More Related Content
Similar to ๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
Similar to ๑. ลักษณะคำประพันธ์[1] (20)
More from จุฑารัตน์ ใจบุญ
More from จุฑารัตน์ ใจบุญ (20)
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
- 3. ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพ
คาสร้อย
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า คาสร้อย
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
ลิลิตพระลอ
- 5. ฉันทลักษณ์
โคลง คือ คำประพันธ์ซึ่งมีวิธีเรียงร้อยถ้อยคำเข้ำ
คณะ มี ก ำหนดเอกโทและสั ม ผั ส โคลงมี ลั ก ษณะบั ง คั บ
๖ อย่ำง ได้แก่
- คณะ
- พยำงค์
- สัมผัส
- คำเอก คำโท
- คำเป็น คำตำย
- คำสร้อย
- 6. ฉันทลักษณ์
คำ “สุภาพ” ในโคลงนั้น อำจำรย์กำชัย ทองหล่อ ได้
อธิบำยไว้ว่ำ มีควำมหมำยเป็น ๒ อย่ำง คือ
๑. หมำยถึงคำที่ไม่มีเครื่องหมำยวรรณยุกต์เอกโท
(คือ คำธรรมดำที่ไม่กำหนดเอกโทจะมี หรือไม่มีก็ได้)
๒. หมำยถึงกำรบังคับคณะและสัมผัสอย่ำงเรียบ ๆ
ไม่โลดโผน
ลักษณะบังคับของโคลง มีดังนี้
- 7. ฉันทลักษณ์
๑. คณะ คื อ ข้ อ ก ำหนดเกี่ ย วกั บ รู ป แบบของค ำ
ประพั น ธ์ แ ต่ ล ะชนิ ด ว่ ำ จะต้ อ งประกอบด้ ว ย ส่ ว นย่ อ ย ๆ
อะไรบ้ำง
คำที่เป็นลักษณะบังคับข้อนี้สำคัญมำก คำประพันธ์ทุก
ชนิดจะต้องมีคณะ ถ้ำไม่มีก็ไม่เป็นคำประพันธ์ คณะที่เป็นสิ่งที่
ช่วยกำหนดรูปแบบของคำประพันธ์แต่ละชนิดให้เป็นระเบียบ
เพื่อใช้เป็นหลักในกำรแต่งต่อไป
- 8. ฉันทลักษณ์
๒. พยางค์ คือเสียงที่เปล่งออกมำครั้งหนึ่ง ๆ บำงทีก็
มีควำมหมำย เช่น เมือง ไทย นี้ ดี บำงทีก็ไม่มีควำมหมำย แต่
เป็นส่วนหนึ่งของคำ เช่น ภิ ใน คา อภินิหาร ยุ ในคา ยุวชน
กระ ในคา กระถาง
เนื่องจำกคำไทยเรำแต่เดิมมีพยำงค์เดียวโดยมำก ฉะนั้น
ในกำรแต่ ง ค ำประพั น ธ์ เ รำถื อ ว่ ำ พยำงค์ ก็ คื อ ค ำนั่ น เอง ในค ำ
ประพันธ์ แต่ละชนิดมีกำรกำหนดพยำงค์ (คำ) ไว้ แน่นอน ว่ ำ
วรรคหนึ่งมีกี่พยำงค์ (คำ)
- 9. ฉันทลักษณ์
๓. สัมผัส คือลักษณะที่บังคับให้ใช้คาคล้องจอง
กั น สั ม ผั ส เป็ น ลั ก ษณะที่ ส ำคั ญ ที่ สุ ด ในค ำประพั น ธ์ ข องไทย
คำประพันธ์ทุกชนิดจำเป็นต้องมีสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ
- 10. ฉันทลักษณ์
๔. ค าเอก ค าโท หม ำ ยถึ ง พย ำ งค์ ที่ บั ง คั บด้ ว ย
รู ป วรรณยุ ก ต์ เ อก และรู ป วรรณยุ ก ต์ โ ท ส ำหรั บ ใช้ กั บ ค ำประพั น ธ์
ประเภทโคลงเท่ำนั้น มีข้อกำหนดดังนี้
คาเอก ได้แก่ พยำงค์ที่มีไม้เอกบังคับทั้งหมด เช่น จ่า ปี่ ขี่
ส่อ น่า คี่ และพยำงค์ที่เป็นคำตำยทั้งหมดจะมีเสียงวรรณยุกต์ใดก็ได้
เช่น กาก บอก มาก โชค คิด รัก
- 11. ฉันทลักษณ์
คาตาย สะกดด้วยแม่ กก กบ กด
กก ก ข ค ฆ คร
ปาก เลข สามัคคี เมฆ สมัคร
กบ บ ป ฟ ภ
จบ บาป กราฟ ยีราฟ ลาภ
กด ด ต ช ฐ ถ ท ธ ฑ ฒ ส ศ ษ ซจ
มด ชาติ ราช รัฐ รถ บาท อาวุธ ครุฑ วัฒนะ โอกาส
อากาศ เศษ อนาถ ปัจจัย สุวัจน์
- 12. ฉันทลักษณ์
คาเอกโทษ คือคำที่ไม่เคยใช้ไม้เอกแต่เอำมำแปลงใช้โดย
เปลี่ ย นวรรณยุ ก ต์ เป็ น เอกเพื่ อ ให้ ไ ด้ เ สี ย งตำมบั ง คั บ เช่ น เสี้ ย ม
เปลี่ยนเป็น เซี่ยม, สร้าง เปลี่ยนเป็น ซ่าง คำเช่นนี้ อนุโลมให้เป็น
คำเอกได้
คาโท ได้แก่พยำงค์ที่มีไม้โทบังคับทั้งหมด เช่น ถ้า ป้า น้า
น้อย ป้อม ยิ้ม
- 13. ฉันทลักษณ์
คาโทโทษ คือคำที่ไม่เคยใช้ไม้โท แต่เอำแปลงใช้โดย
เปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นโท เพื่อได้เสียงโทตำมบังคับ เช่น
เล่น เปลี่ยนเป็น เหล้น,
ช่วย เปลี่ยนเป็น ฉ้วย
คำเช่นนี้อนุโลมให้เป็นคำโทได้
- 14. ฉันทลักษณ์
๕. คาเป็น คาตาย
คาเป็น ได้แก่พยำงค์ที่ผสมด้วยสระเสียงยำวในมำตรำ
แม่ ก กำ เช่น มำ ขี่ ถือ เมีย กับพยำงค์ที่ผสมด้วยสระ อำ
ไอ ใอ เอำ เช่น ทำ ไป ไม่ เขำ และพยำงค์ที่สะกดด้วย
มำตรำแม่ กง กน กม เกย เกอว เช่น สั่ง ถ่ำน ล้ม ตำย เร็ว
อิ อุ เอะ แอะ โอะ อึ เออะ เอำะ อะ
อี อู เอ แอ โอ อือ เออ ออ อำ
เอีย เอือ อัว
- 15. ฉันทลักษณ์
คำเป็น คำตำย
๑. แม่ ก กา เสียงยาว ๑. แม่ ก กา เสียงสัน
้
นี่ คือ ตูด เกย์ เคย โดน แต่ ว่า ชอบ ๒. มาตาราเสียงตัวสะกด กบด
อี อือ อู เอ เออ โอ แอ อา ออ กก สุก เลข สามัคคี เมฆ สมัคร
เมีย เบื่อ ผัว กบ พบ บาป ลาภ ภพ
เอีย เอือ อัว กด ด ต ช ซ ส ษ ศ ท ธ ฑ ธ ฒ จ ถ ฐ
๒. มาตาราเสียงตัวสะกด นมยวง ฎฏ
กน กม เกย เกอว กง
สัญญาณ กาฬ มาร ชม สวย ลาว มอง
อิ อุ เอะ แอะ โอะ อึ เออะ เอำะ อะ
อี อู เอ แอ โอ อือ เออ ออ อำ
เอีย เอือ อัว
- 16. ฉันทลักษณ์
๕. คาเป็น คาตาย
ค าตาย ได้ แ ก่ พ ยำงค์ ที่ ผ สมด้ ว ยสระเสี ย งสั้ น ใน
มำตรำแม่ ก กำ เช่น จะ ติ และพยำงค์ที่สะกดด้วยมำตรำ
แม่ กก กด กบ เช่น ปัก นาค คิด มือ เก็บ สาป คำตำย
นี้ใช้แทนคำเอกในโคลงได้
- 17. ฉันทลักษณ์
๖. คาสร้อย
คือคำที่ใช้เติมลงท้ำยวรรค ท้ำยบำท หรือท้ำยบท เพื่อควำม
ไพเรำะหรือเพื่อให้ครบจำนวนคำตำมลักษณะบังคับ บำงแห่งก็ใช้เป็น
คำถำม หรือใช้ย้ำควำม คำสร้อยนี้ใช้เฉพำะในโคลงและร่ำย และ
มักจะเป็นคำเป็น เช่น แลนา พี่เอย ฤๅพี่ ฤๅพ่อ แม่แล น้องเฮย
หนึ่งรา
- 18. ฉันทลักษณ์
กฎ :
๑. คณะ มีดังนี้
- โคลงสี่สุภำพบทหนึ่งมี ๔ บำท
- บำทหนึ่งมี ๒ วรรค คือวรรคหน้ำกับวรรคหลัง
- วรรคหน้ำของทุกบำทมีวรรคละ ๕ คำ
- วรรคหลังของบำทที่ ๑, ๒ และ ๓ มีวรรคละ ๒ คำ
ส่วนของบำทที่ ๔ มี ๔ คำ
- รวมโคลงสี่สุภำพ บทหนึ่งมี ๓๐ คำ
- 19. ฉันทลักษณ์
กฎ :
๒. สัมผัส มีดังนี้
คำที่ ๗ ของบำทที่ ๑ สัมผัสกับคำที่ ๕ ของบำทที่ ๒ และ ๓
คำที่ ๗ ของบำทที่ ๒ สัมผัสกับคำที่ ๕ ของบำทที่ ๔
ถ้ำจะให้โคลงที่แต่งไพเรำะยิ่งขึ้น ควรมีสัมผัสใน และ
สัมผัสอักษรระหว่ำงวรรคด้วย
กล่ำวคือ ควรให้คำสุดท้ำยของวรรคหน้ำ สัมผัสอักษรกับ
คำหน้ำของวรรคหลัง จำกตัวอย่ำงในโคลงได้แก่คำ “อ้าง” กับ
“อัน” “ใหล” กับ “ลืม”
- 20. ฉันทลักษณ์
กฎ :
๓. คาเอกคาโทและคาเป็นคาตาย มีดังนี้
๑. บังคับคำเอก ๗ แห่ง และคำโท ๔ แห่ง ตำมตำแหน่งที่
เขียนไว้ในแผนผังภูมิ
๒. ตำแหน่งคำเอกและโท ในบำทที่ ๑ อำจสลับที่กันได้ คือ
นำคำเอกไปไว้ในคำที่ ๕ และนำคำโทมำไว้ในคำที่ ๔
- 21. ฉันทลักษณ์
กฎ :
๓. คาเอกคาโทและคาเป็นคาตาย มีดังนี้
๓. คำที่ ๗ ของบำทที่ ๑ และคำที่ ๕ ของบำทที่ ๒ และ ๓
ห้ำมใช้คำที่มีรูปวรรณยุกต์
๔. ห้ำมใช้คำตำยที่ผันด้วยวรรณยุกต์โท ในตำแหน่งโท
- 22. ฉันทลักษณ์
กฎ :
๓. คาเอกคาโทและคาเป็นคาตาย มีดังนี้
๕. ค ำสุ ด ท้ ำ ยของบท ห้ ำ มใช้ ค ำตำย และค ำที่ มี รู ป
วรรณยุกต์ และเสียงที่นิยมกันว่ำไพเรำะ คือเสียงจัตวำไม่มีรูป หรือ
จะใช้เสียงสำมัญก็ได้เพรำะเป็นคำจบ จะต้องอ่ำนเอื้อนเสียงยำว
- 23. เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
(ลิลตพระลอ)
ิ