Submit Search
Upload
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
•
0 likes
•
1,553 views
F
FINNOMENAMarketing
Follow
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
Read less
Read more
Economy & Finance
Report
Share
Report
Share
1 of 23
Download now
Download to read offline
Recommended
FINNOMENA Weekly Market Insight 227.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 227.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight
FINNOMENA Weekly Market Insight 221
FINNOMENA Weekly Market Insight 221
Tanh855114
FINNOMENA Weekly Market Insight 221
FINNOMENA Weekly Market Insight 221.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 221.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 221.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 224.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 224.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 224.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
Recommended
FINNOMENA Weekly Market Insight 227.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 227.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight
FINNOMENA Weekly Market Insight 221
FINNOMENA Weekly Market Insight 221
Tanh855114
FINNOMENA Weekly Market Insight 221
FINNOMENA Weekly Market Insight 221.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 221.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 221.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 224.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 224.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 224.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_4_#236.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_2_#234.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 229.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 232.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 22
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
SCB EIC ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.5% จากข้อจำกัดการฟื้นตัวที่มากขึ...
SCB EIC ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.5% จากข้อจำกัดการฟื้นตัวที่มากขึ...
SCBEICSCB
SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวดีขึ้นในปี 2024 ใกล้เคียงปีก่อน จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้นเป็นหลัก โดยอุปสงค์ในประเทศของสหรัฐฯ ยังขยายตัวดี ขณะที่เศรษฐกิจจีนกลับมาขยายตัวดีขึ้นในระยะสั้นตามวัฏจักรภาคการผลิตและการส่งออกที่ฟื้นตัว รวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ดี ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากปัญหาการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น สำหรับนโยบายการเงินโลก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 3 รวมทั้งปี 2 ครั้ง 50 BPS ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. รวมทั้งปี 4 ครั้ง 100 BPS จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงเร็วกว่าคาด สำหรับธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับมาตรการการคลัง ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วงท้ายปีตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะกลางที่สูงขึ้นจากประมาณการเดิมของ BOJ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2024 (ไม่รวม Digital wallet) เหลือ 2.5% (เดิม 2.7%) แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกออกมาขยายตัวดีกว่าคาด โดยมีแรงส่งหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาคบริการและการท่องเที่ยวจากการทยอยกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการขยายมาตรการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวอินเดียและไต้หวัน อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าภาพรวมองค์ประกอบเศรษฐกิจส่วนใหญ่แผ่วลง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำลง และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งแม้ว่าจะกลับมาเร่งตัวจากการเร่งรัดเบิกจ่ายหลัง พ.ร.บ. งบประมาณ 2024 ประกาศใช้ล่าช้ากว่าครึ่งปี แต่จะไม่สามารถชดเชยการหดตัวรุนแรงในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ได้ สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นหลายด้าน ได้แก่ (1) การส่งออกขยายตัวจำกัด ส่วนหนึ่งเพราะการส่งออกไทยเริ่มฟื้นตัวไม่สอดคล้องกับปริมาณการค้าโลกมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกสินค้ากลุ่มแผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล รถยนต์และส่วนประกอบ (2) ภาคการผลิตที่ฟื้นตัวช้ายังเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจ โดยยังคงมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากสินค้าคงคลังที่ยังอยู่ในระดับสูง และส่วนหนึ่งจะถูกสินค้าจีนตีตลาดจากปัญหา Overcapacity ของภาคอุตสาหกรรมจีน (3) การบริโภคภาคเอกชนแผ่วลงจากที่เคยขยายตัวได้ดีใน 2 ปีที่ผ่านมา ผลจากรายได้ฟื้นช้าทำให้ครัวเรือนเปราะบางสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 60,000 บาทต่อเดือนซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่เริ่มมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้งปลายปีนี้เหลือ 2.25% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2% ในช่วงต้นปีหน้า จากแรงส่งอุปสงค์ในประเทศในระยะข้างหน้าที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากฐานะครัวเรือนที่ยังเปราะบางและปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังมีอยู่ รวมถึงภาวะการเงินตึงตัวที่จะส่งผลกระทบชัดเจนขึ้น และความเสี่ยงเศรษฐกิจในปีหน้าที่จะปรับเพิ่มขึ้น สำหรับค่าเงินบาทผันผวนสูงและอ่อนค่าเร็วช่วงต้นเดือน เม.ย. จากภาวะ Risk-off ของสงครามอิสราเอล-อิหร่าน และตลาด Price-in การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าลงของ Fed ต่อมาเงินบาทกลับแข็งค่าเร็วหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด สำหรับในระยะสั้นเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น read more : https://www.scbeic.com/th/detail/product/eic-monthly-0524
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าในปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2023 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2024 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2.5% ไปตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับศักยภาพในระยะยาว (Neutral rate) และช่วยเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ และช่วยสร้างความสมดุลในระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับเป็นบวกได้ โดยเป็นการลดแรงจูงใจในการก่อหนี้ใหม่ของครัวเรือนและลดการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป (Underpricing of risks) จากภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน ทั้งนี้มองว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้างในปี 2024 จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทำให้เกิดการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าระดับศักยภาพและอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ได้อีกทาง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพได้ดังเดิม โครงการนี้จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำ ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ สำหรับเงินบาทจะทรงตัวในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 จากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของภาครัฐ และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลกปี 2024 สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2023 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้นเป็นไตรมาส 2 ปี 2024 จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าคาด ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในช่วงครึ่งแรกของปี และยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำบนศักยภาพการเติบโตที่ลดลง
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
More Related Content
Similar to FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 22
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
SCBEICSCB
สถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง (No hard landing) เนื่องจากสถานะเงินทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปเข้มแข็งกว่าในอดีต รวมถึงธนาคารกลางมีมาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินรองรับ ในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกในช่วงปลายไตรมาส 1 พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบครึ่งปี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังหดตัวตามอุปสงค์สินค้า แม้ปัญหาอุปทานคอขวดทยอยคลี่คลาย อัตราเงินเฟ้อโลก อัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้ช้า แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในภาคธนาคารส่งผลให้ภาวะการเงินและเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ธนาคารกลางประเทศหลักจึงมีแนวโน้มไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ โดยคาดว่า Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในเดือน พ.ค. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 5-5.25% และคงไว้ตลอดปี ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. สู่ระดับ Terminal rate ที่ 3.5% และคงไว้ตลอดปีเช่นกัน เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นชัดเจนในหลายองค์ประกอบ นำโดยภาคการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 และแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ยังน่าห่วงจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลงและปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ แต่แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปีจะได้รับอานิสงส์มากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จีนหลังเปิดประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อเก่าและงานคงค้างเดิม อัตราเงินเฟ้อไทย อัตราเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดพลังงานที่ชะลอตัวลงมากตามราคาพลังงานโลกและมาตรการอุดหนุนภาครัฐที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วงท้ายปีหลังจากนโยบายพยุงค่าครองชีพของภาครัฐทยอยลดลงและการส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคมีมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงปัจจัยฐานที่เริ่มทรงตัว สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง SCB EIC ประเมินเม็ดเงินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.07% ของ GDP SCB EIC ประเมินว่า Terminal rate ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยล่าสุดมีแนวโน้มอยู่ที่ 2.5% ในกรณีฐานคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2% ในปีนี้ แต่หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.5% ได้ในไตรมาส 3 เงินบาทคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่าลง
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENAMarketing
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
SCB EIC ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.5% จากข้อจำกัดการฟื้นตัวที่มากขึ...
SCB EIC ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.5% จากข้อจำกัดการฟื้นตัวที่มากขึ...
SCBEICSCB
SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวดีขึ้นในปี 2024 ใกล้เคียงปีก่อน จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้นเป็นหลัก โดยอุปสงค์ในประเทศของสหรัฐฯ ยังขยายตัวดี ขณะที่เศรษฐกิจจีนกลับมาขยายตัวดีขึ้นในระยะสั้นตามวัฏจักรภาคการผลิตและการส่งออกที่ฟื้นตัว รวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ดี ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากปัญหาการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น สำหรับนโยบายการเงินโลก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 3 รวมทั้งปี 2 ครั้ง 50 BPS ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. รวมทั้งปี 4 ครั้ง 100 BPS จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงเร็วกว่าคาด สำหรับธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับมาตรการการคลัง ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วงท้ายปีตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะกลางที่สูงขึ้นจากประมาณการเดิมของ BOJ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2024 (ไม่รวม Digital wallet) เหลือ 2.5% (เดิม 2.7%) แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกออกมาขยายตัวดีกว่าคาด โดยมีแรงส่งหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาคบริการและการท่องเที่ยวจากการทยอยกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการขยายมาตรการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวอินเดียและไต้หวัน อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าภาพรวมองค์ประกอบเศรษฐกิจส่วนใหญ่แผ่วลง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำลง และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งแม้ว่าจะกลับมาเร่งตัวจากการเร่งรัดเบิกจ่ายหลัง พ.ร.บ. งบประมาณ 2024 ประกาศใช้ล่าช้ากว่าครึ่งปี แต่จะไม่สามารถชดเชยการหดตัวรุนแรงในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ได้ สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นหลายด้าน ได้แก่ (1) การส่งออกขยายตัวจำกัด ส่วนหนึ่งเพราะการส่งออกไทยเริ่มฟื้นตัวไม่สอดคล้องกับปริมาณการค้าโลกมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกสินค้ากลุ่มแผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล รถยนต์และส่วนประกอบ (2) ภาคการผลิตที่ฟื้นตัวช้ายังเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจ โดยยังคงมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากสินค้าคงคลังที่ยังอยู่ในระดับสูง และส่วนหนึ่งจะถูกสินค้าจีนตีตลาดจากปัญหา Overcapacity ของภาคอุตสาหกรรมจีน (3) การบริโภคภาคเอกชนแผ่วลงจากที่เคยขยายตัวได้ดีใน 2 ปีที่ผ่านมา ผลจากรายได้ฟื้นช้าทำให้ครัวเรือนเปราะบางสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 60,000 บาทต่อเดือนซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่เริ่มมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้งปลายปีนี้เหลือ 2.25% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2% ในช่วงต้นปีหน้า จากแรงส่งอุปสงค์ในประเทศในระยะข้างหน้าที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากฐานะครัวเรือนที่ยังเปราะบางและปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังมีอยู่ รวมถึงภาวะการเงินตึงตัวที่จะส่งผลกระทบชัดเจนขึ้น และความเสี่ยงเศรษฐกิจในปีหน้าที่จะปรับเพิ่มขึ้น สำหรับค่าเงินบาทผันผวนสูงและอ่อนค่าเร็วช่วงต้นเดือน เม.ย. จากภาวะ Risk-off ของสงครามอิสราเอล-อิหร่าน และตลาด Price-in การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าลงของ Fed ต่อมาเงินบาทกลับแข็งค่าเร็วหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด สำหรับในระยะสั้นเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น read more : https://www.scbeic.com/th/detail/product/eic-monthly-0524
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าในปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2023 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2024 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 2.5% ไปตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับศักยภาพในระยะยาว (Neutral rate) และช่วยเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้ และช่วยสร้างความสมดุลในระบบการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับเป็นบวกได้ โดยเป็นการลดแรงจูงใจในการก่อหนี้ใหม่ของครัวเรือนและลดการประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป (Underpricing of risks) จากภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน ทั้งนี้มองว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้างในปี 2024 จากแรงกดดันด้านอุปทาน ทำให้เกิดการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าระดับศักยภาพและอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ได้อีกทาง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพได้ดังเดิม โครงการนี้จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำ ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ สำหรับเงินบาทจะทรงตัวในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 จากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของภาครัฐ และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลกปี 2024 สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2023 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้นเป็นไตรมาส 2 ปี 2024 จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าคาด ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในช่วงครึ่งแรกของปี และยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง เศรษฐกิจไทยจะโตต่ำบนศักยภาพการเติบโตที่ลดลง
Similar to FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
(20)
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_8_#240.pdf
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA FUNDS Weekly Market Insight 228
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_5_#237.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_3_#235.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 226.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 223.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_1_#233.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 230.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 225.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_10_#242 (1).pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_7_#239.pdf
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งออกยังไม่สดใสแต่คาดกลับมาขยายตัว...
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 2024_6_#238.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 222.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_9_#241.pdf
SCB EIC ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.5% จากข้อจำกัดการฟื้นตัวที่มากขึ...
SCB EIC ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 2024 เหลือ 2.5% จากข้อจำกัดการฟื้นตัวที่มากขึ...
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
More from FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Performance
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
FINNOMENAMarketing
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review February 2024
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review February 2024
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
FINNOMENAMarketing
Finnomena-Monthly-Feb-2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
FINNOMENAMarketing
A.Stotz All Weather Strategy Performance review
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Performance review
2024-Yearly-Outlook
2024-Yearly-Outlook
FINNOMENAMarketing
2024-Yearly-Outlook
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
FINNOMENAMarketing
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023
More from FINNOMENAMarketing
(17)
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249 (1).pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_17_#249.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_16_#248.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_15_#247.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_14_#246.pdf
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240503_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_13_#245.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_12_#244.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
20240403_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review March 2024.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
Finnomena Weekly Market Insight 2024_11_#243.pdf
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
20240305_A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review ...
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
Finnomena Monthly Investment Outlook Feb 2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
20240205_A.-Stotz-All-Weather-Strategy-Performance-review-January-2024
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
20240104_A. Stotz All Weather Strategy - Performance review December 2023.pdf
2024-Yearly-Outlook
2024-Yearly-Outlook
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
A. Stotz All Weather Strategy - Weights update & Performance review Dec 2023.pdf
FINNOMENA Weekly Market Insight 231.pdf
1.
12 - 15
Dec 2023 ISSUE 231
2.
FINNOMENA PORT Performance Source :
Marketwatch
3.
*หมายเหตุ “ผลการดําเนินงานในอดีต /
ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต” Copyright © 2020 FINNOMENA Company Limited. All rights reserved. Weekly PERFORMANCE ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน As of 4/12/23 Source : FINNOMENA FUNDS, Morningstar
4.
*หมายเหตุ “ผลการดําเนินงานในอดีต /
ผลการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต” Copyright © 2020 FINNOMENA Company Limited. All rights reserved. Weekly PERFORMANCE ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน As of 4/12/23 Source : FINNOMENA FUNDS, Morningstar
5.
Your Week in
FINNOMENA อัปเดตตลาดประจําสัปดาห์ Source : NY Times
6.
สัปดาห์ที่มาตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 0.2% WoW
แม้สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลข การจ้างงานแกร่งกว่าคาด ซึ่งหนุนให้เฟดยังใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปส่งผล ให้ Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้น 3 bps สู่ระดับ 4.23% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก U of Michigan เดือนธ.ค. ซึ่งแข็งแกร่งกว่าคาด และทําจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2023 ซึ่งจะเป็นตัวชี้นําถึงภาคการบริโภคว่ายังมีทิศทางที่แข็งแกร่ง รวมถึงการคาดการณ์ เงินเฟ้อของผู้บริโภคใน 1 ปีข้างหน้ายังตํ่ากว่าตลาดคาด ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.47% WoW หลังเยอรมันนีรายงานคําสั่งซื้อภาค อุตสาหกรรมที่อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยุโรปกําลังอ่อนแอลง หนุนความ คาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในปีหน้า และ สอดคล้องกับกรรมการ ECB ที่แสดงความเห็นเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงิน ตลาดหุ้นจีน (CSI300) ปรับตัวลง 2.4% WoW หลัง Moody’s ปรับลดแนวโน้ม เครดิตแบงก์จีนสู่เชิงลบ (Negative) เพื่อสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สินและ วิกฤตอสังหาฯในประเทศ รวมถึงหุ้นจีนยังโดนกดดันจากการรายงานเงินเฟ้อที่หดตัว ต่อเนื่องซึ่งสร้างความกังวลต่ออุปสงค์และอัตรากําไรของภาคธุรกิจที่แย่ลง ตลาดหุ้นไทย (SET) เคลื่อนไหวผันผวนแต่ปิดบวกเล็กน้อย 0.05% WoW โดยถูก กดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคานํ้ามัน ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก (sSET) สามารถปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น 1.2%WoW หลัง Bond Yield ของไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 12 bps WoW สู่ระดับ 2.85% ราคานํ้ามัน WTI ยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 4.2%WoW จากความไม่แน่นอนของกลุ่ม OPEC+ เกี่ยวกับปริมาณและเวลาในการปรับลดการผลิต รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับ อุปสงค์ที่ลดลงจากภาคการผลิตทั่วโลกที่อ่อนแอในเดือนพ.ย. Source: FINNOMENA FUNDS, Bloomberg as of 11/12/2023 What you have missed 3.9% Germany New order vs EU Bond Consumer Sentiment Vs. Labour Market
7.
Eyes on This
WEEK สิ่งที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ Source : The NY Times
8.
สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน พ.ย.
ตลาดคาดเงินเฟ้อ ทั่วไปจะชะลอลงสู่ระดับ 3.1%YoY ซึ่งมีทิศทางชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ เงินเฟ้อพื้นฐานตลาดคาดที่ 4.0%YoY ทรงตัวจาก 4.0%YoY ในเดือนก่อนหน้า โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯมีทิศทางชะลอลงตามทิศทางดัชนีชี้นําด้านเงินเฟ้อที่ลด ความร้อนแรงลง อาทิ การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคใน 1 ปีข้างหน้าที่ตํ่า ลง ซึ่งประเด็นนี้จะช่วยหนุนให้เฟดลดความเข้มงวดในการดําเนินนโยบาย การเงิน โดยการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นสัปดาห์นี้ต้องติดตามการส่งสัญญาณ การดําเนินนโยบายการเงิน, การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot plot) และการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ Source: FINNOMENA FUNDS, Bloomberg as of 12/12/2023 Eyes On This Week ฝั ่ งยุโรปจะมีการประชุมธนาคารกลาง (ECB) โดยตลาดคาดหวังว่า ECB จะ เริ่มส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นหลังจากเศรษฐกิจใน ยุโรปเริ่มส่งสัญญาณที่อ่อนแอ โดยเฉพาะการภาคผลิตในยุโรปที่มีแนวโน้ม ชะลอลง แนวโน้มเช่นอาจทําให้ ECB มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตทาง เศรษฐกิจของยุโรปลงซึ่งจะเปิดเผยในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้จะมีการ ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งตลาดคาดว่า BoE จะยังไม่ส่ง สัญญาณเชิงผ่อนคลายแม้ว่าเงินเฟ้อจะมีทิศทางชะลอลงแล้ว แต่การเติบโต ของค่าจ้างในอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูง
9.
Charts of the
Week จํานวนบริษัทที่มีความเสี่ยงที่จะล้มละลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหลังจากยุค Paul Volcker (ประธาน Fed ปี 1975-1979) ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ปรับตัวลด ลงอย่างมีนัย โดยก่อนเกิดวิกฤต Covid-19 ดอกเบี้ยนโยบายทําจุดตํ่าที่สุดที่ 0% มายาวนาน เกือบ 10 ปี สนับสนุนให้บริษัทต่างๆ กู้ยืมเงินมากขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวสูง ขึ้น บริษัทต่าง ๆ จึงมีความเสี่ยงทางการเงินมากขึ้น "บริษัทซอมบี้" ซึ่งหมายถึงบริษัทที่ไม่สามารถเติบโตหรือสร้างกําไรเพียงพอที่จะชําระดอกเบี้ย ได้อีกต่อไป แต่ยังคงดํารงอยู่ได้เพราะมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ตํ่ามาก หรือ คือ บริษัทที่กําไรก่อนหัก ดอกเบี้ยและภาษีไม่เพียงพอที่จะชําระดอกเบี้ยเป็นเวลา 1 ปี (เส้นสีฟ้า) หรือแย่กว่านั้น คือ บริษัทที่ อยู่ในสภาวะดังกล่าวติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี (แท่งสีดํา) โดยในปัจจุบัน บริษัทในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 1 ใน 5 เป็นบริษัทซอมบี้ Source : Bloomberg, as of 9/12/2023
10.
ตัวเลขเศรษฐกิจ ที่น่าจับตามองประจําสัปดาห์ Economic Calendar Source
: Getty Images
11.
Economic Calendar Source :
Investing.com Source : FINNOMENA FUNDS, Investing as of 9/12/2023
12.
Source : The
NY Times กลยุทธ์การลงทุนประจําสัปดาห์ Weekly Investment Strategy
13.
Monthly Views on
DM Equities Country Gauge Investment View Recommendation : ทยอยสะสม AFMOAT-HA สหรัฐอเมริกา ● ความเสี่ยงของการเกิด recession เลื่อนออกไป จากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง โดยมี ภาคบริการที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ Fed ใกล้ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ● ผลประกอบการดีกว่าคาด หนุนคาดการณ์กําไรฟื้นตัว เมื่อประกอบกับการปรับฐาน หนุน Valuation ตึงตัวน้อยลง Recommendation : ทยอยลดสัดส่วนการลงทุน ยุโรป ● ยังถูกกดดันโดยเงินเฟ้อที่สูง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการบริโภคที่อ่อนแรสร้าง แรงกดดันต่อเศรษฐกิจต่อเนื่อง ● คาดการณ์กําไรปี 2023 ยังทรงตัว แต่เริ่มเห็นสัญญาณการปรับคาดการณ์ปี 2024 ขึ้นเล็กน้อย Valuation ยังอยู่ในแดนถูก (PE 12X) แต่ระดับการเติบโตตํ่า จึง แนะนําทยอยลดสัดส่วนการลงทุน ญี่ปุ่น Recommendation : ทยอยลดสัดส่วนการลงทุน ● BOJ เริ่มส่งสัญญาณการ tighten ที่มากขึ้น หลังเพิ่มกรอบการเคลื่อนไหวของ JGB 10 ปี ยังต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังอยู่เหนือกรอบเป้าหมายที่ระดับ 3% ● Citi Econ Surprise เริ่มออกมาติดลบในเดือนที่ผ่านมาสะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจจริง ออกมาแย่กว่าที่คาด สวนทางการปรับประมาณการณ์กําไรเพิ่มขึ้น ● PE อยู่ที่ระดับ 14 เท่า (-1 S.D) แต่ไม่ได้อยู่ในระดับ Deep discounted Slightly Underweight Slightly Underweight Slightly Overweight
14.
Country Gauge Investment
View Recommendation : ทยอยสะสม K-CHINA-A, ABCA-A Recommendation : ทยอยสะสม PRINCIPAL VNEQ-A ● ภาคการส่งออกชะลอตัวลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่คลี่คลาย ● ปัจจัยกดดันทยอยถูกแก้ไข ความกังในภาคอสังหาฯลดลง มีการปรับอัตราดอกเบี้ย นโยบายลดลง 3 ครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ● การประมาณการกําไรยังไม่ปรับขึ้น แต่มองว่า EPS อยู่ที่ Bottom แล้วใน 1Q23 ● Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับหุ้นโลก ● การปรับตัวขึ้นต้องรอแรงซื้อจากนักลงทุนเวียดนาม เมื่อเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้น Recommendation : ทยอยสะสม ASP-SME ● คาดการณ์เศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว และการ บริโภคในประเทศฟื้นตัว แต่ยังมีปัญหากลุ่มเปราะบางและยอดหนี้เสียเพิ่มขึ้น ● แรงกดดันด้านดอกเบี้ยลดลงจากเงินเฟ้อในประเทศที่ปรับตัวลง ● Valuation อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย ทิศทาง Fundflow ไหลออก ยังคงมีแรงกดดัน จากการเมืองในประเทศ ● การฟื้นตัวหลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุม Covid-19 เริ่มแผ่วลง โดยเฉพาะ ภาคการผลิต รวมถึงความมั่นในผู้บริโภคมีการฟื้นตัวแต่ยังตํ่ากว่าภาวะปกติ ● ท่าทีของรัฐบาลจีนที่ยังไม่เร่งรีบกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ขาด Catalyst ใหม่ที่จะ หนุน Performance ตลาดที่ดี ● Valuation ลดลงมาใกล้จุด -1.0 S.D. เมื่อเทียบกับหุ้นโลกยังมีความน่าสนใจ อีกทั้ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะยาวยังมี Upside ที่น่าสนใจ จึงแนะนําทยอยสะสม จีน เวียดนาม ไทย Slightly Overweight Monthly Views on EM Equities Overweight Slightly Overweight
15.
Country Gauge Investment
View Recommendation : คงสัดส่วนการลงทุน Recommendation : ไม่แนะนําลงทุน ● แนวโน้มการเติบโตของ GDP ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยโลก เพราะค่อนข้างขึ้นกับราคาของ commodity ซึ่งได้รับผลกระทบมากในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ● เงินเฟ้อทั่วไปลดตํ่าลงแต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังสูง ทําให้ต้องคงดอกเบี้ยระดับสูงไว้อีกนาน เกิดแรงกดดันการเจริญเติบโต ● Earnings ได้รับผลกระทบจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวบางส่วน ● Valuation คลายตัวลงมากจากช่วงปลายปี แต่ยังมีตลาดอื่นที่ถูกและมีโอกาสมากกว่า ● มีสัญญาณการกลับตัว แต่การเติบโตในระยะยาวยังน้อยกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม EM ● ธนาคารกลางจีนผ่อนคลายนโยบายโดยการลด RRR และ Loan Prime Rate แต่ตลาดยัง คาดหวังนโยบายกระตุ้นจากรัฐบาลจีนที่ Impact มากกว่านี้ ● กลุ่มไต้หวัน และ เกาหลีใต้ ได้ Sentiment เชิงบวกจากกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ หรือ AI ● การมีสัดส่วนการลงทุนใน Latam ซึ่งมี Growth ที่คาดว่าจะตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยโลก ทําให้ ความน่าสนใจตํ่า ดังนั้น EM อาจมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ แต่ Underperform จีน และ Asia Ex Japan ในระยะยาว Underweight EM Neutral Latin America Monthly Views on EM Equities
16.
Monthly Views on
Fixed Income & Alternative Assets Asset Class Gauge Investment View Recommendation : ลดสัดส่วน (ทยอยขายทํากําไร) ● แนวโน้มสงครามที่จํากัดวง ไม่ลุกลาม เมื่อประกอบกับแนวโน้มอุปาทานที่ทรงตัวจากกลุ่ม OPEC+ ยังคงการผลิต และอุปสงค์ที่อาจชะลอตัวจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ ยุโรป เมื่อ ประกอบกับแนวโน้มสกุลเงินดอลลาร์ที่อาจแข็งค่า จะสร้างแรงกดดันต่อราคานํ้ามัน แนะนํายอยขายทํากําไร นํ้ามัน Recommendation : ทยอยลดสัดส่วนการลงทุน (ถือบางส่วนสําหรับพอร์ตหลัก) ● ทองคําปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดของสงคราม และในระยะสั้นอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง มี แนวโน้มหนุน Real Yield ให้ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อประกอบกับเศรษฐกิจของยุโรปที่อ่อนแอ กว่าสหรัฐฯ และนโยบายการเงินของญี่ปุ่นที่ยังไม่เข้มงวด หนุนให้ดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่า กดดันราคาทองคํา จึงแนะนําขายทํากําไรเพื่อลดความเสี่ยง ● แต่สําหรับพอร์ตการลงทุนยังคงแนะนําถือครองบางส่วนเพื่อกระจายความเสี่ยง ทองคํา Slightly Overweight Slightly Overweight Slightly Underweight Slightly Underweight
17.
Monthly Views on
Fixed Income & Alternative Assets Asset Class Gauge Investment View Recommendation : เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน UGIS-N Recommendation : เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน KKP ACT FIXED ● เงินเฟ้อไทยลดลงตํ่ากว่าเป้าหมาย 2% ของกนง. ลดความจําเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของกนง. ให้น้อยลง สอดคล้องกับท่าทีกนง. ที่ระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด เพื่อเป็นอุปกรณ์ทางการเงินในอนาคต ● Yield ของตราสารหนี้อยู่ในระดับที่สูง จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา หนุนความ น่าสนใจลงทุน ตราสารหนี้โลก ตราสารหนี้ไทย ● เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเข้าใกล้กรอบเป้าหมายของ Fed มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากเงินเฟ้อที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนสูง ทําให้ FOMC มีท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยที่ ชะลอลงต่อเนื่อง ขณะที่ดอกเบี้ยที่ขึ้นมาแล้วกว่า 5.5% หนุนให้อัตราผลตอบแทนของ ตราสารหนี้น่าสนใจ จากระดับที่สูงที่สุดในรอบ 14 ปี ● แนวโน้ม Higher for Long ถูกรับรู้ไปมากแล้ว หนุนให้การลงทุนในตราสารหนี้มี Downside จํากัด Overweight Overweight
18.
Asset Class Gauge
Commentary Recommendation : ทยอยลดสัดส่วนการลงทุน Recommendation : คงสัดส่วนการลงทุน ● มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมค่าเช่า และ จํานวนผู้เช่าอยู่ในแนวโน้มดีขึ้น ทั้งนี้แรงกดดันของกลุ่มกอง REIT หลักมากจากอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจัยดังกล่าวทําให้ ความน่าสนใจของกอง REIT น้อยกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ความเสี่ยงตํ่ากว่า ● ปัจจุบัน REIT ไทยมี Dividend yield gap ที่ระดับ 3% เท่ากับค่าเฉลี่ย 10 ปี ● ยังคงถูกกดดันต่อเนื่องจาก yield ของตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงและมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ได้อีกเล็กน้อยหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเพิ่มเติม ● เมื่อมองถึงมิติเรื่องความผันผวนกอง REITs มีโอกาสผัวผวนได้สูงกว่าตราสารหนี้ หาก เกิดเศรษฐกิจถดถอย จึงทําให้ภาพรวมกอง REITs ยังมีความน่าสนใจน้อย เมื่อ เปรียบเทียบกับตราสารหนี้ REIT โลก REIT ไทย Recommendation : ทยอยลดสัดส่วนการลงทุน ● ยังเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่อง จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เงินลงทุนเป็น จํานวนมาก และปัจจุบันต้นทุนทางการเงินยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มว่าอาจจะสูงขึ้นได้ อีก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย บวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลอตัว ทําให้การลงทุนที่ใช้เงินสูงทําได้ยากขึ้น Global Infra Slightly Underweight Slightly Underweight Neutral Monthly Views on Fixed Income & Alternative Assets
19.
Recommendation : คงสัดส่วนการลงทุน ●
ประเด็นด้านการเมืองที่จะถูกนํามาใช้หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจ เข้ามากดดันได้ในช่วงปี 2024 แต่ในระดับที่ตํ่าลง จากประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศที่เข้มข้นมากขึ้น ● แนะนําถือครอง จากการเป็นหุ้น Defensive ที่ Price in ข่าวร้ายเฉพาะกลุ่มไปมากแล้ว ทําให้อาจมีโอกาสถือครองผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอยได้ ในฐานะ Beta หุ้นของพอร์ต แต่ มีความผันผวนที่ตํ่ากว่าหุ้นโดยรวม Monthly Views on Thematic Asset Class Gauge Commentary Recommendation : คงสัดส่วนการลงทุน Recommendation : คงสัดส่วนการลงทุน ● ยังน่าสนใจลงทุนในระยะยาว จากแรงสนับสนุนของรัฐบาลทั่วโลก ● การปรับตัวขึ้นในข่วงที่ผ่านมา นําโดยกลุ่ม Solar Cell จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง หนุนให้ Valuation ตึงตัว ก่อนจะพักฐานในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาช่วยผ่อนคลายความตึงตัวได้ บางส่วน ขณะที่ผลประกอบการดีกว่าคาด แต่คาดการณ์การเติบโตยังตํ่ากว่าภาพรวม ● แนะนําคงสัดส่วนการลงทุน ● หุ้นกลุ่ม Technology ขนาดใหญ่กลับมา Outperform หุ้นในภาพรวม หลังความคาดหวัง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลดลง จากการคลายความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว และความ คาดหวังการเติบโตที่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นทั่วโลก ● เมื่อพิจารณาในแง่ของ Valuation อยู่ในระดับที่แพง ประกอบกับความกังวลเรื่อง เศรษฐกิจชะลอตัวที่น่าจะยังมีอยู่ในอนาคต จะส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยี ยังมี Downside อยู่ ● แนะนํารอโอกาสเข้าลงทุน เพื่อรอสถานการณ์ให้ชัดเจน หรือ Valuation คลายตัวมากขึ้น Tech Clean Energy Healthcare Neutral Neutral Neutral
20.
Fund Highlight กองทุนแนะนําประจําสัปดาห์ Source :
Getty Images
21.
- สําหรับการลงทุนระยะ 3-6
เดือน - นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ Tactical Call Sell Buy Hold แนะนํา จุด Take Profit และ Stop Loss - สามารถ Cut Loss ได้ - มีการกําหนดระดับจุดเข้า/เป้าหมายทํากําไร/Stop Loss ที่ชัดเจน สถานะปัจจุบัน K-SEMQ TMBEMEQ Emerging Market (16/11/2022) Take Profit: 43.10 Stop loss: 37.00 Update 17/08/2023 CSI300 (09/01/2023) Take Profit: 4,430 Stop loss: 3,450 ถึง 3,500 Update 12/06/2023 SCBCHA KT-Ashare-A VN30 (17/11/2023) Take Profit: 1,260 Stop loss: 1,040 Update 17/11/2023 PRINCIPAL VNEQ-A DAPP ETF (27/11/2023) Take Profit: 7.4 Stop loss: 200 MA Update 27/11/2023 ASP-DIGIBLOC
22.
- สําหรับการลงทุนระยะ 6-12
เดือน เป็นต้นไป - เป็นกองทุนที่มีแนวโน้นให้ผลตอบแทนดีตามปัจจัย MEVT (Macroeconomic Earnings Valuation Technical) - มีโอกาสเปลี่ยนแปลงจุด cut loss หรือ take profit ตามปัจจัย MEVT ที่เปลี่ยนไป MEVT Call ปัจจัยที่โดดเด่น กองทุน แนะนํา สถานะ ปัจจุบัน Macro Earnings Valuation Technical UGIS-N (19/01/2023) PRINCIPAL VNEQ-A (26/01/2023) เงินเฟ้อเริ่มกลับเข้าสู่ระดับ 3% ดอกเบี้ยนโยบายใกล้จุดสูงสุด ศักยภาพการเติบโตสูง ได้ อานิสงส์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแรงมาก Yield อยู่ในระดับน่าสนใจ และมี แนวโน้มได้อัพจากดอกเบี้ย นโยบายที่ปรับตัวลง ในอดีตตราสารหนี้มักสร้างผล ตอบแทนดีหลังเงินเฟ้อพีค Buy แนวโน้มกําไรยังเติบโตได้สูง คาดเติบโตกว่า 30% Deep Discount กว่า -1.5 S.D. ทั้งเทียบกับตัวเองและโลก เริ่มย่อตัวลงมา หลังขึ้นรอบ ใหญ่ แนะนํา Buy on dip K-CHINA-A (09/02/2023) เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยดัชนีหลายๆ ตัวเริ่มทรงตัว Buy กําไรถูกปรับประมาณการลงจาก เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า แต่ยัง เติบโตได้ 17% อยู่ในระดับถูก -1 S.D. เมื่อเทียบ กับตัวเองและ หุ้นโลก Sideway รอมาตรการกระตุ้น จากทางการจีน As of 05 October 2023 SCBKEQTG (08/08/2023) การสิ้นสุด cycle de-stocking ชิ้น ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ Buy กําไรยังเติบโตได้โดดเด่นที่สุด คาดเติบโตกว่า 55% อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ ตัวเองและโลก Uptrend Channel แนะนํา Buy on dip AFMOAT-HA (02/10/2023) การฟื้นตัวโดดเด่นกว่าคาด Atlanta Fed คาด GDP Q3 โตกว่า 5% Buy กําไร 2024 ถูกปรับประมาณการ ขึ้น คาดว่ายังโตได้ 12% +1 S.D. เมื่อเทียบกับหุ้นโลก แต่ อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ ตัวเอง มีโอกาส Outperform 4Q พร้อมสัญญาณซื้อ Market Breadth Buy
Download now