Submit Search
Upload
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
•
0 likes
•
1,489 views
F
FINNOMENAMarketing
Follow
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
Read less
Read more
Economy & Finance
Slideshow view
Report
Share
Slideshow view
Report
Share
1 of 26
Download now
Download to read offline
Recommended
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENAMarketing
Recommended
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENAMarketing
SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มเติบโต 2.6% ใกล้เคียงปีก่อน มุมมองปรับดีขึ้นจากแรงส่งที่ดีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีในช่วงต้นปีนี้ โดยกิจกรรมในภาคบริการขยายตัวเร่งขึ้น ขณะที่กิจกรรมในภาคการผลิตเริ่มกลับมาขยายตัวจากที่หดตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกจะได้รับแรงสนับสนุนจากการค้าโลกที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อโลกที่ชะลอตัวลง แต่ยังมีแรงกดดันจากผลกระทบของภาวะดอกเบี้ยสูง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยืดเยื้อ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกจากปัญหาการขนส่งบริเวณทะเลแดงและคลองปานามาที่แห้งแล้ง ธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักจะเริ่มปรับทิศการใช้นโยบายการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง รวม 75 BPS ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง รวม 100 BPS ตามทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับชะลอลง ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง รวม 20 BPS ซึ่งเป็นการยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ธนาคารกลางจีนจะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพยุงเศรษฐกิจต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2024 สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย SCB EIC ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2024 เหลือ 2.7% (เดิม 3%) แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องได้ จากแรงขับเคลื่อนของการท่องเที่ยวและภาคบริการรวมถึงเศรษฐกิจด้านอุปสงค์อื่นที่กลับมาขยายตัวเร่งขึ้นในหลายองค์ประกอบ โดยเฉพาะการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่แรงส่งภาครัฐจะยังหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกจากความล่าช้าของการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2024 กอปรกับปัญหาสินค้าคงคลังสะสมสูงจากปีก่อนจะยังไม่สามารถคลี่คลายได้เร็ว ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกไทยที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยจะยังฟื้นช้าต่อเนื่องมาในปีนี้ ภาวะเงินเฟ้อไทย ในส่วนของเงินเฟ้อไทยที่ติดลบต่อเนื่องหลายเดือน SCB EIC ประเมินว่า ไทยยังไม่เผชิญภาวะเงินฝืด โดยเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือน พ.ค. เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือด้านราคาพลังงานจะสิ้นสุดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันในประเทศที่จะเริ่มปรับสูงขึ้น นอกจากนี้ เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านสูงท่ามกลางความเสี่ยงห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักจากสถานการณ์ทะเลแดง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายควบคุมการส่งออกของบางประเทศที่อาจทำให้ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวและน้ำตาล เงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งหลังของปีจึงจะเร่งกลับไปแตะกรอบเงินเฟ้อได้ โดย SCB EIC ประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2024 อยู่ที่ 0.8% และ 0.6% ตามลำดับ อ่านเพิ่มเติม : https://www.scbeic.com/th/detail/product/outlook-q12024
Outlook ไตรมาส 1/2024 ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอ...
Outlook ไตรมาส 1/2024 ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอ...
SCBEICSCB
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
FINNOMENAMarketing
งานนำเสนอbm702
งานนำเสนอbm702
Tanapon_V
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENAMarketing
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENAMarketing
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2023 ข้อมูลเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2023 ออกมาขยายตัวเพียง 1.8%YOY หรือ 0.2%QOQ_sa เทียบไตรมาสก่อนแบบปรับฤดูกาล ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 3.1%YOY (จากผลสำรวจ Bloomberg) ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปีขยายตัวได้ 2.2% เศรษฐกิจไทยด้านการใช้จ่าย (Expenditure approach) ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการเป็นแรงหนุนสำคัญ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่องสู่ระดับ 16.47 ล้านคน (ข้อมูลถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2023) สอดคล้องกับภาวะการจ้างงานและดัชนีความเชื่อมั่นที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากการส่งออกสินค้าที่ยังหดตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่เติบโตชะลอลงจากปีก่อนและผันผวนสูง โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่เป็นคู่ค้าหลักของไทย ส่งผลให้การลงทุนจากภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงมาก สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งเพราะปัจจัยฐานที่มีการใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มเติมช่วงวิกฤติโควิด และการเบิกจ่ายงบลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจไทยด้านการผลิต (Production approach) ยังมีแรงหนุนจากภาคบริการที่ขยายตัวสูงต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อกลุ่มที่พักแรมและบริการด้านอาหาร รวมถึงการขายส่งและการขายปลีกที่ขยายตัวดีตามการบริโภคในประเทศ ขณะที่ภาคเกษตรแม้จะเติบโตชะลอลง แต่ยังขยายตัวได้ตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ปริมาณน้ำในเขื่อนเพียงพอต่อการเพาะปลูกในช่วงหน้าแล้ง การขยายพื้นที่เพาะปลูก และโรคระบาดสุกรคลี่คลาย ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ในทุกกลุ่มการผลิต โดยเฉพาะการผลิตเพื่อส่งออก (รูปที่ 1) เศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวแผ่วลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แม้จะมีแนวโน้มจำกัดค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวจากภาวะเศรษฐกิจในบางประเทศที่ชะลอตัว แต่จะยังส่งผลดีต่อการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชนหลายตัวเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือนกรกฎาคม จากความกังวลต่อผลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล การส่งออกหดตัวภาวะเอลนีโญ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำจากการส่งออกไทยในครึ่งหลังของปีจากเศรษฐกิจจีนที่แผ่วลง ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยที่พึ่งพาตลาดจีนสูงและอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ของสินค้าส่งออกจีน โดยเฉพาะยางพารา ไม้ยางพารา ปิโตรเคมี คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง จากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่อาจกระทบการเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการลงทุนภาครัฐ ตลอดจนความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลใหม่ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งจากค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงตามต้นทุนพลังงานที่ลดลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงหากเลื่อนระยะเวลาการชำระคืนภาระอุดหนุนค่าไฟคงค้างของภาครัฐอาจทำให้ค่าไฟฟ้าปรับลดลงได้อีก อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อไทยยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากปัจจัยเอลนีโญที่จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและราคาอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจัยที่จะทำให้ราคาพลังงานในประเทศเร่งตัวกว่าช่วงครึ่งแรกของปี อาทิ การเร่งตัวของราคาน้ำมันโลกจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+
ส่งออกทรุดฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2023 ในระยะต่อไปยังเผชิญ ความเสี่ยงจากเศรษฐก...
ส่งออกทรุดฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2023 ในระยะต่อไปยังเผชิญ ความเสี่ยงจากเศรษฐก...
SCBEICSCB
แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกปี 2023 ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2023 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตราว 10% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภค โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท โดยกลุ่ม Store-base retailing จะกลับมามีมูลค่าเท่าก่อนช่วงโรคระบาดในปี 2024 ส่วน Non-store retailing ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ครึ่งแรกของปี 2023 ธุรกิจค้าปลีกสามารถเพิ่มยอดขายจากนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาในประเทศมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 2023 อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ยังต้องระวัง เช่น ราคาสินค้าและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีความเปราะบาง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านการเงินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีระดับการกู้ยืมสูง การอ่อนค่าของเงินบาทที่กระทบกลุ่มสินค้านำเข้า การเติบโตของ E-commerce ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยังมีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง แม้จะมีการชะลอตัวลงหลังจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับก่อนช่วงโรคระบาด อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบาย โดยเฉพาะกลุ่ม Marketplace retailers ที่มีสินค้าที่หลากหลายจากผู้ขายหลายราย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละร้านค้า Buy Now. Pay Later (BNPL) ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะในกลุ่มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว อาจนำ BNPL มาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า หนุนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายของร้านค้าแต่ยังต้องมีความระมัดระวังเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญประเด็น ESG โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อย GHG ขณะที่ในด้านสังคม ผู้ประกอบการมุ่งเน้นการสร้างอาชีพ ท่ามกลางการให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ในส่วนของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว เช่น คนที่เกิดในยุค Millennial ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อ Sustainable products กลุ่มตลาดค้าปลีกที่ฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง กลุ่มค้าปลีกที่ฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็นหมวดร้านค้าสินค้าจำเป็น เช่น CVS และ Supermarket (โดยมูลค่าตลาด CVS และ Supermarket ฟื้นกลับมาในระดับก่อน COVID-19 แล้วในปี 2023) รวมถึงมีการขยายสาขาเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น กลุ่มธุรกิจ Health & Beauty ได้รับอานิสงส์จากกระแสรักษาสุขภาพเชิงป้องกัน และ Home & Garden ที่เติบโต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการ Renovate ที่อยู่อาศัย/ร้านค้า/ร้านอาหาร และ Department store ที่มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยว กลุ่มที่ฟื้นตัวแต่ยังมีข้อจำกัด เช่น Hypermarket เนื่องจากเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงลูกค้าหลักเป็นที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางลงมาซึ่งมีข้อจำกัดด้านกำลังซื้อที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากลุ่มที่ฟื้นตัวช้า ได้แก่ สินค้าแฟชั่น เนื่องจากเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และเผชิญปัญหาด้านความยั่งยืน กลุ่ม Modern grocery : CVS, และ Supermarket จะมียอดขายเติบโตมากกว่าช่วง Pre-covid ในปี 2022 ส่วนกลุ่ม Hypermarket อาจกลับมาสู่ภาวะปกติท้ายปี 2024-ต้นปี 2025 ทั้งนี้ยอดขายที่เติบโตขึ้นของกลุ่ม Supermarket มีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังซื้อของผู้มีรายได้ปานกลาง-สูง ในขณะที่ Hypermarket มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางลงมา ซึ่งอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่า
ธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัว ของการบริโภค
ธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัว ของการบริโภค
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าในปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2023 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2024 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2.5% ไปตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับศักยภาพในระยะยาว (Neutral rate) และช่วยเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ และช่วยสร้างความสมดุลในระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับเป็นบวกได้ โดยเป็นการลดแรงจูงใจในการก่อหนี้ใหม่ของครัวเรือนและลดการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป (Underpricing of risks) จากภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน ทั้งนี้มองว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้างในปี 2024 จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทำให้เกิดการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าระดับศักยภาพและอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ได้อีกทาง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพได้ดังเดิม โครงการนี้จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำ ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ สำหรับเงินบาทจะทรงตัวในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 จากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของภาครัฐ และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลกปี 2024 สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2023 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้นเป็นไตรมาส 2 ปี 2024 จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าคาด ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในช่วงครึ่งแรกของปี และยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำบนศักยภาพการเติบโตที่ลดลง
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าในปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2023 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2024 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2.5% ไปตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับศักยภาพในระยะยาว (Neutral rate) และช่วยเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ และช่วยสร้างความสมดุลในระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับเป็นบวกได้ โดยเป็นการลดแรงจูงใจในการก่อหนี้ใหม่ของครัวเรือนและลดการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป (Underpricing of risks) จากภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน ทั้งนี้มองว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้างในปี 2024 จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทำให้เกิดการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าระดับศักยภาพและอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ได้อีกทาง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพได้ดังเดิม โครงการนี้จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำ ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ สำหรับเงินบาทจะทรงตัวในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 จากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของภาครัฐ และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลกปี 2024 สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2023 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้นเป็นไตรมาส 2 ปี 2024 จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าคาด ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในช่วงครึ่งแรกของปี และยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำบนศักยภาพการเติบโตที่ลดลง
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
SCBEICSCB
งานธุรการ
งานธุรการ
ลักกี้'เฟรม ลักกี้'เฟรม
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
More Related Content
Similar to Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENAMarketing
SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มเติบโต 2.6% ใกล้เคียงปีก่อน มุมมองปรับดีขึ้นจากแรงส่งที่ดีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีในช่วงต้นปีนี้ โดยกิจกรรมในภาคบริการขยายตัวเร่งขึ้น ขณะที่กิจกรรมในภาคการผลิตเริ่มกลับมาขยายตัวจากที่หดตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกจะได้รับแรงสนับสนุนจากการค้าโลกที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อโลกที่ชะลอตัวลง แต่ยังมีแรงกดดันจากผลกระทบของภาวะดอกเบี้ยสูง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยืดเยื้อ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกจากปัญหาการขนส่งบริเวณทะเลแดงและคลองปานามาที่แห้งแล้ง ธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักจะเริ่มปรับทิศการใช้นโยบายการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง รวม 75 BPS ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง รวม 100 BPS ตามทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับชะลอลง ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง รวม 20 BPS ซึ่งเป็นการยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ธนาคารกลางจีนจะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพยุงเศรษฐกิจต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2024 สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย SCB EIC ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2024 เหลือ 2.7% (เดิม 3%) แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องได้ จากแรงขับเคลื่อนของการท่องเที่ยวและภาคบริการรวมถึงเศรษฐกิจด้านอุปสงค์อื่นที่กลับมาขยายตัวเร่งขึ้นในหลายองค์ประกอบ โดยเฉพาะการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่แรงส่งภาครัฐจะยังหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกจากความล่าช้าของการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2024 กอปรกับปัญหาสินค้าคงคลังสะสมสูงจากปีก่อนจะยังไม่สามารถคลี่คลายได้เร็ว ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกไทยที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยจะยังฟื้นช้าต่อเนื่องมาในปีนี้ ภาวะเงินเฟ้อไทย ในส่วนของเงินเฟ้อไทยที่ติดลบต่อเนื่องหลายเดือน SCB EIC ประเมินว่า ไทยยังไม่เผชิญภาวะเงินฝืด โดยเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือน พ.ค. เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือด้านราคาพลังงานจะสิ้นสุดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันในประเทศที่จะเริ่มปรับสูงขึ้น นอกจากนี้ เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านสูงท่ามกลางความเสี่ยงห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักจากสถานการณ์ทะเลแดง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายควบคุมการส่งออกของบางประเทศที่อาจทำให้ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวและน้ำตาล เงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งหลังของปีจึงจะเร่งกลับไปแตะกรอบเงินเฟ้อได้ โดย SCB EIC ประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2024 อยู่ที่ 0.8% และ 0.6% ตามลำดับ อ่านเพิ่มเติม : https://www.scbeic.com/th/detail/product/outlook-q12024
Outlook ไตรมาส 1/2024 ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอ...
Outlook ไตรมาส 1/2024 ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอ...
SCBEICSCB
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
FINNOMENAMarketing
งานนำเสนอbm702
งานนำเสนอbm702
Tanapon_V
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENAMarketing
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENAMarketing
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2023 ข้อมูลเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2023 ออกมาขยายตัวเพียง 1.8%YOY หรือ 0.2%QOQ_sa เทียบไตรมาสก่อนแบบปรับฤดูกาล ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 3.1%YOY (จากผลสำรวจ Bloomberg) ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปีขยายตัวได้ 2.2% เศรษฐกิจไทยด้านการใช้จ่าย (Expenditure approach) ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการเป็นแรงหนุนสำคัญ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่องสู่ระดับ 16.47 ล้านคน (ข้อมูลถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2023) สอดคล้องกับภาวะการจ้างงานและดัชนีความเชื่อมั่นที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากการส่งออกสินค้าที่ยังหดตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่เติบโตชะลอลงจากปีก่อนและผันผวนสูง โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่เป็นคู่ค้าหลักของไทย ส่งผลให้การลงทุนจากภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงมาก สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งเพราะปัจจัยฐานที่มีการใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มเติมช่วงวิกฤติโควิด และการเบิกจ่ายงบลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจไทยด้านการผลิต (Production approach) ยังมีแรงหนุนจากภาคบริการที่ขยายตัวสูงต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อกลุ่มที่พักแรมและบริการด้านอาหาร รวมถึงการขายส่งและการขายปลีกที่ขยายตัวดีตามการบริโภคในประเทศ ขณะที่ภาคเกษตรแม้จะเติบโตชะลอลง แต่ยังขยายตัวได้ตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ปริมาณน้ำในเขื่อนเพียงพอต่อการเพาะปลูกในช่วงหน้าแล้ง การขยายพื้นที่เพาะปลูก และโรคระบาดสุกรคลี่คลาย ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ในทุกกลุ่มการผลิต โดยเฉพาะการผลิตเพื่อส่งออก (รูปที่ 1) เศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวแผ่วลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แม้จะมีแนวโน้มจำกัดค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวจากภาวะเศรษฐกิจในบางประเทศที่ชะลอตัว แต่จะยังส่งผลดีต่อการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชนหลายตัวเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือนกรกฎาคม จากความกังวลต่อผลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล การส่งออกหดตัวภาวะเอลนีโญ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำจากการส่งออกไทยในครึ่งหลังของปีจากเศรษฐกิจจีนที่แผ่วลง ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยที่พึ่งพาตลาดจีนสูงและอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ของสินค้าส่งออกจีน โดยเฉพาะยางพารา ไม้ยางพารา ปิโตรเคมี คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง จากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่อาจกระทบการเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการลงทุนภาครัฐ ตลอดจนความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลใหม่ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งจากค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงตามต้นทุนพลังงานที่ลดลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงหากเลื่อนระยะเวลาการชำระคืนภาระอุดหนุนค่าไฟคงค้างของภาครัฐอาจทำให้ค่าไฟฟ้าปรับลดลงได้อีก อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อไทยยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากปัจจัยเอลนีโญที่จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและราคาอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจัยที่จะทำให้ราคาพลังงานในประเทศเร่งตัวกว่าช่วงครึ่งแรกของปี อาทิ การเร่งตัวของราคาน้ำมันโลกจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+
ส่งออกทรุดฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2023 ในระยะต่อไปยังเผชิญ ความเสี่ยงจากเศรษฐก...
ส่งออกทรุดฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2023 ในระยะต่อไปยังเผชิญ ความเสี่ยงจากเศรษฐก...
SCBEICSCB
แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกปี 2023 ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2023 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตราว 10% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภค โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท โดยกลุ่ม Store-base retailing จะกลับมามีมูลค่าเท่าก่อนช่วงโรคระบาดในปี 2024 ส่วน Non-store retailing ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ครึ่งแรกของปี 2023 ธุรกิจค้าปลีกสามารถเพิ่มยอดขายจากนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาในประเทศมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 2023 อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ยังต้องระวัง เช่น ราคาสินค้าและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีความเปราะบาง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านการเงินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีระดับการกู้ยืมสูง การอ่อนค่าของเงินบาทที่กระทบกลุ่มสินค้านำเข้า การเติบโตของ E-commerce ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยังมีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง แม้จะมีการชะลอตัวลงหลังจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับก่อนช่วงโรคระบาด อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบาย โดยเฉพาะกลุ่ม Marketplace retailers ที่มีสินค้าที่หลากหลายจากผู้ขายหลายราย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละร้านค้า Buy Now. Pay Later (BNPL) ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะในกลุ่มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว อาจนำ BNPL มาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า หนุนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายของร้านค้าแต่ยังต้องมีความระมัดระวังเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญประเด็น ESG โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อย GHG ขณะที่ในด้านสังคม ผู้ประกอบการมุ่งเน้นการสร้างอาชีพ ท่ามกลางการให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ในส่วนของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว เช่น คนที่เกิดในยุค Millennial ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อ Sustainable products กลุ่มตลาดค้าปลีกที่ฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง กลุ่มค้าปลีกที่ฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็นหมวดร้านค้าสินค้าจำเป็น เช่น CVS และ Supermarket (โดยมูลค่าตลาด CVS และ Supermarket ฟื้นกลับมาในระดับก่อน COVID-19 แล้วในปี 2023) รวมถึงมีการขยายสาขาเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น กลุ่มธุรกิจ Health & Beauty ได้รับอานิสงส์จากกระแสรักษาสุขภาพเชิงป้องกัน และ Home & Garden ที่เติบโต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการ Renovate ที่อยู่อาศัย/ร้านค้า/ร้านอาหาร และ Department store ที่มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยว กลุ่มที่ฟื้นตัวแต่ยังมีข้อจำกัด เช่น Hypermarket เนื่องจากเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงลูกค้าหลักเป็นที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางลงมาซึ่งมีข้อจำกัดด้านกำลังซื้อที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากลุ่มที่ฟื้นตัวช้า ได้แก่ สินค้าแฟชั่น เนื่องจากเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และเผชิญปัญหาด้านความยั่งยืน กลุ่ม Modern grocery : CVS, และ Supermarket จะมียอดขายเติบโตมากกว่าช่วง Pre-covid ในปี 2022 ส่วนกลุ่ม Hypermarket อาจกลับมาสู่ภาวะปกติท้ายปี 2024-ต้นปี 2025 ทั้งนี้ยอดขายที่เติบโตขึ้นของกลุ่ม Supermarket มีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังซื้อของผู้มีรายได้ปานกลาง-สูง ในขณะที่ Hypermarket มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางลงมา ซึ่งอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่า
ธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัว ของการบริโภค
ธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัว ของการบริโภค
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าในปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2023 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2024 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2.5% ไปตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับศักยภาพในระยะยาว (Neutral rate) และช่วยเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ และช่วยสร้างความสมดุลในระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับเป็นบวกได้ โดยเป็นการลดแรงจูงใจในการก่อหนี้ใหม่ของครัวเรือนและลดการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป (Underpricing of risks) จากภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน ทั้งนี้มองว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้างในปี 2024 จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทำให้เกิดการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าระดับศักยภาพและอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ได้อีกทาง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพได้ดังเดิม โครงการนี้จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำ ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ สำหรับเงินบาทจะทรงตัวในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 จากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของภาครัฐ และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลกปี 2024 สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2023 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้นเป็นไตรมาส 2 ปี 2024 จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าคาด ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในช่วงครึ่งแรกของปี และยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำบนศักยภาพการเติบโตที่ลดลง
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าในปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2023 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2024 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2.5% ไปตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับศักยภาพในระยะยาว (Neutral rate) และช่วยเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ และช่วยสร้างความสมดุลในระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับเป็นบวกได้ โดยเป็นการลดแรงจูงใจในการก่อหนี้ใหม่ของครัวเรือนและลดการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป (Underpricing of risks) จากภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน ทั้งนี้มองว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้างในปี 2024 จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทำให้เกิดการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าระดับศักยภาพและอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ได้อีกทาง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพได้ดังเดิม โครงการนี้จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำ ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ สำหรับเงินบาทจะทรงตัวในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 จากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของภาครัฐ และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลกปี 2024 สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2023 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้นเป็นไตรมาส 2 ปี 2024 จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าคาด ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในช่วงครึ่งแรกของปี และยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำบนศักยภาพการเติบโตที่ลดลง
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
SCBEICSCB
งานธุรการ
งานธุรการ
ลักกี้'เฟรม ลักกี้'เฟรม
Similar to Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
(20)
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
Outlook ไตรมาส 1/2024 ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอ...
Outlook ไตรมาส 1/2024 ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอ...
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
งานนำเสนอbm702
งานนำเสนอbm702
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
ส่งออกทรุดฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2023 ในระยะต่อไปยังเผชิญ ความเสี่ยงจากเศรษฐก...
ส่งออกทรุดฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2023 ในระยะต่อไปยังเผชิญ ความเสี่ยงจากเศรษฐก...
ธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัว ของการบริโภค
ธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัว ของการบริโภค
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
งานธุรการ
งานธุรการ
More from FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Performance
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review February 2024
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review February 2024
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
Finnomena-Monthly-Feb-2024
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
FINNOMENAMarketing
A.Stotz All Weather Strategy Performance review
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Performance review
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENAMarketing
2024-Yearly-Outlook
2024-Yearly-Outlook
2024-Yearly-Outlook
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
FINNOMENAMarketing
More from FINNOMENAMarketing
(14)
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
2024-Yearly-Outlook
2024-Yearly-Outlook
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
1.
Finnomena Weekly Market Insight 13 -
17 May 2024 ISSUE 2024/14
2.
Your week in
Finnomena อัปเดตตลาดประจําสัปดาห
3.
3 What you have
missed สัปดาหที่ผานมาตลาดหุนสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวขึ้น 1.85% WoW เนื่องจากนักลงทุนคาด วาธนาคารกลางสหรัฐฯจะใชนโยบายผอนคลายมากขึ้น หลังสหรัฐฯรายงานจํานวนผูขอรับ สวัสดิการวางงานครั้งแรกรายสัปดาหเพิ่มขึ้นมากกวาที่คาดจาก 2.09 แสนคน สูระดับ 2.31แสน คน นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของผูบริโภค (Michigan Consumer Sentiment) ปรับตัวลงสู ระดับ 67.4 ในเดือนพ.ค.จากระดับ 77.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งตํ่าสุดในรอบ 6 เดือน ตลาดหุนยุโรป (STOXX Europe 600) ปรับตัวขึ้น 3.01% WoW หลังจากธนาคารกลาง อังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ตามคาด และทําใหนักลงทุนคาดวา BoE อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วสุดในเดือนมิ.ย. ดานธนาคารกลางสวีเดนมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย จาก 4% สูระดับ 3.75% ตามคาด และสงสัญญาณวาจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง หากแนวโนมเงินเฟอเคลื่อนเขาสูเปาหมายที่สวีเดนตั้งเอาไว นอกจากนี้เศรษฐกิจประเทศอังกฤษ หลุดจากภาวะถดถอยแลว เนื่องจาก GDP ขยายตัวขึ้น 0.6% ใน 2024Q1 ตลาดหุนจีน (CSI 300) และ ตลาดหุนฮองกง (HSCEI) หรือหุนจีน H-Share ปรับตัวขึ้น 0.23% และ 2.62% WoW ตามลําดับ หลังจากมีรายงานวาหนวยงานกํากับดูแลกําลังพิจารณา ขอเสนอยกเวนภาษีเงินปนผลของนักลงทุนรายยอย ที่ไดรับจากหุนที่ซื้อผาน Stock Connect นอกจากนี้เมืองหางโจว และซีอัน ซึ่งเปนเมืองใหญสองเมืองของจีน ประกาศผอนคลาย มาตรการอสังหาริมทรัพย เชน ยกเลิกการพิจารณาคุณสมบัติของผูซื้อ รวมทั้งมีการประกาศ ตัวเลขการสงออกของจีนที่ขยายตัวขึ้น 1.5% YoY ในเดือนเม.ย. หลังจากหดตัวหนักถึง 7.5% ในเดือนมี.ค. ดานการนําเขาขยายตัวขึ้น 8.4% มากกวาตลาดคาดที่ 4.8% ตลาดหุนญี่ปุน (TOPIX) ปรับตัวลง 0.66% WoW โดยธนาคารกลางญี่ปุน (BoJ) เปดเผย รายงานสรุปความคิดเห็น โดยระบุวา กรรมการ BoJ ไดหารือเกี่ยวกับความเปนไปไดที่จะปรับ อัตราดอกเบี้ยขึ้น หากเงินเยนออนคาลง จนทําใหเงินเฟอปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้กระทรวง แรงงานของญี่ปุนเปดเผยคาจางที่แทจริง (Real wage) ลดลง 2.5% YoY ซึ่งเปนการติดลบ 24 เดือนติดตอกัน เนื่องจากคาครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นกวาคาจางที่กําหนด ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต Michigan Consumer Sentiment China Export Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 10/05/2024 ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต What you have missed
4.
Eyes on This
Week สิ่งที่ตองติดตามสัปดาหนี้
5.
5 Eyes On This
Week เงินเฟอทั่วโลกกําลังลง แตสหรัฐฯลงชากวา ตัวเลขจางงานสหรัฐฯ ลดความรอนตอ ติดตามการรายงานตัวเงินเฟอทั่วไป (Headline Inflation) เดือนเม.ย. นํา โดยสหรัฐฯ ตลาดคาดอยูที่ 3.4% YoY ชะลอลงจาก 3.5%YoY เงินเฟอยุโรป ตลาดคาด 2.4%YoY เทากับเดือนกอนหนา โดยเงินเฟอทั่วในกลุมประเทศ ยุโรปปรับตัวลดลงอยูในระดับตํ่ากวาเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ สงผลใหธนาคาร กลางยุโรป (ECB) มีแนวโนมใชนโยบายการเงินแบบผอนคลายไดเร็วกวา Fed ติดตามการรายงานตัวเลขผูขอรับสวัสดิการวางงานครั้งแรกรายสัปดาห ของสหรัฐฯ ซึ่งมีทิศทางชะลอความรอนแรงตอเนื่อง และเปนขอมูลที่นัก ลงทุนใหความสําคัญเนื่องจาก Fed ยังคง Monitor ตลาดแรงงานนอกเหนือ จากขอมูลเงินเฟอ Source: Finnomena Funds, Bloomberg, Macrobond as of 13/05/2024 ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต
6.
6 Eyes On This
Week GDP ยุโรปขยายตัว แตญี่ปุนหดตัว ตลาดคาดเศรษฐกิจจีนเรงตัวขึ้น ยุโรปจะมีการรายงาน GDP 1Q24 (ครั้งที่ 2) โดยตลาดคาดขยายตัว 0.4%YoY เทากับการรายงานครั้งแรก ขณะที่ญี่ปุนที่จะมีการรายงาน GDP 1Q24 (ครั้งแรก) ตลาดคาดหดตัว 1.2% QoQ SAAR จากขยายตัว 0.4% ใน 4Q23 นอกจากนี้สหรัฐฯจะมีการเปดเผยตัวเลข GDPNow 2Q24 โดยโมเด ลคาดการณไวอยูที่ 4.2% จีนจะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสําคัญเดือนเม.ย. โดยภาพรวมตลาด คาดการณเรงตัวขึ้น นําโดยยอดขายปลีกตลาดคาดเพิ่มขึ้น 3.8% YoY เรง ตัวขึ้นจากเดือนกอนหนาที่ 3.1%YoY การผลิตภาคอุตสาหกรรมตลาดคาด ขยายตัว 4.6% YoY เรงตัวขึ้นจาก 4.5% YoY และการลงทุนในสินทรัพย คงที่ตลาดคาดขยายตัว 4.6% YoY เรงตัวขึ้นจาก 4.5% YoY ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 13/05/2024
7.
Economic Calendar ตัวเลขเศรษฐกิจที่นาจับตา
8.
8 Economic Calendar Source: Finnomena
Funds, Investing as of 10/05/2024 ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต
9.
Fund Highlight กองทุนแนะนําประจําสัปดาห
10.
Mr.Messenger Call Sell Buy Hold แนะนํา จุด
Take Profit และ Stop Loss สถานะปจจุบัน - สําหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือน - นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได - สามารถ Cut Loss ได - มีการกําหนดระดับจุดเขา/เปาหมายทํากําไร/Stop Loss ที่ชัดเจน K-SEMQ TMBEMEQ Emerging Market (16/11/2022) Take Profit: 42.0 Stop loss: 37.00 Update 29/03/2024 Russell 2000 (20/12/2023) Take Profit: 2,300 Stop loss: 1,838 Update 17/11/2023 SCBRS2000(A) ASP-USSMALL MSCI India (19/02/2024) เปนคําแนะนําเขาลงทุนในระยะยาว ตาม trend following B-BHARATA TISCOINA-A ASP-DIGIBLOC DAPP ETF (30/01/2024) Take Profit: 12.6 Stop loss: 6.7 Update 29/03/2024 Take profit บางสวน (08/03/2024)
11.
Mr.Messenger Call Sell Buy Hold แนะนํา จุด
Take Profit และ Stop Loss สถานะปจจุบัน - สําหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือน - นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได - สามารถ Cut Loss ได - มีการกําหนดระดับจุดเขา/เปาหมายทํากําไร/Stop Loss ที่ชัดเจน MCHI ETF (28/02/2024) B-CHINE-EQ K-CHINA-A(A) Take Profit: 45.3 Stop loss: 35.6 Update 28/02/2024 STOXX Europe 600 (02/01/2024) Take Profit: 563.9 Stop loss: 465 Update 18/03/2024 ONE-EUROEQ ABEG VN30 (23/04/2024) Take Profit: 1,306 Stop loss: 1,138 Update 23/04/2024 PRINCIPAL VNEQ-A
12.
- สําหรับการลงทุนระยะ 6-12
เดือน เปนตนไป - เปนกองทุนที่มีแนวโนนใหผลตอบแทนดีตามปจจัย MEVT (Macroeconomic Earnings Valuation Technical) - มีโอกาสเปลี่ยนแปลงจุด cut loss หรือ take profit ตามปจจัย MEVT ที่เปลี่ยนไป MEVT Call ปจจัยที่โดดเดน แนะนํา สถานะ ปจจุบัน Macro Earnings Valuation Technical UGIS-N/ KFSINCFX-A (22/03/2024) PRINCIPAL VNEQ-A (26/01/2023) เงินเฟอคลี่คลายหนุน เฟดลดดอกเบี้ยในป 2024 ศักยภาพการเติบโตสูง ไดอานิสงสจาก เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ แข็งแรงมาก Yield อยูในระดับนา สนใจ และมีแนวโนมได upside จากดอกเบี้ย นโยบายที่ปรับตัวลง ในอดีตตราสารหนี้มัก สรางผลตอบแทนดีหลัง เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย แนวโนมกําไรยังเติบโต ไดสูง คาดเติบโตกวา 30% Deep Discount กวา -1.5 S.D. ทั้งเทียบกับตัว เองและโลก เริ่มยอตัวลงมา หลังขึ้น รอบใหญ แนะนํา Buy on dip K-CHINA-A (Hold) (7/05/2024) เศรษฐกิจเริ่มฟนตัวอยาง ชาๆ และดีกวาที่ตลาด คาด Buy กําไรถูกปรับประมาณการ ลงจากเศรษฐกิจที่ฟนตัว ชา อยูในระดับถูก -1 S.D. เมื่อเทียบกับตัวเองและ หุนโลก Fundflow จากตางชาติ เริ่มฟนตัว As of 7 May 2024 Buy Buy MEGA10CHINA-A B-CHINE-EQ
13.
- สําหรับการลงทุนระยะ 6-12
เดือน เปนตนไป - เปนกองทุนที่มีแนวโนนใหผลตอบแทนดีตามปจจัย MEVT (Macroeconomic Earnings Valuation Technical) - มีโอกาสเปลี่ยนแปลงจุด cut loss หรือ take profit ตามปจจัย MEVT ที่เปลี่ยนไป MEVT Call ปจจัยที่โดดเดน แนะนํา สถานะ ปจจุบัน Macro Earnings Valuation Technical SCBKEQTG (08/08/2023) การสิ้นสุด cycle de-stocking ชิ้นสวน อิเล็กทรอนิกส Hold กําไรยังเติบโตไดโดดเดน ที่สุด คาดเติบโตกวา 55% อยูในระดับคาเฉลี่ยเมื่อ เทียบกับตัวเองและโลก Uptrend Channel แนะนํา Buy on dip AFMOAT-HA (02/10/2023) การฟนตัวโดดเดนกวาคาด Atlanta Fed คาด GDP Q1 โตกวา 2% Buy กําไร 2024 ถูกปรับ ประมาณการขึ้น คาดวา ยังโตได 12% +1 S.D. เมื่อเทียบกับหุน โลก แตอยูในระดับคา เฉลี่ยเมื่อเทียบกับตัวเอง มีโอกาส Outperform 4Q พรอมสัญญาณซื้อ Market Breadth ONE-EUROEQ (11/03/2024) เศรษฐกิจยุโรปผานจุดตํ่าสุด อยูในแนวโนมฟนตัว Buy กําไรเติบโตตอเนื่องหนุน ให PE ไมแพง -2 S.D. เมื่อเทียบกับหุน โลก แตอยูในระดับคา เฉลี่ยเมื่อเทียบกับตัวเอง ทําจุดสูงสุดใหมแลว แต เรามองวายังมี upside UOBSA (21/03/2024) เศรษฐกิจจีนฟนตัว อินเดีย โตแรง อินโดนีเซียโดดเดน เกาหลีใตโตตอ พรอมรับ อัพไซสเพิ่มจากดอลลาร ออน Buy กําไรยังโตสูงกวา 22% พรอมการปรับ ประมาณการที่มีโมเมน ตัมดีขึ้น มูลคาหุนเอเชียเมื่อเทียบ กับโลกอยูที่ -2 S.D. ซึ่ง เปนระดับราคาที่ถูกมาก เม็ดเงินลงทุนจากตาง ชาติไหลเขาตลาดหุน เอเชียชัดเจนมากขึ้น As of 7 May 2024
14.
( พ.ค. 67)
มุมมองทิศทางตลาดลงทุนโลก พฤษภาคม 2567 | FundTalk - The Contrarian 1. KFUS-A [7 Dec 23] US Mid-cap Growth จาก Baillie Gifford - Profit Taking [8 Mar 24] 2. TISCOHD-A [3 Jan 24]กองหุ้นไทย High Dividend - Switch out [23 Mar 24] 3. KFSINCFX-A [9 Jan 24] ตราสารหนี้โลกแบบ unhedged - Profit Taking [3 May 24] 4. MEGA10CHINA-A [24 Jan 24]หุ้นจีนแบรนด์ระดับโลก 10 ตัว - HOLD -> BUY 5. KFHEALTH-A [7 Feb 24] Global Healthcare จาก JPMorgan [5 Apr 24] - Profit Taking 6. K-SEMQ [6 Mar 24] หุ้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) - BUY 7. KT-ENERGY [15 Mar 24] หุ้น Global Energy - Profit Taking [3 May 24] 8. PRINCIPAL GCLEAN-A [23 Mar 24] หุ้น Global Clean Energy- BUY 9. TISCOAI [3 May 24] แนะนํา BUY หุ้นเจ้าของสิทธิบัตร AI ทั่วโลก 10. MEGA10-A [3 May 24] แนะนํา BUY หุ้น Global Brand Mega Cap สหรัฐฯ �� �� �� 🥈 🥈
15.
Monthly Investment Strategy กลยุทธการลงทุนประจําเดือน
16.
16 Monthly Views on
DM Equities ● BOJ ยุติดอกเบี้ยนโยบายติดลบ โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูระดับ 0 ถึง 0.1% พรอมยุติการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ป (YCC) ● Citi Econ Surprise กลับมาเปนบวกจากภาคการผลิตและการสงออกที่ฟนตัว ● PE อยูที่ระดับ 14.3 ใกลเคียงคาเฉลี่ย 10 ป Country Gauge Investment View Recommendation : ทยอยสะสม AFMOAT-HA สหรัฐอเมริกา ● เศรษฐกิจยังมีทิศทางที่แข็งแกรง ขณะที่เงินเฟอคอยๆลงแมชากวาที่คาด หากหัก เงินเฟอกลุมที่อยูอาศัย การแพทยและคาเบี้ยประกันรถ พบวาเงินเฟออยูในระดับกอน โควิดแลว ● ผลประกอบการยังมีทิศทางดีกวาคาด หนุนคาดการณกําไรฟนตัว Recommendation : ทยอยสะสม ONE-EUROEQ ยุโรป ● ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโนมฟนตัวขึ้นหลังจากนี้ ลาสุดมีรัฐบาลเยอรมนีปรับ เพิ่มคาดการณ GDP ของเยอรนมีป 2024 สู 0.3% จาก 0.2% ● ภาคการบริโภคยังแข็งแกรงจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลงและเงินออมสวนเกินที่ เหลือ ซึ่งจะชวยหนุนการฟนตัวทางเศรษฐกิจ ● คาดการณกําไรป 2024 ยังเติบโต ~8%ไดดีหนุนจากหุนกลุม Finance and Consumer ขณะที่ forward 12m PE อยูที่ 12.5 เทา (- 0.7S.D. ในรอบ 10 ป) ญี่ปุน Recommendation : ทยอยลดสัดสวนการลงทุน Slightly Underweight Slightly Overweight Slightly Overweight
17.
Monthly Views on
EM Equities Country Gauge Investment View Recommendation : ทยอยสะสม K-CHINA-A, ABCA-A Recommendation : ทยอยสะสม PRINCIPAL VNEQ-A ● แนวโนมเศรษฐกิจมีทิศทางฟนตัวดีขึ้นจากการสงออกและการบริโภคที่ฟนตัว ● ปจจัยกดดันทยอยถูกแกไข ความกังวลในภาคอสังหาฯลดลง มีการปรับอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุนเศรษฐกิจ ● การประมาณการกําไรยังไมปรับขึ้น แตมองวา EPS อยูที่ Bottom แลวใน 1Q23 ● Valuation อยูในระดับที่นาสนใจเมื่อเทียบกับหุนโลก ● การปรับตัวขึ้นตองรอแรงซื้อจากนักลงทุนเวียดนาม เมื่อเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้น Recommendation : ทยอยลดสัดสวน ● เศรษฐกิจของไทยมีแนวโนมฟนตัวชากวาที่คาด โดยปจจุบันนักวิเคราะหไดมีการ หั่นประมาณการ GDP ไทยลงจาก 3.8% เหลือเพียง 2.8% สอดคลองกับการเบิก ผานงบงบป 2024 ที่ลาชา และนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกขยับไปเปนชวง 4Q2024 ● ปจจัยดังกลาวเปนประเด็นที่จะกดดันตลาดในมิติของกําไรตลาด และ Valuation ของหุนไทย ● จีนรายงาน GDP แกรงเกินคาด หนุนใหมีการปรับเพิ่มคาดการณ GDP ป 2024 และ 2025 โดยคาดการณของตลาดยังคงตํ่ากวาเปาหมายของรัฐบาลที่ 5% ● การประมาณการกําไรยังไมปรับขึ้น แตมองวา EPS อยูที่ Bottom แลว ● Valuation อยูในระดับที่นาสนใจเมื่อเทียบกับหุนโลก ● มี fundflow จากตางชาติไหลเขาอยางมีนัยยะชวงสิ้นเดือนเม.ย. 2025 จีน เวียดนาม ไทย Slightly Overweight Overweight Slightly Underweight
18.
Monthly Views on
EM Equities Country Gauge Investment View Recommendation : คงสัดสวนการลงทุน Recommendation : ไมแนะนําลงทุน ● แนวโนมการเติบโตของ GDP ตํ่ากวาคาเฉลี่ยโลก เพราะคอนขางขึ้นกับราคาของ commodity ซึ่งไดรับผลกระทบมากในชวงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ● เงินเฟอทั่วไปลดตํ่าลงแตเงินเฟอพื้นฐานยังสูง ทําใหตองคงดอกเบี้ยระดับสูงไวอีกนาน เกิดแรงกดดันการเจริญเติบโต ● Earnings ไดรับผลกระทบจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวบางสวน ● Valuation คลายตัวลงมากจากชวงปลายป แตยังมีตลาดอื่นที่ถูกและมีโอกาสมากกวา ● มีสัญญาณการกลับตัว แตการเติบโตในระยะยาวยังนอยกวาประเทศอื่นในกลุม EM ● ธนาคารกลางจีนผอนคลายนโยบายโดยการลด RRR และ Loan Prime Rate แต ตลาดยังคาดหวังนโยบายกระตุนจากรัฐบาลจีนที่ Impact มากกวานี้ ● กลุมไตหวัน และ เกาหลีใต ได Sentiment เชิงบวกจากกลุมเซมิคอนดัคเตอร หรือ AI ● การมีสัดสวนการลงทุนใน Latam ซึ่งมี Growth ที่คาดวาจะตํ่ากวาคาเฉลี่ยโลก ทําให ความนาสนใจตํ่า ดังนั้น EM อาจมีโอกาสสรางผลตอบแทนได แต Underperform จีน และ Asia Ex Japan ในระยะยาว Underweight EM Neutral Latin America
19.
Monthly Views on
Fixed Income & Alternative Assets Asset Class Gauge Investment View Recommendation : แนะนําเก็งกําไรระยะสั้น ● ฝงอุปทานยังตึงตัวจากกลุม OPEC+ ขยายเวลาลดกําลังการผลิตนํ้ามันออกไปจนถึง 2Q24 ขณะที่ความขัดแยงระหวางรัสเซียและยูเครนยังไมคลี่คลาย ● การฟนตัวของภาคการผลิตทั่วโลกและเศรษฐกิจจีนจะชวยหนุนตออุปสงคนํ้ามัน แตยัง มีความเสี่ยงในเชิงโครงสรางจากจีนเริ่มหันมาใช EV มากขึ้น โดย China National Petroleum Corp's Economics & Technology Research Institute คาดการณ วาการใช EV และ LNG จะทดแทนอุปสงคการใชนํ้ามันของจีน 10-12% ในป 2024 นํ้ามัน Recommendation : ทยอยลดสัดสวนการลงทุน (เหลือสําหรับกระจายความเสี่ยงเทานั้น) ● ทองคําปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดของสงคราม และในระยะสั้นอัตราเงินเฟอที่ลดลง มีแนวโนมหนุน Real Yield ใหปรับตัวสูงขึ้น เมื่อประกอบกับเศรษฐกิจของยุโรปที่ ออนแอกวาสหรัฐฯ และนโยบายการเงินของญี่ปุนที่ยังไมเขมงวด หนุนใหดอลลารมี โอกาสแข็งคากดดันราคาทองคํา จึงแนะนําขายทํากําไรเพื่อลดความเสี่ยง ● แตสําหรับพอรตการลงทุนยังคงแนะนําถือครองบางสวนเพื่อกระจายความเสี่ยง ทองคํา Slightly Underweight Neutral
20.
Monthly Views on
Fixed Income & Alternative Assets Asset Class Gauge Investment View Recommendation : เพิ่มสัดสวนการลงทุนใน UGIS-N Recommendation : เพิ่มสัดสวนการลงทุนใน KKP ACT FIXED ● เงินเฟอไทยลดลงตํ่ากวาเปาหมาย 2% ของกนง. ลดความจําเปนการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยของกนง. ใหนอยลง สอดคลองกับทาทีกนง. ที่ระบุวาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ครั้งลาสุดเพื่อเปนอุปกรณทางการเงินในอนาคต ● Yield ของตราสารหนี้อยูในระดับที่สูง จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในชวงที่ผานมา หนุน ความนาสนใจลงทุน ตราสารหนี้ โลก ตราสารหนี้ ไทย ● เงินเฟอสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเขาใกลกรอบเปาหมายของ FED มากขึ้น โดยเฉพาะอยาง ยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเฟอที่อยูอาศัยที่มีสัดสวนสูง ทําให FOMC มีทาทีการขึ้น ดอกเบี้ยที่ชะลอลงตอเนื่อง ขณะที่ดอกเบี้ยที่ขึ้นมาแลวกวา 5.5% หนุนใหอัตราผล ตอบแทนของตราสารหนี้นาสนใจ จากระดับที่สูงที่สุดในรอบ 14 ป ● แนวโนม Higher for Longer ถูกรับรูไปมากแลว หนุนใหการลงทุนในตราสารหนี้มี Downside จํากัด Overweight Overweight
21.
Monthly Views on
Fixed Income & Alternative Assets Asset Class Gauge Commentary Recommendation : ทยอยลดสัดสวนการลงทุน Recommendation : คงสัดสวนการลงทุน ● มีแนวโนมปรับตัวดีขึ้นตามจํานวนนักทองเที่ยวที่เพิ่มขึ้น สงผลใหภาพรวมคาเชา และ จํานวนผูเชาอยูในแนวโนมดีขึ้น ทั้งนี้แรงกดดันของกลุมกอง REITs หลักมากจาก อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแหงประเทศที่ยังมีแนวโนมเพิ่มขึ้น ปจจัยดังกลาว ทําใหความนาสนใจของกอง REITs นอยกวาเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ความเสี่ยงตํ่า กวา ● ปจจุบัน REITs ไทยมี Dividend yield gap ที่ระดับ 3% เทากับคาเฉลี่ย 10 ป ● ยังคงถูกกดดันตอเนื่องจาก yield ของตราสารหนี้ที่อยูในระดับสูงและมีโอกาสเพิ่มสูง ขึ้นไดอีกเล็กนอยหาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเพิ่มเติม ● เมื่อมองถึงมิติเรื่องความผันผวนกอง REITs มีโอกาสผัวผวนไดสูงกวาตราสารหนี้ หาก เกิดเศรษฐกิจถดถอย จึงทําใหภาพรวมกอง REITs ยังมีความนาสนใจนอย เมื่อ เปรียบเทียบกับตราสารหนี้ REITs โลก REITs ไทย Recommendation : ทยอยลดสัดส่วนการลงทุน ● ยังเผชิญกับแรงกดดันตอเนื่อง จากการลงทุนในโครงสรางพื้นฐานที่ใชเงินลงทุนเปน จํานวนมาก และปจจุบันตนทุนทางการเงินยังอยูในระดับสูง และมีแนวโนมวาอาจจะสูง ขึ้นไดอีก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังสงสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นโยบาย บวกกับแนวโนมเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว ทําใหการลงทุนที่ใชเงินสูงทําได ยากขึ้น Global Infra Slightly Underweight Slightly Underweight Neutral
22.
Finnomena PORT Performance
23.
23 Weekly Performance ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน
ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต
24.
24 YTD Performance ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน
ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต
25.
25 Since Inception Performance ผูลงทุนควรทําความเขาใจลักษณะสินคา
เงื่อนไขผลตอบแทนและควาเมสี่ยงกอนตัดสินใจลงทุน ผลการดําเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวของกับผลิตภัณฑในตลาดทุน มิไดเปนสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต
Download now