พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ.๑๘๒๐-๑๘๕๐) ส่งเสริมให้มีการศึกษาจากพระไตรปิฎก
มีพระสงฆ์ ๒ ฝ่าย
ฝ่ายคามวาสี เรียนคัมภีร์ทางพระศาสนา และอบรมให้คนประพฤติดี เรียก คันถธุระ
ฝ่ายอรัญญวาสี ให้การอบรมสั่งสอนคนในการปฏิบัติสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน เรียกว่า วิปัสสนาธุระ
ใช้อักษรพ่อขุนรามฯ (ทรงประดิษฐ์อักษรไทย) แทนอักษรขอม
วัด เป็นที่สอนบุตรหลานขุนนางและราษฎรทั่วไป
วัง เป็นสำนักราชบัณฑิต สอนเฉพาะเจ้านาย และเป็นที่ให้พระสงฆ์ ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม
พระไตรปิฎกเป็นหลักสูตรและตำรา
วัดผลจากความจำและความสามารถ
ผู้เรียนมีทั้งพระและฆราวาส การพระศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก
พระเจ้าลิไท (พ.ศ.๑๘๗๙-๑๘๙๙) ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมจากผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกจนแตกฉาน สามารถรจนา เตภูมิกถา ที่เรียกว่า ไตรภูมิพระร่วง มีชื่อเสียงตราบจนทุกวันนี้
เตภูมิกถา ว่าด้วยเรื่อง ภูมิ ๓ ประกอบด้วย
กามภูมิ
รูปภูมิ
อรูปภูมิ