SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปี การศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน โรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์ 2 โรคนี้แตกต่างกันยังไง
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว อุรชา วัฒนะพงษ์ เลขที่ 26 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว อุรชา วัฒนะพงษ์ เลขที่ 26 ชั้น มัธยมศึกษาปี ที่ 6 ห้อง 2
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์ 2 โรคนี้แตกต่างกันยังไง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Whatis the difference between depression and bipolar disorder?
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา educationalmedia
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว อุรชา วัฒนะพงษ์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม -
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เนื่องด้วยในสังคมปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์อยู่มากมาย
และหลายครั้งเราจะได้เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ ว่ามีผู้คนฆ่าตัวตายเนื่องด้วยเหตุซึมเศร้า
ทั้งดารานักร้องหมู่คนดังมากมาย
แต่หลายคนก็ยังคงไม่เข้าใจในภาวะซึมเศร้าว่าเหตุใดจึงทาให้ผู้คนที่ฆ่าตัวตายนั้นเลือกที่จะจบชีวิตลงด้วย
สาเหตุนี้ อีกทั้งจะมีหลายคนที่มาต่อว่าด้วยถ้อยคาไม่สุภาพถึงผู้ป่วยด้านนี้
ทาให้ผู้ป่วยที่ได้ผ่านเข้ามาเห็นและรู้สึกแย่ อาการก็จะแย่ลงไปอีก
รวมไปถึงมีคนนาเอาคาว่าไบโพลาร์มาเป็นคาด่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมแบบนี้
เราอาจจะมองว่าไกลตัวแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ในประเทศเรานั้นมีมากขึ้นทุกวัน
วันหนึ่งอาจจะเป็นเราหรือคนรอบข้างเราก็ได้ ซึ่งทางผู้จัดทาได้เล็งเห็นถึงความสาคัญในจุดนี้
ให้ผู้คนได้เข้าใจถึงโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์
เข้าใจว่าสองโรคนี้นั้นต่างกันแม้จะมีอาการคล้ายกันแต่ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
สังเกตตัวเองและช่วยสังเกตคนรอบข้างเพื่อที่การฆ่าตัวตายด้วยเหตุนี้จะสามารถลงไปได้บ้าง
หรือถ้าไม่อย่างน้อยก็จะทาให้เราได้เข้าใจโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์
3
สามารถระมัดระวังตนเองไม่ให้ไปทาอะไรที่จะทาให้ผู้ป่วยนั้นรู้สึกแย่และอาการแย่ลง
รวมทั้งการที่ทราบแนวทางการรักษาจะทาให้เราสามารถแนะนาผู้อื่นหรือเข้าใจวิธีการปฏิบัติต่อผู้ป่วยเหล่า
นี้ได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้บุคคลที่สนใจอ่านแล้วสามารถแยกโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ได้
2.ทราบถึงอาการของโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์
3.ทราบแนวทางในการรักษาโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์
ขอบเขตโครงงาน
อธิบายว่าโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์คืออะไร อาการที่สังเกตได้
พร้อมทั้งบอกแนวทางในการรักษา
หลักการและทฤษฎี
โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) คือ
โรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมองมีปริมาณลดลง
ทาให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย
ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง
ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทางานลดลง
และอาจตกอยู่ในภาวะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจนอยากฆ่าตัวตายได้
แต่จุดเด่นของโรคซึมเศร้าอยู่ที่อารมณ์เบื่อเศร้าจะค่อนข้างชัดเจน
อาการโรคซึมเศร้าที่ควรสังเกต
1. รู้สึกกลุ้มใจซึมเศร้าทุกวัน และเกือบจะทั้งวัน
2. รู้สึกเบื่อกับทุกอย่างรอบตัวเป็นประจา
3. เบื่ออาหาร
4. นอนไม่หลับ
4
5. กระวนกระวาย หรือมีอาการซึม ๆ เนือย ๆ ไร้เรี่ยวแรง
6. รู้สึกอ่อนเพลียง่ายเหนื่อยง่าย เหมือนร่างกายอ่อนแอลง
7. รู้สึกไร้ค่า ไร้ความสามารถ
8. มีอาการใจลอย ไม่มีสมาธิ
9. เบื่อชีวิต มีบางช่วงที่รู้สึกอยากตาย
ถ้ามีความรู้สึกเบื่อเศร้าอย่างอาการข้างต้นติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์
ร่วมกับอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับจนผอมลง และเกิดความรู้สึกอยากตายมากขึ้น
ลักษณะนี้อาจเข้าข่ายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
แนวทางในการรักษาโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้านี้หากได้รับการรักษาผู้ที่เป็นจะอาการดีขึ้นมาก อาการซึมเศร้า ร้องไห้บ่อยๆ
หรือรู้สึกท้อแท้หมดกาลังใจ
จะกลับมาดีขึ้นจนผู้ที่เป็นบางคนบอกว่าไม่เข้าใจว่าตอนนั้นทาใมจึงรู้สึกเศร้าไปได้ถึงขนาดนั้น
ข้อแตกต่างระหว่างโรคนี้กับโรคจิตที่สาคัญประการหนึ่งคือ
ในโรคซึมเศร้าถ้าได้รับการรักษาจนดีแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
ขณะที่ในโรคจิตนั้นแม้จะรักษาได้ผลดีผู้ที่เป็นก็มักจะยังคงมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง
ไม่สามารถทาอะไรได้เต็มที่เหมือนแต่ก่อน
ยิ่งหากมารับการรักษาเร็วเท่าไรก็ยิ่งจะอาการดีขึ้นเร็วเท่านั้น ยิ่งป่วยมานานก็ยิ่งจะรักษายาก
การรักษาที่สาคัญในโรคนี้คือการรักษาด้วยยาแก้เศร้า โดยเฉพาะในรายที่อาการมาก
ส่วนในรายที่มีอาการไม่มาก แพทย์อาจรักษาด้วยการช่วยเหลือชี้แนะการมองปัญหาต่างๆ
ในมุมมองใหม่ แนวทางในการปรับตัว
หรือการหาสิ่งที่ช่วยทาให้จิตใจผ่อนคลายความทุกข์ใจลง
ร่วมกับการให้ยาแก้เศร้าหรือยาคลายกังวลเสริมในช่วงที่เห็นว่าจาเป็น
5
การรักษาด้วยยาแก้เศร้า
ยาแก้เศร้ามีส่วนช่วยในการรักษาโรคนี้
แม้ผู้ที่ป่วยบางคนอาจรู้สึกว่าความทุกข์ใจหรือปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นเป็นเรื่องของจิตใจ แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า
ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าแล้วแสดงว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในร่างกายของคนเราจนทาให้เกิดมี
อาการต่างๆ เช่น น้าหนักลด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ร่วมอีกหลายๆ อาการ
ไม่ใช่มีแต่เพียงอารมณ์เศร้าอย่างเดียว ซึ่งยาจะมีส่วนช่วยในการบาบัดอาการต่างๆ เหล่านี้
อีกทั้งยังสามารถทาให้อารมณ์ซึมเศร้า ความวิตกกังวลใจทุเลาลงได้ด้วย
จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า 10
คนหากได้รับการรักษาด้วยยาแก้เศร้าอาการจะดีขึ้นจนหายถึง 8-9 คน
ในขณะที่หากไม่รับการรักษานั้นอาการจะดีเองขึ้นเพียง 2-3 คนเท่านั้น
(เฉพาะในรายที่อาการไม่รุนแรง หากอาการรุนแรงอาจจะกล่าวได้ว่ายากที่จะหายเอง)
โรคไบโพลาร์ (Bipolar) ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอารมณ์สองขั้ว คือ ภาวะแมเนีย (Mania)
และภาวะซึมเศร้า กล่าวคือ ไบโพลาร์จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งสนุกสนานครื้นเครง
รื่นเริง สลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง เราจึงเรียกไบโพลาร์ว่าโรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
บ้างก็เรียกโรคอารมณ์แปรปรวนนั่นเอง
อาการของภาวะซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์ที่ควรสังเกต
1. มักเกิดอาการซึมเศร้าครั้งแรกในช่วงวัยรุ่นหรือวัยเรียน อีกทั้งยังมีอาการเป็นพัก ๆ
เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวปกติวนไปมาหลายครั้ง
2. ความคิดช้าลง พฤติกรรมต่าง ๆ ก็ช้าลงเช่นกัน
3. นอนมากขึ้น
4. เจริญอาหารมากขึ้น
5. รู้สึกโดดเดี่ยว ขาดกาลังใจ เหมือนกลายเป็นคนไร้ค่า
6. มองโลกในแง่ร้ายไปหมด รู้สึกว่าโลกไม่สดใส ไม่มีอะไรน่าสนุก ไม่ร่าเริง
7. มีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง
6
8. ตกอยู่ในสภาวะหลงผิด
อารมณ์ผิดปกติจนอาจควบคุมความประพฤติของตัวเองไม่ได้
9. กลายเป็นคนมีปัญหากับสังคมรู้สึกว่าคนรอบข้างไม่เป็นมิตร ไม่สนใจตน
10. มีประวัติติดยาเสพติด หรือเคยกระทาในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
11. มีประวัติโรคไบโพลาร์หรือโรคซึมเศร้าในครอบครัว
จริง ๆ แล้วภาวะโรคซึมเศร้ายังมีอาการขาดสมาธิ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเดิม ๆ
ไม่อยากสังสรรค์หรือออกสังคม ร้องไห้ง่ายโดยไม่มีสาเหตุ
รวมทั้งอาจมีอาการปวดที่ไม่ทราบสาเหตุร่วมด้วย
ทว่าอาการข้างต้นเป็นอาการของภาวะซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์ที่มีความแตกต่างจากอาการโรค
ซึมเศร้า(Major depressive disorder) นั่นเอง
ดังนั้นสามารถใช้ข้อสังเกตของอาการเหล่านี้แยกโรคไบโพลาร์กับโรคซึมเศร้าได้คร่าว ๆ เลย
นอกจากนี้จุดเด่นที่ทาให้โรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์มีความแตกต่างกันก็คือ
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะรู้สึกเบื่อหน่ายและเศร้าแทบจะตลอดเวลา
ทว่าผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อาจมีภาวะซึมเศร้าสลับกับอารมณ์ร่าเริงเกินปกติ
บุคลิกของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะสลับสับเปลี่ยนกันเหมือนเป็นคนละคนอีกด้วยล่ะ
แนวทางในการรักษาโรคไบโพลาร์
ในปัจจุบันเชื่อว่าโรคไบโพล่าร์เกิดจากการทางานที่ผิดปกติของสมองโดยมีสารสื่อนาประสาท
ที่ไม่สมดุลย์คือมีสารซีโรโทนิน (serotonin) น้อยเกินไปและสารนอร์เอปิเนฟริน (epinephrine)
มากเกินไปดังนั้นเราจึงสามารถรักษาโรคนี้ได้ด้วยยา
ยาที่ใช้รักษาโรคไบโพล่าร์ได้แก่ยาในกลุ่มยา ควบคุมอารมณ์ (mood stabilizers),
ยาแก้โรคจิต (antipsychotics), และยาแก้โรคซึมเศร้า (antidepressants)
1. การรักษาในปัจจุบันนี้ ใช้ยาไปช่วยในการปรับสารสื่อนาประสาทตรงให้กลับมาทางาน
ได้อย่างปกติ เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ mood stabilizer
ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัว ที่จะใช้ในการรักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้ ช่วงระยะการรักษา
7
ช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมา เป็นปกติที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1
เดือน หลังจากนั้น จะเป็นการรักษาต่อเนื่องอาจ ต้องใช้ยาคุมอาการ
ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสาคัญ ในคนไข้บางราย 1 ปี อาจ มาพบหมอแค่
2-4 ครั้งเท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด
2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี คือ lithium ควบคุมอาการ mania ได้ดีมาก แต่ผู้
ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็นๆ หายๆ ได้
ตัวยายังสามารถป้องกัน ได้ทั้งอาการ mania และอาการซึมเศร้า ยาอื่นๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่
valproate, carbamazepine, lamotrigine, gabapentin และ topiramate
3. สาหรับอาการซึมเศร้าตอบสนองดีต่อยา clozapine, olanzapine, risperidone,
quetiapine และziprasidone
4. สิ่งสาคัญที่สุด คนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ตัวผู้ป่วยเองก็ต้อง
ดาเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 ชั่วโมง
พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า
หรือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
5. ถ้ามีผู้ป่วยในครอบครัว คนรอบตัวต้องเข้าใจและช่วยกันป้องกันผู้ป่วยในช่วงก่อน โรค
กาเริบรุนแรงเพราะว่ามีโอกาส กลับไปเป็นซ้าอีก ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน
มาก ที่สุด คือ 15-25 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยอาการขยันผิดปกติ หรือที่เรียกว่า
“ไฮเปอร์แอคทีฟ”ต่อมา บางช่วงของการเจ็บป่วยก็จะเปลี่ยนเป็นซึมเศร้า
เป็นมากๆอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย
แหล่งอ้างอิง
http://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-
1017
http://www.somdet.go.th/Knowledge_(saranarue)/7.php
https://health.kapook.com/view123670.html

More Related Content

What's hot

โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
Aom Nachanok
 
2560 project ออกกำลังกาย2
2560 project ออกกำลังกาย22560 project ออกกำลังกาย2
2560 project ออกกำลังกาย2
bank2808
 

What's hot (20)

แบบร่างโครงงานคอม
แบบร่างโครงงานคอมแบบร่างโครงงานคอม
แบบร่างโครงงานคอม
 
at1
at1at1
at1
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
Com project
Com projectCom project
Com project
 
2562-final-project_17
2562-final-project_172562-final-project_17
2562-final-project_17
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานกล้วยไม้ไทย
โครงงานกล้วยไม้ไทยโครงงานกล้วยไม้ไทย
โครงงานกล้วยไม้ไทย
 
2560 project ออกกำลังกาย2
2560 project ออกกำลังกาย22560 project ออกกำลังกาย2
2560 project ออกกำลังกาย2
 
โครงร่างงานคอม
โครงร่างงานคอม โครงร่างงานคอม
โครงร่างงานคอม
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ 2561
โครงงานคอมพิวเตอร์ 2561โครงงานคอมพิวเตอร์ 2561
โครงงานคอมพิวเตอร์ 2561
 
Project มหัศจรรย์โลมา
Project มหัศจรรย์โลมาProject มหัศจรรย์โลมา
Project มหัศจรรย์โลมา
 
โครงร่างโครงงาน ชนกันต์
โครงร่างโครงงาน ชนกันต์โครงร่างโครงงาน ชนกันต์
โครงร่างโครงงาน ชนกันต์
 
แบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงานแบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงาน
 
แบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงานแบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงาน
 
โครงร่างโครงงาน
โครงร่างโครงงานโครงร่างโครงงาน
โครงร่างโครงงาน
 
2562 final-project 1
2562 final-project 12562 final-project 1
2562 final-project 1
 
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงาน
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงาน
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงาน
 
Good life if no fat
Good life if no fatGood life if no fat
Good life if no fat
 
ผักออร์แกนิกOrganic food
ผักออร์แกนิกOrganic foodผักออร์แกนิกOrganic food
ผักออร์แกนิกOrganic food
 
สมุนไพรลดความดันโลหิต
สมุนไพรลดความดันโลหิตสมุนไพรลดความดันโลหิต
สมุนไพรลดความดันโลหิต
 

Similar to คิตตี้

2560 project -1-1
2560 project -1-12560 project -1-1
2560 project -1-1
rungthiwa_
 
2562 final-project 612-33
2562 final-project 612-332562 final-project 612-33
2562 final-project 612-33
fauunutcha
 

Similar to คิตตี้ (20)

2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
Diabetes
DiabetesDiabetes
Diabetes
 
Diabetes
DiabetesDiabetes
Diabetes
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
มม
มมมม
มม
 
Save wolrd
Save wolrdSave wolrd
Save wolrd
 
2560 project .doc-คอม (2)
2560 project .doc-คอม (2)2560 project .doc-คอม (2)
2560 project .doc-คอม (2)
 
2562 final-project 17
2562 final-project 172562 final-project 17
2562 final-project 17
 
2560 project
2560 project2560 project
2560 project
 
2560 project -1-1
2560 project -1-12560 project -1-1
2560 project -1-1
 
โครงงนปลวก
โครงงนปลวกโครงงนปลวก
โครงงนปลวก
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
2562 final-project 612-33
2562 final-project 612-332562 final-project 612-33
2562 final-project 612-33
 
โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า
 
Project1607
Project1607Project1607
Project1607
 
At1
At1At1
At1
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานโรคฟิโลโฟเบีย
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานโรคฟิโลโฟเบียแบบเสนอโครงร่าง โครงงานโรคฟิโลโฟเบีย
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานโรคฟิโลโฟเบีย
 
Influenza
 Influenza Influenza
Influenza
 
Influenza
InfluenzaInfluenza
Influenza
 

More from Tai MerLin (11)

ตอซังข้าง
ตอซังข้างตอซังข้าง
ตอซังข้าง
 
P
PP
P
 
P
PP
P
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
2560 project ของวี่
2560 project ของวี่2560 project ของวี่
2560 project ของวี่
 
2560 project ของ...
2560 project ของ...2560 project ของ...
2560 project ของ...
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
2560 project (1)
2560 project  (1)2560 project  (1)
2560 project (1)
 

คิตตี้

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปี การศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน โรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์ 2 โรคนี้แตกต่างกันยังไง ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว อุรชา วัฒนะพงษ์ เลขที่ 26 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 2 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม นางสาว อุรชา วัฒนะพงษ์ เลขที่ 26 ชั้น มัธยมศึกษาปี ที่ 6 ห้อง 2 ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) โรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์ 2 โรคนี้แตกต่างกันยังไง ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Whatis the difference between depression and bipolar disorder? ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา educationalmedia ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว อุรชา วัฒนะพงษ์ ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ชื่อที่ปรึกษาร่วม - ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน เนื่องด้วยในสังคมปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์อยู่มากมาย และหลายครั้งเราจะได้เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ ว่ามีผู้คนฆ่าตัวตายเนื่องด้วยเหตุซึมเศร้า ทั้งดารานักร้องหมู่คนดังมากมาย แต่หลายคนก็ยังคงไม่เข้าใจในภาวะซึมเศร้าว่าเหตุใดจึงทาให้ผู้คนที่ฆ่าตัวตายนั้นเลือกที่จะจบชีวิตลงด้วย สาเหตุนี้ อีกทั้งจะมีหลายคนที่มาต่อว่าด้วยถ้อยคาไม่สุภาพถึงผู้ป่วยด้านนี้ ทาให้ผู้ป่วยที่ได้ผ่านเข้ามาเห็นและรู้สึกแย่ อาการก็จะแย่ลงไปอีก รวมไปถึงมีคนนาเอาคาว่าไบโพลาร์มาเป็นคาด่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมแบบนี้ เราอาจจะมองว่าไกลตัวแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ในประเทศเรานั้นมีมากขึ้นทุกวัน วันหนึ่งอาจจะเป็นเราหรือคนรอบข้างเราก็ได้ ซึ่งทางผู้จัดทาได้เล็งเห็นถึงความสาคัญในจุดนี้ ให้ผู้คนได้เข้าใจถึงโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ เข้าใจว่าสองโรคนี้นั้นต่างกันแม้จะมีอาการคล้ายกันแต่ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สังเกตตัวเองและช่วยสังเกตคนรอบข้างเพื่อที่การฆ่าตัวตายด้วยเหตุนี้จะสามารถลงไปได้บ้าง หรือถ้าไม่อย่างน้อยก็จะทาให้เราได้เข้าใจโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์
  • 3. 3 สามารถระมัดระวังตนเองไม่ให้ไปทาอะไรที่จะทาให้ผู้ป่วยนั้นรู้สึกแย่และอาการแย่ลง รวมทั้งการที่ทราบแนวทางการรักษาจะทาให้เราสามารถแนะนาผู้อื่นหรือเข้าใจวิธีการปฏิบัติต่อผู้ป่วยเหล่า นี้ได้อีกด้วย วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้บุคคลที่สนใจอ่านแล้วสามารถแยกโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ได้ 2.ทราบถึงอาการของโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ 3.ทราบแนวทางในการรักษาโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ ขอบเขตโครงงาน อธิบายว่าโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์คืออะไร อาการที่สังเกตได้ พร้อมทั้งบอกแนวทางในการรักษา หลักการและทฤษฎี โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) คือ โรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมองมีปริมาณลดลง ทาให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทางานลดลง และอาจตกอยู่ในภาวะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจนอยากฆ่าตัวตายได้ แต่จุดเด่นของโรคซึมเศร้าอยู่ที่อารมณ์เบื่อเศร้าจะค่อนข้างชัดเจน อาการโรคซึมเศร้าที่ควรสังเกต 1. รู้สึกกลุ้มใจซึมเศร้าทุกวัน และเกือบจะทั้งวัน 2. รู้สึกเบื่อกับทุกอย่างรอบตัวเป็นประจา 3. เบื่ออาหาร 4. นอนไม่หลับ
  • 4. 4 5. กระวนกระวาย หรือมีอาการซึม ๆ เนือย ๆ ไร้เรี่ยวแรง 6. รู้สึกอ่อนเพลียง่ายเหนื่อยง่าย เหมือนร่างกายอ่อนแอลง 7. รู้สึกไร้ค่า ไร้ความสามารถ 8. มีอาการใจลอย ไม่มีสมาธิ 9. เบื่อชีวิต มีบางช่วงที่รู้สึกอยากตาย ถ้ามีความรู้สึกเบื่อเศร้าอย่างอาการข้างต้นติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์ ร่วมกับอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับจนผอมลง และเกิดความรู้สึกอยากตายมากขึ้น ลักษณะนี้อาจเข้าข่ายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แนวทางในการรักษาโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้านี้หากได้รับการรักษาผู้ที่เป็นจะอาการดีขึ้นมาก อาการซึมเศร้า ร้องไห้บ่อยๆ หรือรู้สึกท้อแท้หมดกาลังใจ จะกลับมาดีขึ้นจนผู้ที่เป็นบางคนบอกว่าไม่เข้าใจว่าตอนนั้นทาใมจึงรู้สึกเศร้าไปได้ถึงขนาดนั้น ข้อแตกต่างระหว่างโรคนี้กับโรคจิตที่สาคัญประการหนึ่งคือ ในโรคซึมเศร้าถ้าได้รับการรักษาจนดีแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ขณะที่ในโรคจิตนั้นแม้จะรักษาได้ผลดีผู้ที่เป็นก็มักจะยังคงมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่สามารถทาอะไรได้เต็มที่เหมือนแต่ก่อน ยิ่งหากมารับการรักษาเร็วเท่าไรก็ยิ่งจะอาการดีขึ้นเร็วเท่านั้น ยิ่งป่วยมานานก็ยิ่งจะรักษายาก การรักษาที่สาคัญในโรคนี้คือการรักษาด้วยยาแก้เศร้า โดยเฉพาะในรายที่อาการมาก ส่วนในรายที่มีอาการไม่มาก แพทย์อาจรักษาด้วยการช่วยเหลือชี้แนะการมองปัญหาต่างๆ ในมุมมองใหม่ แนวทางในการปรับตัว หรือการหาสิ่งที่ช่วยทาให้จิตใจผ่อนคลายความทุกข์ใจลง ร่วมกับการให้ยาแก้เศร้าหรือยาคลายกังวลเสริมในช่วงที่เห็นว่าจาเป็น
  • 5. 5 การรักษาด้วยยาแก้เศร้า ยาแก้เศร้ามีส่วนช่วยในการรักษาโรคนี้ แม้ผู้ที่ป่วยบางคนอาจรู้สึกว่าความทุกข์ใจหรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นเป็นเรื่องของจิตใจ แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าแล้วแสดงว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในร่างกายของคนเราจนทาให้เกิดมี อาการต่างๆ เช่น น้าหนักลด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ร่วมอีกหลายๆ อาการ ไม่ใช่มีแต่เพียงอารมณ์เศร้าอย่างเดียว ซึ่งยาจะมีส่วนช่วยในการบาบัดอาการต่างๆ เหล่านี้ อีกทั้งยังสามารถทาให้อารมณ์ซึมเศร้า ความวิตกกังวลใจทุเลาลงได้ด้วย จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า 10 คนหากได้รับการรักษาด้วยยาแก้เศร้าอาการจะดีขึ้นจนหายถึง 8-9 คน ในขณะที่หากไม่รับการรักษานั้นอาการจะดีเองขึ้นเพียง 2-3 คนเท่านั้น (เฉพาะในรายที่อาการไม่รุนแรง หากอาการรุนแรงอาจจะกล่าวได้ว่ายากที่จะหายเอง) โรคไบโพลาร์ (Bipolar) ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอารมณ์สองขั้ว คือ ภาวะแมเนีย (Mania) และภาวะซึมเศร้า กล่าวคือ ไบโพลาร์จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งสนุกสนานครื้นเครง รื่นเริง สลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง เราจึงเรียกไบโพลาร์ว่าโรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บ้างก็เรียกโรคอารมณ์แปรปรวนนั่นเอง อาการของภาวะซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์ที่ควรสังเกต 1. มักเกิดอาการซึมเศร้าครั้งแรกในช่วงวัยรุ่นหรือวัยเรียน อีกทั้งยังมีอาการเป็นพัก ๆ เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวปกติวนไปมาหลายครั้ง 2. ความคิดช้าลง พฤติกรรมต่าง ๆ ก็ช้าลงเช่นกัน 3. นอนมากขึ้น 4. เจริญอาหารมากขึ้น 5. รู้สึกโดดเดี่ยว ขาดกาลังใจ เหมือนกลายเป็นคนไร้ค่า 6. มองโลกในแง่ร้ายไปหมด รู้สึกว่าโลกไม่สดใส ไม่มีอะไรน่าสนุก ไม่ร่าเริง 7. มีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง
  • 6. 6 8. ตกอยู่ในสภาวะหลงผิด อารมณ์ผิดปกติจนอาจควบคุมความประพฤติของตัวเองไม่ได้ 9. กลายเป็นคนมีปัญหากับสังคมรู้สึกว่าคนรอบข้างไม่เป็นมิตร ไม่สนใจตน 10. มีประวัติติดยาเสพติด หรือเคยกระทาในสิ่งที่ผิดกฎหมาย 11. มีประวัติโรคไบโพลาร์หรือโรคซึมเศร้าในครอบครัว จริง ๆ แล้วภาวะโรคซึมเศร้ายังมีอาการขาดสมาธิ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเดิม ๆ ไม่อยากสังสรรค์หรือออกสังคม ร้องไห้ง่ายโดยไม่มีสาเหตุ รวมทั้งอาจมีอาการปวดที่ไม่ทราบสาเหตุร่วมด้วย ทว่าอาการข้างต้นเป็นอาการของภาวะซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์ที่มีความแตกต่างจากอาการโรค ซึมเศร้า(Major depressive disorder) นั่นเอง ดังนั้นสามารถใช้ข้อสังเกตของอาการเหล่านี้แยกโรคไบโพลาร์กับโรคซึมเศร้าได้คร่าว ๆ เลย นอกจากนี้จุดเด่นที่ทาให้โรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์มีความแตกต่างกันก็คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะรู้สึกเบื่อหน่ายและเศร้าแทบจะตลอดเวลา ทว่าผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อาจมีภาวะซึมเศร้าสลับกับอารมณ์ร่าเริงเกินปกติ บุคลิกของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะสลับสับเปลี่ยนกันเหมือนเป็นคนละคนอีกด้วยล่ะ แนวทางในการรักษาโรคไบโพลาร์ ในปัจจุบันเชื่อว่าโรคไบโพล่าร์เกิดจากการทางานที่ผิดปกติของสมองโดยมีสารสื่อนาประสาท ที่ไม่สมดุลย์คือมีสารซีโรโทนิน (serotonin) น้อยเกินไปและสารนอร์เอปิเนฟริน (epinephrine) มากเกินไปดังนั้นเราจึงสามารถรักษาโรคนี้ได้ด้วยยา ยาที่ใช้รักษาโรคไบโพล่าร์ได้แก่ยาในกลุ่มยา ควบคุมอารมณ์ (mood stabilizers), ยาแก้โรคจิต (antipsychotics), และยาแก้โรคซึมเศร้า (antidepressants) 1. การรักษาในปัจจุบันนี้ ใช้ยาไปช่วยในการปรับสารสื่อนาประสาทตรงให้กลับมาทางาน ได้อย่างปกติ เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ mood stabilizer ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัว ที่จะใช้ในการรักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้ ช่วงระยะการรักษา
  • 7. 7 ช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมา เป็นปกติที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1 เดือน หลังจากนั้น จะเป็นการรักษาต่อเนื่องอาจ ต้องใช้ยาคุมอาการ ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสาคัญ ในคนไข้บางราย 1 ปี อาจ มาพบหมอแค่ 2-4 ครั้งเท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด 2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี คือ lithium ควบคุมอาการ mania ได้ดีมาก แต่ผู้ ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็นๆ หายๆ ได้ ตัวยายังสามารถป้องกัน ได้ทั้งอาการ mania และอาการซึมเศร้า ยาอื่นๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่ valproate, carbamazepine, lamotrigine, gabapentin และ topiramate 3. สาหรับอาการซึมเศร้าตอบสนองดีต่อยา clozapine, olanzapine, risperidone, quetiapine และziprasidone 4. สิ่งสาคัญที่สุด คนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ตัวผู้ป่วยเองก็ต้อง ดาเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง 5. ถ้ามีผู้ป่วยในครอบครัว คนรอบตัวต้องเข้าใจและช่วยกันป้องกันผู้ป่วยในช่วงก่อน โรค กาเริบรุนแรงเพราะว่ามีโอกาส กลับไปเป็นซ้าอีก ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน มาก ที่สุด คือ 15-25 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยอาการขยันผิดปกติ หรือที่เรียกว่า “ไฮเปอร์แอคทีฟ”ต่อมา บางช่วงของการเจ็บป่วยก็จะเปลี่ยนเป็นซึมเศร้า เป็นมากๆอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย แหล่งอ้างอิง http://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014- 1017 http://www.somdet.go.th/Knowledge_(saranarue)/7.php https://health.kapook.com/view123670.html