More Related Content
Similar to ครูจุ๋ม Poopdf
Similar to ครูจุ๋ม Poopdf (20)
ครูจุ๋ม Poopdf
- 1. รายงาน
เรื่อง....อาชญากรรมคอมพิวเตอร์และ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
จัดทาโดย
นางสาวกัญญาณี ศรีส ุกใส
เลขที่ 28 ชัน ม.6/1
้
เสนอ
ค ุณคร ูจุฑารัตน์ ใจบ ุญ
รายงานเล่มนี้เปนส่วนหนึ่งของรายวิชา
็
การงานอาชีพและเทคโนโลยี
โรงเรียนรัษฏาน ุประดิษฐ์อน ุสรณ์
อ.วังวิเศษ จ.ตรัง
- 2. คานา
รายงานเล่มนี้เป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี(ง33102 )
ซึ่งได้จดทาขึ้นในเรื่ องของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และได้
ั
รวบรวมเนื้อหาสาระต่างๆที่เกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไว้ในรายงานเล่มนี้แล้วซึ่งมีท้งความหมายของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ประเภท
ั
ของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ กระทาความผิดที่เป็ นการก่ออาชญากรรม
คอมพิวเตอร์ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ไว้ในรายงาน
เล่มนี้แล้วซึ่งรายงานเล่มนี้เหมาะสมแก่ผที่สนใจในเรื่ องของคอมพิวเตอร์ และสามารถ
ู้
นาไปใช้เป็ นสื่ อการเรี ยนการสอนได้ไม่มากก็นอยตามความเหมาะสมของเนื้อหาสาระ
้
หากรายงานเล่มนี้มีขอผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดวย
้ ้
ผูจดทา
้ั
นางสาวกัญญาณี ศรี สุกใส
ชั้นม. 6/1 เลขที่ 28
- 3. สารบัญ
เรื่อง หน้ า
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 1
พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
่ 4
หมวด ๑ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 5
หมวด ๒พนักงานเจ้าหน้าที่ 7
อ้างอิง 11
- 4. อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ กฎหมายที่เกียวข้ อง
่
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง การกระทาผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรื อการใช้
คอมพิวเตอร์ เพื่อกระทาผิดทางอาญา เช่น ทาลาย เปลี่ยนแปลง หรื อขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็ นต้น ระบบ
คอมพิวเตอร์ ในที่น้ ี หมายรวมถึงระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบดังกล่าวด้วย
สาหรับอาชญากรรมในระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ (เช่น อินเทอร์ เน็ต) อาจเรี ยกได้อีกอย่างหนึ่ง คือ
อาชญากรรมไซเบอร์ (อังกฤษ: Cybercrime) อาชญากรที่ก่ออาชญากรรมประเภทนี้ มักถูกเรี ยกว่า แครก
เกอร์ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เป็ นสิ่ งที่เกิดขึ้นมาควบคู่กบการเกิดขึ้นมาของคอมพิวเตอร์ หมายถึง การ
ั
กระทาความผิดหรื อก่ออาชญากรรมโดยอาศัยความรู ้ในการใช้คอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์อื่น ก่อให้เกิดความ
เสี ยหายต่อผูอื่น ต่อระบบเศรษฐกิจ และต่อประเทศชาติ
้
ในการก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ น้ น ตัวคอมพิวเตอร์ เอง อาจเป็ นเพียงเครื่ องมือที่ช่วยให้การกระทา
ั
ความผิดสามารถทาได้สะดวกมากขึ้น หรื ออาจเป็ นเครื่ องมือที่ใช้ในการกระทาความผิด หรื อ อาจจะเป็ น
เป้ าหมายในการทาอาชญากรรมก็ได้
อาชญากรรม 6 ประเภทดังกล่าวได้แก่
1.การเงิน – อาชญากรรมที่ขดขวางความสามารถขององค์กรธุ รกิจในการทาธุ รกรรม อี- คอมเมิร์ซ(หรื อ
ั
พาณิ ชย์อิเล็กทรอนิกส์ )
2.การละเมิดลิขสิ ทธิ์ – การคัดลอกผลงานที่มีลิขสิ ทธิ์ ในปั จจุบนคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลและอินเทอร์ เน็ต
ั
ถูกใช้เป็ นสื่ อในการก่ออาชญากรรม แบบเก่า โดยการโจรกรรมทางออนไลน์หมายรวมถึง การละเมิด
ลิขสิ ทธิ์ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์ เน็ตเพื่อจาหน่ายหรื อเผยแพร่ ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการ
คุมครองลิขสิ ทธิ์
้
3.การเจาะระบบ – การให้ได้มาซึ่ งสิ ทธิ ในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ หรื อเครื อข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
และในบางกรณี อาจหมายถึงการใช้สิทธิ การเข้าถึงนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้การเจาะระบบยังอาจ
รองรับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในรู ปแบบอื่นๆ (เช่น การปลอมแปลง การก่อการร้าย ฯลฯ)
4.การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ – ผลสื บเนื่องจากการเจาะระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความ
หวาดกลัว เช่นเดียวกับการก่อการร้ายทัวไป โดยการกระทาที่เข้าข่าย การก่อการร้ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-
่
terrorism) จะเกี่ยวข้องกับการเจาระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อก่อเหตุรุนแรงต่อบุ คคลหรื อทรัพย์สิน หรื ออย่าง
น้อยก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัว
5.ภาพอนาจารทางออนไลน์ – ตามข้อกาหนด 18 USC 2252 และ 18 USC 2252A การประมวลผลหรื อการ
เผยแพร่ ภาพอนาจารเด็กถือเป็ นการกระทาที่ผดกฎหมาย และตามข้อกาหนด 47 USC 223 การเผยแพร่ ภาพ
ิ
ลามกอนาจารในรู ปแบบใดๆ แก่เยาวชนถือเป็ นการกระทาที่ขดต่อกฎหมาย อินเทอร์ เน็ตเป็ นเพียงช่องทาง
ั
ใหม่สาหรับอาชญากรรม แบบเก่า อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่ องวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการควบคุมช่องทางการ
สื่ อสารที่ครอบคลุมทัวโลกและเข้าถึงทุกกลุ่มอายุน้ ีได้ก่อให้เกิดการถกเถียงและการโต้แย้งอย่างกว้างขวาง
่
- 5. ่
6.ภายในโรงเรี ยน – ถึงแม้วาอินเทอร์ เน็ตจะเป็ นแหล่งทรัพยากรสาหรับการศึกษาและสันทนาการ แต่
เยาวชนจาเป็ นต้องได้รับทราบเกี่ยวกับวิธีการใช้งานเครื่ องมืออันทรงพลังนี้อย่างปลอดภัยและมีความ
รับผิดชอบ โดยเป้ าหมายหลักของโครงการนี้คือ เพื่อกระตุนให้เด็ กได้เรี ยนรู ้เกี่ยวกับข้อกาหนดทางกฎหมาย
้
สิ ทธิ ของตนเอง และวิธีที่เหมาะสมในการป้ องกันการใช้อินเทอร์ เน็ตในทางที่ผด ิ
กระทาความผิดทีเ่ ป็ นการก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ในปั จจุบนเราคงจะได้ยนข่าวคราวเกี่ยวกับการกระทาความผิดที่เป็ นการก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ั ิ
เป็ นระยะๆ รู ปแบบการก่อความผิดก็แตกต่างกันไป มีท้ งที่เป็ นการกระทาความผิดเพื่อการก่อกวน สร้าง
ั
ความราคาญ ทาลายชื่อเสี ยง ทาลายทรัพย์สิน ลักทรัพย์ และอื่นๆ อีกมากมาย ตัวอย่างการกระทาความผิด
เช่น 1.การหลอกลวงโดยใช้อีเมล์ เช่น การหลอกลวงว่าเราได้รับรางวัลพิเศษ หรื อถูกล๊อตเตอรี่ ซึ่ งจะต้อง
โอนเงินให้กบผูที่ส่งอีเมล์มาเพื่อให้ได้รางวัลดังกล่าว หรื อหลอกว่าเป็ นผูที่ส่งอีเมล์เป็ นผูที่ได้รับมรดกแต่มี
ั ้ ้ ้
เงื่อนไขคือ ต้องโอนเงินเข้าบัญชี บุคคลที่สาม ซึ่งเค้าต้องการให้เรารับโอนเงินและโอนคืนให้เค้า และจะให้
ค่าตอบแทนกับเรา แต่ตองให้เราไปหาเค้าหรื อโอนเงินไปให้เค้าก่อนเพื่อเป็ นหลักประกัน เป็ นต้น
้
2.การขโมยรหัสผ่าน โดยเฉพาะรหัสผ่านที่เกี่ยวข้องกับระบบ e-banking ซึ่ งอาจทาได้หลายวิธี เช่น การ
เจาะเข้าระบบเราโดยตรงเพื่อขโมยรหัสผ่าน (Hacker/Cracker) หรื อใช้วธี Phishing ซึ่ งก็คือการหลอกล่อให้
ิ
ั
เราป้ อนข้อมูลให้กบเค้า โดยอาจปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์ให้คล้ายคลึงกับหน้าเว็บไซต์ที่เราจะต้องกรอก
ข้อมูลจริ ง เช่น เว็บของธนาคาร เป็ นต้น
3.Skimming เป็ นการดักคัดลอกข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็ม ตั้งแต่รหัสผ่าน ข้อมูลในบัตร เพื่อนาไปใช้ทา
บัตรใบใหม่ มาใช้ทาธุ รกรรมแทนเรา วิธีการนี้ทาได้โดยการติดตั้งอุปกรณ์ไว้ที่ตูเ้ อทีเอ็ม และรอจนเราเข้าไป
ทาธุ รกรรมบนตูเ้ อทีเอ็มนั้น หลังจากที่เราไปแล้ว ผูกระทาความผิดก็จะถอดอุปกรณ์อ อกและนาข้อมูลที่ได้
้
ไปสร้างบัตรใหม่ข้ ึนมา
1.การเล่นพนันบนอินเตอร์ เน็ต
2.การโพสต์ขอความหมิ่นประมาท
้
3.การเผยแพร่ ภาพลามกอนาจาร ทั้งทางเครื อข่าย รวมถึงการส่ งอีเมล์ และฟอร์ เวิร์ดเมล์ต่อด้วย
4.การฆ่าผูอื่นตายโดยเจตนา เช่น แฮคเข้าไปในระบบของโรงพยาบาลแล้วแก้ประวัติการรักษา ประวัติ
้
การแพ้ยา ทาให้หมอจ่ายยาผิดพลาดจนคนไข้ตาย
5.การปัดเศษทศนิยม โดยฝังโปรแกรมลงไปในโปรแกรมของธนาคารหรื อสหกรณ์ เพื่อให้เมื่อมีธุรกรรม
ผ่านโปรแกรม แล้วพบว่ามีเศษทศนิยมที่ต่ากว่า 50 สตางค์ ให้ปัดเศษทศนิยมลงและโอนยอดเงิ นนั้นเข้า
บัญชีของตัวเอง
6.การขโมย email address
7.การลักลอบจาหน่ายสิ นค้าผิดกฎหมาย เช่น ใช้ตวละครในเกมส์ออนไลน์ในการติดต่อซื้ อขายยาบ้า แล้ว
ั
ส่ งยาบ้าทางพัสดุปกติ
- 6. พระราชบัญญัติว่าด้ วยการกระทาความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศ
ว่า โดยที่เป็ นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุ ณาโปรด
เกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภานิติบญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
ั
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ ีเรี ยกว่า “พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
่
พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ ีให้ใช้บงคับเมื่อพ้นกาหนดสามสิ บวันนับแต่วนประกาศในราชกิจจา
ั ั
นุเบกษาเป็ นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติน้ ี “ระบบคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า อุปกรณ์หรื อชุดอุปกรณ์ของ
คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมการทางานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกาหนดคาสั่ง ชุดคาสั่ง หรื อสิ่ งอื่นใด และแนวทาง
ปฏิบติงานให้อุปกรณ์หรื อชุดอุปกรณ์ทาหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดย อัตโนมัติ
ั
่ ่ ่
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คาสัง ชุดคาสัง หรื อสิ่ งอื่นใดบรรดาที่อยูในระบบ
คอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจ ประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุ รกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ดวย ้
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่ อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่ง
แสดงถึงแหล่งกาเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริ มาณ ระยะเวลาชนิดของบริ การ หรื ออื่น ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่ อสารของระบบคอมพิวเตอร์ น้ น ั
“ผูให้บริ การ” หมายความว่า
้
(๑) ผูให้บริ การแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่ อินเทอร์ เน็ต หรื อให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่าน
้
่
ทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่วาจะเป็ นการให้บริ การในนามของตนเอง หรื อในนามหรื อเพื่อประโยชน์
ของบุคคลอื่น
(๒) ผูให้บริ การเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์ เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
้
“ผูใช้บริ การ” หมายความว่า ผูใช้บริ การของผูให้บริ การไม่วาต้องเสี ยค่าใช้บริ การหรื อไม่ก็ตาม
้ ้ ้ ่
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผูซ่ ึ งรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ปฏิบติการตามพระราชบัญญัติน้ ี
้ ั
“รัฐมนตรี ” หมายความว่า รัฐมนตรี ผรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ ี
ู้
่
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรี วาการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารรักษาการตาม
พระราชบัญญัติน้ ี และให้มีอานาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบติการตามพระราชบัญญัติน้ ี กฎกระทรวงนั้น
ั
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บงคับได้
ั
- 7. หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่ งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและ
้
มาตรการนั้น มิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรื อปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรื อ
ทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผูใดล่วงรู ้มาตรการป้ องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ที่ผู ้อื่นจัดทาขึ้นเป็ นการเฉพาะถ้า
้
นามาตรการดังกล่าวไปเปิ ดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายแก่ผอื่น ต้องระวางโทษจาคุก
ู้
ไม่เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและ
้
มาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรื อปรับไม่เกินสี่ หมื่นบาทหรื อทั้งจาทั้ง
ปรับ
มาตรา ๘ ผูใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่ อดักรับไว้ ซึ่ง
้
้ ่
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นที่อยูระหว่างการส่ งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นมิได้มีไว้
ั
เพื่อประโยชน์สาธารณะหรื อเพื่อให้บุคคล ทัวไปใช้ประโยชน์ได้ตองระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อ
่ ้
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
่
มาตรา ๙ ผูใดทาให้เสี ยหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรื อเพิ่มเติมไม่วาทั้งหมดหรื อบางส่ วน ซึ่ง
้
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรื อ
้
ทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผูใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผูอื่น
้ ้
ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรื อรบกวนจนไม่สามารถทางานตามปกติได้ตองระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อ
้
ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผูใดส่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิ ดหรื อปลอม
้
แปลงแหล่งที่มาของการส่ งข้อมูลดังกล่าว อันเป็ นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดย
ปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๙ หรื อมาตรา ๑๐
่ ่
(๑) ก่อให้เกิดความเสี ยหายแก่ประชาชน ไม่วาความเสี ยหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรื อในภายหลัง และไม่วา
- 8. จะเกิดขึ้นพร้อมกันหรื อไม่ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิ บปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็ นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อระบบคอมพิวเตอร์ที่
เกี่ยวกับการรักษาความมันคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมันคงในทางเศรษฐกิจ
่ ่
ของประเทศ หรื อการบริ การสาธารณะ หรื อเป็ นการกระทาต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อระบบคอมพิวเตอร์ ท่ีมี
ไว้เพื่อ ประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สามปี ถึงสิ บห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสาม
แสนบาทถ้าการกระทาความผิดตาม (๒) เป็ นเหตุให้ผอื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สิบปี ถึง
ู้
ยีสิบปี
่
มาตรา ๑๓ ผูใดจาหน่ายหรื อเผยแพร่ ชุดคาสั่งที่จดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไปใช้เป็ นเครื่ องมือในการ
้ ั
กระทาความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรื อมาตรา ๑๑ ต้องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผูใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดงต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่
้ ั
เกินหนึ่งแสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
(๑) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ปลอมไม่วาทั้งหมดหรื อบางส่ วน หรื อ
่
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ อนเป็ นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายแก่ผอื่นหรื อประชาชน
ั ู้
(๒) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อนเป็ นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสี ยหายต่อ
ั
ความมันคงของประเทศหรื อก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
่
(๓) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใด ๆ อันเป็ นความผิดเกี่ยวกับความมันคงแห่ง
่
ราชอาณาจักรหรื อความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใด ๆ ที่มีลกษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ น
ั ั
ประชาชนทัวไปอาจเข้าถึงได้
่
่
(๕) เผยแพร่ หรื อส่ งต่อซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู ้อยูแล้วว่าเป็ นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตาม (๑)(๒) (๓) หรื อ
(๔)
มาตรา ๑๕ ผูให้บริ การผูใดจงใจสนับสนุนหรื อยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔ ใน
้ ้
่
ระบบคอมพิวเตอร์ ที่อยูในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผูกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔
้
มาตรา ๑๖ ผูใดนาเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทัวไปอาจเข้าถึงได้ซ่ ึ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่
้ ่
ปรากฏเป็ นภาพของผูอื่น และภาพนั้นเป็ นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรื อดัดแปลงด้วยวิธีการ
้
ทางอิเล็กทรอนิกส์หรื อวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นนั้นเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียด
ู้
ชัง หรื อได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ ถ้าการกระทาตามวรรคหนึ่ง เป็ นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์
- 9. โดยสุ จริ ต ผูกระทาไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็ นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผูเ้ สี ยหายใน
้
ความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสี ยก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรื อ บุตรของผูเ้ สี ยหายร้องทุกข์ได้
และให้ถือว่าเป็ นผูเ้ สี ยหาย
มาตรา ๑๗ ผูใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ีนอกราชอาณาจักรและ
้
(๑) ผูกระทาความผิดนั้นเป็ นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรื อผูเ้ สี ยหายได้ร้องขอให้
้
ลงโทษ หรื อ
(๒) ผูกระทาความผิดนั้นเป็ นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรื อคนไทยเป็ นผูเ้ สี ยหายและผูเ้ สี ยหายได้ร้อง
้
ขอให้ลงโทษจะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้ าหน้ าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บงคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสื บสวนและสอบสวนในกรณี ที่มีเหตุอน
ั ั
่
ควรเชื่อได้วามีการ กระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจอย่างหนึ่งอย่างใด
ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จาเป็ นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็ นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิด และหาตัว
ผูกระทาความผิด
้
(๑) มีหนังสื อสอบถามหรื อเรี ยกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ีมาเพื่อให้
่
ถ้อยคา ส่ งคาชี้แจงเป็ นหนังสื อ หรื อส่ งเอกสาร ข้อมูล หรื อหลักฐานอื่นใดที่อยูในรู ปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรี ยกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากผูให้บริ การเกี่ยวกับการติดต่อสื่ อสาร ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรื อ
้
จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผให้บริ การส่ งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผูใช้บริ การที่ตองเก็บตามมาตรา ๒๖ หรื อที่อยูในความ
ู้ ้ ้ ่
ครอบครองหรื อควบคุมของผูให้บริ การให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
้
(๔) ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอนควรเชื่อได้ั
่
ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราช บัญญัติน้ ี ในกรณี ที่ระบบคอมพิวเตอร์ น้ นยังมิได้อยูในความ
ั
ครอบครองของพนักงานเจ้า หน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่ งครอบครองหรื อควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่ ง
มอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์ดงกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
ั
(๖) ตรวจสอบหรื อเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรื ออุปกรณ์ที่
ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของบุคคล ใด อันเป็ นหลักฐานหรื ออาจใช้เป็ นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทา
ความผิด หรื อเพื่อสื บสวนหาตัวผูกระทาความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่ งข้อมูล คอมพิวเตอร์ขอมูลจราจรทาง
้ ้
- 10. คอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จาเป็ นให้ดวยก็ได้
้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของบุคคลใด หรื อสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทาการถอดรหัสลับ หรื อให้ความร่ วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับ
ดังกล่าว
(๘) ยึดหรื ออายัดระบบคอมพิวเตอร์ เท่าที่จาเป็ นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบราย ละเอียดแห่งความผิด
และผูกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี
้
มาตรา ๑๙ การใช้อานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยนคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อมีคาสั่งอนุญาตให้ พนักงานเจ้าหน้าที่
ื่
่
ดาเนินการตามคาร้อง ทั้งนี้ คาร้องต้องระบุเหตุอนควรเชื่อได้วาบุคคลใดกระทาหรื อกาลังจะกระทาการอย่าง
ั
หนึ่งอย่างใดอันเป็ นความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี เหตุที่ตองใช้อานาจ ลักษณะของการกระทาความผิด
้
รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ท่ีใช้ในการกระทาความผิดและผูกระทาความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้
้
ประกอบคาร้องด้วยในการพิจารณาคาร้องให้ศาลพิจารณาคาร้องดังกล่าวโดยเร็ ว เมื่อศาลมีคาสังอนุญาตแล้ว
่
ก่อนดาเนินการตามคาสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสาเนาบันทึกเหตุอนควรเชื่อที่ทาให้ตองใช้
ั ้
อานาจ ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรื อผูครอบครองระบบคอมพิวเตอร์ น้ นไว้
้ ั
เป็ นหลักฐาน แต่ถาไม่มีเจ้าของหรื อผูครอบครองเครื่ องคอมพิวเตอร์ อยู่ ณ ที่น้ น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่ง
้ ้ ั
มอบสาเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรื อ
ผูครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทาได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผเู ้ ป็ นหัวหน้าในการดาเนินการตามมาตรา
้
๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่ งสาเนาบันทึกรายละเอียดการดาเนินการและเหตุผลแห่งการดาเนินการให้ศาลที่มี เขตอานาจภายในสี่
สิ บแปดชัวโมงนับแต่เวลาลงมือดาเนินการ เพื่อเป็ นหลักฐานการทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘
่
่
(๔) ให้กระทาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอนควรเชื่อได้วามีการกระทาความผิดตามพระราช บัญญัติน้ ี และต้องไม่
ั
เป็ นอุปสรรคในการดาเนินกิจการของเจ้าของหรื อผูครอบครองข้อมูล คอมพิวเตอร์ น้ นเกินความจาเป็ น การ
้ ั
ยึดหรื ออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่ งมอบสาเนาหนังสื อแสดงการยึดหรื ออายัดมอบให้
เจ้าของหรื อผู้ ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์ น้ นไว้เป็ นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรื ออายัด
ั
ไว้เกินสามสิ บวันมิได้ ในกรณี จาเป็ นที่ตองยึดหรื ออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยนคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจ
้ ื่
เพื่อขอขยายเวลายึดหรื ออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรื อหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกิน
หกสิ บ วัน เมื่อหมดความจาเป็ นที่จะยึดหรื ออายัดหรื อครบกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ตอง ้
ส่ งคืนระบบคอมพิวเตอร์ ที่ยดหรื อถอนการอายัดโดยพลัน หนังสื อแสดงการยึดหรื ออายัดตามวรรคห้าให้
ึ
เป็ นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
- 11. มาตรา ๒๐ ในกรณี ที่การกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ีเป็ นการทาให้แพร่ หลายซึ่ ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมันคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กาหนดไว้ในภาคสอง
่
ลักษณะ ๑ หรื อลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรื อที่มีลกษณะขัดต่อความสงบเรี ยบร้อยหรื อ
ั
ศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี อาจยืนคาร้อง พร้อม
่
แสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอานาจขอให้มีคาสั่งระงับการทาให้แพร่ หลายซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ น ั
ได้ ในกรณี ท่ีศาลมีคาสังให้ระงับการทาให้แพร่ หลายซึ่ งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามวรรค หนึ่ง ให้พนักงาน
่
เจ้าหน้าที่ทาการระงับการทาให้แพร่ หลายนั้นเอง หรื อสั่งให้ผให้บริ การระงับการทาให้แพร่ หลายซึ่ ง
ู้
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นก็ ได้
ั
มาตรา ๒๑ ในกรณี ที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใดมีชุดคาสั่งไม่พงประสงค์
ึ
่ ้
รวมอยูดวย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยืนคาร้อ งต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอให้มีคาสั่งห้าม จาหน่ายหรื อ
่
เผยแพร่ หรื อสั่งให้เจ้าของหรื อผูครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นระงับการใช้ ทาลายหรื อแก้ไข
้ ั
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นได้ หรื อจะกาหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรื อเผยแพร่ ชุดคาสังไม่พึง
ั ่
ประสงค์ดงกล่าวก็ได้ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ตาม วรรคหนึ่งหมายถึงชุดคาสั่งที่มีผลทาให้ขอมูลคอมพิวเตอร์
ั ้
หรื อระบบคอมพิวเตอร์ หรื อชุดคาสั่งอื่นเกิดความเสี ยหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรื อเพิ่มเติม
ขัดข้อง หรื อปฏิบติงานไม่ตรงตามคาสั่งที่กาหนดไว้ หรื อโดยประการอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้
ั
เว้นแต่เป็ นชุดคาสั่งที่มุ่งหมายในการป้ องกันหรื อแก้ไขชุดคาสั่งดังกล่าว ข้างต้น ตามที่รัฐมนตรี ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิ ดเผยหรื อส่ งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลของผูใช้บริ การ ที่ ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้
้
ั ้
บังคับกับการกระทาเพื่อประโยชน์ในการดาเนินคดีกบผูกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี หรื อเพื่อ
ประโยชน์ในการดาเนินคดีกบพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อานาจหน้าที่
ั
โดยมิชอบ หรื อเป็ นการกระทาตามคาสั่งหรื อที่ ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ ใดฝ่ าฝื นวรรค
หนึ่งต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรื อปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผใดกระทาโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผอื่นล่วงรู ้ขอมูลคอมพิวเตอร์
ู้ ู้ ้
ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลของผูใช้บริ การ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
้
หนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผูใดล่วงรู ้ขอมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลของผูใช้บริ การ ที่
้ ้ ้
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิ ดเผยข้อมูลนั้นต่อผูหนึ่งผูใด ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสอง
้ ้
ปี หรื อปรับไม่เกินสี่ หมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
- 12. มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรื อข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มา
ตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้อางและรับฟังเป็ นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
้
ความอาญาหรื อกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสื บพยานได้ แต่ตองเป็ นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคามัน
้ ่
สัญญา ขูเ่ ข็ญ หลอกลวง หรื อโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผูให้บริ การต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้ไม่นอยกว่าเก้าสิ บ วันนับแต่
้ ้
วันที่ขอมูลนั้นเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณี จาเป็ นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผให้บริ การผูใดเก็บ
้ ู้ ้
รักษา ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้เกินเก้าสิ บวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปี เป็ นกรณี พิเศษเฉพาะรายและเฉพาะ
คราวก็ได้ ผูให้บริ การจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผูใช้บริ การเท่าที่จาเป็ นเพื่อให้ สามารถระบุตวผูใช้บริ การ
้ ้ ั ้
นับตั้งแต่เริ่ มใช้บริ การและต้องเก็บรักษาไว้เป็ นเวลาไม่นอยกว่าเก้าสิ บวัน นับตั้งแต่การใช้บริ การสิ้ นสุ ดลง
้
ั ้
ความในวรรคหนึ่งจะใช้กบผูให้บริ การประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็ นไปตามที่รัฐมนตรี ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาผูให้บริ การผูใดไม่ปฏิบติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
้ ้ ั
มาตรา ๒๗ ผูใดไม่ปฏิบติตามคาสั่งของศาลหรื อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรื อมาตรา
้ ั
๒๐ หรื อไม่ปฏิบติตามคาสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรั บเป็ น
ั
รายวันอีกไม่เกินวันละห้าพัน บาทจนกว่าจะปฏิบติให้ถูกต้อง
ั
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้รัฐมนตรี แต่งตั้งจากผูมีความรู ้
้
และความชานาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรี กาหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็ นพนักงานฝ่ าย
ั
ปกครองหรื อตารวจชั้นผูใหญ่ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอานาจรับคาร้องทุกข์หรื อ
้
รับคากล่าวโทษ และมีอานาจในการสื บสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี ในการจับ
ควบคุม ค้น การทาสานวนสอบสวนและดาเนินคดีผกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ ี บรรดาที่เป็ น
ู้
อานาจของพนักงานฝ่ ายปกครองหรื อตารวจชั้นผูใหญ่ หรื อพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธี
้
พิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบเพื่อดาเนินการ
้
ตามอานาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะผูกากับดูแลสานักงานตารวจแห่งชาติ และรัฐมนตรี มี
้
อานาจ ร่ วมกันกาหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบติในการดาเนินการตามวรรคสอง
ั
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ตองแสดงบัตรประจาตัวต่อบุคคลซึ่ งเกี่ยวข้อง
ั ้
บัตรประจาตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็ นไปตามแบบที่รัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา