โครงงานภูมิปัญญาท้องถิ่น
- 1. โครงงานภูมิปัญญาท้องถิ่น (การทาขนมตาล)
บทคัดย่อ
ขนมตาล เป็นขนมไทยแท้ดั้งเดิม และเริ่มหาซื้อรับประทานยากขึ้น ตามจานวนของต้นตาล
ที่นับวันจะลดน้อยลงไป ความเด่นของขนมตาล อยู่ที่ความหอมหวลของน้าคั้นจากผลตาลสุก
งอม ความหวานมันที่ได้จาก มะพร้าวขูดเป็นเส้นโรยอยู่หน้าขนม ว่ากันว่าที่ใดมีต้นตาลที่นั่น
ต้องมี ขนมตาล เพราะต้นตาลเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ประโยชน์กับคนไทยมากมาย นับแต่ลูกตาลเนื้อ
นิ่มใสหวานชื่นใจ ที่จะรับประทานสด ๆ หรือนาไปเชื่อม รับประทานกับน้าแข็งก็อร่อยไม่แพ้
กัน จาวตาล หรือส่วนที่อยู่ด้านใน ของเมล็ดตาลที่แก่จัด เฉาะเอามาเชื่อมกับน้าตาลก็
รับประทานได้แถมน้า หวานที่ได้จากงวงตาลก็นามาทาน้าตาลโตนด ที่มีความหอมและหวาน
แหลมอย่างที่น้าตาลทรายก็สู้ไม่ได้คนไทยนิยมเอามาปรุงอาหารไทย
การทาขนมหวานไทยให้ดี ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง คือ ต้องมีใจรัก ชอบทามี
ความอดทนตั้งใจมีความพิถีพิถันในการประดิษฐ์ให้ขนมมีรูปร่างที่น่ารับประทาน ขนมหวาน
ไทยบางชนิดต้องฝึกทาหลายๆ ครั้งจึงจะได้ลักษณะที่ดี ประสบการณ์ และความชานาญในการ
ทาบ่อย ๆ ผู้ประกอบขนมหวานไทย จะประสบความสาเร็จในการทา
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเล่มนี้จะสาเร็จไปมิได้หากไม่ได้รับความสนับสนุน และคาปรึกษาจาก อาจารย์
พรทิพย์มหันตมรรค และขอขอบพระคุณ คุณปราณี พรหมทอง และผู้ปกครองที่คอยเป็น
กาลังใจ จนโครงงานเล่มนี้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากเนื้อหาในโครงงานเล่มนี้มีข้อผิดพลาด
ประการใด ขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วย
บทที่ 1
บทนา
แนวคิดที่มาและความสาคัญ
- 2. สืบเนื่องมาจากมีความชื่นชอบในขนมตาล ซึ่งในปัจจุบันขนมตาลเป็นขนมที่หากินได้
ยากและกระบวนการทาส่วนผสมมีความยุ่งยาก ส่วนต้นทุนในการลงทุนสูงแต่ได้กาไรน้อย
เพราะส่วนมากในกลุ่มลูกค้าโดยทั่วไปจะเป็นผู้สูงอายุ แต่เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่นิยมบริโภค
ขนมตาลเพราะไม่ทราบว่ามันคือขนมอะไร รสชาติเป็นยังไง และรูปลักษณ์การบรรจุภัณฑ์ไม่น่า
ดึงดูดใจเหมือนขนมขบเคี้ยวทั่วไป จึงทาให้ดิฉันมีความสนใจในการทาโครงงานเรื่องการทา
ขนมตาลเพื่ออนุรักษ์การทาขนมไทยและเพื่อเป็นประโยชน์ในการประการอาชีพ
วัตถุประสงค์
1.จัดทาขึ้นเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดการทาขนมตาล
2.จัดทาขึ้นเพื่อได้รู้วิธีการทาขนมตาล
3.สามารถนาไปเผื่อแพร่ให้กับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับวิธีการทา
หลักการและทฤษฎี
เนื่องจากเด็กไทยสมัยนี้มีความนิยมจากชาติตะวันตกมากจนเกินไป จนลืมไปความเป็น
ไทยว่าไทยเราก็มีของดีเยอะมากมาย เช่น เสื้อผ้าการแต่งกาย สถานที่ท่องเที่ยว และอาหารไทย
(ขนมตาล) ข้าพเจ้าได้มองเห็นความสาคัญของอาหารไทย(ขนมตาล) จึงได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูล
เพื่อที่จะสืบทอดของไทย
ขอบเขตของโครงงาน
1.ศึกษาค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ต
2.ศึกษาค้นคว้าจาก คุณปราณี พรหมทอง
สถานที่
ต.ปากน้า อ.เมือง จ.กระบี่
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้ทาเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
- 5. เนื้อตาลที่ได้ ส่วนเมล็ดตาลนาไปขยากับน้าให้เนื้อออกให้
กรองด้วยกระชอน แล้วกรองด้วยถุงผ้าขาวหนา แขวนไว้ให้น้าตกจนหมด ทาก่อนใช้ 1 คืน
2. โม่ข้าวสารที่แช่น้าไว้ให้ละเอียด แล้วทับให้แห้ง
3. จากนั้นผสมข้าวสารที่โม่และทับจนแห้งแล้ว รวมกับแป้งท้าวยายม่อม และลูกตาลที่ทับจน
แห้งแล้วนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้าด้วยกันจนแป้งที่ผสมเนียนและนุ่มมือ(ประมาณ 30-60 นาที)
ใส่น้าตาลสลับกับหัวกะทิ นวดจนหัวกะทิและน้าตาล ละลายหมด พักไว้ประมาณ 5-10 ชั่วโมง
นาเนื้อตาลที่ได้มานวดกับแป้ งแล้วเติมกะทิ(ผสมกับน้าตาลทรายตั้งไฟให้เดือดพักให้เย็น)
นวดเนื้อลูกตาลกับแป้ งข้าวเจ้าให้เข้ากัน แล้วค่อยๆเติมกะทิที่เคี่ยวไว้จนหมด
- 6. เมื่อเติมกะทิจนหมดได้ลักษณะดังภาพ ปิดฝาพักไว้ 4-5 ชั่วโมงจนขึ้นฟู (เป็นฟองปุดๆๆ)
4. ขั้นตอนรองสุดท้ายให้ตักแป้ งที่ผสมแล้วใส่กระทงหรือถ้วยตะไล โรยมะพร้าว แล้วนึ่งให้สุก
ยกลงถ้าใส่ถ้วยตะไลรอให้เย็นก่อนแล้วจึงนาออกจากถ้วยจัดใส่ภาชนะ
บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา
การวิจัยเรื่องการทาขนมตาล ทาให้ได้รู้ถึงรู้หลักวิธีการทา และวัฒนธรรมการการ
อนุรักษ์ของชุมชนในท้องถิ่นภาคใต้อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สมควรรับการส่งเสริม และ
อนุรักษ์ตลอดไป
จากการศึกษาพบว่า ขนมตาล เป็นขนมไทยที่นิยมกินกันมาตั้งแต่โบราณ โดยให้นา
สิ่งแวดล้อมความเป็นธรรมชาติมาพัฒนาปรับปรุง เพื่อให้เข้ากับชุมชน การทาขนมตาลเป็นอีก
ภูมิปัญญาหนึ่งที่เราควร อนุรักษ์ถึงวัฒนธรรมของชุมชนที่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
ในท้องถิ่นตามที่ผู้วิจัยได้ทาการศึกษา
ประโยชน์ที่ได้รับ
- 7. 1.ได้ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทาขนมตาล
2. เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และรักษา
ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่น
3. .ทราบว่าท้องถิ่นใด ที่ยังมีความนิยมขนมตาลอยู่
ข้อเสนอแนะ
การวิจัยเรื่องขนมตาล เพื่อประกอบการศึกษาข้อมูล ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
1. ข้อเสนอแนะทั่วไป
1.1 ควรจะนาผลจากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ไปปรับใช้ หรือบอกต่อคนในชุมชนอื่นๆที่
สนใจเพื่อการอนุรักษ์และสืบสานต่อไป
1.2 ควรจะนาผลการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้เผยแพร่ให้กับบุคคลที่สนใจ เพื่อนาไปพัฒนา
ปรับปรุง เพื่อให้เข้ากับชุมชน
2. ข้อเสนอแนะเพื่อการทาวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรจะได้ศึกษา รูปแบบวิถีชีวิตว่าการประกอบอาชีพเป็นอย่างไร และควรจะศึกษา
ข้อแตกต่างจากหลายๆชุมชนเพิ่มเติม