Goal

1. Make it your own way

2. A reminder that dreams are meant to be lived

3. เราเคยตั้งคาถามกับตัวเองไหมว่า เรามีชีวิตอยู่ไปทาไม ? อะไรคือ สิ่งที่เราต้องการมันจริงๆ ? ความสุข,ความร่ารวย,ชื่อเสียง การเป็นที่รู้จักและยอมรับในสังคม, การมีเวลาอยู่กับคนที่เรารัก ฯลฯ น้องเคยถามตัวเองจริงๆจังๆ ไหม ?

4. ‘’ แล้วทาไมต้องไปคิด ให้ปวดหัวด้วยละครับพี่ ?’’ ‘’ ก็เพื่อที่ว่าในอนาคต เมื่อน้องโตเป็นผู้ใหญ่ น้องจะได้ไม่ต้องเจอปัญหา เหมือนที่คนส่วนใหญ่ กาลังเจออยู่นะสิ..‘’

5. ถ้าน้องไม่อยากเจอปัญหาเหล่านั้น น้องต้องรู้จัก การออกแบบ และวางแผนชีวิต ของน้องเอง ตั้งแต่ตอนนี้ ! …. เวลาคนเค้าจะสร้างตึกที่ใหญ่โต เค้าต้องใช้เวลาออกแบบ ทาพิมพ์เขียว วางแผน การสร้าง นานนับปี ก่อนจะลงมือ แล้วชีวิตเราทั้งชีวิต จะไม่คิดสัก หน่อย เลยเหรอครับ ?

6. น้องอยาก ออกแบบชีวิตตัวเอง ในแต่ละมิติ ให้เป็นแบบไหนล่ะ ?

7. หากน้องคนไหน ยังไม่รู้จะออกแบบ หรือวางแผนชีวิตยังไง ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ช่วยเอง ! สิ่งที่ต้องเตรียมคือ กระดาษ ,ปากกา และหัวใจ !

8. หาที่เงียบๆ นั่งหลับตาให้ จิตใจผ่อนคลาย พอหายฟุ้งซ่านแล้ว ให้ถามตัวเองว่า ชีวิตนี้เราต้องการอะไร เราอยากเป็นแบบใคร ? แล้วจดคาตอบ ลงในกระดาษ เช่น อยากทา.... อยากได้... อยากมี.... อยากเป็นแบบ..... ฯลฯ

9. “ใช้สมองเป็นหางเสือ ใช้หัวใจนาทาง” วินทร์ เลียววาริณ
เคล็ดวิธีค้นหาตัวเอง ว่าชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร ? 1.ลองเขียนไดอารี่ทุกวันดู อย่างน้อยซัก 1 เดือน บันทึกความสุข และสิ่งที่ทาแล้วเป็นทุกข์ เป็นข้อๆ อย่างน้อย 3 ข้อ จะเขียนในสมุด หรือบันทึกในคอมก็ได้ หรือเขียนออนไลน์ไว้ใน Blogger.com หรือถ้าชอบเล่น FB บ่อยๆ ก็สร้าง FB page ส่วนตัวขึ้นมาเพื่อเขียนในนั้นก็ได้ 2.ถ้าชอบดูหนัง ก็เปลี่ยนแนวดูหลายๆ ประเภท 3.อ่านหนังสือให้มาก ช่วยได้แน่นอน อ่านไปหลายๆแนว ยิ่งดี
4.ลองทากิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทาหรือที่ไม่เคยคิดจะทาดู (มันเป็นไปไม่ได้ ที่น้องจะรู้ว่าน้องชอบการดาน้ามากแค่ไหน โดยที่ไม่เคยลองทามันดูเลย จริงไหม) 5.พยายามออกไปพบ พูดคุยกับผู้คนหลายๆแบบ ที่มีแบ๊คกราวต่างไปจากเรา ลองแลกเปลี่ยนความคิด ฟังมุมมองของเขาเหล่านั้น อย่างเปิดใจ (แนะนาว่าให้คุยกับคนสูงวัยหน่อย หรือดูมีประสบการณ์ เจนจัด ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมามาก) 6.ออกเดินทาง ไปสถานที่ใหม่ๆ ไปลองทากิจกรรมใหม่ๆ ไปเจอผู้คนกลุ่มใหม่ๆ พาตัวเองไปสู่ Survival mode และช่วยทาลาย Comfort zone ที่ปิดบังความเป็นตัวตนของคุณเอาไว้ และการเดินทางแต่ละครั้ง มันจะทาให้คุณเติบโตขึ้น ข้อนี้สาคัญมาก ! 7.ฝึกนั่งสมาธิ ให้ใจหายฟุ้งซ่าน แล้วคุยกับตัวเองบ่อยๆ จะทาให้เห็นตัวเองชัดขึ้นจากภายใน

10. ต่อมาให้ทา Dream List ให้แบ่งเป้าหมายออก ตามขนาดของ ความยาก และ เวลา เช่น 1.เป้าหมายเล็ก size S เวลาที่ต้องการไปถึงไม่เกิน 1 ปีข้างหน้า 2.เป้าหมายขนาดกลาง size M เวลาที่ต้องการไปถึงไม่เกิน 5-10 ปีข้างหน้า 3. เป้าหมายขนาดใหญ่ size XL เวลาที่ต้องการไปถึง ไม่เกิน 10-30 ปีข้างหน้า

11. My Dream List
เมื่อเขียนมันลงไปแล้ว ก็หมายความว่าน้องได้เปลี่ยนความฝัน ความเชื่อ ให้กลายเป็นความจริง ที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา ในจักรวาลนี้แล้ว แม้ว่าตอนนี้มันจะอยู่แค่ในรูปของ ‘ตัวอักษร’ ที่เหลือจากนี้ น้องต้องทาให้มันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
X
M
L
1.
1.
1.
2.
2.
2.
3.
3.
3.
เขียนแค่ ช่องละ 3 ข้อพอ เพื่อที่จะได้
โฟกัสในเป้าหมายที่น้องต้องการจริงๆ
อย่าลืมว่า ทรัพยากรที่เรามีจากัดคือ เวลา

12. 8 เทคนิค ที่จะดึงเอาสิ่งที่น้อง ต้องการมันจริงๆ ออกมา
น้องบางคนอาจจะยังนึกไม่ออก ไม่เป็นไรพี่มีตัวช่วย จัดไป !

13. เทคนิคที่ 1. ฝันให้ใหญ่ ความฝัน มันจะเป็นอะไรก็ได้ ที่น้อง ‘ต้องการมันจากข้างใน’ ไม่ใช่เพราะคนอื่นบอก หรืออยากให้เป็น ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็น ความฝันโง่ๆ ในสายตา คนอื่นก็ตาม อย่าใส่ใจ ลองดูตัวอย่างของ ‘ลุงโง่ผู้ย้ายภูเขา’

14. เก๋ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล คนจังหวัดนครสวรรค์ พ่อเป็นกรรมกร แม่ขายลูกชิ้นปิ้ง ผู้หญิงที่หนัก 53 กก. แต่ยกของหนักได้ 126 กก. ! นักกีฬายกน้าหนักทีมชาติไทย เล่นยกน้าหนักครั้งแรก ในปี 2537 ตอนอายุ 11 ปี ได้เหรียญทอง โอลิมปิค ปี 2551 ที่กรุงปักกิ่ง ตอนเธออายุ 24 ปี มีเงิน 50 กว่าล้าน !
แทรกเรื่อง ประวัติการสู้ชีวิตและความฝัน ของเด็กหญิงบ้านนอก ฝึกยกน้าหนักเพิ่มวันละ 1 กก.

16. Wisoot Sangarunlert
เทคนิคการเลือกเป้าหมายใหญ่ๆ คือหาเป้าหมายที่ ไม่ยากจนไกลเกินเอื้อม แต่ก็ไม่ง่ายจนขนาดที่ว่า หยิบเอาได้ง่ายๆ คือพอดีๆ แบบต้องออกแรงเขย่งเอา

18. จง Aggressive ที่วิธีคิด แต่ Conservative ที่วิธีการ คิดให้ใหญ่ แต่ให้รอบคอบ ในขั้นตอนการลงมือทา

19. เทคนิคที่ 2. ตั้งเป้าให้เร้าใจ เปลี่ยนปมด้อย ให้เป็นพลัง หาเป้าหมายนั้นน้องต้องการมันจริงๆ จากข้างใน จะสังเกตง่ายๆ เลยคือ 1.มันมีพลังมากพอ ที่จะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ของน้องได้ 2.ทาให้น้องมีแรงจูงใจมากพอที่จะ อยากพัฒนาตัวเอง ในทุกๆด้าน เพื่อให้ได้มา และเพื่อคู่ควรกับมัน
แทรกเรื่อง โดนสาวทิ้ง

20. ตัวอย่างของโนบิตะ เปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นคนละคน เพื่ออยากจะซ่อมโดราเอม่อน T_T

21. Brian Tracy
แท้จริงแล้ว คนส่วนใหญ่มิได้เกียจคร้าน เพียงแต่เขาเหล่านั้น ขาดซึ่งเป้าหมาย หรือหากมี ก็เป็นเพียงเป้าหมาย ที่ไร้เรี่ยวแรง ขาดซึ่งพลัง !

22. *NOTE ทาไม นิสัย จึงสาคัญ จาไว้นะครับน้อง จากประสบการณ์พี่ ความรู้ในโลก หากมุ่งมั่นอย่างจริงจัง และให้เวลากับมันมากพอ มันเรียนตามทันกันหมดแหละครับ แต่สิ่งที่แยก ระหว่างคนธรรมดา กับ คนที่ประสบความสาเร็จ คือ อุปนิสัยครับ เพราะการ เอาชนะตนเองมันยากมาก จริงไหมครับ นิสัยแย่ๆ เป็นอะไรที่แก้ยากมาก นิสัยดีๆ ก็เป็นอะไรที่รักษาไว้ไม่ง่ายเลย แล้ว นิสัย ที่จาเป็นต่อความสาเร็จ หรือที่พี่เรียกว่า ‘วัตถุดิบของความฝัน’ ที่น้องต้องสร้าง มีอะไรบ้างละ ?

23. เป้าหมายที่ทรงพลังจะ ปกป้องน้อง จากกับดัก ของวัยรุ่น วัยอิสระ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อสาคัญของชีวิต
แทรกเรื่อง น้อง ม.3 ท้องในวัยเรียน

24. และเป้าหมาย ที่ทรงพลัง จะเป็นเหมือน ‘เทวดาประจาตัว’ ที่คอยปกปักรักษา ไม่ให้เราออกนอกเส้นทาง คอยเตือนเรา เมื่อเราหลง เดินไปในทางที่ผิด
แทรกเรื่อง ติดหนังซีรี่ย์ฝรั่ง และการฝึกเลิกการเสพติด

25. นิสัยเป็นอะไรที่แปลก ถ้าดึงมันมาได้ตัวเดียว เดี๋ยว...เพื่อนๆมันจะ ตามมาเป็นฝูง ไม่ว่าจะเป็นด้านบวก หรือด้านลบ
แทรกเรื่อง นิสัยใฝ่รู้ที่เกิดตามมา

26. เทคนิคที่ 3. ลองจินตนาการว่าตอนนี้ น้องเป็นคนแก่อายุ 80 ปี และกาลังจะตาย ในห้วงความคิด คนแก่ กาลังนั่งทบทวนถึงอดีต ที่ผ่านมา ของตัวเอง อยู่ๆน้าตาก็ค่อยๆไหลออกมา เมื่อพบว่ามีหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่ไม่ได้ลงมือทา ให้เสร็จ บางสิ่งที่ อยากจะทามาก แต่ก็พลัด ไปเรื่อยๆ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีเวลา มาถึงตอนนี้คนแก่คนนั้น เฝ้าอธิฐานกับพระเจ้าว่า อยากย้อน เวลากลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ก็ยอม

27. เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครประดิษฐ์ เครื่อง Time machine ได้สาเร็จ แต่เรื่องที่น่าดีใจคือ น้องในตอนนี้ ยังไม่ใช่คนแก่ ในอนาคต คนนั้น อะไรบ้างล่ะ ? ที่น้องจะเสียใจมาก ที่ไม่ได้ลงมือทามัน !

28. คนที่ใช้ชีวิต อย่างไร้จุดหมาย สุดท้าย เค้าจะตายไปอย่าง ที่ไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง !

29. เทคนิคที่ 4. เป้าหมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และส่วนรวม จะมีพลังมากกว่า เพราะเราจะมีความรับผิดชอบ ต่อมัน ไม่ทิ้งความฝันนั้นไปง่ายๆ และที่สาคัญ การทาเพื่อผู้อื่น สุดท้าย ผลมันจะสะท้อน มาหาเราเอง !

30. เทคนิคที่ 4.1 ประกาศให้โลกรู้ บอกกับใครก็ได้ เพื่อน แฟน ครอบครัว ฯลฯ เพื่อเป็นการยืนยัน เป้าหมายของน้อง ว่าเอาจริงกับมันไหม ถ้าแค่พูดยังไม่กล้า..ก็คิดเอาเองนะ ว่า มันจะเป็นจริงได้ไหม ? อีกอย่างเวลาเราบอกให้โลกรู้ มันจะเป็นเหมือนหน้าที่ ที่เราต้องแบกรับ ทาทิ้งๆ คว้างๆไม่ได้ ต้องทาให้สาเร็จ ไม่งั้นจะโดน ดูถูกเอาว่า เป็นคนไม่จริง !

31. แต่ต้องระวัง คนประเภท ‘นักฆ่าความฝัน’ ด้วย

32. เทคนิคที่ 5. สาเร็จ 2 ครั้ง - ครั้งแรก เป็นภาพที่เราเห็นในหัวเรา - ครั้งที่สอง เป็นภาพที่เราเห็นด้วยตาภายนอก อย่าแรกเลยน้องต้องเห็นภาพ ความสาเร็จนั้น มันอยู่ในหัวเรา เรียบร้อยแล้ว ยิ่งเห็นมันชัด เท่าไหร่ยิ่งดี หากยังไม่เห็น ก็สร้างมันขึ้นมาครับน้อง

33. เทคนิคที่ 6. เมื่อมีความฝัน จงศรัทธาในมัน ! อย่าให้มีความคิดแม้สักนิด มาสั่นคลอน ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความศรัทธา ต่างกับความเชื่อ ถ้าพี่ถามน้องว่า ผีมีจริงไหม ? คนที่ไม่เคยเห็น ก็จะอาจะตอบว่า ไม่มีหรอกพี่ / อาจมีมั้ง /ไม่รู้ดิ ส่วนคนที่เคยเห็น เค้าจะตอบ อย่างมั่นใจว่า ‘’มีดิพี่ ก็เห็นมากับตาอ่ะ ! ‘’

34. Thomas edison
ขนาดของความฝัน แปรผันตรง กับความเชื่อมั่นในตนเอง
แทรกเรื่อง เด็กออทิสติก ฝึกตบมือ

35. มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่น ตรงที่สามารถเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองได้ ฝึกได้ !

36. *Note เคล็ดลับ วิธีสร้าง ความเชื่อมั่นในตนเอง เริ่มจากการลงมือทาสิ่งเล็กๆ ที่น้องตั้งเป้าหมาย ไว้ในแต่ละวัน ก่อนนอน 5 ข้อ ที่พี่ได้สอนไปแล้ว เขียนมันลงในกระดาษ เป้าหมายนั้นไม่ควรง่ายเกินไป หรือยากเกินไป ให้พอดีกับคาว่า ‘ ท้าทาย ’ อันไหนที่น้องทาสาเร็จ ก็จัดการ ขีดฆ่ามันซะ พอทาไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง น้องจะพบว่า ความเชื่อมั่นในตัวเอง จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แทบจะเป็นคนละคน !

37. Tip : วิธีสู้บอสใหญ่ โดยเริ่มฝึกฝน กับเรื่องเล็กๆ ก่อน 1. ตั้งเป้าหมายทุกวัน 2.โม้ทุกวัน 3.ทาให้สาเร็จทุกวัน 4. ตั้งเป้าหมายให้ ใหญ่ขึ้นทุกวัน และเมื่อถึงจุดหนึ่ง น้องจะอัศจรรย์ใจ ว่าตัวเองมีความกล้า ความมั่นใจขึ้นมาก และเมื่อทาไปนาน ถึงจุดหนึ่ง น้องจะรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ที่สุดในโลก ไม่มีอะไรที่น้องทาไม่ได้ !
ทาเป็น Death note เลย หึๆ

38. ตัดคาว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ออกไปจาก ‘พจนานุกรมชีวิต’ ของน้องซะ จงเชื่อว่า เราสามารถ ทาได้ทุกสิ่ง ถ้าเรามุ่งมัน และอุทิศเวลา ให้กับมันมากพอ แม้บางสิ่ง บางอย่าง เราอาจจะต้อง ‘บูชายันต์ตัวเอง’ ก็ตาม เวลาน้องรู้สึกว่าเป้าหมายของน้อง มันไกลเกินเอื้อม นาทีนั้น ให้น้องถามตัวเองว่า มันเป็นไปไม่ได้ ? เราทาไม่ได้ ? หรือ เราไม่ไดทาให้เต็มที่ ?
‘ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทา‘ บางสิ่งที่มันดูยาก เพราะเราเอาแต่คิด ยิ่งคิด ก็ยิ่งไม่อยากทา ไม่กล้า ลงมือทาซักที กลัวนู่น กลัวนี่ กลัวทาแล้วไม่สาเร็จ ‘ จริงๆแล้ว โลกนี้ มันไม่มีอะไรยาก ถ้าเราอยาก ที่จะทามันมากพอ ‘

39. ศักยภาพของคนเรา มีมากมายมหาศาล เพียงแต่รอการนาขึ้นมาใช้ เปรียบเหมือนภูเขาน้าแข็ง ที่ความยิ่งใหญ่ จมอยู่ใต้ผิวน้า

40. เทคนิคที่ 7. วิธีเช็คว่าเป้าหมายของเรา มันทรงพลัง และออกมาจากใจ เราจริงๆไหม วัดโดย ถ้ามันทรงพลังมากพอ ขนาดที่สามารถ เปลี่ยนนาฬิกาชีวิต ของน้องได้ นั่นแหละ ใช่เลย ! - นาฬิกาของคนปกติคือ นาฬิกาข้อมือ - นาฬิกา ของคนมีเป้าหมาย คือ นาฬิกาทราย

41. เทคนิคที่ 8. การตั้งเป้าแบบ SMART

42. สมมุติว่า เจอเป้าหมาย ที่ต้องการแล้ว ทาไงต่อ อ่ะครับพี่ ? ก็เผาสะพานทิ้งครับ ! ชีวิตแบบเดิมไม่เอาแล้ว ต้องการชีวิตใหม่

44. เป้าหมาย สลักไว้บนหินผา วิธีการ เขียนไว้บนผืนทราย

45. ต้องโฟกัส ห้ามลืมเป้าหมาย และมีวินัยที่จะ ทบทวนเป้าหมาย ทุกๆวัน ว่าวันนี้เรา เข้าใกล้ความฝัน มากขึ้นกี่ก้าว !

47. *Note - เครื่องปรุง ความฝัน ความฝันทุกชนิดต้องการ เครื่องปรุงหลักๆ แค่ 3 อย่าง คือ 1.เงิน 2.เวลา 3.สุขภาพ แต่ที่น่าตลกคือ ธรรมชาติ มักจะให้เรามาทีละอย่าง 2 อย่าง ยากมากที่แต่ละคนจะหามาได้ ทั้ง 3 อย่างพร้อมกัน ในทุกช่วงวัย แต่ถ้าใครทาได้ ก็ไม่มีความฝันไหน ที่ไกลเกินเอื้อมครับน้อง !
วัยเด็ก = เรามีสุขภาพที่แข็งแรง และเวลาที่มากมาย แต่ขาดเงิน
วัยทางาน = เราเริ่มหาเงินได้เอง แต่ต้องแลกมากับเวลา และสุขภาพที่เสียไป วันเกษียณ = เรามีเงิน มีเวลา เพราะไม่ต้องทางานแล้ว แต่อนิจจา สังขาร มันร่วงโรย ไฟที่จะวิ่งไล่ตามความฝัน มันดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...

48. To be continuous…
นอกจากความฝัน จะต้องการ ’วัตถุดิบหายาก’ หลายๆอย่าง แต่การจะทาความฝันให้เป็นจริง ยังต้องการ ‘เครื่องปรุงความฝัน’ อีก 3 ชนิด ซึ่งก็หายากพอๆกัน T_T แต่ไม่เป็นไร พี่มีวิธี ^_^ แล้วจะหาได้ยังไง หาจากที่ไหน ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ