More Related Content
More from Wattana Sakornsathid
More from Wattana Sakornsathid (13)
K3
- 1. ใบงานที่ 3 เรือง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
่
--------------------------------------------------------------------
ขอบข่ายของโครงงาน
การดาเนินงานโดยมีนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์และครูอาจารย์เป็นผู้ให้คาแนะนาปรึกษา สรุปได้
ดังนี้คือ
1. เป็นกิจกรรมการศึกษาที่ให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎี
ตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆหรือจากประสบการณ์ และกิจกรรมต่างๆ ที่ได้พบเห็นมาแล้ว
2. นักเรียนทุกคนเป็นผู้พิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเองหรือกลุ่ม จานวน 2-8 คน ต่อกลุ่ม โดยใช้
ระยะเวลาสั้นๆเป็นภาคเรียน หรือมากกว่าก็ได้
3. นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความ
ถนัด สนใจและความพร้อม
4. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงานรายละเอียดของโครงงานแผนปฏิบัติงานและแปรผลรายงานต่อครูอาจารย์
ที่ปรึกษาเพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนด
5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา
รวมทั้งการใช้จ่ายเงินดาเนินงานด้วย
โครงงานประเภทต่างๆ
การแบ่งประเภทของโครงงานมีหลายวิธี เช่นแบ่งตามหมวดวิชาการงานและอาชีพในโรงเรียน เช่น
โครงงานเกษตรกรรม โครงงานคหกรรม โครงงานอุตสาหกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นต้นและจากขอบข่าย
โครงงานดังกล่าวจะเห็นได้ว่านักเรียนเป็นผู้ดาเนินงานโดยได้รับคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานและ
นักเรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทั้งด้านการเสนอโครงงานขั้นตอนการปฏิบัติงาน ตลอดจนทาแผนปฏิบัติการ
และรายงานผลตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้
ทาให้สามารถแยกประเภทของโครงงานได้ 4 ประเภท ดังนี้คือ
1. ประเภทพัฒนาผลงาน
2. ประเภทศึกษา ค้นคว้า ทดลอง
3. ประเภทสิ่งประดิษฐ์
4. ประเภทสารวจข้อมูล
- 2. 1. ประเภทพัฒนาผลงานโครงงานนี้เป็นโครงงานที่เกิดจากการได้ศึกษาเนื้อหาทางวิชาการและอาชีพ หรือ
วิชาสามัญต่างๆแล้วนามาปรับปรุงและพัฒนาให้สอดคล้องกับแนวทางทฤษฎีหรือหลักวิชาดังกล่าว เช่น เมื่อได้
ศึกษาเรื่องสมุนไพรก็อาจทาโครงงานการใช้ยาปราบศัตรูพืชด้วยพืชสมุนไพรกาจัดเพลี้ย หนอน ฯลฯ เมื่อได้ศึกษา
เรื่องถนอมอาหารก็อาจทาโครงงานแปรรูปผลผลิต เช่น การทาผักดองทาไส้กรอก ฯลฯ เมื่อได้ศึกษาเรื่องการเลี้ยง
ปลาก็อาจทาโครงงานการเลี้ยงปลาสวยงาม การทาตู้ปลาจาหน่ายเมื่อได้ศึกษาเรื่องการปลูกผักกางมุ้งก็อาจทา
โครงงานปลูกผักกาดหัว ผักคะน้า ผักกาดขาว และผักบุ้งจีนเป็นต้น
2. โครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า ทดลองโครงงานนี้เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าทดลอง
เพื่อยืนยันทฤษฎีหรือหลักการที่ได้ศึกษามาแล้วหรือต้องการทราบแนวทางเพิ่มคุณค่าและการใช้ประโยชน์ให้มาก
ขึ้น เช่น
- การศึกษาสูตรอาหารไก่ตอน
- การทดลองปลูกพืชในน้ายา หรือโดยไม่ใช้ดิน
- การศึกษาสีย้อมผ้าจากพืชสมุนไพร
- การใช้ฮอร์โมนกับกิ่งกุหลาบ
- การใช้ฮอร์โมนในการผสมเทียมปลาดุก
3. โครงงานประเภทสร้างสิ่งประดิษฐ์โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นหลังจากได้ศึกษาทฤษฎี
หรือพบเห็นผลงานของผู้อื่นมาแล้วเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่จะพัฒนาต่อไปจึงประดิษฐ์คิดค้นให้สามารถใช้
ประโยชน์ ได้ดียิ่งขึ้นหรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น
- การประดิษฐ์หัวฉีดพ่นน้าในแปลงปลูกผัก
- การประดิษฐ์ของชาร่วย
- การประดิษฐ์เครื่องบาบัดน้าเสีย
- การประดิษฐ์เครื่องเพิ่มออกซิเจนให้กับน้า
- การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุ
4. โครงงานประเภทสารวจข้อมูลโครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ได้ศึกษาและสารวจข้อมูลมาใช้
ประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงหรือส่งเสริมให้ผลผลิตหรือผลงานมีคุณภาพ หรือคุณค่ามากยิ่งขึ้นเพื่อให้ทันต่อ
เหตุการณ์มากยิ่งขึ้น เช่น
- การสารวจราคาพืชผักในตลาดท้องถิ่น
- การสารวจราคาปลาสวยงามในตลาดท้องถิ่น
- การสารวจความต้องการปลาสวยงามในตลาดท้องถิ่น
- 3. - การสารวจความต้องการพืชผักต่างๆ ในตลาดท้องถิ่น
- การสารวจแหล่งวิชาการและสถานประกอบการในท้องถิ่น
- การสารวจแหล่งความรู้ของเกษตรกรในท้องถิ่นแนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนวิชา ง43221
โครงงานการจัดการเรียนการสอนวิชาโครงงานนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกโครงงานเป็นกลุ่มหรือรายบุคคล
ตามความสนใจ ความถนัด และความเหมาะสม
อาจเลือกทาโครงงานได้หลายลักษณะ ดังนี้
- เลือกทาโครงงานใหญ่ เพียง 1 โครงงาน ตลอดภาคเรียน
- เลือกทามากกว่า 1 โครงงาน ตลอดภาคเรียนการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกทาโครงงานได้หลายลักษณะ
นี้เพราะหลักสูตรมิได้กาหนดจานวนชิ้นงานให้กับผู้เรียนแต่กาหนดขอบข่ายและกรอบของกระบวนการทางาน
ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถคิดงานได้หลายลักษณะ
ลักษณะโครงงานที่นักเรียนปฏิบัติ
1. ผู้เรียนได้ปฏิบัติตามโครงงานแล้ว ได้ผลผลิตเป็นชิ้นงาน
2.นาวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการผลิตชิ้นงาน
3.นาชิ้นงานที่ผลิตได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน
www.sahavicha.com/UserFiles/File/knowledge_11.doc