SlideShare a Scribd company logo
1 of 28
Download to read offline
คนชนะทําแล้วแก้
คนแพ้มัวแต่คิด
ไม่ได้ทํา
Kanagawa Akinori
คนชนะท�ำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ท�ำ
仕事と人生を激変させるなら99.9%アウトプットを先にしなさい
SHIGOTO TO JINSEI WO GEKIHEN SASERUNARA 99.9% OUTPUT WO SAKINI SHINASAI
Copyright © 2019 Akinori Kanagawa
All rights reserved.
Original Japanese edition published in 2019 by SB Creative Corp.
Thai translation rights arranged with SB Creative Corp. Tokyo
through Japan UNI Agency, Inc., Tokyo and Arika Interrights Agency
Thai language translation copyright © 2020 by Superposition Co., Ltd.
เลขมำตรฐำนสำกลประจ�ำหนังสือ 978-616-8109-25-0
ผู้เขียน: Akinori Kanagawa
ผู้แปล: ทินภาส พาหะนิชย์
กองบรรณำธิกำร: ปิยะพงษ์ ศิริสุทธานันท์, ธีร์ มีนสุข,
ธีพร บรรจงเปลี่ยน
ออกแบบปก: สมเกียรติ ภูผาสิทธิ์
จัดรูปเล่ม: อรณัญช์ สุขเกษม
รำคำ 235 บำท
จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์บิงโก
ภายในเครือ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด (Superposition Co., Ltd.)
18 ซอยดุลิยา ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 10170
อีเมล superposition.books@gmail.com
โทรศัพท์ 094-810-7272
เว็บไซต์ www.bingobook.co เฟซบุ๊ก www.facebook.com/bingobooks
จัดจ�ำหน่ำยโดย
บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ากัด (มหาชน) SE-EDUCATION Public Company Limited
เลขที่ 1858/87-90 ถนนเทพรัตน แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
โทร. 0-2826-8000 โทรสาร 0-2826-8999
เว็บไซต์ www.se-ed.com
พิมพ์ที่ P.R. Color Print โทรศัพท์ 02-806-6344
หากต้องการสั่งซื้อเป็นจ�านวนมาก กรุณาติดต่อรับส่วนลดได้ที่ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด
อีเมล superposition.books@gmail.com
3
ทุกวันนี้ กระแส “ลงมือท�ำก่อนแล้วค่อยคิด” หรือ “เน้น
OUTPUT” ก�าลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ รอบตัวเรา
แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ท�าไมกระแสนี้ถึงเป็นที่นิยมเพิ่ม
มากขึ้น?
แต่ก่อนอื่นผมขอเริ่มจากอธิบายความแตกต่างของ
INPUT กับ OUTPUT ก่อน
ถ้าคุณเน้น INPUT คุณก�าลัง “น�าเข้า” สิ่งต่างๆ
สู่ตัวคุณ
	ตัวอย่างเช่นผมอ่านหนังสือผมฝึกท่องค�าศัพท์
ภาษาอังกฤษ นั่นแปลว่าผม “น�าความรู้” จาก
หนังสือเข้าตัว และผม “น�าค�าศัพท์ภาษา
อังกฤษ” เข้าตัว
บทนํา
4 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา
ถ้าคุณเน้น OUTPUT คุณจะเน้น “ลงมือท�า” หรือ
“สร้างผลลัพธ์” ก่อน
	ตัวอย่างเช่น ผมเขียนสรุปเนื้อหาในหนังสือ
ผมสนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับคู่ค้านั่นแปลว่า
ผม“ลงมือเขียนสรุป”ความรู้จากหนังสือเล่มหนึ่ง
และผม “พูดคุย” เป็นภาษาอังกฤษกับคนอื่น
ปัจจุบันนี้กระแสนิยมเรื่อง OUTPUT ก�าลังแรงขึ้น
อย่างไม่เคยมีมาก่อน
สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราตระหนักถึงวิกฤตของ
ปัญญาประดิษฐ์(ArtificialIntelligence:AI)ซึ่งก�าลังพัฒนาขึ้น
อย่างก้าวกระโดด เราเดินทางมาถึงยุคสมัยที่ AI ท�างานได้
หลากหลายจนมีคนตกงานเป็นจ�านวนมากรออยู่ตรงหน้าแล้ว
มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดได้แถลงข้อมูลเรื่อง “งานที่
จะหายไปในอีก 10 ปีข้างหน้า” ส่วนเรย์ เคิร์ซวีล นักประดิษฐ์
นักอนาคต และนักวิจัย AI ชาวอเมริกันก็คาดการณ์ว่า
“ในปี 2045 AI จะเหนือกว่ามนุษย์”
เหล่านี้คือลางบอกเหตุว่าการท�างานและการใช้ชีวิต
ของเราต่อจากนี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
5
ภาวะเช่นนี้คนที่สร้าง OUTPUT ได้ด้วยล�าแข้งของ
ตัวเองจะอยู่รอดในวันข้างหน้า คนที่ประสบความส�าเร็จใน
การท�างานซึ่งอยู่รอบตัวผม ล้วนสร้าง OUTPUT ได้ดีมาก
สิ่งส�าคัญอยู่ที่ ล�ำดับกำรสร้ำง OUTPUT
คนส่วนใหญ่เวลาสร้างOUTPUTจะเริ่มต้นจากINPUT
พูดง่ายๆ คือ “ฉันขอหาความรู้ใส่ตัวก่อนค่อยลงมือท�า”
วิธีนี้ได้ผลก็จริงแต่ถ้าเรามัวแต่INPUTด้วยการตั้งหน้า
ตั้งตาสะสมความรู้ใส่ตัวเช่นเรียนอ่านหนังสือและฟังสัมมนา
กว่าเราจะสร้างOUTPUTหรือลงมือท�าจริงก็กินเวลานานมาก
ความจริงแล้วถ้าสร้างOUTPUTหรือลงมือท�าก่อนงาน
กับชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
คนญี่ปุ่นมีนิสัยเจ้าระเบียบ จึงมีแนวโน้มว่าก่อนจะ
ลงมือท�าอะไรสักอย่าง คนญี่ปุ่นจะมัวแต่เตรียมตัวอย่าง
รอบคอบและใช้เวลากับช่วง INPUT มากเกินไป
วิธีที่ผมใช้แล้วได้ผลไวที่สุดก็คือ “สร้ำง OUTPUT
ก่อน”
พอผมคิดอะไรออกแล้ว จะลงมือท�า จากนั้นก็ท�า
ไปพร้อมกับ INPUT ส่วนที่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นผมจะสร้าง
OUTPUT ก่อน INPUT ผมจะลงมือท�ำก่อนแล้วค่อย
หำควำมรู้เพิ่ม
6 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา
แต่อยู่ดีๆเราคงไม่อาจสร้างOUTPUTจากศูนย์เราจึง
ต้อง INPUT เท่าที่จ�าเป็นจริงๆ
ดังนั้นในหนังสือเล่มนี้ ผมจะเรียกวิธีนี้ว่า “i = INPUT
เล็กๆ หรือหำควำมรู้ใส่ตัวเท่ำที่จ�ำเป็น”
ถ้าคุณอยากประสบความส�าเร็จในการท�างาน เมื่อ
คุณท�า “INPUT เล็กๆ” แล้ว จงสร้าง OUTPUT ต่อทันที ถ้ามี
ส่วนไหนยังไม่เพียงพอก็สร้าง OUTPUT ไปด้วย INPUT
ไปด้วย จากนั้นให้ทบทวนสิ่งที่ท�าแล้วหาข้อเสนอแนะไว้
แค่คุณเปลี่ยนล�าดับเป็น “ลงมือท�ำก่อนแล้วค่อย
หำควำมรู้เพิ่ม” คุณจะประสบความส�าเร็จอย่างรวดเร็วและ
เปลี่ยนแปลงงานกับชีวิตได้
สมัยผมเรียนชั้นมัธยมปลาย ผมท�าคะแนนไม่ดีนัก
จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดอยู่ 2 ปี แต่ทุกวันนี้วิธี “ลงมือ
ท�ำก่อนแล้วค่อยหำควำมรู้เพิ่ม” ของผม ช่วยให้ทุกอย่าง
เปลี่ยนไป
คุณเองก็อย่าลืมน�าเทคนิคของผมไปปรับใช้ดูนะครับ
คำนำงำวะ อำกิโนริ
7
ถ้าสร้าง OUTPUT
หรือลงมือทําก่อน
งานกับชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไป
อย่างมาก
สารบัญ
บทนํา 3
บทที่ 1
ชีวิต 99.9% กําหนดได้ 12
ด้วยการลงมือทํา
01 วิธีที่ได้ผลไวที่สุดคือ ลงมือท�าก่อน 14
02 มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 20
20 นาที
03 อ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้อะไร 24
04 เมื่อใช้ร่างกาย เราจะจ�าดีขึ้น 28
05 คนที่วางแผนก่อนจะเสียเวลาเปล่า 32
06 เลิกมองหาความสมบูรณ์แบบ 38
แค่พอใช้ได้ก็ลงมือเลย
07 คนคิดคูณสร้างผลลัพธ์ได้มากกว่า 42
เป็น 10 เท่า
08 เราจะเก่งขึ้นจาก “พูด เขียน” ไม่ใช่ “อ่าน ดู ฟัง” 46
บทที่ 2
เทคนิคการลงมือทํา “พูด เขียน” 50
01 ทักษะการถ่ายทอดจะช่วยคุณหาเงิน 52
02 ส�ารวจสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้ให้ถึงที่สุด 60
03 ถ่ายทอดความรู้สึกเพื่อโน้มน้าวใจคน 66
04 สร้างความประทับใจ
หรือโน้มน้าวใจคนด้วย 2W1H 72
05 ถ้าอยากพัฒนาทักษะ “พูด เขียน” ให้สอนคนอื่น 78
06 ถ่ายทอดให้อีกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมด้วย 84
07 เล่าตามล�าดับ ปัจจุบัน-อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต 90
08 เน้นปริมาณ 96
บทที่ 3
เทคนิคการลงมือทํา 102
“สร้างคอนเน็คชั่น”
01 ถ้าใช้คอนเน็คชั่นไม่เป็นก็ไม่มีความหมาย 104
02 จงท�าให้คนรอบข้างประสบความส�าเร็จ 110
03 ใช้โซเชียลมีเดียสร้างคอนเน็คชั่น 114
04 สร้างคอนเน็คชั่น = สร้างตัวเอง 120
05 การท�างานไม่ต้องการคอนเน็คชั่น 126
ที่เรียกว่า “เพื่อน”
06 ไปหาคนที่อยากเจอทันที 132
07 เพ้อฝันเรื่องอนาคตของตัวเอง 138
08 คนเก่งจะลงมือท�าทันที 144
09 ขยับแขนขยับขา อย่ามัวแต่กลุ้มใจ 150
10 คนชอบแก้ตัวไม่มีทางประสบความส�าเร็จ 154
บทที่ 4
เทคนิคการลงมือทํา “สร้างเงิน” 158
01 เงินได้มาจากการใช้ 160
02 เงินมีความรู้สึก 164
03 ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้สูงก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ง่าย 170
04 ใช้เงินกับคนชั้นหนึ่ง 174
05 ใช้เงินกับตลาดที่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย 180
06 ตั้งเป้าหมายแบ่งรายได้ 10% ไปลงทุน 186
07 ลองสัมผัสประสบการณ์หรู 190
08 ใช้เงินกับเวลา ประสบการณ์ และสุขภาพ 198
บทที่ 5
เทคนิคการลงมือทํา 204
“พัฒนารูปลักษณ์ภายนอก”
01 รูปลักษณ์ภายนอกมีอิทธิพลเยอะมาก 206
02 ยิ่งเป็นของแพง ยิ่งต้องใช้ในชีวิตประจ�าวัน 212
03 สั่งตัดทั้งสูทและเสื้อเชิ้ต 220
04 ดึงดูดใจคนอื่นด้วยการดูแลตัวเอง 228
05 กล้ามเป็นตัวพิสูจน์จิตใจที่เข้มแข็ง 234
ประวัติผู้เขียน 238
บทที่
1
ชีวิต 99.9% กําหนดได้
ด้วยการลงมือทํา
วิธีที่ได้ผลไวที่สุดคือ
ลงมือทําก่อน
01
การไปสัมมนา ฟั งบรรยาย
หรืออ่านหนังสือไม่ช่วยให้คุณเก่งขึ้น
อ่านตําราอย่างเดียว ไม่มีทางทําอาหารเป็ น
จงคิดย้อนกลับ เน้น OUTPUT
15- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
แค่อ่านหนังสือ
ไม่รวมอยู่ในกฎ 10,000 ชั่วโมง
คุณเคยได้ยิน “กฎ 10,000 ชั่วโมง” ไหมครับ
กฎนี้บอกว่า ถ้าเราอยากก้าวไปเป็นคนเก่งที่สุดใน
สาขาใดๆ เราต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 10,000 ชั่วโมง
ตัวผมเองก็อยากจะเก่งให้ได้มากๆ ผมจึงใช้ 10,000 ชั่วโมง
เป็นเกณฑ์อยู่เสมอ
ดังนั้นเวลาผมท�าธุรกิจ สอบใบอนุญาตรับสอบบัญชี
หรือเล่นกล้าม ผมจะมุ่งมั่นลงมือท�าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ถ้าการก้าวไปเป็นคนเก่งที่สุดต้องใช้เวลา 10,000
ชั่วโมง แล้วการเป็นคนเก่งล�าดับที่ 2 หรือ 3 ต้องใช้เวลาเท่า
ไหร่?
ผมขอยกตัวอย่างเป็น “การท�าบัญชี” ที่ผมเรียน
เพื่อสอบใบอนุญาตรับสอบบัญชี ถ้าผมเรียนบัญชีประมาณ
16 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา
100 ชั่วโมง ผมจะสอบได้เทียบเท่ากับคนเก่งล�าดับที่ 3
ถ้าผมตั้งเป้าหมายจะสอบให้ได้เทียบเท่าคนเก่งล�าดับ
ที่ 2 ผมจะต้องใช้เวลาเรียนรวมทั้งสิ้น 1,000 ชั่วโมง
ในการท�างานก็เช่นกัน ถ้าเราใช้เวลาแค่ 100 ชั่วโมง
เราจะเป็นได้แค่คนเก่งล�าดับ 3 เมื่อใช้เวลา 1,000 ชั่วโมง
จะเป็นคนเก่งล�าดับ 2 และถ้าใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง จะเป็น
คนเก่งที่สุด
รายได้ต่อปีก็ขึ้นกับเวลาที่ใช้ รายได้ต่อปีของคนเก่ง
ที่สุดอยู่ที่ 50 ล้านเยนถึง 100 ล้านเยน (15-30 ล้านบาท) ราย
ได้ต่อปีของคนเก่งล�าดับ 2 อยู่ที่ 10 ล้านเยน (3 ล้านบาท)
และรายได้ต่อปีของคนเก่งล�าดับ3อยู่ที่3ล้านเยน(9แสนบาท)
นั่นแปลว่าคนเก่งล�าดับ 3 หาเงินได้แค่เดือนละ 2 แสนเยน
(6 หมื่นบาท)
ถ้าเราท�างานวันละ10ชั่วโมงในหนึ่งเดือนเราจะท�างาน
ไป 300 ชั่วโมง และในหนึ่งปีเราจะท�างานไป 3,600 ชั่วโมง
นั่นแปลว่าถ้าเราท�างานได้3ปีเรามีแววได้เป็น“คนเก่งที่สุด”
ถึงตรงนี้คุณอาจคิดว่า “ถ้าแค่ 3 ปีก็ไม่เห็นยากเลย”
แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า “ช่วงเวลา INPUT จะไม่รวม
อยู่ใน 10,000 ชั่วโมงนี้”
เวลา INPUT เพื่อก้าวเป็นคนเก่งที่สุด เช่น ไปสัมมนา
17- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
ฟังบรรยาย หรืออ่านหนังสือธุรกิจ ไม่นับรวมอยู่ใน 10,000
ชั่วโมง เพราะคุณจะเป็นคนเก่งที่สุดได้ก็ต่อเมื่อใช้เวลำ
ลงมือท�ำหรือสร้ำง OUTPUT 10,000 ชั่วโมง
วิธีที่ได้ผลไวที่สุดคือ
ลงมือทําก่อน
คุณไม่อาจท�างานเก่งได้ด้วยการขยันเข้าสัมมนาหรืออ่านหนังสือ
INPUT เพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้ผลลัพธ์ของงานดี มันเป็น
เพียงความคิดเพ้อฝัน
ผมอยากให้คุณนึกถึงการท�าอาหารบางคนเวลาอยาก
เริ่มหัดท�าอาหาร สิ่งแรกที่พวกเขาท�าก็คือ ไปซื้อต�าราหลาย
เล่มมาอ่านผมเองก็เป็นแบบนั้นแต่ถ้าเราอ่านต�าราท�าอาหาร
อย่างเดียว ชาตินี้เราก็ท�าอาหารไม่เป็นหรอกครับ
ถ้าคุณอยากท�าอาหารเป็นจริงๆ แทนที่จะไปซื้อต�ารา
คุณควรไปซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วซื้อหม้อกับวัตถุดิบ คุณจะท�า
อาหารเป็นเร็วกว่า แล้วถ้าไม่เข้าใจขั้นตอนไหนค่อยหาข้อมูล
เพิ่มเอาก็ได้
18 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา
แม้คุณจะอ่านสูตรท�าแกงกะหรี่รสเลิศก็ใช่ว่าคุณจะท�า
แกงกะหรี่เป็น ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณลองลงมือท�า
(สร้าง OUTPUT ก่อน)
คนญี่ปุ่นมีนิสัยเอาจริงเอาจัง เวลาจะท�าอะไรสักอย่าง
คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า “ต้องเตรียมให้เต็มที่ตั้งแต่แรก” (สร้าง
INPUT ก่อน) แต่ถ้าอยากจะประสบความส�าเร็จ เราต้อง
คิดย้อนกลับ
สร้ำง INPUT เท่ำที่จ�ำเป็น จะได้มีเวลำสร้ำง
OUTPUT ได้ทันที
ยิ่งคุณรีบลงมือเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ไวเท่านั้น
จากนั้นคุณจะเริ่มมีความมั่นใจและรักงานนั้นๆเมื่อคุณรักงาน
ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นตามไปด้วย
19- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
INPUT เพียงอย่างเดียว
ไม่ช่วยให้ผลลัพธ์ของงานดี
มันเป็ นเพียงความคิดเพ้อฝั น
มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่ง
เมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที
02
เมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที
มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่ง
ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียว พักเดียวคุณก็ลืม
อย่ามัวแต่เสียเวลาให้การลืม
เริ่มลงมือทําจะได้จําได้
21- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
มนุษย์จําอะไรได้แค่ 20 นาที
เฮอร์แมน เอบบิงเฮ้าส์ นักจิตวิทยาชาวเยอรมันบอกว่า
ความจ�าของมนุษย์เป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้อย่างน่าใจหายเขาท�า
การทดลองและได้ข้อสรุปว่าความจ�าของมนุษย์จะเลือนหาย
ไปครึ่งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที
Target 1900 เป็นหนังสือรวมค�าศัพท์ภาษาอังกฤษ
ซึ่งนักเรียนที่ก�าลังเตรียมสอบต่างรู้จักดี หลายคนเคยใช้เวลา
อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อท่องจ�าค�าศัพท์ในหนังสือเล่มนี้
แต่ถ้าบอกให้คนวัยท�างานมาท�าโจทย์ 30 ข้อจาก
หนังสือเล่มนี้ คุณคิดว่าจะมีคนตอบถูกทุกข้อสักกี่คน?
ตราบใดที่คนวัยท�างานไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษระดับ
คุยธุรกิจในชีวิตประจ�าวันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบถูกทุกข้อ
ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้ด้วยข้อสรุปของเฮอร์แมน ก็ต้อง
บอกว่าเมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่ง ถ้า
ผ่านไปหนึ่งเดือน ความจ�าจะเหลือแค่ 20% ต่อให้เราขยัน
22 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา
INPUT ด้วยการท่องจ�าทุกวันแค่ไหน อีกไม่นานก็ลืม
ถ้าคุณอยากมีความรู้ติดตัวจริงๆ คุณไม่ควรเสียเวลา
ไปกับการ INPUT เพราะมันไร้ค่า INPUT ไม่ก่อให้เกิดอะไร
หรือเทียบได้กับ “ไม่ได้ท�าอะไรเลย”
การศึกษาภาคบังคับ
ไม่ก่อให้เกิดอะไรเลย
การศึกษาภาคบังคับในประเทศญี่ปุ่นรวมไปถึงการเรียนมัธยม
ปลายถือเป็น INPUT ที่ไม่ก่อให้เกิดอะไรเลย
เราเรียนหนังสือทุกวันมาตลอด 12 ปี แต่ตอนนี้เรา
ยังจ�าอะไรได้บ้าง?
คนส่วนใหญ่แทบจะลืมเนื้อหาที่เรียนไปหมดแล้ว
เช่นบุคคลส�าคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหรือประวัติศาสตร์โลก
ปีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ สูตรคณิตศาสตร์ ฯลฯ
ในทางกลับกัน เราดันจ�าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียน
เช่น งานโรงเรียนและกิจกรรมชมรมได้มากกว่า ถ้าให้นึกย้อน
กลับไปเราอาจจ�าได้ว่าเคยขี่จักรยานเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆที่เรา
23- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
จ�าได้ไม่ใช่เพราะมันสนุกแต่เพราะเราท�าตามความคิดตัวเอง
INPUTอย่างเดียวมีแต่จะลืมแต่ถ้าเราสร้างOUTPUT
เราจะจ�ามันได้
อย่าเสียเวลาและเงินทองไปกับ INPUT
ที่ผ่านมาคนท�างานส่วนใหญ่มักทุ่มเทเวลาและเงินทองไป
กับการหาความรู้ใส่ตัว เช่น เวลาอ่านหนังสือ เวลาเรียน เวลา
ไปสัมมนา และเงินซื้อหนังสือ
เราทุ่มเทเวลาและเงินทองมากมายเพื่อ INPUT
เยอะมากแต่ถ้าเราใช้ทรัพยากรเหล่านี้ไปกับการสร้างOUTPUT
เราคงได้เห็นผลลัพธ์ไปแล้ว
การใช้เวลากับเรื่องที่อีก20นาทีก็ลืมเช่นอ่านหนังสือ
อย่างเดียวหรือไปสัมมนาอย่างเดียวจึงไร้ประสิทธิภาพมาก
เราจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อลงมือท�า ดังนั้นจงหยุด
หาความรู้ใส่ตัวบ้างและเปลี่ยนมำให้ควำมส�ำคัญกับ
“กำรลงมือท�ำ” หรือ OUTPUT เป็นอันดับแรก
แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอนครับ
อ่านหนังสืออย่างเดียว
ไม่ได้อะไร
03
“อ่าน” “ดู” “ฟั ง” อย่างเดียวสุดท้ายจะลืม
หลังจาก “อ่าน” “ดู” “ฟั ง”
เราต้องสร้าง OUTPUT ต่อด้วย
การอ่านหนังสือที่แท้จริงอยู่หลังจาก
อ่านหนังสือจบแล้ว
25- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
อ่านหนังสือวันละเล่มดีไหม?
บางคนอ่านหนังสือธุรกิจวันละเล่มดูภาพยนตร์ปีละ100เรื่อง
ไปฟังสัมมนาทุกสัปดาห์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ “ลืม”
การกระท�าเหล่านี้คือ INPUT ซึ่งผมเรียกการกระท�า
ทั้งหมดนี้ว่า “ไร้ประโยชน์” พอผมเล่าเรื่องนี้ให้คนที่ชอบท�า
แบบนั้นฟัง ผมจะโดนถามกลับทันทีว่า “แล้วไง?”
เวลาเรา INPUT อะไรเข้าตัว เราจะเหมือนอยู่ในโลก
จินตนาการ เราจะเข้าใจผิดว่าตัวเองก�าลังเรียนอยู่ ทั้งที่ไม่มี
ความรู้ติดตัวเลย ต่อให้อ่านหรือฟังมากแค่ไหน สุดท้ายก็ลืม
หมดเกลี้ยง
สมมติว่ามีห้องชุดสวยๆ อยู่แห่งหนึ่ง แม้เราจะอ่าน
ข้อความโฆษณาว่า“ขอแนะน�าห้องนี้”เราก็ยังไม่รู้สึกอยากได้
ต่อให้ดูรูปตกแต่งภายในเราก็ยังไม่ได้สนใจมากขนาดตัดสินใจ
ซื้อ แต่เมื่อเราได้ไปดูของจริง เดินดูทั่วห้อง ตรวจสอบ
สภาพแวดล้อมในอาคาร เปิดตู้เสื้อผ้าดู แล้วพิจารณา
ความน่าอยู่ เราจะอยากได้ห้องนี้ขึ้นมา
26 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา
เสื้อผ้าก็เช่นกัน แม้เราจะเจอเสื้อผ้าจากร้านออนไลน์
ที่ดู“น่าซื้อ”แต่ถ้ายังไม่ได้ลองใส่จริงๆลองเคลื่อนไหวร่างกาย
ดูว่าใส่สบายไหม เราก็ยังไม่รู้ข้อดีของเสื้อผ้าชิ้นนั้น
ปัจจัยที่กระตุ้นมนุษย์ให้เกิดความรู้สึกว่า “สิ่งนี้สวย”
หรือ “อยากอยู่ห้องนี้” ก็คือ “กำรลงมือท�ำ”
อ่านหนังสือเพื่อสร้าง OUTPUT
เวลาอ่านหนังสือเราจะเหมือนอยู่ในโลกจินตนาการดังนั้นเรา
ต้องรู้จักสร้าง OUTPUT ในโลกความจริงด้วย
คนที่ตั้งใจอ่านหนังสือหนึ่งเล่มและตั้งใจสร้างOUTPUT
จะได้รับความรู้ติดตัวมากกว่าคนที่อ่านหนังสือ 10 เล่มแล้ว
ไม่ท�าอะไรเลย
จากนี้ไปเวลาคุณอยากอ่านหนังสือสักเล่ม คุณควร
สร้าง OUTPUT ด้วยการท�าอะไรสักอย่าง เช่น เขียนรีวิวใน
เว็บไซต์อะเมซอน เขียนเรื่องย่อในไดอารี่ สรุปไอเดีย ท�าลิสต์
หัวข้อที่น่าสนใจ ฯลฯ เพียงเท่านี้ผลลัพธ์ของการอ่านหนังสือ
จะเปลี่ยนไป
27- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา
ถ้าคุณแค่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงอ่านหนังสือหนึ่งเล่ม
1 ชั่วโมงนั้นอาจไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้าคุณแบ่งเวลา
มาสร้าง OUTPUT สัก 5-10 นาที เวลานั้นจะถูกนับรวมอยู่ใน
กฎ 10,000 ชั่วโมง น�าไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีตามมา
ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเขาเป็นพนักงานขายที่เก่งมาก
เขามีรายได้ต่อปี100ล้านเยน(30ล้านบาท)และท�ายอดขาย
แซงหน้าพนักงานอีกกว่า 5,000 คนได้เสมอ
เพื่อนผมคนนี้แทบไม่อ่านหนังสือเลย เขาแค่ดูชื่อ
หนังสือที่ก�าลังเป็นกระแสเท่านั้นแล้วท�าไมเขาถึงท�างานเก่ง?
ค�าตอบก็คือ เขาออกไปพบปะผู้คนในโลกความจริง
เช่น ไปดื่มสังสรรค์ ไปตีกอล์ฟ ไปงานปาร์ตี้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือ
“กำรลงมือท�ำหรือสร้ำง OUTPUT”
การอ่านหนังสือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพื่อสร้างOUTPUT
ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาว่างพอที่จะทุ่มเทหาความรู้ใส่ตัว
ลองเปลี่ยนเป็นเอาเวลาไป “ลงมือท�า” จะได้ผลไวที่สุดครับ
เมื่อใช้ร่างกาย
เราจะจําดีขึ้น
04
มนุษย์จําด้วยร่างกายมากกว่าสมอง
เลิกพยายามเข้าใจด้วยสมอง
ประสบการณ์เท่านั้นที่จะสร้างผลงาน

More Related Content

More from Piyapong Sirisutthanant

ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยPiyapong Sirisutthanant
 
How to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sampleHow to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything samplePiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็นตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็นPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมง
ตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมงตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมง
ตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมงPiyapong Sirisutthanant
 

More from Piyapong Sirisutthanant (20)

ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
 
AI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่างAI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่าง
 
LHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdfLHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdf
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
 
You canlearnanything sample
You canlearnanything sampleYou canlearnanything sample
You canlearnanything sample
 
AI SUPERPOWERS_Sample
AI SUPERPOWERS_SampleAI SUPERPOWERS_Sample
AI SUPERPOWERS_Sample
 
How to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sampleHow to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sample
 
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
 
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
 
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็นตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
 
ตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมง
ตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมงตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมง
ตัวอย่างหนังสือ เปลี่ยนคนธรรมดาให้มี หัวผู้นำ ใน 3 ชั่วโมง
 

Successful peopleact sample

  • 2. คนชนะท�ำแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ท�ำ 仕事と人生を激変させるなら99.9%アウトプットを先にしなさい SHIGOTO TO JINSEI WO GEKIHEN SASERUNARA 99.9% OUTPUT WO SAKINI SHINASAI Copyright © 2019 Akinori Kanagawa All rights reserved. Original Japanese edition published in 2019 by SB Creative Corp. Thai translation rights arranged with SB Creative Corp. Tokyo through Japan UNI Agency, Inc., Tokyo and Arika Interrights Agency Thai language translation copyright © 2020 by Superposition Co., Ltd. เลขมำตรฐำนสำกลประจ�ำหนังสือ 978-616-8109-25-0 ผู้เขียน: Akinori Kanagawa ผู้แปล: ทินภาส พาหะนิชย์ กองบรรณำธิกำร: ปิยะพงษ์ ศิริสุทธานันท์, ธีร์ มีนสุข, ธีพร บรรจงเปลี่ยน ออกแบบปก: สมเกียรติ ภูผาสิทธิ์ จัดรูปเล่ม: อรณัญช์ สุขเกษม รำคำ 235 บำท จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์บิงโก ภายในเครือ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด (Superposition Co., Ltd.) 18 ซอยดุลิยา ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 10170 อีเมล superposition.books@gmail.com โทรศัพท์ 094-810-7272 เว็บไซต์ www.bingobook.co เฟซบุ๊ก www.facebook.com/bingobooks จัดจ�ำหน่ำยโดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ากัด (มหาชน) SE-EDUCATION Public Company Limited เลขที่ 1858/87-90 ถนนเทพรัตน แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทร. 0-2826-8000 โทรสาร 0-2826-8999 เว็บไซต์ www.se-ed.com พิมพ์ที่ P.R. Color Print โทรศัพท์ 02-806-6344 หากต้องการสั่งซื้อเป็นจ�านวนมาก กรุณาติดต่อรับส่วนลดได้ที่ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด อีเมล superposition.books@gmail.com
  • 3. 3 ทุกวันนี้ กระแส “ลงมือท�ำก่อนแล้วค่อยคิด” หรือ “เน้น OUTPUT” ก�าลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ รอบตัวเรา แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ท�าไมกระแสนี้ถึงเป็นที่นิยมเพิ่ม มากขึ้น? แต่ก่อนอื่นผมขอเริ่มจากอธิบายความแตกต่างของ INPUT กับ OUTPUT ก่อน ถ้าคุณเน้น INPUT คุณก�าลัง “น�าเข้า” สิ่งต่างๆ สู่ตัวคุณ ตัวอย่างเช่นผมอ่านหนังสือผมฝึกท่องค�าศัพท์ ภาษาอังกฤษ นั่นแปลว่าผม “น�าความรู้” จาก หนังสือเข้าตัว และผม “น�าค�าศัพท์ภาษา อังกฤษ” เข้าตัว บทนํา
  • 4. 4 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา ถ้าคุณเน้น OUTPUT คุณจะเน้น “ลงมือท�า” หรือ “สร้างผลลัพธ์” ก่อน ตัวอย่างเช่น ผมเขียนสรุปเนื้อหาในหนังสือ ผมสนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับคู่ค้านั่นแปลว่า ผม“ลงมือเขียนสรุป”ความรู้จากหนังสือเล่มหนึ่ง และผม “พูดคุย” เป็นภาษาอังกฤษกับคนอื่น ปัจจุบันนี้กระแสนิยมเรื่อง OUTPUT ก�าลังแรงขึ้น อย่างไม่เคยมีมาก่อน สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราตระหนักถึงวิกฤตของ ปัญญาประดิษฐ์(ArtificialIntelligence:AI)ซึ่งก�าลังพัฒนาขึ้น อย่างก้าวกระโดด เราเดินทางมาถึงยุคสมัยที่ AI ท�างานได้ หลากหลายจนมีคนตกงานเป็นจ�านวนมากรออยู่ตรงหน้าแล้ว มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดได้แถลงข้อมูลเรื่อง “งานที่ จะหายไปในอีก 10 ปีข้างหน้า” ส่วนเรย์ เคิร์ซวีล นักประดิษฐ์ นักอนาคต และนักวิจัย AI ชาวอเมริกันก็คาดการณ์ว่า “ในปี 2045 AI จะเหนือกว่ามนุษย์” เหล่านี้คือลางบอกเหตุว่าการท�างานและการใช้ชีวิต ของเราต่อจากนี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
  • 5. 5 ภาวะเช่นนี้คนที่สร้าง OUTPUT ได้ด้วยล�าแข้งของ ตัวเองจะอยู่รอดในวันข้างหน้า คนที่ประสบความส�าเร็จใน การท�างานซึ่งอยู่รอบตัวผม ล้วนสร้าง OUTPUT ได้ดีมาก สิ่งส�าคัญอยู่ที่ ล�ำดับกำรสร้ำง OUTPUT คนส่วนใหญ่เวลาสร้างOUTPUTจะเริ่มต้นจากINPUT พูดง่ายๆ คือ “ฉันขอหาความรู้ใส่ตัวก่อนค่อยลงมือท�า” วิธีนี้ได้ผลก็จริงแต่ถ้าเรามัวแต่INPUTด้วยการตั้งหน้า ตั้งตาสะสมความรู้ใส่ตัวเช่นเรียนอ่านหนังสือและฟังสัมมนา กว่าเราจะสร้างOUTPUTหรือลงมือท�าจริงก็กินเวลานานมาก ความจริงแล้วถ้าสร้างOUTPUTหรือลงมือท�าก่อนงาน กับชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนญี่ปุ่นมีนิสัยเจ้าระเบียบ จึงมีแนวโน้มว่าก่อนจะ ลงมือท�าอะไรสักอย่าง คนญี่ปุ่นจะมัวแต่เตรียมตัวอย่าง รอบคอบและใช้เวลากับช่วง INPUT มากเกินไป วิธีที่ผมใช้แล้วได้ผลไวที่สุดก็คือ “สร้ำง OUTPUT ก่อน” พอผมคิดอะไรออกแล้ว จะลงมือท�า จากนั้นก็ท�า ไปพร้อมกับ INPUT ส่วนที่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นผมจะสร้าง OUTPUT ก่อน INPUT ผมจะลงมือท�ำก่อนแล้วค่อย หำควำมรู้เพิ่ม
  • 6. 6 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา แต่อยู่ดีๆเราคงไม่อาจสร้างOUTPUTจากศูนย์เราจึง ต้อง INPUT เท่าที่จ�าเป็นจริงๆ ดังนั้นในหนังสือเล่มนี้ ผมจะเรียกวิธีนี้ว่า “i = INPUT เล็กๆ หรือหำควำมรู้ใส่ตัวเท่ำที่จ�ำเป็น” ถ้าคุณอยากประสบความส�าเร็จในการท�างาน เมื่อ คุณท�า “INPUT เล็กๆ” แล้ว จงสร้าง OUTPUT ต่อทันที ถ้ามี ส่วนไหนยังไม่เพียงพอก็สร้าง OUTPUT ไปด้วย INPUT ไปด้วย จากนั้นให้ทบทวนสิ่งที่ท�าแล้วหาข้อเสนอแนะไว้ แค่คุณเปลี่ยนล�าดับเป็น “ลงมือท�ำก่อนแล้วค่อย หำควำมรู้เพิ่ม” คุณจะประสบความส�าเร็จอย่างรวดเร็วและ เปลี่ยนแปลงงานกับชีวิตได้ สมัยผมเรียนชั้นมัธยมปลาย ผมท�าคะแนนไม่ดีนัก จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดอยู่ 2 ปี แต่ทุกวันนี้วิธี “ลงมือ ท�ำก่อนแล้วค่อยหำควำมรู้เพิ่ม” ของผม ช่วยให้ทุกอย่าง เปลี่ยนไป คุณเองก็อย่าลืมน�าเทคนิคของผมไปปรับใช้ดูนะครับ คำนำงำวะ อำกิโนริ
  • 8. สารบัญ บทนํา 3 บทที่ 1 ชีวิต 99.9% กําหนดได้ 12 ด้วยการลงมือทํา 01 วิธีที่ได้ผลไวที่สุดคือ ลงมือท�าก่อน 14 02 มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 20 20 นาที 03 อ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้อะไร 24 04 เมื่อใช้ร่างกาย เราจะจ�าดีขึ้น 28 05 คนที่วางแผนก่อนจะเสียเวลาเปล่า 32 06 เลิกมองหาความสมบูรณ์แบบ 38 แค่พอใช้ได้ก็ลงมือเลย 07 คนคิดคูณสร้างผลลัพธ์ได้มากกว่า 42 เป็น 10 เท่า 08 เราจะเก่งขึ้นจาก “พูด เขียน” ไม่ใช่ “อ่าน ดู ฟัง” 46
  • 9. บทที่ 2 เทคนิคการลงมือทํา “พูด เขียน” 50 01 ทักษะการถ่ายทอดจะช่วยคุณหาเงิน 52 02 ส�ารวจสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้ให้ถึงที่สุด 60 03 ถ่ายทอดความรู้สึกเพื่อโน้มน้าวใจคน 66 04 สร้างความประทับใจ หรือโน้มน้าวใจคนด้วย 2W1H 72 05 ถ้าอยากพัฒนาทักษะ “พูด เขียน” ให้สอนคนอื่น 78 06 ถ่ายทอดให้อีกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมด้วย 84 07 เล่าตามล�าดับ ปัจจุบัน-อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต 90 08 เน้นปริมาณ 96 บทที่ 3 เทคนิคการลงมือทํา 102 “สร้างคอนเน็คชั่น” 01 ถ้าใช้คอนเน็คชั่นไม่เป็นก็ไม่มีความหมาย 104 02 จงท�าให้คนรอบข้างประสบความส�าเร็จ 110
  • 10. 03 ใช้โซเชียลมีเดียสร้างคอนเน็คชั่น 114 04 สร้างคอนเน็คชั่น = สร้างตัวเอง 120 05 การท�างานไม่ต้องการคอนเน็คชั่น 126 ที่เรียกว่า “เพื่อน” 06 ไปหาคนที่อยากเจอทันที 132 07 เพ้อฝันเรื่องอนาคตของตัวเอง 138 08 คนเก่งจะลงมือท�าทันที 144 09 ขยับแขนขยับขา อย่ามัวแต่กลุ้มใจ 150 10 คนชอบแก้ตัวไม่มีทางประสบความส�าเร็จ 154 บทที่ 4 เทคนิคการลงมือทํา “สร้างเงิน” 158 01 เงินได้มาจากการใช้ 160 02 เงินมีความรู้สึก 164 03 ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้สูงก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ง่าย 170 04 ใช้เงินกับคนชั้นหนึ่ง 174
  • 11. 05 ใช้เงินกับตลาดที่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย 180 06 ตั้งเป้าหมายแบ่งรายได้ 10% ไปลงทุน 186 07 ลองสัมผัสประสบการณ์หรู 190 08 ใช้เงินกับเวลา ประสบการณ์ และสุขภาพ 198 บทที่ 5 เทคนิคการลงมือทํา 204 “พัฒนารูปลักษณ์ภายนอก” 01 รูปลักษณ์ภายนอกมีอิทธิพลเยอะมาก 206 02 ยิ่งเป็นของแพง ยิ่งต้องใช้ในชีวิตประจ�าวัน 212 03 สั่งตัดทั้งสูทและเสื้อเชิ้ต 220 04 ดึงดูดใจคนอื่นด้วยการดูแลตัวเอง 228 05 กล้ามเป็นตัวพิสูจน์จิตใจที่เข้มแข็ง 234 ประวัติผู้เขียน 238
  • 15. 15- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา แค่อ่านหนังสือ ไม่รวมอยู่ในกฎ 10,000 ชั่วโมง คุณเคยได้ยิน “กฎ 10,000 ชั่วโมง” ไหมครับ กฎนี้บอกว่า ถ้าเราอยากก้าวไปเป็นคนเก่งที่สุดใน สาขาใดๆ เราต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 10,000 ชั่วโมง ตัวผมเองก็อยากจะเก่งให้ได้มากๆ ผมจึงใช้ 10,000 ชั่วโมง เป็นเกณฑ์อยู่เสมอ ดังนั้นเวลาผมท�าธุรกิจ สอบใบอนุญาตรับสอบบัญชี หรือเล่นกล้าม ผมจะมุ่งมั่นลงมือท�าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถ้าการก้าวไปเป็นคนเก่งที่สุดต้องใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง แล้วการเป็นคนเก่งล�าดับที่ 2 หรือ 3 ต้องใช้เวลาเท่า ไหร่? ผมขอยกตัวอย่างเป็น “การท�าบัญชี” ที่ผมเรียน เพื่อสอบใบอนุญาตรับสอบบัญชี ถ้าผมเรียนบัญชีประมาณ
  • 16. 16 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา 100 ชั่วโมง ผมจะสอบได้เทียบเท่ากับคนเก่งล�าดับที่ 3 ถ้าผมตั้งเป้าหมายจะสอบให้ได้เทียบเท่าคนเก่งล�าดับ ที่ 2 ผมจะต้องใช้เวลาเรียนรวมทั้งสิ้น 1,000 ชั่วโมง ในการท�างานก็เช่นกัน ถ้าเราใช้เวลาแค่ 100 ชั่วโมง เราจะเป็นได้แค่คนเก่งล�าดับ 3 เมื่อใช้เวลา 1,000 ชั่วโมง จะเป็นคนเก่งล�าดับ 2 และถ้าใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง จะเป็น คนเก่งที่สุด รายได้ต่อปีก็ขึ้นกับเวลาที่ใช้ รายได้ต่อปีของคนเก่ง ที่สุดอยู่ที่ 50 ล้านเยนถึง 100 ล้านเยน (15-30 ล้านบาท) ราย ได้ต่อปีของคนเก่งล�าดับ 2 อยู่ที่ 10 ล้านเยน (3 ล้านบาท) และรายได้ต่อปีของคนเก่งล�าดับ3อยู่ที่3ล้านเยน(9แสนบาท) นั่นแปลว่าคนเก่งล�าดับ 3 หาเงินได้แค่เดือนละ 2 แสนเยน (6 หมื่นบาท) ถ้าเราท�างานวันละ10ชั่วโมงในหนึ่งเดือนเราจะท�างาน ไป 300 ชั่วโมง และในหนึ่งปีเราจะท�างานไป 3,600 ชั่วโมง นั่นแปลว่าถ้าเราท�างานได้3ปีเรามีแววได้เป็น“คนเก่งที่สุด” ถึงตรงนี้คุณอาจคิดว่า “ถ้าแค่ 3 ปีก็ไม่เห็นยากเลย” แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า “ช่วงเวลา INPUT จะไม่รวม อยู่ใน 10,000 ชั่วโมงนี้” เวลา INPUT เพื่อก้าวเป็นคนเก่งที่สุด เช่น ไปสัมมนา
  • 17. 17- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา ฟังบรรยาย หรืออ่านหนังสือธุรกิจ ไม่นับรวมอยู่ใน 10,000 ชั่วโมง เพราะคุณจะเป็นคนเก่งที่สุดได้ก็ต่อเมื่อใช้เวลำ ลงมือท�ำหรือสร้ำง OUTPUT 10,000 ชั่วโมง วิธีที่ได้ผลไวที่สุดคือ ลงมือทําก่อน คุณไม่อาจท�างานเก่งได้ด้วยการขยันเข้าสัมมนาหรืออ่านหนังสือ INPUT เพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้ผลลัพธ์ของงานดี มันเป็น เพียงความคิดเพ้อฝัน ผมอยากให้คุณนึกถึงการท�าอาหารบางคนเวลาอยาก เริ่มหัดท�าอาหาร สิ่งแรกที่พวกเขาท�าก็คือ ไปซื้อต�าราหลาย เล่มมาอ่านผมเองก็เป็นแบบนั้นแต่ถ้าเราอ่านต�าราท�าอาหาร อย่างเดียว ชาตินี้เราก็ท�าอาหารไม่เป็นหรอกครับ ถ้าคุณอยากท�าอาหารเป็นจริงๆ แทนที่จะไปซื้อต�ารา คุณควรไปซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วซื้อหม้อกับวัตถุดิบ คุณจะท�า อาหารเป็นเร็วกว่า แล้วถ้าไม่เข้าใจขั้นตอนไหนค่อยหาข้อมูล เพิ่มเอาก็ได้
  • 18. 18 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา แม้คุณจะอ่านสูตรท�าแกงกะหรี่รสเลิศก็ใช่ว่าคุณจะท�า แกงกะหรี่เป็น ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณลองลงมือท�า (สร้าง OUTPUT ก่อน) คนญี่ปุ่นมีนิสัยเอาจริงเอาจัง เวลาจะท�าอะไรสักอย่าง คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า “ต้องเตรียมให้เต็มที่ตั้งแต่แรก” (สร้าง INPUT ก่อน) แต่ถ้าอยากจะประสบความส�าเร็จ เราต้อง คิดย้อนกลับ สร้ำง INPUT เท่ำที่จ�ำเป็น จะได้มีเวลำสร้ำง OUTPUT ได้ทันที ยิ่งคุณรีบลงมือเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ไวเท่านั้น จากนั้นคุณจะเริ่มมีความมั่นใจและรักงานนั้นๆเมื่อคุณรักงาน ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นตามไปด้วย
  • 19. 19- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา INPUT เพียงอย่างเดียว ไม่ช่วยให้ผลลัพธ์ของงานดี มันเป็ นเพียงความคิดเพ้อฝั น
  • 20. มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที 02 เมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่ง ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียว พักเดียวคุณก็ลืม อย่ามัวแต่เสียเวลาให้การลืม เริ่มลงมือทําจะได้จําได้
  • 21. 21- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา มนุษย์จําอะไรได้แค่ 20 นาที เฮอร์แมน เอบบิงเฮ้าส์ นักจิตวิทยาชาวเยอรมันบอกว่า ความจ�าของมนุษย์เป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้อย่างน่าใจหายเขาท�า การทดลองและได้ข้อสรุปว่าความจ�าของมนุษย์จะเลือนหาย ไปครึ่งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที Target 1900 เป็นหนังสือรวมค�าศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งนักเรียนที่ก�าลังเตรียมสอบต่างรู้จักดี หลายคนเคยใช้เวลา อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อท่องจ�าค�าศัพท์ในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าบอกให้คนวัยท�างานมาท�าโจทย์ 30 ข้อจาก หนังสือเล่มนี้ คุณคิดว่าจะมีคนตอบถูกทุกข้อสักกี่คน? ตราบใดที่คนวัยท�างานไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษระดับ คุยธุรกิจในชีวิตประจ�าวันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบถูกทุกข้อ ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้ด้วยข้อสรุปของเฮอร์แมน ก็ต้อง บอกว่าเมื่อเวลาผ่านไป 20 นาที มนุษย์จะลืมไปครึ่งหนึ่ง ถ้า ผ่านไปหนึ่งเดือน ความจ�าจะเหลือแค่ 20% ต่อให้เราขยัน
  • 22. 22 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา INPUT ด้วยการท่องจ�าทุกวันแค่ไหน อีกไม่นานก็ลืม ถ้าคุณอยากมีความรู้ติดตัวจริงๆ คุณไม่ควรเสียเวลา ไปกับการ INPUT เพราะมันไร้ค่า INPUT ไม่ก่อให้เกิดอะไร หรือเทียบได้กับ “ไม่ได้ท�าอะไรเลย” การศึกษาภาคบังคับ ไม่ก่อให้เกิดอะไรเลย การศึกษาภาคบังคับในประเทศญี่ปุ่นรวมไปถึงการเรียนมัธยม ปลายถือเป็น INPUT ที่ไม่ก่อให้เกิดอะไรเลย เราเรียนหนังสือทุกวันมาตลอด 12 ปี แต่ตอนนี้เรา ยังจ�าอะไรได้บ้าง? คนส่วนใหญ่แทบจะลืมเนื้อหาที่เรียนไปหมดแล้ว เช่นบุคคลส�าคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหรือประวัติศาสตร์โลก ปีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ สูตรคณิตศาสตร์ ฯลฯ ในทางกลับกัน เราดันจ�าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียน เช่น งานโรงเรียนและกิจกรรมชมรมได้มากกว่า ถ้าให้นึกย้อน กลับไปเราอาจจ�าได้ว่าเคยขี่จักรยานเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆที่เรา
  • 23. 23- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา จ�าได้ไม่ใช่เพราะมันสนุกแต่เพราะเราท�าตามความคิดตัวเอง INPUTอย่างเดียวมีแต่จะลืมแต่ถ้าเราสร้างOUTPUT เราจะจ�ามันได้ อย่าเสียเวลาและเงินทองไปกับ INPUT ที่ผ่านมาคนท�างานส่วนใหญ่มักทุ่มเทเวลาและเงินทองไป กับการหาความรู้ใส่ตัว เช่น เวลาอ่านหนังสือ เวลาเรียน เวลา ไปสัมมนา และเงินซื้อหนังสือ เราทุ่มเทเวลาและเงินทองมากมายเพื่อ INPUT เยอะมากแต่ถ้าเราใช้ทรัพยากรเหล่านี้ไปกับการสร้างOUTPUT เราคงได้เห็นผลลัพธ์ไปแล้ว การใช้เวลากับเรื่องที่อีก20นาทีก็ลืมเช่นอ่านหนังสือ อย่างเดียวหรือไปสัมมนาอย่างเดียวจึงไร้ประสิทธิภาพมาก เราจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อลงมือท�า ดังนั้นจงหยุด หาความรู้ใส่ตัวบ้างและเปลี่ยนมำให้ควำมส�ำคัญกับ “กำรลงมือท�ำ” หรือ OUTPUT เป็นอันดับแรก แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอนครับ
  • 24. อ่านหนังสืออย่างเดียว ไม่ได้อะไร 03 “อ่าน” “ดู” “ฟั ง” อย่างเดียวสุดท้ายจะลืม หลังจาก “อ่าน” “ดู” “ฟั ง” เราต้องสร้าง OUTPUT ต่อด้วย การอ่านหนังสือที่แท้จริงอยู่หลังจาก อ่านหนังสือจบแล้ว
  • 25. 25- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา อ่านหนังสือวันละเล่มดีไหม? บางคนอ่านหนังสือธุรกิจวันละเล่มดูภาพยนตร์ปีละ100เรื่อง ไปฟังสัมมนาทุกสัปดาห์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ “ลืม” การกระท�าเหล่านี้คือ INPUT ซึ่งผมเรียกการกระท�า ทั้งหมดนี้ว่า “ไร้ประโยชน์” พอผมเล่าเรื่องนี้ให้คนที่ชอบท�า แบบนั้นฟัง ผมจะโดนถามกลับทันทีว่า “แล้วไง?” เวลาเรา INPUT อะไรเข้าตัว เราจะเหมือนอยู่ในโลก จินตนาการ เราจะเข้าใจผิดว่าตัวเองก�าลังเรียนอยู่ ทั้งที่ไม่มี ความรู้ติดตัวเลย ต่อให้อ่านหรือฟังมากแค่ไหน สุดท้ายก็ลืม หมดเกลี้ยง สมมติว่ามีห้องชุดสวยๆ อยู่แห่งหนึ่ง แม้เราจะอ่าน ข้อความโฆษณาว่า“ขอแนะน�าห้องนี้”เราก็ยังไม่รู้สึกอยากได้ ต่อให้ดูรูปตกแต่งภายในเราก็ยังไม่ได้สนใจมากขนาดตัดสินใจ ซื้อ แต่เมื่อเราได้ไปดูของจริง เดินดูทั่วห้อง ตรวจสอบ สภาพแวดล้อมในอาคาร เปิดตู้เสื้อผ้าดู แล้วพิจารณา ความน่าอยู่ เราจะอยากได้ห้องนี้ขึ้นมา
  • 26. 26 คนชนะทําแล้วแก้ คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทํา เสื้อผ้าก็เช่นกัน แม้เราจะเจอเสื้อผ้าจากร้านออนไลน์ ที่ดู“น่าซื้อ”แต่ถ้ายังไม่ได้ลองใส่จริงๆลองเคลื่อนไหวร่างกาย ดูว่าใส่สบายไหม เราก็ยังไม่รู้ข้อดีของเสื้อผ้าชิ้นนั้น ปัจจัยที่กระตุ้นมนุษย์ให้เกิดความรู้สึกว่า “สิ่งนี้สวย” หรือ “อยากอยู่ห้องนี้” ก็คือ “กำรลงมือท�ำ” อ่านหนังสือเพื่อสร้าง OUTPUT เวลาอ่านหนังสือเราจะเหมือนอยู่ในโลกจินตนาการดังนั้นเรา ต้องรู้จักสร้าง OUTPUT ในโลกความจริงด้วย คนที่ตั้งใจอ่านหนังสือหนึ่งเล่มและตั้งใจสร้างOUTPUT จะได้รับความรู้ติดตัวมากกว่าคนที่อ่านหนังสือ 10 เล่มแล้ว ไม่ท�าอะไรเลย จากนี้ไปเวลาคุณอยากอ่านหนังสือสักเล่ม คุณควร สร้าง OUTPUT ด้วยการท�าอะไรสักอย่าง เช่น เขียนรีวิวใน เว็บไซต์อะเมซอน เขียนเรื่องย่อในไดอารี่ สรุปไอเดีย ท�าลิสต์ หัวข้อที่น่าสนใจ ฯลฯ เพียงเท่านี้ผลลัพธ์ของการอ่านหนังสือ จะเปลี่ยนไป
  • 27. 27- บท 1 - ชีวิต 99.9% กําหนดได้ด้วยการลงมือทํา ถ้าคุณแค่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงอ่านหนังสือหนึ่งเล่ม 1 ชั่วโมงนั้นอาจไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้าคุณแบ่งเวลา มาสร้าง OUTPUT สัก 5-10 นาที เวลานั้นจะถูกนับรวมอยู่ใน กฎ 10,000 ชั่วโมง น�าไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีตามมา ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเขาเป็นพนักงานขายที่เก่งมาก เขามีรายได้ต่อปี100ล้านเยน(30ล้านบาท)และท�ายอดขาย แซงหน้าพนักงานอีกกว่า 5,000 คนได้เสมอ เพื่อนผมคนนี้แทบไม่อ่านหนังสือเลย เขาแค่ดูชื่อ หนังสือที่ก�าลังเป็นกระแสเท่านั้นแล้วท�าไมเขาถึงท�างานเก่ง? ค�าตอบก็คือ เขาออกไปพบปะผู้คนในโลกความจริง เช่น ไปดื่มสังสรรค์ ไปตีกอล์ฟ ไปงานปาร์ตี้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือ “กำรลงมือท�ำหรือสร้ำง OUTPUT” การอ่านหนังสือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพื่อสร้างOUTPUT ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาว่างพอที่จะทุ่มเทหาความรู้ใส่ตัว ลองเปลี่ยนเป็นเอาเวลาไป “ลงมือท�า” จะได้ผลไวที่สุดครับ