ใบงานที่ 5 โครงงานเรื่องผู้หญิงที่ปล่อยให้อ้วน เสี่ยงความจำบกพร่อง

1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ผู้หญิงที่ปล่อยให้อ้วน เสี่ยงความจำบกพร่อง
ชื่อผู้ทำโครงงาน
ชื่อ นางสาว เมธาวีร์ ไชยมณีวรรณ เลขที่ 12 ชั้น ม.6 ห้อง 9
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34

2. 2
ใบงาน
การจัดทำข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว เมธาวีร์ ไชยมณีวรรณ เลขที่ 12 ชั้น ม.6 ห้อง 9
คำชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ผู้หญิงที่ปล่อยให้อ้วน เสี่ยงความจำบกพร่อง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Fat woman Risk of memory defects
ประเภทโครงงาน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทำโครงงาน นางสาว เมธาวีร์ ไชยมณีวรรณ เลขที่ 12 ชั้น ม.6 ห้อง 9
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม -
ระยะเวลาดำเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทำโครงงาน)
ปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงหลายๆคนโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น มักจะไม่ค่อยสนใจดูแลสุขภาพของตนเอง
ปล่อยให้สุขภาพร่างกายแย่และเป็นโรค ซึ่งโรคส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจนนั้นคือ "โรคอ้วน" โรคอ้วนนั้นจะส่งผลให้
ร่างกายของเราและมีโรคอื่น ๆ แทรกซ้อนเข้ามาด้วย ผู้จัดทำจึงได้มุ่งเน้นไปยังการเกิดโรคแทรกซ้อนของโรคอ้วน นั้น
ก็คือโรคความจำบกพร่องหรือโรคอัลไซเมอร์
ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มและสถานการณ์โรคอ้วนทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นในสัดส่วน 1 ต่อ 3 คน ในปี 2017 มีผู้เป็น
โรคอ้วน 2,200 ล้านคน โดยผู้ชายเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในขณะที่ผู้หญิงเพิ่มขึ้น 2 เท่า สำหรับในประเทศไทยเองก็มีอัตรา
เพิ่มสูงมากขึ้น ดูได้จากสถิติผู้ป่วยโรคอ้วนในประเทศไทยที่สูงเป็นลำดับที่ 2 ของกลุ่มประเทศอาเซียน รองจาก
ประเทศมาเลเซีย คิดเป็น 16 ล้านคนที่เป็นโรคอ้วน แบ่งเป็นผู้ชาย 4.7 ล้านคนและผู้หญิง 11.3 ล้านคน
โรคอ้วนในที่นี้ หมายถึง ความอ้วนที่มากเกินไป มีน้ำหนักตัวมากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่อ้วนกำลังดี อ้วนพอ
งามหรือกำลังสวย คำว่า อ้วน ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง มีเนื้อและไขมันมาก
โต อวบ ซึ่งเป็นความหมายที่ไม่น่าปรารถนาของคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งสาเหตุที่เกิดโรคอ้วนมีทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน
ปัจจัยภายนอก ได้แก่ นิสัยในการรับประทาน คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี เรียกว่า กินจุบกินจิบไม่เป็นเวลา และ
ขาด การออกกำลังกาย ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกายบ้างก็อาจทำให้อ้วน
ช้าลง แต่หลายคนไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ส่วนปัจจัยภายใน ได้แก่ จิตใจและ
อารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ กลุ้มใจ กังวลใจ
หรือดีใจ บุคคลเหล่านี้ จะรู้สึกว่าอาหารที่ทำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นที่พึ่งทางใจ และความไม่สมดุล
ระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ใน
ที่สุดก็อ้วนเอา ๆ
ในส่วนของโรคความจำบกพร่องหรือโรคอัลไซเมอร์นั้น ก็เป็นอีกโรคที่แทรกซ้อนอยู่ในโรคอ้วน ซึ่งโรคอ้วนทำ
ให้เกิดปัญหาหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกิดจากการมีไขมันสะสมใต้ผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดขรุขระไม่เรียบ และ

3. 3
ตีบลง หลอดเลือดที่ตีบนี้จะเป็นไปทั่วตัว และหากตีบมากจะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆเหล่านั้นได้ไม่สมบูรณ์
โดยเฉพาะสมอง จะทำให้สมองขาดเลือดจนเนื้อสมองค่อยๆตายไปทำให้ความสามารถทางสมองลดลง บางรายอาจ
มีอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ดังนั้นผู้จัดทำจึงได้ศึกษาและหาข้อมูลต่าง ๆ ของโรคอ้วนทั้ง เรื่อง
สาเหตุ วิธีรักษาดูแลตนเอง เพื่อจะนำมาเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาอ่านบทความ
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทำโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับโรคอ้วน ที่มีผลต่อความทรงจำ
2.เพื่อศึกษาวิธีการดูแลรักษา
3.เพื่อเป็นสื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลกระทบของโรคอ้วนและวิธีการดูแลรักษาตนเอง
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจำกัดของการทำโครงงาน)
โครงงานเรื่องผู้หญิงที่ปล่อยให้อ้วน เสี่ยงความจำบกพร่อง มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปของโรคอ้วน คือ
สาเหตุ อาการ ผลกระทบ วิธีการดูแลรักษาการป้องกัน และยังมีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มที่เสี่ยงความจำ
บกพร่องผู้ทำการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
ซึ่งมีระยะเวลาด าเนินโครงงาน 9 สิงหาคม – 14 กันยายน 2562
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทำโครงงาน)
ความอ้วนไม่ได้ทำให้เสียลุคเพียงอย่างเดียว แต่สร้างอิทธิพลลึกไปถึงสมอง แม้คุณจะเชื่อว่า “ฉันอ้วน ก็ไม่ได้
ไปหนักหัวใครเสียหน่อย” อาจต้องใจเย็นเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ไปทำความเข้าใจกับภาวะอ้วนที่มีผลกระทบต่อคุณ
โดยตรงในระยะยาวถึงระดับโมเลกุล
งานวิจัยชิ้นนี้ค้นพบว่า ภาวะอ้วนเนื่องจากการรับประทานอาหารไขมันสูง นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัย
ต่าง ๆ ที่คุณมักเคยได้ยิน ยังมีผลกระทบต่อการทำงานของสมองอีกด้วย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อ้วนร่วมกับการพร่อง
ฮอร์โมนเพศหญิง ‘เอสโตรเจน’ จากการตัดรังไข่หรือภาวะหมดประจำเดือน จะส่งผลเร่งการสูญเสียการทำงานของ
สมอง เช่น ภาวะเครียดออกซิเดชั่น การสูญเสียการปรับเปลี่ยนที่จุดประสานในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส
(hippocampus) ซึ่งเป็นสมองที่มีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้จดจำ ภาวะดื้อต่ออินซูลินทั้งในเนื้อเยื่อส่วนปลายและ
ในสมอง รวมทั้งการสูญเสียการทำงานของไมโตคอนเดรียซึ่งเป็นแหล่งสร้างพลังงานของเซลล์ ส่งผลให้ความรุนแรง
ของการสูญเสียการเรียนรู้และการจดจำเพิ่มมากกว่าคนปกติ
องค์ความรู้อันลึกซึ้งที่ได้ ทำให้เราเข้าใจกลไกในระดับโมเลกุลของการสูญเสียการเรียนรู้จดจำในผู้หญิงที่มีภาวะอ้วน
ร่วมกับการพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจน กระตุ้นให้เราตื่นตัวที่จะหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังมากขึ้น
ความอ้วนไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง หากความทรงจำดี ๆ ที่คุณมีต่อคนรอบตัวกำลังเลือนหายไป
ชื่องานวิจัย : ภาวะอ้วนร่วมกับการพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจนเร่งการสูญเสียการเรียนรู้จดจำในเพศหญิง
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาสนา ปรัชญาสกุล สังกัดภาควิชาสรีรวิทยา และศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทาง
ไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

4. 4
ภาวะ “โรคอ้วน” เกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้คนที่เสี่ยงให้เกิดโรคอ้วน เช่น
• การเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลมากเกินไป ทั้งเบเกอรี่ ขนมหวาน ขนมกรุบ
กรอบ น้ำหวานชง น้ำอัดลม ฯลฯ
• การรับประทานอาหารไม่ครบหมวดหมู่
• รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อยครั้งจากภาวะที่เร่งรีบในชีวิตประจำวันหรือติดรสชาติความอร่อยของอาหาร
เหล่านี้จนกลายเป็นความเคยชินในการเลือกรับประทาน
• ขาดการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพียงพอ
• การลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักแบบไม่ถูกวิธีที่ทำให้กลับมาประสบปัญหาอ้วนมากกว่าเดิม
• บางรายอาจเกิดจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานไม่สมบูรณ์
• อื่น ๆ
สาเหตุของโรคอ้วน
สาเหตุของโรคอ้วนแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่
1. เกิดจากสาเหตุภายนอก
เป็นสาเหตุใหญ่ที่เกิดโรคอ้วน เพราะตามใจปากมากเกินไป กินมากเกินความต้องการของร่างกาย อาหาร
ที่กิน เนื้อ ไขมัน หรือแป้ง ของหวาน สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ามีมากเกินไปก็จะกลายเป็นไขมันพอก
พูนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ออกกำลังกายน้อย กินแล้วนอน
• นิสัยในการรับประทาน คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี เรียกว่า กินจุบกินจิบไม่เป็นเวลา
• ขาดการออกกำลังกาย ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกายบ้างก็อาจทำ
ให้อ้วนช้าลง แต่หลายคนไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
2. มาจากสาเหตุภายใน
พบได้จากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นแขน ต้น
ขา และหน้าท้อง
• จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ
ดับความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจ หรือดีใจ บุคคลเหล่านี้ จะรู้สึกว่าอาหารที่ทำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึด
เอาอาหารไว้เป็นที่พึ่งทางใจ ตรงกันขามกับบางคนกลุ้มใจเสียใจก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
• ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆ
3. เพราะกรรมพันธุ์
ซึ่งพบได้น้อย กรรมพันธุ์นี้พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งสองคน ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ
80 ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอ้วน ลูกมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40
โรคความจำบกพร่อง หรือ โรคอัลไซเมอร์
อัลไซเมอร์ เป็นหนึ่งในโรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของการทำงานหรือโครงสร้างของเนื้อเยื่อของสมองซึ่งมัก
พบในผู้สูงอายุ โดยไม่ใช่ความเสื่อมตามธรรมชาติเพราะผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องเป็นอัลไซเมอร์ทุกคน แต่เป็นความเสื่อม
ที่เกิดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เบต้า-อะไมลอยด์ (beta-amyloid) ชนิดไม่ละลายน้ำซึ่งเมื่อไปจับกับเซลล์สมอง
จะส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อมและฝ่อลง รวมถึงทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์สมองเสียหายจากการลดลงของสารอะซี
ติลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งผลโดยตรงกับความทรงจำ

5. 5
10 สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคความจำบกพร่อง
1. การเสื่อมสลายของเนื้อสมอง คือ เซลล์สมองมีการเสื่อมสลายตาบไปโดยไม่มีเซลล์ใหม่มาทดแทน ทำให้สมอง
ที่เหลืออยู่ทำงานได้ไม่ดีดังเดิม โรคที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมมากที่สุด คือโรคอัลไซเมอร์ บางคนอาจเข้าใจ
ผิดคิดว่าอัลไซเมอร์คือสมองเสื่อม แต่จริง ๆ แล้ว โรคคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุทำให้สมองเสื่อม
2. เกิดจากปัญหาหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกิดจากการมีไขมันสะสมใต้ผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดขรุขระไม่
เรียบ และตีบลง หลอดเลือดที่ตีบนี้จะเป็นไปทั่วตัว และหากตีบมากจะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ
เหล่านั้นได้ไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะสมอง จะทำให้สมองขาดเลือดจนเนื้อสมองค่อยๆตายไปทำให้ความสามารถ
ทางสมองลดลง บางรายอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ซึ่งมักพบได้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
ดังนี้ เป็นโรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ เป็นเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น การป้องกัน
ภาวะสมองเสื่อมจากสาเหตุนี้สามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่มสาว
3. การติดเชื้อในสมอง โดยมากมักเป็นเชื้อ เอชไอวี เชื้อเจแปนนิสบีในหมูโดยมียุงเป็นพาหะนำโรค เชื้อจากโรค
ซิฟิลิส รวมถึงเชื้อแบคทีเรียอื่นๆบางชนิด
4. เกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินบี1 บี12 และสารโฟลิค แอซิก มักพบในผู้ที่ดื่มสุรามาก ๆ
หรือติดสุรา อาจพบในผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์และผู้ป่วยที่ผ่าตัดกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนต้นออกไป อาจทำให้
ขาดวิตามินบี12 ได้
5. เกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
6. จากการกระทบกระเทือนที่สมอง เช่น อุบัติเหตุหัวฟาดพื้น หรือกระแทกกับของแข็ง ผู้ที่เล่นกีฬาที่ต้องใช้
ศีรษะรับแรงกระแทกบ่อย ๆ เช่น นักมวย นักฟุตบอล เป็นต้น
7. การมีเนื้องอกในสมอง โดยเฉพาะเนื้องอกที่อยู่ด้านหน้าของสมอง อาจทำให้ความฉลาด ความจำเสื่อมถอย
รวมทั้งอาจมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป
8. เกิดจากมีน้ำเลี้ยงในสมองคั่งทำให้ช่องในสมองขยายใหญ่ขึ้นจนไปเบียดเนื้อสมอง จนทำให้มีภาวะสมองเสื่อม
ได้ โดยผู้ป่วยสมองเสื่อมจากเหตุนี้ มักจะเดินไม่เป็น กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สมองเสื่อมจากสาเหตุนี้สามารถ
รักษาได้โดยการผ่าตัด
9. จากการใช้ยาหรือรับสารพิษบางชนิด เช่น สุรา ยานอนหลับ ยากันชัก ยาคลายเครียด ยาเหล่านี้หากได้รับใน
ปริมาณสูงและเป็นเวลานานอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง
10.การอักเสบของหลอดเลือดเล็กภายในสมอง ทำให้สมองขาดเลือดและตายลง ทำให้ความคิด ความจำเสื่อมลง
วิธีดูแลตนเองให้ห่างไกล “โรคอ้วน” และโรคแทรกซ้อน
1. ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน โภชนาการ ควบคุมอาหาร ลดแป้ง เน้นผักและผลไม้ เพื่อเพิ่มวิตามินและกากใยไฟ
เบอร์ให้ร่างกาย ดื่มน้ำเปล่าสะอาดอย่างน้อย 8 - 10 แก้วต่อวัน เพราะน้ำจะช่วยขับสารพิษ รักษาสมดุล
และอุณหภูมิที่เหมาะสมของร่างกาย
2. เลือกวิธีปรุงอาหารแบบ ต้ม นึ่ง ย่างมากกว่าการทอดหรือผัด
3. ลด ละ เลิก เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์สูง เช่น น้ำอัดลม (1 กระป๋องมีน้ำตาล 7 - 12
ช้อนชา) และเครื่องดื่มชาเขียว (1 ขวดมีน้ำตาล 8 - 14 ช้อนชา)
4. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ตามความเหมาะสมของสภาพร่างกาย อย่าลืมคำนึงถึงความ
ปลอดภัยและไม่ควรหักโหมจนเกินไป สำหรับผู้มีน้ำหนักมากเลี่ยงกีฬาหรือการออกกำลังที่ทำให้เกิดการ
กระแทกของข้อเท้า ซึ่งอาจทำให้บาดเจ็บได้ เปลี่ยนเป็นการเดินช้า ๆ โยคะ หรือว่ายน้ำ
5. นอนหลับพักผ่อนในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ 22.00 - 06.00 น. โดยหลับสนิทติดต่อกันนาน เพราะการ
นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จะทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายเสียสมดุล
6. เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นในแต่ละวัน เริ่มง่าย ๆ ด้วยการแกว่งแขน ทำท่ากายบริหารง่าย ๆ เดินเล่นใน
สวน ขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ จัดตารางการออกกำลังกายส่วนตัวที่ต้องทำสม่ำเสมอ

6. 6
7. หากทำทุกวิถีทางแล้วยังไม่สามารถลดความอ้วนได้ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหา
อย่างเหมาะสม เช่น การผ่าตัดกระเพาะในรูปแบบต่าง ๆ ที่นอกจากรักษาโรคอ้วนแล้วยังช่วยลดความเสี่ยง
การเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ด้วย
วิธีดำเนินงาน
แนวทางการดำเนินงาน
1.คิดค้นหัวข้อชื่อโครงงาน
2.ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3.จัดเรียงเนื้อหาโครงร่างข้อมูลงานที่ค้นหาได้
4.ตรวจสอบความถูกต้องข้อมูล
5.นำเสนอต่อครูที่ปรึกษา
6.ปรับปรุงข้อผิดพลาด
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
__________________________________________________________________
___________________________________________________________________
ขั้นตอนและแผนดำเนินงาน
ลำดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
1
6
17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทำโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทำเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นำเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทำโครงงาน)
1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอ้วนและผลกระทบของโรคอ้วนมากขึ้น
2. ทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น
3. พัฒนาทักษะความสามารถในการสร้างเว็บบล็อก งานกราฟิก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวันได้

7. 7
สถานที่ดำเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 238 ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
2.กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
3.กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นำมาใช้การทำโครงงาน)
กองบรรณาธิการ HONESTDOCS.(ม.ป.ป.).สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม.
จากเว็บไซต์: https://www.honestdocs.co/types-and-causes-of-dementia.
(สืบค้นเมื่อ 22 กันยายน 2562).
น.ท.นพ.คมเดช ธนวชิระสิน.(ม.ป.ป.). ส่องโรคแทรกซ้อนที่ซ่อนอยู่ในความอ้วน.
จากเว็บไซต์: https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/the-health-effects-of-overweight-and-obesity.
(สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2562).
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาสนา ปรัชญาสกุล.(2561). ภาวะอ้วนร่วมกับการพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจนเร่งการสูญเสีย
การเรียนรู้จดจำในเพศหญิง.จากเว็บไซต์: https://thematter.co/byte/research-that-matters-2018/.
(สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2562).
สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร,healthcorners. (2557). โรคอ้วนคืออะไร.
จากเว็บไซต์: http://www.lovefitt.com/healthy-fact/โรคอ้วนคืออะไร-เช็คให้ชัวร์ว่าเราเข้าข่ายหรือไม่/.
(สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2562).