More Related Content
Similar to คัมภีร์เวชศึกษา.pdf
Similar to คัมภีร์เวชศึกษา.pdf (20)
คัมภีร์เวชศึกษา.pdf
- 3. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
• ที่ตั้งที่แรกเกิดของโรคนั้น ได้แก่ สมุฏฐำน ๔ ประกำร คือ
๑. ธาตุสมุฏฐาน
๒. อุตุสมุฏฐาน
๓. อายุสมุฏฐาน
๔. กาลสมุฏฐาน
สมุฏฐาน แปลว่ำ ที่ตั้งที่แรกเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ
โรคจะบังเกิดขึ้นก็ เพรำะ สมุฏฐำนเป็นที่ตั้ง
ดังจะได้จำแนกสมุฏฐำนออกเป็นส่วนตำมขั้นตอน
ต่อไปนี้
- 4. ธาตุสมุฏฐาน แปลว่า ที่ตั้งของธาตุ แบ่งธาตุออกเป็น ๔ กอง คือ
(1) ปถวีสมุฏฐาน ธาตุดินเป็นที่ตั้ง จาแนกเป็น ๒๐ อย่าง
(2) อาโปสมุฏฐาน ธาตุน้าเป็นที่ตั้ง จาแนกเป็น ๑๒ อย่าง
(3) วาโยสมุฏฐาน ธาตุลมเป็นที่ตั้ง จาแนกเป็น ๖ อย่าง
(4) เตโชสมุฏฐาน ธาตุไฟเป็นที่ตั้ง จาแนกเป็น ๔ อย่าง
รวมเป็นธาตุสมุฏฐาน ๔๒ อย่าง หรือ จะเรียกธาตุสมุฏฐาน ทั้ง ๔ ว่า ธาตุ
ดิน ธาตุน้า ธาตุลม ธาตุไฟ
- 5. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
๑. เกศา ผม ที่เป็นเส้นงอกอยู่บนศีรษะ พิการ ให้มีอาการเจ็บตามหนังหัวและผมร่วง
๒. โลมำ ขน เป็นเส้นงอกอยู่ทั่วร่ำงกำยเช่น คิ้ว หนวดเครำและขน
อ่อนตำมลำตัว
พิกำร ให้มีอำกำรเจ็บตำมผิวหนังและขนร่วง
๓. นขำ เล็บ ที่งอกอยู่ตำมปลำยนิ้วมือและปลำยนิ้วเท้ำ พิกำร ให้มีอำกำรปวดที่โคนเล็บ เล็บถอดหรือเป็นหนองที่โคนเล็บ
๔. ทันตำ ฟัน ฟันอย่ำง๑ เขี้ยวอย่ำง๑กรำมอย่ำง๑ รวมเรียกว่ำฟัน เป็น
ฟันน้ำนมมี ๒๐ซี่เป็นฟันแก่ ๓๒ซี่
พิกำร ให้เป็นรำมะนำด เป็นฝีรำมะนำดฝีกรำม ปวดตำมรำกฝันแมง
กินฝัน
๕. ตะโจ หนัง หุ้มกำยภำยนอกมี๓ชั้น หนังหนำ หนังชั้นกลำงหนัง
กำพร้ำ หนังในปำกเป็นหนังเมือก
พิกำร ให้คันตำมผิวหนัง สำกแสบร้อนตำมผิวหนัง
๖. มังสัง เนื้อ ที่เป็นกล้ำมและเป็นแผ่นในกำยทั่วไป พิกำร ให้เป็นผื่นแดงช้ำ แสบร้อนเป็นแฝดเป็นไฝหูดพรำยน้ำ
๗. นหำรู เอ็น เส้นและเอ็นกำยทั่วไป พิกำร ให้รู้สึกตึงรัดผูกดวงใจสวิงสวำยอ่อนหิว
๘. อัฏฐิ กระดูก กระดูกอ่อนอย่ำงหนึ่งกระดูกแข็งอย่ำงหนึ่ง พิกำร ให้เจ็บปวดในแท่งกระดูก
๙. อัฏฐิมิญ์ชัง เยื่อในกระดูก แต่ที่จริงควรเรียกไขเพรำะเป็นน้ำมันส่วนเยื่อนั้นมีหุ้ม
อยู่นอกกระดูก
พิกำร ให้ข้นไปเป็นไข้แล้วมีอำกำรเหน็บชำ
๑๐. วักกัง ม้ำม เกำะอยู่ข้ำงกระเพำะอำหำร พิกำร ให้สะท้ำนร้อนสะท้ำนหนำวและเป็นโรคเช่นกระษัยลม
ปถวีธาตุ ๒๐ ประการ
- 6. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
๑๑. หทยัง หัวใจ อยู่ในทรวงอกสาหรับสูบโลหิต พิการ ให้เสียอารมณ์ใจน้อยมักขึ้งโกรธ
๑๒. ยกนัง ตับ ตับแก่อยู่ชำยโครงขวำและตับอ่อน พิกำร ให้ตับโต ตับย้อย เป็นฝีที่ตับ ตับช้ำ
๑๓. กิโลมกัง พังผืด เป็นเนื้อยืดได้หดได้มีอยู่ทั่วร่ำงกำย พิกำร ให้อกแห้งกระหำยน้ำเป็นโรคเช่น ริดสีดวงแห้ง
๑๔. ปิหกัง ไต มีอยู่ ๒ไต ซ้ำย ขวำ สำหรับขับปัสสำวะ พิกำร ให้ขัดในอกแน่นในอกท้องพองอ่อนเพลียกำลังน้อย
๑๕. ปัปผำสัง ปอด มีอยู่ในทรวงอกซ้ำย ขวำ สำหรับหำยใจ พิกำร ให้ร้อนในอก กระหำยน้ำ ให้หอบหนัก เรียกว่ำกำฬขึ้น
ปอด
๑๖. อันตัง ไส้ใหญ่ นับทั้ง๒ตอนๆบนรวมกระเพำะอำหำรเข้ำด้วย ตอนล่ำงต่อ
จำกไส้น้อยไปหำทวำรหนัก
พิกำร ให้ลงเป็นกำลังให้แน่นให้ไส้ตีบ
๑๗. อันตคุณัง ไส้น้อย ไส้เล็กที่ขดต่อจำกกระเพำะอำหำรไปต่อกับลำไส้ใหญ่
ตอนล่ำง(บำงตำรำเรียกว่ำสำยรัดไส้)
พิกำร ให้เรอ หำว ตกอุจจำระเป็นโลหิต หน้ำมืดตำมัวปวดเอว
เสียดแทงสองรำวข้ำง ร้อนคอ อุจจำระเป็นหนอง
๑๘. อุทรียัง อำหำรใหม่ อำหำรที่อยู่เพียงใส้ใหญ่ตอนบน(ในกระเพำะอำหำร)และใน
ไส้น้อย
พิกำร ให้ลงท้องจุกเสียดพะอืดพะอมสะอึก
๑๙. กรีสัง อำหำรเก่ำ กำกอำหำรที่ตกจำกลำไส้เล็กมำอยู่ลำไส้ใหญ่ตอนล่ำงและตก
ไปทวำรหนัก
พิกำร ให้อุจจำระไม่ปกติ ธำตุเสียมักเนื่องมำแต่ตำนขขโมยและ
เป็นโรคริดสีดวง
๒๐. มัตถเกมัตถลุงคังมันในสมอง ซึ่งเป็นก้อนอยู่ในศรีษะและลำมตลอดกระดูกสันหลังติด
เนื่องเส้นประสำททั้วไป
มัตถเกมัตถลุงคังพิกำร ให้หูตึงตำมัวลิ้นกระด้ำงคำงแข็ง
ปถวีธำตุ ๒๐ ประกำร (ต่อ )
- 7. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
อาโปธาตุ ๑๒ ประการ
๑. ปิตตัง น้าดี แยกเป็น ๒ อย่าง ๑.๑ พัทธปัตตัง น้าดีในฝัก
๑.๒ พัทธปัตตัง น้าดีนอกฝัก
พิการ
๑.๑พัทธปิตตะให้คุ้มครั่งเป็นบ้า
๑.๒อพัทธะปิตตะ ให้ปวดศรีษะตัวร้อนสะท้านร้อนสะท้านหนาว ตาเหลือง
ปัสสาวะเหลือง จับไข้
๒. เสมหัง น้าเสลด แยกเป็น ๓ คือ ๓.๑ ศอเสมหะในลาคอ
๓.๒ อุรเสมหะในหลอดลม
๓.๓ คูถสมหะที่ออกจากทางอุจจาระ
พิการ
๒.๑ สอเสมหะ ให้ไอเจ็บคอ คอแห้ง เป็นหืด
๒.๒ อุระเสมหะ ให้ผอมเหลืองเป็นดานเป็นเถา แสบในอก
๒.๓ คูถเสมหะ ให้ตกอุจจาระเป็นเสมหะเป็นโลหิต เช่น มูกเลือด
๓. ปุพโพ น้าหนอง ที่ออกตามแผลต่างๆเกิดขึ้นเพราะมีเหตุช้าชอก เป็น
ต้น
พิการ ให้ไอเบื่ออาหารรูปร่างซูปผอม
๔. โลหิตัง น้าเลือด โลหิตแดงอย่างหนึ่ง โลหิตดาอย่างหนึ่ง พิการ ให้ตัวร้อนเป็นไข้ คลุ้มคลั่ง ปัสสาวะแดง ให้เป็นเม็ดตามผิวหนัง เป็นประดง
ต่างๆ
๕. เสโท เหงื่อ น้าเหงื่อที่ออกตามกายทั่ว พิการ ให้สวิงสวาย ตัวเย็นอ่อนอกอ่อนใจ
๖. เมโท มันขัน เป็นเนื้อมันสีขาวออกเหลืองอ่อนมีในกาย พิการ ให้ผุดเป็นแผ่นตามผิวหนังเป็นวงเป็นดวง ปวดแสบปวดร้อนน้าเหลืองไหล
- 8. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
อาโปธาตุ ๑๒ ประการ (ต่อ)
๗. อัสสุ น้าตา น้าใสๆ ที่ออกจากตาทั้ง ๒ ข้าง พิการ ให้ตาเป็นฝ้า น้าตาไหล ตาแฉะ ตาเป็นต้อ
๘. วสา มันเหลว หยดมันและน้าเหลืองในกาย พิการ ให้ผิวเหลือง ตัวเหลือง ให้ลงท้อง
๙. เขโฬ น้าลาย น้าลายในปาก พิการ ให้เจ็บคอเป็นเม็ดในคอและโคนลิ้น
๑๐. สิงฆานิกา น้ามูก เป็นน้าใสที่ออกทางจมูก พิการ ให้ปวดในสมองตามัวน้ามูกตก
๑๑. ลสิกา ไขข้อ น้ามันที่อยู่ในข้อทั่วไป พิการ ให้เจ็บตามข้อและแท่งกระดูกทั้วไป
๑๒. มูตรตัง มูตร น้าปัสสาวะที่ออกจากกระเพาะเบา พิการ ให้ปัสสาวะสีขาว เหลือง ดา แดง
- 9. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
วาโยธาตุ ๖ ประการ
๑. อุทธังคมาวาตา ลมสาหรับพัดตั้งแต่ปลายเท้าตลอดศีรษะ
บางท่านกล่าวว่า ตั้งแต่กระเพาะอาหารถึงลาคอ ได้แก่เรอ เป็นต้น
๒. อโธคมำวำตำ ลมสำหรับพัดตั้งแต่ศีรษะตลอดถึงปลำยเท้ำ
บำงท่ำนกล่ำวว่ำตั้งแต่ลำไส้น้อยถึงทวำรหนัก ได้แก่ ผำยลม เป็นต้น
๓. กุจฉิสยำวำตำ ลมสำหรับพัดอยู่ในท้องแต่นอกลำไส้
๔. โกฏฐำสยำวำตำ ลมสำหรับพัดในลำไส้และในกระเพำะ
๕. อังคมังคำนุสำริวำตำ ลมสำหรับพัดทั่วสรีระกำย
๖. อัสสำสะปัสสำสะวำตำ ลมสำหรับหำยใจเข้ำออก
- 10. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
เตโชธาตุ ๔ ประการ
๑. สันตัปปัคคี ไฟสำหรับอุ่นกำย ซึ่งทำให้ตัวเรำอุ่นเป็นปกติอยู่
๒. ปริทัยหัคคี ไฟสำหรับร้อนระส่ำระสำยซึ่งทำให้เรำต้องอำบน้ำแล้วพัดวี
๓. ชิรณัคคี ไฟสำหรับเผำให้แก่คร่ำคร่ำ ซึ่งทำให้ร่ำงกำยเรำเหี่ยวแห้งทรุดโทรม
๔. ปริณำมัคคี ไฟสำหรับย่อยอำหำรซึ่งทำให้อำหำรที่เรำกลืนลงไปนั้นให้แหลกละเอียดไป
- 11. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
อนึ่งธาตุ ๔๒ ประการ ที่เป็นหัวหน้ำมักจะวิกำรบ่อย ๆ ไม่ค่อยจะเว้นตัวตน มี ๓ ประกำร (ย่อธำตุ ๔๒ ประกำรเป็นสมุฏฐำนธำตุ ๓ กอง) ดังนี้
๑. ปิตตสมุฏฐำนำอำพำธำ อำพำธด้วย ดี
๒. เสมหสมุฏฐำนำอำพำธำ อำพำธด้วย เสลด
๓. วำตสมุฏฐำนำอำพำธำ อำพำธด้วย ลม
เมื่อสมุฏฐำนทั้ง ๓ ประชุมกันเข้ำเรียกว่ำ สันนิปาติกาอาพาธา อำพำธด้วยโทษประชุมกัน ชื่อว่ำ สันนิบาต
สมุฏฐำนทั้ง ๓ กองนี้ ถ้ำฤดูผันแปรวิปริตไปเมื่อใด สมุฏฐำนทั้ง ๓ กองนี้ก็วิกำรไปเมื่อนั้น
- 12. อุตุสมุฏฐาน แปลว่า ฤดูเป็นที่ตั้ง ฤดูแปรไปย่อมให้เกิดไข้เจ็บได้ เรียกว่า อุตุปริณามชอาพาธา ไข้เจ็บเพราะฤดูแปรไป
หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
๒. อุตุสมุฏฐาน
ฤดู ๓ ฤดู ๓ ในหนึ่งปี แบ่งออกเป็น ๓ ฤดูๆ ละ ๔ เดือน
ฤดู ตั้งแต่ สมุฏฐาน พิกัด คาอธิบาย
คิมหันตฤดู (ฤดูร้อน) วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๔ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน
๘
เตโช สันตัปปัคคี ธำตุของร่ำงกำยได้กระทบควำมร้อนเป็น
ธรรมดำ มีอำกำศฝนอำกำศหนำวเจือมำ
วัสสำนะฤดู (ฤดูฝน) วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน
๑๒
วำโย กุจฉิสยำวำตำ ธำตุของมนุษย์ได้กระทบควำมเย็นเป็น
ธรรมดำ มีอำกำศร้อน อำกำศหนำวเจือมำ
เหมันตฤดู (ฤดูหนำว) วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๒ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน ๔
อำโป เสมหะโลหิต ธำตุของมนุษย์ได้กระทบควำมหนำวเป็น
ธรรมดำ มีอำกำศร้อนอำกำศฝนเจือมำ
- 13. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
ฤดู ๔ ฤดู ๔ ในหนึ่งปี แบ่งออกเป็น ๔ ฤดูๆ ละ ๓ เดือน
ฤดู ตั้งแต่ สมุฏฐาน
คิมหันตฤดู นับแต่วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๔ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๗ เตโช
วสันตฤดู นับแต่วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๗ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ วำโย
วัสสำนะฤดู นับแต่วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๑๐ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑ อำโป
เหมันตฤดู นับแต่วันแรมค่ำ ๑ เดือนอ้ำย ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ปถวี
- 14. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
ฤดู ๖ ฤดู ๖ ในหนึ่งปี แบ่งออกเป็น ๖ ฤดูๆ ละ ๒ เดือน
ฤดู ตั้งแต่ ถ้าเป็นไข้
คิมหันตฤดู วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๔ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ เป็นเพื่อเตโช ด้วยดี และกำเดำ
วสันตฤดู วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๖ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ เป็นเพื่อเตโช วำโย กำเดำเจือกัน
วัสสำนะฤดู วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๘ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ เป็นเพื่อวำโย และเสมหะ
สะระทะฤดู วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๑๐ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ เป็นเพื่อวำโย เสมหะ และมูตร
เหมันตฤดู วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๑๒ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือนยี่ เป็นเพื่อเสมหะ กำเดำ และโลหิต
ศิศิระฤดู วันแรมค่ำ ๑ เดือนยี่ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ เป็นไข้เพรำะธำตุดิน เพื่อเลือดลมกำเดำ
เจือเสมหะ
- 15. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
• นับตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ ๑๖ ปี สมุฏฐาน
อาโป พิกัดเสมหะและโลหิตระคนกัน
แบ่งเป็น ๒ ตอน
• ระยะแรก แรกเกิดจนถึงอายุ ๘ ขวบ
สมุฏฐานอาโป พิกัดเสมหะเป็นเจ้าเรือนโลหิต
แทรก
• ระยะหลัง อายุ ๘ ขวบถึง ๑๖ ขวบ สมุฏฐาน
อาโป พิกัดโลหิตเป็นเจ้าเรือน เสมหะยังเจือ
อยู่ (ระคน)
ปฐมวัย
• นับตั้งแต่อายุพ้น ๑๖ ปี ถึง ๓๒ ปี
สมุฏฐานอาโป พิกัดโลหิต ๒ ส่วน
สมุฏฐานวาโย ๑ ส่วน ระคนกัน
มัชฌิมวัย
• ระยะแรก อายุพ้น ๓๒ ปี ถึง ๖๔
ปี สมุฏฐานวาโย
• ระยะหลัง เมื่ออายุพ้น ๖๔ ปี ถึง
อายุขัย สมุฏฐานวาโยเป็นเจ้าเรือน
อาโปแทรก พิกัดเสมหะกับเหงื่อ
ปัจฉิมวัย
๓. อายุสมุฏฐาน
อำยุเป็นที่ตั้ง ท่ำนจัดไว้ ๓ อย่ำง คือ ปฐมวัย มัชฌิมวัย และ ปัจฉิมวัย
- 16. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
กองกาลสมุฏฐาน
แปลว่ำ เวลำเป็นที่ตั้งที่แรกเกิดของโรค กำลสมุฏฐำน แบ่งไว้เป็น
กลำงวัน ๔ ตอน กลำงคืน ๔ ตอน ดังนี้
เวลากลางวัน
๑. นับแต่ย่ำรุ่งจนถึง ๓ โมงเช้ำ (๐๖.๐๐น. - ๐๙.๐๐น.)
สมุฏฐำนอำโปธำตุพิกัดเสมหะ
๒. นับแต่ ๓ โมงเช้ำถึงเที่ยง (๐๙.๐๐น. - ๑๒.๐๐น.)
สมุฏฐำนอำโปธำตุพิกัดโลหิต
๓. นับแต่เที่ยงถึงบ่ำย ๓โมง (๑๒.๐๐น. - ๑๕.๐๐น.)
สมุฏฐำนอำโปธำตุพิกัดดี
๔. นับแต่บ่ำย ๓ โมงถึงย่ำค่ำ (๑๕.๐๐น. - ๑๘.๐๐น.)
สมุฏฐำนวำโยธำตุพิกัดลม
เวลากลางคืน
๑. นับแต่ย่ำค่ำจนถึง ๑ ยำม (๑๘.๐๐น. - ๒๑.๐๐น.)
สมุฏฐำนอำโปธำตุ พิกัดเสมหะ
๒. นับแต่ ๑ ยำมถึง ๒ ยำม (๒๑.๐๐น. - ๒๔.๐๐น.)
สมุฏฐำนอำโปธำตุ พิกัดโลหิต
๓. นับแต่ ๒ ยำมถึง ๓ ยำม (๒๔.๐๐น. - ๐๓.๐๐น.)
สมุฏฐำนอำโปธำตุ พิกัดดี
๔. นับแต่ ๓ ยำมถึง ๔ ยำม (๐๓.๐๐น. - ๐๖.๐๐น.)
สมุฏฐำนวำโยธำตุ พิกัดลม
- 17. หมวดที่ ๑ ที่ตั้งแรกเกิดของโรค
๑. ประเทศที่สูง เช่น ชำวเขำ เรียกว่ำ ประเทศร้อน เตโช
๒.ประเทศี่เป็นน้ากรวดทราย เรียกว่า ประเทศอุ่น อาโป
๓.ประเทศน้าฝนเปือกตม เรียกว่า ประเทศเย็น วาโย
๔.ประเทศที่เป็นน้าเค็มเปือกตม เรียกว่า ประเทศหนาว ปถวี
กองประเทศสมุฏฐาน
แปลว่ำ ประเทศที่อยู่เป็นที่ตั้งที่แรกเกิดของโรค บุคคลที่เคยอยู่ในประเทศ
ร้อนหรือประเทศหนำวก็ดี เคยอยู่ประเทศใด
ธำตุสมุฏฐำนอันมีอยู่ในร่ำงกำย ก็คุ้นเคยกับอำกำศประเทศนั้น
- 18. หมวดที่ ๒ รู้จักชื่อของโรคที่เกิดขึ้น
การเจ็บป่ วย เป็นไข้แต่ละอย่ำงนั้นสมมุติเรียกชื่อโรคอย่ำงไรบ้ำง
กำรสมมุติเรียกชื่อโรคนั้น แบ่งอยำกได้๓ ประกำร คือ
๑. เรียกตำมธำตุทั้ง ๔ พิกำร
๒. เรียกชื่อย่อตำมเบญจอินทรีย์
๓. เรียกตำมหมอสมมุติสืบต่อกันมำ
๑. เรียกตามธาตุทั้ง ๔ พิการ
คือกำรที่เรียกชื่อโรค ตำมธำตุ ๔๒
พระคัมภีร์โรคนิทำนซึ่งแบ่งธำตุดินออกเป็น
๒๐ ธำตุน้ำ ๑๒ ธำตุลม ๖ และธำตุไฟ ๔
เมื่อพิกำรหรือแตกไป จึงทำให้มนุษย์มี
ควำมเจ็บป่วยกำรเรียกชื่อโรคก็จะเรียกให้ตรง
ตำมธำตุ ๔๒ เช่น โรคเกศำพิกำร โรคทันตำ
พิกำร โรคเสมหะพิกำร เป็นต้น
- 19. หมวดที่ ๒ รู้จักชื่อของโรคที่เกิดขึ้น
๒. เรียกชื่อย่อตามเบญจอินทรีย์
๑). จักษุโรโค คือ โรคที่เกิดขึ้นที่ตำ
๒). โสตโรโค คือ โรคที่เกิดขึ้นที่ในหู
๓). ฆำนโรโค คือ โรคที่เกิดขึ้นที่จมูก
๔). ชิวหำโรโค คือ โรคที่เกิดขึ้นที่ลิ้น
๕). กำยะโรโค คือ โรคเกิดขึ้นที่กำย แบ่งออกเป็น ๒ อย่ำง
ก. พหิทธโรโค คือ โรคเกิดขึ้นภำยนอกกำย
ข. อันตโรโค คือ โรคที่เกิดขึ้นภำยในกำย
๓. เรียกตามหมอสมมุติสืบต่อกันมา
คือ กำรที่เรียกตำมตำรำที่แจ้งไวในคัมภีร์แพทย์ศำสตร์ทั้งปวง ซึ่งได้กำหนดบัญญัติตั้งชื่อ
ของโรคไว้แล้ว เช่น โรคหวัด ไข้ไอ กระษัย ประดง เป็นต้น
- 20. หมวดที่ ๓ รู้จักยำสำหรับแก้โรค
หมอ จะต้องรู้จักสรรพสิ่งต่ำง ๆ ที่จะนำมำปรุงเป็นยำรักษำโรค กำรที่จะรู้จักยำนั้น ต้องรู้จัก
๔ ประกำร
๑. รู้จักตัวยำ
๒. รู้จักสรรพคุณยำ
๓. รู้จักเครื่องยำที่มีชื่อต่ำงกันรวมเรียกเป็นชื่อเดียว
๔. รู้จักกำรปรุงยำที่ประสมใช้ตำมวิธีต่ำงๆ
(ดูตำมหลักเภสัช ๔ ประกำร ในเล่มนี้ไม่ได้นำมำกล่ำวไว้)
- 22. หมวดที่ ๔ รู้ว่ำยำอย่ำงใดจะควรแก้โรคชนิดใด
๑ . การซักประวัติและวิธีตรวจไข้
o ประวัติของบุคคล
o ประวัติของโรค
o การตรวจร่างกาย
o การตรวจอาการ
วิธีการ ต่ำงๆเหล่ำนี้ ไม่ใช่ว่ำจะต้องตรวจทุกสิ่งทุกอย่ำง
ทุกเรื่อง ทุกรำย สุดแล้วแต่ควำมต้องกำร นอกจำกนี้ยังมีอย่ำง
อื่นที่ควรถำมอีก ต้องสุดแล้วแต่เหตุผลที่จะปรำกฏกระทั่งไป
ถึง และ แล้วแต่ควำมคิดควำมเห็นที่จะสอดส่องของผู้ตรวจ
- 23. หมวดที่ ๔ รู้ว่ำยำอย่ำงใดจะควรแก้โรคชนิดใด
๒. การวินิจฉัย
สิ่งที่จะต้องพิเครำะห์ เพิ่มเติมจำกข้อมูลข้ำงต้น ก่อนที่จะให้กำรเยียวยำ
ต้องพิจำรณำสิ่งต่ำงๆ และข้อมูลต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ดังนี้
❑ คนเจ็บมีอำกำรเช่นใด มีโรคชนิดใด ชื่ออะไร
❑ โรคนั้นๆ มีที่เกิดแต่อะไรเป็นต้นเหตุ
❑ โรคเช่นนี้จะเยียวยำแก้ไขด้วยวิธีใดจึงจะถูกแก่โรค
❑ สรรพคุณยำสำหรับที่จะบำบัดโรคเช่นนั้นๆ จะใช้สรรพคุณยำอะไร
สิ่งที่จะต้องพิเครำะห์ เพิ่มเติมจำกข้อมูลข้ำงต้น ก่อนที่จะให้กำรเยียวยำ
มีดังนี้
❑ตรวจผล
❑ค้นต้นเหตุ
❑หำทำงแก้ไข
- 24. จำกที่ได้กล่ำวถึงกิจ ๔ ประกำรของหมอ ซึ่งเป็นควำมรู้ หลักกำร และ
วิธีกำรซึ่งผู้ที่จะเป็นหมอต้องศึกษำ จนกระทั่งมีควำมรู้ควำมชำนำญ เพรำะ
เป็นกิจที่สำคัญสำหรับหมอทุกคน ที่จะต้องตระหนักถึงควำมรับผิดชอบ ซึ่ง
เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไข้โดยตรง กิจแต่ละอย่ำงนั้นถือได้ว่ำมีควำมสำคัญ
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ำกัน แม้ว่ำท่ำนจะศึกษำจบ และ มีใบประกอบโรคศิลปะ
ตำมที่ได้ตังใจไว้แล้ว แต่ไม่ถือว่ำท่ำนสิ้นสุดกำรศึกษำหำควำมรู้ ฉะนั้น ผู้ที่
จะเป็นหมอที่ดี จะต้องหมั่นศึกษำทบทวนหำควำมรู้เพิ่มเติม เพื่อให้เกิด
ควำมรู้ทักษะทำงด้ำนกำรตรวจโรค กำรรักษำโรค
ต่อไปตรำบเท่ำที่ท่ำนยังคงเป็นแพทย์อยู่