1

1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202
ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน มหัศจรรย์ของนํ้าผึ้ง
Miracel of Honey
ชื่อผู้ทําโครงงาน
นางสาว ปิยะวรรณ ศักดิ์สูง ชั้น ม.6/12 เลขที่ 10
นางสาว ญาณี แซ่เฉิ่ง ชั้น ม.6/12 เลขที่ 11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดําเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34

2. ใบงาน การจัดทําข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว ปิยะวรรณ ศักดิ์สูงชัน้ ม.6/12 เลขที่ 10
นางสาว ญาณี แซ่เฉิ่ง ชัน้ ม.6/12 เลขที่ 11
ชื่อโครงงาน(ภาษาไทย)
- มหัศจรรย์ของนํ้าผึ้ง
ชื่อโครงงาน(ภาษาอังกฤษ)
- Miracle of honey
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
ชื่อผู้ทาโครงงานนางสาว ปิยะวรรณ ศักดิ์สูง,นางสาว ญาณี แซ่เฉิ่ง
ชื่อที่ปรึกษาครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 2 อาทิตย์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน(อธิบายถึงที่มาและเหตุผล ของการทาโครงงาน)
นํ้าผึ้ง ( อังกฤษ:Honey) เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้นํ้าต้อย จากดอกไม้ด้วยขบวนการ
การขย้อน และเก็บไว้เป็นแหล่งอาหารหลักในรังผึ้ง honeycombโดยผึงจะสร้าง
ขี้ผึ้งจากเศษเกสรดอกไม้และนํ้าเมือก โดยจะเก็บของเหลว จากการขย้อนลงในฐานหกเหลียม
และปิดไว้ด้วย
ขี้ผึ้งอ่อนปัจจุบันมีน้อยคนที่จะรู้ว่านํ้าผึ้งนั้นมีประโยชน์มีดีหลายอย่างไม่ใช่เพียงแต่ที่จะรักษาโรคแล
ะนํามาเป็นส่วนประกอบของหวานเพื่อเพิ่มรสชาติที่ดียิ่งขึ้นได้เท่านั้นแต่มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด
เสียอีก ดังนั้นเราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนํ้าผึ้งเพื่อนําไปใช้ในชีวิตประจําวัน
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า
2. เพื่อกระตุ้นให้นั กเรียนสนใจค้นคว้าอันจะเป็นประโยชน์และคุณค่าทางวิชาการต่อไป
3. เพื่อให้นั กเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะเสนอและผลิตผลงานด้วยความรู้ของตนเอง
4. เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลและใช้บล็อคให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
5.เพื่อให้นั กเรียนเห็นแนวทางการในการดําเนินชีวิตประจําวัน

3. 6.เพื่อนําไปประยุกต์ใช้ประกอบในด้านต่างๆ
ขอบเขตโครงงาน(คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
สืบค้นจากอินเทอร์เน็ต,สืบค้นหนังสือจากห้องสมุดโรงเรียนและที่อื่น และผู้รู้
หลักการและทฤษฎี ( ความรู้ หลักการหรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
นํ้าผึ้ง มนุษย์รู้จักและนํานํ้าผึ้งมาใช้เป็นสารให้ความหวานมามากกว่า 8,000 ปี นํ้าผึ้งมีสรรพคุณทางยา
และมีประโยชน์ต่อสุขภาพจึงทําให้มีการนํานํ้าผึ้งมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่หลากหลาย
บางคนนิยมรับประทานนํ้าผึ้งเพียงอย่างเดียว หรืออาจจะนํานํ้าผึ้งมาผสมกับนํ้านมหรือผลไม้
นอกจากนี้นํ้าผึ้งมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ
จึงมักนํามาให้เด็กที่มีอาการท้องผูกรับประทานรวมทั้งยังมีสรรพคุณในการป้องกันหรือยับยั้ง
การเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆด้วยนํ้าผึ้งเป็นนํ้าหวานที่ได้จากดอกไม้ซึ่งประกอบด้วยนํ้าตาลซูโครส
และฟรักโทสเป็นส่วนประกอบหลัก โดยผึ้งงานจะเก็บสะสมนํ้าหวานจากดอกไม้ไว้ในรังผึ้ง
และผึ้งจะสร้างและปล่อยเอนไซม์ที่มีชื่อว่า “Invertase” ลงไปในนํ้าหวานที่เก็บมาจากดอกไม้
ซึ่งจะทําให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง
กายภาพและโครงสร้างทางเคมีของนํ้าหวานจากดอกไม้ เอนไซม์ Invertase
จะเปลี่ยนนํ้าตาลซูโครสซึ่งเป็นไตแซ็กคาไรต์ ให้เป็นนํ้าตาลกลูโคสและนํ้าตาลฟรักโทสซึ่งเป็นมอนอแซ็กคาไรด์
และส่วนหนึ่งของกลูโคสที่มีอยู่ในนํ้าหวานจากดอกไม้ก็จะเกินปฎิกิริยาเคมีกับ เอนไซม์ glucose oxidase
ที่สร้างจากผึ้งโดย glucoseoxidase โดยจะเปลี่ยนกลูโคสไปเป็นกรดกลูโคนิค (gluconic acid)
และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) กรดกลูโคนิคจะทําให้นํ้าผึ้งมีความเป็นกรดเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
หลายชนิด ในขณะเดียวกันไฮโตรเจนเปอร์ออกไซด์ก็มีฤทธิ์ยับยัง้
การเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้เช่นกัน
ส่วนความหนืดของนํ้าผึ้งนั้นเกิดจากการที่นํ้าที่อยู่ในนํ้าหวานจากดอกไม้ระเหยออกจากช่องเก็บนํ้าผึ้งในรังผึ้งด้ว
ยการกระพือปีกของผึ้งภายในรังซึ่งช่วยทําให้นําระเหยออกจากนํ้าหวานได้เร็วขึ้น
จึงทําให้นํ้าผึ้งมีความเข้นข้นมากซึ่งสภาวะดังกล่าวจะไม่เหมาะสมกับการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ
จะเห็นได้ว่าผึ้งมีวิธีการที่ทําให้นํ้าหวานที่เก็บจากดอกไม้เปลี่ยนสภาพทั้งโครงสร้างทางกายภาพและโครงสร้างท
างเคมีได้อย่างน่ามหัศจรรย์การที่นํ้าผึ้งเป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานสูง
เพราะในนํ้าผึ้งประกอบด้วยนํ้าตาลมอนอแซ็กคาไรด์
ที่ร่างกายของเราสามารถดูดซึมนํ้าตาลมอนอแซ็กคาไรด์ไปใช้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหาร
ทําให้เวลาที่เรารับประทานนํ้าผึ้งจะรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็วแต่ในเด็กการดูดซึมนํ้าตาลฟรักโ

4. ทสในนํ้าผึ้งไปใช้จะทําได้ไม่ดีเหมือนผู้ใหญ่ดังนั้นถ้าเด็กดื่มนํ้าผึ้งมากเกินกว่าที่ร่างกายเด็กจะสามารถดูดซึมได้
นํ้าตาลฟรักโทสในนํ้าผึ้งที่เหลือค้างในลําไส้จะทําให้เกิดการสะสมของนํ้าในลําไส้และถูกขับออกจากร่างกายใน
ที่สุด นี่คือเหตุผบที่ทําไมจึงกล่าวว่า นํ้าผึ้งมีการออกฤทธิ์คล้ายยาระบายอ่อนๆ นอกจากนี้ในนํ้าผึ้งยังประกอบ
ด้ววิตามินบี วิตามินซี แคลเชียม และแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยบํารุงสุขภาพและมีสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
(antioxdants) ใน
ร่างกายอีกด้วย
วิธีดาเนินงานแนวทางการดาเนินงาน
1.คิดหัวข้อโครงงาน
2.ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจ
3.รวบรวมข้อมูล
4.ปรับปรุงแก้ไขปัญหา
5 . นําเสนอโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.นํ้าผึ้ง
2.คอมพิวเตอร์
งบประมาณ 150 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
1 คิดหัวข้อโครงงาน / ปิยะวรรณ
2 ศึกษาและค้นคว้าข้
อมูล
/ ปิยะวรรณ
3 จัดทําโครงร่างงาน / ปิยะวรรณ
4 ปฏิบัติการสร้างโค
รงงาน
/ ปิยะวรรณ/ ญาณี
5 ปรับปรุงทดสอบ / ปิยะวรรณ
6 การทําเอกสาร / ญาณี

5. รายงาน
7 ประเมินโครงงาน / ญาณี
8 นําเสนอโครงงาน / ญาณี
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.ทุกคน มีความรู้เกี่ยวนํ้าผึ้งและประโยชน์นํ้าผึ้งมากขึ้น
2.ทุกคนได้นําความรู้เกี่ยวกับนํ้าผึ้งมาใช้ประโยชน์มากขึ้น
3. นํ้าผึงสามารถต่อยอดสร้างรายได้ได้
สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง การงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง ( เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://medthai.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E
0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87/
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%
B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87
https://www.doctor.or.th/article/detail/641 3