SlideShare a Scribd company logo
1 of 11
Download to read offline
รายงานการสังเคราะห์ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้
โดย ศน
.วารี รัตน์ สติราษฎร์

การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ เป็ นกิจกรรมการเรี ยนรู้ Inquiry Cycle เป็ นที่
รู้จกกันหลายชื่อ เช่น การสืบเสาะหาความรู้ การสอนแบบสืบสวนสอบสวน การสอนแบบสอบสวน การ
ั
สอนให้ ผ้ เู รี ยนค้ นคว้ าหาความรู้โดยใช้ กระบวนการทางความคิด การสอนแบบค้ นพบ การสอนแบบ
แก้ ปัญหา หรื อการสอนแบบสืบเรื่ องราว

ความหมายของจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
จากการสังเคราะห์ความหมายของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ จาก
กระทรวงศึกษาธิการ (2542,หน้ า 219) กองวิจยทางการศึกษา (2542, หน้ า 11) และ พิมพ์พนธ์ เดชะ
ั
ั
คุปต์ (2544, หน้ า 56-57) สรุปได้ วา กระบวนการสืบเสาะหาความรู้เป็ นการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ที่พฒนา
่
ั
ความสามารถในการแก้ ปัญหา เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ เน้ นการปฏิบตจริงมากที่สด เป็ นการเรี ยนรู้ที่ไม่ได้ เกิด
ัิ
ุ
จากการบอกเล่าของครู หรื อผู้เรี ยนไม่เพียงแต่จดจาแนวคิดต่างๆ เท่านัน แต่เป็ นกระบวนการที่นกเรี ยนต้ อง
้
ั
สร้ างความรู้ใหม่ สิ่งประดิษฐ์ ใหม่ด้วยตนเอง ความรู้ที่ได้ จะคงถาวรอยูในความจาระยะยาว ครูเป็ นผู้
่
อานวยความสะดวก เป็ นผู้จดประสบการณ์การเรี ยนรู้ โดยตังคาถามประเภทกระตุ้นให้ นกเรี ยนใช้
ั
้
ั
ความคิดหาวิธีแก้ ปัญหาเอง และสามารถนาการแก้ ปัญหานันมาใช้ ในชีวิตประจาวันได้
้
จะเห็นได้ วาการเรี ยนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้นนเป็ นวิธีการที่ดีทาให้ ผ้ เู รี ยน เรี ยนด้ วย
่
ั้
ความเข้ าใจ ไม่ใช่การเรี ยนแบบท่องจา โดยมีครูเป็ นผู้สร้ างบรรยากาศที่เอื ้อต่อการเรี ยนรู้ นักเรี ยนสามารถ
สร้ างองค์ความรู้ได้ ด้วยตนเอง ซึงสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาการเรี ยนและทักษะกระบวนการทาง
่
วิทยาศาสตร์ ได้ เป็ นอย่างดี

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
หลักจิตวิทยาพืนฐานของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
้
จิตวิทยาการศึกษาเปรี ยบเสมือนเครื่ องมือช่วยให้ ผ้ เู รี ยนเกิดการเรี ยนรู้ได้ ดีขึ ้นเป็ นการเพิ่ม
ประสิทธิภาพการเรี ยนการสอน ผู้ศกษาค้ นคว้ าได้ สงเคราะห์เอกสารเกี่ยวกับ หลักจิตวิทยาพื ้นฐานของการ
ึ
ั
จัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ จาก วีรยุทธ วิเชียรโชติ (2526, หน้ า 92 - 101) สรุปได้ ดงนี ้
ั
จิตวิทยาในเรื่ องการเรี ยนรู้ แบ่งเป็ น 3 ส่วน คือ
1) สถานการณ์เพื่อการเรี ยนรู้ เพราะในการเรี ยนการสอนแบบนี ้มุงให้ ผ้ เู รี ยนได้
่
ค้ นพบตัวเองจึงต้ องมีประสบการณ์เพื่อการเรี ยนรู้เป็ นสิ่งเร้ าให้ ผ้ เู รี ยนได้ พฒนาความรู้และความคิด
ั
2) กระบวนการเรี ยนรู้และการคิด การเรี ยนการสอนแบบนี ้ส่งเสริมให้ ผ้ เู รี ยนเกิ ด
กระบวนการเรี ยนรู้ และการคิดอย่างมีขนตอน โดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยาก และซับซ้ อนขึ ้นเป็ น
ั้
ลาดับ
3) ผลการเรี ยนรู้คือความรู้ ความคิด และการกระทาเป็ นผลที่ได้ ของผู้เรี ยนโดย
ทังสามส่วนนี ้ประสานสัมพันธ์เกี่ยวข้ องกัน เป็ นระบบของการเรี ยนรู้
้
จิตวิทยาในเรื่ องการเรี ยนรู้ด้วยการกระทา เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนมีสวนร่วม และเป็ นผู้กระทา
่
กิจกรรมให้ ผ้ เู รี ยนมีโอกาสปรับปรุง และพัฒนาพฤติกรรมของผู้เรี ยน
จิตวิทยาในเรื่ องแรงจูงใจใฝ่ รู้ เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนมีการเรี ยนรู้จากการสังเกต และเปรี ยบเทียบ
เมื่อผู้เรี ยนเกิดปั ญหาข้ องจิต ผู้เรี ยนจะเกิดแรงจูงใจใฝ่ รู้ คือมีความอยากรู้อยากเห็นที่จะแสวงหาความรู้
ด้ วยการสืบเสาะหาความรู้ตอไป
่
จิตวิทยาการเรี ยนรู้ในการสร้ างสังกัปแนวหน้ า เป็ นขันตอนในการสร้ างความพร้ อมในการ
้
เรี ยน 3 ด้ าน คือ ความพร้ อมทางแรงจูงใจ ความพร้ อมทางปั ญญา ความพร้ อมทางพฤติกรรมการสร้ าง
ความพร้ อมให้ กบผู้เรี ยนก่อนที่จะเริ่มสอน มีความสาคัญมาก เพราะถ้ าผู้เรี ยนยังไม่พร้ อมที่จะเรี ยนไม่วา
ั
่
ในทางใดก็ตามการเรี ยนการสอนจะไม่เกิดผลเท่าที่ควร
ชูศรี สนิทประชากร, (2533, หน้ า 22 23) กล่าวถึงโครงสร้ างของวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้มีพื ้นฐานมาจากทฤษฎีของนักจิตวิทยาในกลุม
่
Cognitive field theory คือ เพียเจย์ (Piaget) ซึงวางรากฐานสาคัญของการที่บคคลจะนาประสบการณ์
่
ุ
ต่างๆ มาเป็ นข้ อมูลในการแก้ ปัญหาต่างๆ ได้ นนประกอบด้ วย
ั้
1) การใช้ โครงสร้ างเดิมเพื่อการเรี ยนรู้ (Assimilation Structure) หมายถึง การที่
องค์ประกอบต่างๆ ของปั ญหามาประสานสัมพันธ์กน เป็ นโครงสร้ างความคิดของบุคคลทาให้ บคคลเข้ าใจ
ั
ุ
สิ่งแวดล้ อมอันเป็ นปั ญหา หรื อพูดอีกนัยหนึงว่า บุคคลนาความรู้เดิมเท่าที่สามารถรวบรวมได้ มาแปล
่
ความหมาย ทาความเข้ าใจสิ่งแวดล้ อมหรื อการใช้ ความรู้เดิมมาคิด ทาความเข้ าใจสิ่งใหม่นนเอง
ั่

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
2) การปรับขยายโครงสร้ างเพื่อการเรี ยนรู้ (Accommodation Structure) หมายถึง
การที่บคคลขยายความคิดต่อสิ่งแวดล้ อมกว้ างขวางออกไป แก้ ปัญหาได้ ลกซึ ้งกว้ างขวางออกไปความคิด
ุ
ึ
นาข้ อมูลหรื อตัวแปรต่างๆ มาประกอบการคิดได้ กว้ างขวางขึ ้น ทาให้ สามารถแก้ ปัญหาปรับตนให้ เข้ ากับสิ่ง
ใหม่ๆ บุคคลมีความรู้ ความสามารถในการแก้ ปัญหา ทาความเข้ าใจสิ่งแวดล้ อมเพิ่มพูนขึ ้นโครงสร้ างทัง้
สองที่กล่าวมาเป็ นโครงสร้ างกระบวนการสืบสวนสอบสวนหรื อกระบวนการสืบเสาะหาความรู้จาก
โครงสร้ างทังสองนี ้ทาให้ เราได้ ใช้ สงกัปแนวหน้ าเข้ าช่วยในการเรี ยนรู้ใหม่ๆ โดยให้ เด็กถามเกี่ยวกับ
้
ั
ธรรมชาติ ซึงใช้ การสังเกตเป็ นส่วนใหญ่เพื่อขยายโครงสร้ างให้ กว้ างขวางออกไป เพื่อให้ เกิดสังกัปใหม่ๆ ให้
่
เด็กพร้ อมที่จะรับรู้จากหลักจิตวิทยาดังกล่าว
จึงสรุปได้ วา หลักจิตวิทยาที่เกี่ยวข้ องกับการสืบเสาะหาความรู้ได้ แก่จิตวิทยาการเรี ยนรู้ การเรี ยนรู้
่
ด้ วยการกระทา การทาให้ เกิดแรงจูงใจใฝ่ รู้ การสร้ างสังกัปแนวหน้ าเพื่อสร้ างความพร้ อมในการเรี ยนเกิดสัง
กัปใหม่ๆ ยัวยุให้ ผ้ เู รี ยนเกิดความอยากเรี ยน และผู้เรี ยนได้ ศกษาหาความรู้ด้วยตนเองโดยมีครูเป็ นผู้สร้ าง
่
ึ
ความพร้ อมให้ กบผู้เรี ยน
ั

องค์ ประกอบสาคัญของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
ครู คือ ครูมีบทบาทสาคัญดังต่อไปนี ้ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2545, หน้ า 69-73)
เป็ นผู้กระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนคิด (Catalyst) โดยกาหนดปั ญหาแล้ วให้ ผ้ เู รี ยนวางแผนหาคาตอบ
เอง หรื อกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนกาหนดปั ญหาและวางแผนหาคาตอบเอง
เป็ นผู้ให้ การเสริมแรง (Reinforcement) โดยการให้ รางวัล หรื อกล่าวชม เพื่อให้ กาลังใจ
และเพื่อเกิดพฤติกรรมการเรี ยนการสอนอย่างต่อเนื่อง
เป็ นผู้ให้ ข้อมูลย้ อนกลับ (Feedback Actor) โดยการบอกข้ อดี ข้ อบกพร่องแก่ผ้ เู รี ยน
เป็ นผู้แนะนาและกากับ (Guide and Director) เป็ นผู้แนะนาเพื่อให้ เกิดความคิดและกากับ
ควบคุมมิให้ ออกนอกลูนอกทาง
่
เป็ นผู้จดระบบ (Organizer) เป็ นผู้จดบรรยากาศและสิ่งแวดล้ อมต่างๆ รวมทังอุปกรณ์สื่อ
ั
ั
้
การสอนแก่ผ้ เู รี ยน
กล่าวโดยสรุปแล้ วครูมีบทบาทเป็ นผู้อานวยความสะดวก เพื่อให้ ผ้ เู รี ยนสามารถค้ นหาความรู้
ด้ วยตนเองได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
ผู้เรี ยน มีบทบาทเป็ นผู้ปฏิบตการทดลอง หรื อวางแผนการทดลอง เพื่อหาคาตอบ หรื อทัง้
ัิ
กาหนดปั ยหา และวางแผนการทดลองเพื่อหาคาตอบ การหาคาตอบกระทาด้ วยตนเอง โดยใช้ กระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์

หลักการที่ใช้ ของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
การเรี ยนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้มีหลักการพื ้นฐาน 7 ประการ คือ (วีรยุทธ วิเชียร
โชติ, 2526, หน้ า 2)
หลักการแสวงหาความรู้ด้วยคาถาม
หลักการเรี ยนรู้และค้ นพบกฎเกณฑ์ด้วยตนเอง
หลักการเรี ยนรู้จากปั ญหา
หลักการแก้ ปัญหาด้ วยวิธีวิทยาศาสตร์ ทงทางวัตถุและทางจิตใจ
ั้
หลักการพัฒนาผู้เรี ยนให้ เป็ นคนดี
หลักการอยูร่วมกันแบบอารยะประชาธิปไตย
่
หลักการควบคุมสิ่งแวดล้ อมทังภายในและภายนอก
้
จากหลักการข้ างต้ น สรุปได้ วา หลักการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เน้ น
่
การฝึ กให้ นกเรี ยนคิด ค้ นคว้ าหาความรู้ด้วยตนเอง ครูจะต้ องใช้ วิธีกระตุ้นให้ นกเรี ยนเกิดข้ อสงสัยก่อนโดย
ั
ั
การถามให้ คด ถามเพื่อรวบรวมข้ อมูลหรื อเสนอปั ญหาแก่นกเรี ยน แล้ วนักเรี ยนเป็ นผู้ใช้ ความคิดแก้ ปัญหา
ิ
ั
ของนักเรี ยนเอง

ประเภทของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท โดยใช้ บทบาท
ของครูและผู้เรี ยนเป็ นเกณฑ์ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2545, หน้ า 69 -73 อ้ างถึง
Carin and Sund,
1980) ดังนี ้
วิธีให้ ผ้ เู รี ยนทางานหรื อปฏิบตการทดลอง (Guided Inquiry) เป็ นวิธี สืบสอบที่ครูเป็ นผู้กาหนด
ัิ
ปั ญหาวางแผนการทดลอง เตรี ยมอุปกรณ์ เครื่ องมือไว้ เรี ยบร้ อย ผู้เรี ยนมีหน้ าที่ปฏิบตการทดลองตาม
ัิ
แนวทางที่กาหนดไว้ ซึงอาจเรี ยกว่าเป็ นวิธีสืบสอบที่มีคาแนะนาปฏิบตการหรื อกิจกรรมสาเร็จรูป
่
ัิ
(Structured Laboratory) ลาดับขันตอนการสอนของวิธีนี ้คือ
้

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
1) ขันนาเข้ าสูบทเรี ยน ครูเป็ นผู้นาอภิปรายโดยตังปั ญหาเป็ นอันดับแรก
้
่
้
2) ขันอภิปรายก่อนการทดลอง อาจจะเป็ นการตังสมมติฐาน ครูอธิบายหรื อให้
้
้
คาแนะนาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จะใช้ ในการทดลอง ว่ามีวิธีการอย่างไร จึงจะไม่เกิดอันตรายและมีข้อควร
ระวังในการทดลองแต่ละครังอย่างไรบ้ าง
้
3) ขันทาการทดลอง ผู้เรี ยนเป็ นผู้ลงมือกระทาการทดลองเองพร้ อมทังบันทึกผล
้
้
การทดลอง
4) ขันอภิปรายหลังการทดลอง เป็ นขันของการนาเสนอข้ อมูล และสรุปผลการ
้
้
ทดลอง ในตอนนี ้ครูต้องนาการอภิปรายโดยใช้ คาถามเพื่อนาผู้เรี ยนไปสูข้อสรุป เพื่อให้ ได้ แนวคิดหรื อ
่
หลักเกณฑ์ที่สาคัญของบทเรี ยน
วิธีที่ครูเป็ นผู้วางแผนให้ (Less Guide Inquiry) เป็ นวิธีสืบสอบที่ครูเป็ นผู้กาหนดปั ญหา
แต่ให้ ผ้ เู รี ยนหาวิธีแก้ ปัญหาด้ วยตนเอง โดยเริ่มตังแต่การตังสมมติฐาน วางแผน
้
้
การทดลอง
ทาการทดลองจนถึงสรุปผลการทดลอง โดยมีครูเป็ นผู้อานวยความสะดวก ซึงอาจเรี ยกวิธีนี ้ว่า วิธีสอน
่
แบบไม่กาหนดแนวทาง (Unstructured Laboratory) ลาดับขันตอนของ การสอนวิธีนี ้คือ
้
1) สร้ างสถานการณ์หรื อปั ญหา ซึงอาจทาโดยใช้ คาถาม ใช้ สถานการณ์จริง โดย
่
การสาธิตเพื่อเสนอปั ญหา ใช้ ภาพปริศนา หรื อภาพยนตร์ เพื่อเสนอปั ญหา
2) ผู้เรี ยนวางแผนแก้ ปัญหา โดยครูเป็ นผู้แนะแนวทาง ระบุแหล่งความรู้
3) ผู้เรี ยนดาเนินการแก้ ปัญหาตามแผนที่วางไว้
4) รวบรวมข้ อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการแก้ ปัญหาด้ วยตนเอง
โดยมีครูเป็ นผู้ดแลร่วมในการอภิปรายเพื่อให้ ได้ ความรู้ที่ถกต้ องสมบูรณ์
ู
ู
วิธีที่ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้วางแผนเอง (Free Inquiry) เป็ นวิธีการที่ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้กาหนดปั ญหาเอง
วางแผนการทดลอง ดาเนินการทดลอง ตลอดจนสรุปผลด้ วยตัวผู้เรี ยนเอง วิธีนี ้ผู้เรี ยนมีอิสระเต็มที่ใน
การศึกษาตามความสนใจ ครูเป็ นเพียงผู้กระตุ้นเท่านัน ซึงอาจเรี ยกว่า วิธีสืบสอบแบบอิสระ วิธีนี ้ครูอาจ
้ ่
ใช้ คาถามเพื่อกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนกาหนดปั ญหาด้ วยตนเองได้ ยกตัวอย่างปั ญหาที่ครูใช้ ถามผู้เรี ยน เช่น
1) ถ้ าผู้เรี ยนเป็ นครูและกาลังสนใจเลือกหาหัวข้ อที่จะศึกษาในภาคเรี ยนนี ้
ผู้เรี ยนคิดว่าจะศึกษาเรื่ องอะไร
2) ปั ญหาสาคัญของชุมชนเราที่ผ้ เู รี ยนสนใจศึกษามีอะไรบ้ าง
3) เมื่อผู้เรี ยนประสบปั ญหาในชุมชนของเรา เช่น ปั ญหามลพิษ ผู้เรี ยนต้ องการ
อภิปรายเกี่ยวกับอะไร ลองเล่าให้ เพื่อนฟั งบ้ าง
4) ผู้เรี ยนที่ได้ เรี ยนเรื่ องของเกลือ แสง ความร้ อน รังสี พฤติกรรมของสัตว์มาแล้ ว
มีปัญหาใดเกี่ยวกับเรื่ องเหล่านี ้ที่ผ้ เู รี ยนสนใจจะศึกษา อาจศึกษาเป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุมก็ได้
่

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
สรุปได้ วาเมื่อผู้เรี ยนกาหนดปั ญหาได้ ตามความสนใจแล้ ว ผู้เรี ยนจึงทาการวางแผนเพื่อ
่
แก้ ปัญหา แล้ วดาเนินการแก้ ปัญหาตลอดจนสรุปผลด้ วยตนเองซึงอาจทาเป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุมก็ได้
่
่
โดยมีครูเป็ นที่ปรึกษาให้ กาลังใจเท่านัน
้

คุณภาพของกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
สรุปได้ ดงนี ้ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2545,หน้ า 69 -73)
ั
สร้ างสถานการณ์หรื อปั ญหาให้ สอดคล้ องกับเรื่ องที่จะสอน โดยการสนทนา สาธิตใช้
อุปกรณ์ประกอบการสอน เพื่อนาไปสูประเด็นให้ มีการอภิปรายเป็ นการนาเข้ าสูบทเรี ยน
่
่
ครูอธิบายวัตถุประสงค์ของเรื่ องที่จะศึกษาโดยเฉพาะกรณีที่ครูกาหนดปั ญหาและวาง
แผนการทดลอง ใช้ สาหรับกรณีที่ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้กาหนดปั ญหาเอง ครูควรอธิบายวัตถุประสงค์ทวๆ ไป ของ
ั่
เรื่ องที่จะศึกษา
ครูใช้ เทคนิคการถามคาถาม เพื่อให้ มีการอภิปรายหาคาตอบที่จะเป็ นแนวทางการ
ตังสมมติฐานตลอดจนการสรุปผล
้
กระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนถามคาถาม หรื อพยายามเชื่อมโยงคาตอบของผู้เรี ยนไปสู่
คาถามใหม่ เพื่อช่วยขยายแนวคิด หรื อขยายคาตอบเดิมให้ ชดเจนและสมบูรณ์ขึ ้น
ั
ระหว่างผู้เรี ยนทาการทดลอง ครูควรสังเกตและให้ ความช่วยเหลือ
ครูควรพยายามหาทางกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนหาวิธีแก้ ปัญหาหลายวิธี และใช้ ทกษะ
ั
กระบวนการวิทยาศาสตร์ ชวยในการแก้ ปัญหา
่
วิธีแนะนาของครูในการแก้ ปัญหาด้ วยตัวผู้เรี ยน เริ่มจากวิธีง่ายไปยังวิธีการที่สลับซับซ้ อน
ขึ ้น
การใช้ วิธีให้ ผ้ เู รี ยนสืบสอบเองนันเหมาะสมกับประสบการณ์เดิม และความสามารถของ
้
ผู้เรี ยน
ครูใช้ เทคนิคการสอนอื่นๆ เช่นการเสริมแรง การเร้ าความสนใจ สื่อการสอน กระตุ้นให้
ผู้เรี ยนสนใจอยากสืบสอบ

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
ข้ อดีและข้ อจากัดของกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
ข้ อดีของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ภพ เลาหไพบูลย์ (2542, หน้ า 156-157) ได้ สรุปข้ อดีของ
การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ ดงนี ้
ั
1) นักเรี ยนมีโอกาสได้ ฝึกพัฒนาความคิดอย่างเต็มที่ ได้ ศกษาค้ นคว้ าด้ วย
ึ
ตนเอง จึงมีความอยากเรี ยนรู้ตลอดเวลา
2) นักเรี ยนมีโอกาสได้ ฝึกความคิด ฝึ กการกระทา ทาให้ ได้ เรี ยนรู้วิธีการ
จัดการระบบความคิดและวิธีเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ทาให้ ความรู้คงทนและถ่ายโยง
การเรี ยนรู้ได้ กล่าวคือ ทาให้ สามารถจดจาได้ นานและนาไปใช้ ในสถานการณ์ใหม่ได้ อีกด้ วย
3) นักเรี ยนเป็ นศูนย์กลางของการเรี ยนการสอน
4) นักเรี ยนสามารถเรี ยนรู้มโนมติ และหลักการได้ เร็วขึ ้น รวมทังมีความคิด
้
ริเริ่มสร้ างสรรค์
5) นักเรี ยนเป็ นผู้มีเจตคติที่ดีตอการเรี ยนการสอน
่
6) ส่งเสริมการค้ นคว้ าหาความรู้และสร้ างสรรค์ความเป็ นประชาธิปไตยในตัว
นักเรี ยน
ข้ อจากัดของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ภพ เลาหไพบูลย์ (2539 , หน้ า 126) ได้ สรุปข้ อจากัด
ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ ดงนี ้
ั
1) ใช้ เวลามากในการสอนแต่ละครัง
้
2) ถ้ าสถานการณ์ที่ครูสร้ างขึ ้นไม่ทาให้ นาสงสัยแปลกใจ จะทาให้ นกเรี ยน
่
ั
เบื่อหน่ายและถ้ าครูไม่เข้ าใจบทบาทหน้ าที่ในการสอนนี ้มุงควบคุมพฤติกรรมของนักเรี ยน
่
มากเกินไป จะทาให้ นกเรี ยนไม่มีโอกาสสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเองได้
ั
3) นักเรี ยนที่มีสติปัญญาต่าและเนื ้อหาวิชาค่อนข้ างยาก นักเรี ยนอาจจะไม่
สามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองได้
4) นักเรี ยนบางคนที่ยงไม่เป็ นผู้ใหญ่พอ ทาให้ การจูงใจที่จะศึกษาปั ญหา และ
ั
นักเรี ยนที่ต้องการแรงกระตุ้นเพื่อให้ กระตือรื อร้ นในการเรี ยนมากๆอาจจะพอตอบคาถามได้ แต่
นักเรี ยนจะไม่ประสบความสาเร็จในการเรี ยนด้ วยวิธีนี ้
5) ถ้ าใช้ การสอนแบบนี ้อยูเ่ สมอจะทาให้ ความสนใจในการศึกษาค้ นคว้ าลดลง

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
สรุปได้ วา การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้มีทงข้ อดีและข้ อจากัด ดังนันครูแต่ละ
่
ั้
้
คนต้ องนาไปประยุกต์ใช้ เช่น อาจเพิ่มเติมเทคนิคการสอนรูปแบบอื่นสอดแทรกเข้ าไปในแต่ละขันของวัฏ
้
จักรการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ เพื่อให้ เกิดประโยชน์สงสุดแก่ตวผู้เรี ยน
ู
ั

ขันตอนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้
้
ประกอบด้ วย ขันตอนที่สาคัญ (สมบัติ การจนารักพงค์ , กัญญา สุภศิริรักษ์ และกมลรัตน์
้
อนันปั ญญสุทธิ์ 2549, หน้ า 4-5 ) ดังนี ้
ขันสร้ างความสนใจ (Engagement) เป็ นการนาเข้ าสูบทเรี ยนหรื อเรื่ องที่สนใจซึงอาจ
้
่
่
เกิดขึ ้นเองจากความสงสัย หรื ออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรี ยนเอง หรื อเกิดจากความสนใจของตัว
นักเรี ยนเอง หรื อเกิดจากการอภิปรายในกลุม เรื่ องที่นาสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่กาลังเกิดขึ ้นอยูใน
่
่
่
ช่วงเวลานัน หรื อเป็ นเรื่ องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรี ยนรู้มาแล้ วเป็ นตัวกระตุ้นให้ นกเรี ยนสร้ าง
้
ั
คาถาม กาหนดประเด็นที่จะศึกษา ในกรณีที่ยงไม่มีประเด็นที่จะศึกษาครูอาจให้ ศกษา
ั
ึ
ขันสารวจและค้ นหา (Exploration) เมื่อทาความเข้ าใจในประเด็นหรื อคาถามที่สนใจ
้
ศึกษาอย่างถ่องแท้ มีการวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจตรวจสอบ ตังสมมติฐานกาหนดทางเลือกที่
้
เป็ นไปได้ ลงมือปฏิบตเิ พื่อเก็บรวบรวมข้ อมูล ข้ อสนเทศ หรื อปรากฏการณ์ตางๆ วิธีการตรวจสอบอาจ
ั
่
ทาได้ หลายวิธี เช่น ทาการทดลอง ทากิจกรรมภาคสนาม การใช้ คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยสร้ างสถานการณ์
จาลอง (Simulation) การศึกษาหาข้ อมูลจากเอกสารอ้ างอิงหรื อจากแหล่งข้ อมูลต่างๆ เพื่อให้ ได้ มาซึง
่
ข้ อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ ในขันต่อไป
้
ขันอธิบายและลงข้ อสรุป (Explanation) เมื่อได้ ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสารวจ
้
ตรวจสอบแล้ วจึงนาข้ อมูล ข้ อสนเทศที่ได้ มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลที่ได้ ในรูปต่างๆ
ขันขยายความรู้ (Elaboration) เป็ นการนาความรู้ที่สร้ างขึ ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิม
้
หรื อแนวคิดที่ได้ ค้นคว้ าเพิ่มเติม หรื อนาแบบจาลองข้ อสรุปที่ได้ ไปอธิบายสถานการณ์หรื อเหตุการณ์อื่นๆ
ถ้ าใช้ อธิบายเรื่ องต่างๆ ได้ มาก็แสดงว่าข้ อจากัดน้ อย ซึงก็จะช่วยในเชื่อมโยงกับเรื่ องต่างๆ และทาให้ เกิด
่
ความรู้กว้ างขวางขึ ้น
ขันประเมิน (Evaluation) เป็ นการประเมินการเรี ยนรู้ด้วยกระบวนการ ต่างๆ จากขันนี ้จะ
้
้
นาไปสูการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในเรื่ องอื่นๆ
่

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
สร้ างความสนใจ
(Engagement)

การสารวจและค้ นหา

ประเมิน

วัฎจักรการเรี ยนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้
(Inquiry Cycle)

(Evaluation)

(Exploration)

ขยายความรู้

อธิบายและลงข้ อสรุป

(Elaboration)

(Explanation)

ภาพ 1 แสดงวัฏจักรการเรี ยนรู้ แบบ สืบเสาะหาความรู้
ที่มา : กรมวิชาการ. (2546). การจัดสาระการเรี ยนรู้ กลุมสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ ตาม
่
หลักสูตรการศึกษาขันพื ้นฐาน พุทธศักราช 2544. ( พิมพ์ครังที่ 1). กรุงเทพฯ :
้
้
โรงพิมพ์รับส่งสินค้ าและพัสดุภณฑ์
ั
จากการศึกษารูปแบบของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ สรุปได้ วาการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
่
แบบสืบเสาะหาความรู้ ประกอบด้ วย 5 ขันตอน ได้ แก่ ขันสร้ างความสนใจ (Engagement) ขันสารวจและ
้
้
้
ค้ นหา (Exploration) ขันอธิบายและลงข้ อสรุป (Explanation) ขันขยายความรู้ (Elaboration) และขัน
้
้
้
ประเมิน (Evaluation) และเมื่อสิ ้นสุดขันประเมินแล้ วครูและผู้เรี ยนสามารถเข้ าสูวฏจักรสืบเสาะหาความรู้
้
่ั
ใหม่ได้ ตอไป หรื อแม้ วาจะดาเนินกิจกรรมยังไม่ครบตามขันตอนในวัฏจักรก็สามารถขึ ้นต้ นวัฏจักรใหม่เพื่อ
่
่
้
สืบเสาะเรื่ องใหม่ซ้อนอยูในวัฏจักรเดิมก็ได้
่

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
บรรณานุกรม
กนกวลี แสงวิจิตรประชา. (2550). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ พืนฐาน เรื่ องหน่ วยของชีวิตและชีวิตพืช สาหรับนักเรียนชัน
้
้
ประถมศึกษาปี ที่ 1. วิทยานิพนธ์ กศม., มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก.
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2543). รายงานการสังเคราะห์ เอกสาร เรื่องวิธีการสอนและ
รู ปแบบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
ระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์การศาสนา กรมศาสนา.
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). คู่มือการจัดการเรี ยนรู้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู้
วิทยาศาสตร์ . (พิมพ์ครังที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้ าและพัสดุภณฑ์(ร.ส.พ.).
้
ั
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชีวัดและสาระการเรี ยนรู้ แกนกลาง กลุ่มสาระการเรี ยนรู้
้
วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:
้ ้
โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้ าว.
ุ
กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัตการศึกษาแห่ งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม
ิ
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: อักษรไทย.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:
้ ้
โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้ าว.
ุ
พิมพันธ์ เดชะคุปต์. 2544. การเรี ยนการสอนที่เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ : แนวคิด วิธีและเทคนิค .
ภพ เลาหไพบูลย์. (2542). แนวการสอนวิทยาศาสตร์ . พิมพ์ครังที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
้
วีรยุทธ วิเชียรโชติ. 2521. จิตวิทยาการเรียนการสอนแบบสืบสวนสอบสวน. กรุงเทพฯ .
สมบัติ การจนารักพงศ์. (2549). เทคนิคการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู  5E กรุงเทพฯ:ธารอักษร.
แบบ

เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า

More Related Content

What's hot

เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางKunwater Tianmongkon
 
กลุ่ม ปัญญานิยม
กลุ่ม ปัญญานิยมกลุ่ม ปัญญานิยม
กลุ่ม ปัญญานิยมNut Kung
 
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Proud N. Boonrak
 
Cognitivism theory (2)
Cognitivism theory (2)Cognitivism theory (2)
Cognitivism theory (2)Ptato Ok
 
เอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศว
เอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศวเอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศว
เอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศวkomjankong
 
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ นะนาท นะคะ
 
ระดับครูมือใหม่1
ระดับครูมือใหม่1ระดับครูมือใหม่1
ระดับครูมือใหม่1Kiw E D
 
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอนทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอนNisachol Poljorhor
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่Jo Smartscience II
 
การออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานการออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานAnucha Somabut
 
การศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยม
การศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยมการศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยม
การศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยมSup's Tueng
 
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียนวิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียนAj Ob Panlop
 
การจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวน
การจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวน
การจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวนNongruk Srisukha
 
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการkhamnueng_1
 
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมProud N. Boonrak
 
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้Ratchada Rattanapitak
 
บทความการสอนแบบเป็นทีม
บทความการสอนแบบเป็นทีมบทความการสอนแบบเป็นทีม
บทความการสอนแบบเป็นทีมPom Pom Insri
 

What's hot (20)

เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เทคนิคการสอนและรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
 
กลุ่ม ปัญญานิยม
กลุ่ม ปัญญานิยมกลุ่ม ปัญญานิยม
กลุ่ม ปัญญานิยม
 
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
 
Cognitivism theory (2)
Cognitivism theory (2)Cognitivism theory (2)
Cognitivism theory (2)
 
เอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศว
เอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศวเอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศว
เอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ สพฐ มศว
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
 
ระดับครูมือใหม่1
ระดับครูมือใหม่1ระดับครูมือใหม่1
ระดับครูมือใหม่1
 
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอนทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยมและการออกแบบการสอน
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
4 mat
4 mat4 mat
4 mat
 
การออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานการออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การออกแบบการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
 
การศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยม
การศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยมการศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยม
การศึกษาตามหลักพิพัฒนาการนิยม
 
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียนวิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
 
การจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวน
การจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวน
การจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวน
 
พุทธิปัญญา
พุทธิปัญญาพุทธิปัญญา
พุทธิปัญญา
 
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการจัดการเรียนการ
 
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
 
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้
 
บทความการสอนแบบเป็นทีม
บทความการสอนแบบเป็นทีมบทความการสอนแบบเป็นทีม
บทความการสอนแบบเป็นทีม
 

Similar to รายงานการสังเคราะห์รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้

ภารกิจระดับครูมือใหม่
ภารกิจระดับครูมือใหม่ภารกิจระดับครูมือใหม่
ภารกิจระดับครูมือใหม่Vachii Ra
 
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยFuangFah Tingmaha-in
 
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่Ailada_oa
 
Com expert1
Com expert1Com expert1
Com expert1Ptato Ok
 
Com expert
Com expertCom expert
Com expertPtato Ok
 
Com expert kw
Com expert kwCom expert kw
Com expert kwPtato Ok
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่panggoo
 
จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์Kobwit Piriyawat
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่noiiso_M2
 
ภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วยภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วยPamkritsaya3147
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่Jo Smartscience II
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่Pitsiri Lumphaopun
 
ภารกิจครูมือใหม่
ภารกิจครูมือใหม่ภารกิจครูมือใหม่
ภารกิจครูมือใหม่Phornpen Fuangfoo
 
Presentation 5
Presentation 5Presentation 5
Presentation 5moohmed
 

Similar to รายงานการสังเคราะห์รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (20)

ภารกิจระดับครูมือใหม่
ภารกิจระดับครูมือใหม่ภารกิจระดับครูมือใหม่
ภารกิจระดับครูมือใหม่
 
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
 
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
การออกแบบการสอนระดับครูมือใหม่
 
Com expert1
Com expert1Com expert1
Com expert1
 
Com expert
Com expertCom expert
Com expert
 
Com expert kw
Com expert kwCom expert kw
Com expert kw
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
จุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นบนถนนครุวิจัย ของครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
 
Innovation
InnovationInnovation
Innovation
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
ภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วยภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจการเรียนรู้ระดับครูผู้ช่วย
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
 
ภารกิจครูมือใหม่
ภารกิจครูมือใหม่ภารกิจครูมือใหม่
ภารกิจครูมือใหม่
 
09chap7
09chap709chap7
09chap7
 
Presentation 5
Presentation 5Presentation 5
Presentation 5
 
06chap4
06chap406chap4
06chap4
 

More from ศน. โมเมจ้า

การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน ศน. โมเมจ้า
 
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่านการวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่านศน. โมเมจ้า
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7ศน. โมเมจ้า
 
เก็บมาฝากค่ะ ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากค่ะ ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความเก็บมาฝากค่ะ ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากค่ะ ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความศน. โมเมจ้า
 
เก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความเก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความศน. โมเมจ้า
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2ศน. โมเมจ้า
 
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2ศน. โมเมจ้า
 
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ศน. โมเมจ้า
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ศน. โมเมจ้า
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ศน. โมเมจ้า
 
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ศน. โมเมจ้า
 

More from ศน. โมเมจ้า (12)

แบบตอบรับ
แบบตอบรับแบบตอบรับ
แบบตอบรับ
 
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
 
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่านการวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
การวิเคราะห์ศักยภาพในการอ่าน
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 7
 
เก็บมาฝากค่ะ ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากค่ะ ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความเก็บมาฝากค่ะ ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากค่ะ ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความ
 
เก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความเก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่   ๑ การอ่านจับใจความ
เก็บมาฝากจากศน.เม ตอนที่ ๑ การอ่านจับใจความ
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
 
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม 2
 
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
 
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
เนื้อ แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
 
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
ปก แนวการสอนซ่อมเสริม เล่ม1
 

รายงานการสังเคราะห์รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้

  • 1. รายงานการสังเคราะห์ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ โดย ศน .วารี รัตน์ สติราษฎร์ การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ เป็ นกิจกรรมการเรี ยนรู้ Inquiry Cycle เป็ นที่ รู้จกกันหลายชื่อ เช่น การสืบเสาะหาความรู้ การสอนแบบสืบสวนสอบสวน การสอนแบบสอบสวน การ ั สอนให้ ผ้ เู รี ยนค้ นคว้ าหาความรู้โดยใช้ กระบวนการทางความคิด การสอนแบบค้ นพบ การสอนแบบ แก้ ปัญหา หรื อการสอนแบบสืบเรื่ องราว ความหมายของจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ จากการสังเคราะห์ความหมายของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ จาก กระทรวงศึกษาธิการ (2542,หน้ า 219) กองวิจยทางการศึกษา (2542, หน้ า 11) และ พิมพ์พนธ์ เดชะ ั ั คุปต์ (2544, หน้ า 56-57) สรุปได้ วา กระบวนการสืบเสาะหาความรู้เป็ นการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ที่พฒนา ่ ั ความสามารถในการแก้ ปัญหา เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ เน้ นการปฏิบตจริงมากที่สด เป็ นการเรี ยนรู้ที่ไม่ได้ เกิด ัิ ุ จากการบอกเล่าของครู หรื อผู้เรี ยนไม่เพียงแต่จดจาแนวคิดต่างๆ เท่านัน แต่เป็ นกระบวนการที่นกเรี ยนต้ อง ้ ั สร้ างความรู้ใหม่ สิ่งประดิษฐ์ ใหม่ด้วยตนเอง ความรู้ที่ได้ จะคงถาวรอยูในความจาระยะยาว ครูเป็ นผู้ ่ อานวยความสะดวก เป็ นผู้จดประสบการณ์การเรี ยนรู้ โดยตังคาถามประเภทกระตุ้นให้ นกเรี ยนใช้ ั ้ ั ความคิดหาวิธีแก้ ปัญหาเอง และสามารถนาการแก้ ปัญหานันมาใช้ ในชีวิตประจาวันได้ ้ จะเห็นได้ วาการเรี ยนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้นนเป็ นวิธีการที่ดีทาให้ ผ้ เู รี ยน เรี ยนด้ วย ่ ั้ ความเข้ าใจ ไม่ใช่การเรี ยนแบบท่องจา โดยมีครูเป็ นผู้สร้ างบรรยากาศที่เอื ้อต่อการเรี ยนรู้ นักเรี ยนสามารถ สร้ างองค์ความรู้ได้ ด้วยตนเอง ซึงสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาการเรี ยนและทักษะกระบวนการทาง ่ วิทยาศาสตร์ ได้ เป็ นอย่างดี เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 2. หลักจิตวิทยาพืนฐานของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ ้ จิตวิทยาการศึกษาเปรี ยบเสมือนเครื่ องมือช่วยให้ ผ้ เู รี ยนเกิดการเรี ยนรู้ได้ ดีขึ ้นเป็ นการเพิ่ม ประสิทธิภาพการเรี ยนการสอน ผู้ศกษาค้ นคว้ าได้ สงเคราะห์เอกสารเกี่ยวกับ หลักจิตวิทยาพื ้นฐานของการ ึ ั จัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ จาก วีรยุทธ วิเชียรโชติ (2526, หน้ า 92 - 101) สรุปได้ ดงนี ้ ั จิตวิทยาในเรื่ องการเรี ยนรู้ แบ่งเป็ น 3 ส่วน คือ 1) สถานการณ์เพื่อการเรี ยนรู้ เพราะในการเรี ยนการสอนแบบนี ้มุงให้ ผ้ เู รี ยนได้ ่ ค้ นพบตัวเองจึงต้ องมีประสบการณ์เพื่อการเรี ยนรู้เป็ นสิ่งเร้ าให้ ผ้ เู รี ยนได้ พฒนาความรู้และความคิด ั 2) กระบวนการเรี ยนรู้และการคิด การเรี ยนการสอนแบบนี ้ส่งเสริมให้ ผ้ เู รี ยนเกิ ด กระบวนการเรี ยนรู้ และการคิดอย่างมีขนตอน โดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยาก และซับซ้ อนขึ ้นเป็ น ั้ ลาดับ 3) ผลการเรี ยนรู้คือความรู้ ความคิด และการกระทาเป็ นผลที่ได้ ของผู้เรี ยนโดย ทังสามส่วนนี ้ประสานสัมพันธ์เกี่ยวข้ องกัน เป็ นระบบของการเรี ยนรู้ ้ จิตวิทยาในเรื่ องการเรี ยนรู้ด้วยการกระทา เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนมีสวนร่วม และเป็ นผู้กระทา ่ กิจกรรมให้ ผ้ เู รี ยนมีโอกาสปรับปรุง และพัฒนาพฤติกรรมของผู้เรี ยน จิตวิทยาในเรื่ องแรงจูงใจใฝ่ รู้ เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนมีการเรี ยนรู้จากการสังเกต และเปรี ยบเทียบ เมื่อผู้เรี ยนเกิดปั ญหาข้ องจิต ผู้เรี ยนจะเกิดแรงจูงใจใฝ่ รู้ คือมีความอยากรู้อยากเห็นที่จะแสวงหาความรู้ ด้ วยการสืบเสาะหาความรู้ตอไป ่ จิตวิทยาการเรี ยนรู้ในการสร้ างสังกัปแนวหน้ า เป็ นขันตอนในการสร้ างความพร้ อมในการ ้ เรี ยน 3 ด้ าน คือ ความพร้ อมทางแรงจูงใจ ความพร้ อมทางปั ญญา ความพร้ อมทางพฤติกรรมการสร้ าง ความพร้ อมให้ กบผู้เรี ยนก่อนที่จะเริ่มสอน มีความสาคัญมาก เพราะถ้ าผู้เรี ยนยังไม่พร้ อมที่จะเรี ยนไม่วา ั ่ ในทางใดก็ตามการเรี ยนการสอนจะไม่เกิดผลเท่าที่ควร ชูศรี สนิทประชากร, (2533, หน้ า 22 23) กล่าวถึงโครงสร้ างของวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้มีพื ้นฐานมาจากทฤษฎีของนักจิตวิทยาในกลุม ่ Cognitive field theory คือ เพียเจย์ (Piaget) ซึงวางรากฐานสาคัญของการที่บคคลจะนาประสบการณ์ ่ ุ ต่างๆ มาเป็ นข้ อมูลในการแก้ ปัญหาต่างๆ ได้ นนประกอบด้ วย ั้ 1) การใช้ โครงสร้ างเดิมเพื่อการเรี ยนรู้ (Assimilation Structure) หมายถึง การที่ องค์ประกอบต่างๆ ของปั ญหามาประสานสัมพันธ์กน เป็ นโครงสร้ างความคิดของบุคคลทาให้ บคคลเข้ าใจ ั ุ สิ่งแวดล้ อมอันเป็ นปั ญหา หรื อพูดอีกนัยหนึงว่า บุคคลนาความรู้เดิมเท่าที่สามารถรวบรวมได้ มาแปล ่ ความหมาย ทาความเข้ าใจสิ่งแวดล้ อมหรื อการใช้ ความรู้เดิมมาคิด ทาความเข้ าใจสิ่งใหม่นนเอง ั่ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 3. 2) การปรับขยายโครงสร้ างเพื่อการเรี ยนรู้ (Accommodation Structure) หมายถึง การที่บคคลขยายความคิดต่อสิ่งแวดล้ อมกว้ างขวางออกไป แก้ ปัญหาได้ ลกซึ ้งกว้ างขวางออกไปความคิด ุ ึ นาข้ อมูลหรื อตัวแปรต่างๆ มาประกอบการคิดได้ กว้ างขวางขึ ้น ทาให้ สามารถแก้ ปัญหาปรับตนให้ เข้ ากับสิ่ง ใหม่ๆ บุคคลมีความรู้ ความสามารถในการแก้ ปัญหา ทาความเข้ าใจสิ่งแวดล้ อมเพิ่มพูนขึ ้นโครงสร้ างทัง้ สองที่กล่าวมาเป็ นโครงสร้ างกระบวนการสืบสวนสอบสวนหรื อกระบวนการสืบเสาะหาความรู้จาก โครงสร้ างทังสองนี ้ทาให้ เราได้ ใช้ สงกัปแนวหน้ าเข้ าช่วยในการเรี ยนรู้ใหม่ๆ โดยให้ เด็กถามเกี่ยวกับ ้ ั ธรรมชาติ ซึงใช้ การสังเกตเป็ นส่วนใหญ่เพื่อขยายโครงสร้ างให้ กว้ างขวางออกไป เพื่อให้ เกิดสังกัปใหม่ๆ ให้ ่ เด็กพร้ อมที่จะรับรู้จากหลักจิตวิทยาดังกล่าว จึงสรุปได้ วา หลักจิตวิทยาที่เกี่ยวข้ องกับการสืบเสาะหาความรู้ได้ แก่จิตวิทยาการเรี ยนรู้ การเรี ยนรู้ ่ ด้ วยการกระทา การทาให้ เกิดแรงจูงใจใฝ่ รู้ การสร้ างสังกัปแนวหน้ าเพื่อสร้ างความพร้ อมในการเรี ยนเกิดสัง กัปใหม่ๆ ยัวยุให้ ผ้ เู รี ยนเกิดความอยากเรี ยน และผู้เรี ยนได้ ศกษาหาความรู้ด้วยตนเองโดยมีครูเป็ นผู้สร้ าง ่ ึ ความพร้ อมให้ กบผู้เรี ยน ั องค์ ประกอบสาคัญของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ ครู คือ ครูมีบทบาทสาคัญดังต่อไปนี ้ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2545, หน้ า 69-73) เป็ นผู้กระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนคิด (Catalyst) โดยกาหนดปั ญหาแล้ วให้ ผ้ เู รี ยนวางแผนหาคาตอบ เอง หรื อกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนกาหนดปั ญหาและวางแผนหาคาตอบเอง เป็ นผู้ให้ การเสริมแรง (Reinforcement) โดยการให้ รางวัล หรื อกล่าวชม เพื่อให้ กาลังใจ และเพื่อเกิดพฤติกรรมการเรี ยนการสอนอย่างต่อเนื่อง เป็ นผู้ให้ ข้อมูลย้ อนกลับ (Feedback Actor) โดยการบอกข้ อดี ข้ อบกพร่องแก่ผ้ เู รี ยน เป็ นผู้แนะนาและกากับ (Guide and Director) เป็ นผู้แนะนาเพื่อให้ เกิดความคิดและกากับ ควบคุมมิให้ ออกนอกลูนอกทาง ่ เป็ นผู้จดระบบ (Organizer) เป็ นผู้จดบรรยากาศและสิ่งแวดล้ อมต่างๆ รวมทังอุปกรณ์สื่อ ั ั ้ การสอนแก่ผ้ เู รี ยน กล่าวโดยสรุปแล้ วครูมีบทบาทเป็ นผู้อานวยความสะดวก เพื่อให้ ผ้ เู รี ยนสามารถค้ นหาความรู้ ด้ วยตนเองได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 4. ผู้เรี ยน มีบทบาทเป็ นผู้ปฏิบตการทดลอง หรื อวางแผนการทดลอง เพื่อหาคาตอบ หรื อทัง้ ัิ กาหนดปั ยหา และวางแผนการทดลองเพื่อหาคาตอบ การหาคาตอบกระทาด้ วยตนเอง โดยใช้ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ หลักการที่ใช้ ของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ การเรี ยนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้มีหลักการพื ้นฐาน 7 ประการ คือ (วีรยุทธ วิเชียร โชติ, 2526, หน้ า 2) หลักการแสวงหาความรู้ด้วยคาถาม หลักการเรี ยนรู้และค้ นพบกฎเกณฑ์ด้วยตนเอง หลักการเรี ยนรู้จากปั ญหา หลักการแก้ ปัญหาด้ วยวิธีวิทยาศาสตร์ ทงทางวัตถุและทางจิตใจ ั้ หลักการพัฒนาผู้เรี ยนให้ เป็ นคนดี หลักการอยูร่วมกันแบบอารยะประชาธิปไตย ่ หลักการควบคุมสิ่งแวดล้ อมทังภายในและภายนอก ้ จากหลักการข้ างต้ น สรุปได้ วา หลักการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เน้ น ่ การฝึ กให้ นกเรี ยนคิด ค้ นคว้ าหาความรู้ด้วยตนเอง ครูจะต้ องใช้ วิธีกระตุ้นให้ นกเรี ยนเกิดข้ อสงสัยก่อนโดย ั ั การถามให้ คด ถามเพื่อรวบรวมข้ อมูลหรื อเสนอปั ญหาแก่นกเรี ยน แล้ วนักเรี ยนเป็ นผู้ใช้ ความคิดแก้ ปัญหา ิ ั ของนักเรี ยนเอง ประเภทของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท โดยใช้ บทบาท ของครูและผู้เรี ยนเป็ นเกณฑ์ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2545, หน้ า 69 -73 อ้ างถึง Carin and Sund, 1980) ดังนี ้ วิธีให้ ผ้ เู รี ยนทางานหรื อปฏิบตการทดลอง (Guided Inquiry) เป็ นวิธี สืบสอบที่ครูเป็ นผู้กาหนด ัิ ปั ญหาวางแผนการทดลอง เตรี ยมอุปกรณ์ เครื่ องมือไว้ เรี ยบร้ อย ผู้เรี ยนมีหน้ าที่ปฏิบตการทดลองตาม ัิ แนวทางที่กาหนดไว้ ซึงอาจเรี ยกว่าเป็ นวิธีสืบสอบที่มีคาแนะนาปฏิบตการหรื อกิจกรรมสาเร็จรูป ่ ัิ (Structured Laboratory) ลาดับขันตอนการสอนของวิธีนี ้คือ ้ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 5. 1) ขันนาเข้ าสูบทเรี ยน ครูเป็ นผู้นาอภิปรายโดยตังปั ญหาเป็ นอันดับแรก ้ ่ ้ 2) ขันอภิปรายก่อนการทดลอง อาจจะเป็ นการตังสมมติฐาน ครูอธิบายหรื อให้ ้ ้ คาแนะนาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จะใช้ ในการทดลอง ว่ามีวิธีการอย่างไร จึงจะไม่เกิดอันตรายและมีข้อควร ระวังในการทดลองแต่ละครังอย่างไรบ้ าง ้ 3) ขันทาการทดลอง ผู้เรี ยนเป็ นผู้ลงมือกระทาการทดลองเองพร้ อมทังบันทึกผล ้ ้ การทดลอง 4) ขันอภิปรายหลังการทดลอง เป็ นขันของการนาเสนอข้ อมูล และสรุปผลการ ้ ้ ทดลอง ในตอนนี ้ครูต้องนาการอภิปรายโดยใช้ คาถามเพื่อนาผู้เรี ยนไปสูข้อสรุป เพื่อให้ ได้ แนวคิดหรื อ ่ หลักเกณฑ์ที่สาคัญของบทเรี ยน วิธีที่ครูเป็ นผู้วางแผนให้ (Less Guide Inquiry) เป็ นวิธีสืบสอบที่ครูเป็ นผู้กาหนดปั ญหา แต่ให้ ผ้ เู รี ยนหาวิธีแก้ ปัญหาด้ วยตนเอง โดยเริ่มตังแต่การตังสมมติฐาน วางแผน ้ ้ การทดลอง ทาการทดลองจนถึงสรุปผลการทดลอง โดยมีครูเป็ นผู้อานวยความสะดวก ซึงอาจเรี ยกวิธีนี ้ว่า วิธีสอน ่ แบบไม่กาหนดแนวทาง (Unstructured Laboratory) ลาดับขันตอนของ การสอนวิธีนี ้คือ ้ 1) สร้ างสถานการณ์หรื อปั ญหา ซึงอาจทาโดยใช้ คาถาม ใช้ สถานการณ์จริง โดย ่ การสาธิตเพื่อเสนอปั ญหา ใช้ ภาพปริศนา หรื อภาพยนตร์ เพื่อเสนอปั ญหา 2) ผู้เรี ยนวางแผนแก้ ปัญหา โดยครูเป็ นผู้แนะแนวทาง ระบุแหล่งความรู้ 3) ผู้เรี ยนดาเนินการแก้ ปัญหาตามแผนที่วางไว้ 4) รวบรวมข้ อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการแก้ ปัญหาด้ วยตนเอง โดยมีครูเป็ นผู้ดแลร่วมในการอภิปรายเพื่อให้ ได้ ความรู้ที่ถกต้ องสมบูรณ์ ู ู วิธีที่ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้วางแผนเอง (Free Inquiry) เป็ นวิธีการที่ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้กาหนดปั ญหาเอง วางแผนการทดลอง ดาเนินการทดลอง ตลอดจนสรุปผลด้ วยตัวผู้เรี ยนเอง วิธีนี ้ผู้เรี ยนมีอิสระเต็มที่ใน การศึกษาตามความสนใจ ครูเป็ นเพียงผู้กระตุ้นเท่านัน ซึงอาจเรี ยกว่า วิธีสืบสอบแบบอิสระ วิธีนี ้ครูอาจ ้ ่ ใช้ คาถามเพื่อกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนกาหนดปั ญหาด้ วยตนเองได้ ยกตัวอย่างปั ญหาที่ครูใช้ ถามผู้เรี ยน เช่น 1) ถ้ าผู้เรี ยนเป็ นครูและกาลังสนใจเลือกหาหัวข้ อที่จะศึกษาในภาคเรี ยนนี ้ ผู้เรี ยนคิดว่าจะศึกษาเรื่ องอะไร 2) ปั ญหาสาคัญของชุมชนเราที่ผ้ เู รี ยนสนใจศึกษามีอะไรบ้ าง 3) เมื่อผู้เรี ยนประสบปั ญหาในชุมชนของเรา เช่น ปั ญหามลพิษ ผู้เรี ยนต้ องการ อภิปรายเกี่ยวกับอะไร ลองเล่าให้ เพื่อนฟั งบ้ าง 4) ผู้เรี ยนที่ได้ เรี ยนเรื่ องของเกลือ แสง ความร้ อน รังสี พฤติกรรมของสัตว์มาแล้ ว มีปัญหาใดเกี่ยวกับเรื่ องเหล่านี ้ที่ผ้ เู รี ยนสนใจจะศึกษา อาจศึกษาเป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุมก็ได้ ่ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 6. สรุปได้ วาเมื่อผู้เรี ยนกาหนดปั ญหาได้ ตามความสนใจแล้ ว ผู้เรี ยนจึงทาการวางแผนเพื่อ ่ แก้ ปัญหา แล้ วดาเนินการแก้ ปัญหาตลอดจนสรุปผลด้ วยตนเองซึงอาจทาเป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุมก็ได้ ่ ่ โดยมีครูเป็ นที่ปรึกษาให้ กาลังใจเท่านัน ้ คุณภาพของกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ สรุปได้ ดงนี ้ (พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2545,หน้ า 69 -73) ั สร้ างสถานการณ์หรื อปั ญหาให้ สอดคล้ องกับเรื่ องที่จะสอน โดยการสนทนา สาธิตใช้ อุปกรณ์ประกอบการสอน เพื่อนาไปสูประเด็นให้ มีการอภิปรายเป็ นการนาเข้ าสูบทเรี ยน ่ ่ ครูอธิบายวัตถุประสงค์ของเรื่ องที่จะศึกษาโดยเฉพาะกรณีที่ครูกาหนดปั ญหาและวาง แผนการทดลอง ใช้ สาหรับกรณีที่ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้กาหนดปั ญหาเอง ครูควรอธิบายวัตถุประสงค์ทวๆ ไป ของ ั่ เรื่ องที่จะศึกษา ครูใช้ เทคนิคการถามคาถาม เพื่อให้ มีการอภิปรายหาคาตอบที่จะเป็ นแนวทางการ ตังสมมติฐานตลอดจนการสรุปผล ้ กระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนถามคาถาม หรื อพยายามเชื่อมโยงคาตอบของผู้เรี ยนไปสู่ คาถามใหม่ เพื่อช่วยขยายแนวคิด หรื อขยายคาตอบเดิมให้ ชดเจนและสมบูรณ์ขึ ้น ั ระหว่างผู้เรี ยนทาการทดลอง ครูควรสังเกตและให้ ความช่วยเหลือ ครูควรพยายามหาทางกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนหาวิธีแก้ ปัญหาหลายวิธี และใช้ ทกษะ ั กระบวนการวิทยาศาสตร์ ชวยในการแก้ ปัญหา ่ วิธีแนะนาของครูในการแก้ ปัญหาด้ วยตัวผู้เรี ยน เริ่มจากวิธีง่ายไปยังวิธีการที่สลับซับซ้ อน ขึ ้น การใช้ วิธีให้ ผ้ เู รี ยนสืบสอบเองนันเหมาะสมกับประสบการณ์เดิม และความสามารถของ ้ ผู้เรี ยน ครูใช้ เทคนิคการสอนอื่นๆ เช่นการเสริมแรง การเร้ าความสนใจ สื่อการสอน กระตุ้นให้ ผู้เรี ยนสนใจอยากสืบสอบ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 7. ข้ อดีและข้ อจากัดของกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ ข้ อดีของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ภพ เลาหไพบูลย์ (2542, หน้ า 156-157) ได้ สรุปข้ อดีของ การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ ดงนี ้ ั 1) นักเรี ยนมีโอกาสได้ ฝึกพัฒนาความคิดอย่างเต็มที่ ได้ ศกษาค้ นคว้ าด้ วย ึ ตนเอง จึงมีความอยากเรี ยนรู้ตลอดเวลา 2) นักเรี ยนมีโอกาสได้ ฝึกความคิด ฝึ กการกระทา ทาให้ ได้ เรี ยนรู้วิธีการ จัดการระบบความคิดและวิธีเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ทาให้ ความรู้คงทนและถ่ายโยง การเรี ยนรู้ได้ กล่าวคือ ทาให้ สามารถจดจาได้ นานและนาไปใช้ ในสถานการณ์ใหม่ได้ อีกด้ วย 3) นักเรี ยนเป็ นศูนย์กลางของการเรี ยนการสอน 4) นักเรี ยนสามารถเรี ยนรู้มโนมติ และหลักการได้ เร็วขึ ้น รวมทังมีความคิด ้ ริเริ่มสร้ างสรรค์ 5) นักเรี ยนเป็ นผู้มีเจตคติที่ดีตอการเรี ยนการสอน ่ 6) ส่งเสริมการค้ นคว้ าหาความรู้และสร้ างสรรค์ความเป็ นประชาธิปไตยในตัว นักเรี ยน ข้ อจากัดของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ภพ เลาหไพบูลย์ (2539 , หน้ า 126) ได้ สรุปข้ อจากัด ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ ดงนี ้ ั 1) ใช้ เวลามากในการสอนแต่ละครัง ้ 2) ถ้ าสถานการณ์ที่ครูสร้ างขึ ้นไม่ทาให้ นาสงสัยแปลกใจ จะทาให้ นกเรี ยน ่ ั เบื่อหน่ายและถ้ าครูไม่เข้ าใจบทบาทหน้ าที่ในการสอนนี ้มุงควบคุมพฤติกรรมของนักเรี ยน ่ มากเกินไป จะทาให้ นกเรี ยนไม่มีโอกาสสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเองได้ ั 3) นักเรี ยนที่มีสติปัญญาต่าและเนื ้อหาวิชาค่อนข้ างยาก นักเรี ยนอาจจะไม่ สามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองได้ 4) นักเรี ยนบางคนที่ยงไม่เป็ นผู้ใหญ่พอ ทาให้ การจูงใจที่จะศึกษาปั ญหา และ ั นักเรี ยนที่ต้องการแรงกระตุ้นเพื่อให้ กระตือรื อร้ นในการเรี ยนมากๆอาจจะพอตอบคาถามได้ แต่ นักเรี ยนจะไม่ประสบความสาเร็จในการเรี ยนด้ วยวิธีนี ้ 5) ถ้ าใช้ การสอนแบบนี ้อยูเ่ สมอจะทาให้ ความสนใจในการศึกษาค้ นคว้ าลดลง เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 8. สรุปได้ วา การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้มีทงข้ อดีและข้ อจากัด ดังนันครูแต่ละ ่ ั้ ้ คนต้ องนาไปประยุกต์ใช้ เช่น อาจเพิ่มเติมเทคนิคการสอนรูปแบบอื่นสอดแทรกเข้ าไปในแต่ละขันของวัฏ ้ จักรการเรี ยนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ เพื่อให้ เกิดประโยชน์สงสุดแก่ตวผู้เรี ยน ู ั ขันตอนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ ้ ประกอบด้ วย ขันตอนที่สาคัญ (สมบัติ การจนารักพงค์ , กัญญา สุภศิริรักษ์ และกมลรัตน์ ้ อนันปั ญญสุทธิ์ 2549, หน้ า 4-5 ) ดังนี ้ ขันสร้ างความสนใจ (Engagement) เป็ นการนาเข้ าสูบทเรี ยนหรื อเรื่ องที่สนใจซึงอาจ ้ ่ ่ เกิดขึ ้นเองจากความสงสัย หรื ออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรี ยนเอง หรื อเกิดจากความสนใจของตัว นักเรี ยนเอง หรื อเกิดจากการอภิปรายในกลุม เรื่ องที่นาสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่กาลังเกิดขึ ้นอยูใน ่ ่ ่ ช่วงเวลานัน หรื อเป็ นเรื่ องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรี ยนรู้มาแล้ วเป็ นตัวกระตุ้นให้ นกเรี ยนสร้ าง ้ ั คาถาม กาหนดประเด็นที่จะศึกษา ในกรณีที่ยงไม่มีประเด็นที่จะศึกษาครูอาจให้ ศกษา ั ึ ขันสารวจและค้ นหา (Exploration) เมื่อทาความเข้ าใจในประเด็นหรื อคาถามที่สนใจ ้ ศึกษาอย่างถ่องแท้ มีการวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจตรวจสอบ ตังสมมติฐานกาหนดทางเลือกที่ ้ เป็ นไปได้ ลงมือปฏิบตเิ พื่อเก็บรวบรวมข้ อมูล ข้ อสนเทศ หรื อปรากฏการณ์ตางๆ วิธีการตรวจสอบอาจ ั ่ ทาได้ หลายวิธี เช่น ทาการทดลอง ทากิจกรรมภาคสนาม การใช้ คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยสร้ างสถานการณ์ จาลอง (Simulation) การศึกษาหาข้ อมูลจากเอกสารอ้ างอิงหรื อจากแหล่งข้ อมูลต่างๆ เพื่อให้ ได้ มาซึง ่ ข้ อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ ในขันต่อไป ้ ขันอธิบายและลงข้ อสรุป (Explanation) เมื่อได้ ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสารวจ ้ ตรวจสอบแล้ วจึงนาข้ อมูล ข้ อสนเทศที่ได้ มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลที่ได้ ในรูปต่างๆ ขันขยายความรู้ (Elaboration) เป็ นการนาความรู้ที่สร้ างขึ ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิม ้ หรื อแนวคิดที่ได้ ค้นคว้ าเพิ่มเติม หรื อนาแบบจาลองข้ อสรุปที่ได้ ไปอธิบายสถานการณ์หรื อเหตุการณ์อื่นๆ ถ้ าใช้ อธิบายเรื่ องต่างๆ ได้ มาก็แสดงว่าข้ อจากัดน้ อย ซึงก็จะช่วยในเชื่อมโยงกับเรื่ องต่างๆ และทาให้ เกิด ่ ความรู้กว้ างขวางขึ ้น ขันประเมิน (Evaluation) เป็ นการประเมินการเรี ยนรู้ด้วยกระบวนการ ต่างๆ จากขันนี ้จะ ้ ้ นาไปสูการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในเรื่ องอื่นๆ ่ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 9. สร้ างความสนใจ (Engagement) การสารวจและค้ นหา ประเมิน วัฎจักรการเรี ยนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle) (Evaluation) (Exploration) ขยายความรู้ อธิบายและลงข้ อสรุป (Elaboration) (Explanation) ภาพ 1 แสดงวัฏจักรการเรี ยนรู้ แบบ สืบเสาะหาความรู้ ที่มา : กรมวิชาการ. (2546). การจัดสาระการเรี ยนรู้ กลุมสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ ตาม ่ หลักสูตรการศึกษาขันพื ้นฐาน พุทธศักราช 2544. ( พิมพ์ครังที่ 1). กรุงเทพฯ : ้ ้ โรงพิมพ์รับส่งสินค้ าและพัสดุภณฑ์ ั จากการศึกษารูปแบบของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ สรุปได้ วาการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ่ แบบสืบเสาะหาความรู้ ประกอบด้ วย 5 ขันตอน ได้ แก่ ขันสร้ างความสนใจ (Engagement) ขันสารวจและ ้ ้ ้ ค้ นหา (Exploration) ขันอธิบายและลงข้ อสรุป (Explanation) ขันขยายความรู้ (Elaboration) และขัน ้ ้ ้ ประเมิน (Evaluation) และเมื่อสิ ้นสุดขันประเมินแล้ วครูและผู้เรี ยนสามารถเข้ าสูวฏจักรสืบเสาะหาความรู้ ้ ่ั ใหม่ได้ ตอไป หรื อแม้ วาจะดาเนินกิจกรรมยังไม่ครบตามขันตอนในวัฏจักรก็สามารถขึ ้นต้ นวัฏจักรใหม่เพื่อ ่ ่ ้ สืบเสาะเรื่ องใหม่ซ้อนอยูในวัฏจักรเดิมก็ได้ ่ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า
  • 10. บรรณานุกรม กนกวลี แสงวิจิตรประชา. (2550). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหา ความรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ พืนฐาน เรื่ องหน่ วยของชีวิตและชีวิตพืช สาหรับนักเรียนชัน ้ ้ ประถมศึกษาปี ที่ 1. วิทยานิพนธ์ กศม., มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2543). รายงานการสังเคราะห์ เอกสาร เรื่องวิธีการสอนและ รู ปแบบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์การศาสนา กรมศาสนา. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). คู่มือการจัดการเรี ยนรู้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู้ วิทยาศาสตร์ . (พิมพ์ครังที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้ าและพัสดุภณฑ์(ร.ส.พ.). ้ ั กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชีวัดและสาระการเรี ยนรู้ แกนกลาง กลุ่มสาระการเรี ยนรู้ ้ วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ้ ้ โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้ าว. ุ กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัตการศึกษาแห่ งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม ิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: อักษรไทย. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ้ ้ โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้ าว. ุ พิมพันธ์ เดชะคุปต์. 2544. การเรี ยนการสอนที่เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ : แนวคิด วิธีและเทคนิค . ภพ เลาหไพบูลย์. (2542). แนวการสอนวิทยาศาสตร์ . พิมพ์ครังที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. ้ วีรยุทธ วิเชียรโชติ. 2521. จิตวิทยาการเรียนการสอนแบบสืบสวนสอบสวน. กรุงเทพฯ . สมบัติ การจนารักพงศ์. (2549). เทคนิคการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู  5E กรุงเทพฯ:ธารอักษร. แบบ เก็บมาฝากกับการพัฒนาสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ จาก ศน.โมเมจ้ า