2. โครงงานทั่วไป
โครงงาน คือ การศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่
สนใจ ข้อสงสัย เพื่อนำาไปสู่การค้นคว้าหาคำาตอบ
อย่างมีระบบระเบียบแบบแผน ด้วยวิธีการต่างๆเพื่อ
ให้ได้ข้อสรุปเป็นองค์ความรู้

3. โครงงานแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
๑. โครงงานเชิงสำารวจ
เป็นโครงงานที่ทำาโดยการสำารวจรวบรวมข้อมูล
ภายใต้ประเด็นที่ศึกษา แล้วนำาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์
ตีความ มักนำาเสนอในรูปตาราง กราฟ เป็นต้น
๒. โครงงานค้นคว้าทดลอง
เป็นโครงานที่เก็บข้อมูลโดยการศึกษาค้นคว้า
ทดลอง เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรที่สนใจ
แล้วสังเกตผลอย่างรายละเอียดถีถ้วน
๓. โครงงานสิ่งประดิษฐ์
เป็นโครงงานที่นำาความรู้ที่มีมาสร้างสิ่งประดิษฐ์
เพื่อการแก้ปัญหา ทำาเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ หรือ
ปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์ที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ได้

4. โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ คือ การศึกษาหาความรู้
ในสิ่งที่สนใจ หรือสร้างสรรค์ผลงานทางด้าน
คอมพิวเตอร์ตามขั้นตอนอย่างมีระเบียบ เพื่อค้นคว้า
หาความรู้ ตลอดจนคิดค้นพัฒนางานด้าน
คอมพิวเตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น ๕
ประเภท ได้แก่
๑.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
(Education Media)
๒. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tool
Development)
๓. โครงงานการทดลองทฤษฎี (Theory

5. ๑.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
(Education Media)
เป็นโครงงานที่ผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยสร้าง
โปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจสอด
แทรกแบบฝึกหัดไว้ด้วย ซึ่งโครงงานนี้จะใช้เป็น
อุปกรณ์การสอนของครู และสามารถบูรณาการกับ
กลุ่มสาราะวิชาอื่นได้

6. ๒. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tool
Development)
เป็นโครงงานที่พัฒนาเครื่องมือเพื่อมาช่วย
สร้างงานประยุกต์ต่างๆ ทั้งที่เป็นฮาร์ดแวร์และ
ซอฟต์แวร์ แต่งานส่วนใหญ่มักเป็นงานด้าน
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ งานชิ้นหนึ่งอาจใช้งานได้หลาย
ด้านก็ได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบ

7. ๓. โครงงานการทดลองทฤษฎี (Theory
Experiment)
เป็นโครงงานรวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จ
จริง และแนวคิด เพื่อทำาการทดลอง หรือจำาลองการ
ทดลองในสาขาวิชาต่างๆ ซึ่งอาจนำาเสนอในรูปแบบ
แนวคิด สมการ หรือคำาอธิบายก็ได้

8. ๔. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application)
เป็นโครงงานที่สร้างสรรค์ผลงานที่ใช้ในชีวิต
ประจำาวัน ทั้งการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และ
อุปกรณ์การใช้สอยต่างๆ ตลอดจนการปรับปรุง
ดัดแปลง แก้ไขพัฒนาผลงานที่มีอยู่เดิม ซึ่งจะต้องมี
การทดสอบการทำางานด้วย

9. ๕. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
เป็นโครงงานที่ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์
เกมเพื่ความเพลิดเพลิน ซึ่งอาจสอดแทรกความรู้
เข้าไปด้วย ทั้งนี้ ควรสำารวจเกมต่างๆที่มีอยู่ทั่วไป
ก่อน แล้วจึงนำามาปรับปรุงพัฒนาให้ได้เกมที่แปลก
ใหม่และมีความน่าสนใจมากขึ้น

10. องค์ประกอบโครงงานคอมพิวเตอร์
องค์ประกอบของโครงงานคอมพิวเตอร์มีข้อควร
พิจารณาดังนี้๑. กระบวนการทำางาน
โครงงานคอมพิวเตอร์ เมื่อแบ่งตามลักษณะชิ้นงาน
จะแบ่งได้ ๒ ประเภท ได้แก่
๑.๑ กระบวนการด้านฮารด์แวร์ ซึ่งผลงานที่ได้มัก
จะส่งเสริมประสิทธิภาพของเครื่องมือหรืออุปกรณ์
คอมพิวเตอร์เป็นหลัก
๑.๒ กระบวนการด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งผลงานที่ได้มัก
จะเป็นซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน และบันทึกอยู่ในสื่อ
ข้อมูลต่างๆ

11. ๒. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ชิ้นงานจะต้องเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เลือกหัวข้อที่สนใจด้วยผู้จัด
ทำาเอง และหัวข้อที่ได้ต้องไม่ซ้ำ้ากับผู้อื่น ถ้าหากโครง
งานที่จะทำามีผู้อื่นทำาไว้ก่อนแล้ว ก็ควรดัดแปลงเพื่อ
ศึกษาค้นคว้าและพัฒนาโครงงานนั้นเพิ่มเติม
๓. การปฏิบัติงาน
ผู้ทำาโครงงานควรมีความรู้ ความสามารถ และ
เลือกทำาโครงงานที่ตนเองถนัดและสนใจ เพื่อให้ทำา
โครงงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพและใช้งานได้จริง
ตลอดจนพิจารณาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำาโครง
งานนั้นๆประกอบด้วย

12. ๔. การวางแผน สรุป และการนำาเสนอผลงาน
การทำาโครงงานคอมพิวเตอร์จะต้องมีการ
วางแผนการดำาเนินการอย่างมีขั้นตอน มีการสรุปว่าผู้
อื่นจะได้อะไรจากโครงงานชิ้นนี้ มีข้อผิดพลาด
อย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงต้องนำาเสนอผลงานแก่
สาธารณะ
โครงงานคอมพิวเตอร์จะมีลักษณะที่พบในโครง
งานทั่วไปด้วย เช่น ไม่ซ้ำ้ากับโครงงานของผู้อื่น ผู้ทำา
โครงงานมีความสนใจ มีการดำาเนินการอย่างเป็นขั้น
ตอน เป็นต้น

13. ขั้นตอนการทำาโครงงานคอมพิวเตอร์
การกำาหนดและแบ่งขั้นตอนการทำาโครงงาน
คอมพิวเตอร์นั้นมีความยืดหยุ่นไม่ตายตัว ซ้ึ่งขึ้นอยู่
กับวิจารณญาณของผู้จัดทำาโครงงาน แต่โดยทั่วไป
แล้วขั้นตอนการทำาโครงงานคอมพิวเตอร์สามารถ
แบ่งเป็นขั้นคอนหลักๆได้ดังนี้
๑. การเลือกโครงงาน ซ้ึ่งผู้จัดทำาควรพิจารณา
ปัจจัยต่างๆดังนี้
- ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ทำา
โครงงาน
- ความถนัดและความสนใจของผู้ทำาโครงงาน
- ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงงาน และความเป็น
ไปได้ว่าจะทำาได้จริง

14. ๒. การศึกษาค้นคว้า
หลังจากเลือกหัวข้อได้แล้ว ผู้ทำาต้องศึกษา
ค้นคว้าเกี่ยวกับโครงงานนั้น ทั้งด้านข้อมูล ระยะเวลา
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำาโครงงาน
๓. การจัดทำาโครงร่าง
เมื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโครงงานแล้ว ผู้จัดทำา
ต้องเสนอโครงร่างต่ออาจารย์ที่ปรึกษา และกำาหนด
รายละเอียดต่างๆ ซ้ึ่งจะมีหัวข้อหลักๆดังนี้
- ชื่อโครงงาน
- ชื่อสมาชิกและข้อมูลผู้ทำาโครงงาน
- ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโครง
งาน

15. ๔. การทำาโครงงาน
เมื่อโครงร่างของโครงงานได้รับความเห็นชอบ
ก็ให้ลงมือทำาจริง ซ้ึ่งระหว่างที่จัดทำาโครงงานจะต้อง
บันทำาปัญหาที่พบ ขอคำาแนะนำาจากอาจารย์ที่ปรึกษา
และตรวจสอบโครงงานเป็นระยะๆตลอดเวลาที่ทำา
โครงงาน
๕. การทำารายงาน
การทำารายงานจะต้องรวบรวมข้อมูลทุกอย่าง
เกี่ยวกับโครงงาน ซ้ึ่งอาจมีการปรับปรุงตามความจริง
ได้
๖. การนำาเสนอโครงงาน
เพื่อเผยแพร่แก่สาธารณะ และพัฒนาให้ใช้งาน
ได้จริง

16. การเขียนรายงานโครงงาน
การเขียนรายงานโครงงานโดยทั่วไป มีเนื้อหา
หลักๆดังนี้
เนื้อหาก่อนขึ้นบทที่ ๑
- บทคัดย่อ : เนื้อหาโครงงานโดยย่อ
- กิตติกรรมประกาศ : การกล่าวขอบคุณบุคคล
สถาบัน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้
โครงงานงานสำาเร็จลุล่วง
- สารบัญ : ลำาดับหน้าของเนื้อหา ตาราง ภาพ
บทที่ ๑ : บทนำา
- ที่มาและความสำาคัญ : กล่าวถึงความสำาคัญของ
ปัญหาหรือสิ่งที่สนใจ

17. บทที่ ๒ : เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ผลการค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น เนื้อหา ทฤษฎี
โครงงานชิ้นอื่น เอกสารงานวิจัย บุคคล หน่วยงาน
เป็นต้น (ขึ้นอยู่กับชิ้นงาน)
บทที่ ๓ : วิธีดำาเนินงาน
อธิบายวัสดุ อุปกรณ์ สารเคมี สิ่งมีชีวิต (ขึ้นอยู่กับชิ้น
งาน) และขั้นตอนการดำาเนินงาน วิธีที่ใช้ในการ
ศึกษา
บทที่ ๔ : ผลการดำาเนินงาน
นำาเสนอผลที่ได้ตามจุดประสงค์ อาจนำาเสนอในรูป
แบบของตาราง แผนภูมิ กราฟ ความเรียง เป็นต้น

18. บทที่ ๕ : สรุป
- สรุปผล : ผลการดำาเนินงานที่ได้ตามจุดประสงค์
- อภิปรายผล : อธิบายผลโดยใช้ความรู้ต่างๆ มา
อ้างอิง เพื่อสนับสนุนการดำาเนินงาน
-ข้อเสนอแนะ : บันทึกประโยชน์ที่จะได้รับ ข้อ
ปรับปรุง แก้ไข ปัญหา อุปสรรคที่พบ เพื่อพัฒนาใน
โอกาสต่อไป
เนื้อหาหลังบทที่ ๕
- อ้างอิง : รายการแสดงแหล่งข้อมูลที่นำามาใช้ในการ
ดำาเนินโครงงาน