Con16
- 1. โดย กุญแจการแพทย์แผนไทย
คัมภีร์ทิพย์มาลา
กล่าวถึง ลักษณะฝีภายใน (วัณโรค) 19 ชนิด ลักษณะวัณโรคอันพึงเกิดภายในนั้น เกิดเพื่อจตุธาตุและตรีสมุฏฐาน อันใด
อันหนึ่งซึ่งจะวิปริตเป็นชาติ จลนะ โดยหย่อนพิการระคนกันเข้า แล้วตั้งต่อมชั้นมีประเภทต่างๆ ซึ่งแต่ละอย่างมีลักษณะ
อาการ ดังนี้
กลุ่มอาการที่เกิดตามช่วงเวลา
ชื่อฝี อาการ Key
กุตะณะราย แรกเป็นอาการให้แน่นในทรวงอกกลางคืนกระทาพิษ ให้จับไข้ สะท้านร้อน
สะท้านหนาวไปทั้งตัว บริโภคอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
กลางคืนแน่นอก
จับไข้
มานทรวง แรกเป็นมีอาการให้ยอกเสียว หายใจขัดในทรวงอก เจ็บหน้าอกทั้งกลางวัน
กลางคืน ไอเป็นเสมหะเหนียว ซูบผอม ให้แน่นหน้าอกเป็นกาลัง
กลางวันและกลางคืน
เจ็บอก ไอ ผอม
ธนูธรวาต แรกเป็นมีอาการให้เจ็บหน้าอกตลอดเส้นหลัง ให้ปวดขบเป็นกาลัง ปวดเมื่อย
ไปทุกข้อทุกกระดูก ให้วิงเวียน บางทีทาให้ขัดอุจจาระและปัสสาวะ ให้ท้องขึ้น
ไม่วาย ให้ยอกจุกเสียดยอดอก ซูบผอม บริโภคอาหารไม่รู้รส ให้ตาแข็งนอนไม่
หลับ ให้ปวดกลางคืนมากกว่ากลางวันมีพิษต่างๆ
ปวดกลางคืน
มากกว่ากลางวัน
เมื่อยกระดูก
ขัดขี้เยี่ยว
ยอดคว่า เมื่อแรกเป็น มีอาการให้ปวดอยู่ท้องน้อยลงไปถึงทวารหนัก ให้ปวดไปถึงหน้า
สะโพก ให้เจ็บเป็นเวลา เป็นไข้สะบัดร้อนสะบัดหนาว ให้ปวดแต่กลางคืน
กลางวันปวดเล็กน้อย กระทาพิษต่างๆ
ปวดกลางคืน
กลางวันปวดเล็กน้อย
ท้องน้อยไปทวาร
หนัก
กลุ่มอาการที่เกิดตามตาแหน่งต่างๆ
สุวรรณเศียร เมื่อจะบังเกิดแต่สมองกระดูกพิการ ตั้งขึ้นดุจจอกหูหนู มีสีเหลือง มีรากหยั่งถึง
หัวใจ มีอาการทาให้เมื่อยต้นคอ ให้เจ็บถึงกระหม่อม ให้จักษุมืด ให้โสต
ประสาทตึง ให้ปวดศรีษะดังจะแตก ให้เจ็บทุกเส้นขน ให้ร้อนในกระหม่อมและ
กระบอกจักษุ และช่องโสตประสาท ถ้าตั้งหนองขึ้นแล้วกระทาพิษให้กลุ้มดวง
หทัย ให้สะบัดร้อนสะบัดหนาว ให้คลั่งไคล้ไม่ได้สติสมปฤดี เมื่อหนองจะแตก
นั้นบางทีออกทางจักษุทั้งสอง บางทีออกทางช่องโสตทั้งสอง ถ้าออกทางช่อง
อันใด ช่องอันนั้นก็พิการ
สมองกระดูก
(จอกหูหนู)
ทันตะมูลา บังเกิดแก้มซ้ายและแก้มขวา เมื่อแรกนั้นดูอาการและประเภทเหมือนปูนกัด
ปาก ดูสัณฐานดังฉะลุกะ เข้าเกาะจับอยู่ตามกระพุ้งแก้ม มีสีแดงดังสีเสนอ่อน
อาการให้แสบร้อนในกระพุ้งแก้ม แล้วให้แก้มนั้นเหน็บชา บางทีให้ฟกช้า
ออกมา ภายนอกมียอดบานเหมือนดอกลาโพง เป็นหนอง 1 ส่วน เป็นน้าหนอง
2 ส่วน ถ้าผู้ใดเป็นเข้า ถือว่าเป็นกรรม เป็นอสาทิยะโรค
แก้มซ้ายขวา
ปูนกัดปาก
ฟกช้า
ทันตะกุฏฐัง บังเกิดในกราม ถ้าบังเกิดขึ้นในกรามซ้าย ชื่อ ทันทะมุนลัง ถ้าขึ้นข้างขวา ชื่อ
ทันตะกุฏฐัง อาการเหมือนกัน คือเมื่อแรกตั้ง มีสัณฐานดังเมล็ดข้าวโพด มีสี
แดง เหลือง เหมือนลูกหว้า บางทีแข็งดุจเม็ดหูด ร้ายนัก เมื่อแตกออกมีสัณฐาน
ดังดอกลาโพง แล้วเปื่อยลามเข้าไปถึงลาคอ มีน้าเหลืองมากกว่าหนอง มีพิษ
กล้ายิ่งนัก ทาให้ปวดตั้งแต่ต้นคางไปถึงกระหม่อม ฟกบวมออกมานอก ให้จับ
กราม
เม็ดข้าวโพด
ปวดคางถึง
กระหม่อม
สะบัดร้อนหนาว
- 2. โดย กุญแจการแพทย์แผนไทย
สะบัดร้อนสะบัดหนาว บริโภคอาหารไม่ได้ แพทย์ไม่รู้นึกว่ามะเร็งรามะนาด
ตายเสียเป็นอันมาก
กินไม่ได้
ราหูกลืนจันทร์ บังเกิดใต้ต้นลิ้น มีสัณฐานดังดวงพระจันทร์ ต่ออ้าปากออกถึงเห็นครึ่งหนึ่งลับ
เข้าอยู่ในลาคอไม่เห็นครึ่งหนึ่ง ทาให้ฟกบวมเป็นกาลัง บริโภคข้าวน้ามักให้
สาลักขึ้นไปในนาสิกทุกที ถ้าแก่ขึ้นให้แดงดังผลอุทุมพรสุก ให้มีพิษเจ็บยิ่งนัก
จับสะบัดร้อนสะบัดหนาว เจรจาไม่ค่อยได้ มีหนองและน้าเหลืองเท่ากันเป็น
อติสัยโรค
ใต้ต้นลิ้น
ดวงพระจันทร์แดงดัง
ผลอุทุมพรสุก
สาลักข้าว
พูดไม่ค่อยได้
ครีบกรด บังเกิดขึ้นตามครีบชิวหา เมื่อแรกขึ้นมีสัณฐานเท่าเมล็ดถั่วเขียว และเมล็ดงา
แข็งขึ้นมาเป็นหัวหูด แล้วจาเริญขึ้นมีสีแดงดังชาดจิ้ม อาการทาให้ลิ้นกระด้าง
ให้เจ็บๆ คันๆ และเร่งเกลื่อนเสียแต่ยังอ่อน อย่าปล่อยไว้ให้ยอดแตกออกมาได้
ถ้าเจริญแก่เข้าแล้ว ก็แตกออกเปื่อยลามเป็นขุมๆ มีประเภทเหมือนวงสะท้อน
ลามไปในชิวหาพื้นบนและล่าง บางทีบวมทะลุลงไปใต้คาง เป็นหนองและโลหิต
ไหลมิได้ขาด เหม็นเหมือนซากศพ ถ้าใครเป็นถือว่าเป็นกรรม
ครีบชิวหา
ถั่วเขียว เมล็ดงา
แดงดังชาด
ลิ้นกระด้าง
เมื่อแตกลาม
บวมใต้คาง
ปลวก มีอาการให้เจ็บในทรวงอกที่ตั้งแห่งหัวใจ ตลอดไปตามสันหลัง ให้ผอมเหลือง
ให้อาเจียนเป็นโลหิต ไอเหม็นคาวคอ บริโภคอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
ไอเหม็น คาวคอ
นอนไม่หลับ
มะเร็งทรวง เมื่อจะบังเกิดกระทาให้เป็นมูกเลือดหลายครั้งหลายหน ดุจเป็นบิด แล้วก็
หายไป อยู่ๆก็กลับเป็นมาอีก ให้ปวดขบ ยอกเสียด จุกแดกแน่นหน้าอกเป็น
กาลัง ให้ยอกตลอดสันหลัง ให้วิงเวียน ให้ไอ ให้หอบ หิวหวแรงมิได้ ซูบผอม
มักให้ครั่นตัว ให้เมื่อยทุกข้อทุกกระดูก
เป็นบิดมูกเลือด
เป็นๆหายๆ
จุกแน่นหน้าอก
วิงเวียน ซูบผอม
ฟองสมุทร บังเกิดเพื่อวาโยโลหิตระคนกัน ขึ้นในคอ ต้นขากรรไกร แรกขึ้นมีสัณฐานดัง
หลังเบี้ย ถ้าขึ้นขวาตัวผู้ ขึ้นซ้ายตัวเมีย กระทาให้เจ็บในลาคอเป็นกาลัง จะกลืน
ข้าวกลืนน้าไม่ได้ ให้เจ็บปวดดังจะขาดใจตาย ถ้ายาถูกก็เคลื่อนหายไป ถ้ายาไม่
ถูกก็จาเริญขึ้นเป็นหนอง ทาให้พิษสะบัดร้อนสะบัดหนาว ดุจไข้จับให้เชื่อมมัว
ให้ร้อนศรีษะตลอดปลายเท้า แต่ไม่เหมือนไข้หรือสันนิบาต ให้ทุรนทุราย
จนกว่าหนองจะแตก เป็นปะยะโรค (รักษาได้ไม่ตาย)
เจ็บในลาคอ
กลืนข้าวไม่ได้
ร้อนศรีษะถึงปลาย
เท้า
ธรสูตร เมื่อจะบังเกิดทาให้เจ็บปวดสันหลัง ให้เมื่อย ให้จุกแดกเป็นกาลัง ให้เสียดใน
อุทร ให้ซูบผอม บริโภคอาหารมิได้
ปวดสันหลัง เมื่อย
เสียดท้อง ซูบผอม
ดาวดาษฟ้า คือ น้าลาย น้าเสมหะ น้าโลหิต ทั้ง 3 พิการ ระคนกันเข้าจึงบังเกิดเป็นเม็ดยอด
ขึ้นภายในทั่วไป ทั้งตับ ปอด หัวใจ ไส้น้อยไส้ใหญ่ทั้งปวง และวัณโรคอันนี้เกิด
เป็นอปปาติกะ บังเกิดด้วยอาโปธาตุ จะตั้งขึ้นที่ใดก็ให้เจ็บขึ้นที่นั่น ดุจไม้ยอก
หอกปัก ถ้ามิฉะนั้นดุจตะขาบแมลงป่องขบกัด และจะให้ฟกบวมขึ้นมา
ภายนอกนั้นหามิได้ มีอาการให้จับเชื่อมมัว สะบัดร้อนสะบัดหนาว ผอมเหลือง
ถ้านานเข้าจะให้จุกแน่นหน้าอก ให้อาเจียน น้าลายเหนียว หอบ สะอึก ให้บวม
เท้า ให้ลงเป็นหนองและโลหิตเน่า ให้ปวดบวมเป็นกาลัง รักษายากนัก
น้าลาย เสมหะ โลหิต
ทั้ง 3 พิการ
เม็ดยอดภายในทั่วไป
ฟกบวม
น้าลายเหนียว
- 3. โดย กุญแจการแพทย์แผนไทย
รวงผึ้ง เมื่อจะบังเกิดกระทาให้แน่นชายตับเบื้องขวา ให้ยอกตลอดสันหลัง ให้ตัวเหลือง
หน้าเหลือง ตาเหลืองดังขมิ้น ปัสสาวะเหลืองดุจน้ากรัก ให้จับสะบัดร้อนสะบัด
หนาว ให้มึนตึง ให้เมื่อยทุกข้อทุกกระดูก ให้อิ่มด้วยลม บริโภคอาหารมิได้
แน่นชายตับ
หน้าตาตัวเหลือง
อิ่มลม
รากชอน แรกเป็นมีอาการให้บวมเป็นลาขึ้นไปตามเกลียวปัตคาต ให้จับเป็นไข้ สะท้าน
ร้อนสะท้านหนาว ให้ขนลุกชันทุกขุมขน ให้ตัวแข็งกระด้าง จะลุกจะนั่งให้ยอก
ให้เสียด ไหวตัวมิได้
ปัตคาต ขนลุกชัน
แข็งกระด้าง
ธนูทวน เมื่อบังเกิดทาให้ฟกบวมขึ้นตามเส้นสัณฑะฆาต ให้ตึงท้อง ตลอดสันหลังให้สัน
หลังแข็ง ลุกนั่งไม่ได้ ให้ยอกเสียดเป็นกาลัง ให้ระบมไปทั่วทั้งท้อง ให้ท้องบวม
ใหญ่ขึ้น
สัณฑะฆาต ตึงท้อง
ลุกนั่งไม่ได้
อุระคะวาต เกิดขึ้นตามกระดูกสันหลังข้างใน บางทีขึ้นตรงกระดูก บางทีขึ้นระหว่างกระดูก
ตั้งแต่เบื้องบนถึงที่สุดแห่งกระดูกสันหลังข้างในเบื้องต่า เมื่อจะเกิดขึ้นนั้น เหตุ
ด้วยลมสุนทรวาตพัดเตโชธาตุและอาโปธาตุ มิได้เสมอตามปกติ จึงบังเกิด
วิทราธิโรคขึ้น ให้จาเริญถึงวรรณะ มีประเภทกระทาพิษต่างๆ บางทีให้จุกเสียด
บางทีให้ขัดอุจจาระปัสสาวะ บางทีให้ลงดุจเป็นบิด มีเสมหะโลหิตระคนกัน ให้
ปวดมวนเป็นกาลัง เป็นอย่างนี้ 2-3 ครั้งแล้วก็หายไป ให้เจ็บในอกและชาย
สะบัก จับสะบัดร้อนสะบัดหนาว ให้นอนไม่หลับ บริโภคอาหารไม่ได้ ให้ตาแดง
เป็นสายโลหิต บางทีให้บวมตั้งแต่ไหล่ถึงเอว ให้ร้อนเป็นกาลัง ให้เจ็บทุกข้อ
กระดูกสันหลังข้างนอก รู้ไม่ถึงย่อมเสียเป็นอันมาก ให้รักษาแต่ยังอ่อน
จุกเสียด
ขัดปัสสาวะอุจจาระ
ลงดุจบิด
ตาแดงดังเลือด
ร้อนเป็นกาลัง
อัคคีสันวาต บังเกิดจากต้นขั้วกระเพาะปัสสาวะข้างใน เพราะแม่ซางขึ้นประจาในกระเพาะ
เบา แพทย์รักษาไม่หายสนิทตั้งแต่ยังเป็นกุมาร เมื่อเจริญเติบโตขึ้นวาโยพัดขับ
ปัสสาวะไม่สะดวก จึงตั้งเป็นยอดขึ้น บางทีเป็นด้วยลมกระทบฟกช้าและบวม
ขึ้น วัณโรคจึงบังเกิด วัณโรคนี้บังเกิดแต่กองปถวีและวาโยระคนกัน มีประเภท
การกระทานั้น ต่างกัน คือ ฟกบวมออกมาจากภายนอก แข็งเป็นดานตามฝีเย็บ
มักให้บวมเป็นกาลัง ให้ปัสสาวะหยดย้อย เป็นหนองและโลหิตไหลออกมาทาง
ท่อปัสสาวะ แดงออกมาภายนอกดุจผลมะไฟ แล้วแตกออกเป็นหนองและ
โลหิตก็มีน้าปัสสาวะเดินทางช่องแผลก็มี ปัสสาวะขัดเป็นลิ่มเป็นก้อนก็มี รักษา
ยาก
ขั้วกระเพาะปัสสาวะ
วัณโรคเกิด
ปถวีและวาโยระคน
กัน