More Related Content
Similar to บทท 10 การประเม_นค_ณภาพส__อการเร_ยนร__
Similar to บทท 10 การประเม_นค_ณภาพส__อการเร_ยนร__ (20)
บทท 10 การประเม_นค_ณภาพส__อการเร_ยนร__
- 2. สถานการณ์ปัญหา
ท่านเป็นศึกษานิเทศก์ ซึ่งรับผิดชอบหน้าที่ในการพัฒนาครูเกี่ยวกับ การออกแบบและผลิตสื่อ วันหนึ่งมีครูสองคนมาปรึกษาว่าจะมีวิธีการที่ทำให้รู้ ว่าสื่อที่สร้างขึ้นมานั้นมีคุณภาพได้อย่างไร ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
•
ครูสายใจเป็นครูสังคมศึกษาได้พัฒนาชุดการสอน
•
ครูสมหญิงเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
•
ครูมาโนชเป็นครูสอนวิชาภาษาได้พัฒนาชุดสร้างความรู้
•
ครูประพาสเป็นครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอนเพื่อใช้ในการเรียนของตนเอง
- 4. 1. เลือกวิธีการประเมินคุณภาพสื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของสื่อของ ครูแต่ละคนพร้อมทั้งให้เหตุผล
ครูสายใจ วิธีการประเมินคุณภาพสื่อของครูสายใจที่สอดคล้องกับลักษณะของสื่อ (ชุดการสอน) คือการทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ประสิทธิภาพE1/E2 เพราะการทดสอบประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพE1/E2 เป็นแนวคิดการประเมินที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินประสิทธิภาพ ของชุดการสอนและสื่อการสอนประเภทต่างๆ ยกเว้น บทเรียนโปรแกรม ดังนั้นครูสายใจที่เป็น ครูสังคมศึกษาและได้พัฒนาชุดการสอนจึงควรใช้การการทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ประสิทธิภาพE1/E2 ซึ่ง •E1 หมายถึง ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่เกิดจากการทำกิจกรรมระหว่างเรียนจากชุดการสอน หรือสื่ออื่นๆ ของผู้เรียน(ประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้) •E2 หมายถึง ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่เกิดจากการทำแบบทดสอบหลังการเรียนของผู้เรียน (ประสิทธิภาพของผลลัพธ์การเรียนรู้)
- 5. การคำนวณโดยใช้สูตร
E1 หมายถึง ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้
ΣX หมายถึง ผลรวมของคะแนนกิจกรรมระหว่างเรียนของผู้เรียนทุกคน(N คน)
N หมายถึง จำนวนผู้เรียนที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพสื่อการสอนครั้งนี้
A หมายถึง คะแนนเต็มของกิจกรรมระหว่างเรียน
E2 หมายถึง ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์การเรียนรู้
ΣF หมายถึง ผลรวมของคะแนนกิจกรรมระหว่างเรียนของผู้เรียนทุกคน(N คน)
N หมายถึง จำนวนผู้เรียนที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพสื่อการสอนครั้งนี้
B หมายถึง คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
- 6. ครูสมหญิง
วิธีการประเมินคุณภาพสื่อของครูสมหญิงที่สอดคล้องกับลักษณะของสื่อ (สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้) คือ การออกแบบสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ ซึ่งออกแบบตามแนว คอนสตรัคติวิสต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ จะทำการตรวจสอบการออกแบบการสอนที่ อาศัยพื้นฐานทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ซึ่งนำหลักการสำคัญของ ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เชิง ปัญญา ของPiajetและ ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เชิงสังคมของVygotskyมาเป็นพื้นฐานในการ ออกแบบ หรือเรียกว่า การนำทฤษฎีสู่การปฏิบัติ ที่อยู่ในลักษณะองค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ สถานการณ์ปัญหา ธนาคารความรู้ ฐานการช่วยเหลือ การร่วมมือกันแก้ปัญหา ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสวงหาความรู้โดยการปฏิบัติจริง
2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนควบคุมการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง(Learner control)
3. สถานการณ์ปัญหากระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเสาะแสวงหาความรู้ หรือค้นหา ค้นพบคำตอบด้วยตนเอง
- 7. 4. ระดับภาระกิจการเรียนรู้กระตุ้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถในการคิดขั้นสูง
5. ภาระกิจการเรียนรู้กระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ ไตร่ตรองประเด็นปัญหาที่ต้องการ ค้นหาคำตอบ
6. ธนาคารความรู้(Resource) มีการออกแบบที่สนับสนุนข้อมูลให้ผู้เรียนสามารถค้นหา สารสนเทศจากแหล่งต่างๆอย่างหลากหลาย เพื่อนำมาใช้ในการแก้สถานการณ์ปัญหาที่ กำหนดให้ รวมทั้งช่วยสนับสนุนในการสร้างความรู้ของผู้เรียน
7. เครื่องมือทางปัญญา(Cognitive tool) ในการเรียน กระตุ้นกระบวนการคิดของผู้เรียนและ เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการเรียน
8. ฐานการช่วยเหลือ(scaffolding) ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ความพยายามในการเรียนรู้
9. กรณีใกล้เคียง(Related case) ส่งเสริมให้ผู้เรียนเชื่อมโยงประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ใน การแก้ปัญหาได้
10. ห้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีการออกแบบที่สนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแก้ปัญหาร่วมกัน
11. การโค้ช(coaching) โดยครูผู้สอนทำการวิเคราะห์ผู้เรียน สามารถสื่อสารและสะท้อนผล เกี่ยวกับผู้เรียนในกระบวนการเรียนรู้ และกระตุ้นให้ผู้เรียนกระทำภารกิจการเรียนรู้อย่าง ตื่นตัว
- 8. ครูมาโนช วิธีการประเมินคุณภาพสื่อของครูมาโนชที่สอดคล้องกับลักษณะ ของสื่อ (ชุดสร้างความรู้) คือ ชุดสร้างความรู้ มีหลักการสำคัญที่นำมาเป็น พื้นฐานในการพิจารณาคุณลักษณะของสื่อดังนี้ 1. การนำเสนอเนื้อหาที่ดึงดูดความใส่ใจของผู้เรียน ได้แก่ การใช้ตัวหนังสือที่มี การเน้นด้วยสี การนาเสนอด้วยภาพนิ่ง 2. การออกแบบองค์ประกอบทางศิลปะ มีความเหมาะสม สะดุดตา น่าสนใจ 3. ภาพประกอบมีความสอดคล้องกับเนื้อหาและส่งเสริมการเรียนรู้ขนาดของ ตัวอักษรที่ใช้มีความสอดคล้องกับเนื้อหา 4. การใช้ขนาดตัวอักษรเหมาะกับผู้เรียน มีจุดดึงดูดความสนใจและอ่านง่าย 5. ภาพกราฟิกที่ใช้ประกอบ มีความเหมาะสม สอดคล้องกับเนื้อหา และทำให้ สามารถเรียนรู้ได้ดีและง่ายมากยิ่งขึ้น 6. การใช้สีมีความเหมาะสม กลมกลืน ดึงดูดความสนใจ
- 9. ครูประพาส
วิธีการประเมินคุณภาพสื่อของครูประพาสที่สอดคล้องกับลักษณะของสื่อ (พัฒนาบทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน) คือ เกณฑ์มาตรฐาน90/90 เพราะ เป็นวิธีการที่ได้รับการพัฒนำมาเพื่อประเมิน ประสิทธิภาพของบทเรียนโปรแกรม ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการเรียนรู้แบบรอบรู้(Mastery learning) โดย
90 ตัวแรกเป็นคะแนนของทั้งกลุ่ม ซึ่งหมายถึงนักเรียนทุกคน เมื่อสอนครั้งหลังเสร็จให้คะแนนเสร็จ นำ คะแนนมาหาค่าร้อยละให้หมดทุกคะแนน แล้วหาค่าร้อยละเฉลี่ยของทั้งกลุ่ม ถ้าบทเรียนโปรแกรมถึง เกณฑ์ค่าร้อยละเฉลี่ยของกลุ่มจะต้องเป็น90 หรือสูงกว่า คำนวณได้จาก90 ตัวแรก={(ΣX /N) X 100)}/R
โดย 90 ตัวแรก หมายถึง จำนวนร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียน
ΣX หมายถึง คะแนนรวมของผลการทดสอบที่ผู้เรียนแต่ละคน ทำได้ถูกต้องจากการทดสอบหลังเรียน
N หมายถึง จำนวนผู้เรียนทั้งหมดที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างในการคำนวณประสิทธิภาพครั้งนี้
R หมายถึง จำนวนคะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
90 ตัวที่สองแทนคุณสมบัติที่ว่า ร้อยละ90 ของนักเรียนทั้งหมด ได้รับผลสัมฤทธิ์ตามมุ่งหมายแต่ละข้อ และทุกข้อของบทเรียนโปรแกรม คำนวณได้จาก 90 ตัวหลัง= (Y x 100)/ N
90 ตัวหลัง หมายถึง จำนวนร้อยละของผู้เรียนที่สามารถทำแบบทดสอบผ่านทุกวัตถุประสงค์
Y หมายถึง จำนวนผู้เรียนที่สามารถทาแบบทดสอบผ่านทุกวัตถุประสงค์
N หมายถึง จำนวนผู้เรียนทั้งหมดที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างในการคำนวณประสิทธิภาพครั้งนี้
- 10. 2. อธิบายข้อจำกัดของการประเมินสื่อการสอน
การประเมินโดยอาศัยเกณฑ์
แนวคิดการประเมินโดยอาศัยเกณฑ์จะมีการกำหนดค่าตัวเลขขึ้นมาเพื่อเป็นสิ่งที่จะระบุถึง ประสิทธิภาพของสื่อ ในปัจจุบันการกำหนดเกณฑ์นิยมปฏิบัติใน 2 แนวทาง คือ
(1) เกณฑ์มาตรฐาน 90/90 เป็นวิธีการที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อประเมินประสิทธิภาพ
ของบทเรียนโปรแกรม มีพื้นฐานมาจากการเรียนรู้แบบรอบรู้ (Mastery learning) นิยามของเกณฑ์มาตรฐาน 90/90 นั้นได้อธิบายไว้ว่า90 ตัวแรก เป็นคะแนนของทั้งกลุ่ม
90 ตัวที่สอง แทนคุณสมบัติที่ว่า ร้อยละ 90 ของนักเรียนทั้งหมด ได้รับผลสัมฤทธิ์ตาม มุ่งหมายแต่ละข้อ และทุกข้อของบทเรียนโปรแกรม
(2) การทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ E1/E2
เป็นแนวคิดการประเมินที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินประสิทธิภาพของชุดการสอนและสื่อการสอนประเภทต่างๆ มีข้อจำกัด อยู่ว่า ยกเว้น บทเรียนโปรแกรม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของกลุ่มพฤติกรรมนิยมที่ต้องการประเมินผลพฤติกรรมของ ผู้เรียนใน 2 ประเภท คือ พฤติกรรมต่อเนื่อง (กระบวนการ) และพฤติกรรมสุดท้าย (ผลลัพธ์) โดยกำหนดค่า
ประสิทธิภาพเป็น E1 (ประสิทธิภาพของกระบวนการ)
E2 (ประสิทธิภาพของผลลัพธ์)
- 11. นิยามประสิทธิภาพ E1/E2
E1 หมายถึง ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่เกิดจากการทากิจกรรมระหว่าง เรียนจากชุดการสอนหรือสื่ออื่นๆ ของผู้เรียน (ประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้)
E2 หมายถึง ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่เกิดจากการทาแบบทดสอบหลังการ เรียนของผู้เรียน (ประสิทธิภาพของผลลัพธ์การเรียนรู้)
การประเมินโดยค่าดัชนีประสิทธิผล
การวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness index: E.I.) เป็นอีกวิธีที่ใช้ในกาประเมิน ประสิทธิภาพสื่อการสอน ข้อจำกัด คือ ดัชนีประสิทธิผลที่ใช้ได้ควรมีค่า 0.50 ขึ้นไป
เมื่อ P1% แทน ร้อยละของผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน
P2% แทน ร้อยละผลรวมของคะแนนทดสอบหลังเรียน
- 12. 3. เปรียบเทียบความแตกต่างของแนวคิดการประเมินสื่อการสอน สื่อ การเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
ความแตกต่างของแนวคิดการประเมินสื่อการสอน สื่อการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม ทางการเรียนรู้ โดยประเมินสื่อการสอนเป็นเพียงตัวกลางที่ถ่ายทอดเนื้อหาหรือความรู้ มี อิทธิพลความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่อยู่บนพื้นฐานที่ว่าความรู้เป็นสิ่งที่หยุดนิ่ง ไม่มีการ เปลี่ยนแปลงดังนั้นหากใครสามารถรับหรือจดจำความรู้ได้มากที่สุดก็ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ที่เรียนรู้ ได้ดีที่สุดและนั่นคือเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ของครู แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ดังกล่าว จะสอดคล้องกับแนวคิดกลุ่มพฤติกรรมนิยม ซึ่งเชื่อว่า การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง ซึ่งการเรียนรู้นั้นจะ คงทนหากได้รับการเสริมแรงการฝึกหัด การทำซํ้าๆ เป็นต้น บทบาทของผู้เรียนจึงเป็นผู้ที่รอรับ ความรู้ที่จะได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากครู แนวคิดดังกล่าวนำมาซึ่งการพัฒนาเป็นสื่อการ สอน ได้แก่ บทเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุดการสอน
- 13. ซึ่งแตกต่างจากการประเมินสื่อการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมทางการ เรียนรู้ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมกระบวนการรู้คิดหรือกระบวนการทางพุทธิปัญญา (Cognitive process) และแนวโน้มในปัจจุบันทฤษฎีในกลุ่มพุทธิปัญญานิยม และกลุ่มคอนสตรัคติวิสต์ที่นิยามการเรียนรู้คือการสร้างความรู้ของผู้เรียนไม่ใช่ การรอรับความรู้เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของ ผู้เรียน การประเมินที่อาศัยข้อมูลเชิงปริมาณที่เป็นค่าคะแนนหรือตัวเลขอาจไม่ เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ เกิดขึ้นในกระบวนการรู้คิดภายในสมอง ตลอดจนระบบสัญลักษณ์ของสื่อที่ พิจารณาคุณลักษณ์ของสื่อในลักษณะที่เป็นภาพ เสียง ที่ส่งผลต่อการประมวล สารสนเทศในกระบวนการรู้คิดของผู้เรียน ควรเพิ่มเติมข้อมูลเชิงคุณภาพ จะ ช่วยให้สามารถนำมาปรับปรุงสื่อนวัตกรรมการเรียนรู้หรือสิ่งแวดล้อมทางการ เรียนรู้ให้มีคุณภาพหรือประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น