More Related Content
More from ssuserbed7e4 (20)
Hyper36
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร5
ปีการศึกษา2562
ชื่อโครงงาน
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวกนกรัตน์ ศักดิ์เหลือง เลขที่ 36 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจะไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
เราเรียกว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ
แต่จะมีผู้ป่วยจานวนหนึ่งที่ทราบสาเหตุของการมีความดันโลหิตสูง เช่น เป็นโรคไต เป็นโรคลูปัส
หรือกาลังใช้ยาบางชนิด เป็นต้น โรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ 2ชนิด ได้แก่1.ชนิดไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด (primary
high blood pressure หรือ essential high blood pressure)
คือความดันโลหิตสูงที่ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดที่แน่ชัด 2.ชนิดทราบสาเหตุ (secondary high blood pressure)
คือ ความดันโลหิตสูงที่สัมพันธ์กับโรคอื่นๆ ที่เป็น เช่น โรคไต หรือ เกิดจากยาบางชนิดที่คุณใช้อยู่
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ได้แก่
อายุมากขึ้นจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น
มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูงโรคนี้มีโอกาสพบได้ในคนในครอบครัวเดียวกัน
เป็นคนแอฟริกันแคริบเบียน (Afro-Caribbean) หรือ เอเชียใต้ รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจา
รับประทานเกลือ มีเกลือในอาหารที่รับประทานสูงเป็นประจา ขาดการออกกาลังกาย น้าหนักเกิน อ้วน
สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ความเครียด โรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน และโรคไต
มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงดังนั้นเราจึงหาแนวทางการป้องกันโรคและเ
ตรียมพร้อมรับมือกับโรคร้ายที่จะเข้ามา เพื่อสุขภาพและอายุให้ยืนยาวต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนเกิดความตระหนักถึงอันตรายที่เกิดจากโรคนี้
2. เพื่อให้ทุกคนเห็นความสาคัญของการดูแลสุขภาพ
3. เพื่อให้ทุกคนได้รับความรู้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคนี้
- 5. 3.ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูง อาจทาให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 2กรณีคือ
1. ภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงโดยตรง คือ
- ภาวะหัวใจวาย ที่เกิดจากหัวใจทางานหนักขึ้น ทาให้ผนังหัวใจหนาตัว เกิดหัวใจโต
และหัวใจวายตามมา
- หลอดเลือดในสมองแตก หรือตีบตัน
2. ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดแดงตีบหรือตัน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง
ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมทั้งหลอดเลือดสมองตีบ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
ไตวายเรื้อรังจากการที่เลือดไปเลี้ยงไตไม่เพียงพอได้
รวมทั้งอาการตาบอดที่เมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูงอาจทาให้หลอดเลือดแดงในตาค่อย ๆเสื่อมลง
จนอาจมีเลือดออกที่จอตา ทาให้ประสาทตาเสื่อมจนตาบอดได้
ทั้งนี้ มีข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหากไม่ได้การรักษาอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย 60-75%,
เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองอุดตัน หรือแตกราว 20-30% และเสียชีวิตจากไตวายเรื้อรัง 5-10%
4.ปัจจัยเสี่ยง
- พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม พบว่า คนประมาณ 30-40% ที่บิดามารดาเป็นโรคความดันโลหิตสูง
จะมีแนวโน้มเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากกว่า คนที่ไม่มีประวัติในครอบครัว
- 6. - ความเครียด หากคนมีความเครียดสูง อาจทาให้ความดันโลหิตสูงไปด้วย
- อายุ โดยปกติเมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตจะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่สาหรับโรคความดันโลหิตสูง
มักพบในผู้ที่อายุ 40-50ปีขึ้นไป แต่ในอายุต่ากว่านี้ก็สามารถพบได้เช่นกัน
- เพศ มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจาเดือน
- รูปร่าง มักพบในผู้ที่มีภาวะน้าหนักเกิน หรือคนอ้วนมากกว่าคนผอม
- เชื้อชาติ มักพบในคนอเมริกัน เชื้อสายแอฟริกา หรือกลุ่มผิวสี
- พฤติกรรมการกิน ผู้ที่ชอบทานเค็ม ทานเกลือ มักมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติ
- สภาพภูมิศาสตร์ ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองมักมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ที่อยู่อาศัยในชนบท เพราะมีความเครียด
และสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายรบกวนจิตใจอารมณ์มากกว่า
5.การเตรียมตัวก่อนวัดความดันโลหิต
- ก่อนวัดความดันประมาณ 30 นาที ไม่ควรดื่มกาแฟ เครื่องดื่มบารุงกาลังที่มีคาเฟอีน
หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกาลังกาย ไม่เครียด ไม่โกรธ
- นั่งพักก่อนวัดความดันประมาณ 5-15นาที
- หากปวดปัสสาวะควรปัสสาวะก่อนวัดความดัน
- ไม่ควรพูดคุยขณะวัดความดัน
6.การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูง
1. ควบคุมน้าหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหากมีน้าหนักตัวมากเกินไปควรลดน้าหนักโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง
เช่น อาหารที่มีไขมันและน้าตาลสูง ขนมหวาน น้าอัดลม กาแฟเย็น อาหารทอด อาหารชุบแป้งทอด กะทิ เป็นต้น
2. หลีกเลี่ยงเกลืออาหารหมักดอง และอาหารตากแห้ง
- 7. เช่น เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ ผักกาดดอง หอยดอง ปลาร้า ปลาเค็ม กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ไส้กรอก เบคอน แฮม
อาหารทานเล่นที่มีเกลือเยอะ เช่น มันฝรั่งทอด ถั่วทอดใส่เกลือ ไม่เติมเกลือ น้าปลา
ซอสปรุงรสที่มีรสเค็มในอาหาร
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงไม่ควรรับประทานเกลือเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1ช้อนชา
หรือเท่ากับน้าปลาประมาณ 4ช้อนชาหรือซีอิ้ว 5ช้อนชา
3. ออกกาลังกายสม่าเสมอ
เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆว่ายน้า เต้นแอโรบิค หรือเล่นกีฬาที่ชอบ ครั้งละ 30นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
หรืออาจเปลี่ยนกิจกรรมที่ทาอยู่เป็นการออกกาลังกาย เช่นทางานบ้าน เดินไปตลาด ซักผ้า
ลดการใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เป็นต้น
4. ไม่สูบบุหรี่หรือยาเส้น
5. ไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ หรือดื่มในปริมาณน้อยแต่ไม่ควรเกิน 1-2แก้วต่อวัน
สัปดาห์ละไม่เกิน 5 วัน
6. รับประทานยาตามแพทย์แนะนาอย่างสม่าเสมอ
ควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจติดตามความดันโลหิตเป็นระยะๆ
ไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาหรือไม่ได้รับคาแนะนาจากแพทย์
เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
แต่สามารถควบคุมได้หากรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ควรรับประทานยาเองโดยไม่ได้ตรวจวัดความดันโลหิตหรือไม่ได้พบแพทย์
และไม่ควรเปลี่ยนสถานที่รักษาบ่อยๆ
7. รู้จักยาที่รับประทานอยู่
ยาที่ใช้สาหรับรักษาโรคความดันมีหลายชนิด ท่านควรทราบชื่อและขนาดยาที่รับประทานอยู่
หรือมีรายชื่อยาพร้อมขนาดยา และวิธีรับประทานยาเก็บไว้เพื่อประโยชน์ของท่านเอง
อย่าจาเพียงลักษณะหรือสีของยา เพราะยาต่างชนิดอาจมีลักษณะคล้ายๆ กันได้
8. การผ่อนคลาย
ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรเครียดหรือหงุดหงิด ควรมองโลกในแง่ดี
การฝึกสมาธิหรือสวดมนต์อาจช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยควบคุมความดันได้ง่ายขึ้น