More Related Content
Similar to โครงร่างงานคอม
Similar to โครงร่างงานคอม (20)
โครงร่างงานคอม
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน การศึกษาสารที่มีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระในน้้าผึ้ง
ชื่อผู้ท้าโครงงาน
นางสาว ชฎาณัฐ นวลละออ เลขที่ 24 ชั้น ม.6 ห้อง 9
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาด้าเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดท้าข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1นางสาว ชฎาณัฐ นวลลออ ม.6/9 เลขที่ 24
ค้าชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
การศึกษาสารที่มีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระในน้้าผึ้ง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Study of Effective Antioxidant Substances in Honey
ประเภทโครงงาน การศึกษา
ชื่อผู้ท้าโครงงาน นางสาว ชฎาณัฐ นวลละออ ม.6/9 เลขที่ 24
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาด้าเนินงาน
ที่มาและความส้าคัญของโครงงาน
เนื่องจากในการด้ารงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันจะต้องทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษและของเสียต่างๆ เช่น
อนุภาคมลสาร Sulfer dioxide, Nitrogen oxides ภายในอากาศมากมาย มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาส้าคัญปัญหา
หนึ่งที่เกิดขึ้นในเขตเมือง ด้วยเหตุที่ว่ามลพิษทางอากาศก่อให้เกิดผลกระทบด้ายสุขภาพอนามัย ตลอดจนผลกระทบ
ต่อสุขภาพที่เกี่ยวกับระบบหายใจ ระบบหัวใจและปอด ซึ่งโดยธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถขับของเสียในรูปต่างๆนี้
ออกมาได้หมดจึ้งเกิดเป็นสารตกค้างในร่างกาย อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท้าให้มนุษย์ในปัจจุบันมีสุขภาพร่างกายที่ไม่
แข็งแรง อ่อนแอและภูมิคุ้มกันโรคต่างๆน้อยลง ดังนั้นการได้รับสารอาหารที่หลากหลายเป็นสิ่งจ้าเป็นส้าหรับสุขภาพ
ที่ดีและภูมิคุ้มกันที่ดีของมนุษย์ เช่น คาโรทีนอยด์ (แหล่งก้าเนิดของวิตามิน เอ) วิตามิน ซี วิตามิน อีและแร่ธาตุต่างๆ
ช่วยท้าให้มีสุขภาพที่ดี สารดังกล่าวคือสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารอาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากใน
ขบวนการปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในร่างกายจะมีการขับของเสียที่ร่างกายได้รับ ได้แก่ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสี
UVเอ็กซ์เรย์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นอนุมูลอิสระที่เชื่อว่ามีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกายที่อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง
โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบและการเสื่อมของอวัยวะต่างๆอนุมูลอิสระจะท้าลายเนื้อเยื่อเซลล์ในระยะนั้นและเกิดเป็น
ความแก่ของเซลล์ในระยะยาว แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระจะไม่สามารถแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นได้แต่ชะลอให้
ความเสียหายเกิดช้าลงได้โดยเฉพาะโรคเรื้อรังซึ่งเป็นผลลัพธ์สะสมที่เกิดจากเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายถูกท้า
อันตรายเสียหาย ดั้งนั้น บุคคลทุกเพศทุกวัยจึงควรได้รับสารต้านอนุมูลอิสระให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ละวัน
เพื่อให้เกิดความสมดุลในร่างกาย จากผลงานวิจัยของอัลมานารี (Al-Manary) ที่ได้ท้าการวิจัยเรื่องสารต้านอนุมูล
อิสระในน้้าผึ้ง โดยได้กล่าวถึงน้้าผึ้งว่า กรดฟีโนลิกและฟลาโวนอยด์ในน้้าผึ้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีคุณสมบัติ
ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว จากผลการวิจัยข้างต้นข้าพเจ้าเห็นถึงประโยชน์และความส้าคัญของน้้าผึ้งจึงเลือกใช้
น้้าผึ้งในการท้าโครงงานครั้งนี้
- 3. 3
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาสารในน้้าผึ้งที่มีประสิทธิภาพในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
2.เพื่อศึกษาประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระในน้้าผึ้ง
ขอบเขตโครงงาน
ศึกษาเพื่อหาสารต้านอนุมูลอิสระในน้้าผึ้งว่ามีจริงหรือไม่
หลักการและทฤษฎี
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) หมายถึงสารที่ช่วยต่อต้านหรือก้าจัดอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่
เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาออกซิเดชันภายในร่างกาย ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวสามารถพบได้จากหลากหลายรูปแบบตาม
ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนออกซิเดชั่นที่ท้าให้เหล็กกลายเป็นสนิม น้้ามันพืชที่มีกลิ่นเหม็นหืน ผลแอปเปิล
เปลี่ยนเป็นสีน้้าตาลคล้้า
แต่หากเป็นในร่างกายเราจะพบได้จากการย่อยสลายโปรตีนและไขมัน ซึ่งมาจากอาหารที่เรารับประทานเข้า
ไป การรับเอามลพิษทางอาการ ควันบุหรี่ เชื้อโรค ฝุ่นละออง การรับเอารังสียูวีจากแสงแดด หรือแม้กระทั่งการ
หายใจก็ท้าให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ กลายเป็นสารอนุมูลอิสระล่องลอยอยู่ภายในร่างกายและสร้างความเสียหาย
ให้กับเซลล์ต่างๆ กลายเป็นอาการเจ็บป่วยและโรคภัยที่เราเผชิญกันอยู่ทุกวันนี้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด โรค
ตับแข็ง และโรคเบาหวาน เป็นต้น
การวิเคราะห์ความสามารถในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
DPPH assay เป็นวิธีการวิเคราะห์ความสามารถในการเป็นสารต้านออกซิเดชัน (antioxidant) ซึ่งใช้
reagent คือ 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazylเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว ง่ายต่อการวิเคราะห์ ให้ความถูกต้องและ
แม่นย้าสูง
หลักการ
DPPH เป็น stable radical ในตัวท้าละลายเมทานอล (methanol) สารละลายนี้มีสีม่วง ซึ่งดูดกลืนแสงได้ดีที่ความ
ยาวคลื่น 515-517 นาโนเมตร (nm)
โดย DPPH● จะเกิดปฏิกิริยากับ antioxidant (AH) หรือกับ radical species (R●)
DPPH● + AH-------------DPPH-H + A●
DPPH● + R●-------------- DPPH-R
วิธีการ
เมื่อ DPPH● ท้าปฏิกิริยากับสารท่ีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สีของสารละลายสีม่วงจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดย
เปรียบเทียบกับสารต้านอนุมูอิสระที่ใช้เป็นมาตรฐานคือ BHTถ้าตัวอย่างมีความสามารถในการต้านออกซิเดชันได้สูง
ความเข้มของสารละลายสีม่วงจะลดลง ซึ่งจะรายงานผลการทดลองเป็นค่า
เตรียมสารละลายมาตรฐาน BHT
เป็นสารมาตรฐานที่แสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ใช้ความเข้มข้น 100, 75, 50, 25, 12.5, 6.25, 3.125 และ 1.562
μg/ml ใน absolute ethanol
วัดค่าการดูดกลืนแสงยูวี ที่ความยาวคลื่น 515 nm ด้วยเครื่อง UV-VIS spectrophotometer เพื่อหาความเข้มข้น
ของสารละลายตัวอย่าง เปรียบเทียบกับกราฟมาตรฐาน
- 4. 4
การแสดงผล
การศึกษาความสามารถในการต้านออกซิเดชัน ในสารตัวอย่างนิยมรายงานเป็นค่า 50% effective
concentration (EC50) ซึ่งหมายถึงปริมาณสารต้านออกซิเดชันที่ท้าให้ความเข้มข้นของ DPPH● ลดลง 50%
โดยสร้างกราฟระหว่างความเข้มข้นของสารตัวอย่างกับค่าการดูดกลืนแสง แล้วหาค่า EC50 จากกราฟแสดงค่าความ
เข้มข้นของสารตัวอย่างที่สามารถท้าให้ความเข้มข้นของ DPPH ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วใช้ค่า EC50 ในการ
เปรียบเทียบความสามารถของสารต้านอนุมูลอิสระระหว่างตัวอย่างที่ทดสอบกับสารมาตรฐาน BHT ค้านวณ %
Radical Scavenging (เปอร์เซ็นต์การออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ)
%Radical Scavenging = [ (AB - AA) / AB] x100
เมื่อ AA = ค่าการดูดกลืนแสงที่วัดได้ของสารตัวอย่างผสมกับ DPPH
AB = ค่าการดูดกลืนแสงที่วัดได้ของสารละลาย DPPH
วิธีด้าเนินงาน
แนวทางการด้าเนินงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
งบประมาณ
- 5. 5
ขั้นตอนและแผนด้าเนินงาน
ล้าดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดท้าโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การท้าเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 น้าเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการท้าโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
สถานที่ด้าเนินการ
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่น้ามาใช้การท้าโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________