More Related Content
Similar to ใบงานที่ 5 โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ไข้เลือดออก
Similar to ใบงานที่ 5 โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ไข้เลือดออก (20)
ใบงานที่ 5 โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ไข้เลือดออก
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน โรคไข้เลือดออก
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวปิญชาน์ฎา เสนาพงษ์ เลขที่ 20 ชั้น ม.6 ห้อง 10
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 5. 5
คนอายุ 10-14 ปี รองลงมาคืออายุ 15-24ปี และอายุ 5-9 ปี ตามลาดับส่วนช่วงอายุ0-4ปี และมากกว่า
25 ปี จนถึง65ปี เป็นช่วงอายุที่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจานวนน้อยที่สุด
3.อาการ
อาการของโรคนี้คล้ายคลึงกับโรคไข้หวัดกล่าวคือมีอาการไข้อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
แต่แตกต่างกันที่ ไข้จะสูงกว่ามากโดยอาจมีไข้สูงกว่า40องศาเซลเซียสผู้ป่วยจะมีหน้าแดง
และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อค่อนข้างมากกว่าหากทาการทดสอบโดยการรัดต้นแขนด้วยสายรัด
(Touniquettest) จะพบจุดเลือดออกผู้ป่วยอาจมีเลือดออกผิดปกติ เช่นเลือดกาเดาไหล
เลือดออกตามไรฟัน หรืออาการเลือดออกผิดปกติอื่นๆ และในบางรายที่มีอาการรุนแรงมากๆ
อาจพบอาการซึมเหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็วปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา
ปัสสาวะลดลงอาจถึงกับช็อกและเสียชีวิตได้โดยอาการนาของภาวะช็อกมักเริ่มจากการมีไข้ลดลง
ดังนั้นหากพบว่าผู้ป่วยเริ่มมีไข้ลดลงตามด้วยอาการดังที่กล่าวมา
ควรรีบแจ้งแพทย์หรือนาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
ในเด็กที่ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมักพบว่ามีอาการในระยะเริ่มต้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งหากผู้ปกครองละเลยการพาผู้ป่วยไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล
ก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยเด็กจะเสียชีวิตเนื่องจากการรักษาที่ล่าช้าได้
ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรสงสัยไว้ก่อนว่าบุตรหลานที่มีอาการไข้สูงในฤดูฝนอาจเป็นโรคไข้เลือดออก
และควรรีบพาบุตรหลานไปรับการรักษา
4.การรักษา
เนื่องจากยังไม่มีการพัฒนายาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่การรักษาโรคนี้จึงเป็นการรักษาตามอาการเป็นสาคัญ
กล่าวคือมีการใช้ยาลดไข้เช็ดตัวและการป้องกันภาวะช็อก
ยาลดไข้ที่ใช้มีเพียงชนิดเดียวคือยาพาราเซตามอล (paracetamol) ขนาดยาที่ใช้ในผู้ใหญ่คือ
พาราเซตามอลชนิดเม็ดละ500มิลลิกรัมรับประทานครั้งละ1-2เม็ดทุก4-6 ชั่วโมง
- 6. 6
โดยไม่ควรรับประทานเกินวันละ8เม็ด(4 กรัม) ส่วนขนาดยาที่ใช้ในเด็กคือพาราเซตามอลชนิดน้า
10-15 มิลลิกรัมต่อน้าหนักตัว1กิโลกรัมต่อครั้งทุก4-6ชั่วโมงโดยไม่ควรรับประทานเกินวันละ5
ครั้งหรือ 2.6 กรัม ยาพาราเซตามอลนี้เป็นยารับประทานตามอาการดังนั้น
หากไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ทันที
ผลิตภัณฑ์พาราเซตามอลชนิดน้าสาหรับเด็กมีจาหน่ายในหลายความแรงได้แก่120มิลลิกรัมต่อ
1ช้อนชา (1 ช้อนชา เท่ากับ5มิลลิลิตร),250 มิลลิกรัมต่อ1 ช้อนชา,และ60 มิลลิกรัมต่อ0.6 มิลลิลิตร
ส่วนใหญ่เป็นยาน้าเชื่อมที่ต้องรินใส่ช้อนเพื่อป้อนเด็ก ในกรณีทารก
การป้อนยาทาได้ค่อนข้างยากจึงมีผลิตภัณฑ์ยาที่ทาจาหน่ายโดยบรรจุในขวดพร้อมหลอดหยด
เวลาใช้ก็เพียงแต่ใช้หลอดหยดดูดยาออกจากขวดและนาไปป้อนเด็กได้เลย
ด้วยเหตุที่ผลิตภัณฑ์พาราเซตามอลชนิดน้าสาหรับเด็กมีหลายความแรงจึงควรอ่านฉลากและวิธีใช้ให้ดี
ก่อนนาไปป้อนเด็กกล่าวคือหากเด็กหนัก10กิโลกรัมและมียาน้าความแรง120มิลลิกรัมต่อ1
ช้อนชา ก็ควรป้อนยาเด็กครั้งละ1ช้อนชาหรือ5 มิลลิลิตรและป้อนซ้าได้ทุก4-6
ชั่วโมงแต่ไม่ควรป้อนยาเกินวันละ5ครั้งหากไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ทันที
แอสไพรินและไอบูโปรเฟน เป็นยาลดไข้เช่นกันแต่ยาทั้งสองชนิดนี้ห้ามนามาใช้ในโรคไข้เลือดออก
เนื่องจากยาทั้งสองชนิดนี้จะยิ่งส่งเสริมการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติจนอาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ใ
นส่วนการป้องกันภาวะช็อกนั้น
กระทาได้โดยการชดเชยน้าให้ร่างกายเพื่อไม่ให้ปริมาตรเลือดลดต่าลงจนทาให้ความดันโลหิตตก
แพทย์จะพิจารณาให้สารน้าตามความรุนแรงของอาการโดยอาจให้ผู้ป่วยดื่มเพียงสารละลายเกลือแร่
โอ อาร์ เอ็ส หรือผู้ป่วยบางรายอาจได้รับน้าเกลือเข้าทางหลอดเลือดดา
ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติจนเกิดภาวะเสียเลือดอาจต้องได้รับเลือดเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามจะต้องเฝ้าระวังภาวะช็อกดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นเนื่องจากภาวะนี้มีความอันตรายต่อ
ชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
5.การป้องกัน
แม้ว่าในปัจจุบันกาลังมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดงกี่
แต่ก็ยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่ได้ดังนั้นคาตอบที่ดีที่สุดของโรคไข้เลือดออกในปัจจุบันนี้
คือ
การป้องกันไม่ให้เป็นโรคโดยการควบคุมยุงลายให้มีจานวนลดลงซึ่งทาได้โดยการควบคุมแหล่งเพาะ
- 8. 8
ควรเลือกฉีดในเวลาที่มีคนอยู่น้อยที่สุดและฉีดพ่นลงในแหล่งที่คาดว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเช่น
ท่อระบายน้า กระถางต้นไม้เป็นต้น
-การใช้สารเคมีเพื่อกาจัดยุงในบ้านเรือน ที่ใช้กันมี2 ชนิด คือยาจุดกันยุงและสเปรย์ฉีดไล่ยุง
โดยสารออกฤทธิ์อาจเป็นยาในกลุ่มไพรีทรอยด์ (Pyrethroids), ดีท (DEET,diethyltoluamide) เป็นต้น
เมื่อก่อนมียาฆ่ายุงด้วยมีชื่อว่า ดีดีที
แต่สารนี้ถูกยกเลิกการใช้ไปแล้วเนื่องจากเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตและตกค้างในสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลา
นานมากอย่างไรก็ตาม สารเคมีไม่ว่าจากยาจุดกันยุงหรือสเปรย์ฉีดไล่ยุง
ก็มีความเป็นพิษต่อคนและสัตว์
ดังนั้นเพื่อลดความเป็นพิษดังกล่าวควรจุดยากันยุงในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
ล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสส่วนยาฉีดไล่ยุงจะมีความเป็นพิษมากกว่าดังนั้นห้ามฉีดลงบนผิวหนัง
และควรปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุข้างกระป๋ องอย่างเคร่งครัด
3. การปฏิบัติตัว ได้แก่
-นอนในมุ้ง หรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด
โดยจะต้องปฏิบัติเหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน
-หากไม่สามารถนอนในมุ้งหรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดได้
ควรใช้ยากันยุงชนิดทาผิวซึ่งมีสารสาคัญที่สกัดจากธรรมชาติ เช่นน้ามันตะไคร้หอม(oil of
citronella), น้ามันยูคาลิปตัส(oil of eucalyptus)
ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่ามาทาหรือหยดใส่ผิวหนังใช้เป็นยากันยุงแต่ประสิทธิภาพจะต่ากว่า DEET
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. เลือกเรื่องที่สนใจ เสนอหัวข้อโครงงานกับครูที่ปรึกษาโครงงาน
2. สืบค้นข้อมูล เอกสารที่เกี่ยวข้องจากอินเทอร์เน็ตและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
4. รวบรวมและสรุปข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า
5. นาไปให้ครูที่ปรึกษาตรวจความถูกต้องสมบูรณ์
- 10. 10
8 นาเสนอโครงงาน ✓
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
จากการที่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออกเพื่อทาโครงงาน
และหลังจากการที่ได้ศึกษาข้อมูลแล้วผู้จัดทาได้รับความรู้ดังนี้
1. ได้รับความรู้ในเรื่องโรคไข้เลือดออก
2. ได้รับความรู้สาเหตุการเกิดโรคไข้เลือดออก
3. ได้รู้วิธีการป้องกันและรักษาการเกิดโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลาย Aedesaegypti
ตัวเมียบินไปกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกโดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูง
เชื้อไวรัสแดงกี่จะเพิ่มจานวนในตัวยุงลายประมาณ8-10วัน
เชื้อไวรัสแดงกี่จะไปที่ผนังกระเพาะและต่อมน้าลายของยุงเมื่อยุงกัดคนก็จะแพร่เชื้อสู่คน
เชื้อจะอยู่ในร่างกายคนประมาณ2– 7 วันใช่ช่วงที่มีไข้
หากยุงกัดคนในช่วงนี้จะรับเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่นซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็ก
โรคนี้ระบาดในฤดูฝนยุงลายชอบออกหากินในเวลากลางวันตามบ้านเรือนและโรงเรียน
ชอบวางไข้ตามภาชนะที่มีน้าขังเช่นกะลากระป๋ องแต่ไม่ชอบวางไข่ในท่อน้าห้วยหนอง
การป้องกันแม้ว่าในปัจจุบันกาลังมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสแดงกี่
แต่ก็ยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสแดงกี่ได้ดังนั้นคาตอบที่ดีที่สุดของโรคไข้เลือดออกในปัจจุบันนี้
คือ
การป้องกันไม่ให้เป็นโรคโดยการควบคุมยุงลายให้มีจานวนลดลงซึ่งทาได้โดยการควบคุมแหล่งเพาะ
พันธุ์ของยุงลายและการกาจัดยุงลายทั้งลูกน้าและตัวเต็มวัยและป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด
สรุปผลการศึกษา
ในการจัดทาโครงงานโรคไข้เลือดออกผู้จัดทาได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
และข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์