Recommended
More Related Content
What's hot
What's hot (20)
Similar to บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
Similar to บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต (20)
More from Pinutchaya Nakchumroon
More from Pinutchaya Nakchumroon (20)
Recently uploaded
Recently uploaded (10)
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
- 1. บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ
- 2. การจัดระบบในสิ่งมีชีวิต เริ่มจากเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ สิ่งมีชีวิต ซึ่ง เซลล์(CELL ) คือ หน่วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีชีวิตที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ประกอบด้วย ออร์แกเนลล์ ต่างๆที่ทาหน้าที่ร่วมกัน
- 5. ประวัติการศึกษาเซลล์ ปี ค.ศ. 1665 โรเบิร์ต ฮุก นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ ส่องดูไม้คอร์กที่ เฉือนบางๆ และได้พบช่องเล็กๆ จานวนมาก จึงเรียกช่องเล็กๆ นี้ว่า เซลล์ (cell) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว การที่คงเป็น ช่องอยู่ได้ก็เนื่องจากการมีผนังเซลล์นั่นเอง
- 8. โครงสร้างพื้นฐานของเซลล์ ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ และผนังเซลล์ ไซโทพลามซึม (Cytoplasm) นิวเคลียส (Nucleus)
- 9. ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ 1.1 เยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ประกอบด้วยลิพิด และโปรตีนเป็นองค์ประกอบหลัก อยู่ในรูปของ “ฟอโฟลิพิด” เรียงกัน 2 ชั้น อาจพบโปรตีนกับคลอเรสเตอรอลแทรกอยู่
- 13. คุณสมบัติของเยื่อหุ้มเซลล์ 1) ห่อหุ้มส่วนของโพรโทพลาซึมที่อยู่ข้างในทาให้เซลล์แยกออกจากัน 2) ช่วยควบคุมการเข้าออกของสารต่างๆ (Selectively permeable membrane) 3) รับสัมผัสสาร ทาให้เกิดการเร่งหรือลดการเกิดปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์นั้นๆ
- 14. 1.2 ผนังเซลล์ (Cell Wall) คือ โครงสร้างที่อยู่ชั้นนอกห่อหุ้มเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่ง ประกอบด้วยสารพวกเซลลูโลสเป็นส่วนใหญ่ พบในเซลล์พืช สาหร่าย แบคทีเรีย และรา ทาหน้าที่ป้องกันและสร้างความแข็งแรง
- 15. 1.2 ผนังเซลล์ (Cell Wall)
- 16. ไซโทพลามซึม (Cytoplasm) เป็นของเหลวที่อยู่นอกนิวเคลียส อยู่ภายในเยื่อหุ้มเซลล์ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบธรรมดา ซึ่งประกอบด้วยออแกเนลล์ ที่ทาหน้าที่ต่างๆ
- 18. นิวเคลียส (Nucleus) เป็นโครงสร้างที่มักพบอยู่กลางเซลล์เมื่อย้อมสีจะติดสีเข้มทึบ เซลล์โดยทั่วๆ ไปจะมี 1 นิวเคลียส เป็นที่อยู่ของสารพันธุกรรม จึงมีหน้าที่ควบคุมการทางานของเซลล์
- 21. การลาเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ การลาเลียงแบบไม่ใช้พลังงาน ได้แก่ การแพร่ การออสโมซิส และการแพร่แบบฟาซิลิเทต
- 22. 1.1 การแพร่ (Diffusion) โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ
- 23. 1.1 การแพร่ (Diffusion) การเคลื่อนที่ของอนุภาคสารจากบริเวณที่มีความหนาแน่นสูงไปต่า โดยอาศัยพลังงานจลน์ของสารเอง
- 24. ภาวะสมดุลของการแพร่ (diffusion equilibrium) บริเวณที่มีความเข้มข้นมากโมเลกุล ก็มีโอกาสชนกันมาก ทาให้โมเลกุลกระจายไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า จนความเข้มข้นของโมเลกุลเท่ากัน จึงเรียกว่า ภาวะสมดุลของการแพร่
- 25. นักเรียนที่อุณหภูมิใดมีผลทาให้เกิดภาวะสมดุลของการแพร่ ได้เร็วที่สุด ระหว่าง อุณหภูมิสูง อุณหภูมิห้อง อุณหภูมิต่า
- 26. 1.2 การออสโมซิส (Osmosis) โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ
- 27. 1.2 การออสโมซิส (Osmosis) เกิดในกรณีสารในและนอกเยื่อหุ้มเซลล์มีความเข้มข้นต่างกัน น้าจะเคลื่อนจากจุดที่มีน้ามาก (ความเข้มข้นน้อย) ไปจุดที่น้าน้อย (เข้มข้นกว่า )
- 29. 1) ไอโซทอนิก โซลูชัน (isotonic solution) สารละลายนอกเซลล์ที่มีความเข้มข้นเท่ากับเซลล์ เมื่อใส่เซลล์ลง ในสารละลายชนิดนี้ขนาดของเซลล์จะไม่เปลี่ยนแปลง
- 30. 2) ไฮโพทอนิก โซลูชัน (hypotonic solution) สารละลายในเซลล์ มีความเข้มข้นมากกว่า ภายนอกเซลล์ (น้าน้อยกว่า) จะทาให้เซลล์ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเนื่องจากน้าจากภายนอกแพร่เข้าสู่เซลล์
- 31. 3) ไฮเพอร์ทอนิก โซลูชัน (hypertonic solution) สารละลายในเซลล์มีความเข้มข้นน้อยกว่าภายนอกเซลล์ (น้ามากกว่า) จะทาให้เซลล์เหี่ยวลดขนาดลง เนื่องจากน้าจากภายในแพร่ออกสู่นอกเซลล์
- 33. 1.3 การแพร่แบบฟาซิลิเทต (facilitated diffusion) เป็นการเคลื่อนที่ของสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ โดยอาศัยโปรตีนที่เป็นตัวพา (carrier) มีความเร็วมากกว่าการแพร่แบบธรรมดา พบในสารที่มีโครงสร้างจาเพาะ เช่น กลูโคส กรดอะมิโน
- 34. การลาเลียงแบบใช้พลังงาน (active transport) เป็นการเคลื่อนที่ของสารโดยใช้พลังงานจากการสลายสารอาหารมาใช้ (ATP) เป็นการลาเลียงสารจากบริเวณ ที่มีความเข้มข้นน้อยไปสู่ความเข้มข้นมาก ได้แก่ โซเดียม โพแทสเซียมปั๊ม การดูดซึมอาหาร การดูดกลับของสารที่หลอดไต
- 36. เอกโซไซโทซิส (exocytosis) เป็นการลาเลียงสารออกจากเซลล์ โดยบรรจุอยู่ในเวสิเคิล เวสิเคิลรวมตัวกับเยื่อหุ้มเซลล์ สารที่อยู่ภายในก็จะถูกปล่อยออกไปนอกเซลล์ เช่น การหลั่งเอนไซม์จากเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร ,การกาจัดของเสีย
- 37. เอนโดไซโทซิส (endocytosis) เป็นการลาเลียงเข้าสู่เซลล์ แบ่งเป็น 3 วิธี คือ ฟาโกไซโทซิส พิโนไซโทซิส การนาสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัยตัวรับ
- 38. 2.1 ฟาโกไซโทซิส (Phagocytosis) พบได้ในเซลล์จาพวกอะมีบาและเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์จะยื่นไซโทพลาซึมออกมาล้อมรอบอนุภาคของสาร นาเข้าสู่เซลล์ในรูปของเวสิเคิล และย่อยด้วยเอนไซม์ของไลโซโซม
- 40. 2.2 พิโนไซโทซิส(pinocoytosis) เป็นการนาอนุภาคของสารที่อยู่ในรูปของสารละลายเข้าสู่เซลล์ โดยการทาให้เยื่อหุ้มเซลล์เว้าเข้าไปในไซโทพลาซึมทีละน้อย จนกลายเป็นถุงเล็กๆ ถุงนี้จะหลุดเข้าไปกลายเป็นเวสิเคิล
- 42. 2.3 การนาสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัยตัวรับ (receptor-mediated endocytosis) นาสารเข้าสู่เซลล์ โดยมีโปรตีนตัวรับบนเยื่อหุ้มเซลล์ สารที่จะต้องมีความจาเพาะในการจับกับโปรตีนตัวรับด้วย หลังจากนั้นเยื่อหุ้มเซลล์จึงเว้าเป็นเวสิเคิลหลุดเข้าสู่ภายในเซลล์
- 52. ลักษณะของปากใบ ปากใบของพืชประกอบด้วยช่องเล็กๆ ในเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของใบ มีเซลล์คุม (guard cell ) ทาหน้าที่ปิดและเปิดปากใบ มีคลอโรฟีลล์ จึงสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ มีสารพวกขึ้ผึ้ง คือคิวทิน ฉาบอยู่
- 53. ลักษณะของปากใบ