SlideShare a Scribd company logo
1 of 21
Download to read offline
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและ
                                                                ประเภทของโครงงาน




โครงงาน (Project Approach) คือ กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ ผูเ้ รียนได้ทาการศึกษาค้นคว้าและฝึกปฏิบัติด้วยตนเองตาม
ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นๆ ไปใช้ใน
การศึกษาหาคาตอบ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุนแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อทีจะ
                                            ้                                                                ่
ศึกษา ค้นคว้า ดาเนินงานตามแผน กาหนดขันตอนการดาเนินงานและการนาเสนอผลงาน ซึ่งอาจทาเป็นบุคคลหรือเป็น
                                          ้
กลุ่ม
โครงงาน คือ การศึกษาค้นคว้าเกียวกับสิ่งใดสิ่งหนึง หรือหลายๆสิงที่อยากรู้คาตอบให้ลึกซึ้ง
                                  ่             ่                ่
หรือเรียนรู้ในเรื่องนันๆให้มากขึน โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน
                      ้         ้                              ึ
มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัตงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคาตอบในเรื่องนั้นๆ
                                              ิ




ประเภทโครงงาน
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นการใช้บูรณาการร่วมกับการเรียนรู้ ทักษะและเป็นพื้นฐานในการกาหนดโครงงาน
และปฏิบัติ
2. โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานที่ผเู้ รียนกาหนดขันตอน ความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยใช้ทักษะ
                                                      ้
ความรู้ จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆมาบูรณาการเป็นโครงงานและปฏิบัติ
สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ตามวัตถุประสงค์
1. โครงงานที่เป็นการสารวจ รวบรวมข้อมูล
2. โครงงานที่เป็นการศึกษาค้นคว้า ทดลอง
3. โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลงาน
4. โครงงานที่เป็นการสร้างประดิษฐ์ คิดค้น
1. โครงงานที่เป็นการสารวจ รวบรวมข้อมูล
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วนาข้อมูลนั้นมาจาแนกเป็นหมวดหมู่ ใน
รูปแบบทีเ่ หมาะสม ข้อมูลที่ได้จะนาไปปรับปรุงพัฒนาผลงาน ส่งเสริมผลผลิตให้มคุณภาพดียิ่งขึ้น ข้อมูลดังกล่าว อาจมี
                                                                                ี
ผู้จัดทาขึ้นแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องมีการจัดทาใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้
ศึกษาโครงงาน โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก เช่น

* การสารวจแหล่งเรียนรูในชุมชน
                      ้
* การสารวจงานบริการและสถานประกอบการในท้องถิ่น

2. โครงงานที่เป็นการศึกษาค้นคว้า ทดลอง
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ เพือการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึงโดยเฉพาะ โดยศึกษาหลักการและออกแบบการค้นคว้า ใน
                                ่                         ่
รูปแบบการทดลองเพื่อยืนยันหลักการ ทฤษฎี เพื่อศึกษาหาแนวทางในการเพิ่มคุณค่า และการใช้ประโยชน์ให้มากขึน เช่น
                                                                                                    ้

* การปลูกพืชโคยไม่ใช้สารเคมี
* การทาขนมอบชนิดต่าง ๆ โดยใช้วัสดุในท้องถิ่น
* การควบคุมการเจริญเติบโตของต้นไม้ประเภทเถา
* การศึกษาสูตรเครื่องดื่มที่ผลิตจากธัญญพืช

3. โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ๆ
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์เพือเสนอความรู้ หรือหลักการใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึงที่ยังไม่มีใครเคยคิด หรือคิด
                               ่                                                       ่
ขัดแย้ง หรือขยายจากของเดิมที่มอยู่ จากเนื้อหาวิชาการ หลักการ ทฤษฎีต่าง ๆ นามาปรับปรุง พัฒนา ให้สอดคล้องมีความ
                                 ี
ชัดเจน มีผลงานทีเ่ ป็นรูปธรรม ซึ่งต้องผ่านการพิสูจน์อย่างมีหลักการและเชื่อถือได้ เช่น

* การใช้สมุนไพรในการปราบศัตรูพืช
* การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการถนอมอาหาร และปรุงอาหาร
* เกษตรแบบผสมผสาน
* เทคนิคการแก้โจทย์ปัญหา

4.โครงงานที่เป็นการสร้างประดิษฐ์ คิดค้น
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ คือ การนาความรู้ทฤษฎี หลักการ มาประยุกต์ใช้ โดยประดิษฐ์เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ
เพื่อประโยชน์ต่างๆ หรืออาจเป็นการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือปรับปรุงของเดิมให้ดีขนใช้ประโยชน์ได้มาก
                                                                                           ึ้
ยิ่งขึ้น เช่น

* การประดิษฐ์เครื่องควบคุมการรดน้า
* การประดิษฐ์เครื่องรับวิทยุ
* การประดิษฐ์ของชาร่วย
* การออกแบบเสื้อผ้า




1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน/โรงเรียน/วันเดือนปีทจัดทา
                                           ี่
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. บทคัดย่อ บอกเค้าโครงย่อยๆประกอบด้วย เรื่อง....วัตถุประสงค์......วิธีการศึกษาและสรุปผล
5. กิตติกรรมประกาศ (แสดงความขอบคุณ บุคคล หรือหน่วยงาน ที่มีส่วนในการให้ความช่วยเหลือ ในดาเนินโครงงาน)
6. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
7. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
8. สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี)
9. วิธีดาเนินการ
10. สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
11. อภิปรายผล / ประโยชน์ / ข้อเสนอแนะ
12. เอกสารอ้างอิง



http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/tech04/22/mainmenu.html
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของ
                                โครงงาน




       ขอบข่ายของโครงงาน การดาเนินงานโดยมีนักเรียนเป็นผู้รเิ ริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เป็นผู้ให้คาแนะนาปรึกษา
สรุปได้ดังนีคือ
            ้

       1. เป็นกิจกรรมการศึกษาที่ให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบติด้วยตนเอง โดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหา
                                                             ั
โครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์ และกิจกรรมต่างๆ ที่ได้พบเห็นมาแล้ว

       2. นักเรียนทุกคนเป็นผู้พิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือกลุ่ม จานวน 2-8 คน ต่อกลุ่ม โดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ
เป็นภาคเรียน หรือมากกว่าก็ได้

       3. นักเรียนเป็นผู้พจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้า ปฏิบติด้วยตนเองตามความถนัด
                          ิ                                                           ั
สนใจและความพร้อม

       4. นักเรียนเป็นผูเ้ สนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงานแผนปฏิบัตงาน และแปรผลรายงานต่อครูอาจารย์ที่
                                                                   ิ
ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตาจุดหมายที่กาหนด

       5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงิน
ดาเนินงานด้วย



โครงงานประเภทต่างๆ

       การแบ่งประเภทของโครงงานมีหลายวิธี เช่น แบ่งตามหมวดวิชาการงานและอาชีพในโรงเรียน เช่น โครงงาน
เกษตรกรรม โครงงานคหกรรม โครงงานอุตสาหกรรม โครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นต้น และจากขอบข่ายโครงงานดังกล่าว
จะเห็นได้ว่านักเรียนเป็นผูดาเนินงาน โดยได้รับคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน และนักเรียนลงมือปฏิบัติด้วย
                          ้
ตนเอง ทังด้านการเสนอโครงงาน ขั้นตอนการปฏิบติงาน ตลอดจนทาแผนปฏิบติการ และรายงานผลตามจุดมุ่งหมายที่
        ้                                 ั                    ั
กาหนดไว้ ทาให้สามารถแยกประเภทของโครงงานได้ 4 ประเภท ดังนี้คอ
                                                           ื

      1. ประเภทพัฒนาผลงาน

      2. ประเภทศึกษา ค้นคว้า ทดลอง

      3. ประเภทสิ่งประดิษฐ์

4. ประเภทสารวจข้อมูล

1. ประเภทพัฒนาผลงาน

โครงงานนี้เป็นโครงงานที่เกิดจากการได้ศึกษาเนื้อหาทางวิชาการและอาชีพ หรือวิชาสามัญต่างๆ แล้วนามาปรับปรุงและ
พัฒนาให้สอดคล้องกับแนวทางทฤษฎีหรือหลักวิชาดังกล่าว เช่น เมื่อได้ศึกษาเรื่องสมุนไพร ก็อาจทาโครงงานการใช้ยา
ปราบศัตรูพืชด้วยพืชสมุนไพร กาจัดเพลี้ย หนอน ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องถนอมอาหาร ก็อาจทาโครงงานแปรรูปผลผลิต เช่น
การทาผักดอง ทาไส้กรอก ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องการเลี้ยงปลา ก็อาจทาโครงงานการเลี้ยงปลาสวยงาม การทาตู้ปลาจาหน่าย
ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องการปลูกผักกางมุ้งก็อาจทาโครงงานปลูกผักกาดหัว ผักคะน้า ผักกาดขาว และผักบุ้งจีนเป็นต้น

2. โครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า ทดลอง

      โครงงานนี้เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นจากการศึกษาค้นคว้า ทดลอง เพื่อยืนยันทฤษฎีหรือหลักการที่ได้ศึกษามาแล้ว หรือ
ต้องการทราบแนวทาง เพิ่มคุณค่าและการใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น เช่น

      - การศึกษาสูตรอาหารไก่ตอน

      - การทดลองปลูกพืชในน้ายา หรือโดยไม่ใช้ดิน

- การศึกษาสีย้อมผ้าจากพืชสมุนไพร

      - การใช้ฮอร์โมนกับกิ่งกุหลาบ

- การใช้ฮอร์โมนในการผสมเทียมปลาดุก
3. โครงงานประเภทสร้างสิงประดิษฐ์
                       ่

       โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นหลังจากได้ศึกษาทฤษฎี หรือพบเห็นผลงานของผูอื่นมาแล้ว เกิดความคิด
                                                                                       ้
สร้างสรรค์ที่จะพัฒนาต่อไป จึงประดิษฐ์คิดค้นให้สามารถใช้ประโยชน์ ได้ดียิ่งขึ้น หรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น

       - การประดิษฐ์หัวฉีดพ่นน้าในแปลงปลูกผัก

       - การประดิษฐ์ของชาร่วย

       - การประดิษฐ์เครื่องบาบัดน้าเสีย

       - การประดิษฐ์เครื่องเพิ่มออกซิเจนให้กับน้า

       - การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสด

4. โครงงานประเภทสารวจข้อมูล

       โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ได้ศึกษาและสารวจข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงหรือส่งเสริมให้
ผลผลิตหรือผลงานมีคุณภาพ หรือคุณค่ามากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น เช่น

- การสารวจราคาพืชผักในตลาดท้องถิ่น

- การสารวจราคาปลาสวยงามในตลาดท้องถิ่น

- การสารวจความต้องการปลาสวยงามในตลาดท้องถิ่น

- การสารวจความต้องการพืชผักต่างๆ ในตลาดท้องถิ่น

- การสารวจแหล่งวิชาการและสถานประกอบการในท้องถิน
                                              ่

- การสารวจแหล่งความรู้ของเกษตรกรในท้องถิ่น




ที่มา : http://www.google.co.th/url?
ขอบข่ายและประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์



                                       ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์

1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อ
เพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถาม
    คาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่า
  คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผเู้ รียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงาน ประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาทีเ่ ข้าใจยาก มา
เป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปร
             ต่างๆ ที่มีผลต่อการชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของประเทศไทย เป็นต้น
2.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงานเพื่อ
ประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับ
 การผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือ
     อุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มอยู่แล้วให้มี
                                                                                                ี
 ประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ใน
การออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ
  ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และ
                                           ้
                                            เครื่องมือต่างๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง




                                               3.โครงงานพัฒนาเกม

โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้หรือเพื่อความ เพลิดเพลิน เกมทีพัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่
                                                                                       ่
  รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น
เพื่อให้น่าสนใจแก่ผเู้ ล่น พร้อมทังให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
                                  ้                            ั
เกมต่างๆ ที่มีอยูทั่วไป และนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึนใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผเู้ ล่นกลุ่มต่างๆ
                 ่                                ้
4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดยส่วน
ใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น
สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึนเป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆ
                                          ้
บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้
 เป็นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ใช้สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิเช่น ผู้ใช้วาด
 แจกันด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คานวณค่าและภาพที่ควรจะเป็นมาให้
                          เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก




5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ จาลองการทดลองของ
สาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผทาต้อง
                                                                                                       ู้
  ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด
แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมา
เป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภท
 นี้มีจุดสาคัญอยูที่ผทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหล
                 ่ ู้
   ของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น




                                               ความคิดเห็นของกลุ่ม

 จากการศึกษาประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ทาให้ผจัดทาได้ทราบว่า โครงงานคอมพิวเตอร์มกี่ประเภท รายละเอียด
                                              ู้                                 ี
   ของแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง ทาให้ผจัดทาสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปสร้างสรรค์ผลงานให้ถูกประเภทยิ่งขึ้น และ
                                   ู้
                                   สามารถนาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้




ขอขอบคุณ
: http://namkwanmay.wordpress.com/2011/02/08/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E
0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%
A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0
%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7/
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน


             ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ มี 5 ประเภท ให้นักเรียนค้นหาขอบข่ายของโครงงานแต่ละประเภท เป็น
    ข้อๆ (ค้นจากห้องสมุด / อินเทอร์เน็ต) แล้วบันทึกลงกระดาษขนาด A4 ทีเ่ ตรียมมา พร้อมเขียน แหล่งที่มา หรือ
    Address ของ website ที่นักเรียนค้นหาข้อมูลเหล่านั้นด้วย



    โครงงานคอมพิวเตอร์ แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานดังนี้
    - การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
    - การพัฒนาเครื่องมือ
    - การทดลองทฤษฎี
    - การประยุกต์ใช้งาน
    - การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์




1. โครงงานพัฒนาสือเพื่อการศึกษา เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรม
                  ่
   บทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียน
   แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการ
   พัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้
   ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาทีเ่ ข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา อีกทั้ง
ยังสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้กบทุกกลุ่มสาระ เช่นวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องวิวัฒนาการ เราอาจทาการออกแบบสื่อนี้ให้มี
                                ั
    ความน่าสนใจมีลูกเล่นแปลกใหม่ ทาให้ผู้อ่านได้รับความรู้และง่ายต่อการจดจามากยิ่งขึ้น




                          รูปภาพจาก : http://media.nitessurat1.org/mc/mc_view.php?mc_id=4



2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ เป็นโครงงานที่สร้างเครื่องมือ ใช้สร้างงาน ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาด
     รูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น การผลิตโครงงานประเภทนี้สามารถเพิ่มความ
     สะดวกสบายในการสร้างผลงานที่จาเป็นต้องอาศัยความละเอียด สะดวก และรวดเร็วแม่นยา เช่นโปรแกรมสร้างรูปทรง
     หลายมิติที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้กับวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยให้เกิดความสะดวกและ
     รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานต้องกาหนดสเกลและรูปทรงที่ต้องการจากนั้นโปรแกรมก็จะประมวลผลและสร้างรูปทรงออกมา
     เป็นต้น
รูปภาพจาก : http://www.freewarelands.com/




3. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่
                                                    ่
ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้
หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่ง
อาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะ
เปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนัน ซึ่งจะทาให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึน การทาโครงงานประเภทนี้มีจดสาคัญอยู่ทผู้ทา
                               ้                                        ้                         ุ          ี่
ต้องมีความรู้ในเรื่องนันๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การ
                       ้
ทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น




                        รูปภาพจาก : http://ascom2.org/Logdiv/Manaul_CIP_M16A1.htm
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจาวันอาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการ
ออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงาน
ประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึนใหม่ หรือ
                                                                                                  ้
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความ
                              ี
ต้องการของผูใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนันๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อการ
              ้                                                            ้
จัดการงานต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันตามลักษณะของซอฟแวร์และการนาไปใช้งาน




                        รูปภาพจาก : http://www.dimonload.com/index.php?topic=96.0




5. โครงงานพัฒนาเกม เพื่อความรู้ ความเพลิดเพลิน เช่นการสร้างเกมต่าง ๆ ที่จะทาให้ผู้เล่นได้รับทังความรู้และความ
                                                                                              ้
สนุกสนานจากเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมทายศัพท์ เกมจับคู่ เกมฝึกสมองพัฒนาอีคิว ซึ่งเกมเหล่านี้ล้วนมาจากการประยุกต์ใช้
ความรู้จากโครงงานหลายประเภท จนสามารถนามาพัฒนาเป็นเกมซึ่งสร้างสรรค์ออกมาเพื่อให้ผเู้ ล่นได้รับทั้งความรู้และ
ความสนุกสนานไปพร้อม ๆ กัน
รูปภาพจาก : http://takathenec.exteen.com/20100105/game-2009




  ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์

         1. โครงงานพัฒนาสื่อเพือการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ
                               ่
ผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และ
คาถามคาตอบไว้พร้อม

           ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็น
อุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงาน ประเภทนี้
สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาทีเ่ ข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการ
พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มผลต่อการ
                                                                                                         ี
ชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของประเทศไทย เป็นต้น



       2.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงาน
เพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์
สาหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนีจะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
                                                                                ้
หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี
ประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผูใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ใน
                                                                                  ้
การออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ
ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และ
                                               ้
เครื่องมือต่างๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง



         3.โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้หรือเพื่อความ เพลิดเพลิน
เกมที่พัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่รนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนีจะมีการออกแบบ
                                ุ                                                                ้
ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการ
สารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆ ที่มีอยูทั่วไป และนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่
                                              ่
และน่าสนใจแก่ผเู้ ล่นกลุ่มต่างๆ



      4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดย
ส่วนใหญ่จะอยูในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ
               ่
เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่งจะเป็นเครืองมือให้เราใช้ในการพิมพ์
                                                                                       ่
งานต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่อง
คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ใช้สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิ
เช่น ผู้ใช้วาดแจกันด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คานวณค่าและภาพที่ควร
จะเป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก
5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ จาลองการ
ทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็น
โครงงานที่ผทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องทีต้องการศึกษาแล้ว
             ู้                                                                                  ่
เสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วย
คอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึน
                                                                                                                 ้
การทาโครงงานประเภทนี้มจุดสาคัญอยู่ทผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การ
                         ี          ี่
ทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรืองการมองเห็นวัตถุแบบ
                                                                                             ่
สามมิติ เป็นต้น



      จากการศึกษาประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ทาให้ผจัดทาได้ทราบว่า โครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท
                                                     ู้
รายละเอียดของแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง ทาให้ผจัดทาสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปสร้างสรรค์ผลงานให้ถูกประเภทยิงขึ้น
                                               ู้                                                     ่
และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้

ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์
        1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
        2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
        3. จัดทาเค้าโครงของโครงงาน เมื่อผู้เรียนได้ศึกษาเอกสารอ้างอิงต่างๆ และเลือกเรืองทีจะทาโครงงานคอมพิวเตอร์
                                                                                      ่ ่
รวมทั้งวางแผนการทาโครงงานทุกขั้นตอน โดยปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผูทรงคุณวุฒิแล้ว จึงเขียนเค้าโครงของ
                                                                              ้
โครงงานเพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดและแนวทาง ตลอดจนข้อตกลงต่างๆ ในการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ระหว่างผูเ้ รียน
อาจารย์ และผู้เกี่ยวข้อง นอกจากจะต้องใช้หลักการทางวิชาการแล้ว ยังจาเป็นต้องมีข้อตกลงและเงือนไขต่างๆ ด้วย เช่น การ
ขออนุญาตใช้ห้องปฏิบติการคอมพิวเตอร์ การจัดหาลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์ เครื่องมือและตัวแปลภาษาโปรแกรม เป็นต้น
                         ั
เพื่อช่วยให้การทาโครงงานดาเนินไปอย่างราบรื่น
        4. การลงมือทาโครงงาน
        5. การเขียนรายงาน
        6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน

คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ
1. คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการออกแบบ
     คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนามาใช้ในการออกแบบมาเป็นเวลานาน เราคงจะเคยได้ยินคาว่า CAD (Computer - Aided
Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับช่วยในการออกแบบทางวิศวกรรม โปรแกรมเหล่านีจะช่วยให้ผู้ออกแบบหรือวิศวกร
                                                                        ้
ออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น กล่าวคือ ผู้ออกแบบสามารถเขียนเป็นแบบลายเส้นแล้วลงสี แสงเงา เพื่อให้ดคล้ายกับของ
                                                                                                ู
จริงได้ นอกจากนี้แล้วเมื่อผู้ออกแบบกาหนดขนาดของวัตถุลงในระบบ CAD แล้ว ผู้ออกแบบยังสามารถย่อหรือขยายภาพ
นั้น หรือต้องการหมุนภาพไปในมุมต่างๆ ได้ด้วย การแก้ไขแบบก็ทาได้ง่ายและสะดวกกว่าการออกแบบบนกระดาษ
      ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการออกแบบวงจรต่างๆ ผู้ออกแบบ
สามารถวาดวงจรบนจอภาพโดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ระบบจัดเตรียมไว้ให้แล้วมาประกอบกันเป็นวงจรทีต้องการ ่
ผู้ออกแบบสามารถแก้ไข ตัดต่อ เพิ่มเติมวงจรได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสาหรับออกแบบ PCB (Printed
Circuit Board) ซึ่งมีความสามารถจัดการให้แผ่นปรินต์มขนาดที่จะวางอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เหมาะสมที่สุด
                                                      ี
      การออกแบบพาหนะต่างๆ เช่น รถยนต์ เครื่องบิน หรือเครื่องจักรต่างๆ ในปัจจุบันก็ใช้ระบบ CAD นักออกแบบ
สามารถจะออกแบบส่วนย่อยๆ แต่ละส่วนก่อน แล้วนามาประกอบกันเป็นส่วนใหญ่ขึ้นจนเป็นเครืองจักรเครื่องยนต์ที่
                                                                                        ่
ต้องการได้ นอกจากนี้ในบางระบบยังสามารถที่จะทดสอบแบบจาลองที่ออกแบบไว้ได้ด้วย เช่น อาจจะออกแบบรถยนต์
แล้วนาโครงสร้างของรถที่ออกแบบนันมาจาลองการวิ่ง โดยให้วิ่งที่ความเร็วต่างๆ กันแล้วตรวจดูผลที่ได้ ซึ่งการทดลอง
                                          ้
แบบนี้สามารถทาได้ในระบบคอมพิวเตอร์และจะประหยัดกว่าการสร้างรถจริงๆ แล้วนาออกมาศึกษาทดสอบการวิ่ง
      การออกแบบโครงสร้าง เช่น ตึก บ้าน สะพาน หรือโครงสร้างใดๆ ทางวิศวกรรมโยธาและสถาปัตยกรรม ก็สามารถ
ทาได้โดยใช้ CAD ช่วยในการออกแบบ หลังจากสถาปนิกออกแบบโครงสร้างในแบบ 2 มิติเสร็จแล้ว ระบบ CAD สามารถ
จัดการให้เป็นภาพ 3 มิติ และยังสามารถแสดงภาพที่มุมมองต่างๆ กันได้ตามที่ผู้ออกแบบต้องการ นอกจากนี้ในบางระบบ
สามารถแสดงภาพให้ปรากฏต่อผูออกแบบราวกับว่าผู้ออกแบบสามารถเดินเข้าไปภายในอาคารที่ออกแบบได้ด้วย
                                      ้
2. กราฟและแผนภาพ
      คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการแสดงภาพกราฟและแผนภาพของข้อมูลได้เป็นอย่างดี โปรแกรมทางกราฟิก
ทั่วไปในท้องตลาดจะเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างภาพกราฟและแผนภาพ โปรแกรมเหล่านี้ยังสามารถสร้างกราฟได้
หลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟวงกลม นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพกราฟได้ทั้งในรูปแบบ 2 มิติ
และ 3 มิติ ทาให้ภาพกราฟที่ได้ดดีและน่าสนใจ กราฟและแผนภาพทางธุรกิจ เช่น กราฟหรือแผนภาพแสดงการเงิน สถิติ
                                    ู
และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อผูบริหารหรือผูจัดการกิจการมาก เนื่องจากสามารถทาความเข้าใจกับข้อมูลได้
                                               ้        ้
ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม ในงานวิจยต่างๆ เช่น การศึกษาทางฟิสิกส์ กราฟและแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัยทาความเข้าใจ
                                        ั
กับข้อมูลได้ง่ายขึ้นเมื่อข้อมูลทีตองวิเคราะห์มีจานวนมาก
                                 ่้




     ระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรือ GIS (Geographical Information System) ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการแสดงข้อมูลใน
ทานองเดียวกับกราฟและแผนภาพ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกเก็บลงในระบบคอมพิวเตอร์ แล้วให้ระบบคอมพิวเตอร์
กราฟิกจัดการแสดงข้อมูลเหล่านันออกมาทางจอภาพในรูปของแผนที่ทางภูมศาสตร์
                                   ้                                      ิ
3. ภาพศิลป์โดยคอมพิวเตอร์กราฟิก
        การวาดภาพในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็สามารถวาดได้แล้วโดยไม่ต้องใช้พู่กันกับจานสี แต่จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกแทน
ภาพที่วาดในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกนี้เราสามารถกาหนดสี แสงเงา รูปแบบลายเส้นทีต้องการได้โดยง่าย ภาพโฆษณา
                                                                                   ่
ทางโทรทัศน์หลายชิ้นก็เป็นงานจากการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพก็คือ เราสามารถแก้ไข
เพิ่มเติมส่วนที่ต้องการได้ง่าย นอกจากนี้เรายังสามารถนาภาพต่างๆ เก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เครื่องสแกนเนอร์
(Scanner) แล้วนาภาพเหล่านั้นมาแก้ไข
4. ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์
        ภาพยนตร์การ์ตูนและภาพยนต์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ ในปัจจุบนมีการนา
                                                                                                      ั
คอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างภาพเคลื่อนไหว (Computer Animation) มากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่
สะดวก รวดเร็ว และง่ายกว่าวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ภาพที่ได้ยังดูสมจริงมากขึ้น เช่น ภาพยานอวกาศที่ปรากฏในภาพยนตร์
ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์ เป็นต้น การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยให้ภาพที่อยู่ในจินตนาการของมนุษย์สามารถนาออกมา
ทาให้ปรากฏเป็นจริงได้ ภาพเคลือนไหวมีประโยชน์มากทังในระบบการศึกษา การอบรม การวิจัย และการจาลองการ
                                 ่                      ้
ทางาน เช่น จาลองการขับรถ การขับเครื่องบิน เป็นต้น เกมส์คอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกมส์ก็ใช้หลักการทาภาพเคลื่อนไหน
ในคอมพิวเตอร์กราฟิกเช่นกัน



5. อิเมจโปรเซสซิงก์
       คาว่าอิเมจโปรเซสซิงก์ (Image Processing) หมายถึง การแสดงภาพที่เกิดจากการถ่ายรูปหรือจากการสแกนภาพให้
ปรากฏบนจอภาพคอมพิวเตอร์ วิธีการทางอิเมจโปรเซสซิงก์จะต่างกับวิธีการของคอมพิวเตอร์กราฟิก กล่าวคือ ในระบบ
คอมพิวเตอร์กราฟิก ตัวคอมพิวเตอร์เองจะเป็นตัวที่สร้างภาพ แต่เทคนิกทางอิเมจโปรเซสซิงก์นั้นใช้คอมพิวเตอร์สาหรับ
การจัดรูปแบบของสีและแสงเงาที่มีอยู่แล้วในภาพให้เป็นข้อมูลทางดิจิตอล แล้วอาจจะมีวิธีการทาให้ภาพที่รับเข้ามานั้นมี
ความชัดเจนมากขึ้นก่อน จากนันก็จัดการกับข้อมูลดิจิตอลนี้ให้เป็นภาพส่งออกไปที่จอภาพของคอมพิวเตอร์อีกที วิธีการนี้มี
                              ้
ประโยชน์ในการแสดงภาพของวัตถุที่เราไม่สามารถจะเห็นได้โดยตรง เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพจากทีวีสแกนของ
หุ่นยนต์อตสาหกรรม เป็นต้น
          ุ




      เมื่อภาพถ่ายถูกทาให้เป็นข้อมูลดิจิตอลแล้ว เราก็สามารถจะจัดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพนั้นได้โดยจัดการกับข้อมูล
ดิจิตอลของภาพนั่นเอง ซึ่งเราก็จะใช้หลักการของคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้กับข้อมูลเหล่านี้ได้ เช่น ในภาพสาหรับการ
โฆษณา เราสามารถทาให้ภาพที่เห็นเหมือภาพถ่ายนั้นแปลกออกไปจากเดิมได้โดยมีภาพบางอย่างเพิ่มเข้าไปหรือบางส่วน
ของภาพนั้นหายไป ทาให้เกิดภาพที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ดูเหมือนกับเกิดขึ้นจริงได้ เป็นต้น
      เทคนิคของอิเมจโปเซสซิงก์สามารถประยุกต์ใช้กับการแพทย์ได้ เช่น เครื่องเอกซเรย์ โทโมกราฟี (X-ray
Tomography)ซึ่งใช้สาหรับแสดงภาพตัดขวางของระบบร่างกายมนุษย์ เป็นต้น
จากที่กล่าวมาแล้ว เราจะเห็นได้วาคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นนับวันยิงมีความสาคัญในสาขาวิชาต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็น
                               ่                             ่
การดีที่เราควรจะมีความรูความเข้าใจในหลักการและทคนิคเบื้องต้นต่างๆ ทีใช้ในคอมพิวเตอร์กราฟิก
                        ้                                             ่

ที่มา
http://namkwanmay.wordpress.com/2011/02/08/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A
0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E
0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%
B8%A7/
http://www.rayongwit.ac.th/computer/m2fri49/g21m2fri/apply.htm
http://www.mc.ac.th/learning/chaiwbi/project/p111.html
ใบงานที่ 3

More Related Content

What's hot

การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียน
การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียนการตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียน
การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียนPrachyanun Nilsook
 
ใบงาน3
ใบงาน3ใบงาน3
ใบงาน3Kubgife Yrc
 
ขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานdgnjamez
 
ขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานdgnjamez
 
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียนเค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียนnang_phy29
 
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนการเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนppisoot07
 
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9chingching_wa
 
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2nang_phy29
 
ใบงานที่ 2 8
ใบงานที่ 2 8ใบงานที่ 2 8
ใบงานที่ 2 8Fary Love
 
ใบงานที่คอม1
ใบงานที่คอม1ใบงานที่คอม1
ใบงานที่คอม1Piyamas Songtronge
 

What's hot (16)

การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียน
การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียนการตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียน
การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยชั้นเรียน
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
I30201 2-แผนการสอน
I30201 2-แผนการสอนI30201 2-แผนการสอน
I30201 2-แผนการสอน
 
PPT อ.สกลชัย
PPT อ.สกลชัยPPT อ.สกลชัย
PPT อ.สกลชัย
 
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
ใบงาน3
ใบงาน3ใบงาน3
ใบงาน3
 
ขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงาน
 
ขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงาน
 
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียนเค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน
 
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนการเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
 
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน 9
 
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
 
ใบงานที่ 2 8
ใบงานที่ 2 8ใบงานที่ 2 8
ใบงานที่ 2 8
 
คอม01.doc
คอม01.docคอม01.doc
คอม01.doc
 
ใบงานที่คอม1
ใบงานที่คอม1ใบงานที่คอม1
ใบงานที่คอม1
 

Viewers also liked

UT11 Company Presentation
UT11 Company PresentationUT11 Company Presentation
UT11 Company PresentationUT11
 
Habilidades gerenciales laura aguilar
Habilidades gerenciales laura aguilarHabilidades gerenciales laura aguilar
Habilidades gerenciales laura aguilarlaura1997_1997
 
Literacy inquiry project
Literacy inquiry projectLiteracy inquiry project
Literacy inquiry projectKhalladay13
 
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...SMART Infrastructure Facility
 
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...SMART Infrastructure Facility
 
Gen&Tech Quiz Finals
Gen&Tech Quiz FinalsGen&Tech Quiz Finals
Gen&Tech Quiz Finalsgtmindian
 
Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013
Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013
Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013parantion
 
Barcelona histórica desde 1856
Barcelona histórica desde 1856Barcelona histórica desde 1856
Barcelona histórica desde 1856Carlos Colomer
 
BizQuiz Prelims
BizQuiz PrelimsBizQuiz Prelims
BizQuiz Prelimsgtmindian
 
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...SMART Infrastructure Facility
 

Viewers also liked (17)

UT11 Company Presentation
UT11 Company PresentationUT11 Company Presentation
UT11 Company Presentation
 
Windows xp
Windows xpWindows xp
Windows xp
 
Habilidades gerenciales laura aguilar
Habilidades gerenciales laura aguilarHabilidades gerenciales laura aguilar
Habilidades gerenciales laura aguilar
 
מבוא
מבואמבוא
מבוא
 
Literacy inquiry project
Literacy inquiry projectLiteracy inquiry project
Literacy inquiry project
 
Kyurk story
Kyurk storyKyurk story
Kyurk story
 
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: What makes ...
 
Unek
UnekUnek
Unek
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Realising t...
 
Gen&Tech Quiz Finals
Gen&Tech Quiz FinalsGen&Tech Quiz Finals
Gen&Tech Quiz Finals
 
Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013
Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013
Showcase Scorion: Parantion Gebruikersdag 2013
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Slideshare!
Slideshare!Slideshare!
Slideshare!
 
Barcelona histórica desde 1856
Barcelona histórica desde 1856Barcelona histórica desde 1856
Barcelona histórica desde 1856
 
BizQuiz Prelims
BizQuiz PrelimsBizQuiz Prelims
BizQuiz Prelims
 
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...
SMART International Symposium for Next Generation Infrastructure: Resilient a...
 

Similar to ใบงานที่ 3

ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...
ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...
ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...teddy Pongdanai
 
ขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงานขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงานsichon
 
ขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงานขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงานsichon
 
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานkwangslideshare
 
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานkwangslideshare
 
ใบงานที่คอม1 (1)
ใบงานที่คอม1 (1)ใบงานที่คอม1 (1)
ใบงานที่คอม1 (1)suparada
 
ใบงานที่1น้ะ
ใบงานที่1น้ะใบงานที่1น้ะ
ใบงานที่1น้ะPiyamas Songtronge
 
ใบงานที่1จ้ะ
ใบงานที่1จ้ะใบงานที่1จ้ะ
ใบงานที่1จ้ะPiyamas Songtronge
 
ใบงานที่ 3
ใบงานที่ 3ใบงานที่ 3
ใบงานที่ 3Singto Theethat
 
ขอบข่าย
ขอบข่ายขอบข่าย
ขอบข่ายaom08
 
ขอบข่าย
ขอบข่ายขอบข่าย
ขอบข่ายaom08
 
3ขอบข่ายประเภท
3ขอบข่ายประเภท3ขอบข่ายประเภท
3ขอบข่ายประเภทMookda Phiansoongnern
 
ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ขอบข่ายและประเภทของโครงงานขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ขอบข่ายและประเภทของโครงงานwichaya222
 
ใบงานที่ 3
ใบงานที่  3ใบงานที่  3
ใบงานที่ 3ployprapim
 
ใบงานที่ 2 03 12 611
ใบงานที่ 2 03 12 611ใบงานที่ 2 03 12 611
ใบงานที่ 2 03 12 611Tanawan Janrasa
 
การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)Khon Kaen University
 
จะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดีจะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดีkorakate
 

Similar to ใบงานที่ 3 (20)

ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...
ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...
ขอบข่ายของโครงงาน ดำเนินงานโดยนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เ...
 
ขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงานขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงาน
 
ขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงานขอบข่ายโครงงาน
ขอบข่ายโครงงาน
 
K3
K3K3
K3
 
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
 
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
 
ใบงานที่คอม1 (1)
ใบงานที่คอม1 (1)ใบงานที่คอม1 (1)
ใบงานที่คอม1 (1)
 
ใบงานที่1น้ะ
ใบงานที่1น้ะใบงานที่1น้ะ
ใบงานที่1น้ะ
 
ใบงานที่1
ใบงานที่1ใบงานที่1
ใบงานที่1
 
ใบงานที่1จ้ะ
ใบงานที่1จ้ะใบงานที่1จ้ะ
ใบงานที่1จ้ะ
 
ใบงานที่ 3
ใบงานที่ 3ใบงานที่ 3
ใบงานที่ 3
 
ขอบข่าย
ขอบข่ายขอบข่าย
ขอบข่าย
 
ขอบข่าย
ขอบข่ายขอบข่าย
ขอบข่าย
 
3ขอบข่ายประเภท
3ขอบข่ายประเภท3ขอบข่ายประเภท
3ขอบข่ายประเภท
 
ใบงานท 3
ใบงานท   3ใบงานท   3
ใบงานท 3
 
ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ขอบข่ายและประเภทของโครงงานขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
 
ใบงานที่ 3
ใบงานที่  3ใบงานที่  3
ใบงานที่ 3
 
ใบงานที่ 2 03 12 611
ใบงานที่ 2 03 12 611ใบงานที่ 2 03 12 611
ใบงานที่ 2 03 12 611
 
การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
 
จะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดีจะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดี
 

More from bussayamas1618 (20)

Onet m6 52 math
Onet m6 52  mathOnet m6 52  math
Onet m6 52 math
 
Onet m6 52 thai
Onet m6 52  thaiOnet m6 52  thai
Onet m6 52 thai
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
K9
K9K9
K9
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 math
Onet m6 52  mathOnet m6 52  math
Onet m6 52 math
 
Onet m6 52 eng
Onet m6 52  engOnet m6 52  eng
Onet m6 52 eng
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
K16
K16K16
K16
 

ใบงานที่ 3

  • 1. ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและ ประเภทของโครงงาน โครงงาน (Project Approach) คือ กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ ผูเ้ รียนได้ทาการศึกษาค้นคว้าและฝึกปฏิบัติด้วยตนเองตาม ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นๆ ไปใช้ใน การศึกษาหาคาตอบ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุนแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อทีจะ ้ ่ ศึกษา ค้นคว้า ดาเนินงานตามแผน กาหนดขันตอนการดาเนินงานและการนาเสนอผลงาน ซึ่งอาจทาเป็นบุคคลหรือเป็น ้ กลุ่ม โครงงาน คือ การศึกษาค้นคว้าเกียวกับสิ่งใดสิ่งหนึง หรือหลายๆสิงที่อยากรู้คาตอบให้ลึกซึ้ง ่ ่ ่ หรือเรียนรู้ในเรื่องนันๆให้มากขึน โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน ้ ้ ึ มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัตงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคาตอบในเรื่องนั้นๆ ิ ประเภทโครงงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นการใช้บูรณาการร่วมกับการเรียนรู้ ทักษะและเป็นพื้นฐานในการกาหนดโครงงาน และปฏิบัติ 2. โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานที่ผเู้ รียนกาหนดขันตอน ความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยใช้ทักษะ ้ ความรู้ จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆมาบูรณาการเป็นโครงงานและปฏิบัติ สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ตามวัตถุประสงค์ 1. โครงงานที่เป็นการสารวจ รวบรวมข้อมูล 2. โครงงานที่เป็นการศึกษาค้นคว้า ทดลอง 3. โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลงาน 4. โครงงานที่เป็นการสร้างประดิษฐ์ คิดค้น
  • 2. 1. โครงงานที่เป็นการสารวจ รวบรวมข้อมูล เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วนาข้อมูลนั้นมาจาแนกเป็นหมวดหมู่ ใน รูปแบบทีเ่ หมาะสม ข้อมูลที่ได้จะนาไปปรับปรุงพัฒนาผลงาน ส่งเสริมผลผลิตให้มคุณภาพดียิ่งขึ้น ข้อมูลดังกล่าว อาจมี ี ผู้จัดทาขึ้นแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องมีการจัดทาใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้ ศึกษาโครงงาน โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก เช่น * การสารวจแหล่งเรียนรูในชุมชน ้ * การสารวจงานบริการและสถานประกอบการในท้องถิ่น 2. โครงงานที่เป็นการศึกษาค้นคว้า ทดลอง เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ เพือการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึงโดยเฉพาะ โดยศึกษาหลักการและออกแบบการค้นคว้า ใน ่ ่ รูปแบบการทดลองเพื่อยืนยันหลักการ ทฤษฎี เพื่อศึกษาหาแนวทางในการเพิ่มคุณค่า และการใช้ประโยชน์ให้มากขึน เช่น ้ * การปลูกพืชโคยไม่ใช้สารเคมี * การทาขนมอบชนิดต่าง ๆ โดยใช้วัสดุในท้องถิ่น * การควบคุมการเจริญเติบโตของต้นไม้ประเภทเถา * การศึกษาสูตรเครื่องดื่มที่ผลิตจากธัญญพืช 3. โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ๆ เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์เพือเสนอความรู้ หรือหลักการใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึงที่ยังไม่มีใครเคยคิด หรือคิด ่ ่ ขัดแย้ง หรือขยายจากของเดิมที่มอยู่ จากเนื้อหาวิชาการ หลักการ ทฤษฎีต่าง ๆ นามาปรับปรุง พัฒนา ให้สอดคล้องมีความ ี ชัดเจน มีผลงานทีเ่ ป็นรูปธรรม ซึ่งต้องผ่านการพิสูจน์อย่างมีหลักการและเชื่อถือได้ เช่น * การใช้สมุนไพรในการปราบศัตรูพืช * การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการถนอมอาหาร และปรุงอาหาร * เกษตรแบบผสมผสาน * เทคนิคการแก้โจทย์ปัญหา 4.โครงงานที่เป็นการสร้างประดิษฐ์ คิดค้น เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ คือ การนาความรู้ทฤษฎี หลักการ มาประยุกต์ใช้ โดยประดิษฐ์เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่างๆ หรืออาจเป็นการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือปรับปรุงของเดิมให้ดีขนใช้ประโยชน์ได้มาก ึ้ ยิ่งขึ้น เช่น * การประดิษฐ์เครื่องควบคุมการรดน้า * การประดิษฐ์เครื่องรับวิทยุ
  • 3. * การประดิษฐ์ของชาร่วย * การออกแบบเสื้อผ้า 1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน/โรงเรียน/วันเดือนปีทจัดทา ี่ 3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4. บทคัดย่อ บอกเค้าโครงย่อยๆประกอบด้วย เรื่อง....วัตถุประสงค์......วิธีการศึกษาและสรุปผล 5. กิตติกรรมประกาศ (แสดงความขอบคุณ บุคคล หรือหน่วยงาน ที่มีส่วนในการให้ความช่วยเหลือ ในดาเนินโครงงาน) 6. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 7. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า 8. สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) 9. วิธีดาเนินการ 10. สรุปผลการศึกษาค้นคว้า 11. อภิปรายผล / ประโยชน์ / ข้อเสนอแนะ 12. เอกสารอ้างอิง http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/tech04/22/mainmenu.html
  • 4. ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของ โครงงาน ขอบข่ายของโครงงาน การดาเนินงานโดยมีนักเรียนเป็นผู้รเิ ริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เป็นผู้ให้คาแนะนาปรึกษา สรุปได้ดังนีคือ ้ 1. เป็นกิจกรรมการศึกษาที่ให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบติด้วยตนเอง โดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหา ั โครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์ และกิจกรรมต่างๆ ที่ได้พบเห็นมาแล้ว 2. นักเรียนทุกคนเป็นผู้พิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือกลุ่ม จานวน 2-8 คน ต่อกลุ่ม โดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ เป็นภาคเรียน หรือมากกว่าก็ได้ 3. นักเรียนเป็นผู้พจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้า ปฏิบติด้วยตนเองตามความถนัด ิ ั สนใจและความพร้อม 4. นักเรียนเป็นผูเ้ สนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงานแผนปฏิบัตงาน และแปรผลรายงานต่อครูอาจารย์ที่ ิ ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตาจุดหมายที่กาหนด 5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงิน ดาเนินงานด้วย โครงงานประเภทต่างๆ การแบ่งประเภทของโครงงานมีหลายวิธี เช่น แบ่งตามหมวดวิชาการงานและอาชีพในโรงเรียน เช่น โครงงาน เกษตรกรรม โครงงานคหกรรม โครงงานอุตสาหกรรม โครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นต้น และจากขอบข่ายโครงงานดังกล่าว จะเห็นได้ว่านักเรียนเป็นผูดาเนินงาน โดยได้รับคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน และนักเรียนลงมือปฏิบัติด้วย ้
  • 5. ตนเอง ทังด้านการเสนอโครงงาน ขั้นตอนการปฏิบติงาน ตลอดจนทาแผนปฏิบติการ และรายงานผลตามจุดมุ่งหมายที่ ้ ั ั กาหนดไว้ ทาให้สามารถแยกประเภทของโครงงานได้ 4 ประเภท ดังนี้คอ ื 1. ประเภทพัฒนาผลงาน 2. ประเภทศึกษา ค้นคว้า ทดลอง 3. ประเภทสิ่งประดิษฐ์ 4. ประเภทสารวจข้อมูล 1. ประเภทพัฒนาผลงาน โครงงานนี้เป็นโครงงานที่เกิดจากการได้ศึกษาเนื้อหาทางวิชาการและอาชีพ หรือวิชาสามัญต่างๆ แล้วนามาปรับปรุงและ พัฒนาให้สอดคล้องกับแนวทางทฤษฎีหรือหลักวิชาดังกล่าว เช่น เมื่อได้ศึกษาเรื่องสมุนไพร ก็อาจทาโครงงานการใช้ยา ปราบศัตรูพืชด้วยพืชสมุนไพร กาจัดเพลี้ย หนอน ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องถนอมอาหาร ก็อาจทาโครงงานแปรรูปผลผลิต เช่น การทาผักดอง ทาไส้กรอก ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องการเลี้ยงปลา ก็อาจทาโครงงานการเลี้ยงปลาสวยงาม การทาตู้ปลาจาหน่าย ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องการปลูกผักกางมุ้งก็อาจทาโครงงานปลูกผักกาดหัว ผักคะน้า ผักกาดขาว และผักบุ้งจีนเป็นต้น 2. โครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า ทดลอง โครงงานนี้เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นจากการศึกษาค้นคว้า ทดลอง เพื่อยืนยันทฤษฎีหรือหลักการที่ได้ศึกษามาแล้ว หรือ ต้องการทราบแนวทาง เพิ่มคุณค่าและการใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น เช่น - การศึกษาสูตรอาหารไก่ตอน - การทดลองปลูกพืชในน้ายา หรือโดยไม่ใช้ดิน - การศึกษาสีย้อมผ้าจากพืชสมุนไพร - การใช้ฮอร์โมนกับกิ่งกุหลาบ - การใช้ฮอร์โมนในการผสมเทียมปลาดุก
  • 6. 3. โครงงานประเภทสร้างสิงประดิษฐ์ ่ โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นหลังจากได้ศึกษาทฤษฎี หรือพบเห็นผลงานของผูอื่นมาแล้ว เกิดความคิด ้ สร้างสรรค์ที่จะพัฒนาต่อไป จึงประดิษฐ์คิดค้นให้สามารถใช้ประโยชน์ ได้ดียิ่งขึ้น หรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น - การประดิษฐ์หัวฉีดพ่นน้าในแปลงปลูกผัก - การประดิษฐ์ของชาร่วย - การประดิษฐ์เครื่องบาบัดน้าเสีย - การประดิษฐ์เครื่องเพิ่มออกซิเจนให้กับน้า - การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสด 4. โครงงานประเภทสารวจข้อมูล โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ได้ศึกษาและสารวจข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงหรือส่งเสริมให้ ผลผลิตหรือผลงานมีคุณภาพ หรือคุณค่ามากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น เช่น - การสารวจราคาพืชผักในตลาดท้องถิ่น - การสารวจราคาปลาสวยงามในตลาดท้องถิ่น - การสารวจความต้องการปลาสวยงามในตลาดท้องถิ่น - การสารวจความต้องการพืชผักต่างๆ ในตลาดท้องถิ่น - การสารวจแหล่งวิชาการและสถานประกอบการในท้องถิน ่ - การสารวจแหล่งความรู้ของเกษตรกรในท้องถิ่น ที่มา : http://www.google.co.th/url?
  • 7. ขอบข่ายและประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อ เพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถาม คาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่า คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผเู้ รียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงาน ประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาทีเ่ ข้าใจยาก มา เป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปร ต่างๆ ที่มีผลต่อการชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของประเทศไทย เป็นต้น
  • 8. 2.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงานเพื่อ ประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับ การผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือ อุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มอยู่แล้วให้มี ี ประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ใน การออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และ ้ เครื่องมือต่างๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง 3.โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้หรือเพื่อความ เพลิดเพลิน เกมทีพัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่ ่ รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผเู้ ล่น พร้อมทังให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ้ ั เกมต่างๆ ที่มีอยูทั่วไป และนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึนใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผเู้ ล่นกลุ่มต่างๆ ่ ้
  • 9. 4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดยส่วน ใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึนเป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆ ้ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ เป็นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ใช้สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิเช่น ผู้ใช้วาด แจกันด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คานวณค่าและภาพที่ควรจะเป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก 5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ จาลองการทดลองของ สาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผทาต้อง ู้ ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมา
  • 10. เป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภท นี้มีจุดสาคัญอยูที่ผทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหล ่ ู้ ของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น ความคิดเห็นของกลุ่ม จากการศึกษาประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ทาให้ผจัดทาได้ทราบว่า โครงงานคอมพิวเตอร์มกี่ประเภท รายละเอียด ู้ ี ของแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง ทาให้ผจัดทาสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปสร้างสรรค์ผลงานให้ถูกประเภทยิ่งขึ้น และ ู้ สามารถนาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้ ขอขอบคุณ : http://namkwanmay.wordpress.com/2011/02/08/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E 0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8% A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0 %B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7/
  • 11. ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ มี 5 ประเภท ให้นักเรียนค้นหาขอบข่ายของโครงงานแต่ละประเภท เป็น ข้อๆ (ค้นจากห้องสมุด / อินเทอร์เน็ต) แล้วบันทึกลงกระดาษขนาด A4 ทีเ่ ตรียมมา พร้อมเขียน แหล่งที่มา หรือ Address ของ website ที่นักเรียนค้นหาข้อมูลเหล่านั้นด้วย โครงงานคอมพิวเตอร์ แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานดังนี้ - การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา - การพัฒนาเครื่องมือ - การทดลองทฤษฎี - การประยุกต์ใช้งาน - การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ 1. โครงงานพัฒนาสือเพื่อการศึกษา เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรม ่ บทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียน แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการ พัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาทีเ่ ข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา อีกทั้ง
  • 12. ยังสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้กบทุกกลุ่มสาระ เช่นวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องวิวัฒนาการ เราอาจทาการออกแบบสื่อนี้ให้มี ั ความน่าสนใจมีลูกเล่นแปลกใหม่ ทาให้ผู้อ่านได้รับความรู้และง่ายต่อการจดจามากยิ่งขึ้น รูปภาพจาก : http://media.nitessurat1.org/mc/mc_view.php?mc_id=4 2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ เป็นโครงงานที่สร้างเครื่องมือ ใช้สร้างงาน ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาด รูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น การผลิตโครงงานประเภทนี้สามารถเพิ่มความ สะดวกสบายในการสร้างผลงานที่จาเป็นต้องอาศัยความละเอียด สะดวก และรวดเร็วแม่นยา เช่นโปรแกรมสร้างรูปทรง หลายมิติที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้กับวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยให้เกิดความสะดวกและ รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานต้องกาหนดสเกลและรูปทรงที่ต้องการจากนั้นโปรแกรมก็จะประมวลผลและสร้างรูปทรงออกมา เป็นต้น
  • 13. รูปภาพจาก : http://www.freewarelands.com/ 3. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ ่ ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่ง อาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะ เปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนัน ซึ่งจะทาให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึน การทาโครงงานประเภทนี้มีจดสาคัญอยู่ทผู้ทา ้ ้ ุ ี่ ต้องมีความรู้ในเรื่องนันๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การ ้ ทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น รูปภาพจาก : http://ascom2.org/Logdiv/Manaul_CIP_M16A1.htm
  • 14. 4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจาวันอาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการ ออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงาน ประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึนใหม่ หรือ ้ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความ ี ต้องการของผูใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนันๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อการ ้ ้ จัดการงานต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันตามลักษณะของซอฟแวร์และการนาไปใช้งาน รูปภาพจาก : http://www.dimonload.com/index.php?topic=96.0 5. โครงงานพัฒนาเกม เพื่อความรู้ ความเพลิดเพลิน เช่นการสร้างเกมต่าง ๆ ที่จะทาให้ผู้เล่นได้รับทังความรู้และความ ้ สนุกสนานจากเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมทายศัพท์ เกมจับคู่ เกมฝึกสมองพัฒนาอีคิว ซึ่งเกมเหล่านี้ล้วนมาจากการประยุกต์ใช้ ความรู้จากโครงงานหลายประเภท จนสามารถนามาพัฒนาเป็นเกมซึ่งสร้างสรรค์ออกมาเพื่อให้ผเู้ ล่นได้รับทั้งความรู้และ ความสนุกสนานไปพร้อม ๆ กัน
  • 15. รูปภาพจาก : http://takathenec.exteen.com/20100105/game-2009 ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
  • 16. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพือการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ ่ ผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และ คาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็น อุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงาน ประเภทนี้ สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาทีเ่ ข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการ พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มผลต่อการ ี ชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของประเทศไทย เป็นต้น 2.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงาน เพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์ สาหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนีจะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ้ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผูใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ใน ้ การออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และ ้ เครื่องมือต่างๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง 3.โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้หรือเพื่อความ เพลิดเพลิน เกมที่พัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่รนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนีจะมีการออกแบบ ุ ้ ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการ สารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆ ที่มีอยูทั่วไป และนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ ่ และน่าสนใจแก่ผเู้ ล่นกลุ่มต่างๆ 4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนีเ้ ป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดย ส่วนใหญ่จะอยูในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ่ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่งจะเป็นเครืองมือให้เราใช้ในการพิมพ์ ่ งานต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ใช้สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิ เช่น ผู้ใช้วาดแจกันด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คานวณค่าและภาพที่ควร จะเป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก
  • 17. 5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ จาลองการ ทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็น โครงงานที่ผทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องทีต้องการศึกษาแล้ว ู้ ่ เสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วย คอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึน ้ การทาโครงงานประเภทนี้มจุดสาคัญอยู่ทผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การ ี ี่ ทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรืองการมองเห็นวัตถุแบบ ่ สามมิติ เป็นต้น จากการศึกษาประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ทาให้ผจัดทาได้ทราบว่า โครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท ู้ รายละเอียดของแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง ทาให้ผจัดทาสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปสร้างสรรค์ผลงานให้ถูกประเภทยิงขึ้น ู้ ่ และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้ ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ 1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล 3. จัดทาเค้าโครงของโครงงาน เมื่อผู้เรียนได้ศึกษาเอกสารอ้างอิงต่างๆ และเลือกเรืองทีจะทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ่ ่ รวมทั้งวางแผนการทาโครงงานทุกขั้นตอน โดยปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผูทรงคุณวุฒิแล้ว จึงเขียนเค้าโครงของ ้ โครงงานเพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดและแนวทาง ตลอดจนข้อตกลงต่างๆ ในการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ระหว่างผูเ้ รียน อาจารย์ และผู้เกี่ยวข้อง นอกจากจะต้องใช้หลักการทางวิชาการแล้ว ยังจาเป็นต้องมีข้อตกลงและเงือนไขต่างๆ ด้วย เช่น การ ขออนุญาตใช้ห้องปฏิบติการคอมพิวเตอร์ การจัดหาลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์ เครื่องมือและตัวแปลภาษาโปรแกรม เป็นต้น ั เพื่อช่วยให้การทาโครงงานดาเนินไปอย่างราบรื่น 4. การลงมือทาโครงงาน 5. การเขียนรายงาน 6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ 1. คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการออกแบบ คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนามาใช้ในการออกแบบมาเป็นเวลานาน เราคงจะเคยได้ยินคาว่า CAD (Computer - Aided Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับช่วยในการออกแบบทางวิศวกรรม โปรแกรมเหล่านีจะช่วยให้ผู้ออกแบบหรือวิศวกร ้ ออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น กล่าวคือ ผู้ออกแบบสามารถเขียนเป็นแบบลายเส้นแล้วลงสี แสงเงา เพื่อให้ดคล้ายกับของ ู
  • 18. จริงได้ นอกจากนี้แล้วเมื่อผู้ออกแบบกาหนดขนาดของวัตถุลงในระบบ CAD แล้ว ผู้ออกแบบยังสามารถย่อหรือขยายภาพ นั้น หรือต้องการหมุนภาพไปในมุมต่างๆ ได้ด้วย การแก้ไขแบบก็ทาได้ง่ายและสะดวกกว่าการออกแบบบนกระดาษ ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการออกแบบวงจรต่างๆ ผู้ออกแบบ สามารถวาดวงจรบนจอภาพโดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ระบบจัดเตรียมไว้ให้แล้วมาประกอบกันเป็นวงจรทีต้องการ ่ ผู้ออกแบบสามารถแก้ไข ตัดต่อ เพิ่มเติมวงจรได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสาหรับออกแบบ PCB (Printed Circuit Board) ซึ่งมีความสามารถจัดการให้แผ่นปรินต์มขนาดที่จะวางอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เหมาะสมที่สุด ี การออกแบบพาหนะต่างๆ เช่น รถยนต์ เครื่องบิน หรือเครื่องจักรต่างๆ ในปัจจุบันก็ใช้ระบบ CAD นักออกแบบ สามารถจะออกแบบส่วนย่อยๆ แต่ละส่วนก่อน แล้วนามาประกอบกันเป็นส่วนใหญ่ขึ้นจนเป็นเครืองจักรเครื่องยนต์ที่ ่ ต้องการได้ นอกจากนี้ในบางระบบยังสามารถที่จะทดสอบแบบจาลองที่ออกแบบไว้ได้ด้วย เช่น อาจจะออกแบบรถยนต์ แล้วนาโครงสร้างของรถที่ออกแบบนันมาจาลองการวิ่ง โดยให้วิ่งที่ความเร็วต่างๆ กันแล้วตรวจดูผลที่ได้ ซึ่งการทดลอง ้ แบบนี้สามารถทาได้ในระบบคอมพิวเตอร์และจะประหยัดกว่าการสร้างรถจริงๆ แล้วนาออกมาศึกษาทดสอบการวิ่ง การออกแบบโครงสร้าง เช่น ตึก บ้าน สะพาน หรือโครงสร้างใดๆ ทางวิศวกรรมโยธาและสถาปัตยกรรม ก็สามารถ ทาได้โดยใช้ CAD ช่วยในการออกแบบ หลังจากสถาปนิกออกแบบโครงสร้างในแบบ 2 มิติเสร็จแล้ว ระบบ CAD สามารถ จัดการให้เป็นภาพ 3 มิติ และยังสามารถแสดงภาพที่มุมมองต่างๆ กันได้ตามที่ผู้ออกแบบต้องการ นอกจากนี้ในบางระบบ สามารถแสดงภาพให้ปรากฏต่อผูออกแบบราวกับว่าผู้ออกแบบสามารถเดินเข้าไปภายในอาคารที่ออกแบบได้ด้วย ้ 2. กราฟและแผนภาพ คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการแสดงภาพกราฟและแผนภาพของข้อมูลได้เป็นอย่างดี โปรแกรมทางกราฟิก ทั่วไปในท้องตลาดจะเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างภาพกราฟและแผนภาพ โปรแกรมเหล่านี้ยังสามารถสร้างกราฟได้ หลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟวงกลม นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพกราฟได้ทั้งในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ทาให้ภาพกราฟที่ได้ดดีและน่าสนใจ กราฟและแผนภาพทางธุรกิจ เช่น กราฟหรือแผนภาพแสดงการเงิน สถิติ ู และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อผูบริหารหรือผูจัดการกิจการมาก เนื่องจากสามารถทาความเข้าใจกับข้อมูลได้ ้ ้ ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม ในงานวิจยต่างๆ เช่น การศึกษาทางฟิสิกส์ กราฟและแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัยทาความเข้าใจ ั กับข้อมูลได้ง่ายขึ้นเมื่อข้อมูลทีตองวิเคราะห์มีจานวนมาก ่้ ระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรือ GIS (Geographical Information System) ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการแสดงข้อมูลใน
  • 19. ทานองเดียวกับกราฟและแผนภาพ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกเก็บลงในระบบคอมพิวเตอร์ แล้วให้ระบบคอมพิวเตอร์ กราฟิกจัดการแสดงข้อมูลเหล่านันออกมาทางจอภาพในรูปของแผนที่ทางภูมศาสตร์ ้ ิ 3. ภาพศิลป์โดยคอมพิวเตอร์กราฟิก การวาดภาพในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็สามารถวาดได้แล้วโดยไม่ต้องใช้พู่กันกับจานสี แต่จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกแทน ภาพที่วาดในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกนี้เราสามารถกาหนดสี แสงเงา รูปแบบลายเส้นทีต้องการได้โดยง่าย ภาพโฆษณา ่ ทางโทรทัศน์หลายชิ้นก็เป็นงานจากการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพก็คือ เราสามารถแก้ไข เพิ่มเติมส่วนที่ต้องการได้ง่าย นอกจากนี้เรายังสามารถนาภาพต่างๆ เก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เครื่องสแกนเนอร์ (Scanner) แล้วนาภาพเหล่านั้นมาแก้ไข 4. ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์ ภาพยนตร์การ์ตูนและภาพยนต์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ ในปัจจุบนมีการนา ั คอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างภาพเคลื่อนไหว (Computer Animation) มากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่ สะดวก รวดเร็ว และง่ายกว่าวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ภาพที่ได้ยังดูสมจริงมากขึ้น เช่น ภาพยานอวกาศที่ปรากฏในภาพยนตร์ ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์ เป็นต้น การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยให้ภาพที่อยู่ในจินตนาการของมนุษย์สามารถนาออกมา ทาให้ปรากฏเป็นจริงได้ ภาพเคลือนไหวมีประโยชน์มากทังในระบบการศึกษา การอบรม การวิจัย และการจาลองการ ่ ้ ทางาน เช่น จาลองการขับรถ การขับเครื่องบิน เป็นต้น เกมส์คอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกมส์ก็ใช้หลักการทาภาพเคลื่อนไหน ในคอมพิวเตอร์กราฟิกเช่นกัน 5. อิเมจโปรเซสซิงก์ คาว่าอิเมจโปรเซสซิงก์ (Image Processing) หมายถึง การแสดงภาพที่เกิดจากการถ่ายรูปหรือจากการสแกนภาพให้ ปรากฏบนจอภาพคอมพิวเตอร์ วิธีการทางอิเมจโปรเซสซิงก์จะต่างกับวิธีการของคอมพิวเตอร์กราฟิก กล่าวคือ ในระบบ คอมพิวเตอร์กราฟิก ตัวคอมพิวเตอร์เองจะเป็นตัวที่สร้างภาพ แต่เทคนิกทางอิเมจโปรเซสซิงก์นั้นใช้คอมพิวเตอร์สาหรับ การจัดรูปแบบของสีและแสงเงาที่มีอยู่แล้วในภาพให้เป็นข้อมูลทางดิจิตอล แล้วอาจจะมีวิธีการทาให้ภาพที่รับเข้ามานั้นมี ความชัดเจนมากขึ้นก่อน จากนันก็จัดการกับข้อมูลดิจิตอลนี้ให้เป็นภาพส่งออกไปที่จอภาพของคอมพิวเตอร์อีกที วิธีการนี้มี ้ ประโยชน์ในการแสดงภาพของวัตถุที่เราไม่สามารถจะเห็นได้โดยตรง เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพจากทีวีสแกนของ หุ่นยนต์อตสาหกรรม เป็นต้น ุ เมื่อภาพถ่ายถูกทาให้เป็นข้อมูลดิจิตอลแล้ว เราก็สามารถจะจัดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพนั้นได้โดยจัดการกับข้อมูล ดิจิตอลของภาพนั่นเอง ซึ่งเราก็จะใช้หลักการของคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้กับข้อมูลเหล่านี้ได้ เช่น ในภาพสาหรับการ โฆษณา เราสามารถทาให้ภาพที่เห็นเหมือภาพถ่ายนั้นแปลกออกไปจากเดิมได้โดยมีภาพบางอย่างเพิ่มเข้าไปหรือบางส่วน
  • 20. ของภาพนั้นหายไป ทาให้เกิดภาพที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ดูเหมือนกับเกิดขึ้นจริงได้ เป็นต้น เทคนิคของอิเมจโปเซสซิงก์สามารถประยุกต์ใช้กับการแพทย์ได้ เช่น เครื่องเอกซเรย์ โทโมกราฟี (X-ray Tomography)ซึ่งใช้สาหรับแสดงภาพตัดขวางของระบบร่างกายมนุษย์ เป็นต้น จากที่กล่าวมาแล้ว เราจะเห็นได้วาคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นนับวันยิงมีความสาคัญในสาขาวิชาต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็น ่ ่ การดีที่เราควรจะมีความรูความเข้าใจในหลักการและทคนิคเบื้องต้นต่างๆ ทีใช้ในคอมพิวเตอร์กราฟิก ้ ่ ที่มา http://namkwanmay.wordpress.com/2011/02/08/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A 0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E 0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0% B8%A7/ http://www.rayongwit.ac.th/computer/m2fri49/g21m2fri/apply.htm http://www.mc.ac.th/learning/chaiwbi/project/p111.html