More Related Content
Similar to บทที่ ๒ สารอาหาร
Similar to บทที่ ๒ สารอาหาร (20)
บทที่ ๒ สารอาหาร
- 17. ความต้องการโปรตีนของร่างกาย
- ขึนอยู่กับ อายุ เพศ และขนาดของร่างกาย
- วัยเด็ก ต้องการโปรตีนมากกว่าวัยผู้ใหญ่ (2.5-3 กรัม : นน.ตัว 1 กก.)
- วัยผู้ใหญ่ต้องการโปรตีนวันละ 1 กรัมต่อน้าหนักตัว 1 กก.
- หญิงมีครรภ์ ต้องการโปรตีนวันละ 80 กรัม หรือเพิ่มจาก
ปรกติ 20 กรัม
- 24. - เมื่อย่อยแล้วได้โมเลกุลที่เล็กที่สุด คือ กลูโคส
- ให้พลังงาน 4 kcal/g
- ถ้าร่างกายได้รับในปริมาณมากคาร์โบไฮเดรตจะเปลี่ยนเป็น
ไขมันและสะสมไว้ที่กล้ามเนือและตับทังแป้งและไกลโคเจน
จะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคส เพื่อใช้เผาผลาญพลังงานในยามที่
เราต้องการ
- ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายควรได้รับขึนอยู่กับการใช้
พลังงานของแต่ละบุคคล กล่าวคือ พลังงาน 50-60% ได้มา
จากคาร์โบไฮเดรต
- 29. ๒. แป้ง
๒.๑ แป้งในพืช ได้จาก ธัฐพืช เมล็ดพืช
และหัวของพืชต่างๆ เช่น ข้าวเผือก กลอย มัน
๒.๒ แป้งในสัตว์ เป็นแป้งที่สัตว์สร้างขึน
จากน้าตาลกลูโคสที่เหลือใช้
๓. เซลลูโลส หรือใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย
ให้เป็นไปตามปกติ
- 36. - ไขมันมี 2 ประเภทคือ ไขมันธรรมดา ได้แก่ ไขมันสัตว์และน้ามันพืช
และไขมันพิเศษ เช่น ไข่แดง
- เมื่อย่อยแล้วได้กรดไขมันกับกลีเซอรอล
- ให้พลังงาน 9 kcal/g
- ช่วยละลายวิตามิน A D E และ K
- คอเลสเตอรอล เป็นไขมันพิเศษที่ตับสร้างขึนได้
- ถ้ารับประทานไขมันในปริมาณมากจะท้าให้เกิดโรคอ้วนและ
ความดันโลหิต
ไขมัน
- 39. กรดไขมันมีกี่ประเภท?
กรดไขมันมี ๒ ประเภท
๑. กรดไขมันอิ่มตัว หรือกรดไขมันที่ไม่จ้าเป็น
อยู่ในสภาพของแข็ง ได้จากสัตว์เลือดอุ่น เช่น
ไขวัว ไขควาย ไขแพะ ไขแกะ มันหมู มันไก่ และ
จากพืชบางชนิด เช่น น้ามันมะพร้าว น้ามันปาล์ม
ไขมันเหล่านีจะมีโคเลสเตอรอลสูง
- 40. กรดไขมันมีกี่ประเภท?
๒. กรดไขมันไม่อิ่มตัว หรือ กรดไขมันที่จ้าเป็น
เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้ พบ
ในน้ามันพืชชนิดต่าง ๆ ได้แก่ น้ามันดอกค้าฝอย
น้ามันดอกทานตะวัน น้ามันถั่วเหลือง น้ามันร้าข้าว
น้ามันข้าวโพด น้ามันงา
- 60. - แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง
ผักใบเขียว นม
- ศัตรูของธาตุเหล็ก ได้แก่ ฟอสโฟโปรตีนในไข่และสารไฟ
เทตในขนมปังโฮลวีตที่ไม่ได้หมักฟู
- โรคจากการขาดธาตุเหล็ก ได้แก่ โรคโลหิตจางจากการ
ขาดธาตุเหล็ก เด็กมีพัฒนาการเจริญเติบโตช้า มีร่างกาย
อ่อนเพลีย ผิวพรรณดูไม่สดใส ผิวซีด
- 63. - แหล่งไอโอดีนธรรมชาติ ได้แก่ อาหารทะเล ปลาทะเล
ปูหอย สาหร่ายทะเลสีน้าตาล หัวหอม เป็นต้น
- โรคจากการขาดไอโอดีน ได้แก่ โรคคอพอก
ต่อมไทรอยด์ท้างานน้อยไป (ไฮโปไทรอยด์)
- ศัตรูของไอโอดีน ได้แก่ กระบวนการแปรูปอาหารและ
ดินที่ขาดสารอาหาร
- 66. รายชื่อ
อาหาร
ส่วนประของ
อาหาร
ชื่อสารอาหาร ประโยชน์ สารอาหาร
ครบถ้วน
หรือไม่
ข้าวผัดไข่
1. ข้าว
2. ไข่
3. กระเทียม
4. ผักคะน้า
5. มะเขือเทศ
1. คาร์โบไฮเดรต
2. โปรตีน
3. ไขมัน
4. วิตามัน
5. แร่ธาตุ
6. น้า
1. ท้าให้ได้พลังงาน
2. ช่วยซ่อมแซมส่วนที่
สึกหรอ
3. ท้าให้ผิวพรรณดี
ครบถ้วน
ก๋วยเตี๋ยว
เส้นเล็กหมู
1. เส้นก๋วยเตี๋ยว
2. เนือหมู/ลูกชิน
3. ถั่วงอก
4. ต้นหอม ผักชี
5. กระเทียมเจียว
6. น้าซุป
1. คาร์โบไฮเดรต
2. โปรตีน
3. ไขมัน
4. วิตามัน
5. แร่ธาตุ
6. น้า
1. ท้าให้ได้พลังงาน
2. ช่วยซ่อมแซมส่วนที่
สึกหรอ
3. ท้าให้ผิวพรรณดี
4. ท้าให้ส่วนต่างๆ ของ
ร่างกายท้างานได้ปกติ
ครบถ้วน
- 71. - น้ามันตับปลา ตับ แครรอท ผักสีเหลืองและเขียวเข้ม
ผักต้าลึง ยอดชะอม คะน้า ยอดกระถิน ผักโขม ฟักทอง
มะม่วงสุก บรอกโคลี แคนตาลูป แตงกวา ผักกาดขาว
มะละกอสุก ไข่ นม มาร์การีน ผลไม้สีเหลือง
แหล่งอาหารของวิตามินเอ
- 72. - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น
- รักษาเยื่อตาให้เป็นปกติ มีความชุ่มชืนอยู่เสมอ
- ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชือในทางเดินหายใจ
- ท้าให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายท้างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยลดจุดด่างด้า รอยแผลเป็น รอยแผลสิวที่ผิวหนังได้ดี
- ช่วยสร้างเนือเยื่อชันนอกของอวัยวะต่าง ๆ ให้มีสุขภาพดีขึน
ประโยชน์ของวิตามินเอ
- 77. แหล่งอาหารที่พบวิตามินอี
- ข้าวซ้อมมือ กล้วย ไข่ จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีต
ซีเรียลชนิดโฮลเกรน น้ามันพืช น้ามันเมล็ดฝ้าย น้ามัน
ดอกค้าฝอย น้ามันข้าวโพดถั่ว ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ กะหล่้าปลี กะหล่้าดาว ผักใบเขียว
ผักขม อะโวคาโด (เฉพาะเนือ) ปวยเล้ง น้านมมนุษย์
- 79. ประโยชน์ของวิตามินอี (ต่อ)
๘. ช่วยลดความดันโลหิต
๙. ช่วยในการป้องกันภาวะแท้ง
๑๐. บรรเทาอาการตะคริวหรือขาตึง
๑๑. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนือหัวใจขาดเลือด
และอัมพฤกษ์ อัมพาต
๑๒. ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ได้
๑๓. Vitamin E ป้องกันแผลเป็น
- 84. วิตามินบี ๑ หรือไทอะมีน (Thiamine)
- มีหน้าที่ส้าคัญในการช่วยให้ร่างกายเปลี่ยน
สารอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงาน
- ช่วยในการท้างานของระบบประสาท หัวใจและ
กล้ามเนือให้ท้างานดีขึน ป้องกันโรคเหน็บชา
วิตามินบี ๑
- 86. การขาดวิตามินบี ๑
- โรคเหน็บชา เบื่ออาหาร ไม่มีแรง
- การเจริญเติบโตหยุดชะงัก อ่อนเพลีย
- ชาตามปลายประสาท
- ปวดกล้ามเนือน่อง กล้ามเนือทางเดินปัสสาวะ
และล้าไส้อย่างอ่อนแอ
- 87. - วิธีการปรุงอาหาร ได้แก่ น้า ความร้อน
- อาหาร น้าชา ใบเมี่ยง หอยลาย ปลาร้าดิบ
- คาเฟอีน แอลกอฮอล์ อากาศ
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน
- ยาลดกรดในกระเพาะ ยาในกลุ่มซัลฟา
ศัตรูของวิตามินบี ๑
- 88. อาหารที่มีวิตามินบี ๑
- เนือหมู เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่แดง
- ข้าวซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้ง นม
- ร้าข้าว จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต
- ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน
- ผักใบเขียว มันฝรั่ง
- 89. ค้าแนะน้าในการรับประทานวิตามินบี ๑
- ผู้ใหญ่ : ๑ – ๑.๕ มิลลิกรัม
- หญิงตังครรภ์และให้นมบุตร : ๑.๕ – ๑.๖ มิลลิกรัม
- คนที่ต้องการวิตามินบี 1 เพิ่มมากขึน ได้แก่ คนที่
ชอบรับประทานอาหารหวานจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
เป็นประจ้า รวมทัง เจ็บป่วย มีอาการเครียด ผ่าตัด
- 90. วิตามินบี ๒
วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin)
- เป็นวิตามินที่ถูกดูดซึมได้ง่าย
- มีลักษณะเป็นของแข็งสีเหลืองส้ม ละลายน้าได้
- ทนความร้อนได้ ถูกท้าลายได้ง่ายโดยแสงสว่าง
- 91. หน้าที่ของ วิตามินบี ๒
- ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก
- ช่วยเหลือเอนไซม์บางชนิดในกระบวนการขนส่งประจุ
ไฟฟ้าลบหรืออิเล็กตรอน (Electron)
- เป็นองค์ประกอบหนึ่งในกระบวนการเผาผลาญทาง
ชีวเคมีของวิตามินบี 6, โฟเลต (กรดโฟลิก), ไนอะซิน
และธาตุเหล็ก
- 92. หน้าที่ของ วิตามินบี ๒ (ต่อ)
- ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
- ช่วยป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษในหญิงที่ตังครรภ์
- ช่วยป้องกันการอักเสบที่ตาและปาก
- ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ตา
- ช่วยป้องกันการก้าเริบของการปวดศีรษะ ไมเกรน
- 95. อาหารที่มีวิตามินบี ๒ สูง
- ไข่ นม ตับ ไต หัวใจ เนือสัตว์
- เครื่องในสัตว์ ปลา
- ถั่วเหลือง โยเกิร์ต ชีส
- ผักใบเขียว เมล็ดข้าวที่ก้าลังงอก
- 97. วิตามินบี ๖
- วิตามินบี 6 หรือ ไพริด็อกซิน
- วิตามินชนิดนีจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน
8 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน
- แบคทีเรียในล้าไส้บางชนิดสามารถสังเคราะห์เองได้
- 101. อาหารที่มีวิตามินบี ๖ สูง
- เนือสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่ไก่ นม ยีสต์
- ข้าวไม่ขัดสี จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ร้าข้าว
- ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ผลวอลนัท
- กล้วย แคนตาลูป กะหล่้าปลี ผักใบเขียว
- 104. วิตามินซี
วิตามินซี (Vitamin C) หรือ กรดแอสคอร์บิก
- เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
- สร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยซ่อมแซมเนือเยื่อต่าง ๆ
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี
- ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง
- ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน
- 107. - นิ่ว
- ท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย มีผื่นผิวหนัง
- คนไข้โรคมะเร็งที่ก้าลังฉายรังสีหรือเคมีบ้าบัด
ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเพราะผลตรวจอาจ
แปรปรวนได้
การรับประทานมากเกินไป
- 108. - แสงแดด - ความร้อน
- ออกซิเจน - การสูบบุหรี่
- น้า - การปรุงอาหาร
ศัตรูของวิตามินซี
- 113. - ปริมาณน้าที่ต้องดื่มเข้าไปต้อง เท่าๆ กับที่เสียออกจาก
ร่างกายเหมือนกัน คือประมาณ ๒ – ๒.๕ ลิตร
(๒,๐๐๐- ๒,๕๐๐ ซีซี) หรือ ๘ - ๑๐ แก้ว
- น้าถูกขับถายออกจากรางกายในรูปของ ปสสาวะ
อุจจาระ เหงื่อ ละอองน้าในลมหายใจ