306325 unit5-ec-advertising

การโฆษณาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Commerce Advertising)
Unit 5 :
306325 : พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce)
1
อ.ดร.ศุภชานันท์ วนภู
Supachanun.w@gmail.com
Business Computer, FMS, NRRU

306325 Unit 5 : EC-Advertising
เนื้อหาของบทนี้
 การส่งเสริมการตลาด
 ความหมายและหน้าที่ของการโฆษณา
 ความหมายของ EC-Advertising
 รูปแบบของ Online Advertising
 การคานวณค่า Online Advertising
2

10 แบรนด์ชั้นนาระดับโลก 2011
3
องค์ประกอบของการสร้างแบรนด์
- ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์
- ต้องมีคุณค่าพอ
- คุณค่านั้นได้ถูกรับรู้
S.Wanapu@2012

การสร้างแบรนด์จะประสบความสาเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าได้มี
การทาการส่งเสริมการตลาดหรือไม่ ซึ่งส่วนประสมของการ
ส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix) มีอยู่ 5 ประการคือ
(1) การโฆษณา (Advertising)
(2) การประชาสัมพันธ์ (Public Relations)
(3) การส่งเสริมการขาย (Sales Promotionห)
(4) การตลาดทางตรง (Direct Marketing)
(5) การขายผ่านพนักงาน (Personal Selling)
การส่งเสริมการตลาด
4

เครื่องมือส่งเสริมการตลาด เป็นเครื่องมือที่ธุรกิจใช้สาหรับสื่อสาร
เนื้อหาสารด้านการส่งเสริมการตลาดของธุรกิจออกไปยัง
กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเครื่องมือแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
(1) เครื่องมือแบบออฟไลน์ (Offline)
(2) เครื่องมือแบบออนไลน์ (Online)
เครื่องมือส่งเสริมการตลาด
5

เครื่องมือแบบออฟไลน์ (Offline): เป็นการสื่อสารเนื้อหาสารด้าน
การส่งเสริมการตลาดโดยใช้เครื่องมือกลุ่ม
• Above the line พวกสื่อประเภท ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์
• Below the line พวกการจัดอีเวนต์ กิจกรรมพิเศษ, การ
ส่งเสริมการขาย, การจัด Road Show
6

เครื่องมือแบบออฟไลน์ (Offline) ในปัจจุบันเริ่มมีการเชื่อม
ปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายให้ไปยังโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
เช่น การใช้ QR Code บนสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ เพื่อเข้า
เว็บไซต์และเนื้อหาบนโลกออนไลน์ของแบรนด์นั้น ๆ
7

เครื่องมือแบบออนไลน์ (Online) เป็นการสื่อสารเนื้อหาสารด้าน
การส่งเสริมการตลาดผ่านอินเทอร์เน็ตทั้งหมด:
• Website, Online Billboards/Banners, E-mail
• Search Engine
• Blog, Online Community, Game
• Social Media / Social Networks
• Mobile Application
8

ความหมายและหน้าที่ของการโฆษณา
การโฆษณา (Advertising) คือ การสร้างความสนใจไม่ว่าวิธีใด
ก็ตาม เพื่อจูงใจหรือสนับสนุนให้เกิดความต้องการซื้อสินค้าหรือ
บริการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักๆ คือ
 เพื่อแนะนาสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จัก พร้อมทั้งให้ผู้บริโภค
หันมาสนใจใช้สินค้าหรือบริการที่โฆษณา
 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมการซื้อการใช้สินค้าหรือบริการให้มากยิ่งขึ้น
 เพื่อรักษาค่านิยมในการใช้สินค้าหรือบริการให้มั่นคงอยู่เสมอ
9

ความหมายและหน้าที่ของการโฆษณา
หน้าที่ของการโฆษณา
 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ (Creating Awareness)
 เพื่อสร้างสรรค์ภาพพจน์ที่ดี (CreatingaFavorableImage)
 เพื่อชักจูงใจกลุ่มเป้าหมาย
 เพื่อกระตุ้นแหล่งที่จะนาสินค้าไปจาหน่าย (Outlets)
 เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า
 เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้แก่บริษัทผู้ผลิต
 ให้ความเพลิดเพลินสนุกสนาน
10

ลักษณะของการโฆษณา (1) เป็นการติดต่อสื่อสารโดยไม่ใช้
บุคคล-เป็นการติดต่อสื่อสารโดยใช้สื่อ (2) ต้องเสียค่าใช้จ่ายและ
(3) สามารถระบุผู้อุปถัมภ์ได้ ตย.ประเภทสื่อโฆษณา
 วิทยุ
 โทรทัศน์
 หนังสือพิมพ์
 นิตยสาร
 จดหมาย ขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า/สินค้า
One-Way Communication
ลักษณะของการโฆษณา
11

ความหมายของ EC-Advertising
การโฆษณาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Commerce
Advertising หรือ Online Advertising เป็นสื่อกลางที่ใช้ใน
การติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two-ways
Communication) โดยอาศัยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเป็น
เครื่องมือและช่องทางในการโฆษณา ทั้งนี้ การนาเสนอมักอยู่ใน
รูปแบบมัลติมีเดีย เช่น ภาพเคลื่อนไหว หรือ วีดิโอ เพื่อสร้าง
แรงจูงใจให้กับลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าหรือเยี่ยมชม
เว็บไซต์ให้มากที่สุด
12

Online Advertising from 2010-2015
13

Website Traffic Source Analysis at the Shopping Cart 2011
14

Online Advertising in Thailand
15
ปัจจัยที่ทาให้ Online Advertising ในไทยเติบโต
• ยอดผู้ใช้ Facebook ในไทยเพิ่มเป็น 12 ล้านคน
• การตั้งสานักงาน Google ในประเทศไทยผลักดันให้ธุรกิจหันมาใช้
Online Ads: AdWords กับ Adsense
• อุปกรณ์พกพา (Mobile Devices) โต: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้ง
ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
• Digital Media โตโดยเฉพาะสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์: หนังสือพิมพ์
นิตยสาร

Online Advertising
เหตุที่ทาให้การโฆษณาแบบออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น คือ
• ต้นทุนต่า มีค่าใช้จ่ายต่ากว่าสื่ออื่นๆ อยู่มาก ระดับพันบาทก็สามารถ
โฆษณาได้แล้ว และยังสามารถแก้ไขได้ง่ายอีกด้วย
• มีรูปแบบที่หลากหลาย สามารถทาในรูปของตัวหนังสือ เสียง ภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว วีดิทัศน์
• การเจาะจงเป็นรายบุคคล (Personalization) สามารถจัดทาโฆษณาท
เป็นการโต้ตอบสองทาง และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หรือแม้แต่ความ
ต้องการของแต่ละบุคคล
• การวัดผลสามารถทาได้ทันที จะมีโปรแกรมที่สามารถวัดอัตราการ
คลิก (Click-through Rate) และจานวนหน้าที่เข้าชมได้ทันที
16

ข้อดีและข้อเสีย EC-Advertising
 ข้อดีของ EC-Advertising :
 สื่อโฆษณาสามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย
 ผู้บริโภค/ลูกค้าสามารถเข้าถึงสื่อได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว
 รูปแบบสื่อโฆษณา สามารถตกแต่งลูกเล่นได้อย่างหลากหลาย
 มีโอกาสของความเป็นไปได้ที่จานวนผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น
แนวโน้ม  Internet & Mobile Users
 ข้อเสีย EC-Advertising :
 ค่าใช้จ่ายในการลงทุนค่อนข้างสูงในช่วงเริ่มต้น
 ถ้าการนาเสนอเนื้อหาไม่โดนใจการจดจาของกลุ่มเป้าหมายจะต่า
 มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เช่น การประมูลพื้นที่หรือ keyword โฆษณา
17

รูปแบบของ Online Advertising
1. การโฆษณาผ่านเว็บ (Web advertising)
1.1 แบนเนอร์ (Banner Ads.)
1.2 การมีผู้สนับสนุนเว็บไซต์ (Site Sponsorships)
1.3 ประกาศโฆษณา (Classified Advertising)
1.4 การตลาดแบบเชื่อมโยง (Affiliate Marketing)
1.5 กูเกิ้ล แอดเซนส์ (Google AdSense)
18

2. การโฆษณาผ่านอีเมล์ (E-mail advertising)
3. การตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้น
(Search Engine Marketing: SEM)
4. การโฆษณาผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค
(Social Network Advertising)
5. การโฆษณาผ่านอุปกรณ์พกพา
(Mobile Advertising)
19

1.1 แบนเนอร์ (Banner Ads.) มักจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่อยู่บน
เว็บไซต์ โดยอาจจะเป็นภาพนิ่ง/ภาพเคลื่อนไหว การใช้แบนเนอร์ลง
โฆษณาในเว็บไซต์สามารถทาได้ 3 รูปแบบ คือ
 การแลกเปลี่ยนแบนเนอร์ (Banner Swapping) เจ้าของเว็บไซต์
ตกลงจะแลกเปลี่ยนแบนเนอร์กัน อาจโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
 การเป็นสมาชิกเครือข่ายแลกเปลี่ยนแบนเนอร์ (Banner
Exchange Network) มีเว็บไซต์ตัวกลางทาหน้าที่รวบรวม
เว็บไซต์ต่างๆ เข้าเป็นเครือข่ายแลกเปลี่ยนแบนเนอร์ได้
 การลงแบนเนอร์ในเว็บไซต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา และ
จ่ายเงินค่าโฆษณาตามที่เว็บไซต์นั้นกาหนด
20

1.2 การมีผู้สนับสนุนเว็บไซต์ (Site Sponsorships)
เป็นการที่ทางเว็บไซต์เปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนเว็บไซต์
ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้โดยมุ่งหวังที่จะสร้างภาพพจน์ของ
แบรนด์ และสร้างชื่อเสียงมากกว่าที่จะเน้นในเรื่องของยอดขาย
ตัวอย่างเช่น www.sanook.com มีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมได้ตอบ
คาถามเพื่อโอกาสที่จะได้รับรางวัล โดยมีผู้สนับสนุนสินค้า และ
บริการต่าง ๆ เป็นของรางวัล เช่น ผลิตภัณฑ์บารุงผิวหน้า Clearasil
เป็นต้น
21

มีลักษณะเหมือนการประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ คือ มีเนื้อที่ให้
เขียนโฆษณาที่อาจจะเป็นข้อความ และ/หรือรูปภาพ โดยแบ่งออก
ตามหมวดสินค้าและบริการต่างๆ เช่น การกีฬา คอมพิวเตอร์ กล้อง
และอุปกรณ์ รถยนต์ การหางาน และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น http://classified.sanook.com/
22

23

1.4 การตลาดแบบเชื่อมโยง (Affiliate Marketing)
เว็บไซต์ต้องการจะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น จึงคิดจะใช้โปรแกรมเชื่อมโยง
(Affiliate Program) ขึ้นมา เว็บไซต์ใดๆต้องการมีรายได้ก็สามารถนา
โปรแกรมนี้ไปติดตั้งได้ ตัวโปรแกรมจะสามารถสร้าง Link ที่สามารถเชื่อมโยง
จากเว็บไซต์ B ไปยังเว็บไซต์ A ได้ ซึ่งลิงค์นี้เป็นเสมือนทางผ่านที่ทาให้เกิด
ธุรกิจขึ้นในเว็บไซต์ A สมมติว่านายแดงเข้าไปที่เว็บไซต์ B แล้วเห็นลิงค์ที่
แนะนาสินค้าและบริการจากเว็บไซต์ A จึงคลิกลิงค์นั้น โปรแกรมจะนานาย
แดงเข้าไปที่เว็บไซต์ A และหากนายแดงซื้อสินค้า หรือบริการจากเว็บไซต์ A
เว็บไซต์ B ซึ่งเป็นทางผ่านก็จะได้รับค่า Commission จากยอดขายที่เกิดขึ้น
หรืออาจจะคิดจากจานวนการคลิกผ่าน หรือจานวนคนที่เข้าไปลงทะเบียนใน
เว็บไซต์ หรืออาจผสมผสานกันหลายรูปแบบก็ได้ เว็บไซต์แบบนี้ที่ประสบ
ผลสาเร็จ เช่น www.amazon.com www.thaifly.com เป็นต้น แต่ใน
ปัจจุบันตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Google AdSense
24

คือ ระบบโฆษณาบนเว็บไซต์ ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ สามารถนาโฆษณา
จากระบบของ Google AdSense มาติดในเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับ
เว็บไซต์ได้ โดยรูปแบบของโฆษณาจะมีทั้ง แบบ ตัวอักษร, แบบรูปภาพ
และนอกจากนี้เจ้าของเว็บยังสามารถเลือกขนาดของโฆษณาได้ รวมถึง
สีสันได้ตามต้องการ เพื่อความสวยงาม และเหมาะสมกับเว็บไซต์
โฆษณาของ Google AdSense ก็มาจาก Google AdWords เป็น
อีกบริการของ Google.com ที่ให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ หรือ ผู้ที่ต้องการ
ขายสินค้าหรือบริการต่าง ๆ มาลงโฆษณาโดยผ่านระบบค้นหา หรือ
Search Engine ของ Google
25

26

2. การโฆษณาผ่านอีเมล์ (E-mail Advertising)
• เป็นวิธีการโฆษณาที่นิยมตั้งแต่ช่วงอินเทอร์เน็ตยุคแรก ๆ
• บริษัทมีรายชื่อ e-mail ของลูกค้าและส่งข้อมูลสินค้าหรือโปรโมชั่น
ใหม่ ๆ ไปให้เพื่อให้เข้ามาดูรายละเอียดและเกิดการสั่งซื้อสิ้นค้านั้น
• ข้อควรระวัง เรื่องสแปม (Spam) อาจสร้างความราคาญแก่ลูกค้า
และอาจถูกปฏิเสธการตอบรับอีเมล์ ทาให้ธุรกิจสูญเสียโอกาส อ่าน
เพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา 11
27

3 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการทา E-Mail advertising
1) การหาและเก็บข้อมูล E-Mail ของลูกค้า
2) การเตรียมเครื่องมือในการส่ง E-Mail หาลูกค้า
3) การวัดและการประเมินผล
28

3 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการทา E-Mail advertising (ต่อ)
1) การหาและเก็บข้อมูล E-Mail ของลูกค้า
1.1) สร้างและเก็บ E-Mail ลูกค้าเอาเอง
• การสมัครสมาชิกเว็บไซต์
• ทาช่องรับข่าวสาร จากทางเว็บไซต์
• การแจกของฟรี หรือให้ร่วมสนุกอะไรบางอย่าง
1.2) หากไม่มีข้อมูล E-mail เลย ลองวิธีเช่า (ซื้อ) ฐานข้อมูลลูกค้า
29

2) การเตรียมเครื่องมือในการส่ง E-Mail หาลูกค้า
• ถ้าอีเมล์จานวนน้อย 20-30 ส่งผ่านผู้ให้บริการอีเมล์ เช่น
hotmail หรือ gmail แบบปกติได้
• ถ้าอีเมล์จานวนหลักร้อยหลักพัน ใช้ software ช่วยส่ง
เช่น PHPList จาก www.phplist.com หรือ Aconia
Rocket Mail จาก www.anconia.com
• ถ้าอีเมล์จานวนหลักหมื่นหลักแสน ควรทะยอยส่งเพื่อ
ไม่ให้เกิดปัญหา
30

3) การวัดและการประเมินผล
• วัดผลว่าแคมเปญหรือ E-Mail ที่ส่งไปสามารถเข้าถึง
กลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยแค่ไหน
• Open Rate (อัตราการเปิด E-mail) = (จานวน email
ที่ได้รับการคลิ๊กในครั้งแรก / จานวน email ที่เราส่งออก
ไป) x 100
• ถ้า Open Rate อยู่ในอัตราสูงแสดงว่า E-mail นั้นเป็นที่
น่าสนใจสาหรับกลุ่มเป้าหมาย
31

3. การตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้น (Search Engines Marketing)
3.1 Search Engine Market Share 2011
3.2 Search Engine Marketing (SEM)
• Search Engine Optimization (SEO)
• Pay-Per-Click Advertising (PPC)
32

33

34
Google
generated $9.7
billion of total
gross revenue

การทาการตลาดผ่านเสิร์ชเอนจิ้นได้ทวีความสาคัญมากยิ่งขึ้น
เพราะผู้ใช้ค้นหาเว็บไซต์ผ่านเสิร์ชเอนจิ้นมากขึ้น โดยเฉพาะ Google
ผลลัพธ์จากการค้นหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นผลจากการ
ค้นหา และส่วนที่เป็น Pay-Per-Click Advertising (PPC) ซึ่งมีสินค้า
หรือบริการที่สอดคล้องกับสิ่งที่เราค้นหา ซึ่งส่วนนี้อาจจะอยู่ด้านบน
หรืออยู่ทางขวาของผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาของเรา ส่วนนี้จะต้องมีผู้
เสียค่าใช้จ่ายให้แก่ทาง Google เรียกบริการส่วนนี้ว่า Google
Adwords ซึ่งเป็นรายได้หลักของ Google
35

36
Search Engine Marketing
Search Engine
Optimization (SEO)
Pay-Per-Click
Advertising (PPC)

37
PPC
PPC
SEO

38
ข้อดี
• เมื่อติดอันดับจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
• ผู้ใช้ชอบคลิ๊กจากฝั่งซ้ายมากกว่าฝั่ง
ขวาอยู่แล้วตามธรรมชาติ
• บริษัทเล็ก ๆ ก็สามารถที่จะมีอันดับ
เว็บไซต์เหนือกว่าบริษัทใหญ่ได้
ข้อเสีย
• ใช้เวลานานมากกว่าอันดับจะขึ้น
• Keyword ที่ท่านนามาใช้ SEO ได้อย่าง
มาก 2-5 คาเท่านั้นต่อ webpage
• อันดับในการแสดงผลลัพธ์นั้นไม่แน่นอน
• การวัด ROI ทาได้ยาก
Search Engine Optimization (SEO)

39
ข้อดี
• ใช้ระยะเวลาในการดาเนินงานเพียง 15
นาที
• สามารถเลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ
ธุรกิจได้ไม่จากัด
• กาหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
• การวัด ROI ทาได้ง่าย
ข้อเสีย
• ต้องจ่ายค่าบริการให้กับ Google ทุก
ครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ
• ราคาของ Keyword มีการขึ้นลงอยู่
เสมอ ตามการแข่งขัน
Pay-Per-Click Advertising (PPC)

40

4. การโฆษณาผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค (Social Network Advertising)
ทาไมต้อง Social Network Advertising?
• กระแส Social Network มาแรง โดยเฉพาะ Facebook Twitter
LinkedIn รวมถึงน้องใหม่อย่าง Google+
• ไม่เพียงแค่คอมพิวเตอร์เท่านั้นแต่โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต
ผลักดันให้ยอดผู้ใช้ Social Network เพิ่มมากขึ้น
• ธุรกิจต่างต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่อย่างมหาศาลบน
Social Network ดังนั้นจึงมีการทาโฆษณาขึ้นบน Social
Network เนื่องจากระบุกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน
41

42

43

44

45
• Facebook Advertising
• Facebook Premium Ads
• Facebook Ads Considering

46
Facebook Advertising
การขายโฆษณาบน Facebook Ads แบ่งเป็น 2 ประเภท
1) โฆษณาแบบพรีเมี่ยม (Premium Ads): เป็นโฆษณาที่
ปรากฏอยู่ตรงขวามือในหน้า Home หรือหน้า Profile ของผู้ใช้งาน จะ
ปรากฏครั้งละ 1 - 2 โฆษณา
2) โฆษณาแบบมาร์เก็ตเพลซ (Marketplace): เป็นโฆษณาจะ
ปรากฏอยู่ในหน้า Profile ซึ่งหนึ่งครั้งจะมี 3-4 โฆษณา โดยการซื้อจะใช้
วิธีการประมูล (Bid) ใครประมูลได้สูงจะได้พื้นที่โฆษณาไป

47
Facebook Advertising
การชาระค่าโฆษณาแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
โฆษณาแบบ Premium จะเป็นแบบ (Cost Per Mile: CPM) คือ
ชาระโดยคิดตามจานวนที่โฆษณาถูกแสดง 1,000 ครั้ง
โฆษณาแบบ Marketplace จะเป็นแบบ (Cost Per Click: CPC)
ชาระโดยคิดตามจานวนครั้งการคลิกของผู้ใช้

48
Marketplace
Premium Ads

49
Facebook Premium Ads
การซื้อโฆษณาแบบ Premium Ads ในประเทศไทยต้องติดต่อ
บริษัท Admax Network เท่านั้น ณ ขณะนี้ ซึ่ง Admax Network: เป็น
บริษัทขายสื่อโฆษณาออนไลน์ในรูปแบบ Ad Network (เป็นโมเดลธุรกิจ
ประเภทหนึ่ง)
Ad Network: คือ ตัวแทนรับลงโฆษณา และดูแลโฆษณา ให้ใน
เว็บต่าง ๆ และไปหาโฆษณาจาก เจ้าของสินค้ามาลงให้

50
Facebook Ads Considering
การลงโฆษณา Facebook Ads ต้องพิจารณา 4 ขั้นตอน คือ
1. การตั้งเป้าหมายของการลงโฆษณา (Advert Goal)
2. กาหนดกรอบของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้โฆษณาเข้าถึง
3. สร้างชิ้นงานโฆษณาและกาหนดงบประมาณ
4. การวิเคราะห์ผลการลงโฆษณา และการปรับกลยุทธ์

51
1. การตั้งเป้าหมายของการลงโฆษณา (Advert Goal)
1.1 สร้างฐานแฟนบน Facebook: เชื่อมต่อกลุ่มเป้าหมายให้มาที่ FanPage ให้มาก
ที่สุด พิจารณากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมและเลือกชาระเงินแบบ CPC
1.2 โปรโมทเว็บไซต์สินค้า: เพิ่มช่องทางหรือโอกาสในการขาย ต้องโยงลิงค์ให้ไปยังหน้า
เว็บที่เราเลือก (Landing Page) เลือกชาระเงินแบบ CPC
1.3 สร้างการรับรู้ของธุรกิจหรือแบรนด์: การสร้างการรับรู้ เช่น แนะนาธุรกิจใหม่ หรือ
เปิดตัวร้านใหม่ ควรมีข้อมูลเรื่องที่อยู่ ความน่าสนใจในธุรกิจใหม่ โดยการลิงค์ไปยังหน้า
เว็บไซต์นั้น ควรเลือกการชาระเงินแบบ CPM เพราะจานวนครั้งการปรากฏของโฆษณา
ยิ่งมากยิ่งสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย

52
2. กาหนดกรอบของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้โฆษณาเข้าถึง
ก่อนเริ่มแคมเปญโฆษณาสิ่งที่สาคัญที่สุดคือ ต้องรู้ว่าใครคือลูกค้า
ปัจจุบัน และใครคือลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงในอนาคต
ใน Facebook เราสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายแบ่งได้ตาม
• Location: เมือง จังหวัด ประเทศ
• Demographics: ช่วงอายุ เพศ หรือภาษาที่ใช้
• Likes and interests: งานอดิเรก แรงบันดาลใจ
• Education and work: สถานที่เรียน และสถานที่ทางาน

53
3. สร้างชิ้นงานโฆษณาและกาหนดงบประมาณ

54
3. สร้างชิ้นงานโฆษณาและกาหนดงบประมาณ (ต่อ)
• หัวข้อ (Title) ความยาวไม่เกิน 25 ตัวอักษร ขึ้นอยู่กับว่าใช้เพื่อ
โฆษณาอะไร เช่น Website Page Event Application หรือ Group
• เนื้อหา (Body) ความยาวไม่เกิน 135 ตัวอักษร เพื่อให้รายละเอียด
ของข้อความที่เราต้องการโฆษณา เช่น ข้อเสนอ ส่วนลด หรือเชิญชวน
ต่าง ๆ
• รูปประกอบ (image) ควรใช้รูปประกอบที่เข้าใจง่าย และ
กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าต้องการจะสื่อสารอะไร ขนาดรูป 110x80 pixels

55
4. การวิเคราะห์ผลการลงโฆษณา และการปรับกลยุทธ์
Facebook Ads จะมีเครื่องมือที่เรียกว่า Ads Manager ไว้คอยช่วย
นักการตลาดในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการลงโฆษณาของแคมเปญ
นั้น ๆ และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์วิธีการใช้งบประมาณได้อย่างง่าย ๆ

56

57
About Twitter
Twitter Ads
Twitter Analytics

58
About Twitter
Twitter เป็นหนึ่งใน Social Media ประเภทบล็อกขนาดเล็ก
Microblogging ที่ผู้ใช้สามารถสื่อสารข้อความจานวน 140 ตัวอักษร
ออกไปยังเครือข่าย จุดเด่นของ Twitter คือ ความรวดเร็วและสะดวกใน
การเขียนสิ่งที่ผู้ใช้สนใจลงไป ในปัจจุบันธุรกิจจานวนมากได้นามาใช้ใน
การสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในเรื่องทั่วไปและในเชิงธุรกิจ

59
About Twitter

60
Twitter Ads
การทาโฆษณาสาหรับแบรนด์สินค้าบน Twitter มี 3 แบบ
1. Promoted Account
2. Promoted Tweets
3. Promoted Trend

61
Twitter Ads
1. Promoted Account ซึ่งเหมาะสาหรับการสร้างกลุ่มติดตาม
(Follower) จานวนมาก Account ที่ใช้บริการจะแสดงอยู่บริเวณ "Who
To Follow" โดยแสดงตามคาที่ระบุซึ่งอยู่ในข้อความที่ผู้ใช้เขียนขึ้น เมือ
คลิกปุ่มดังกล่าวจะเชื่อมต่อไปยังเว็บเพจที่เกี่ยวข้อง

62
Twitter Ads
2. Promoted Tweets เหมาะสาหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับ
ผู้ใช้งานมากกว่าเป็นผู้ตาม โดยจะมี Promoted Tweets Box วางอยู่ใน
กล่องข้อความที่ถูกเขียนโดยผู้ใช้งาน เมื่อผู้ใช้คลิกที่ปุ่มดังกล่าวจะพบกับ
เนื้อหาที่ปรากฏขึ้นด้านขวามือของจอภาพโดยจะแสดงอยู่บนสุดของหน้า
นั้นๆตลอดเวลา

63
Twitter Ads
3. Promoted Trend เหมาะสาหรับเจ้าของสินค้าที่ต้องการเข้าเป็น
ส่วนหนึ่งของวงสนทนา โดยจะแสดงผลบนหน้าของผู้ใช้งานตามไลฟ์สไตล์
ของผู้ใช้งานนั้นๆแต่จะไม่แสดงหมดทุกราย

64
Twitter Ads
บริษัท แมคฟิวา (MCFIVA) ประเทศไทยจากัด ได้รับสิทธิ์จาก
Twitter รายแรกในไทยเพื่อให้บริการโฆษณาผ่าน Twitter ซึ่งตอนนี้ยังมี
ให้บริการแค่ Promoted Accounts โดยมีการคิดค่าบริการแบบ Cost
Per Follow (CPF) หมายถึงจะคิดค่าบริการเพิ่มทุกครั้งที่มีคนมาคลิก
Follow

65
Twitter Analytics
Twitter Analytics เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ข้อความทวีต
เครื่องมือจะคอยนับจานวนการ retweet/reply/favorite ของข้อความ
ทวีตที่ส่งออกไป และแสดงกราฟจานวนผู้ติดตามเราในรอบ 1 เดือนล่าสุด

66
Twitter Analytics

5. การโฆษณาผ่านอุปกรณ์พกพา (Mobile Advertising)
67

68

จุดเด่นของโฆษณาบนมือถือ
1. การเข้าถึง (Reach): การเข้าถึงโฆษณาบนมือถือจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะจานวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีจานวนมาก ประกอบกับการเติบโต
ของพวกสมาร์ทโฟน ทาให้ช่องทางการแสดงโฆษณาบนมือถือ
หลากหลายมากขึ้น เช่น แสดงจากเว็บ จากแอพพลิเคชั่น หรือแสดงโดย
อ้างอิงตาแหน่งของผู้ใช้ เป็นต้น
69

2. ความเกี่ยวข้อง (Relevancy): การโฆษณาสินค้าและบริการสามารถ
เจาะจงกลุ่มเป้าหมายและแสดงเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องได้มากขึ้น
ยกตัวอย่าง เช่น โฆษณาเคสมือถือ iPhone จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
ดีกว่าถ้าโฆษณาไปปรากฏบนมือถือ iPhone ไม่ใช่ Android หรือ BB
ความเกี่ยวข้องดูได้จาก ข้อมูลด้านสถิติของประชากร (Demographic),
เขตที่อยู่อาศัย (Geographic), ข้อมูลสถานที่ (Location based),
พฤติกรรมและความชอบ (Behaviors and Preferences) รุ่นและยี่ห้อ
โทรศพท์มือถือที่ใช้
70

3. ความฉับไว (Immediacy): โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะ
สาหรับการตอบโต้กันไปมาระหว่างกลุ่มเป้าหมายและแบรนด์สินค้า เช่น
การเห็นโฆษณาพิซซ่าหน้าใหม่ ๆ ที่ขายในราคาพิเศษ แล้วลูกค้าสามารถ
กดโทรสั่งได้ทันที
71

ประเภทของโฆษณาบนมือถือ
1. Mobile Display Advertising
2. Mobile Search Advertising
3. iAd
4. Location-based advertising
72

1. Mobile Display Advertising
73
เป็นการแสดงโฆษณาที่พบเห็นได้ง่าย
ในลักษณะของแบนเนอร์ที่ปรากฏเมื่อเราใช้
มือถือเข้าเว็บบางเว็บ หรือเข้า App บนมือ
ถือสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะพวก App ดาวน์
โหลดฟรี

2. Mobile Search Advertising
74
เป็นการแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ
Keyword เมื่อเราเข้าใช้บริการค้นหาบนมือถือ
ไม่ว่าจะเป็น Google Mobile หรือ Yahoo!
Search จะเห็น Sponsored Link ในลักษณะ
เหมือนกับ Google AdWords ที่เราเห็นปกติ
เมื่อค้นหาผ่านเว็บบนคอมพิวเตอร์

3. iAd
iAd เป็นระบบ “Mobile Ads with Emotion” หรือระบบ
โฆษณาที่มีอารมณ์หรือมีชีวิตชีวา เน้นไปที่การนาโฆษณาที่เป็นเหมือน
App มายัดใส่ใน App อีกทีหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่าคนใช้งาน App บน
โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะ iPhoneมากกว่าใช้งานเว็บ
ข้อดีของ iAd คือ สามารถ interactive ระหว่างโฆษณากับผู้ใช้ได้
อย่างน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าการรับชมเพียงอย่างเดียว
75

3. iAd
76

4. Location-based Advertising
เป็นการโฆษณาที่อ้างอิงกับตาแหน่งของผู้ใช้มือถือ เหมาะกับร้านค้า
ที่ต้องการโฆษณาสินค้าและบริการแก่ผู้ที่เดินผ่านไปมาให้มากลายเป็น
ลูกค้า ยกตัวอย่างบริษัทที่ทาโฆษณาด้านนี้ เช่น Chalkboard ซึ่งตั้งอยู่
ในกัวลาลัมโปร์ สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา
77

4. Location-based Advertising
78

การคานวณค่า Online Advertising
1) คานวณจากจานวนการแสดงโฆษณา (Impression) เป็น
การคิดราคาโดยคานวณจากจานวนที่โฆษณาถูกแสดงให้ผู้ใช้ได้เห็น
หรือ Impression ทั้งนี้หน่วยในการคานวณราคาแบบนี้ จะใช้
Cost per Thousand Impression: CPM นั่นคือคิดจาก
การที่โฆษณานั้นได้แสดง เป็นจานวน 1,000 ครั้ง (M เป็นตัวเลข
โรมัน มีค่า = 1,000)
2) คานวณจากจานวนการคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ผู้ลงโฆษณา
เป็นการคิดราคาจากจานวนที่โฆษณานั้นถูกคลิกในแต่ละครั้ง ซึ่ง
แสดงว่าลูกค้าเกิดความสนใจ สาหรับหน่วยที่ใช้ในการคานวณ
ราคาแบบนี้คือ Cost per Click: CPC
79

3) คานวณจากการทากิจกรรมที่ต้องการ เป็นการคิดราคาที่
เหมาะกับการตลาดแบบเชื่อมโยง (Affiliate Marketing) ที่ใช้
โปรแกรมเชื่อมโยงเป็นเครื่องมือ เมื่อผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่เข้า
ร่วมโครงการแล้วทาการคลิกเข้าไปทาการซื้อขาย หรือลงทะเบียน
หรือ ร่วมกิจกรรมอื่นๆ ตามที่เว็บไซต์เจ้าของโปรแกรมกาหนด ก็
จาเกิดรายได้ตามที่กาหนดไว้ สาหรับหน่วยที่ใช้ในการคานวณ
ราคาแบบนี้คือ Cost per Action: CPA
80

4) คานวณความคุ้มค่าของการลงทุน การโฆษณาแต่ละ
แคมเปญจะต้องมีการวัดผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน (Return
on investment: ROI) เพื่อดูว่าแคมเปญนั้นส่งผลให้ธุรกิจได้
กาไรหรือขาดทุน โดยมีสูตรคานวณง่าย ๆ ดังนี้
81
ROI =
(ยอดขายที่ได้ − ต้นทุนที่ลงทุนไป)
ต้นทุนที่ลงทุนไป
X100

306325 unit5-ec-advertising

Recommended

Recommended

More Related Content

What's hot

What's hot (20)

Similar to 306325 unit5-ec-advertising

Similar to 306325 unit5-ec-advertising (20)

More from pop Jaturong

More from pop Jaturong (20)

306325 unit5-ec-advertising