More Related Content
Similar to คู่มือการบวช (20)
คู่มือการบวช
- 1. คูมือการบวช
คุ ณ สมบั ติ ข องผู ที่ จ ะบวชได
การเตรี ย มตั ว ก อ นบวช
พิ ธี ก ารบวชแบบมหานิ ก าย (อุ ก าสะ)
พิ ธี ก ารบวชแบบธรรมยุ ต (เอสาหั ง )
ข อ ห า มและศี ล สํา หรั บ สมณเพศ
บทกิ จ วั ต ร แสดงอาบั ติ ลาสิ ก ขา
- 2. คุณสมบัติของผูที่จะบวชได
ครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผูชาย การไดบวชถือเปนมหากุศล
อันยิ่งใหญ ผลบุญจะแผไปถึงบุคคลผูใกลชิด และลบลาง
กรรมชั่วในอดีตได ตามแตกาลังการบําเพ็ญตน หรือหาก
ํ
ทานยินดีที่จะดํารงสถานภาพของสมณเพศไปจนตลอด
ชีวิต ก็นับวาเปนการอุทิศตนชวยธํารงคไวซึ่งการสืบตอ
อายุของพระพุทธศาสนา ไปจนตราบชั่วกาลนาน
การคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะมาอยูในสมณเพศถือวามี
สวนสําคัญมาก การหละหลวมในการพิจารณาคุณสมบัติ
เบื้องตนของผูที่จะมาบวช ใหคนทั่วไปเขากราบไหวนับถือ
มีสวนทําใหสถาบันศาสนาสั่นคลอน ดังจะเห็นไดจากสิ่งที่
เคยเกิดขึ้นวา คนเคยตองโทษจําคุกในคดีอาญามาบวช
เปนพระ ก็นอกจากจะไมอยูในศีลแลว ยังกอคดีอุกฉกรรจ
อีกจนได
๏ ผูที่จะบวชเปนสามเณรหรือพระไดตองมีคุณสมบัติ
ดังนี้
๑. เปนสุภาพชนที่มีความประพฤติดีประพฤติชอบ ไมมีความประพฤติเสียหาย เชน ติดสุราหรือยาเสพติด
ใหโทษเปนตน และไมเปนคนจรจัด
๒. มีความรูอานและเขียนหนังสือไทยได
๓. ไมเปนผูมีทิฏฐิวิบัติ
๔. ไมเปนคนลมละลาย หรือมีหนี้สินผูกพัน
๕. เปนผูปราศจากบรรพชาโทษ และมีรางกายสมบูรณ อาจบําเพ็ญสมณกิจได ไมเปนคนชราไร
ความสามารถหรือทุพพลภาพ หรือพิกลพิการ
๖. มีสมณบริขารครบถวนและถูกตองตามพระวินัย
๗. เปนผูสามารถกลาวคําขอบรรพชาอุปสมบทไดดวยตนเอง และถูกตองไมวิบัติ
๏ ตอไปนี้เปนลักษณะตองหามสําหรับผูจะบวชไดแก
๑. เปนคนทําความผิด หลบหนีอาญาแผนดิน
๒. เปนคนหลบหนีราชการ
- 4. การเตรียมตัวกอนบวช
ผูจะบวชเรียกวา อุปสัมปทาเปกข หรือ นาค ซึ่งตองทอง
คําบาลีหรือที่เรียกกันวาขานนาคใหคลองเพื่อใชในพิธี
โดยตองฝกซอมกับพระอาจารยใหคลองกอนทําพิธีบวช
เพื่อจะไดไมเคอะเขิน
นอกจากนี้มีหลายสิ่งหลายอยางที่ตองคิด ตองเตรียมตัว
และทําเมื่อคิดจะบวชดังตอไปนี้ อยางไรก็ตาม ไมใชวา
จะตองทําทั้งหมดเพราะวาทั้งนี้ใหคํานึงถึงความเหมาะสม
และกําลังทรัพยดวย ขั้นตอนบางอยางไมจําเปนตองมีกได
็
- เครื่องอัฏฐบริขาร
- ของที่ตองใชในการบวช
- คําขอขมาเพื่อลาบวช
- การบวชนาค แหนาค
๏ เครื่องอัฏฐบริขารและเครื่องใชอื่นๆ ที่ควรมีหรือ
จําเปนตองใชไดแก
๑. ไตรครอง ไดแก สบง ๑ ประคตเอว ๑ อังสะ ๑ จีวร ๑ สังฆาฏิ ๑ ผารัดอก ๑ ผากราบ ๑
๒. บาตร แบบมีเชิงรองพรอมดวยฝา ถลกบาตร สายโยค ถุง ตะเคียว
๓. มีดโกน พรอมทั้งหินลับมีดโกน
๔. เข็มเย็บผา พรอมทั้งกลองเข็มและดาย
๕. เครื่องกรองน้ํา (ธมกรก)
๖. เสื่อ หมอน ผาหม มุง
๗. จีวร สบง อังสะ ผาอาบ ๒ ผืน (อาศัย)
๘. ตาลปตร ยาม ผาเช็ดหนา รม รองเทา
๙. โคมไฟฟา หรือตะเกียง ไฟฉาย นาฬิกาปลุก
๑๐. สํารับ ปนโต คาว หวาน จานขาว ชอนสอม ผาเช็ดมือ
๑๑. ที่ตมน้ํา กาตมน้ํา กาชงน้ํารอน ถวยน้ํารอน เหยือกน้ําและแกวน้ําเย็น กระติกน้ําแข็ง กระติกน้ํารอน
๑๒. กระโถนบวน กระโถนถาย
- 5. ๑๓. ขันอาบน้ํา สบูและกลองสบู แปรงและยาสีฟน ผาขนหนู กระดาษชําระ
๑๔. สันถัต (อาสนะ)
๑๕. หีบไมหรือกระเปาหนังสําหรับเก็บไตรครอง
ขอที่ ๑-๕ เรียกวาอัฏฐบริขารซึ่งถือเปนสิ่งจําเปนที่ขาดเสียมิได มีความหมายวา บริขาร ๘ แบงเปนผา ๕
อยางคือ สบง ๑ ประคตเอว ๑ จีวร ๑ สังฆาฏิ ๑ ผากรองน้ํา ๑ และเหล็ก ๓ อยางคือ บาตร ๑ มีดโกน ๑
เข็มเย็บผา ๑ นอกจากนั้นก็แลวแตความจําเปนในแตละแหงและกําลังทรัพย
๏ ของที่ตองเตรียมใชในพิธีคือ
๑. ไตรแบง ไดแก สบง ๑ ประคตเอว ๑ อังสะ ๑ จีวร ๑ ผารัดอก ๑ ผากราบ ๑
๒. จีวร สบง อังสะ (อาศัยหรือสํารอง) และผาอาบ ๒ ผืน
๓. ยาม ผาเช็ดหนา นาฬิกา
๔. บาตร แบบมีเชิงรองพรอมดวยฝา
๕. รองเทา รม
๖. ที่นอน เสื่อ หมอน ผาหม มุง (อาจอาศัยของวัดก็ได)
๗. จานขาว ชอนสอม แกวน้ํา ผาเช็ดมือ ปนโต กระโถน
๘. ขันน้ํา สบู กลองสบู แปรง ยาสีฟน ผาเช็ดตัว
๙. ธูป เทียน ดอกไม (ใชสําหรับบูชาพระรัตนตรัย)
๑๐. ธูป เทียน ดอกไม *(อาจใชแบบเทียนแพรที่มีกรวยดอกไมก็ได เอาไวถวายพระอุปชฌายผูใหบวช)
*อาจจะเตรียมเครื่องจตุปจจัยไทยธรรมสําหรับถวายพระอุปชฌายและพระในพิธีนั้นอีกรูปละหนึ่งชุดก็ได
ขึ้นอยูกับกําลังทรัพยและศรัทธา
๏ คําขอขมาบิดา มารดา และญาติผูใหญเพื่อลาบวช
“กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ที่ขาพเจาไดเคยประมาทลวงเกินทานตอหนาก็ดี ลับหลังก็ดี
ทั้งตั้งใจก็ดี มิไดตั้งใจก็ดี ขอใหทานจงอโหสิกรรมแกขาพเจานับแตบัดนี้เปนตนไปจนตราบเทา
นิพพานเทอญ”
- 6. ๏ การบวชนาคและแหนาค
การจัดกระบวนแหประกอบดวยสิ่งตอไปนี้ คือ
๑. หัวโต หรือหวสิงโต (มีหรือไมก็ได)
๒. แตร หรือ เถิดเทิง (มีหรือไมก็ได)
๓. ของถวายพระอุปชฌาย คูสวด
๔. ไตรครอง ซึ่งมักจะอุมโดยมารดาหรือบุพการีของผูบวช (มีสัปทนกั้น)
๕. ดอกบัว ๓ ดอก ธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เลม ใหผูบวชพนมมือถือไว (มีสัปทนกั้น)
๖. บาตร และตาลปตร จะถือและสะพายโดยบิดาของผูบวช
๗. ของถวายพระอันดับ
๘. บริขารและเครื่องใชอยางอื่นของผูบวช
เมื่อจัดขบวนเรียบรอยแลวก็เคลื่อนขบวนเขาสูพระอุโบสถ เวียนขวารอบนอกขันธสีมา จนครบ ๓ รอบ
กอนจะเขาโบสถก็ตองวันทาเสมาหนาพระอุโบสถเสียกอนวา วันทามิ อาราเม พัทธะเสมายัง โพธิรุก
ขัง เจติยง สัพพะ เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต
ั
เมื่อเสร็จแลวก็โปรยทานกอนเขาสูพระอุโบสถโดยใหบดามารดาจูงติดกันไป อาจจะอุมขามธรณีประตูไป
ิ
เลยก็ได เสร็จแลวผูบวชก็ไปกราบพระประธานดานขางพระหัตถขวาขององคพระ รับไตรครองจากมารดา
บิดา จากนั้นจึงเริ่มพิธีการบวช
พิธีการบวชแบบมหานิกาย (อุ
กาสะ)
- 7. ๏ ขั้นตอนและบทที่ตองทองจํา
ใชในพิธีบวชแบบมหานิกาย (อุกาสะ)
รับผาไตรอุมประนมมือแลวเดินเขาไปในที่ประชุมสงฆในพิธี (สังฆนิบาต) แลววางผาไตรไวขางตัว
ดานซาย รับเครื่องสักการะถวายพระอุปชฌาย กราบดวยเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง แลวอุมผาไตรประนม
มือยืนขึ้นเปลงวาจาขอบรรพชาวา
อุกาสะ วันทามิ ภันเต
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง
ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ
อุกาสะ การุญญัง กัตตะวา ปพพัชชัง เทถะ เม ภันเต
(นั่งคุกเขาลง แลวประนมมือวา)
อะหัง ภันเต ปพพัชชัง ยาจามิ
ทุติยัมป อะหัง ภันเต ปพพัชชัง ยาจามิ
ตะติยัมป อะหัง ภันเต ปพพัชชัง ยาจามิ
(กลาว ๓ ครั้งวา)
สัพพะทุกขะ นิสสะระณะนิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ
อิมัง กาสาวัง คะเหตะวา ปพพาเชถะ มัง ภันเต
อะนุกมปง อุปาทายะ (เสร็จแลวพระอุปชฌาจะมารับผาไตร แลววาตอไป)
ั
(กลาว ๓ ครั้งวา)
สัพพะทุกขะ นิสสะระณะนิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ
เอตัง กาสาวัง ทัตตะวา ปพพาเชถะ มัง ภันเต
อะนุกมปง อุปาทายะ
ั
พระอุปชฌายใหโอวาทและบอก ตะจะปญจะกะ กัมมัฏฐาน แลวใหวาตามไปทีละบท โดยอนุโลม (ไป
ขางหนา) และปฏิโลม (ทวนกลับ) ดังนี้
เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ (อนุโลม)
ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา (ปฏิโลม)
พระอุปชฌายชักอังสะออกจากไตรมาสวมใหผูบวช แลวสั่งใหออกไปครองผาครบไตรจีวรตามระเบียบ
ครั้นเสร็จแลวรับเครื่องไทยทานเขาไปหาพระอาจารย ถวายทานแลวกราบ ๓ ครั้ง ยืนประนมมือเปลง
วาจาขอสรณะและศีลดังนี้
อุกาสะ วันทามิ ภันเต
- 8. สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ
อุกาสะ การุญญัง กัตตะวา
ติสะระเณนะ สะหะ
สีลานิ เทถะ เม ภันเต
(นั่งคุกเขาขอสรณะและศีลดังตอไปนี้)
อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
ทุติยัมป อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
ตะติยัมป อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
(พระอาจารยกลาวคํานมัสการใหผูบรรพชาวาตามดังนี)
้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
พระอุปชฌายจะกลาววา เอวัง วะเทหิ หรือ ยะมะหัง วะทามิ ตัง วะเทหิ
ใหรับวา อามะ ภันเต แลวทานจะวานําสรณคมนก็ใหวาตามดังนี้
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ั
ทุติยมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ั
ทุติยมป สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ั
ตะติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมป สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
พอจบแลวทางพระอุปชฌายจะบอกวา ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง ก็ใหรับวา อามะ ภันเต ตอจากนั้น
ก็สมาทานสิกขาบท ๑๐ ประการโดยวาตามทานไปเรื่อยๆ ดังนี้
ปาณาติปาตา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
อทินนาทานา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
อะพรหมจริยา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
วิกาละโภชนา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสนา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
มาลาคันธะวิเลปะนะธารณะมัณฑนะวิภูสะนัฏฐานา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
ชาตะรูปะ ระชะตะ ปฏิคคหณา เวรมณี สิกขาปะทัง สมาทิยามิ
- 9. (พระจะกลาว ๓ ครั้งวา)
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สมาทิยามิ (เสร็จแลวพึงกราบลง ๑ หน แลวยืนขึ้นวาดังนี้)
วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ (คุกเขาลงกราบ ๓ ครั้ง)
ตอจากนั้นใหรบบาตรอุมเขาไปหาพระอุปชฌายในสังฆสันนิบาต วางไวขางตัวดานซาย รับเครื่อง
ั
ไทยทานถวายทานแลวกราบ ๓ ครั้ง เสร็จแลวยืนขึ้นประนมมือกลาวดังนี้
อุกาสะ วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ
อุกาสะ การุญญัง กัตตะวา นิสสะยัง เทถะ เม ภันเต
(นั่งคุกเขา)
อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ทุตยัมป อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ิ
ตะติยัมป อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
(กลาว ๓ ครั้งวา)
อุปชฌาโย เม ภันเต โหหิ
พระอุปชฌายจะกลาวรับวา โอปายิกัง ปะฏิรูปง ปาสาทิเกนะ สัมปะเทหิ ผูบวชพึงรับวา อุกาสะ สัม
ปะฏิจฉามิ ๓ ครั้งแลววาดังนี้
(กลาว ๓ ครั้งวา)
อัชชะตัคเคทานิ เถโร มัยหัง ภาโร อะหัมป เถรัสสะ ภาโร (เสร็จแลวยืนขึ้นวาดังนี้)
วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ (คุกเขาลงกราบ ๓ ครั้ง)
ลําดับตอไปพระอุปชฌายหรือพระอาจารยจะเอาบาตรมีสายโยคคลองตัวผูขอบวช แลวบอกบาตรและ
จีวร ผูบวชก็รับเปนทอดๆ ไปดังนี้
อะยันเต ปตโต (รับวา) อามะ ภันเต
- 10. อะยัง สังฆาฏิ (รับวา) อามะ ภันเต
อะยัง อุตตะราสังโค (รับวา) อามะ ภันเต
อะยัง อันตะระวาสะโก (รับวา) อามะ ภันเต
จากนั้นพระอาจารยทานจะบอกใหออกไปขางนอกวา คัจฉะ อะมุมหิ โอกาเส ติฏฐาหิ ผูบวชก็ถอย
ออกไปยืนอยูในที่ที่กาหนดไว (สวนใหญจะเปนบริเวณทางเขาโบสถ) ตอจากนี้พระอาจารยจะสวดถาม
ํ
อันตรายิกธรรม ใหรบ นัตถิ ภันเต ๕ ครั้ง และตอดวย อามะ ภันเต อีก ๘ ครั้งดังตอไปนี้
ั
พระจะถามวา.....................ผูบวชกลาวรับวา
กุฏฐัง.....................................นัตถิ ภันเต
คัณโฑ....................................นัตถิ ภันเต
กิลาโส....................................นัตถิ ภันเต
โสโส......................................นัตถิ ภันเต
อะปะมาโร..............................นัตถิ ภันเต
มะนุสโสสิ๊...............................อามะ ภันเต
ปุริโสสิ๊....................................อามะ ภันเต
ภุชสโสสิ๊.................................อามะ ภันเต
ิ
อะนะโณสิ๊...............................อามะ ภันเต
นะสิ๊ ราชะภะโฏ.......................อามะ ภันเต
อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปตูหิ..........อามะ ภันเต
ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊.............อามะ ภันเต
ปะริปุณณันเต ปตตะจีวะรัง........อามะ ภันเต
กินนาโมสิ................................อะหัง ภันเต...*(ชื่อพระใหม) นามะ
โก นามะ เต.............................อุปชฌาโย อุปชฌาโย เม ภันเต อายัสสะมา...*(ชื่อพระอุปชฌาย)
นามะ
*หมายเหตุ ผูบวชจะตองทราบชื่อทางพระที่พระตั้งใหใหมกอนวันบวชและตองจําชื่อพระอุปชฌายใหได
ดวย
เสร็จแลวกลับเขามาขางในที่ประชุมสงฆ กราบลงตรงหนาพระอุปชฌาย ๓ ครั้ง นั่งคุกเขาประนมมือเปลง
วาจาขออุปสมบทดังนี้
สังฆัมภันเต อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปง อุปาทายะ
ทุติยัมป ภันเต สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปง อุปาทายะ
ตะติยัมป ภันเต สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปง อุปาทายะ
ตอมาพระอาจารยสวดสมมติตนถามอันตรายิกธรรม ผูบวชก็รับวา นัตถิ ภันเต ๕ ครั้ง และ อามะ ภันเต
๘ ครั้ง บอกชื่อพระใหมของตัวเอง และชื่อพระอุปชฌายแบบที่ผานมาอยางละหนึ่งครั้ง เสร็จแลวก็นั่งฟง
พระสวดกรรมวาจาอุปสมบทไปจนจบ พอจบแลวทานก็จะเอาบาตรออกจากตัว ใหกราบลง ๓ ครั้ง นั่งพับ
เพียบฟงพระอุปชฌายบอกอนุศาสนไปจนจบ แลวก็กลาวรับวา อามะ ภันเต เสร็จพิธีก็กราบพระ
- 11. อุปชฌาย ๓ ครั้ง ถามีเครื่องไทยทานก็ใหรับไทยทานถวายพระอันดับ เวลากรวดน้ําก็ใหตั้งใจรําลึกถึงผูมี
พระคุณอุทศสวนกุศลแดทาน ขั้นตอนตอไปก็นั่งฟงพระทานอนุโมทนาตอไปจนจบเปนอันเสร็จพิธ
ิ ี
- 12. พิธีการบวชแบบธรรมยุต (เอสาหัง)
๏ ขั้นตอนและบทที่ตองทองจํา
ใชในพิธีบวชแบบธรรมยุต (เอสาหัง)
รับผาไตรอุมประนมมือแลวเดินเขาไปในที่ประชุมสงฆในพิธี
(สังฆนิบาต) แลววางผาไตรไวขางตัวดานซาย รับเครื่อง
สักการะถวายพระอุปชฌาย กราบดวยเบญจางคประดิษฐ ๓
ครั้ง แลวอุมผาไตรประนมมือยืนขึ้นเปลงวาจาขอบรรพชาวา
เอสาหัง ภันเต สุจิระปะรินพพุตมป
ิ ั
ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ
ละเภยยาหัง ภันเต
ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะวินะเย ปพพัชชัง
ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง
ทุติยัมปาหัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตมป
ั
ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ
ละเภยยาหัง ภันเต
ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะวินะเย ปพพัชชัง
ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง
ตะติยัมปาหัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมป
ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ
ละเภยยาหัง ภันเต
ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะวินะเย ปพพัชชัง
*ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง
อะหัง ภันเต ปพพัชชัง ยาจามิ อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา
ปพพาเชถะ มัง ภันเต อะนุกัมปง อุปาทายะ
ทุติยัมป อะหัง ภันเต ปพพัชชัง ยาจามิ อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา
ปพพาเชถะ มัง ภันเต อะนุกัมปง อุปาทายะ
ตะติยัมป อะหัง ภันเต ปพพัชชัง ยาจามิ อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา
ปพพาเชถะ มัง ภันเต อะนุกัมปง อุปาทายะ
*หมายเหตุ ถาบวชเปนสามเณรใหละคําวา ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง ออก
พระอุปชฌายรับเอาผาไตรจากผูบวชวางไวตรงหนาตัก ใหโอวาทและบอก ตะจะปญจะกะ กัมมัฏฐาน
แลวใหวาตามไปทีละบท โดยอนุโลม (ไปขางหนา) และปฏิโลม (ทวนกลับ) ดังนี้
เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ (อนุโลม)
- 13. ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา (ปฏิโลม)
พระอุปชฌายชักอังสะออกจากไตรมาสวมใหผูบวช แลวสั่งใหออกไปครองผาครบไตรจีวรตามระเบียบ
ครั้นเสร็จแลวเขาไปหาพระอาจารย รับเครื่องสักการะถวายทานแลวกราบ ๓ ครั้ง นั่งคุกเขาเปลงวาจาขอ
สรณะและศีลดังนี้
อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
ทุติยัมป อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
ตะติยัมป อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
(พระอาจารยกลาวคํานมัสการใหผูบรรพชาวาตามดังนี)
้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
พระอุปชฌายจะกลาววา เอวัง วะเทหิ หรือ ยะมะหัง วะทามิ ตัง วะเทหิ
ใหรับวา อามะ ภันเต แลวทานจะวานําสรณคมนก็ใหวาตามดังนี้
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมป สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมป สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
พอจบแลวทางพระอุปชฌายจะบอกวา ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง ก็ใหรับวา อามะ ภันเต ตอจากนั้น
ก็สมาทานสิกขาบท ๑๐ ประการโดยวาตามทานไปเรื่อยๆ ดังนี้
ปาณาติปาตา เวรมณี
อทินนาทานา เวรมณี ิ
อะพรหมจริยา เวรมณี
มุสาวาทา เวรมณี
สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี
วิกาละโภชนา เวรมณี
นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสนา เวรมณี
มาลาคันธะวิเลปะนะธารณะมัณฑนะวิภูสะนัฏฐานา เวรมณี
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวรมณี
ชาตะรูปะ ระชะตะ ปฏิคคหณา เวรมณี
(และกลาว ๓ ครั้งวา)
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สมาทิยามิ (เสร็จแลวรับบาตรอุมเขาไปหาพระอุปชฌายในที่ประชุมสงฆ
วางไวขางตัวดานซาย รับเครื่องสักการะถวายทานแลวกราบ ๓ ครั้ง นั่งคุกเขาประนมมือกลาวดังนี้)
- 14. อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ทุติยัมป อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ตะติยัมป อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
อุปชฌาโย เม ภันเต โหหิ (ตรงนี้วา ๓ ครั้ง)
พระอุปชฌายจะกลาววา โอปายิกัง ปะฏิรปง ปาสาทิเกนะ สัมปาเทหิ ใหรบวา สาธุ ภันเต ทุกครั้งไป
ู ั
อัชชะตัคเคทานิ เถโร มัยหัง ภาโร อะหัมป เถรัสสะ ภาโร (กลาวตรงนี้ ๓ ครั้ง เสร็จแลวกราบลง ๓
ครั้ง)
พระอาจายจะเอาสายคลองตัวผูบวช บอกบาตรและจีวรก็ใหผูบวชรับวา อามะ ภันเต ๔ ครั้งดังนี้
อะยันเต ปตโต (รับวา) อามะ ภันเต
อะยัง สังฆาฏิ (รับวา) อามะ ภันเต
อะยัง อุตตะราสังโค (รับวา) อามะ ภันเต
อะยัง อันตะระวาสะโก (รับวา) อามะ ภันเต
จากนั้นพระอาจารยทานจะบอกใหออกไปขางนอกวา คัจฉะ อะมุมหิ โอกาเส ติฏฐาหิ ผูบวชก็ถอย
ออกไปยืนอยูในที่ท่กําหนดไว (สวนใหญจะเปนบริเวณทางเขาโบสถ) ตอจากนี้พระอาจารยจะสวดถาม
ี
อันตรายิกธรรม ใหรับ นัตถิ ภันเต ๕ ครั้ง และตอดวย อามะ ภันเต อีก ๘ ครั้งดังตอไปนี้
พระจะถามวา.......................ผูบวชกลาวรับวา
กุฏฐัง.......................................นัตถิ ภันเต
คัณโฑ......................................นัตถิ ภันเต
กิลาโส......................................นัตถิ ภันเต
โสโส........................................นัตถิ ภันเต
อะปะมาโร................................นัตถิ ภันเต
มะนุสโสสิ๊.................................อามะ ภันเต
ปุรโสสิ๊......................................อามะ ภันเต
ิ
ภุชสโสสิ๊...................................อามะ ภันเต
ิ
อะนะโณสิ๊.................................อามะ ภันเต
นะสิ๊ ราชะภะโฏ.........................อามะ ภันเต
อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปตูหิ............อามะ ภันเต
ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊...............อามะ ภันเต
ปะริปุณณันเต ปตตะจีวะรัง..........อามะ ภันเต
กินนาโมสิ.................................อะหัง ภันเต...*(ชื่อพระใหม) นามะ
โก นามะ เต อุปชฌาโย..............อุปชฌาโย เม ภันเต อายัสสะมา...*(ชื่อพระอุปชฌาย) นามะ
*หมายเหตุ ผูบวชจะตองทราบชื่อทางพระที่พระตั้งใหใหมกอนวันบวชและตองจําชื่อพระอุปชฌายใหได
ดวย
เสร็จแลวกลับเขามาขางในที่ประชุมสงฆ กราบลงตรงหนาพระอุปชฌาย ๓ ครั้ง นั่งคุกเขาประนมมือเปลง
วาจาขออุปสมบทดังนี้
- 15. สังฆัมภันเต อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปง อุปาทายะ
ทุติยัมป ภันเต สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปง อุปาทายะ
ตะติยมป ภันเต สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
ั
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปง อุปาทายะ
ถากลาวพรอมกันใหเปลี่ยนคําวา ยาจามิ เปน ยาจามะ และเปลี่ยน มัง เปน โน
ตอมาพระอาจารยสวดสมมติตนถามอันตรายิกธรรม ผูบวชก็รับวา นัตถิ ภันเต ๕ ครั้ง และ อามะ ภันเต
๘ ครั้ง บอกชื่อพระใหมของตัวเอง และชื่อพระอุปชฌายแบบที่ผานมาอยางละหนึ่งครั้ง เสร็จแลวก็นั่งฟง
พระสวดกรรมวาจาอุปสมบทไปจนจบ พอจบแลวทานก็จะเอาบาตรออกจากตัว ใหกราบลง ๓ ครั้ง นั่งพับ
เพียบฟงพระอุปชฌายบอกอนุศาสนไปจนจบ แลวก็กลาวรับวา อามะ ภันเต เสร็จพิธีก็กราบ ๓ ครั้ง ถามี
เครื่องไทยทานก็ใหรบไทยทานถวายพระอันดับ เวลากรวดน้ําก็ใหตั้งใจรําลึกถึงผูมีพระคุณอุทิศสวนกุศล
ั
แดทาน ขั้นตอนตอไปก็นั่งฟงพระทานอนุโมทนาตอไปจนจบเปนอันเสร็จพิธี
- 16. บทบัญญัตขอหามและศีลของสมณเพศ
ิ
หนานี้วาดวยขอหามและศีลที่พระพุทธเจา
ไดบัญญัติไว สําหรับผูที่บวชเปนสามเณร
และภิกษุ ซึ่งเปนสิ่งที่ตองกระทําเมื่ออยูใน
สมเพศ เปนที่นาเสียดายวา ในตําราพิธีการ
บวชที่มีอยูหลายเลมนั้น ทั้งของธรรมยุต
และมหานิกาย ไดเวนไวโดยมิไดกลาวถึง
ศีลสําหรับพระภิกษุทั้งใหมและเกา ซึ่งอาจ
เปนเพราะวามันมากถึง ๒๒๗ ขอ อันอาจจะ
เปลืองเนื้อที่กระดาษหรืออยางไรไมทราบ
ได ทําใหพระในปจจุบันนี้อาจจะละเมิดศีล
โดยที่มิควรจะเปน ทั้งโดยตั้งใจและไม
ตั้งใจ หรืออาจจะลืมไปแลวเสียดวยวาสิ่งที่
กําลังทําอยูนั้นผิดศีลขอใด
- หามฉันเนื้อ ๑๐ อยาง
- ศีล ๑๐ ขอของสามเณร
- ศีล ๒๒๗ ขอของพระภิกษุ
- ขอปฏิบัติของภิกษุณี ๘ ประการ (ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา)
- ขอหามสําหรับการบวชพระในแบบธรรมยุต
๏ ภิกษุไมควรฉันเนื้อ ๑๐ อยางอันไดแก
๑. เนื้อมนุษย
๒. เนื้อชาง
๓. เนื้อมา
๔ .เนื้อสุนขั
๕. เนื้องู
๖. เนื้อราชสีห
๗. เนื้อหมี
๘. เนื้อเสือโครง
๙. เนื้อเสือดาว
๑๐. เนื้อเสือเหลือง
๏ สามเณรตองถือศีล ๑๐ ขออันไดแก
๑. เวนจากการฆาสัตวทั้งมนุษยและเดรัจฉาน
๒. เวนจากการลักทรัพย
๓. เวนจากการเสพเมถุน
- 17. ๔. เวนจากการพูดเท็จ
๕. เวนจากการดื่มสุราและเมรัย
๖. เวนจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล (หลังเที่ยงวันไปแลว)
๗. เวนจากการฟอนรําขับรองและการบรรเลง ตลอดถึงการดูการฟงสิ่งเหลานั้น
๘. เวนจากการทัดทรงตกแตงประดับรางกาย การใชดอกไม ของหอม เครื่องประเทืองผิวตางๆ
๙. เวนจากการนอนที่นอนสูงใหญและยัดนุนสําลีอันมีลายวิจิตร
(เวนจากการนั่งนอนเหนือเตียงตั่งที่มีเทาสูงเกินประมาณ)
๑๐. เวนจากการรับเงินทอง
๏ พระภิกษุตองถือศีล ๒๒๗ ขออันไดแก
ศีล ๒๒๗ ขอที่เปนวินัยของสงฆ ทําผิดถือวาเปนอาบัติ สามารถแบงออกไดเปนลําดับขั้น ตั้งแตขั้น
รุนแรงจนกระทั่งเบาที่สุดไดดงนี้ ไดแก
ั
- ปาราชิก มี ๔ ขอ
- สังฆาทิเสส มี ๑๓ ขอ
- อนิยต มี ๒ ขอ (อาบัติที่ไมแนวาจะปรับขอไหน)
- นิสสัคคิยปาจิตตีย มี ๓๐ ขอ
(อาบัติท่ตองสละสิ่งของวาดวยเรื่องจีวร ไหม บาตร อยางละ ๑๐ ขอ)
ี
- ปาจิตตีย มี ๙๒ ขอ (วาดวยอาบัติที่ไมตองสละสิ่งของ)
- ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ขอ (วาดวยอาบัติที่พึงแสดงคืน)
เสขิยะ (ขอที่ภิกษุพึงศึกษาเรื่องมารยาท) แบงเปน
- สารูป มี ๒๖ ขอ (ความเหมาะสมในการเปนสมณะ)
- โภชนปฏิสังยุตต มี ๓๐ ขอ (วาดวยการฉันอาหาร)
- ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต มี ๑๖ ขอ (วาดวยการแสดงธรรม)
- ปกิณสถะ มี ๓ ขอ (เบ็ดเตล็ด)
- อธิกรณสมถะ มี ๗ ขอ (ธรรมสําหรับระงับอธิกรณ)
รวมทั้งหมดแลว ๒๒๗ ขอ ผิดขอใดขอหนึ่งถือวาตองอาบัติ การแสดงอาบัติสามารถกลาวกับพระภิฏษุรูป
อื่นเพื่อเปนการแสดงตนตอความผิดได แตถาถึงขั้นปาราชิกก็ตองสึกอยางเดียว
๐ ปาราชิก มี ๔ ขอไดแก
๑. เสพเมถุน แมกับสัตวเดรัจฉานตัวเมีย (รวมสังวาสกับคนหรือสัตว)
- 18. ๒. ถือเอาทรัพยที่เจาของไมไดใหมาเปนของตน จากบานก็ดี จากปาก็ดี (ขโมย)
๓. พรากกายมนุษยจากชีวิต (ฆาคน)หรือแสวงหาศาสตราอันจะนําไปสูความตายแกรางกายมนุษย
๔. กลาวอวดอุตตริมนุสสธัมม อันเปนความเห็นอยางประเสริฐ อยางสามารถ นอมเขาในตัววา ขาพเจารู
อยางนี้ ขาพเจาเห็นอยางนี้ (ไมรูจริง แตโออวดความสามารถของตัวเอง)
๐ สังฆาทิเสส มี ๑๓ ขอ ถือเปนความผิดหากทําสิ่งใดตอไปนี้
๑. ปลอยน้ําอสุจิดวยความจงใจ เวนไวแตฝน
๒. เคลาคลึง จับมือ จับชองผม ลูบคลํา จับตองอวัยวะอันใดก็ตามของสตรีเพศ
๓. พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี
๔. การกลาวถึงคุณในการบําเรอตนดวยกาม หรือถอยคําพาดพิงเมถุน
๕.ทําตัวเปนสื่อรัก บอกความตองการของอีกฝายใหกับหญิงหรือชาย แมสามีกับภรรยา หรือแมแตหญิง
ขายบริการ
๖. สรางกุฏิดวยการขอ
๗. สรางวิหารใหญ โดยพระสงฆมิไดกําหนดที่รุกรานคนอื่น
๘. แกลงใสความวาปาราชิกโดยไมมีมูล
๙. แกลงสมมุติแลวใสความวาปาราชิกโดยไมมีมูล
๑๐. ยุยงสงฆใหแตกกัน
๑๑. เปนพวกของผูที่ทําสงฆใหแตกกัน
๑๒. เปนผูวายากสอนยาก และตองโดนเตือนถึง ๓ ครั้ง
๑๓. ทําตัวเปนเหมือนคนรับใช ประจบคฤหัสถ
๐ อนิยตกัณฑ มี ๒ ขอไดแก
๑. การนั่งในที่ลบตา มีอาสนะกําบังอยูกับสตรีเพศ และมีผูมาเห็นเปนผูที่เชื่อถือไดพูดขึ้นดวยธรรม ๓
ั
ประการอันใดอันหนึ่งกลาวแกภิกษุนั้นไดแก ปาราชิกก็ดี สังฆาทิเสสก็ดี หรือปาจิตตียกดี ภิกษุนั้นถือวามี
็
ความผิดตามที่อุบาสกผูนั้นกลาว
๒. ในสถานที่ที่ไมเปนที่ลับตาเสียทีเดียว แตเปนที่ที่จะพูดจาคอนแคะสตรีเพศไดสองตอสองกับภิกษุผู
- 19. เดียว และมีผูมาเห็นเปนผูที่เชื่อถือไดพูดขึ้นดวยธรรม ๒ ประการอันใดอันหนึ่งกลาวแกภิกษุนั้นไดแก
สังฆาทิเสสก็ดี หรือปาจิตตียก็ดี ภิกษุนั้นถือวามีความผิดตามที่อุบาสกผูนั้นกลาว
๐ นิสสัคคิยปาจิตตีย มี ๓๐ ขอ ถือเปนความผิดไดแก
๑. เก็บจีวรที่เกินความจําเปนไวเกิน ๑๐ วัน
๒. อยูโดยปราศจากจีวรแมแตคืนเดียว
๓. เก็บผาที่จะทําจีวรไวเกินกําหนด ๑ เดือน
๔. ใชใหภกษุณีซักผา
ิ
๕.รับจีวรจากมือของภิกษุณี
๖. ขอจีวรจากคฤหัสถที่ไมใชญาติ เวนแตจีวรหายหรือถูกขโมย
๗. รับจีวรเกินกวาที่ใชนุง เมื่อจีวรถูกชิงหรือหายไป
๘. พูดทํานองขอจีวรดีๆ กวาที่เขากําหนดจะถวายไวแตเดิม
๙. พูดใหเขารวมกันซื้อจีวรดีๆ มาถวาย
๑๐. ทวงจีวรจากคนที่รับอาสาเพื่อซื้อจีวรถวายเกินกวา ๓ ครั้ง
๑๑. หลอเครื่องปูนั่งที่เจือดวยไหม
๑๒. หลอเครื่องปูนั่งดวยขนเจียม (ขนแพะ แกะ) ดําลวน
๑๓. ใชขนเจียมดําเกิน ๒ สวนใน ๔ สวน หลอเครื่องปูนั่ง
๑๔. หลอเครืองปูนั่งใหม เมื่อของเดิมยังใชไมถึง ๖ ป
่
๑๕. เมื่อหลอเครื่องปูนั่งใหม ใหเอาของเกาเจือปนลงไปดวย
๑๖. นําขนเจียมไปดวยตนเองเกิน ๓ โยชน เวนแตมีผูนําไปให
๑๗. ใชภิกษุณีที่ไมใชญาติทําความสะอาดขนเจียม
๑๘. รับเงินทอง
๑๙. ซื้อขายดวยเงินทอง
๒๐. ซื้อขายโดยใชของแลก
๒๑. เก็บบาตรที่มีใชเกินความจําเปนไวเกิน ๑๐ วัน
๒๒. ขอบาตร เมื่อบาตรเปนแผลไมเกิน ๕ แหง
๒๓. เก็บเภสัช ๕ (เนยใส เนยขน น้ํามัน น้ําผึ้ง น้ําออย) ไวเกิน ๗ วัน
๒๔. แสวงและทําผาอาบน้ําฝนไวเกินกําหนด ๑ เดือนกอนหนาฝน
๒๕. ใหจีวรภิกษุอื่นแลวชิงคืนในภายหลัง
๒๖. ขอดายเอามาทอเปนจีวร
๒๗. กําหนดใหชางทอทําใหดีขึ้น
๒๘. เก็บผาจํานําพรรษา (ผาที่ถวายภิกษุเพื่ออยูพรรษา) เกินกําหนด
๒๙. อยูปาแลวเก็บจีวรไวในบานเกิน ๖ คืน
๓๐. นอมลาภสงฆมาเพื่อใหเขาถวายตน
๐ ปาจิตตีย มี ๙๒ ขอไดแก
๑. หามพูดปด
๒. หามดา
๓. หามพูดสอเสียด
๔. หามกลาวธรรมพรอมกับผูไมไดบวชในขณะสอน
๕. หามนอนรวมกับอนุปสัมบัน(ผูไมใชภิกษุ)เกิน ๓ คืน
- 20. ๖. หามนอนรวมกับผูหญิง
๗. หามแสดงธรรมสองตอสองกับผูหญิง
๘. หามบอกคุณวิเศษที่มีจริงแกผูมิไดบวช
๙. หามบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแกผูมิไดบวช
๑๐. หามขุดดินหรือใชใหขุด
๑๑. หามทําลายตนไม
๑๒. หามพูดเฉไฉเมื่อถูกสอบสวน
๑๓. หามติเตียนภิกษุผูทําการสงฆโดยชอบ
๑๔. หามทิ้งเตียงตั่งของสงฆไวกลางแจง
๑๕. หามปลอยที่นอนไว ไมเก็บงํา
๑๖. หามนอนแทรกภิกษุผูเขาไปอยูกอน
๑๗. หามฉุดคราภิกษุออกจากวิหารของสงฆ
๑๘. หามนั่งนอนทับเตียงหรือตั่งที่อยูช้นบน
ั
๑๙. หามพอกหลังคาวิหารเกิน ๓ ชั้น
๒๐. หามเอาน้ํามีสัตวรดหญาหรือดิน
๒๑. หามสอนนางภิกษุณีเมื่อมิไดรบมอบหมาย
ั
๒๒. หามสอนนางภิกษุณตั้งแตอาทิตยตกแลว
ี
๒๓. หามไปสอนนางภิกษุณีถงที่อยู
ึ
๒๔. หามติเตียนภิกษุอื่นวาสอนนางภิกษุณีเพราะเห็นแกลาภ
๒๕. หามใหจวรแกนางภิกษุณผูมิใชญาติ
ี ี
๒๖. หามเย็บจีวรใหนางภิกษุณีผูมิใชญาติ
๒๗. หามเดินทางไกลรวมกับนางภิกษุณี
๒๘. หามชวนนางภิกษุณีเดินทางเรือรวมกัน
๒๙. หามฉันอาหารที่นางภิกษุณไปแนะใหเขาถวาย
ี
๓๐. หามนั่งในที่ลับสองตอสองกับภิกษุณี
๓๑. หามฉันอาหารในโรงพักเดินทางเกิน ๓ มื้อ
๓๒. หามฉันอาหารรวมกลุม
๓๓. หามรับนิมนตแลวไปฉันอาหารที่อื่น
๓๔. หามรับบิณฑบาตเกิน ๓ บาตร
๓๕. หามฉันอีกเมื่อฉันในที่นิมนตเสร็จแลว
๓๖. หามพูดใหภิกษุที่ฉันแลวฉันอีกเพื่อจับผิด
๓๗. หามฉันอาหารในเวลาวิกาล
๓๘. หามฉันอาหารที่เก็บไวคางคืน
๓๙. หามขออาหารประณีตมาเพื่อฉันเอง
๔๐. หามฉันอาหารที่มิไดรับประเคน
๔๑. หามยื่นอาหารดวยมือใหชีเปลือยและนักบวชอื่นๆ
๔๒. หามชวนภิกษุไปบิณฑบาตดวยแลวไลกลับ
๔๓. หามเขาไปแทรกแซงในสกุลที่มีคน ๒ คน
๔๔. หามนั่งในที่ลับมีที่กําบังกับมาตุคาม (ผูหญิง)
๔๕. หามนั่งในที่ลับ (หู) สองตอสองกับมาตุคาม
๔๖. หามรับนิมนตแลวไปที่อื่นไมบอกลา
๔๗. หามขอของเกินกําหนดเวลาที่เขาอนุญาตไว
๔๘. หามไปดูกองทัพที่ยกไป
๔๙. หามพักอยูในกองทัพเกิน ๓ คืน
๕๐. หามดูเขารบกันเปนตน เมื่อไปในกองทัพ
- 21. ๕๑. หามดื่มสุราเมรัย
๕๒. หามจี้ภิกษุ
๕๓. หามวายน้ําเลน
๕๔. หามแสดงความไมเอือเฟอในวินัย
้
๕๕. หามหลอกภิกษุใหกลัว
๕๖. หามติดไฟเพื่อผิง
๕๗. หามอาบน้ําบอยๆ เวนแตมีเหตุ
๕๘. ใหทําเครื่องหมายเครืองนุงหม
่
๕๙. วิกัปจีวรไวแลว (ทําใหเปนสองเจาของ-ใหยืมใช) จะใชตองถอนกอน
๖๐. หามเลนซอนบริขารของภิกษุอื่น
๖๑. หามฆาสัตว
๖๒. หามใชน้ํามีตัวสัตว
๖๓. หามรื้อฟนอธิกรณ (คดีความ-ขอโตเถียง) ที่ชําระเปนธรรมแลว
๖๔. หามปกปดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอ่น ื
๖๕. หามบวชบุคคลอายุไมถึง ๒๐ ป
๖๖. หามชวนพอคาผูหนีภาษีเดินทางรวมกัน
๖๗. หามชวนผูหญิงเดินทางรวมกัน
๖๘. หามกลาวตูพระธรรมวินัย (ภิกษุอื่นหามและสวดประกาศเกิน ๓ ครั้ง)
๖๙. หามคบภิกษุผูกลาวตูพระธรรมวินัย
๗๐. หามคบสามเณรผูกลาวตูพระธรรมวินัย
๗๑. หามพูดไถลเมื่อทําผิดแลว
๗๒. หามกลาวติเตียนสิกขาบท
๗๓. หามพูดแกตัววา เพิ่งรูวามีในปาฏิโมกข
๗๔. หามทํารายรางกายภิกษุ
๗๕. หามเงื้อมือจะทํารายภิกษุ
๗๖. หามโจทภิกษุดวยอาบัติสังฆาทิเสสที่ไมมีมูล
๗๗. หามกอความรําคาญแกภิกษุอื่น
๗๘. หามแอบฟงความของภิกษุผูทะเลาะกัน
๗๙. ใหฉันทะแลวหามพูดติเตียน
๘๐. ขณะกําลังประชุมสงฆ หามลุกไปโดยไมใหฉันทะ
๘๑. รวมกับสงฆใหจีวรแกภิกษุแลว หามติเตียนภายหลัง
๘๒. หามนอมลาภสงฆมาเพื่อบุคคล
๘๓. หามเขาไปในตําหนักของพระราชา
๘๔. หามเก็บของมีคาที่ตกอยู
๘๕. เมื่อจะเขาบานในเวลาวิกาล ตองบอกลาภิกษุกอน
๘๖. หามทํากลองเข็มดวยกระดูก งา หรือเขาสัตว
๘๗. หามทําเตียง ตั่งมีเทาสูงกวาประมาณ
๘๘. หามทําเตียง ตั่งที่หุมดวยนุน
๘๙. หามทําผาปูนั่งมีขนาดเกินประมาณ
๙๐. หามทําผาปดฝมีขนาดเกินประมาณ
๙๑. หามทําผาอาบน้ําฝนมีขนาดเกินประมาณ
๙๒. หามทําจีวรมีขนาดเกินประมาณ
๐ ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ขอไดแก
- 22. ๑. หามรับของคบเคี้ยว ของฉันจากมือภิกษุณีมาฉัน
๒. ใหไลนางภิกษุณีท่มายุงใหเขาถวายอาหาร
ี
๓. หามรับอาหารในสกุลที่สงฆสมมุตวาเปนเสขะ (อริยบุคคล แตยังไมไดบรรลุเปนอรหันต)
ิ
๔. หามรับอาหารที่เขาไมไดจัดเตรียมไวกอนมาฉันเมื่ออยูปา
เสขิยะ
๐ สารูป มี ๒๖ ขอไดแก
๑. นุงใหเปนปริมณฑล (ลางปดเขา บนปดสะดือไมหอยหนาหอยหลัง)
๒. หมใหเปนนปริมณฑล (ใหชายผาเสมอกัน)
๓. ปกปดกายดวยดีไปในบาน
๔. ปกปดกายดวยดีนั่งในบาน
๕. สํารวมดวยดีไปในบาน
๖. สํารวมดวยดีนั่งในบาน
๗. มีสายตาทอดลงไปในบาน (ตาไมมองโนนมองนี่)
๘. มีสายตาทอดลงนั่งในบาน
๙. ไมเวิกผาไปในบาน
๑๐. ไมเวิกผานั่งในบาน
๑๑. ไมหัวเราะดังไปในบาน
๑๒. ไมหัวเราะดังนั่งในบาน
๑๓. ไมพดเสียงดังไปในบาน
ู
๑๔. ไมพูดเสียงดังนั่งในบาน
๑๕. ไมโคลงกายไปในบาน
๑๖. ไมโคลงกายนั่งในบาน
๑๗. ไมไกวแขนไปในบาน
๑๘. ไมไกวแขนนั่งในบาน
๑๙. ไมสั่นศีรษะไปในบาน
๒๐. ไมสั่นศีรษะนั่งในบาน
๒๑. ไมเอามือค้ํากายไปในบาน
๒๒. ไมเอามือค้ํากายนั่งในบาน
๒๓. ไมเอาผาคลุมศีรษะไปในบาน
๒๔. ไมเอาผาคลุมศีรษะนั่งในบาน
๒๕. ไมเดินกระโหยงเทา ไปในบาน
๒๖. ไมนั่งรัดเขาในบาน
เสขิยะ
๐ โภชนปฏิสังยุตต มี ๓๐ ขอคือหลักในการฉันอาหารไดแก
๑. รับบิณฑบาตดวยความเคารพ
๒. ในขณะบิณฑบาต จะแลดูแตในบาตร
๓. รับบิณฑบาตพอสมสวนกับแกง (ไมรับแกงมากเกินไป)
๔. รับบิณฑบาตแคพอเสมอขอบปากบาตร
- 23. ๕. ฉันบิณฑบาตโดยความเคารพ
๖. ในขณะฉันบิณฑบาต และดูแตในบาตร
๗. ฉันบิณฑบาตไปตามลําดับ (ไมขุดใหแหวง)
๘. ฉันบิณฑบาตพอสมสวนกับแกง ไมฉนแกงมากเกินไป
ั
๙. ฉันบิณฑบาตไมขยุมแตยอดลงไป
๑๐. ไมเอาขาวสุกปดแกงและกับดวยหวังจะไดมาก
๑๑. ไมขอเอาแกงหรือขาวสุกเพื่อประโยชนแกตนมาฉัน หากไมเจ็บไข
๑๒. ไมมองดูบาตรของผูอื่นดวยคิดจะยกโทษ
๑๓. ไมทําคําขาวใหใหญเกินไป
๑๔. ทําคําขาวใหกลมกลอม
๑๕. ไมอาปากเมื่อคําขาวยังมาไมถึง
๑๖. ไมเอามือทั้งมือใสปากในขณะฉัน
๑๗. ไมพูดในขณะที่มีคําขาวอยูในปาก
๑๘. ไมฉันโดยการโยนคําขาวเขาปาก
๑๙. ไมฉันกัดคําขาว
๒๐. ไมฉันทํากระพุงแกมใหตุย
๒๑. ไมฉันพลางสะบัดมือพลาง
๒๒. ไมฉันโปรยเมล็ดขาว
๒๓. ไมฉันแลบลิ้น
๒๔. ไมฉันดังจับๆ
๒๕. ไมฉันดังซูดๆ
๒๖. ไมฉันเลียมือ
๒๗. ไมฉันเลียบาตร
๒๘. ไมฉันเลียริมฝปาก
๒๙. ไมเอามือเปอนจับภาชนะน้ํา
๓๐. ไมเอาน้ําลางบาตรมีเมล็ดขาวเทลงในบาน
เสขิยะ
๐ ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต มี ๑๖ ขอคือ
๑. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่มีรมในมือ
๒. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่มีไมพลองในมือ
๓. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่มีของมีคมในมือ
๔. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่มีอาวุธในมือ
๕. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่สวมเขียงเทา (รองเทาไม)
๖. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่สวมรองเทา
๗. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่ไปในยาน
๘. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่อยูบนที่นอน
๙. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่น่งรัดเขา
ั
๑๐. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่โพกศีรษะ
๑๑. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่คลุมศีรษะ
๑๒. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่อยูบนอาสนะ (หรือเครื่องปูนั่ง) โดยภิกษุอยูบนแผนดิน
๑๓. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่นั่งบนอาสนะสูงกวาภิกษุ
๑๔. ไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่นั่งอยู แตภิกษุยืน
- 24. ๑๕. ภิกษุเดินไปขางหลังไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่เดินไปขางหนา
๑๖. ภิกษุเดินไปนอกทางไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไขที่ไปในทาง
เสขิยะ
๐ ปกิณสถะ มี ๓ ขอ
๑. ภิกษุไมเปนไขไมยืนถายอุจจาระ ปสสาวะ
๒. ภิกษุไมเปนไขไมถายอุจจาระ ปสสาวะ หรือบวนน้ําลายลงในของเขียว (พันธุไมใบหญาตางๆ)
๓. ภิกษุไมเปนไขไมถายอุจจาระ ปสสาวะ หรือบวนน้ําลายลงในน้ํา
เสขิยะ
๐ อธิกรณสมถะ มี ๗ ขอไดแก
๑. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ในที่พรอมหนา (บุคคล วัตถุ ธรรม)
๒. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ดวยการยกใหวาพระอรหันตเปนผูมีสติ
๓. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ดวยยกประโยชนใหในขณะเปนบา
๔. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ดวยถือตามคํารับของจําเลย
๕. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ดวยถือเสียงขางมากเปนประมาณ
๖. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ดวยการลงโทษแกผูผิด
๗. ระงับอธิกรณ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไมได) ดวยใหประนีประนอมหรือเลิกแลวกันไป
๏ ขอปฏิบัติของภิกษุณี ๘ ประการ (ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา)
ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา คือ เงื่อนไขอยางเขมงวด ๘ ประการ ที่ภิกษุณีจะตองปฏิบัติตลอดชีวิตอัน
ไดแก
๑. ตองเคารพภิกษุแมจะออนพรรษากวา
๒. ตองไมจําพรรษาในวัดที่ไมมีภิกษุ
๓. ตองทําอุโบสถและรับโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน
๔. เมื่อออกพรรษาตองปวารณาตนตอภิกษุและภิกษุณีอื่นใหตักเตือนตน
๕. เมื่อตองอาบัติหนัก ตองรับมานัต (รับโทษ) จากสงฆสองฝาย คือ ทั้งฝายภิกษุและภิกษุณี ๑๕ วัน
- 25. ๖. ตองบวชจากสงฆทั้งสองฝาย หลังจากเปน *สิกขามานา เต็มแลวสองป
๗. จะดาวาคอนแคะภิกษุไมได
๘. หามสอนภิกษุเด็ดขาด
*สิกขามานา แปลวา ผูศึกษา สตรีที่จะบวชเปนภิกษุณีตองเปนนางสิกขามานา กอน ๒ ป
๏ ขอหามสําหรับการบวชพระในแบบธรรมยุต
หามจับปจจัยที่เปนเงินเด็ดขาด
- 26. บทกิจวัตร แสดงอาบัติ ลาสิกขา
๏ บทกิจวัตรเมื่อเปนพระ
๑. ลงอุโบสถ (ทําวัตรเชา ทําวัตรเย็น)
๒. บิณฑบาตรเลี้ยงชีพ
๓. สวดมนตไหวพระ
๔. กวาดอาวาสวิหารลานพระเจดีย
๕. รักษาผาครอง
๖. อยูปริวาสกรรม
๗. โกนผม ปลงหนวด ตัดเล็บ
๘. ศึกษาสิกขาบทและปฏิบัติพระอาจารย
๙. เทศนาบัติ
๑๐. พิจารณาปจจเวกขณะทั้ง ๔ เปนตน
(ใหรูจักขมใจ เวนแตความจําเปน ๔ อยางคือ จีวร บิณฑบาตร เสนาสนะ และเภสัช)
๏ วิธีแสดงอาบัติ
เมื่อใดที่รวาตองอาบัติในขอใดขอหนึ่ง ตองแสดงอาบัติกบพระรูปใดรูปหนึ่งเพื่อเปนพยาน ดังนี้
ู ั
(พระที่พรรษาออนกวา)
สัพพา ตา อาปตติโย อาโรเจมิ (วา ๓ ครั้ง)
สัพพา คะรุละหุกา อาปตติโย อาโรจามิ (วา ๓ ครั้ง)
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย
อาปตติโย อาปชชิง ตา ตุมหะ มูเล ปะฏิเทเสมิ
(พระที่พรรษาแกกวารับวา)
ปสสะสิ อาวุโส ตา อาปตติโย
(พระที่พรรษาออนกวา)
- 27. อุกาสะ อามะ ภันเต ปสสามิ
(พระที่พรรษาแกกวารับวา)
อายะติง อาวุโส สังวะเรยยาสิ
(พระที่พรรษาออนกวา)
สาธุ สุฏุ ภันเต สังวะริสสามิ
ทุติยัมป สาธุ สุฏุ ภันเต สังวะริสสามิ
ตะติยัมป สาธุ สุฏุ ภันเต สังวะริสสามิ
นะ ปุเนวัง กะริสสาม
นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ
นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ
(พระที่พรรษาแกกวาวา)
สัพพา ตา อาปตติโย อาโรเจมิ (กลาว ๓ ครั้ง)
สัพพา คะรุละหุกา อาปตติโย อาโรเจมิ (กลาว ๓ ครั้ง)
อะหัง อาวุโส สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย
อาปตติโย อาปชชิง ตา ตุยหะ มูเล ปะฏิเทเสมิ
(พระที่พรรษาออนกวารับวา)
อุกาสะ ปสสะถะ ภันเต ตา อาปตติโย
(พระที่พรรษาแกกวาวา)
อามะ อาวุโส ปสสามิ
(พระที่พรรษาออนกวารับวา)
อายะติง ภันเต สังวะเรยยาถะ
(พระที่พรรษาแกกวาวา)
สาธุ สุฏุ อาวุโส สังวะริสสามิ
ทุติยัมป สาธุ สุฏุ อาวุโส สังวะริสสามิ
ตะติยัมป สาธุ สุฏุ อาวุโส สังวะริสสามิ
นะ ปุเนวัง กะริสสามิ
นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ
นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ
๏ ขั้นตอนและบททองจํากอนสึก
- 28. ไปแสดงตนตอพระอุปชฌายเพื่อแจงความจํานงขอลาสิกขา มีพระสงฆนั่งเปนพยานเขาประชุมพรอมกัน
ภิกษุเมื่อจะลาสิกขาตองแสดงอาบัติแลว พาดผาสังฆาฏิเขาไปนั่งหันหนาตรงพระพุทธรูปบนที่บูชา
กราบ ๓ ครั้ง ประนมมือ กลาว นะโม...๓ จบ แลวกลาวดังนี้
สิกขัง ปจจักขามิ คิหีติ มัง ธาเรถะ
(ขาพเจาลาสิกขา ทานทั้งหลายจงจําขาพเจาไววาเปนคฤหัสถ)
สําหรับแบบมหานิกายจะจบเพียงเทานี้ แตในการลาสิกขาบทแบบธรรมยุตจะมีตอไปอีกคือ
เมื่อกลาวเสร็จแลวกราบพระสงฆผูมาเปนพยานลง ๓ ครั้ง แลวเขาไปเปลี่ยนผาขาวแทนผาเหลืองโดยใช
สอดเขาดานในผาเหลือง แลวหมผาขาว หันหนาเขาหาพระสงฆ กราบลง ๓ ครั้ง กลาววา เอสาหัง ภัน
เต สุจิรปรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ อุปาสะกัง มัง
สังโฆ ธาเรตุ อัชชตัคเค ปาณุเปตัง สะระณัง คะตัง (ทานเจาขา ขาพเจานั้นถึงพระผูมีพระภาคเจา
แมปรินิพพานนานแลวนั้น กับพระธรรม และภิกษุสงฆวาเปนสรณะ ขอพระสงฆจงจําขาพเจาวาเปน
อุบาสกผูถึงสรณะตลอดชีวิตตั้งแตวันนี้เปนตนไป)
เสร็จแลวพระที่เปนประธานกลาวคําใหศล ก็วาตามทาน (ตอนนี้ถือวาเปนคฤหัสถแลว) จนทานสรุปวา อิ
ี
มานิ ปญจะ สิกขาปทานิ นิจจสีลวเสน สาธุกัง รักขิตัพพานิ เราก็รับวา อาม ภันเต พระทานก็จะ
กลาวตอวา สีเลน สุคติ ยันติ...จนจบ เราก็กราบทานอีก ๓ ครั้ง ถือบาตรน้ํามนตออกไปอาบน้ํามนต
เมื่อพระภิกษุเริ่มหลั่งน้ําพระพุทธมนตทานก็จะเริ่มสวดชัยมงคลคาถาให เสร็จแลวอุบาสกก็ผลัดผาขาว
อาบน้ํา แลวก็นุงผาเปนคฤหัสถ (ปกติจะเปนชุดใหมทั้งหมด เพราะถือเหมือนวาเปนการเริ่มชีวิตใหมเลย
ทีเดียว) เสร็จแลวเขามากราบพระสงฆอีก ๓ ครั้งเปนอันเสร็จพิธี