More Related Content Similar to 3 dynamic of behavioural management (20) More from Watcharin Chongkonsatit (20) 3 dynamic of behavioural management3. พฤติกรรม (Behaviour)
กิจกรรม หรือการกระทำใดๆ ของบุคคลเพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง ซึ่งสามารถสังเกต
ได้โดยบุคคลอื่น
พฤติกรรมภายนอก (Overt behavior)
ลักษณะของการกระทำหรือกิจกรรมของบุคคลที่สามารถ
สังเกตได้โดยบุคคลอื่น เช่น การกิน การนอน การนั่ง การ
แสดงอาการเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น
พฤติกรรมภายใน (Covert behavior)
ลักษณะของการกระทำหรือกิจกรรมของบุคคลที่เกิดขึ้น
ภายในตัวของบุคคลนั้น โดยที่บุคคลอื่นไม่สามารถสังเกต
ได้โดยง่าย แต่สามารถที่จะรับรู้ หรือทราบได้ว่าพฤติกรรม
นั้นเกิดขึ้นจากเครื่องมือต่างๆ ได้แก่ ความคิด ความฝัน ค่า
นิยม ทัศนคติ ความเชื่อ เป็นต้น
พฤติกรรมปกติ
•ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของการพัฒนาตามวุฒิภาวะของ
บุคคล
•ต้องสอดคล้องกลมกลืนกับวัฒนธรรมของสังคมที่ตนเอง
เป็นสมาชิกอยู่
•ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของสังคมที่กำหนดไว้
พฤติกรรมอปกติ
•เป็นพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากแบบแผนการพัฒนาตาม
วุฒิภาวะของบุคคล
•เป็นพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับวัฒนธรรมของสังคมที่ตนเอง
อาศัยอยู่
•เป็นพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากบุคคลส่วนใหญ่
5. แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม
แนวคิดที่ 1
•สาเหตุของพฤติกรรมเกิดจากการ
ตัดสินใจของตนเอง
•ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมมาจาก
องค์ประกอบภายในตัวบุคคลเอง
ได้แก่ ความรู้ ความเชื่อ ทัศนคติ
เจตคติ ค่านิยม แรงจูงใจ และความ
ตั้งใจใฝ่พฤติกรรม เป็นต้น
•มุ่งศึกษา และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับ
ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีเกี่ยวกับ
เจตคติ และการเปลี่ยนแปลงเจตคติ
ทฤษฎีแรงจูงใจ
แนวคิดที่ 2
•สาเหตุของพฤติกรรมเกิดจากปัจจัย
ภายนอกตัวบุคคล
•มุ่งศึกษาปัจจัยต่างๆ ทางด้านสิ่ง
แวดล้อม ระบบสังคม การเมือง
เศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนา องค์
ประกอบทางประชากรศาสตร์ ลักษณะ
ทางภูมิศาสตรและลักษณะทาง
วัฒนธรรม
แนวคิดที่ 3
•สาเหตุของพฤติกรรมเกิดจากปัจจัย
หลายๆ ด้าน
•ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมมาจาก
ทั้งองค์ประกอบภายในตัวบุคคลเอง
และองค์ประกอบภายนอกตัวบุคคล
การแสดงออกของพฤติกรรมหนึ่งๆ อาจมาจากหลายสาเหตุก็ได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาพฤติกรรมต้องอาศัยความรู้
ความชำนาญจากสหสาขาวิชาชีพเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาของพฤติกรรม
6. บรรทัดฐานทางสังคม
แนวทางปฏิบัติของบุคคลในสังคมซึ่งปฏิบัติตามความเคยชิน และเป็นที่ยอมรับของ
สังคม ผู้ที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามจะได้รับการติเตียน เยาะเย้ย ถากถาง หรือการนินทา
วิถีประชา
Folkways
กฎศีลธรรม/
จารีต
Morals
กฎหมาย
Laws
ระเบียบ แบบแผนที่สมาชิกในสังคมปฏิบัติโดยเคร่งครัด มี
ความสำคัญมากกว่าวิถีประชา หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับการ
ประนามอย่างรุนแรง มักเป็นข้อห้าม ข้อบังคับ มีเรื่องราวของ
ความผิดชอบชั่วดีมาเกี่ยวข้อง
กฎเกณฑ์หรือข้อบังคับที่รัฐบัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยองค์การทางการเมืองการปกครอง และได้รับการรับรอง
จากองค์การของรัฐ เพื่อควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม
8. สุขภาพ
สุขภาวะ
ทาง
วิญญาณ
สุขภาวะทางสังคม
สุขภาวะทางจิต
สุขภาวะทางกาย
ประเวศ วะสี 2540
สุขภาวะที่สมบูรณ์ทางกาย ทางจิต ทางสังคม
และทางจิตวิญญาณ
9. สุขภาพ 4 มิติ
ลำดับที่ สุขภาวะ ความหมาย
1 ทางกาย (Physical)
มีปัจจัย 4 เพียงพอ
ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยโดยไม่จำเป็น ไม่พิการ ไม่ตายก่อนวัยอันควร
เมื่อป่วยได้รับการดูแลที่ดี หายดี หายเร็ว
มีคุณภาพชีวิตที่ดี
2 ทางใจ (Mental)
จิตใจมีความสุข ไม่เครียด ไม่บีบคั้น ไม่เจ็บป่วยทางจิต หรือเมื่อมี
ความเครียดสามารถคลายเครียดได้
3 ทางสังคม (Social)
สังคมพึ่งพาช่วยเหลือเกื้อกูล สิ่งแวดล้อม และสภาพแวดล้อมดี
มีคุณค่า มีศักดิ์ศรี อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ครอบครัวอบอุ่น สังคมดี มีอาชญากรรม และความรุนแรงน้อย
มีนโยบายสาธารณะ (Public policy) ดี
4 ทางปัญญา/จิตวิญญาณ (Spiritual)
เข้าใจสรรพสิ่งอย่างเป็นจริง
จิตใจเปี่ยมสุข
เข้าใจสิ่งดีงามถูกต้องสูงสุด
จิตใจมีเมตตา กรุณา มีจิตใจสะอาด สง่า สงบ
อำพล จินดาวัฒนะ, 2540
10. นิยามสุขภาพ (1)
• พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2539
“ภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”
• Ottawa charter for health promotion, WHO (1986)
“สภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย สังคมและจิตใจ ประกอบกัน ไม่เพียงแต่ปราศจากโรคภัย
ไข้เจ็บหรือความพิการเท่านั้น”
• วรรณา คุณาอภิสิทธิ์, 2547
“ความเป็นดีอยู่ดี หรือภาวะที่เป็นสุขในลักษณะองค์รวมของสุขภาพด้านต่างๆ คือสุขภาวะทาง
กาย สุขภาวะทางปัญญา สุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางสังคม และสุขภาวะทางจิตวิญญาณ”
• WHO, 1998
“สภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย สังคม จิตใจ และจิตวิญญาณ (Spiritual well-being)
ประกอบกัน ไม่เพียงแต่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บหรือความพิการเท่านั้น”
11. นิยามสุขภาพ (2)
Medical model Sociological model
• โรคคือกลไกของร่างกายที่ผิดปกติ
•ความผิดปกติของมนุษย์เกิดจากสาเหตุที่
จำเพาะ
• การรักษาทางการแพทย์เป็นการรักษาสาย
หลัก ไม่จำเป็นต้องมีการรักษาทางเลือก
• สันนิษฐานว่าร่างกายและจิตใจแยกจากกัน
อย่างชัดเจน
• สิ่งที่ทำให้เจ็บป่วยอยู่ร่างกายของคนหรือสิ่ง
แวดล้อม
• ความเจ็บป่วยมีหลายสาเหตุ ไม่เพียงสาเหตุ
ใดสาเหตุหนึ่ง และการรักษาที่ดีที่สุดอย่าง
เดียวไม่มี
• โรคคือการตีความหมายทางการแพทย์เกี่ยว
กับความจริง
• ความไม่สบายของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของ
สังคม ความเป็นมาในอดีต และบริบททาง
วัฒนธรรม
•ความเจ็บป่วยเป็นตัวแปรกลางที่มีผลกระทบ
ต่อความสัมพันธ์ทางสังคม
Tuner, 1987
12. นิยามสุขภาพ (3)
แนวคิดด้านชีวเวชศาสตร์
(Biomedical approach)
“การปราศจากโรคหรือการทำ
หน้าที่ผิดปกติของร่างกาย- ถ้า
ท่านไม่ป่วยท่านก็จะมีสุขภาพดี”
แนวคิดด้านจิตวิทยา
(Psychological
approach)
“การสะท้อนความรู้สึกทั้งมวลของ
บุคคลต่อสุขภาพของตนเอง ความ
รู้สึกที่ดีในการดำรงชีวิตประจำวัน
การประสบความสำเร็จการทำงาน
ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว และการ
วิพากษ์จากบุคคลอื่น”
แนวคิดด้านสังคมวิทยา
(Sociological approach)
“ความสามารถของบุคคลในการ
ปฏิบัติหน้าที่และกิจการในชีวิต
ประจำวันตามที่สังคมคาดหวัง เป้
นความรู้สึกบวกที่ประกอบด้วยมิติ
ทุกด้านของบุคคล”
Heiss and Walden, 2000
13. นิยามสุขภาพ (4)
Eudemonistic perspective
เป็นการตระหนักในศักยภาพของคนในการพัฒนาตนเอง เป็นภาวะที่บรรลุซึ่งความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
Adaptive model
เป็นความสามารถที่จะมีปฏิสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างร่างกายและสังคมสิ่งแวดล้อม เชื่อว่ามนุษย์มีการ
ปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมอย่างตลอดเวลาเพื่อรักษาสมดุล การมีโรคจึงเป็นความล้มเหลวในการปรับตัว
Role performance model
เป็นความสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ทางสังคม เช่น ความสามารถในการทำงาน การเจ็บป่วยจึงถูกกำหนด
ด้วยความสามารถที่จะทำหน้าที่หรือกิจวัตรประจำวัน
Clinical model
สุขภาพเป็นการปราศจากโรคหรือการขาดสมดุล คนที่มีโรคคือคนที่มีสุขภาพไม่ดี
Smith, 1981
14. สุขภาวะ 4 มิติ
สุขภาวะ
ทางกาย
Physical
ทางวิญญาณ
Spiritual
ทางใจ
Mental
ทางสังคม
Social
•มีปัจจัย 4 อย่างพอเพียง
•ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บ
ป่วยโดยไม่จำเป็น ไม่พิการ
ไม่ตายก่อนวัยอันควร
•เมื่อเจ็บป่วยได้รับการดูแล
อย่างดี หายดี หายเร็ว
•มีคุณภาพชีวิตที่ดี
•เข้าใจสรรพสิ่งอย่างเป็น
จริง
•จิตใจเปี่ยมสุข
•เข้าถึงความดีงามถูกต้อง
สูงสุด
•จิตใจมีเมตตา กรุณา
•จิตใจมีความสุข
•ไม่เครียด ไม่บีบคั้น
•ไม่เจ็บป่วยทางจิต คลาย
เครียดได้
•สังคมพึ่งพา ช่วยเหลือ
เกื้อกูล
•สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อม
ดี
•มีคุณค่า มีศักดิ์
•อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
•ครอบครัวอบอุ่น สังคมดี
•อาชญากรรมและความ
รุนแรงน้อย
•นโยบายสาธารณะดี
16. พฤติกรรมสุขภาพ
• Gochman, 1982
“Health behavior as those personal attributes such as belief, expectations, motive, values,
perceptions, and other, cognitive elements, personality characteristics, including affective and
emotion states and traits and overt behavior patterns, action and habits that relate to health,
maintenance, to health restoration and to health improvement”
• ธนวรรธน์ อิ่มสมบูรณ์, 2534
“การกระทำหรือการปฏิบัติของบุคคลต่างๆ ที่มีผลต่อสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน”
• ปณิธาน หล่อเลิศวิทย์, 2541
“กิจกรรมหรือการปฏิบัติใดๆ ของปัจเจกบุคคลที่กระทำไปเพื่อจุดประสงค์ในการส่งเสริม
ป้องกัน หรือบำรุงรักษาสุขภาพโดยไม่คำนึงถึงสถานะสุขภาพที่ดำรงอยู่ หรือรับรู้ได้ ไม่ว่าพฤติ
กรรมนั้นๆ จะสัมฤทธิ์ผลสมมุ่งหมายหรือไม่ในที่สุด”
17. Health behaviour
Cognitive domain
Affective domain
Psychomotor domain
พฤติกรรมสุขภาพที่มี
ผลดีต่อสุขภาพ
พฤติกรรมสุขภาพที่ไม่
เหมาะสมต่อสุขภาพ
การกระทำด้วยจิตสำนึก
การกระทำด้วยตามคำแนะนำ
การกระทำด้วยตามกฎ ระเบียบ ข้อ
บังคับ และเงื่อนไข
การกระทำที่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
การไม่กระทำที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ
การกระทำที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ
การไม่กระทำที่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
ค่านิยม (Values)
เจตคติ (Attitudes)
ความรู้ (Knowledge)
ธนวรรธน์ อิ่มสมบูรณ์, 2534
18. พฤติกรรมสุขภาพที่
ต้องการ
พฤติกรรมการเจ็บป่วย
พฤติกรรมการป้องกัน
โรค
พฤติกรรมการส่ง
เสริมสุขภาพ
พฤติกรรมการมีส่วน
ร่วมในสาธารณสุข
การแก้ปัญหาสาธารณสุข
ธนวรรธน์ อิ่มสมบูรณ์, 2542
การแสดงออกหรือการกระทำที่
แสดงออกเมื่อเจ็บป่วยหรือผิด
ปกติ เช่น การไปรับบริการ การ
ปล่อยให้หายเอง
การกระทำหรือการแสดงออก
เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ซึ่งขึ้น
อยู่กับความเชื่อ ประสบการณ์
การศึกษา และเศรษฐานะ
การกระทำพึงแสดงออกของ
บุคคล เพื่อการดูแลรักษาและส่ง
เสริมสุขภาพ และพฤติกรรม
สุขภาพให้มีความสมบูรณ์แข็ง
แรงอยู่เสมอ
การกระทำหรือการแสดงออก
ของบุคคลในการมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางสาธารณสุขเพื่อการ
มีสุขภาพที่ดี
21. Affective Domain
การให้ความสนใจ (Receiving)!
การตอบสนอง (Responding)!
การสร้างคุณค่าและค่านิยม (Value)!
การจัดกลุ่มค่า (Organizing)!
การแสดงลักษณะค่านิยมที่ยึดถือ!
22. Psychomotor Domain
การเลียนแบบ
(Imita'on)+
การทำตามแบบ
(Manipula'on)+
การมีความถูกต้อง
(Precision)+
การกระทำโดย
ธรรมชาติ
(Naturaliza'on)+
การกระทำอย่าง
ต่อเนื่อง
(Ar'cula'on)+
23. ปัจเจกบุคคล สภาพแวดล้อม
สุขภาพ
ระบบบริการ
สุขภาพ
กายภาพ/ชีวภาพ
เศรษฐกิจ/การเมือง
วัฒนธรรม/ศาสนา
ประชากร/การศึกษา
ความมั่นคง
การสื่อสาร/คมนาคม
เทคโนโลยี/องค์ความรู้
กรรมพันธ์ุ
พฤติกรรม
ความเชื่อ
จิตวิญญาณ
วิถีชีวิต
ความครอบคลุม/เสมอภาค
ประเภท/ระดับการบริการ
คุณภาพ/ประสิทธิภาพ
ผู้จัด/ผู้จ่าย
พลวัต
สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ, 2542
28. ทฤษฎีเกี่ยวกับบุคลิกภาพ (Personality theory)
• บุคลิกภาพเป็นกระบวนการจัดการพลวัตรของระบบจิต-สรีรวิทยาภายในตัวบุคคล ซึ่งกำหนดพฤติกรรม และ
แนวความคิดที่บ่งลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล
พันธุกรรม
สิ่งแวดล้อมทางด้านกายภาพ
สิ่งแวดล้อมทาง
ด้านสังคมและ
วัฒนธรรม
สิ่งแวดล้อมทาง
ด้านสังคมนาคม
(Socialization)
การรับรู้
สิ่งแวดล้อม ลักษณะแห่งตน
คุณค่า
ประสิทธิผล
ความสำเร็จ
ประสบการณ์
การเจริญและ
พัฒนาการ
Chromosomal
characteristic
30. ทฤษฎีพัฒนาการ (Development theory)
วัย ภาระ
วัยเด็กตอนต้น (0-6 ปี)
เกิดความรู้สึกไว้วางใจตนเองและผู้อื่น พัฒนาแนวคิดที่เหมาะเกี่ยวกับตน เรียนรู้ที่จะให้
ความรักแก่ผู้อื่น รวมกลุ่มกับเพื่อนเพศเดียวกัน มีลักษณะการเคลื่อนไหวที่ผสมผสาน เรียนรู้
ในการเป็นสมาชิกของครอบครัว เริ่มเรียนรู้ถึงความจริงทางกายภาพและสังคม เริ่มเรียนรู้
ถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ถูกและผิด เคารพในกฎเกณฑ์และอำนาจรับผิดชอบ เรียนรู้
การใช้ภาษา และเรียนรู้การดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
วัยเด็กตอนกลาง (6-12 ปี)
มีความรู้กว้างขวางขึ้นและเข้าใจโรคทางกายภาพและสังคม สร้างทัศนคติที่ดีต่อตนเอง
เรียนรุ้ถึงบทบาทที่เหมาะสมของเพศหญิงและเพศชาย พัฒนาความรู้สึกกลัวบาป ศีลธรรม
และค่านิยม เรียนรู้ในการอ่าน เขียน คิด คำนวณ และทักษะทางสติปัญญาอื่นๆ เรียนรู้ที่จะ
ชนะและให้ตนเองอยู่ในกลุ่มเพื่อน เรียนรู้ที่จะให้และรับ และเกิดการแลกเปลีย่นความรับผิด
ชอบ
วัยรุ่น (12-18 ปี)
พัฒนาความรู้สึกที่ชัดเจนของการเป็นตัวของตัวเอง และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ปรับตัวให้
เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สร้างสัมพันธภาพที่ใหม่และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในเพื่อน
วัยเดียวกัน มีอารมณ์ที่เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ขึ้นกับพ่อแม่ เลือกและเตรียมตัวสำหรับงาน
อาชีพ มีค่านิยมที่เหมาะสมกับวุฒิภาวะ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เตรียมตัวสำหรับ
การแต่งงานและมีครอบครัว สร้างความสนใจในสิ่งอื่นนอกเหนือจากตนเอง
31. ทฤษฎีพัฒนาการ (Development theory)
วัย ภาระ
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น (18-35 ปี)
เข้าใจความหมายของคำว่าชีวิต เริ่มต้นงานอาชีพ เลือกและเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่กับคู่สมรส
เริ่มต้นตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย และจิตใจของบุตร บริหาร-จัดการ
ครอบครัว พบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มสังคมที่ถูกคอกัน รับผิดชอบในหน้าที่
พลเมืองที่ดี
วัยกลางคน (36-60 ปี)
รับผิดชอบในหน้าที่พลเมืองที่ดีและหน้าที่ต่อสังคมอย่างเต็มที่ สร้างความมั่นคงทาง
เศรษฐกิจสำหรับครอบครัวในอนาคต มีกิจกรรมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ขยาย
ขอบเขตของความสนใจ ช่วยให้วัยรุ่นกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและมีสุข ปรับตัว
ให้เหมาะสมกับการเป็นบิดามารดาในวัยที่มีอายุมากขึ้น ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านร่างกายของคนในวัยนี้
วัยสุดท้ายของชีวิต (60 ปีขึ้นไป)
ปรับตัวต่อการลดลงของความแข็งแรงทางด้านร่างกาย ปรับตัวต่อการเกษียณอายุ การลด
ลงของรายได้ การเสียชีวิตของคู่สมรสและเพื่อนฝูง มีบทบาทที่จำกัดในด้านความรับผิด
ชอบต่อสังคมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล
32. ทฤษฎีพัฒนาการ (Development theory)
วัย ภาระ
ทุกวัย
พัฒนาและใช้ความสามารถของตนเอง ยอมรับตนเอง และพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง
ยอมรับความเป็นจริง และเสริมสร้างทัศนคติ และค่านิยมที่ถูกต้องและมีคุณค่า มีส่วนร่วม
อย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบต่อครอบครัวและต่อกลุ่มอื่น สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคล
อื่นในสังคม
James C.Coleman, 1969
38. ทฤษฎีการจูงใจ (Motivation theory)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับสมดุลยภาพและแรงขับ (Homeostasis and drive theory)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับความจำเป็นและแรงขับ (Theory of needs and drives)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุกระตุ้นใจ (Incentive theory)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับสัญชาตญาณ (Instinct theory)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับจิตไร้สำนึก (Theory of unconscious motivation)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับการรับรู้ (Cognitive theory)
• ทฤษฎีเกี่ยวกับจิตวิญญาณ (Spiritual theory)
41. Bloom’s learning theory
พุทธิพิสัย (Cognitive domain) เจตพิสัย (Affective domain) ทักษะพิสัย (Psychomotor domain)
ความรู้ (Knowledge) การให้ความสนใจ (Receiving) การเลียนแบบ (Imitation)
ความเข้าใจ (Comprehensive) การตอบสนอง (Responding) การทำตามแบบ (Manipulation)
การประยุกต์ (Application) การสร้างคุณค่าและค่านิยม (Values) การมีความถูกต้อง (Precision)
การวิเคราะห์ (Analysis) การจัดกลุ่มค่า (Organising) การกระทำอย่างต่อเนื่อง (Articulation)
การสังเคราะห์ (Synthesis) การแสดงลักษณะค่านิยมที่ยึดถือ การกระทำโดยธรรมชาติ
(Naturalisation)
การประเมินผล (Evaluation)
42. Cognitive Domain
Original Domain New Domain
Evaluation Creating
Synthesis Evaluating
Analysis Analyzing
Application Applying
Comprehension Understanding
Knowledge Remembering
46. แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ
การรับรู้โอกาสเสี่ยง
Received susceptibility
การรับรู้ความรุนแรงของโรค
Received seriousness
ประชาสังคม
Socio-demographic
การรับรู้ถึงอันตราย
Received threat
การรับรู้ประโยชน์
Received benefits
การรับรู้อุปสรรค/ปัญหา
Received barriers
วิธีการปฏิบัติ
Action
http://www.med.usf.edu
แนวทางในการปฏิบัติ
Cues to action
แรงจูงใจด้านสุขภาพ
Health motivation
ปัจจัยร่วม
Modifying factors
48. เนื้อหา (Concepts) ความหมาย (Definition) การประยุกต์ใช้ (Applications)
การรับรู้โอกาสเสี่ยง จะต้องมีโอกาสรับรู้ถึงภาวะเสี่ยงต่อโรคนั้น ๆ
ศึกษาประชากรที่อยู่ในภาวะเสี่ยง ระดับความเสี่ยง
ความเสี่ยงของบุคคลโดยยึดตามฐาน
บุคลิกลักษณะ หรือพฤติกรรมของบุคคลที่
แสดงออกในการรับรู้ภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรค
การรับรู้ต่อความรุนแรงของโรค
จะต้องรับรู้ถึงความรุนแรงและผลที่จะได้รับจาก
การเป็นโรคนั้นๆ
ระบุผลของการเป็นโรคตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ ที่จะ
ได้รับจากการเป็นโรค
การรับรู้ประโยชน์ที่จะได้รับ
จะต้องรับรู้ถึงผลประโยชน์และประสิทธิผลใน
การปฏิบัติเพื่อป้องกันและรักษาเกี่ยวกับโร
คนั้นๆ
หาวิธีการปฏิบัติว่าควรทำอย่างไร ทำเมื่อไหร่
ที่ไหน และประสิทธิผลที่คาดว่าจะได้รับ
การรับรู้อุปสรรค/ปัญหา
จะต้องรับรู้อุปสรรคตลอดจนปัญหาต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ
วิเคราะห์ถึงปัญหา/อุปสรรคที่เกิดขึ้นและคาดว่าจะ
เกิดขึ้นเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขและลดการเกิด
ปัญหาตลอดจนวิธีการให้ความช่วยเหลือ
แนวทางในการปฏิบัติ
แนวทางในการปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงจากการ
เป็นโรคจะขึ้นอยู่กับการรับรู้ถึงภาวะเสี่ยงและ
ความรุนแรงของโรค
มีขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องชัดเจน
เกี่ยวข้องกับการป้องกัน การรักษา ตลอดจนการ
แก้ไขปัญหาต่างๆ แก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ความสามารถในการเปลี่ยนพฤติกรรม
ของตนเอง (Self-efficacy)
ผู้ปฏิบัติมีความมั่นใจในการปฏิบัติตามขั้นตอน
และวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของตนเอง
มีการให้ความรู้ การฝึกอบรม การให้สุขศึกษาเกี่ยว
กับการปฏิบัติตนเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ของตนเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพื่อก่อให้เกิดความเชื่อ
มั่นในการปฏิบัติดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
49. แนวคิดแรงสนับสนุนทางสังคม
• การตัดสินใจส่วนใหญ่ของบุคคลจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของบุคคลผู้ซึ่งมีความสำคัญ
และมีอำนาจเหนือกว่าตัวเราเอง
• การจัดโปรแกรมสุขศึกษา
• การสนับสนุนทางด้านอารมณ์ (Emotional support) เช่น การให้ความสนใจ การ
ยอมรับนับถือ ความห่วงใย การกระตุ้นเตือน การถามไถ่
• การสนับสนุนโดยการให้การประเมิน (Appraisal support) เช่น การให้ข้อมูล
ย้อนกลับ การเห็นพ้อง การให้การรับรอง หรือการยอมรับในสิ่งที่คนอื่น
แสดงออกมา หรือการช่วยเหลือโดยทางตรงหรือทางอ้อม
• การให้ข้อมูลข่าวสาร (Information support) เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำ การ
ตักเตือน การให้ความรู้
50. ทฤษฎีความสามารถของตนเอง
ความคาดหวังในผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้น
สูง ต่ำ
ความคาดหวังเกี่ยวกับ
ความสามารถของตนเอง
สูง มีแนวโน้มที่จะทำแน่นอน มีแนวโน้มที่จะไม่ทำ
ต่ำ มีแนวโน้มที่จะไม่ทำ มีแนวโน้มที่จะไม่ทำแน่นอน
บุคคล
Person
พฤติกรรม
Behavior
ผลลัพธ์
Outcome
ความคาดหวังในความสามารถ
Efficacy expectations
ความคาดหวังในผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้น
Outcome expectations
51. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความคาดหวังความสามารถของบุคคล
• Performance accomplishment คือ ความสามารถจากการกระทำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มี
อิทธิพลต่อความคาดหวังเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลมากที่สุด
• Vicarious experience คือ การได้เห็นประสบการณ์ของผู้อื่นประสบความสำเร็จ
• Verbs persuasion คือ การที่ผู้อื่นใช้ความพยายามในการพูดกับบุคคลเพื่อให้เขา
เชื่อว่าเข้ามีความสามารถที่จะกระทำพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งให้ประสบความ
สำเร็จได้
• Emotion arousal คือ สภาวะทางอารมณ์ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ตื่น
เต้น มีอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า จะส่งผลต่อความคาดหวังต่อพฤติกรรมของ
ตนเอง
54. แนวความคิดเกี่ยวกับความเชื่ออำนาจแห่งตน
พฤติกรรม ผลตอบแทน
ความคาดหวังพฤติกรรม
ใหม่
ผลตอบแทนจากพฤติกรรม
ใหม่
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์
ย้อนกลับไปสู่ความคาด
หวังอื่นๆ
ความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจ
ภายใน/ภายนอกของตน
ควาคาดหวังขยายออก
ครอบคลุมพฤติกรรมทั่วไป
อำนาจภายนอกตนเอง (External locus of control)
บุคคลเชื่อหรือรับรู้ต่อเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ
ตนนั้นขึ้นอยู่กับอิทธิพลภายนอกตนเองที่ไม่สามารถ
ควบคุมได้ เช่น โชค เคราะห์ ความบังเอิญ หรืออิทธิพลที่
ผู้อื่นบันดาลให้เป็นไป
อำนาจภายในตนเอง (Internal locus of control)
บุคคลเชื่อหรือรับรู้ต่อเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ
ตนนั้นเป็นผลมาจากการกระทำหรือจากความสามารถ
ของตน
•มีความกระตือรือร้นต่อความเป็นไปของสิ่งแวดล้อม ซึ่ง
เป็นประโยชน์สำหรับพฤติกรรมในอนาคต
•พยายามปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามขั้น
•เห็นคุณค่าของทักษะหรือผลสัมฤทธิ์จากความพยายาม
เป็นสำคัญและคำนึงถึงความสามารถของตนเองอยู่เสมอ
55. ทฤษฎีการกระทำด้วยเหตุผล
ทัศนคติต่อพฤติกรรม
พฤติกรรม
น้ำหนักในการ
พิจารณาด้วยทัศนคติ
และบรรทัดฐาน
บรรทัดฐานของกลุ่มอ้างอิง
ความตั้งใจใน
การที่จะประกอบ
พฤติกรรม
ความเชื่อของบุคคลเกี่ยวกับผลของ
พฤติกรรมและการประเมินคุณค่าตาม
ความเชื่อ
ความเชื่อของบุคคลตามความคาดหวัง
ของกลุ่มอ้างอิงเกี่ยวกับพฤติกรรมและ
แรงจูงใจที่จะปฏิบัติตามความคาดหวัง
นั้น
Ajzen, I and Fishbein, M, 1980
56. PRECEDE framework model
องค์ประกอบปัญหา
สุขภาพ
ปัจจัยนำ
•ความรู้
•เจตคติ
•ค่านิยม
•การรับรู้
ปัจจัยเอื้อ
•ทรัพยากรที่มีอยู่
•การเข้าถึงทรัพยากร
•ทักษะ
ปัจจัยเสริม
เจตคติและพฤติกรรมของ
บุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เช่น กลุ่มเพื่อน พ่อแม่
พนักงาน ฯลฯ
สาเหตุอื่นๆ
สาเหตุพฤติกรรมทาง
สุขภาพ
คุณภาพชีวิต
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาอื่น
ขั้นตอนที่ 6
การวิเคราะห์ทางการ
บริหาร
ขั้นตอนที่ 4-5
การวิเคราะห์ทางการ
ศึกษา
ขั้นตอนที่ 3
การวิเคราะห์ทาง
พฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนที่ 1-2
การวิเคราะห์ทางการ
ระบาดวิทยาและสังคม
Lawrence W.Green, et. al. , 1980
57. การวิเคราะห์ทางสังคม
Social diagnosis
• เน้นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งผู้ที่วิเคราะห์ต้องมีความรู้ความ
เข้าใจปัญหานั้นเช่นเดียวกับประชาชนในชุมชนนั้นด้วย
1
Communit
y forum
Nominal
groups
Focus
groups
Central
location
intercept
การยึดจุดศูนย์กลางของสังคม
Interviews
Survey
การเข้าร่วมในชุมชน
การศึกษาแบบกลุ่มเดี่ยว/ย่อย
การสัมภาษณ์
การสำรวจ การศึกษากลุ่มเป้าหมาย
58. การวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา
Epidemiological diagnosis
• ช่วยค้นหาปัจจัยทางด้านพฤติกรรม และสิ่งแวดล้อมที่มีความสัมพันธ์กับสุขภาพ
2
ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา
สุขภาพที่เกิดขึ้น เงื่อนไขหรือสภาวะสุข
ภาพอื่นๆ กับคุณภาพชีวิต
การกำหนดแนวทาง วิธีการ
ดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับ
ทรัพยากรที่มีอยู่
ความเป็นไปได้ในการกำหนด
ความรับผิดชอบระหว่างเจ้าหน้าที่กับ
หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มเป้าหมายคือใคร (Who)
ผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไร (What)
ผลประโยชน์มีมากน้อยเพียงใด
(How much)
เมื่อใดที่จะได้รับผลประโยชน์นั้น
(When)
59. การวิเคราะห์ทางพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม
Behavioural and environmental diagnosis
• ปัจจัยด้านพฤติกรรมสุขภาพที่มีและไม่มีผลต่อสุขภาพ
• ความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ กับการเกิดโรค
• ปัญหาสุขภาพที่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยด้านพฤติกรรมสุขภาพ เช่น พันธุกรรม อายุ เพศ อากาศ
สถานที่ปฏิบัติงาน ความพอเพียงของอุปกรณ์ทางการแพทย์
3
60. การวิเคราะห์ทางการศึกษา
4 Educational diagnosis
ปัจจัยนำ
Predisposing factor
ปัจจัยเอื้อ
Enabling factor
ปัจจัยเสริม
Reinforcing factor
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการกระทำของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลในลักษณะของการจูงใจ หรือ
ความชอบส่วนบุคคล ได้แก่ ปัจจัยด้านคุณลักษณะประชากร ความรู้ เจตคติ และความเชื่อ
ปัจจัยที่จำเป็นต่อการทำให้เกิดพฤติกรรมทางด้านสุขภาพ ประกอบด้วย ทักษะ (ความรู้ความ
สามารถของเจ้าหน้าที่ การให้บริการ) ทรัพยากร (สิ่งที่เอื้ออำนวยในการรักษาสุขภาพ บุคคล
โรงเรียน คลินิค และทรัพยากรต่างๆ) รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากร
ปัจจัยที่แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมสุขภาพนั้นได้รับการสนับสนุน การเสริมแรงจะเป็นได้ทั้งทาง
ด้านบวกและลบ ขึ้นอยู่กับทัศนคติและพฤติกรรมของบุคคลเหล่านั้น
61. การวิเคราะห์ทางการบริหาร
5 Administration diagnosis
• การประเมินทรัพยากร
• งบประมาณ
• การกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงาน
• หน่วยงานหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
• การได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ
• ความร่วมมือจากชุมชน
• นโยบาย และสถานการณ์ขององค์การที่แอบแฝง
63. การประเมินกระบวนการดำเนินงาน
7 Process evaluation
• เพื่อประเมินกระบวนการเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนที่วางเอาไว้ว่ามีประสิทธิผลมากน้อย
เพียงใด
• เพื่อหาข้อผิดพลาด และปัญหาที่เอาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ
65. การประเมินผลลัพธ์
9 Outcome evaluation
• ประเมินผลที่เกิดจากการดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
มากน้อยเพียงใด มีความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับสุขภาพที่เกิดขึ้นหรือไม่ และประโยชน์ที่สังคม
จะได้รับ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนที่เกิดขึ้นหลังการดำเนินการ
67. PRECEDE PROCEED model
• ใช้อธิบายพฤติกรรมของชุมชนหรือกลุ่มบุคคล
• ใช้วิเคราะห์ปัญหาสุขภาพ และหาสาเหตุเพื่อวางแผนงานส่งเสริมสุขภาพ
• วิเคราะห์ในหลายประเด็น
• สาเหตุทางสังคม
• สาเหตุทางชีวภาพการแพทย์
• สาเหตุทางพฤติกรรมศาสตร์
• สาเหตุทางด้านการบริหาร
68. หลักการของ PRECEDE PROCEED model
PRECEDE
PROCEED Model
การ1 มีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
2 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกำหนดสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ
69. The behavioral matrix
ความสำคัญ/ความสามารถ
ในการเปลี่ยนแปลง
มีสำคัญมาก มีสำคัญน้อย
สามารถเปลี่ยนแปลงได้มาก
มีความสำคัญมากและ
เปลี่ยนแปลงได้มาก
มีความสำคัญน้อยแต่
เปลี่ยนแปลงได้มาก
สามารถเปลี่ยนแปลงได้น้อย
มีความสำคัญมากแต่
เปลี่ยนแปลงได้น้อย
มีความสำคัญน้อยและ
เปลี่ยนแปลงได้น้อย
70. Empowerment education model
การศึกษาเพื่อสร้างพลัง การสร้างพลัง
Paulo Freire , 1975
เป็นการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วน
ร่วมโดยให้ผู้เรียนระบุปัญหาของตน
วิเคราะห์สาเหตุและความมั่นคงของปัญญา
โดยใช้วิจารณญาณ การมองภาพสังคมที่
ควรเป็น และการพัฒนากลวิธีที่จะแก้ไข
อุปสรรคเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
เป็นกระบวนการที่บุคคลและชุมชน มีความ
สามารถร่วมมือและควบคุมในการ
เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และสังคม สิ่งแวดล้อม
ที่ตนอาศัยอยู่ให้สอดคล้องกับสภาพความ
เป็นจริง
71. Empowerment education model
•การเรียนการสอนเน้นการสร้างพลังให้แก่บุคคล เป็นการสนับสนุนให้บุคคลเล็งเห็นความสัมพันธ์ของตนกับสิ่ง
แวดล้อม และเชื่อว่าตนสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเอง ชุมชน และสังคมได้ •การเรียนรู้ที่จะเริ่มจากประสบการณ์ของผู้เรียน แล้วให้ผู้เรียนวิทเคราะห์ โยงใยปัญหาต่างๆ ของบุคคลเข้ากับปัจจัย
ทางสังคมที่เป็นเหตุนำไปสู่การปรับพฤติกรรม •การเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การเลือก
ปัญหา การวางแผน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การประเมินผลตนเอง และการประเมินผลโครงการ •การเรียนรู้ร่วมกันเป้นกลุ่ม ให้โอกาสผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดซึ่งกันและกัน •การเรียนรู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งความรู้ ทัศนคติ และทักษะซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหรือภายหลัง
การลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในการเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม •การเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่นและมีความต่อเนื่องในกระบวนการเรียนการสอน •การเรียนการสอนที่สนุกสนานไม่น่าเบื่อ และมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
Paulo Freire , 1975
หลักการของ Empowerment
72. กระบวนการของ Empowerment
ประสบการณ์ (Experience)
การนำประสบการณ์ที่ผู้เรียนหรือบุคคล
กระทำ รู้สึก มองเห็น หรือได้ยิน การ
จำลองประสบการณ์เป็นจุดเริ่มต้นของ
กระบวนการเรียนรู้
การระบุประสบการณ์ (Naming)
การแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึกต่อ
ประสบการณ์โดยผู้เรียน
การวิเคราะห์ (Analysis)
การให้ผู้เรียนแต่ละคนและกลุ่มเกิดความ
เข้าใจในอิทธิพลและความสัมพันธ์กับสิง่
ต่างๆ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุกา
รณ์นั้นๆ
การปฎิบัติ (Doing)
การกระทำเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงและการ
ปฏิบัติ โดยการปฏิบัติจะกลายเป็น
ประสบการณ์ใหม่ที่จะทำไปสู่การเรียนรู้ที่
ต่อเนื่องต่อไป
การวางแผน (Planning)
ผู้เรียนได้หาแนวทางหรือกลวิธีเพื่อการ
เปลี่ยนแปลงโดยกำหนดว่าจะทำอะไร
และอย่างไรต่อไปจากประสบการณ์นั้น
73. การวางแผนเพื่อพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
• การวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพ/ปัญหาสาธารณสุข
• การวิเคราะห์สาเหตุของพฤติกรรม
• ปัจจัยนำ (Predisposing factors) คือ ปัจจัยที่เป็นฐานและก่อให้เกิดแรงจูงใจในการแสดงพฤติกรรมของ
บุคคล ได้แก่ ความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม การรับรู้ และทักษะดั้งเดิม
• ปัจจัยเอื้อ (Enabling factors) คือ สิ่งที่เป็นแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นในการแสดงพฤติกรรมของบุคคล ชุมชน
และทักษะใหม่
• ปัจจัยเสริม (Reinforcing factors) คือ ปัจจัยที่เป็นผลสะท้อนที่บุคคลจะได้รับหรือคาดว่าจะได้รับจากการ
แสดงพฤติกรรมนั้น เช่น รางวัล ผลตอบแทน การลงโทษ
• การวิเคราะห์พฤติกรรมเป้าหมาย
• การวางแผนดำเนินงาน
• การดำเนินงานตามแผนพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพที่วางไว้
• การประเมินผลการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ