหน่อ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของไฮดรา ไฮดรามีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ แต่เกิดขึ้นไม่บอยนัก ซึ่งจะ ่ เกิดขึ้นในกรณีที่อาหารไม่สมบูรณ์ ไฮดราจะมี 2 เพศอยูในตัวเดียวกันและ ่ มีรังไข่อยูข้างลาตัว ลักษณะเป็นปุ่มใหญ่เหนือรังไข่บริเวณใกล้ ๆ หนวด ่ (Tentacle) จะมีอัณฑะเป็นปุ่มเล็ก ๆ รังไข่จะผลิตเซลล์ไข่ และอัณฑะจะ ผลิตเซลล์อสุจิ โดยปกติไข่และตัวอสุจิจะเติบโตไม่พร้อมกัน จึงต้องผสมกับ ตัวอื่น ตัวอสุจิจากไฮดราตัวหนึ่งจะว่ายน้าไปผสมกับไข่ที่สุกในรังไข่ของ ไฮดราตัวอื่นไข่ที่ผสมแล้วจะเป็นไซโกตจะเจริญเติบโตอยู่กับตัวแม่ระยะหนึ่ง
  • 2. 2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) ...............1. Hermaphrodite broadcaster มีลักษณะของทั้งสองเพศภายในโพลิปเดียวกัน ไข่และน้าเชื้อจะถูกรวมอยูใน ่ เป็นการสืบพันธุ์ที่ผลิตสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมาด้วยการ ก้อนเล็ก ๆ เรียกว่า "bundle" เมื่อเข้าสู่ระยะที่สมบูรณ์จะถูกปล่อยออกสู่ รวมตัวของหน่วยพันธุกรรมซึ่งอาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตตัว ภายนอก bundle แต่ละก้อนจะแตกออก ซึ่งไข่และน้าเชื้อจะผสมกันในมวลน้า เดียวกัน หรือคนละตัวก็ได้ หรือเกิดจากการรวมตัวของ ...............2.Hermaphrodite brooder นิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ์ (sex cell or gamete) มีลักษณะที่มีสองเพศภายในโพลิปเดียวกัน ไข่และนาเชื้อมีการผสมกันภายใน ซึ่งจากการแบ่งตัวแบบไมโทซิสของไพรมอร์เดียลเจิม โพลิป ตัวอ่อนจะได้รับการพัฒนาอยู่ภายใน (internal fertilization) เซลล์ ระยะหนึ่งก่อนที่จะถูกปล่อยออกสู่ภายนอก การรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์เรียกว่า ปฏิสนธิ ...............3.Gonochoric broadcaster (fertilization) ได้นิวเคลียสใหม่ที่เป็นดิพลอยด์ มีลักษณะที่ในแต่ละโคโลนี หรือในแต่ละโพลิปมีเพศที่ตางกัน มีการปล่อยไข่ ่ (diploid) ซึ่งเรียกว่าไซโกต (zygote) จะเป็นเซลล์ และน้าเชื้อออกมาผสมกันภายนอกลาตัว เริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตรุ่นต่อไป ...............4.Gonochoric brooder ลักษณะที่ในแต่ละโคโลนี หรือในแต่ละโพลิปมีเพศต่างกัน เพศผู้จะปล่อยน้าเชื้อ เซลล์สืบพันธุ์ เข้าไปผสมภายในโพลิปของกับทางจันทรคติ (lunar cycle) ทั้งข้างขึ้นและ ข้างแรม ในหลายพื้นที่เกิดขึ้นหลังจาก 15 ค่า ประมาณ 5 - 8 วัน สาหรับ ไข่ (Egg) ลักษณะความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ ในเขตกึ่งเขตร้อน (sub-tropical) โดยทั่วไปมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มักมีอาหาร ปะการังมีแนวโน้มที่จะผลิตเซลล์สืบพันธุ์มากในช่วงฤดูรอน สาหรับในเขตร้อน ้ สะสมอยู่เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายในไข่ เช่น ไข่แดงของไข่ไก่และไข่เป็ด ไข่ ศูนย์สูตร (tropical) ปะการังมีแนวโน้มที่จะผลิตเซลล์สืบพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี แดงซึ่งมีเยื่อหุ้มอยู่เทียบได้กับเซลล์ 1 เซลล์ ส่วนจุดกลม ๆ ในไข่แดง คือ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของปะการังมีหลายรูปแบบ ซึ่งจะแตกต่าง นิวเคลียส เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ้มเพือป้องกันการ ่ กันไปในแต่ละชนิด ในแนวปะการังการสืบพันธุ์แบบนี้จะเป็นการเพิมจานวน ่ กระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม เช่นไข่กบมีวนหุ้ม ไข่เต่าทะเลมีสิ่งที่มี ุ้ อย่างรวดเร็ว การสืบพันธุ์ในรูปแบบนี้ จะมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนเดิม ลักษณะเป็นเยื่อเหนียวหุ้ม ไข่เป็ดและไข่ไก่มีเปลือกแข็งหุ้ม เป็นต้น ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวเพือทนทานต่อสภาพแวดล้อม ที่รุนแรงจึงมี ่ อสุจิ (Sperm) น้อย ทาให้ประชากรแต่ละตัวจะมีความสามารถในการอยูรอดการปรับตัวจึง ่ มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ ต่า นอกจากนั้นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ทาให้ความหลากหลายทาง ส่องดูจึงจะมองเห็น ตัวอสุจิมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน คือ หัว (head) พันธุกรรมลดลง อย่างไรก็ตามในแนวปะการังส่วนมากจะพบการสืบพันธุ์ ใน ลาตัว (body) และหาง (tail) ส่วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็นส่วนประกอบ รูปแบบนี้เป็นหลัก โดยแบ่งออกเป็น เคลือนที่โดยใช้หาง. ่ ...............1.Flagmentation เมื่อสัตว์โตเต็มที่และพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้ว เพศเมียจะสร้างไข่ และ โดยการแตกหักออกจากโคโลนีใหญ่ ปะการังจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่อย่าง เพศผู้จะสร้างอสุจิ ไข่และตัวอสุจิของสัตว์แต่ละชนิดจะมีขนาดและจานวน รวดเร็ว ขึ้นมาแทนที่ ในบางพื้นที่ที่มีตะกอนมาก โอกาสในการสร้างเนื้อเยื่อ ต่างๆกันไป โดยทั่วไปไข่จะมีลกษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ และมักมี ั ใหม่ก็จะลดลงไปด้วย การแตกหักที่เกิดขึ้น มักจะเกิดขึ้นกับปะการังที่มีรูปร่าง อาหารสะสมอยู่เพื่อไว้เลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายใน เช่น ไข่แดงของไข่ไก่ ไข่เป็ด แบบกิ่งก้านมากกว่าแบบก้อน นอกจากนี้ยังมีสิ่งห่อหุ้มเพือป้องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม ่ ..............2.Budding ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวุน เช่น ไข่กบ หรือมีลกษณะเป็นเยื่อเหนียว เช่น ้ ั เป็นการแบ่งตัวออกภายในโคโลนีแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ ไข่เต่าทะเล บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้ม เช่น ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่จระเข้ Intratentacular budding เป็นการแยกตัวโพลิปใหม่ออกจากโพลิปเดิม เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึ้น โดยเกิดเป็น 2 หรือ 3 โพลิปใหม่ แต่ไม่มีผนังของตนเองอย่างสมบูรณ์ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Extratentacular budding เป็นการแบ่งตัวที่เกิดขึ้นภายนอกโพลิปเดิม 1.การปฏิสนธิภายใน (Internal Fertilization) ทาให้โพลิปใหม่ มีผนังของตัวเองชัดเจน ตัวอสุจิจากสัตว์เพศผู้เข้าผสมกับไข่ซึ่งยังอยูในตัวของสัตว์เพศเมีย ่ ...............3.Polyp bail-out ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน แมลง ปลาที่ออกลูก ปะการังจะมีการปล่อยโพลิปออกมาในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะ หรือมี เป็นตัว เช่น ปลาเข็ม ปลาหางนกยูง ปลาฉลาม ความเครียด เกิดขึ้น ซึ่งการสืบพันธุ์ในรูปแบบนี้จะมีน้อยชนิด 2.การปฏิสนธิภายนอก (External Fertilization) การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยวิธีการแตกหน่อขยายออกไปจากตัว การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจิภายนอกตัวของ เดิม ทาให้กอนปะการัง มีขนาดใหญ่ขึ้นและลงเกาะทับถมกันเป็นเวลานานนับ ้ สัตว์เพศเมีย ได้แก่ สัตว์ครึ่งน้าครึ่งบก ปลาต่าง ๆ ร้อย ๆ ปี เป็นแนวหินปูนใต้น้าเรียกว่า " แนวปะการัง" การเจริญเติบโต และสัตว์น้าที่ออกลูกเป็นไข่ทุกชนิด ปะการังบางชนิดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10 ซ.ม. ต่อปี ส่วน ปะการังก้อน มีการเจริญเติบโตเฉลี่ย 1-2 ซม. ต่อปี ปะการังจะเติบโตได้ดีใน การสืบพันธุ์ของปะการัง น้าทะเลที่ใสสะอาด ความเค็มคงที่ มีแสงสว่างส่องถึงระดับอุณหภูมิที่ 18-32 การสืบพันธุ์ของปะการังสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศ และ องศาเซลเซียส หากระบบนิเวศน์เสื่อมโทรมแนวปะการัง จะถูกทาลายกว่าจะ แบบไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศทาให้เกิดการแลกเปลี่ยน ฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลานานหลายสิบปี พันธุกรรม (gene flow) ส่งผลให้สังคมปะการังมีความหลากหลายทาง พันธุกรรมเพิมขึ้น แนวปะการังบางแห่ง เมื่อตรวจเช็คหาพันธุกรรม พบว่า ่ ทั้งแนวปะการังมีพนธุกรรมเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการสืบพันธุ์ แบบไม่ ั อาศัยเพศ โดยอาศัยการแตกหักของร่างกายบางส่วน อย่างไรก็ตามการ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สังคม และโครงสร้างทาง สังคมสามารถดารงอยู่ได้ โดยสร้างและผลิตตัวอ่อน ที่มีความหลากหลาย ทางพันธุกรรม แพร่กระจายออกไปแทนที่ประชากรเดิมที่มี การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของปะการังแข็งเป็น 4 รูปแบบ
  • 3. การเปลี่ยนสภาพและการชราภาพของเซลล์ สืบพันธุ์ชาย แต่ในตัวอ่อนเพศหญิงไม่มี จึงมีการพัฒนาให้เป็นอวัยวะของ เซลล์เมื่อแบ่งตัวแล้วก็จะเปลี่ยนสภาพไป เพือทาหน้าที่เฉพาะอย่าง การ ่ ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงแทน สาหรับอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส ทาให้ได้จานวนเซลล์เพิมมากขึ้น และเป็นผลให้เกิด ่ 1. อัณฑะ (testes) การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ซึ่งตามปกติแล้วจะเกิดกระบวนการ ถุงอัณฑะ (scrotum) ต่าง ๆ 4 กระบวนการ คือ ถุงอัณฑะเป็นส่วนผิวหนังที่มีลักษณะเป็นถุงยื่นออกมาจากส่วนล่างของ 1. การเพิ่มจานวนเซลล์ (cell multiplication) ผนังหน้าท้องบริเวณส่วนกลางของถุงอัณฑะมีสันนูนคล้ายรอยเย็บ จะทา ในสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์เดียว เมื่อมีการแบ่งเซลล์ เพือเพิ่มจารนวน ่ หน้าที่ปรับอุณหภูมิของอัณฑะให้คงที่ ซึงจาเป็นต่อการสร้างและการพัฒนา ่ เซลล์ก็จะทาให้เกิดการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศขึ้น ส่วนในพวกสิ่งมีชีวิต ของอสุจิ ที่ต้องการอุณหภูมิที่ต่ากว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 3-5 ðC หลายเซลล์ เมื่อเกิดปฏิสนธิแล้ว เซลล์ที่ได้ก็ คือ ไซโกต ซึ่งจะมีการแบ่ง เซลล์แบบไมโทซิส เพือเพิ่มจานวนเซลล์ให้มากขึ้น ผลจากการเพิมจานวน ่ ่ อัณฑะ (testes) เซลล์ทาให้ได้เซลล์ใหม่มากขึ้น และมีขนาดเพิ่มขึ้น การจะมีเซลล์มากน้อย อัณฑะ เป็นอวัยวะที่เคลื่อนไหวได้อยู่ในถุงอัณฑะ มีลักษณะเป็นรูปไข่ แค่ไหนก็แล้วแต่ชนิดของสิ่งมีชีวิตนั้นว่ามีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เท่าใด ขนาดประมาณ 4x2.5x2 เซนติเมตร หนัก 10-15 กรัม ปกติอัณฑะทาง 2. การเจริญเติบโต (growth) ด้านซ้ายจะอยู่ตากว่าทางด้านขวาประมาณ 1 เซนติเมตร ในตัวอ่อนอัณฑะจะ ่ ในสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์เดียว การเพิมของโพรโทพลาซึมก็จัดว่า เป็น ่ วางตัวอยูในช่องท้องใกล้กับไต เมื่อตัวอ่อนอายุได้ 7 เดือนอัณฑะจะเคลือน ่ ่ การเจริญเติบโต เมื่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตแบ่งเซลล์ในตอนแรกเซลล์ใหม่ที่ได้ เข้าไปอยู่ในถุงอัณฑะพร้อมทั้งนาเอาหลอดเลือด เส้นประสาทและท่อ นาอสุจิ จะมีขนาดเล็กกว่าเซลล์เดิม ในเวลาต่อมาเซลล์ใหม่ที่ได้จะสร้างสารต่าง ๆ ที่ออกจากอัณฑะตามลงไปด้วยกลายเป็น spermatid cord การออกแรง เพิมมากขึ้นทาให้ขนาดของเซลล์ใหม่นั้นขยายขนาดขึ้น ซึ่งจัดเป็นการ ่ ยกของหนักหรือมีความดันในช่องท้องสูงอาจทาให้ inguinal canal ขยาย เจริญเติบโตด้วย ในสิ่งมีชีวิตพวกที่เป็นหลายเซลล์ ผลจากการเพิมจานวน ่ เปิดกว้างออก อวัยวะต่างๆ ที่อยู่ในช่องท้องสามารถเคลื่อนผ่านรูนี้ออกมาดัน เซลล์ก็คือ การขยายขนาดให้ใหญ่โตขึ้น ซึ่งจัดเป็นการเจริญเติบโตด้วย อยูในถุงอัณฑะ เรียกว่า ไส้เลื่อน (inguinal hernia) และถ้าหากอัณฑะยัง ่ เช่นกัน ไม่สามารถเคลื่อนลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ เรียกสภาพนี้ว่าอัณฑะทองแดง 3. การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (cell differentiation) (cryptochidism) ซึ่งจะมีผลทาให้ไม่สามารถสร้างอสุจได้ ิ เพือไปทาหน้าที่ต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์เดียวก็มีการเปลี่ยนแปลง ่ ของเซลล์ เพือไปทาหน้าที่ต่าง ๆ เหมือนกัน เช่น มีการสร้างเซลล์ที่ทนทาน ่ โครงสร้างของอัณฑะ ต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดี เช่น การสร้าง เอนโดสปอร์ อัณฑะถูกหุ้มด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหลวมซึ่งจะให้ผนังแทรกเข้าไป (endospore) ของแบคทีเรียในพวกสาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงินก็มี เช่น ภายในแบ่งอัณฑะออกเป็นช่องขนาดเล็ก ประมาณ 200-300 ช่อง ภายใน การสร้างเซลล์พิเศษซึ่งเรียกว่า เฮเทอโรซิสต์ (heterocyst) มีผนังหนา แต่ละช่องประกอบด้วย เซลล์เลย์ดิกส์ และหลอดสร้างอสุจิ (seminiferous และสามารถจับก๊าซไนโตรเจนในอากาศเปลี่ยนเป็นสารประกอบไนโตรเจนที่ tubule) จะขดไปรวมความยาวทั้งหมดประมาณ 225 เมตร ซึ่งแต่ละหลอด มีประโยชน์ต่อเซลล์ของสาหร่ายชนิดนั้น ๆ ได้ มาบรรจบกันเป็นตาข่ายเรียกว่า เรติเทสทีส (rete testis) ต่อจากนั้นก็จะ ในสิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ์แบบมีเพศ เมื่อไข่และสเปิร์มผสมกันก็จะได้ เชื่อมต่อกับส่วนหัวของหลอดเก็บอสุจิ (epididymis) เซลล์ใหม่ คือ ไซโกต ซึ่งมีเพียงเซลล์เดียว ต่อมาไซโกตจะแบ่งตัวเพิม ่ ........... จานวนเซลล์ให้มากขึ้น เซลล์ใหม่ ๆ ที่ได้จะเปลียนแปลงไป เพือไปทาหน้าที่ ่ ่ หลอดเลือดและเส้นประสาท ต่าง ๆ กัน เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ ทาหน้าที่ในการหดตัว ทาให้เกิดการ เคลือนที่หรือเคลื่อนไหว เซลล์เม็ดเลือดแดง ทาหน้าที่ลาเลียงก๊าซออกซิเจน ่ หลอดเก็บอสุจิ เซลล์ประสาททาหน้าที่ในการนากระแสประสาทเกี่ยวกับความรู้สึก และ คาสั่งต่าง ๆ เซลล์ต่อมไร้ท่อ ทาหน้าที่สร้างฮอร์โมน เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ท่อนาอสุจิ เรติเทสทีส เซลล์ภายในร่างการของเราจะเริ่มต้นมาจากเซลล์เซลล์เดียวกัน แต่มีการ เปลี่ยนแปลงไป เพือทาหน้าที่ต่าง ๆ กันไป เพือให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ๆ ่ ่ สามารถดารงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กันได้ 4. การเกิดรูปร่างที่แน่นอน (morphogenesis) เป็นผลจากการเพิมจานวนเซลล์การเจริญเติบโต การเปลี่ยนแปลง ่ หลอดเลือด ของเซลล์ เพือทาหน้าที่ต่าง ๆ ขบวนการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะเอมบริโอ ่ อยูตลอดเวลาที่มีการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ขึ้น อัตราเร็วของการสร้างในแต่ ่ ละแห่งบนร่างกายจะไม่เท่ากัน ทาให้เกิดรูปร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดขึ้น โดยที่สิ่งมีชวิตแต่ละชนิดจะมีแบบแผนและลักษณะต่าง ๆ เป็นแบบเฉพาะตัว ี และไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นลักษณะ หลอดสร้างอสุจิ ทางพันธุกรรม ซึ่งถูกควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมของสิ่งมีชวิตชนิดนั้น ๆ ี ระบบการสืบพันธุ์ในมนุษย์ โครงสร้างภายในอัณฑะ . ระบบสืบพันธุ์เพศชาย 2. accessory ducts ระบบสืบพันธุ์ทั้งในเพศชายและเพศหญิง เป็นระบบที่สาคัญต่อการ เป็นท่อนาอสุจจากอัณฑะออกไปสู่ภายนอก ประกอบด้วย หลอดเก็บ ิ ดารงรักษาเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตให้สืบต่อไปชัวลูกชัวหลาน โดยจะทาหน้าที่ ่ ่ อสุจิ (epididymis), ท่อนาอสุจิ (vas deferen), ท่อฉีดอสุจิ สร้างเซลล์สืบพันธุ์และเลี้ยงดูจนกลายเป็นตัวเต็มวัยออกมา โดยมีสาร (ejaculatory duct) และ ท่อปัสสาวะ พันธุกรรมจากพ่อและแม่เป็นตัวกาหนดลักษณะตลอดจนเพศของลูกตั้งแต่มี อินเตอร์สติเชียลเซลล์หรือเลย์ดิกเซลล์ (Leydig's cell) การปฏิสนธิ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ทั้งภายใน เป็นเซลล์ขนาดใหญ่ที่แทรกอยูระหว่างหลอดสร้างอสุจิ (รปที่ 3) มีหน้าที่ ่ และภายนอกของเพศชายและเพศหญิง จะมีการพัฒนามาตั้งแต่ระยะที่อยู่ใน สร้างฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เพือกระตุ้นให้ ่ ท้องของแม่แล้ว โดยจะมีการพัฒนาควบคู่มากับระบบขับถ่าย ผลจาก เด็กชายแตกหนุ่มมีรูปร่างลักษณะเปลี่ยนเป็นเพศชายชัดเจน (male โครโมโซมY ในตัวอ่อนเพศชายจะกระตุ้นให้มีการพัฒนาอวัยวะของระบบ secondary sex charateristics) คือมีหนวดเคราตามใบหน้า ขนขึ้น
  • 4. บริเวณรักแร้ หน้าท้องและบริเวณหัวเหน่า กล่องเสียงขยายใหญ่ทาให้เสียง ท่อรวมปัสสาวะ แตกห้าว กล้ามเนื้อเป็นมัดใหญ่ และกระดูกยืดยาวขึ้น ลึงค์ขยายโตขึ้นและ ต่อมต่าง ๆ เช่น ต่อมลูกหมาก มีการเจริญเติบโตสร้างและหลังสารออกมา ่ กระเพาะ ปัสสาวะ และกระตุ้นให้มีการสร้างอสุจิ 2.1 หลอดสร้างอสุจิ (seminiferous tubule) ท่อนี้ถูกล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและ เซลล์แบน ๆ มีลักษณะ กระดูกหัวเหน่า คล้ายเซลล์กล้ามเนื้อเรียบเรียก เซลล์ไมออยด์ (myoid cell) เมื่อเซลล์นี้ หลอดเก็บอสุจิ ท่อปัสสาวะ หดตัวช่วยบีบไล่อสุจิออกไปตามท่อฉีดอสุจิ ภายใน seminiferous ต่อมลูกหมาก tubule จะประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือ spermatogenic cell เป็น ท่อฉีดอสุจิ เซลล์ที่ให้กาเนิดเซลล์สืบพันธุ์หลายระยะและเซลล์เซอทอริ (sertoli cell) ลึงค์ รูทวาร ท่อนาอสุจิ หลอดสร้างอสุจิ ไพรมอเดียลเจิร์มเซลล์ (primordial germ cell) เป็นเซลล์ต้นตอที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย มีการแบ่งตัวและเปลี่ยน สเปอร์มาโทโกเนีย(spermatogonia)จนกลายไปเป็นอสุจิ เรียก อัณฑะ กระบวนการนี้ว่า สเปอร์มาโทเจเนซิส (spermatogenesis) ซึ่งใช้ เวลานานประมาณ 64 วัน แบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ ได้ 4 ระยะคือ - acrosin หน้าที่ย่อยสลายเยื่อหุ้มไข่ (zona pellucida)ของเซลล์ไข่ ...............1. spermatocytogenesis เป็นกระบวนการแบ่งเซลล์แบบ - ส่วนหาง ส่วนประกอบภายในจะคล้ายกันกับแฟลกเจลลัม สร้างมาจาก ไมโทซิสเริ่มต้นตั้งแต่สเปอร์มาโทโกเนียจนกลายเป็นสเปอร์มาโทไซต์ระยะ เซนทริโอล มีไมโทคอนเดรียล้อมรอบ ทาหน้าที่ในการสร้างพลังงานให้แก่ ที่ 1 (primary spermatocyte) เพือเพิ่มปริมาณของเซลล์สืบพันธุ์ ่ อสุจิให้สามารถเคลื่อนไหวได้ ...............2. meiosis เป็นกระบวนการแบ่งเซลล์สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 2.2 หลอดเก็บอสุจิ (epididymis) 1 จนกลายเป็นสเปอร์มาทิดซึ่งทาให้จานวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือ ประกอบด้วย กลุ่มท่อที่ขดไปมาเป็นก้อนโอบโค้งอยูทางด้านหลังของ ่ เป็น 23 โครโมโซม จะมีการแบ่งเซลล์ 2 ครั้ง อัณฑะ เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ขนาดประมาณ 4 เซนติเมตร เมื่อคลี่ออกจะ ...... - meiosis I เป็นการแบ่งเซลล์จากสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 1 กลาย ยาวประมาณ 6 เมตร มีหน้าที่ เป็นสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 2 ...............1. เป็นแหล่งอาหารและที่พักของอสุจให้มีการพัฒนาตัวเองจน ิ .......- meiosis II เป็นการแบ่งเซลล์จาก สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่ 2 สามารถเคลื่อนไหวเพื่อเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่ได้ กลายเป็นสเปอร์มาทิด ...............2. เป็นทางผ่านของ sperm ออกจากอัณฑะเข้าสูหลอดนาอสุจิ ่ ...............3. spermiogenesis เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของ (vas deferens) สเปอร์มาทิดซึ่งเป็นเซลล์รูปร่างกลมให้กลายเป็นเซลล์มีรูปร่างลักษณะ ...............3. หลังสารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของน้าอสุจิ ่ พิเศษคือ อสุจิ โดยอาศัยออร์กาเนลล์ในสเปอร์มาทิด คือ นิวเคลียส 2.3 ท่อนาอสุจิ (vas deferens) กอลจิบอดี, ไมโทคอนเดรีย และเซนทริโอล เป็นท่อที่ต่อจากหลอดเก็บอสุจิ ยาวประมาณ 45 เซนติเมตร เปิดเข้าสู่ท่อ ...............4. spermiation เป็นกระบวนการปลดปล่อยอสุจออกสูลูเมน ิ ่ ปัสสาวะในต่อมลูกหมาก ทาหน้าที่นาอสุจจากอัณฑะเข้าสูท่อฉีดอสุจิ ิ ่ หรือช่องว่างเพื่อส่งไปยังหลอดเก็บอสุจิ ในการทาหมันชาย โดยการตัดเส้นทางไม่ให้อสุจออกสู่ภายนอกไปผสม ิ ช่องว่างในหลอดสร้างอสุจิ กับเซลล์ไข่สามารถทาได้ง่าย ด้วยวิธีกรีดผิวหนังทางด้านหลังของถุงอัณฑะ แล้วจึงผูกและตัดท่อนาอสุจเิ นื่องจากเป็นท่อที่มีชั้นกล้ามเนื้อหนามากสามารถ คลาส่วนต้นของท่อนี้ได้ ซึ่งมีลักษณะเป็นลาอยู่ทางด้านหลังของถุงอัณฑะ spermiogenesis เรียกวิธีการทาหมันในผู้ชายนี้ว่า vasectomy 2.4 ท่อฉีดอสุจิ (ejaculatory duct) เป็นท่อสั้นๆ ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร รับสารที่สร้างมาต่อมสร้างน้า Spermatozoa เลี้ยงอสุจิและท่อนาอสุจิ แล้วแทงทะลุเข้าทางด้านหลังของต่อมลูกหมาก เข้าไป Spermatid เชื่อมต่อกับท่อปัสสาวะที่อยู่ในต่อมลูกหมาก เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศก็จะมี 2๐spermatocyte การบีบตัวทาให้อสุจิเคลือนที่ออกมาทางท่อปัสสาวะ ่ 1๐spermatocyte 3. accessory glands เส้นเลือด เป็นต่อมที่สร้างสารอาหารเลี้ยงอสุจิและช่วยอานวยความสะดวกในการ ลาเลียงอสุจิ ออกสู่ภายนอกด้วย ได้แก่ ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) และต่อมคาวเปอร์ spermatogonia (Cowper's gland) 3.1 ต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) seminal vesicle มีลักษณะเป็นถุงยาวขดไปมาทางด้านหลังของ ถ้าเอาอสุจแต่ละตัวที่เจริญเต็มที่ไปศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ ิ กระเพาะปัสสาวะ มีอยู่ 2 ข้างจะให้ท่อเชื่อมต่อกับแอมพูลลาของท่อนาอสุจิซึ่ง อิเล็กตรอน จะเห็นว่าอสุจแต่ละตัวมีความยาว 55-65 ไมครอน ิ ประกอบด้วย ประกอบด้วย -สารเมือกฟรักโทสสาหรับให้พลังงานแก่อสุจิ เพือใช้ในการเคลือนไหว ่ ่ - ส่วนหัว มีลักษณะเป็นรูปไข่ ภายในคือนิวเคลียสของ spermatid -โพรสทาแกลนดิน (prostaglandins) เพือทาให้มดลูกหดตัวช่วยบีบ ่ และทางด้านหน้า 2/3 ของนิวเคลียสจะถูกหุ้มด้วย acrosome ซึ่งภายใน ไล่อสุจิ ให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมี วิตามินซี และ coagulating มี acrosomal enzyme หลายชนิดทาหน้าที่ย่อยทาลายผนังของไข่คือ enzyme สารที่หลั่งออกจากต่อมสร้างน้าเลี้ยงอสุจิ 60 % ของน้าอสุจิที่หลั่ง - เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (hyaluronidase) ซึ่งทาหน้าที่ย่อยสลาย เยื่อ ออกมาแต่ละครั้ง มีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อลดความเป็นกรดในช่องคลอดของผู้หญิง หุ้มเซลล์ไข่ 3.2 ต่อมลูกหมาก (prostate gland)
  • 5. ........ต่อมลูกหมาก เป็นก้อนรูปร่างคล้ายกรวย มีเส้นผ่าศูนย์กลาง จานวนมาก ดังนั้นหากเกิดการฉีกขาดที่บริเวณนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในขณะ ประมาณ 3 เซนติเมตร น้าหนัก 20 กรัม หุ้มรอบท่อ ผนังชั้นนอกของ คลอด จะทาให้เจ็บ เสียเลือดมาก และเย็บติดได้ยาก ต่อมลูกหมากถูกห่อหุ้มด้วยถุง(capsule) สารที่สร้างมาจากต่อมลูกหมาก ...............5.เวสติบูล (vestibule) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างแคมเล็กทั้งสอง มีลักษณะเป็นน้าสีขาวคล้ายน้านม มีฤทธิ์เป็นด่างเล็กน้อย ประกอบด้วย ข้าง บริเวณนี้มีรูเปิดของท่อต่างๆ ดังนี้ กรดฟอสฟาเตส กรดซิตริค คลอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิพิด สังกะสี โปรติ - รูเปิดของท่อปัสสาวะ (urethral orifice) จะอยูถัดจากคลิทอริส ราว 1 ่ โอไลติกเอนไซม์ และไฟบริโนไลซินmซึ่งช่วยหลอมละลายการแข็งตัวของ ซม. ก้อนอสุจิที่หลั่งออกมา สารที่หลั่งออกจากต่อมลูกหมากจะกระตุ้นให้อสุจิ - รูเปิดของช่องคลอด (vaginal orifice) อยูถัดไปอีก มีเยื่อพรหมจารีย์ปิด ่ เคลือนไหวได้ดี มีการสร้างสารอาหารสาหรับอสุจซึ่งการหลั่งน้าอสุจิแต่ละ ่ ิ อยู่ ครั้งมีสารที่สร้างจากต่อมลูกหมากประมาณ 30 % - รูเปิดของ Bartholin's gland และ paraurethral gland อย่างละ 1 คู่ 3.3 ต่อมคาวเปอร์ (Cowper's gland) ขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่ว 2 ต่อม ตั้งอยู่ 2 ข้างของท่อปัสสาวะ แต่อยู่ตา ่ รังไข่ มดลูก กว่าต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่ให้ท่อออกมาเปิดออกสู่ท่อปัสสาวะที่อยู่ในลึงค์ ท่อนาไข่ สารที่สร้างและหลังออกมา เป็นสารเมือก มีฤทธิ์เป็นด่างทาหน้าที่หล่อลื่น ่ และลดความเป็นกรดภายในท่อปัสสาวะของผู้ชายและในช่องคลอดของผู้หญิง 4. ลึงค์ (penis) กระเพาะปัสสาวะ เป็นอวัยวะที่ทาหน้าที่เป็นทางผ่านของน้าปัสสาวะและน้าอสุจิ แบ่ง กระดูกหัวเหน่า ออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่แนบชิดติดกับลาตัวเรียกว่า โคน และส่วนที่ยน ื่ ลาไส้ใหญ่ ออกมาเรียกว่า ตัวลึงค์ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ (erectile ท่อปัสสาวะ tissue) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก ปากมดลูก 3 แท่ง ภายในมีลักษณะคล้ายฟองน้า ลาไส้ตรง ประกอบด้วยโพรงของแอ่งเลือดเล็ก ๆ ในชั้น ช่องคลอด ผิวหนังของปลายลึงค์นี้จะมีตอมเหงื่อ และ ่ ทวาร ต่อมไขมันมาก เมื่อมีการหลังสารออกจาก ่ ภาพตาแหน่งและลักษณะโครงสร้างของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ต่อมพร้อมกับเซลล์ที่หลุดลอกออกจาก ..............6.ต่อมบาร์โทลิน Bartholin's gland (greater vestibular ผิวหนังมารวมตัวกันจะเป็นก้อนสีขาวขุน ่ gland) เป็นต่อมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถัวเขียวพบอยู่ 2 ข้างของรูเปิดของช่อง ่ ลึงค์ตัดตามขวาง เรียกว่า สเมกมา (smegma) ถ้าหากทา คลอด ต่อมนี้เปรียบเทียบได้กับต่อมคาวเปอร์ในเพศชาย จะให้ท่อออกมาเปิด ความสะอาดบริเวณนี้ไม่ดีจะก่อให้เกิดการติด ที่บริเวณระหว่างเยื่อพรหมจารีย์กับแคมเล็ก ทาหน้าที่สร้างเมือกหล่อลื่น และ เชื้อได้ ดังนั้นการผ่าตัดเอาหนังหุ้มลึงค์ออกซึ่งเรียกว่า การขลิบ มีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อลดความเป็นกรดในช่องคลอด (circumcision) จะทาให้สามารถทาความสะอาดบริเวณนี้ได้ง่าย ...............7. เยื่อพรหมจารีย์ (hymen) เป็นเนื้อเยื่อที่ยนออกมาปิดรูเปิด ื่ ของช่องคลอด ตรงกลางจะมีรเปิดเล็กๆ เยื่อพรหมจารีย์นี้สามารถยืดหยุ่นได้ ู ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง (Female Reproductive System) ในเด็กบางคนเยื่อพรหมจารีย์ไม่มีรูเปิดจึงปิดช่องคลอดไว้หมด ทาให้เลือด ประจาเดือนไม่สามารถไหลออกมาได้ เรียก imperferated hymen ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงเป็นระบบที่ทาหน้าที่คล้ายกับระบบสืบพันธุ์เพศ ...............8. ฝีเย็บ (perineum) ฝีเย็บมักจะฉีกขาดขณะที่ทาการคลอด ถ้า ชาย ซึ่งนอกจาก สร้างเซลล์สืบพันธุ์คือเซลล์ไข่ และสร้างฮอร์โมนเพศหญิง หากไม่มีการเย็บซ่อมก็อาจจะทาให้อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะมดลูก แล้ว ยังทาหน้าที่ดูแลฟูมพักให้ เซลล์ไข่ที่ผสมติดให้พัฒนากลายเป็นตัวอ่อน เคลือนที่ออกมาทางช่องคลอด ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ฝีเย็บฉีกขาด ขณะทา ่ จนคลอดออกมา ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบ ด้วย คลอดจะต้องตัดบริเวณฝีเย็บ เรียกว่า episiotomy เพือเปิดช่องคลอดให้ ่ อวัยวะเพศภายนอก (external genitalia) กว้างขึ้นจะได้คลอดสะดวก เมื่อทารกคลอดออกมาแล้วค่อยทาการเย็บปิดกลับ เป็นอวัยวะที่มองเห็นได้จาก ภายนอก อาจจะเรียกว่า vulva หรือ ตามเดิม pudendum ซึ่งได้แก่ เนินหัวเหน่า แคมใหญ่ แคมเล็ก คลิทอริส , vestibule, Bartholin's gland , paraurethral gland และ อวัยวะเพศภายใน (internal genitalia) บริเวณฝีเย็บ ...............1. เนินหัวเหน่า (mone pubis) เป็นผิวหนังนูนอยู่บริเวณ 1.ช่องคลอด (vagina) เหนือกระดูกหัวเหน่า (pubic symphysis) เมื่อเข้าสู่วัยสาวจะมีขนงอก ตั้งอยูระหว่างทวารหนักและท่อปัสสาวะ เริ่มจากรูเปิดของช่องคลอดทอด ่ ขึ้นที่บริเวณนี้ สาหรับในเพศหญิงแนวขนจะเรียงตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมมี ทอดเฉียงขึ้นไปทางด้านหลังจนถึงปากมดลูก โดยจะสวมรอบปากมดลูกเอาไว้ ยอดชี้ลงมาทางด้านล่าง ส่วนในเพศชายยอดของสามเหลี่ยมจะชี้ขึ้นไปทาง ทาให้เกิดเป็นซอกเล็กๆ เรียกว่า fornix สะดือ ผนังภายในช่องคลอดมีลกษณะเป็นรอยย่นตามขวาง เรียกว่า รูกี ทาให้ ั ...............2. แคมใหญ่ (labia majora) เป็นผิวหนังที่ต่อมาจากทาง ผนังช่องคลอดสามารถยืดขยายตัวได้ บุด้วยเยื่อบุผิว ซึ่งจะมีเซลล์ชั้นล่างเจริญ ด้านล่างของเนินหัวเหน่า มีลักษณะนูนแยกเป็น 2 กลีบลงไปบรรจบกันทาง ขึ้นมาแทนที่เซลล์ชั้นบนสุด ซึ่งมีการลอกหลุดออกไปบ้าง ในผนังช่องคลอดจะ ด้านหลังที่บริเวณผีเย็บ ไม่มีตอมชนิดใดอยูเลย สารเมือกในช่องคลอดได้มาจากต่อมของปากมดลูก ่ ่ ...............3. แคมเล็ก (labia minora) เป็นชั้นผิวหนังที่ยกตัวขึ้นเป็น เยื่อบุผิวของผนังช่องคลอดนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามระดับของ กลีบเล็กๆ สีแดง 2 กลีบทางด้านในของแคมใหญ่ กลีบของแคมเล็กทาง ฮอร์โมน กล่าวคือขณะที่มเี อสโตรเจนสูง(estrogen) ก็จะกระตุ้นให้เซลล์เยื่อ ด้านหน้าจะแยกออกเป็น 2 แฉก บุผิวสร้างสารไกลโคเจน ออกมา เพือให้แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดคือ ่ ...............4. คลิทอริส (clitoris) มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ เป็นอวัยวะที่ Doderlein bacilli ทาการสลายให้กลายเป็น กรดแลกติค ทาให้ภายในช่อง เทียบได้กับ glans penis ในเพศชาย และมีโครงสร้างเนื้อเนื้อเยื่อที่แข้ง คลอดมีสภาพเป็นกรด สามารถทาลายเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆ ได้ ส่วนน้าอสุจิมี ตัวได้เช่นกัน มีหลอดเลือดและปลายประสาทรับความรู้สึกมาเลี้ยงเป็น ฤทธิ์เป็นด่างอ่อนทาให้ความเป็นกรดในช่องคลอดลดลงอสุจิ จึงสามารถมีชีวิต
  • 6. อยูภายในช่องคลอดได้ กล่าวโดยสรุป ช่องคลอดทาหน้าทีเ่ ป็นอวัยวะ ่ รองรับน้าอสุจิ เป็นทางผ่านของเลือดประจาเดือน และเป็นช่องทางคลอด ของทารก 2.รังไข่ (ovary) รังไข่ มีอยู่ 2 ข้าง มีลักษณะเป็นรูปไข่แบน มีขนาด 3 x 1.5 x 1 ซ.ม. หนักประมาณ 3 กรัม วางตัวอยูภายในอุ้งเชิงกรานทางด้านหลัง ่ โครงสร้างภายในของรังไข่ รังไข่ถูกห่อหุ้มด้วยเยื่อบุช่องท้อง (peritoneum) เมื่อผ่ารังไข่ออก แล้วศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่า ภายในรังไข่เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่ง ความหนาแน่นแตกต่างกัน ทาให้แบ่งรังไข่ออกเป็น 2 ชั้น ดังนี้ - ชั้นนอก (cortex) ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หนาแน่นมาก ในชั้นนี้มีไข่ที่กาลังเจริญเติบโตในระยะต่างๆ ไข่แต่ละใบจะมีเซลล์บริวาร ล้อมรอบอยูเสมอ ่ โดยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง โอโอไซต์ระยะแรกซึ่งอยู่ภายในฟอลลิเคิล ก็ - ชั้นใน (medulla) ประกอบด้วย เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่กันอย่าง จะเจริญต่อไปจนกลายเป็น growing และ graafian follicle ตามลาดับ หลวมๆ ภายในมีหลอดเลือด เส้นประสาท และท่อน้าเหลือง และก่อนที่จะมีการตกไข่ โอโอไซต์ระยะแรกที่อยู่ในกราเฟียนฟอล ลิเคิลก็จะ แบ่งเซลล์แบบ meiosis ครั้งที่ 1 โดยสมบูรณ์ ทาให้ได้เซลล์ 2 ชนิด ซึ่งมี การเจริญของเซลล์ไข่ (oogenesis) จานวนของโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่งเป็น 23 โครโมโซม (n) เซลล์ชนิดแรก การเจริญของเซลล์ไข่แตกต่างจากการเจริญของอสุจิ คือในแต่ละเดือน เป็นเซลล์ขนาดใหญ่มไซโทพลาซึมมากเรียกว่า โอโอไซต์ระยะที่สองหรือ โอโอ ี เซลล์ไข่สามารถเจริญพร้อมที่จะผสมกับอสุจิ ได้เพียง 1 ใบเท่านั้น ในขณะที่ ติด (secondary oocyte/ootid) เซลล์ชนิดที่ 2 มีขนาดเล็ก มีไซโทพลา เพศชายสามารถผลิต sperm ได้จานวนนับพันล้านตัวที่เจริญสมบูรณ์ ซึมน้อยกว่าเรียกว่า โพลาร์บอดี (first polar body) ซึ่งทั้ง 2 เซลล์ยังคง พร้อมที่จะเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่ กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศ อยูในซิดา หลังจากนั้น โอโอไซต์ระยะที่สองก็จะหยุดการเจริญอีกครั้ง รอ ่ หญิงแบ่งเป็นหลายขั้นตอนแต่ละขั้นตอนอาศัยเวลานานจึงจะเสร็จสิ้นได้ จนกระทั่งมีการตกไข่ และได้รับการผสมกับอสุจิก็จะเกิดการแบ่งเซลล์แบบ เซลล์ไข่ที่สมบูรณ์ ซึ่งกระบวนการผลิตเซลล์ไข่ให้เจริญสมบูรณ์จนพร้อมที่ meiosis ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นทันทีกลายเป็น เซลล์ไข่หรือโอวัม(ovum) และโพ จะผสมได้นั้นเรียกว่า โอโอเจเนซิส (oogenesis) โดย เริ่มตั้งแต่ระยะที่ ลาร์บอดี (second polar body) กรณีที่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ โอโอไซต์ เป็นตัวอ่อนอยู่ในครรภ์มารดามี “ไพรมอเดียลเจิร์มเซลล์ (primodial ระยะที่สองก็จะไม่มีการแบ่งเซลล์และสลายตัวภายในท่อนาไข่ แล้วอีก 14 วัน germ cell)” เป็นเซลล์ต้นกาเนิดเจริญมาจากเนื้อเยื่อชั้น mesoderm ต่อมา โอโอไซต์ระยะแรกกลุ่มใหม่ในรังไข่ก็จะได้รับการกระตุ้นโดย ฮอร์โมน เคลือนที่แทรกเข้าไปในรังไข่เรียกชื่อใหม่ว่า โอโอโกเนีย (oogonia) ่ จากต่อมใต้สมองให้สร้างเซลล์ไข่เซลล์ใหม่ต่อไป โอโอเจเนซิส การพัฒนาของฟอลลิเคิล 3.ท่อนาไข่ (uterine tube, fallopian tube หรือ oviduct) ท่อนาไข่ยาวประมาณ 4 นิ้ว ปลายด้านหนึ่งจะเปิดออกสู่ช่องท้อง ส่วน โอโอโกเนีย mitosis ปลายอีก ข้างหนึ่งเปิดเข้าสู่โพรงมดลูก ท่อนาไข่ ทาหน้าที่เก็บเซลล์ไข่ที่หลุด ซิส ออกจากรังไข่ เป็นบริเวณที่ผสมกันของเซลล์ไข่กบอสุจและนาเซลล์ไข่ทปฏิสนธิ ั ิ ี่ 10 โอโอไซต์ แล้วเดินทางเข้าสู่โพรงมดลูก ดังนั้นในระยะก่อนไข่ตก พบว่าท่อนาไข่บริเวฯ ส่วยปลายหรือฟริมเบรีย (fimbriae) จะเคลือนเข้าใกล้รังไข่ ซิเลียบริเวณฟ ่ ริมเบรียจะโบกพัดเซลล์ไข่ที่ตกลงไปในช่องท้องให้เคลื่อนเข้าไปในท่อนาไข่ แล้ว เดินทางต่อไปจนเข้าสู่โพรงมดลูกโดยอาศัยการโบกพัดของซิเลีย และการหด ตัวของกล้ามเนื้อเรียบ 4. มดลูก (uterus) มดลูก เป็นอวัยวะที่มีรปร่างคล้ายลูกแพร์หรือลูกชมพู่ มีผนังเป็นกล้ามเนื้อ ู เรียบหนา ตั้งอยูด้านหลังของกระเพาะปัสสาวะและด้านหน้าของทวารหนัก ใน ่ ระยะที่ไม่ตั้งครรภ์มดลูกจะมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว กว้าง 2 นิ้ว หนา 1 นิ้ว น้าหนักประมาณ 50 - 60 กรัม เมื่อตั้งครรภ์ขนาดของมดลูกจะขยาย ใหญ่หลายเท่าและจะกลับสู่สภาพเดิมหลังคลอด เมื่อถึงวัยหมดประจาเดือน มดลูกก็จะเหี่ยวเล็กลงตามอิทธิพลของฮอร์โมน มดลูกแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนคือ ...............- ฟันดัส (fundus) คือส่วนบนที่อยู่เหนือท่อนาไข่เป็นส่วนที่กว้าง ที่สุด ...............- บอดี (body) คือส่วนที่อยู่ต่ากว่าท่อนาไข่ เรียวลงไปจนถึงส่วน แคบที่เรียกว่า isthmus ...............- ปากมดลูก (cervix) คือส่วนล่างสุดที่อยู่ติดกับช่องคลอด มดลูกมีเอ็นลิกาเมนต์ซึ่งทาหน้าที่คอยยึดตัวมดลูกให้อยู่ภายในอุ้งเชิง ภาพการเจริญของเซลล์ไข่ กราน หากเอ็นลิกาเมนต์หย่อนยาน หรือฉีกขาดก็จะทาให้มดลูกเคลือนตัวลง ่ มาอยู่ในช่องคลอด หรือโผล่ออกมาทางรูเปิดของช่องคลอด โอโอโกเนีย มีโครโมโซม 46 แท่ง (2n) มีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจะ โครงสร้างของผนังมดลูก แบ่งออกเป็น 3 ชั้นใหญ่ ๆ คือ กลายเป็น โอโอไซต์ระยะแรก (primary oocyte) ต่อมา โอโอไซต์ ...............1. ชั้นนอกสุดเรียกว่า เพอริมีเทรียม (perimetrium หรือ ระยะแรกก็จะเจริญต่อไป จนถึงระยะ โพรเฟส (prophase) ของการแบ่ง serosa) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเยื่อบุช่องท้องลงมาคลุมมดลูกเอาไว้ ถ้าหาก เซลล์แบบไมโอซิสครั้งที่ 1 ก็จะหยุดเจริญเติบโตเพียงแค่นี้ รอจนกว่าตัว เกิดการตกเลือดหรือมีการอักเสบในช่องท้องจะทาให้เลือดขังที่นี่ อ่อนจะคลอดออกมาแล้วเจริญเติบโตจนเข้าสู่วัยสาว เมื่อได้รับการกระตุ้น ...............2. ชั้นกลางเรียกว่า ไมโอมีเทรียม (myometrium) ประกอบด้วย