More Related Content
Similar to รุปเล่มโครงงานคอมM5 (20)
More from jiratchaya sakornphanich (14)
รุปเล่มโครงงานคอมM5
- 1. โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง การถนอมอาหาร(ผักกาด)
โดย
1.น.ส. พีรดา เชื้อสุข เลขที่ 23
2.น.ส. ญาณินท์ รักษาทรัพย์ เลขที่ 27
3.น.ส. ณัฐวรรณ ต่อกิจการเจริญ เลขที่ 34
4.น.ส. วีรยา ศรีรัตนาลิ้มวงศ์ เลขที่ 36
5.น.ส. นภัสวรรณ ศุภณรงค์พงศ์ เลขที่ 37
6.น.ส. กมลพร รอดคืน เลขที่ 38
7.น.ส. พินทุผล ทหราวานิช เลขที่ 40
8.น.ส. จิรัชญา สาครพานิช เลขที่ 43
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5/1
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานการงาน และเทคโนโลยี
ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2559
โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง
- 2. โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง การถนอมอาหาร
โดย
1.น.ส. พีรดา เชื้อสุข เลขที่ 23
2.น.ส. ญาณินท์ รักษาทรัพย์ เลขที่ 27
3.น.ส. ณัฐวรรณ ต่อกิจการเจริญ เลขที่ 34
4.น.ส. วีรยา ศรีรัตนาลิ้มวงศ์ เลขที่ 36
5.น.ส. นภัสวรรณ ศุภณรงค์พงศ์ เลขที่ 37
6.น.ส. กมลพร รอดคืน เลขที่ 38
7.น.ส. พินทุผล ทหราวานิช เลขที่ 40
8.น.ส. จิรัชญา สาครพานิช เลขที่ 43
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5/1
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานการงาน และเทคโนโลยี
ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2559
โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง
ชื่อโครงงาน การถนอมอาหาร(ผักกาด)
ประเภทของโครงงาน ประเภทการทดลอง
- 3. ผู้จัดทาโครงงาน 1.น.ส. พีรดา เชื้อสุข เลขที่ 23
2.น.ส. ญาณินท์ รักษาทรัพย์ เลขที่ 27
3.น.ส. ณัฐวรรณ ต่อกิจการเจริญ เลขที่ 34
4.น.ส. วีรยา ศรีรัตนาลิ้มวงศ์ เลขที่ 36
5.น.ส. นภัสวรรณ ศุภณรงค์พงศ์ เลขที่ 37
6.น.ส. กมลพร รอดคืน เลขที่ 38
7.น.ส. พินทุผล ทหราวานิช เลขที่ 40
8.น.ส. จิรัชญา สาครพานิช เลขที่ 43
ครูที่ปรึกษา มิส เขมจิรา ปลงไสว
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การจัดทาโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการทดลองวิธีการถนอมอา
หารและสร้างบล็อก(Blogger)เพื่อเผยแพร่และนาเสนอความรู้จากการปฏิบัติ
จริง
ผลการศึกษาและจัดทาโครงงานพบว่า การพัฒนาโครงสร้างบล็อก
การถนอมอาหาร เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวการถนอมอาหารของแต่ละวิธี
และได้ความรู้และความเพลิดเพลิน
คณะผู้จัดทาได้ดาเนินงานตามขั้นตอนการดาเนินงานที่ได้วางแผนไว้และได้
นาเสนอเผยแพร่งานผ่านทางเครือข่ายระบบอินเตอร์เน็ต
ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่
ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ออนไลน์และมีความรวดเร็วในการรับข้อมูล
บุคคลทั่วไปสามารถเข้ารับชมได้ เพราะเป็นเว็บไซต์ที่มีประโยชน์
เหมาะแก่การศึกษา
กิตติกรรมประกาศ
- 8. รูปที่ 6 การฉาบกล้วย
9
รูปที่ 7 การกวนทุเรียน
10
รูปที่ 8 การทาแยม
10
รูปที่ 9 การรมควัน
11
รูปที่ 10 ตัวอย่างเว็บบล็อก
15
บทที่1
บทนา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ในปัจจุบันนี้
ผักกาดมีปริมาณในตลาดมากเกินกว่าความต้องการของผู้ซื้อ
- 12. 73 มิลลิกรัม เมล็ดหนักประมาณ 2 กรัมต่อ 1,000 เมล็ด
การขยายพันธุ์
ผักกาดเขียวเป็นพืชที่ไม่มีเนื้อไม้ มีอายุปีเดียว (annual)
จนถึงสองปี (biennial) ขึ้นกับสายพันธุ์ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ มรกต 2000 บลูซิน กู๊ดเวอร์ แม็ค
นิเวศวิทยา
ผักกาดเขียวปลีเป็นพืชที่ทนทานต่ออุณหภูมิและความชื้นสูงได้ดี
จึงสามารถเจริญเติบโตบนพื้นที่ราบที่มีอุณหภูมิสูงได้ตลอดปี
ชอบดินร่วนที่มีการระบายน้าได้ดี มีแร่ธาตุและอินทรียสารในดินสูง
สามารถออกดอกและติดเมล็ดได้ในเขตอากาศแบบร้อนชื้น
โดยเมล็ดพัฒนาได้ดีในสภาพอากาศค่อนข้างเย็นและแห้งแล้ง
บนพื้นที่สูงระดับปานกลางจนกระทั่งสูงในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้น
พื้นที่ปลูกปี
พ.ศ. 2542-2543 ประมาณ 29,371 ไร่ ผลผลิตรวม 67,047
ตัน (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2543)
การเก็บเกี่ยว
ทาการเก็บเกี่ยวโดยการตัดส่วนของลาต้นที่อยู่เหนือดินด้วยมีด
เมื่อพุ่มต้นมีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร
ควรหลีกเลี่ยงการเก็บเกี่ยวขณะที่แสงแดดจัด
เนื่องจากจะทาให้ต้นมีการสูญเสียน้าและมีการเหี่ยวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การส่งออก
มีการส่งออกในรูปผักกาดดองบรรจุกระป๋ องและผักแช่แข็ง
แต่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน
2.2 ความรู้ทั่วไปของการถนอมอาหาร
2.2.1 ความหมายของการถนอมอาหาร (Food Preservation)
หมายถึง
กระบวนการเก็บและรักษาอาหาร เพื่อชะลอการเน่าเสียของอาหาร
หรือป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ในขณะที่ยังรักษาคุณค่าทางโภชนาการ
- 13. สีสัน และกลิ่นให้คงอยู่
2.2.2 กระบวนการถนอมอาหาร
การถนอมอาหารมักจะเกี่ยวข้องกับ
การยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และจุลินทรี
อื่นๆ และการหน่วงปฏิกิริยาระหว่างไขมันกับออกซิเจนในอากาศ
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเน่าเสีย (rancidity) ของอาหาร
การถนอมอาหารนี้อาจรวมถึงการรักษาอายุตามธรรมชาติและสีสันของอาหาร
ซึ่งเกิดจากการปรุงอาหาร เช่น
การเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลของเนื้อแอปเปิลเมื่อสัมผัสกับอากาศ
และการถนอมอาหารบางประเภทจาเป็นต้องปิดผนึกอาหารหลังจากที่ผ่านกระ
บวนการต่างๆ เพื่อป้องกันการเกิดปัจจัยของการเน่าเสีย
ทาให้อาหารนั้นสามารถเก็บไว้ได้นานมากกว่าปกติ
กระบวนการถนอมอาหารอาจประกอบด้วย
· การให้ความร้อนเพื่อกาจัดหรือทาจุลินทรีย์ให้เสื่อมสภาพ เช่น การต้ม
· การใช้สารเคมีเพื่อให้เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน เช่น
การใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
· การยับยั้งการเกิดสารพิษ เช่น การรมควัน การใช้คาร์บอนไดออกไซด์
น้าส้มสายชู แอลกอฮอล์ ฯลฯ
· การขจัดน้าออกจากอาหาร เช่น การตากแห้ง
· การยับยั้งการดูดซึมสารอาหารของจุลินทรีย์ เช่น การเชื่อม การดอง
· การเก็บรักษาอาหารในอุณหภูมิต่า เช่น การแช่แข็ง การทาให้เย็นขึ้น
· กระบวนการถนอมอาหารหลายๆ ข้อรวมกัน
2.2.3 ประโยชน์ของการถนอมอาหาร
1. ทาให้มีอาหารรับประทานทั้งในเวลาปกติและเวลาที่ขาดแคลน
หรือนอกฤดูกาลของอาหารนั้น
2.
เป็นการประหยัดทรัพยากรธรรมชาติและรายจ่ายเนื่องจากมีอาหารสดตามฤดู
กาลมาก จนรับประทานไม่ทัน ถ้าปล่อยไว้จะเกิดอาการเน่าเสียตามธรรมชาติ
แต่ถ้านามาถนอมไม่ให้เน่าเสีย
ก็จะสามารถเก็บอาหารนั้นไว้รับประทานในเวลาที่อาหารมีราคาแพง
หรือหายากเมื่ออยู่นอกฤดูกาลได้
3.ทาให้ได้รับประทานอาหารที่มีรูปลักษณะและรสชาติที่แปลกออกไป
- 15. บางรายนิยมนาเอาผลไม้ไปรมควันกามะถันอ่อน ๆ ก่อนที่จะตากแห้ง
ซึ่งจะช่วยให้มีสีและรสดีขึ้น
ทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดรสเปรี้ยวและช่วยกันไม่ให้แมลงกัดกินอีกด้วย
อาหารที่นิยมถนอมโดยการตากแห้ง มักเป็นประเภทผัก ผลไม้ และเนื้อ เช่น
ดีปลี พริก (พริกไทย) เห็ดบางชนิด (เช่น
เห็ดแครงที่ขึ้นตามต้นไม้มะขามที่ล้มตาย เป็นต้น) หมากแห้ง (ฝานก่อนตาม)
กล้วยตาก (กล้วยสุกปอกเปลือกแล้วตากแห้ง) ลูกหยี
(ปอกเปลือกแล้วตากแห้ง) ส้มแขก (ผลไม้ชนิดหนึ่ง ผลกลม หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ
แล้วตากแห้ง ใช้ในการปรุงอาหาร) เนื้อเค็ม ปลาเค็ม เป็นต้น
การตากแห้งอาหารประเภทเนื้อ มักใช้เกลือช่วยเพื่อกันการบูดเน่า
และช่วยให้มีรสชาติดีขึ้น เช่น หอยตาก
(หอยน้าจืดชนิดหนึ่งคล้ายหอยแครงแต่ขนาดเล็กว่า ชอบอยู่ในทะเลสาบ
อาจลวกให้สุกด้วยน้าเกลือที่ร้อนจัด หรือคลุกเกลือแล้วตากแดด
โดยมากนิยมใช้วิธีหลังจึงเรียกหอยชนิดนี้ตามกรรมวิธีที่นิยมนั้นว่าหอยตาก)
ปลาริ้ว (ปลาช่อนตัวโต ๆ ที่นามาผ่าเป็นริ้ว ๆ แล้วตากแห้ง) ปลาแห้ง
(ปลาเกลือ) เนื้อแห้ง (เนื้อเค็ม) เคย (กะปิ)
บางชนิดต้มให้สุกเสียก่อนแล้วนามาตากแห้ง เช่น สารกุ้ง (กุ้งแห้ง)
2.3.2 การถนอมอาหารโดยการดอง
การถนอมอาหารโดยการดอง
โดยใช้จุลินทรีย์บางชนิดที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
โดยจุลินทร์ทรีย์นั้นจะสร้างสารบางอย่างขึ้นมาในอาหาร
ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ตัวอื่นๆได้
ดังนั้นผลของการหมักดองจะทาให้อาหารปลอดภัยจากจุลินทร์ทรีย์ชนิดอื่นๆ
และยังทาให้เกิดอาหารชนิดใหม่ๆที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม
เป็นการเพิ่มกลิ่น และรสชาติของอาหารให้แปลกออกไป
- 16. รูปที่ 3 การดองของมะขาม
การถนอมอาหารโดยการดองมีหลายวิธีดังนี้
1.การดองเปรี้ยว ผักที่นิยมนามาดอง เช่น ผักกาดเขียว กะหล่าปลี
ผักเสี้ยน ถั่วงอก เป็นต้น วิธีทาคือนาเอาผักมาเคล้ากับเกลือ
โดยผสมน้าเกลือกบน้าส้มต้มให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น
นามาเทราดลงบนผักที่เรียงไว้ในภาชนะ
เทให้ท่วมผักปิดฝาภาชนะไม่ให้ลมเข้าหมักทิ้งไว้4-
7วันก็นามารับประทานได้
2. การดอง 3 รส คือ รสเปรี้ยว เค็ม หวาน ผักที่นิยมดองแบบนี้คือ
ขิงดอง กระเทียมสด ผักกาดเขียน การดองชนิดนี้คือ
นาเอาผักมาเคล้ากับเกลือแล้วผสมน้าส้ม น้าตาล เกลือ ต้มให้เดือด
ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนามาเทราดลงบนผักปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 2-
3วันก็นามารับประทานได้
3.การดองหวาน ผักและผลไม้ที่นิยมนามาดอง เช่น มะละกอ หัวผักกาด
กะหล่าปลี เป็นต้น โดยต้มน้าตาล น้าส้มสายชู เกลือ
ให้ออกรสหวานนาให้เดือดทิ้งไว้ให้เย็น เทราดลงบนผักผลไม้ ทิ้งไว้ 2-3
วัน ก็นามารับประทานได้
4. การดองเค็ม อาหารที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อสัตว์และผัก เช่น
ปูเค็ม ปลาเค็ม กะปิ หัวผักกาดเค็ม ไข่เค็ม เป็นต้น
ต้มน้าส้มสายชูและเกลือให้ออกรสเค็มจัดเล็กน้อยให้เดือดทิ้งไว้ให้เย็น
กรองใส่ภาชนะที่จะบรรจุอาหารดอง แล้วหมักทิ้งไว้ 4-9
เดือนจึงนามารับประทาน
- 17. 5. การหมักดองที่ทาให้เกิดแอลกอฮอล์ คือการหมักอาหารพวกแป้ง
น้าตาล โดยใช้ยีสต์เป็นตัวช่วยให้เกิดแอลกอฮอล์ เช่น ข้าวหมาก
2.3.3 การถนอมอาหารโดยการเชื่อม
การเชื่อมและการกวนเป็ นวิธีถนอมอาหาร
โดยอาศัยสารน้าตาลป้องกันไม่ให้อาหารนั้น
เกิดการเปลี่ยนแปลงบูดเน่าเสียหาย
การถนอมอาหารโดยการเชื่อม 3 วิธี ดังนี้
1. การเชื่อมแบบธรรมดา อาจเคี่ยวจนน้าเชื่อมข้นเหนียว
น้าเชื่อมแทรกซึมเข้าในเนื้อของสิ่งที่เชื่อมแล้วใช้น้าเชื่อมที่เหลือแช่หล่อไว้อีก
ชั้นหนึ่ง เช่น กล้วยเชื่อม สาเกเชื่อม ลูกตาลเชื่อม ขนุนเชื่อม เป็นต้น
หรืออาจเคี่ยวต่อไปจนน้าเชื่อมแก่จัด เมื่อเย็นลงจะแห้งและแข็งตัว
รูปที่ 4 การเชื่อม
2. การถนอมอาหารด้วยการแช่อิ่ม
เป็นการถนอมอาหารโดยใช้น้าตาลปริมาณมาก คือ
นาอาหารมาแช่ในน้าเชื่อม
และเปลี่ยนเพิ่มความเข้มข้นจนถึงจุดอิ่มตัวแล้วนามาทาแห้ง
มักใช้กับผลไม้ที่มีรสขม รสขื่น หรือรสเปรี้ยวจัด
ทาให้สิ่งนั้นรสจืดลงเสียก่อนโดยวิธีต่าง ๆ เช่น แช่น้าเกลือ แช่น้าปูน
แช่สารส้ม เป็นต้น ผลไม้ที่นิยมนามาแช่อิ่ม เช่น มะม่วง มะขาม มะกอก
มะยม เป็นต้น
- 18. รูปที่ 5 การแช่อิ่มของมะขาม
3. การฉาบ เป็นการนาเอาผักหรือผลไม้ที่ทาสุกแล้ว เช่น เผือกทอด
มันทอด กล้วยทอด เป็นต้น
วิธีฉาบคือเคี่ยวน้าตาลให้เป็นน้าเชื่อมแก่จัดจนเป็นเกล็ด
แล้วเทลงผสมคลุกเคล้ากับของที่ทอดไว้
ทิ้งไว้ให้เย็นจนน้าเชื่อมเกาะเป็นเกล็ดติดอยู่บนผิวอาหารที่ฉาบ
รูปที่ 6 การฉาบกล้วย
4. การถนอมอาหารด้วยวิธีการกวน คือ
การที่นาเนื้อผลไม้ที่สุกแล้วผสมกับน้าตาล โดยใช้ความร้อน
เพื่อกวนผสมให้กลมกลืนกันโดยมีรสหวานและให้เข้มข้นขึ้น
การใส่น้าตาลในการกวนมี 2 วิธี คือ ใส่น้าตาลแต่น้อยใช้กวนผลไม้
เพื่อทาแยม เยลลี่ เป็นต้น และการกวนโดยใช้ปริมาณน้าตาลมาก เช่น
การกวนผลไม้แบบแห้ง เช่น กล้วยกวน สับปะรดกวน ทุเรียนกวน เป็นต้น
- 19. รูปที่ 7 การกวนทุเรียน
5. การทาแยม
การทาแยม เป็นการต้มเนื้อผลไม้ปนกับน้าตาลด้วยไฟอ่อนในระยะแรก
แล้วค่อย ๆ เพิ่มไฟขึ้นทีละน้อย หมั่นคนสม่าเสมอ
จนกระทั่งแยมเหนียวตามต้องการ กล่าวคือ เมื่อใช้ช้อนตักขึ้นแล้ว
รูปที่ 8 การทาแยม
6. การรมควัน
การรมควันเป็นการถนอมอาหารที่ต่างไปจากการ ตากแห้งธรรมดา
นอกจากจะทาให้อาหารแห้งแล้ว ยังช่วยรักษาให้อาหารเก็บได้นาน
มีกลิ่นหอมและรสชาติแปลกซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก
การรมควันที่สามารถทาได้ในครอบครัวจะเป็นแบบธรรมชาติโดยการสุมไฟด้
วยไม้กาบมะพร้าว ขี้เลื่อย ซางข้าวโพด
ให้แขวนอาหารไว้เหนือกองไฟใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้รมควันอาหารไปพร้อมกับ
ไอร้อนจะช่วยทาให้อาหารแห้งเร็ว เช่น รมควันปลา เป็นต้น
- 20. รูปที่ 9 การรมควัน
2.3 วิธีการสร้างบล็อกเกอร์
ขั้นตอนที่ 1
เข้าไปที่เว็บ http://www.blogger.com จะขึ้นหน้าจอตามรูปตรับ
ขั้นตอนที่ 2 จากนั้นทาการสมัคร (สาหรับบุคคลที่ยังไม่มี Gmail )
- 23. ขั้นตอนที่ 8 คลิกปุ่ม "แสดงตัวอย่าง" ถ้าชอบแล้วกดบันทึกได้เลยครับ
บทที่ 3
อุปกรณ์ และ วิธีดาเนินงาน
การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ การถนอมอาหาร(ผักกาด)
โดยคณะผู้จัดทาโครงงานมีวิธีการทาและดาเนินงานโครงงาน
ตามขั้นตอนต่อไปนี้
3.1 ขั้นตอนการดาเนินการ
1.คิดค้นหาหัวข้อโครงงานและนาไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา
2.วางแผนขั้นตอนการทาโครงงานและดาเนินงาน
3.ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล ที่เกี่ยวกับโครงงาน
4.เริ่มลงมือปฏิบัติตามแบบแผนที่กาหนดไว้
5.จัดทาโครงงานบล็อกเพื่อการเรียนรู้เรื่องการถนอมอาหาร(ผักกาด)
6.เผยแพร่ข้อมูลและบล็อกสู่สาธารณะ บนเครือข่ายระบบอินเตอร์เน็ต
7.สรุปและ ทาเอกสารสรุปรายงานโครงงาน
3.2 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
- 24. 1.ศึกษาเรื่องการถนอมอาหารและความหมายของมัน
2.ศึกษาเรื่องวิธีการถนอมอาหารของแต่ละวิธี
3.ศึกษาเรื่อง การทาบล็อกเกอร์ เพื่อทาสื่อที่จะไปพัฒนาโครงงาน
3.3 วัสดุ อุปกรณ์
เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
1.เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
2.ซอฟต์แวร์
- Microsoft word
-Adobe photoshop
-ผัดกาดและอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับเป็นภาชนะ
บทที่ 4
ผลการดาเนินงาน
การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาสื่อการศึกษา สร้างเว็บไซต์
การถนอมอาหาร(ผักกาด) เนื้อหาเกี่ยวกับการถนอมอาหาร
วิธีการถนอมอาหารในรูปแบบต่างๆ และประโยชน์ของการถนอมอาหาร
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการถนอมอาหาร
ซึ่งมีผลการดาเนินโครงงานดังนี้
4.1 ผลการพัฒนาโครงงาน
การพัฒนาโครงงานี้
คณะผู้จัดทาได้ดาเนินงานตามขั้นตอนและแบบแผนที่ได้วางไว้
และได้ทาเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ การถนอมอาหาร
บนระบบอินเตอร์เน็ตโดยการสร้างเว็บไซต์ด้วยBloggerและใช้ซอฟต์แวร์อื่น
ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจ
โดยเว็บไซต์นั้นสามารถที่จะเข้าไปศึกษาค้นคว้าได้ทุกที่ ทุกเวลาและ รวดเร็ว
4.2 ตัวอย่างผลงาน
ตัวอย่างเว็บบล็อก
- 26. บทที่ 5
สรุปผลการดาเนินงาน และ ข้อเสนอแนะ
การจัดทาโครงคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์
การถนอมอาหาร(ผักกาด)สามารถาสรุปผลการดาเนินโครงงานและได้ข้อเสน
อแนะเพิ่มเติม ดังนี้
5.1 การดาเนินงานจัดทาโครงงาน
5.1.1วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.เพื่อแปรรูปผักกาดให้มีมูลค่ามากขึ้น
และลดปริมาณผักกาดในท้องตลาด
2.อาจนาไปต่อยอดเป็นธุรกิจทางการค้าได้
5.1.2วัสดุ อุปกรณ์
เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
1.เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
2.ซอฟต์แวร์
- Microsoft word
-Adobe photoshop
-ผัดกาดและอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับเป็นภาชนะ