More Related Content
Similar to โครงงานสังคม ม.ปลาย
Similar to โครงงานสังคม ม.ปลาย (20)
More from ธนิสร ยางคำ (7)
โครงงานสังคม ม.ปลาย
- 2. ก
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานสังคมศึกษา เรื่อง บุไทรโฮมสเตย์ มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย
เป็นการศึกษามาตรฐานโฮมสเตย์ไทยซึ่งคณะผู้จัดทาได้ทาการศึกษาที่บ้านบุไทร ตาบลไทยสามัคคี
อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา
และโครงงานชิ้นนี้อยู่ในรายวิชาสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1
ในการศึกษาทาโครงงานในครั้งนี้
คณะผู้จัดทาต้องขอขอบคุณโรงเรียนวังน้าเขียวพิทยาคมและขอขอบคุณท่านผู้อานวยการสถานศึกษา
นาย มนู สินจังหรีด อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ กฤตย์ คงสิม อาจารย์ปุณยาพร ประทวนชัย
และอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน อาจารย์ ธนิสร ยางคา ที่ได้ให้คาแนะนาแก่คณะผู้จัดทา
ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณนายอินทร์ มูลพิมาย ประธานกลุ่ม
เจ้าของสถานที่ที่ให้คณะผู้จัดทาไปศึกษาที่ให้ความอนุเคราะห์ในการทาโครงงานในครั้งนี้และขอขอบคุณ
ผู้ปกครองของคณะผู้จัดทาทุกท่าน ที่ให้กาลังใจและการสนับสนุนในการจัดทาโครงงานครั้งนี้
คณะผู้จัดทา
- 3. ข
บทคัดย่อ
ชื่อโครงงานบุไทรโฮมสเตย์ มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1.นางสาวสุภานัน พาบัว
2.นางสาวสุพพัตรา คงป้อม
3.นางสาวมัทนา จาปาโพธิ์
ระดับชั้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1ภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2555
ครูที่ปรึกษา อาจารย์ ธนิสร ยางคา
โรงเรียน วังน้าเขียวพิทยาคม
โครงงานรายวิชาสังคมศึกษาศาสนาและวัฒธนธรรม ประเภทสารวจ เรื่อง บุไทรโฮมสเตย์
มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย จัดทาขึ้นศึกษาว่าบุไทรโฮมสเตย์ ได้มาตรฐานโฮมสเตย์ไทยหรือไม่
และเพื่อส่งเสริมให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้รู้จักภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งเกิดจากการอนุรักษ์สืบทอ
ดกันมาของคนในท้องถิ่นนั้นๆ โดยขั้นตอนการศึกษาได้ทาการสารวจพื้นที่
ที่จะศึกษาด้วยการสอบถามและสืบค้นข้อมูล ได้ดาเนินการสารวจในเดือนสิงหาคม-
เดือนกันยายน จากการศึกษาครั้งนี้ต้องการที่จะศึกษาความเป็นมาของบุไทรโฮมสเตย์
และในแต่ละที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นอย่างไร มีขั้นตอนการผลิตอย่างไร
และประโยชน์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆคืออะไร
เมื่อเริ่มออกสารวจสถานที่ต่างๆตามที่ต้องการจะศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็มีการสืบค้
นข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากการสารวจ เช่น
จากเอกสารจากเว็บไซด์ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อรวบรวมข้อมูลครบถ้วนแล้วจากนั้นจึงนาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเรียบเรียงเนื้อหาและสรุปผลการสา
รวจต่อไป
จากการทาโครงงาน บุไทรโฮมสเตย์ มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ได้รับมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยปี
พ.ศ. 2547 , 2549 ,2551 และปี พ.ศ. 2554
ในการจัดทาโครงงานครั้งนี้ได้ประสบปัญหาและอุปสรรคมากมายเช่น
ในช่วงนี้เป็นฤดูฝนการออกเดินทางสารวจจึงไม่สะดวกมากนัก ทั้งสถานที่
ที่ไปศึกษาเป็นบริเวณแหล่งท่องเที่ยวจึงทาให้การติดต่อต้องใช้เวลา
อีกทั้งปัญหาของพาหนะที่ต้องใช้ในการเดินทางไม่ค่อยสะดวก
รวมถึงด้านทุนทรัพย์ที่ต้องใช้ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องพบเจอ
ดังนั้นคณะผู้จัดทาโครงงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดาเนินการศึกษาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์
และแนวทางการดาเนินชีวิตของผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมอาชีพที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติได้อีกด้วย
- 5. บทที่ 1
บทนา
ที่มาและความสาคัญ
ในปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) กาลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ทั้งในกลุ่มชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ มีการจัดกิจกรรม การท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน
เพื่อศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม หัตถกรรมของท้องถิ่น
โดยมีโฮมสเตย์ที่มีความหมายมากกว่าการเป็นที่พัก เนื่องจากเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง
ซึ่งยึดเอารูปแบบ ที่พักเป็นศูนย์กลางและจัดให้มีกิจกรรมในด้านต่างๆ ตามความต้องการของ
นักท่องเที่ยว อย่างหนึ่ง ซึ่งยึดเอารูปแบบที่พักเป็นศูนย์กลาง และจัดให้มีกิจกรรมในด้านต่างๆ
ตามความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมอยู่ด้วย
การจัดทาโครงงานนี้ ผู้จัดทาทุกคนเป็นคนที่อาศัยอยู่ในบ้านบุไทร
และมีความรู้ความเข้าใจสภาพท้องถิ่นของตนเอง
และมีความตระหนักในความสาคัญของกิจกรรมโฮมสเตย์ จึงได้คิดทาโครงงานนี้ขึ้นมา
เพื่อที่จะนาความรู้ที่ได้นี้เผยแพร่กับชุมชนที่เกี่ยวข้องต่อไป
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของบุไทรโฮมสเตย์
2.เพื่อศึกษาแหล่งการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ในบ้านบุไทร
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้ทราบเกี่ยวกับโฮมสเตย์ และมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย
2.เกิดความสามัคคีของหมู่คณะ
3.ได้ทางานร่วมกับเพื่อนๆเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
4.รู้จักวางแผนการทาโครงงาน
ขอบเขตการศึกษา
- 6. - บุไทรโฮมสเตย์ บ้านบุไทร ตาบลไทยสามัคคี อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา
นิยามศัพท์เฉพาะ
โฮมสเตย์ (Homestay) หมายถึง การท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่ง
ที่นักท่องเที่ยวจะต้องพักรวมกับเจ้าของบ้านชายคาเดียวกัน
โดยมีห้องพักหรือพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเหลือ สามารถนามาดัดแปลงให้นักท่องเที่ยวได้พักชั่วคราว
ซึ่งมีจานวนไม่เกิน 4 ห้อง มีผู้พักรวมกันไม่เกิน 20 คน โดยมีค่าตอบแทน
และการจัดสิ่งอานวยความสะดวกตามสมควร อันเป็นลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพื่อ
2
หารายได้เสริม ซึ่งเป็นไปตามบทคาว่านิยาม “โรงแรม” แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547
และได้ขึ้นทะเบียนกับกรมการท่องเที่ยว ตามหลักเกณฑ์ที่กรมการท่องเที่ยวกาหนด
บุไทรโฮมสเตย์ หมายถึง บ้านบุไทร ตาบลไทยสามัคคี อาเภอวังน้าเขียว
จังหวัดนครราชสีมา
ระยะเวลาดาเนินการ
เดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน พ.ศ.2556
- 7. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
จากการทาโครงงานสังคมศึกษา เรื่องบุไทรโฮมสเตย์ มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ครั้งนี้
คณะผู้จัดทาได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ความหมายของโฮมสเตย์
2. ประวัติความเป็นมาของบุไทรโฮมสเตย์
โฮมสเตย์ (Homestay) หมายถึง การท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่ง
ที่นักท่องเที่ยวจะต้องพักรวมกับเจ้าของบ้านชายคาเดียวกัน
โดยมีห้องพักหรือพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเหลือ สามารถนามาดัดแปลงให้นักท่องเที่ยวได้พักชั่วคราว
ซึ่งมีจานวนไม่เกิน 4 ห้อง มีผู้พักรวมกันไม่เกิน 20 คน โดยมีค่าตอบแทน
และการจัดสิ่งอานวยความสะดวกตามสมควร
อันเป็นลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพื่อหารายได้เสริม ซึ่งเป็นไปตามบทคาว่านิยาม “โรงแรม”
แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 และได้ขึ้นทะเบียนกับกรมการท่องเที่ยว
ตามหลักเกณฑ์ที่กรมการท่องเที่ยวกาหนด
ประวัติความเป็นมาของบุไทรโฮมสเตย์
บุไทรโฮมสเตย์ มีที่มาจากเมื่อปี 2543 กลุ่มเกษตรกรบ้านสุขสมบูรณ์ ตาบลไทยสามัคคี
อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา ได้ติดต่อเข้ามายังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
เพื่อขอความช่วยเหลือด้านวิชาการเพาะเห็ดหอม
ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ค้นพบวิธีการกระตุ้นเห็ดหอมให้ออกดอก ในที่ไม่หนาวเย็นมากนัก
มหาวิทยาลัยจึงได้จัดทาโครงการพัฒนาการผลิตเห็ดหอมเพื่อการค้า โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.ธวัชชัย ทีฆชุณหเถียร เป็นนักวิจัย เมื่อโครงการก้าวหน้าไปถึง 3 ปี
คณาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้มองเห็นศักยภาพทางด้านธรรมชาติ การเกษตร
และการท่องเที่ยวของตาบลไทยสามัคคี อาเภอวังน้าเขียว
- 8. จึงได้เลือกตาบลไทยสามัคคีเป็นพื้นที่เป้าหมายในโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐ
กิจฐานราก ของประเทศตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในปี 2545
โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวตาบลไทยสามัคคี จึงเริ่มต้นขึ้นในปี 2545
ด้วยการทาความเข้าใจระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทางานร่วมกับชุมชน
จากนั้นก็มีการสัมมนาวิเคราะห์พื้นที่และเข้าไปในพื้นที่จริงเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อเป็นการระดมสมองกาหนดแนวทางการพัฒนาจนออกมาเป็นแผนพัฒนาการท่องเที่ยว
การประชุมหารือกันเป็นไปอย่างต่อเนื่องทั้งในชุมชนและกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่ง เมื่อวันที่
20 มกราคม 2545 จังหวัดนครราชสีมา ได้มีคาสั่งแต่งตั้ง
คณะทางานโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวตาบลไทยสามัคคี
ประกอบด้วยหน่วยงานตั้งแต่ระดับจังหวัดลงมาถึงระดับ
4
ตาบลและหมู่บ้าน
ในระหว่างปี 2546 โครงการฯ ได้มีบทบาทสาคัญในการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ
ผู้ประกอบการและชุมชน เพื่อเสริมความรู้และประสบการณ์ให้แก่ชุมชน
โดยการจัดอบรมด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวรวม 3 หลักสูตร และดูงานด้านโฮมสเตย์ 2 แห่ง
จากการศึกษาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของชุมชนและความต้องการของชุมชน พบว่า
การให้บริการท่องเที่ยวยังขาดการบริการที่พักแบบโฮมสเตย์ที่จัดการโดยชุมชน
ซึ่งกาลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และสามารถเพิ่มรายได้เป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวบ้าน
และมีกลุ่มชุมชนที่สนใจให้บริการดังกล่าว ในที่สุดบ้านพักจานวน 10 หลังคาเรือน
ของกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร ได้รับการปรับปรุงภายใต้การสนับสนุนของโครงการ
จนกลายเป็นเรือนพักโฮมสเตย์ ซึ่งมี พิธีเปิดโดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เมื่อวันที่ 24
ตุลาคม 2546 บุไทรโฮมสเตย์ได้เปิดรับรองแขกครั้งแรกซึ่งเป็นชาวอาเซียนจานวน 40 คน เมื่อวันที่
24-25 ตุลาคม 2546 และพร้อมสาหรับนักท่องเที่ยวในงานเบญจมาศบานในม่านหมอกปี 2547
ในปีงบประมาณ 2546 สานักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ได้ดาเนินการพัฒนาตัวชี้วัดคุณภาพมาตรฐานการจัดการที่พักแบบสัมผัสวัฒนธรรมชนบทหรือโฮมสเตย์
(Home Stay) ขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพโฮมสเตย์ไทย
และได้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินประจาจังหวัด
เพื่อเข้าประเมินคุณภาพโฮมสเตย์ตามที่ชุมชนโฮมสเตย์ขอรับการประเมินเข้ามา จากนั้น
ผู้วิจัยจากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
และพนักงานสานักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
เข้าตรวจประเมินโฮมสเตย์ที่ประสงค์จะขอรับการประเมินร่วมกัน
เพื่อมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ซึ่งจากการสารวจ พบว่า ทั่วประเทศมีมากกว่า 104
แห่ง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2547 คณะกรรมการได้เข้าตรวจประเมินบุไทรโฮมสเตย์ พบว่า
บุไทรโฮมสเตย์เป็นหนึ่งในโฮมสเตย์ 16 แห่ง ที่มีคุณภาพตามตัวชี้วัด
- 9. และได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ปี 2548-2549 นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน
5 โฮมสเตย์ต้นแบบอีกด้วย ซึ่งมี พิธีมอบตราสัญลักษณ์ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2547 ณ โรงแรมเรดิสัน
กรุงเทพฯ
กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ามูล
กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ามูล อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีสมาชิกประมาณ 500 คน ใน 5
ตาบล ของอาเภอวังน้าเขียว และมีสมาชิกจากบ้านบุไทรประมาณ 60 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.
ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติป่าสงวนและธรรมชาติ เช่น
ดูแลปกป้องการล่าสัตว์ป่า การป้องกันไฟป่า และการทาลายสิ่งแวดล้อม ลด ละ เลิก
การใช้สารพิษทางการเกษตร ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ 2.
สนับสนุนการดาเนินชีวิตแบบยั่งยืนหรือเกษตรพอเพียง 3. ส่งเสริมการออมทรัพย์และประหยัด
สมาชิกต้องถือหุ้นอย่างน้อย 1 หุ้น ๆ ละ 100 บาท ทุกวันที่ 5 ของเดือนจะมีกิจกรรมฝากเงินออม
โดยกลุ่มจะมีเงินกู้ดอกเบี้ยถูกให้แก่สมาชิก
บุไทรโฮมสเตย์
กลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูล บ้านบุไทร อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา ก่อตั้งขึ้น
5
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2546 โดยการรวมตัวของสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร โดยมีนายอินทร์
มูลพิมาย เป็นประธานกลุ่มโฮมสเตย์ ภายใต้การสนับสนุนทางวิชาการของโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว
ตาบลไทยสามัคคี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
และโครงการให้การรับรองคุณภาพสถานประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว อาเภอวังน้าเขียว
จังหวัดนครราชสีมา โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และวิทยาลัยนครราชสีมา ทั้งนี้
โดยการสนับสนุนการวิจัยจากสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
หลังจากนายอินทร์ มูลพิมาย ได้เข้ารับการอบรมการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศ
และดูงานโฮมสเตย์กับโครงการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จึงได้สารวจตนเองและหมู่บ้านบุไทร
พบว่า มีความพร้อมในเรื่องโฮมสเตย์และการท่องเที่ยวไม่แพ้โฮมสเตย์ที่ได้ไปดูงานมา อีกทั้ง
มีความมั่นใจในการดาเนินการและสนับสนุนของโครงการ
และหากโครงการไม่ประสบผลสาเร็จก็ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากความสะอาด
ถูกสุขลักษณะของบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร มีดังนี้
1. ให้บริการที่พักแก่นักท่องเที่ยวในการสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชนบท
2. เป็นการดาเนินการเพื่อให้เกิดรายได้เสริมแก่ชุมชน
3. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในชนบท
4. เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของอาเภอวังน้าเขียว
- 10. 5. เพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นให้ยั่งยืน
6.
เพื่อพัฒนาคนโดยใช้การรวมกลุ่มเป็นสื่อในการปลูกฝังให้มีคุณธรรมและสร้างธรรมรัฐให้เกิดในท้องถิ่น
เพื่อพัฒนาคุณภาพโฮมสเตย์ไทย ในปีงบประมาณ 2546 สานักงานพัฒนาการท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ได้ดาเนินการพัฒนาตัวชี้วัดคุณภาพมาตรฐานการจัดการที่พักแบบสัมผัสวัฒนธรรมชนบทหรือโฮมสเตย์
(Home Stay) ขึ้น และได้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินประจาจังหวัด
เพื่อเข้าประเมินคุณภาพโฮมสเตย์ตามที่ชุมชนโฮมสเตย์ขอรับการประเมินเข้ามา จากนั้น
ผู้วิจัยจากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
และพนักงานสานักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
เข้าตรวจประเมินโฮมสเตย์ที่ประสงค์จะขอรับการประเมินร่วมกัน
เพื่อมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ซึ่งจากการสารวจ พบว่า ทั่วประเทศมีมากกว่า 104
แห่ง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2547 คณะกรรมการได้เข้าตรวจประเมินบุไทรโฮมสเตย์ พบว่า
บุไทรโฮมสเตย์เป็นหนึ่งในโฮมสเตย์ 16 แห่ง ที่มีคุณภาพตามตัวชี้วัด
และได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ปี 2548-2549 นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน
5 โฮมสเตย์ต้นแบบอีกด้วย ซึ่งมีพิธีมอบตราสัญลักษณ์ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2547 ณ โรงแรมเรดิสัน
กรุงเทพ
การพัฒนาและรูปแบบการจัดการที่เป็นเอกลักษณ์ของบุไทรโฮมสเตย์
บุไทรโฮมสเตย์ ได้มีการพัฒนาขึ้นตามหลักวิชาการ
โดยมีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยในจังหวัดนครราชสีมา
และหน่วยราชการในชุมชนให้การสนับสนุนโดยการพัฒนา และการจัดการได้อิง
6
ดัชนีวัดคุณภาพมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยที่พัฒนาโดยสานักพัฒนาการท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปี 2546 เป็นหลัก ซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพ 8 ด้าน รวม 43 ตัวชี้วัด
ได้แก่
1. ด้านที่พัก มี 7 ตัวชี้วัด
2. ด้านอาหารและโภชนาการ มี 6 ตัวชี้วัด
3. ด้านความปลอดภัย มี 5 ตัวชี้วัด
4. ด้านการจัดการ มี 8 ตัวชี้วัด
5. ด้านกิจกรรมท่องเที่ยว มี 6 ตัวชี้วัด
6. ด้านสิ่งแวดล้อม มี 4 ตัวชี้วัด
7. ด้านมูลค่าเพิ่ม มี 4 ตัวชี้วัด
8. ด้านการส่งเสริมการตลาด มี 3 ตัวชี้วัด
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงกลยุทธ์ด้านการตลาด
- 11. การบริการหรือผลิตภัณฑ์จะต้องมีเอกลักษณ์ความโดดเด่น แปลก
และแตกต่างจากของผู้ประกกอบการรายอื่น ๆ เช่นเดียวกับบุไทรโฮมสเตย์ ซึ่งจะขอกล่าวถึงจุดเด่น
และเอกลักษณ์ของบุไทรโฮมสเตย์ในแต่ละด้านของตัวชี้วัดคุณภาพมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ดังนี้
1. ด้านที่พัก
บ้านพักของบุไทรโฮมสเตย์ มีจานวนรวมทั้งสิ้น 10 หลังคาเรือน และทั้ง 10 หลังคาเรือน
ได้ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาในปี 2547 บ้านพักทั้ง
10 หลังคาเรือน เป็นบ้านพักของชาวบ้านบุไทร ตาบลไทยสามัคคี อาเภอวังน้าเขียว
จังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ใกล้กัน เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ และประสานดูแลแขก
สาหรับบ้านโฮมสเตย์นั้น ถึงแม้ว่าเจ้าบ้านและสมาชิกทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านตามปกติ
แต่จะมีการจัดให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมสาหรับนักท่องเที่ยว
ส่วนใหญ่จะจัดห้องส่วนตัวให้เป็นห้องนอนของนักท่องเที่ยว จัดให้มีเตียงหรือฟูก เครื่องนอน และมุ้ง
ให้นักท่องเที่ยว มีการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนทุกวัน
มีการดูแลเครื่องนอนอย่างดีให้มีความสะอาดไม่หมักหมม เช่น
นาออกผึ่งแดดให้มีกลิ่นแดดพอประมาณก่อนใช้ทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีห้องน้าที่สะอาด
ซึ่งจะอยู่ภายในตัวบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ รวมทั้ง เป็นบ้านที่มีสุขลักษณะที่ดี ได้แก่
ความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
บ้านพักของบุไทรโฮมสเตย์ มีโครงสร้างของบ้านที่แตกต่างกัน แบ่งได้ 3 แบบใหญ่ ๆ ได้แก่
1) บ้านไม้ทั้งหลัง มีลักษณะเป็นบ้านชนบทจริง ๆ ทาด้วยไม้ทั้งหลัง
บางบ้านตีฝาด้วยไม้กระดานไว้ห่าง ๆ อย่างง่าย ๆ บางทีไม่มีหน้าต่าง เพราะอากาศเย็นสบายทั้งปี
ทาให้มีบรรยากาศแปลกไปอีกแบบหนึ่ง
2) บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ชั้นล่างเป็นปูน แต่ชั้นสองทาด้วยไม้ มีลักษณะเหมือนบ้านชนบททั่วไป
3) บ้านสมัยใหม่ เป็นบ้านที่สร้างด้วยปูนทั้งหลัง มีลักษณะเหมือนบ้านของชาวเมือง
แต่ยังคงมีรูปแบบของชนบทอยู่ด้วยบ้านที่มีลักษณะแตกต่างกันนี้เป็นข้อดีที่จะสามารถตอบสนองความ
ต้องการ
8
ของนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบบ้านชนบทแท้ ๆ
บางคนชอบบ้านสมัยใหม่นอกจากนี้บ้านแต่ละหลังจะมีเอกลักษณ์ของมันเอง
อาจจะเนื่องจากลักษณะของเจ้าของบ้าน อาชีพเจ้าของบ้าน หรือโครงสร้างพิเศษของบ้านแต่ละหลัง
ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าบ้านทุกหลังมีเสน่ห์ของมันเอง
2. ด้านอาหารและโภชนาการ
เจ้าบ้านแต่ละหลังจะพิจารณาจัดทาอาหารพิเศษที่ตนเองมีความถนัดและปรุงได้อร่อย
มีเอกลักษณ์มาบริการนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม สามารถแบ่งประเภทของวัตถุดิบที่นามาปรุงอาหารได้
- 12. ดังนี้
1) พืชเก็บจากธรรมชาติไม่มีการเพาะปลูก ได้แก่ ผักกูด หน่อไม้ ผักหนาม และผักหวานป่า
2) พืชที่ปลูกอยู่ในท้องถิ่นและบริเวณบ้านของตนเอง เช่น บอน บุก และชะอม
3) พืชที่นาจากถิ่นอื่นมาปลูก และเป็นพืชที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป
แต่ก็เป็นชนิดที่พิเศษอยู่มาก เช่น ผักสลัด ข้าวโพดหวาน แครอท รูทบีท เห็ดหอม เห็ดยานางิ ผลไม้ต่าง
ๆ กระเทียมญี่ปุ่น หอมญี่ปุ่น และเสาวรส เป็นต้นจะเห็นได้ว่าวัตถุดิบทั้ง 3 ประเภท
จะเป็นอาหารสุขภาพและเป็นพวกที่ปลอดสารพิษ หรือไร้สารพิษ นามาเตรียมอย่างดี
ปรุงตามตาราของครอบครัว
และปรับรสชาติความเผ็ดและจัดจ้านของอาหารให้เหมาะสมตามกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งนี้อาหารดังกล่าว
นักท่องเที่ยวไม่สามารถหารับประทานได้ตามภัตตาคารต่าง ๆ เช่น น้าพริกต่าง ๆ ยาผักกูด น้าเสาวรส
แกงบอน แกงบุก อาหารจากเห็ดหอม และเห็ดยานางิ เป็นต้น นอกจากอาหารที่ปรุงเองแล้ว
ในหมู่บ้านยังมีร้านอาหาร ซึ่งนักท่องเที่ยวจะไปใช้บริการได้ หรือกลุ่มผู้รับเหมาทาอาหาร เช่น
ร้านอาหารเมนูเห็ด ครัวเห็ดหอม ร้านขนมจีนชาววังประภาศรี ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านสเต็กจังเกิ้ล
ร้านไก่ย่างส้มตา ร้านขายกล้วยแขก ขนมกล้วย/ฟักทอง/ฟัก
ในหมู่บ้านและมินิมาร์ทขายอาหารขบเคี้ยวและเครื่องดื่มหลายแห่ง ซึ่งมีราคาปกติ
ให้บริการที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว
ในกรณีที่มีการจัดเลี้ยงรวมเป็นหมู่คณะให้แก่นักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มใหญ่
เพื่อไม่ให้เกิดความฉุกละหุกในการดูแลนักท่องเที่ยว
และเป็นการกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนบุไทรโฮมสเตย์ จึงมีการจัดการอาหารในงานเลี้ยง 3 วิธีการ
ดังนี้คือ
วิธีที่ 1 เจ้าบ้านจะปรุงอาหารที่บ้านตนเอง
และนาอาหารมายังบริเวณที่จัดงานให้บริการเฉพาะแขกที่พักในบ้านของตนเองเท่านั้น
วิธีที่ 2
จะจัดให้กลุ่มแม่บ้านในหมู่บ้านหรือร้านค้าอาหารรับเหมาทาอาหารทั้งหมดตามความประสงค์ของนักท่อ
งเที่ยว เช่น อาจจะเป็น ไก่ย่าง ส้มตา อาหารเห็ด หรืออาหารพื้นบ้าน
วิธีที่ 3 รวมกลุ่มแม่บ้านโฮมสเตย์มาทาอาหารกันเอง ซึ่งวิธีที่ 3
จะเป็นวิธีสุดท้ายที่จะดาเนินการด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น
3. ด้านความปลอดภัย
โดยทั่ว ๆ ไป นักท่องเที่ยวจะคานึงถึงความปลอดภัยของตนเองและทรัพย์สินเป็นประการต้น
ๆ เช่น การป้องกันอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยกะทันหัน หรือท้องเสียจากอาหารที่รับประทาน การสูญเสีย
9
ทรัพย์สินจากโจร ขโมย หรือทาสิ่งของมีค่าหายแล้วไม่ได้คืน โดยปกติแล้ว ชุมชนของบ้านบุไทร
ตาบลไทยสามัคคี เป็นชุมชนที่มีความสุข สงบ ปราศจากโจร ขโมย
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
- 13. บุไทรโฮมสเตย์ดูแลจัดระบบความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ดังนี้
1) มีการจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยอยู่ที่หัวบ้านและท้ายบ้าน ตั้งแต่เวลา 19.00-24.00 น.
ตลอดทุกคืน โดยอาสาสมัครของชุมชน ประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นาชุมชน และลูกบ้าน รวม 15 คน
หมุนเวียนทาหน้าที่ โดยทางบุไทรโฮมสเตย์จะช่วยค่าใช้จ่ายเข้ากองกลาง 100 บาท/คืน
เฉพาะวันที่ที่แขกมาพัก หรือบริการอาหาร น้าดื่มตามสมควร อาสาสมัครดังกล่าว
ได้รับอนุญาตจากอาเภอและสถานีตารวจ ให้ทาหน้าที่ปกป้องรักษาความสงบในหมู่บ้าน
ซึ่งมีสิทธิ์จับขโมยส่งตารวจได้
2) เจ้าบ้านทุกบ้านมีหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อสถานีตารวจและรถพยาบาล
3) มียาสามัญประจาบ้านอยู่ทุกหลังคาเรือน
4) มีการอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากสาธารณสุขอาเภอ
5) กรณีนักท่องเที่ยวลืมสิ่งของมีค่าไว้ เจ้าบ้านจะนาส่งคืนเจ้าของทันทีโดยทางไปรษณีย์
6) มีระบบการรับฝากสิ่งของไว้ โดยมีแบบฟอร์มรับฝาก
และทุกบ้านมีตู้ล๊อคเก็บสิ่งของมีค่าที่รับฝากไว้อย่างดี
7) ในชุมชนมีสมุนไพร และวิธีใช้ตามภูมิปัญญาชาวบ้านอยู่เป็นจานวนมาก เช่น ว่านตะขาบ
ป้องกันตะขาบในบริเวณบ้านและถอนพิษตะขาบ นางพญาพันข้อรักษาโรคริดสีดวงทวาร
4. การจัดการ
การดาเนินกิจกรรมโฮมสเตย์
ต้องมีวิธีการจัดการเป็นอย่างดีและเป็นระบบในด้านการบริหารงาน
กลุ่มบุไทรโฮมสเตย์ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร
โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของสมาชิกและหลักประชาธิปไตย
ซึ่งคณะกรรมการแต่ละตาแหน่งจะมีบทบาทและหน้าที่ชัดเจน (ดูระเบียบกลุ่ม)
การรับนักท่องเที่ยวจะต้องมีการจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์ เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้
จะต้องติดต่อจองกับประธานกลุ่มเพียงผู้เดียวเท่านั้น การจองต้องทราบวัน เวลาที่จะเข้าพัก 1
วันล่วงหน้าก่อนเดินทาง
และโทรศัพท์ติดต่อขณะเดินทางเพื่อให้ทราบเวลาที่แน่นอนที่จะเดินทางมาถึงจุดหมายด้วย
ซึ่งจะทาให้การจัดการต้อนรับโดยเฉพาะการเข้าพักเป็นกลุ่มใหญ่เป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง จะมีการต้อนรับด้วยน้าเสาวรส และผลไม้ท้องถิ่นตามฤดูกาล
หรือข้าวโพดหวานทั้งต้มและย่าง โดยเจ้าบ้านทุกหลังจะมารอรับอย่างพร้อมหน้า
บางครั้งจะมีการจัดดนตรีพื้นบ้านต้อนรับด้วยก็ได้ จากนั้น
จะมีการลงทะเบียนผู้เข้าพักพร้อมชาระค่าใช้จ่ายที่เหลือด้วย
โดยจะมีแบบลงทะเบียนบันทึก ชื่อ ที่อยู่ ที่ชัดเจนพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของนักท่องเที่ยว
และสาเนาบัตรประชาชนเพื่อการติดต่อกันภายหลัง หรือกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น
สาหรับการจัดนักท่องเที่ยวเข้าพัก กรณีมาเป็นกลุ่มใหญ่
จะจัดให้นักท่องเที่ยวชายและหญิงอยู่คนละบ้านไม่พักปะปนกัน
ซึ่งหากไม่มีกรณีเฉพาะจะไม่มีการเลือกบ้าน จะจัดให้อยู่เวียนตามคิวกันไป อย่างไรก็ตาม
- 14. หากนักท่องเที่ยวต้องการดูงานและพูดคุยกับเจ้าบ้านเฉพาะราย เช่น การเพาะเห็ดหอม
การทาผักอินทรีย์
10
การปลูกเบญจมาศ หรือสมุนไพร ก็สามารถเข้าพักในบ้านที่เจ้าบ้านประกอบกิจการนั้น ๆ ได้เช่นกัน
กรณีที่นักท่องเที่ยวมาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือ 1-2 ครอบครัว
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเข้าพักในบ้านที่ตนเองชอบ หรือบ้านของประธานเอง
จะมีการจัดการให้จานวนการต้อนรับนักท่องเที่ยวในแต่ละหลังเท่ากันในเวลา 1 ปี ทั้งนี้
จึงจะไม่เกิดการเสียเปรียบหรือได้เปรียบระหว่างบ้านแต่ละหลัง การเข้าพักเป็นกลุ่มใหญ่
จะใช้ลานบ้านของประธานกลุ่มเป็นสถานที่ต้อนรับ ทั้งนี้ จะมีศาลาชมหมอกที่รองรับการจัดรับรอง
และรับประทานอาหารได้ 70-80 คน และจะไม่จัดคนเข้าพักบ้านประธาน เนื่องจาก
ประธานจะต้องดูแลการจัดการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด จะไม่มีเวลามาดูแลนักท่องเที่ยวในบ้านของตนเอง
เมื่อเจ้าบ้านนานักท่องเที่ยวเข้าถึงบ้านตัวเองแล้ว
จะมีการแนะนาตนเองและบุคคลในครอบครัวให้รู้จักกัน แนะนาสถานที่ต่าง ๆ
และสิ่งอานวยความสะดวกในบ้าน และห้องพักของนักท่องเที่ยว พร้อมกับการ
เสริฟน้าและของว่างตามสมควร จากนั้น
จะมีการพูดคุยทาความคุ้นเคยและแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบถึงกฎระเบียบ สิ่งที่ทาได้
และทาไม่ได้ให้นักท่องเที่ยวทราบ เช่น การฝากสิ่งของมีค่า การบอกกล่าวก่อนออกจากบ้าน เป็นต้น
เมื่อกิจกรรมการพักและท่องเที่ยวเสร็จสิ้น
ก่อนเดินทางกลับเจ้าของบ้านจะขอให้นักท่องเที่ยวในบ้านตนเอง บันทึกความเห็น ชื่อ ที่อยู่
และเบอร์โทรศัพท์ลงในสมุดเยี่ยม สารวจสิ่งของที่อาจลืมไว้ และพานักท่องเที่ยวไปส่งยังจุดรวมพล ณ
บ้านประธานกลุ่ม เพื่อส่งนักท่องเที่ยวขึ้นรถ และเดินทางกลับ การแบ่งรายได้
ตามระเบียบกลุ่มจะหักเงินเข้ากองกลางร้อยละ 10 ของรายได้ทั้งหมด
เพื่อนามาปันผลและพัฒนากลุ่มต่อไป
5. ด้านกิจกรรมการท่องเที่ยว
กิจกรรมการท่องเที่ยวของอาเภอวังน้าเขียว เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศ
สิ่งที่นักท่องเที่ยวชอบคืออากาศ ของอาเภอวังน้าเขียวที่เย็นสบาย มีวิวภูเขาที่สวยงาม
และความเป็นมิตรของชาวบ้าน นักท่องเที่ยวจึงมักมาพักผ่อนหย่อนใจคลายเครียดเพื่อสัมผัสธรรมชาติ
มีกิจกรรมระหว่างครอบครัวหรือเพื่อนฝูง โดยนักท่องเที่ยวจะเลือกพักกับโฮมสเตย์ บ้านสวน โรงแรม
รีสอร์ท หรือกางเต็นท์นอนในอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่อาเภอวังน้าเขียวจะไม่มีรีสอร์ทใหญ่ ๆ
หรือสนามกอล์ฟ เนื่องจาก เป็นที่อุทยานแห่งชาติไม่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างได้
ที่พักของนักท่องเที่ยวและสภาพทั่วไปจึงเป็นแบบชนบท เรียบง่าย เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม
สถานที่ท่องเที่ยวของอาเภอวังน้าเขียวที่นักท่องเที่ยวสนใจไปเยี่ยมชม ได้แก่
แปลงปลูกเบญจมาศหลากหลายสายพันธุ์ สวนดอกหน้าวัว การประกอบการเกษตรอินทรีย์ ได้แก่
การปลูกผักและการทาสวนผลไม้อินทรีย์ การเพาะเห็ดหอม สวนองุ่น
- 15. นอกจากนั้นก็เป็นกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 สวนห้อม อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 13
มูลหลง มูลสามง่าม อุทยานป่าเขาภูหลวง ซึ่งสามารถกางเต็นท์นอนและมีกิจกรรมเดินป่า
ศึกษานิเทศก์ในป่า ซึ่งเริ่มมีสัตว์ป่ากลับคืนมา หลังจากที่มีการปลูกป่าและดูแลธรรมชาติมากขึ้น
โดยเฉพาะการเฝ้าดูกระทิงที่เขาแผงม้า และคลองปลากั้ง การศึกษาสมุนไพรในป่า นกนานาชนิดกว่า
200 ชนิด ตลอดจนการชมน้าตกต่าง ๆ
11
ในส่วนของบุไทรโฮมสเตย์นั้น จะมีบริการด้านการท่องเที่ยวและกิจกรรมบันเทิง
มีอัตราค่าบริการ ดังนี้
1) อาสาสมัครนาเที่ยวตามสถานที่เกษตร และอุทยานแห่งชาติ วันละ 300บาท/คน
2) ค่าดนตรีพื้นเมือง 200 บาท
3) การแสดงฟ้อนรา ชุดละ 500 บาท
4) การเล่าประวัติหมู่บ้าน 100 บาท
5) ค่านั่งรถอีแต๊กชมการเกษตรในหมู่บ้าน (การปลูกเบญจมาศ การเพาะเห็ดหอม
ผักปลอดสารพิษ) 100 บาท/เที่ยว
6) ค่าที่พัก คนละ 150 บาท/คืน
7) ค่าอาหาร คนละ 50-75 บาท/มื้อ และอาหารว่าง คนละ 25 บาท/มื้อ
6. ด้านสภาพแวดล้อม
ชุมชนบุไทรโฮมสเตย์ จะร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อมในหมู่บ้าน
โดยการรักษาบริเวณบ้านให้สะอาดเรียบร้อย ปลูกต้นไม้ร่มรื่น รวมทั้งไม้ดอกไม้ใบ และผักสวนครัว
รั้วกินได้ ทาการตัดหญ้าตามริมถนนให้ดูเรียบร้อยอยู่เสมอ
ส่วนการกาจัดขยะจะจัดให้มีเข่งไว้ที่หน้าบ้านเพื่อคัดแยกขยะรีไซเคิลพวกพลาสติก เช่น
ขวดน้าพลาสติก และขยะที่จะนาไปทาปุ๋ยได้ ในชุมชนบุไทรจะมีกลุ่มมดแดง
ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนอายุตั้งแต่ 5-15 ปี รวม 20 คน นาโดยคุณตารัตน์ ทองฉิมพลี
ทาหน้าที่ออกเก็บขยะในชุมชนทุกสัปดาห์ โดยกลุ่มโฮมสเตย์จะให้ค่าขนมคนละ 5-10 บาท/ครั้ง
ตามปริมาณที่เก็บได้
7. ด้านมูลค่าเพิ่ม
ในท้องถิ่นของวังน้าเขียว ยังไม่มีการพัฒนาด้านของที่ระลึกเพื่อจาหน่าย
แต่การสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นไปในรูปแบบของการจาหน่ายของฝาก
ที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแก่นักท่องเที่ยว เช่น ดอกเบญจมาศ ผลไม้ ผักปลอดสารพิษ เห็ดยานางิ
เห็ดหอมสด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด เป็นต้น ซึ่งมีผลทาให้เกษตรกรจาหน่ายสินค่าเกษตรได้สูงขึ้น
โดยไม่ต้องมีค่าขนส่งและพ่อค้าคนกลาง
- 16. 8. ด้านส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์
บุไทรโฮมสเตย์ได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์วังน้าเขียว ดอทคอม
(www.wangnamkheo.com) ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
แผ่นปลิวที่นาเผยแพร่ตามร้านจาหน่ายอาหาร ที่พักของอาเภอวังน้าเขียว รายการโทรทัศน์ วารสาร
หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่มีสื่อมวลชนเข้ามาถ่ายทาและเขียนเรื่อง นอกนั้น จะเป็นปากต่อปาก
โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็น
1) ผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีอาชีพการงานดี พาครอบครัวมาสัมผัสธรรมชาติ
2) กลุ่มเกษตรกรที่สนใจการเกษตรของอาเภอวังน้าเขียว
12
3) นักศึกษาที่มาดูงานด้านการเกษตร
4) กลุ่มผู้สนใจดูงานด้านโฮมสเตย์ และ
5) กลุ่มประชาชนที่สนใจทั่วไป
ติดต่อสอบถาม
1. นายอินทร์ มูลพิมาย ประธานกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร โทรศัพท์ 0-1068-
6887
2. โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศอย่างยั่งยืน อาเภอวังน้าเขียว
จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย ทีฆชุณหเถียร
หัวหน้าโครงการ ที่อยู่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 111 ถนนมหาวิทยาลัย ตาบลสุรนารี
อาเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทรศัพท์และโทรสาร 0-4421-6652 และโทรสาร 0-4422-
4880
ระเบียบข้อบังคับกลุ่มโฮมสเตย์
กลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมช
นในแนวทางของการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง และพึ่งพาตนเอง
อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของอาเภอวังน้าเขียวอีกด้วย
เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างยั่งยืน ดาเนินงานได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกโดยรวม
จึงเห็นสมควรกาหนดระเบียบเกี่ยวกับการดาเนินงานของกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทรไว้
ดังนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า
"ระเบียบบริหารงานการดาเนินงานของกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร"
- 17. ข้อ 2 ที่ตั้งกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร หมู่ที่ 4 ตาบลไทยสามัคคี
อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา
ข้อ 3
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทรให้บริการที่พักแก่นักท่องเที่ยวในการ
สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในชนบท
1. เป็นการดาเนินการเพื่อให้เกิดรายได้เสริมแก่ชุมชน
2. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในชนบท
3. เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของอาเภอวังน้าเขียว
4.
เพื่อพัฒนาคนโดยใช้การรวมกลุ่มเป็นสื่อในการปลูกฝังให้มีคุณธรรมและสร้างธรรมรัฐให้เกิดในท้องถิ่นด้
วย
ข้อ 4 แหล่งที่มาของเงินทุน ประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังนี้
1. การระดมหุ้นของสมาชิก
2. ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ
3. เงินบริจาค
13
ข้อ 5 คุณสมบัติของสมาชิกกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร
1. ผู้สมัครต้องเป็นสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร
2. ผู้สมัครต้องมีภูมิลาเนาอยู่ในบ้านบุไทร ตาบลไทยสามัคคี อาเภอวังน้าเขียว
จังหวัดนครราชสีมา
3. ผู้สมัครต้องมีบ้านที่มั่นคงและแข็งแรงถูกสุขลักษณะ
4. ผู้สมัครเป็นสมาชิก ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ข้อ 6 การสมัครเข้าเป็นสมาชิก
การสมัครเป็นสมาชิกให้ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกยื่นใบสมัครตามแบบการรับสมัครต่อเลข
านุการแล้วแจ้งให้คณะกรรมการพิจารณาต่อไป
ข้อ 7 สมาชิกขาดหรือพ้นสภาพจากการเป็นสมาชิก เมื่อ
1. ลาออก
2. ตาย
3. ขาดคุณสมบัติของการเป็นสมาชิก
4. ทาให้กลุ่มได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
5. ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของจานวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ 8 การคิดค่าธรรมเนียมแรกเข้า
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า รายละ 20 บาท
ข้อ 9 คณะกรรมการบริหารกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร ประกอบด้วย
- 18. 1. นายอินทร์ มูลพิมาย ประธาน
2. นายดารงค์ ทองฉิมพลี รองประธาน
3. นางพิมพ์ผกา เฉื่อยกลาง เหรัญญิก
4. นางวิภา จันทร์คุ้ม ประชาสัมพันธ์
5. นางสาวรุ่งนภา จันทร์คุ้ม เลขานุการ
ข้อ 10 คณะกรรมการกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร มีอานาจหน้าที่ ดังนี้
1. บริหารจัดการกลุ่มฯ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด
2. ออกระเบียบข้อบังคับหรือหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารกลุ่มฯ
3. รับสมาชิกและจัดทาทะเบียนสมาชิก
4. ปฏิบัติหน้าที่อื่น ตามที่คณะกรรมการกลุ่มกาหนดหรือมอบหมาย
ข้อ 11 ประธานกลุ่มฯ มีอานาจหน้าที่ ดังนี้
1. เรียกประชุมคณะกรรมการกลุ่ม
2. แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติงานอย่างหนึ่งอย่างใดตามมติ
หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
3. ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามข้อบังคับและมติของคณะกรรมการ
ข้อ 12 ให้รองประธานทาหน้าที่แทนประธาน เมื่อประธานไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อ
14
ประธานมอบหมายให้ทาหน้าที่แทน
ข้อ 13 เหรัญญิก มีหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ ดูแลรักษาเงินทุนและรายได้รวม ทั้งการจัดทาบัญชี
พร้อมทั้งควบคุมการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปอย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อ 14 เลขานุการ มีหน้าที่ติดตามประสานงานทั่วไป นักประชุมกรรมการ
จดและทาบันทึกรายงานการประชุม ตลอดจนรายงานผลการดาเนินงานของกองทุน
ข้อ 15 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ผลิตเอกสาร สิ่งพิมพ์ ให้ข่าวสารแก่สมาชิก และหน่วยงานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 16 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
และกรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงคะแนนหนึ่งคะแนนเสียง
ในกรณีเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงชี้ขาด
ข้อ 17 ระเบียบการเงิน
1. สมาชิกต้องถือหุ้นอย่างน้อย 1 หุ้น ๆ ละ 500 บาท
2. ดอกผลเงินบริจาคและกองทุนอื่น ให้ถือเป็นรายได้ของกลุ่ม
3. ให้ประธานและกรรมการอีก 2 คน เปิดบัญชีและมีอานาจเบิกจ่ายเงินโดยมีลายมือชื่อ 2 ใน
3 ร่วมกัน
4. การจ่ายเงินของกลุ่มให้ถือมติที่ประชุมเป็นสาคัญ
5. ต้องรายงานการเงินให้แก่ที่ประชุมใหญ่ทราบทุก 12 เดือน
- 19. ประกาศ ณ วันที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2546
(นายอินทร์ มูลพิมาย)
ประธานกลุ่มโฮมสเตย์อนุรักษ์ต้นน้ามูลบ้านบุไทร
15
แบบฟอร์มรับฝากทรัพย์สินและของมีค่าของผู้เข้าพักโฮมสเตย์
แบบฟอร์มรับฝากทรัพย์สินและของมีค่าของผู้เข้าพักโฮมสเตย์
บ้านบุไทร ตาบลไทยสามัคคี อาเภอวังน้าเขียว จังหวัดนครราชสีมา
------------------------------------------------------------------------------
เขียนที่ ______________________________
วันที่ ____ เดือน ___________ พ.ศ. _______
ข้าพเจ้า นาย/นาง/นางสาว___________________________ นามสกุล ______________________
อยู่บ้านเลขที่ _______ หมู่ที่ _______ ตาบล __________________ อาเภอ __________________
จังหวัด ____________________อายุ _____ ปี บัตรประจาตัวประชาชนเลขที่ _________________
โทรศัพท์มือถือ ________________________ ซึ่งเป็นผู้เข้าพักโฮมสเตย์ ได้ฝากทรัพย์สินของมีค่ากับ
นาย/นาง/นางสาว ______________________ นามสกุล _________________________________
บ้านเลขที่ _______ หมู่ที่ ________ ตาบล _______________________อาเภอ _______________
จังหวัด___________________ อายุ _______ปี บัตรประจาตัวประชาชนเลขที่ ________________
ซึ่งเป็นเจ้าบ้านผู้ให้เข้าพักโฮมสเตย์ ดังรายการต่อไปนี้
- 20. 1 __________________________________________________________
2 __________________________________________________________
3 __________________________________________________________
4 __________________________________________________________
5 __________________________________________________________
6 __________________________________________________________
7 __________________________________________________________
8 __________________________________________________________
9 __________________________________________________________
10 _________________________________________________________
(ได้ตรวจสอบสิ่งของแล้วมีจานวนตามรายการที่แจ้งไว้)
ลงชื่อ__________________________ ผู้ฝาก ลงชื่อ __________________________ผู้รับฝาก
(__________________________ ) (__________________________)
วันที่ _____ / ___________ / _______ วันที่ _____ / ____________ / _______
บทที่ 3 วิธีการดาเนินการ/การศึกษา
1. ขั้นตอนการดาเนินงาน
ลาดับ กิจกรรม วัน/เดือน/ปี
1 รวมสมาชิกในกลุ่ม 4 กรกฎาคม 2556
2 กาหนดเรื่องที่จะศึกษา 5 กรกฎาคม 2556
3 แบ่งหน้าที่ออกสารวจตามสถานที่ต่างๆ 6 – 30 กรกฎาคม 2556
4 รวบรวมข้อมูล 1 กันยายน 2556
5 เรียบเรียงข้อมูล,จัดทารูปเล่ม 8 กันยายน 2556
6 สรุปผลการสารวจ 19 กันยายน 2556
2. อุปกรณ์
1.กล้องถ่ายภาพ 2.สมุดจดบันทึก
3.ปากกา 4.เครื่องบันทึกเสียง
5.ข้อมูลด้านสถานที่ 6.เครื่องมือสื่อสาร
- 28. สรุปผลการศึกษา / ประโยชน์ / ข้อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา
บุไทรโฮมสเตย์ เป็นโฮมสเตย์มาตรฐานไทยต้นแบบ
ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนในแนวทางของการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง
และพึ่งพาตนเอง อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของอาเภอวังน้าเขียวอีกด้วย
เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างยั่งยืน ดาเนินงานได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกโดยรวม
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ได้ทราบเกี่ยวกับโฮมสเตย์ และมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย
2. เกิดความสามัคคีของหมู่คณะ
3. ได้ทางานร่วมกับเพื่อนๆเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
4. รู้จักวางแผนการทาโครงงาน
ข้อเสนอแนะ
ในการทาโครงงานครั้งนี้มีปัญหามากมายและคณะผู้จัดทาได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาได้อย่างราบรื่นและคณ
ะผู้จัดทาได้ร่วมมือกันในการทาโครงงานกันอย่างสามัคคีจึงทาให้โครงงานนี้สาเร็จลุล่วงไปได้ดี
24