2. คาอธิบายประกอบ เพื่อให้เห็นลักษณะหรือความสัมพันธ์ในเรื่องที่ศึกษาชัดเจน
ยิ่งขึ้น โดยข้อมูลนั้น อาจมีผู้จัดทา แต่มีการแปรเปลี่ยนไปแล้ว ต้องสารวจจัดทา
ขึ้นมาใหม่ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
o ตัวอย่าง หัวข้อเรื่อง/ชื่อโครงงาน ประเภทข้อมูลสารวจ
พันธุ์ผีเสื้อในตาบล……………………...……..
สมุนไพรในหมู่บ้าน……………..……………..
การใช้ยานพาหนะในอาเภอ……………………
อาชีพของประชาชนในตาบล………...….….…
โครงงานสารวจวัสดุอุปกรณ์ในชุมชน
การสารวจราคาผลผลิตเกษตรในท้องถิ่น
การสารวจราคาสิ้นค้าอุปโภคบริโภคในท้องถิ่น
โครงงานสารวจสถานประกอบการช่างในชุมชน
- ขั้นตอนการดาเนินการ ดังนี้
o กาหนดปัญหาหรือความอยากรู้
o ตั้งสมมุติฐาน
o รวบรวมข้อมูล
o วิเคราะห์
o สรุปอภิปรายผล
2. โครงงานประเภททดลอง (Experimental research project)
- เป็นการศึกษาเปรียบเทียบของสิ่งของสองสิ่ง (หรือมากกว่า) หรือ วิธีการทางาน
สองวิธี (หรือมากกว่า) ดาเนินการทดลองหรือพิสูจน์ความจริงตามหลักวิชาการอย่าง
เป็นเหตุเป็นผล หรือค้นหาข้อเท็จจริงในสิ่งที่ต้องการรู้ หรือหาคาตอบของปัญหา
เป็นการศึกษาที่เกิดจากปัญหา ต้องการรู้ถึงผลของการเปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์
ระหว่างเหตุและผล แล้วนาผลที่ได้แต่ละอย่างมาเปรียบเทียบกัน การทาโครงงาน
ประเภทนี้ ผู้เรียนต้องมีการกาหนดรูปแบบในการทดลอง โดยออกแบบในรูปผลการ
3. ทดลอง เพื่อศึกษาตัวแปรหนึ่ง จะมีผลต่อตัวแปรที่ต้องการศึกษาอย่างไร ด้วยการ
ควบคุมตัวแปร โดยกาหนดตัวแปรต่างๆไว้ให้ชัดเจนเพื่อจะปฏิบัติการได้ถูกต้อง
ศึกษา ค้นคว้าและทดลอง เพื่อนาผลที่ได้มายืนยันหลักการหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง มี
วัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นเพื่อ
ยืนยันทฤษฎีหรือหลักการ เช่น
o โครงงานปลูกผักลอยฟ้าไร้สารพิษ
o โครงงานศึกษาสูตรอาหารไก่ตอน
o โครงงานการศึกษาขนมอบชนิดต่างๆ
o โครงงานทดลองปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
o โครงงานการใช้ฮอร์โมนกับกิ่งกุหลาบ
o โครงงานศึกษาวัสดุก่อสร้างประเภทไม้
o โครงงานการยืดอายุของกุหลาบตัดดอก
o โครงงานสารในพืชชนิดใดใช้ฆ่าแมลงสาบ
o โครงงานศึกษาสูตรน้ายากัดกระจกจากผลไม้
o โครงงานการศึกษาเครื่องดื่มที่ผลิตจากผลไม้
o โครงงานการปลูกพืชด้วยสารละลายจากมูลสัตว์
o โครงงานการควบคุมกล้วยให้สุกอย่างมีคุณภาพ
o โครงงานแสงมีผลต่อการเจริญเติบโตของผักคะน้า
o โครงงานควบคุมการเจริญเติบโตของไม้ประดับประเภทเถา
- ขั้นตอนการมีดังนี้
o กาหนดปัญหา
o ตั้งจุดประสงค์
o ตั้งสมมุติฐาน
o การออกแบบทดลอง
o รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการทดลอง
o วิเคราะห์หรือแปลผล
4. o สรุปผลการทดลอง
3. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์หรือการพัฒนา (Developmental research project or
invention project)
- เป็นโครงงานเกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ หรือหลังจากที่ได้ศึกษา
ทฤษฎีหรือพบเห็นผลงานของผู้อื่นแล้ว แต่ต้องการพัฒนา จึงทาการดัดแปลง สร้าง
แบบจาลองขึ้นเพื่ออธิบายแนวคิดบางอย่าง โดยประดิษฐ์เป็นของเล่น เครื่องมือ
เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ แล้วศึกษาคุณภาพ หาประสิทธิภาพและอายุการ
ใช้งาน เช่น
o ถังขยะจากยางรถยนต์
o ผลิตภัณฑ์กระดาษสา
o แบบจาลองพัดลมไอน้า
o กระดาษจากว่านหางจระเข้
o โครงงานประดิษฐ์โคมไฟฟ้า
o กระถางต้นไม้จากกระดาษใช้แล้ว
o น้ายาบ้วนปากจากสมุนไพรธรรมชาติ
o ดอกไม้ประดิษฐ์จากใบไม้ประเภทต่างๆ
o โครงงานการสร้างแบบจาลองบ้านประหยัดไฟ
o โครงงานประดิษฐ์สิ่งของประดับบ้านด้วยไม้ไผ่
- ขั้นตอนการดาเนินการดังนี้
o กาหนดโครงงาน ประโยชน์ รูปแบบ/แบบ วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือ
o ดาเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติ ดาเนินการปฏิบัติ นาเสนอผลงานในรูป
ผลิตภัณฑ์
5. 4. โครงงานประเภททฤษฎีหรืออธิบาย (Theoretical research project)
- เป็นโครงงานที่เกิดจากปัญหาความต้องการทฤษฎีใหม่ๆหลักการหรือแนวคิดใหม่ๆ
มาใช้ประโยชน์ในโอกาสอื่นๆ จึงดาเนินการสร้างทฤษฎีใหม่ๆขึ้น มีวัตถุประสงค์
เพื่อเสนอความรู้ หรือหลักการใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มีใครเคยคิด
หรือขัดแย้ง หรือขยายจากของเดิมที่มีอยู่ ซึ่งต้องผ่านการพิสูจน์อย่างมีหลักการก่อน
โดยอาศัย ทฤษฎี หลักการ หลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือทฤษฎีอื่นๆตลอดจนข้อมูล
อื่นๆสนับสนุนโครงงานประเภทนี้ มักเป็นโครงงานทางคณิตศาสตร์/วิทยาศาสตร์
เช่น
o การเกษตรทฤษฎีใหม่
o การผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์
o การผลิตแท่งเชื่อเพลิงเขียว
- ข้อดีของการเรียนรู้แบบโครงงาน
o ผู้เรียนได้เลือกประเด็นที่จะศึกษา วิธีการศึกษาและแหล่งความรู้ด้วยตนเอง
o ผู้เรียนมีความสนใจเพราะเป็นผู้ศึกษาหรือลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองทุก
ขั้นตอน
o การศึกษาได้เชื่อมโยงหรือบูรณาการระหว่างความรู้/ทักษะ/ประสบการณ์เดิม
กับสิ่งใหม่
o ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามวิธีธรรมชาติและมีประสบการณ์ในการทางาน
ร่วมกับผู้อื่น
o ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการทางานอย่างมีแผนและรู้จักประเมินผล
งานของตนเอง
6. o ฝึกให้นักเรียนได้รู้จักแก้ปัญหาในการทางาน และเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับ
สภาพสังคมจริง
o เป็นการจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญได้จริง
o ใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ และเหตุผลในการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ
- ข้อจากัดของการเรียนรู้แบบโครงงาน
o ใช้เวลาในการเรียนรู้มาก เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
o ถ้าผู้สอนให้คาปรึกษาและดูแลไม่ทั่วถึง ขาดการเอาใจใส่ ขาดความอดทน
วางแผนการทางานไม่ดี ขาดทักษะ อาจทาให้ไม่ประสบผลสาเร็จ หรือได้รับ
ความรู้ที่ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ
อ้างอิง : https://sites.google.com/site/krutermsaksuwan/home/keiyw-kab-khru-teim-
sakdi/khwam-ru-reuxng/khwam-hmay-khxng-khorng-ngan/prayochn-khxng-khorng-
ngan/watthuprasngkh-kar-reiyn-ru-baeb-khorng-ngan/prapheth-khxng
วีดีโออ้างอิง : https://youtu.be/DjONgZ3BxXs