SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2557
ชื่อโครงงาน น้้านั้นส้าคัญฉะไหน
ชื่อผู้ท้าโครงงาน
1.นาย นเรนทร์ฤทธิ์ เทพวงค์ เลขที่ 4 ชั้น ม.6 ห้อง 2
2. นางสาว พิมพ์ชนก ชัยวงศ์ เลขที่ 5 ชั้น ม.6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาด้าเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดท้าข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1.นาย นเรนทร์ฤทธิ์ เทพวงค์ เลขที่ 4
2.นางสาว พิมพ์ชนก ชัยวงศ์ เลขที่ 5
ค้าชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) น้้านั้นส้าคัญฉะไหน
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) what is water Important ?
ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์สื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ท้าโครงงาน 1.นาย นเรนทร์ฤทธิ์ เทพวงค์
2.นางสาว พิมพ์ชนก ชัยวงศ์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาด้าเนินงาน พฤษภาคม 2557 – กุมภาพันธ์ 2558
ที่มาและความส้าคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล
ของการท้าโครงงาน)
น้าดื่มสะอาดเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แม้ว่าน้าจะไม่มีแคลอรีหรือสารอาหารที่เป็น
สารประกอบอินทรีย์ใดๆ การเข้าถึงน้าดื่มสะอาดได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาในเกือบทุกส่วน
ของโลก แต่ประชากรประมาณ 1 พันล้านคนยังคงขาดแคลนน้าดื่มสะอาดและกว่า 2.5 พันล้านคนขาดแคลน
สุขอนามัยที่เพียงพอ มีความเกี่ยวพันกันเรื่องน้าสะอาดและค่า GDP ต่อคน อย่างไรก็ดี นักสังเกตบางคน
ประมาณไว้ว่าภายในปี ค.ศ. 2025 ประชากรโลกมากกว่าครึ่งหนึ่งจะประสบปัญหาความเสี่ยงที่เกี่ยวกับ
น้า รายงานล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 รายงานว่า ภายในปี ค.ศ. 2030 ในพื้นที่ประเทศที่กาลัง
พัฒนาจะมีความต้องการน้าจะเพิ่มขึ้นเกิดปริมาณน้าที่มีกว่า 50% น้ามีบทบาทสาคัญในเศรษฐกิจโลก เนื่องจาก
น้าเป็นตัวทาละลายของสารเคมีหลากหลายชนิดและอานวยความสะดวกในเรื่องการให้ความเย็นใน
ภาคอุตสาหกรรมและการคมนาคม น้าจืดประมาณ 70% มนุษย์ใช้ไปกับเกษตรกรรม
เราจึงนา ความรู้ความสาคัญในเรื่องของน้ามานาเสนอในรูปแบบ Microsoft PowerPoint เพื่อง่าย
แก่การศึกษา และตระหนักถึงคุณค่าความสาคัญของน้า
3
วัตถุประสงค์
1.เพื่อเป็นสื่อให้ความรู้เกี่ยว ความหมาย ความส้าคัญ ประโยชน์ ของน้้า และ
การดื่มที่ถูกต้อง
2.เพื่อให้ทุกคนน้าไปประยุคใช้ในชีวิตประจ้าวัน
ขอบเขตโครงงาน
1.จัดท้าโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง น้านั้นสาคัญฉะไหน โดยน้าเนอในรูปแบบของ
power point
2.ศึกษา ความหมาย ความส้าคัญ ประโยชน์ ของน้้า และ การดื่มน้้าที่ถูกต้อง
หลักการและทฤษฎี
น้้า คือ อะไร???
น้้าหมายถึง ของเหลวเกิดจากการรวมตัวกันของก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซ
ออกซิเจนในภาวะที่เหมาะสมหรือความหมายในลักษณะเป็น
ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิ่งที่น้ามาใช้อุปโภค บริโภค ช้าระล้างร่างกาย
ใช้ในการเพาะปลูก การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคมนาคมทางน้้า การ
ผลิตพลังงาน ทรัพยากรน้้ายังเป็นทรัพยากรประเภทหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้น
ทดแทนอยู่ตลอดเวลาเป็นวัฎจักร
ทรัพยากรน้้าของโลก
โลกเรามีน้้าอยู่ทั้งสิ้น 14,000 ล้านลูกบากศ์กิโลเมตร แต่ส่วนใหญ่เป็นน้้าเค็ม
น้้าจืดที่อยู่บนโลกนั้น บางส่วนก็เป็นน้้าแข็งที่ขั้วโลกซึ่งเราน้ามาใช้ไม่ได้
บางส่วน ไปตกอยู่ในป่าเขาซึ่งอยู่นอกขอบเขตที่มนุษย์จะเข้าถึง ปริมาณน้้า
จืดที่มนุษย์จะใช้ได้ มีอยู่เพียง 0.001% ของปริมาณน้้าที่อยู่บนโลกนี้เท่านั้น
4
สัดส่วนทรัพยากรน้้าของโลกที่มี และที่มนุษย์ใช้ได้
การใช้ทรัพยากรน้้า: การใช้โดยตรง
น้้าจืด เกิดจากน้้าทะเล และน้้าบนผิวดินที่ระเหยขึ้นและกลั่นตัวลงมา โดย
ธรรมชาติแล้ว จึงบอกได้ว่า น้้าที่น้าใช้ได้นี้ไม่มีวันหมดไป แต่น้้าที่มนุษย์
สามารถน้าใช้ได้นี้ มันมีปริมาณจ้ากัดอยู่ในแต่ละปี
โดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์เราใช้น้้าสะอาดในการกินการอาบและใช้ใน
ชีวิตประจ้าวันอยู่ที่ประมาณปีละ 20 – 30 ลูกบากศ์เมตร การใช้น้้าตรงนี้อาจ
มีมากน้อยตามข้อจ้ากัดของแต่ละพื้นที่
5
การใช้ทรัพยากรน้้า: โครงสร้างการใช้น้้าของมนุษย์
การใช้น้้าของมนุษย์เรานั้น เราใช้ดื่ม เราใช้ปรุงอาหาร ใช้อาบท้าความ
สะอาด ใช้ซักเสื้อผ้า ล้างท้าความสะอาดบ้าน และใช้รดสวนเล็กๆน้อยๆ
ความต้องการขั้นต่้าที่ทาง WHOประเมินออกมาจะอยู่ที่ 70 L ต่อคนต่อวัน
หรือ 25 ลบมต่อคนต่อปี แต่ตรงนี้ เรา ยังไม่รวมถึงการบริโภคทางอ้อม เช่น
การใช้น้้าในภาคการเกษตร หรือ การใช้ในภาคอุตสาหกรรม
การใช้ทรัพยากรน้้า: การใช้ทรัพยากรน้้าทางอ้อม
การใช้น้้าทางอ้อมเหล่านี้ เมื่อเทียบแล้ว จะอยู่ที่ 90% ของการใช้น้้าของ
ประเทศไทย ถ้าเราจะลองค้านวณดูง่ายๆ น้้าในเขื่อนของประเทศไทยมี
รวมๆกันอยู่ 35,000 ล้าน ลบม และเราใช้หมดใน 1 ปี เฉลี่ยตัวเลขออกมา
นับที่ประชากร 60 ล้านคน การใช้น้้าของไทยเราก็จะอยู่ที่ 577 ลบม ต่อคน
ต่อปีเป็นอย่างน้อย แน่นอนตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงการใช้น้้าบาดาล หรือการ
เก็บกักน้้าจากฝายชุมชน ในระดับโลก ประเมินว่า การใช้น้้าทางอ้อมนี้
มากกว่าการใช้ทางตรงถึง 10 เท่า และส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานในภาค
การเกษตร
6
การใช้ทรัพยากรน้้า: น้้าที่แฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์
ในรายละเอียดการใช้น้้า ของภาคการเกษตร เราอาจตกใจที่จะต้องรู้ว่า
ข้าวที่เรากินนั้น มีการใช้น้้าถึง 1,500 ลิตรต่อกิโลกรัมข้าวเลยทีเดียว และยิ่ง
ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ ตัวเลขก็จะยิ่งสูงเพราะปริมาณของอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ก็มี
น้้าปริมาณหนึ่งที่ต้องใช้ในการเพาะปลูกขึ้นมาเช่นกัน
น้า (Water)
น้า คือสารอาหารที่สาคัญที่สุดของร่างกาย เพราะว่า 4/5 ส่วนของน้าหนักตัวก็คือน้า มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้
หลายสัปดาห์หากขาดอาหารแต่จะอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้า โดยน้าทาหน้าที่เป็นตัวทาละลายหลักสาหรับ
อาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะ แต่ยังไม่มีปริมาณที่ให้ดื่มเฉพาะเจาะจงในแต่ละวัน เพราะการสูญเสียน้า
ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วการดื่มน้าประมาณ 8 แก้วต่อวันถือว่าดีต่อสุขภาพ
สาหรับผู้สูงอายุจะไม่ค่อยมีความรู้สึกกระหายน้า แม้ในยามที่ร่างกายต้องการก็ตาม โดยกาแฟและเครื่องดื่มที่มี
แอลกอฮอล์มักจะทาให้ร่างกายขาดน้า และไม่นับสิ่งเหล่านี้เป็นปริมาณน้าที่ดื่มในแต่ละวันรวมไปถึงนมด้วย
เพราะนมเป็นอาหารดังนั้นไม่ควรจะคิดว่าการดื่มนมนั้นจะทดแทนการดื่มน้าเปล่าได้ สาหรับหญิงให้นมบุตรอาจ
ต้องการน้าเพิ่มมากขึ้นจากปกติ เนื่องจากต้องสูญเสียน้าไปในน้านม หรือถ้าหากคุณเป็นไข้หวัด คุณควรพยายามดื่ม
น้าเยอะๆ เพื่อป้ องกันอาการขาดน้า และเพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย สาหรับผู้ที่มักมีปัสสาวะสีเหลืองเข้ม
อาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าร่างกายของคุณกาลังต้องการน้าเพิ่มมากขึ้น
สาหรับผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน ไอบูโทรเฟน ยาปฏิชีวนะ คุณควรดื่มน้าตามมากๆ เพราะยาเหล่านี้จะทาให้เกิด
การระคายเคืองที่กระเพาะ คุณไม่ควรดื่มน้าจากก๊อกน้าร้อน เพราะน้าร้อนอาจจะไปละลายสารตะกั่วจากท่อออกมา
ได้หรือสาหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ใช้น้ากระด้าง ร่างกายคุณอาจจะต้องได้รับแคลเซียมและแมกนีเซียมเพิ่มขึ้น
คุณไม่ควรนาขวดน้าพลาสติกที่มีน้าอยู่ไปแช่แข็ง เพราะจะทาให้สารไดออกซิน (สารก่อมะเร็ง) ออกมาจาก
7
พลาสติกได้! และสาหรับบ้านใครที่มีท่อน้าเป็นตะกั่ว ควรให้หน่วยงานที่ดูแลด้านสุขภาพในพื้นที่มาวิเคราะห์
สภาพน้าให้ เพราะน้าที่มีค่า pH ไม่ถูกต้องอาจละลายสารตะกั่วออกมาจากท่อก็เป็นได้
ประโยชน์ของน้าดื่ม
 ประโยชน์ของน้าดื่ม ช่วยให้สุขภาพผิวดูมีน้ามีนวล เปล่งปลั่งสดใส
 น้าช่วยป้ องกันการเกิดริ้วรอยได้เพราะช่วยป้ องกันไม่ให้ผิวของเราแห้งกร้าน
 ช่วยให้ดวงตาของคุณดูสดใส มีชีวิตชีวา
 ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
 ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
 ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลในร่างกาย
 ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย สบายใจ
 น้าช่วยให้สมองทางานได้ไว และดียิ่งขึ้น
 ช่วยทาให้เกิดสมาธิมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนควรให้ความสาคัญ
 ช่วยลดการเกิดกลิ่นปาก
 ช่วยชะลอความแก่ ทาให้เซลล์ต่างๆในร่างกายไม่ขาดน้า และทางานได้อย่างเป็นปกติ
 ช่วยลดอาการเครียด สาหรับผู้ที่อยู่ในวัยทางานจึงเป็นสิ่งจาเป็น อย่าเครียดจนลืมดื่มน้า!
 น้าช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเราได้ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่
 น้าสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับผิวหนังของคุณได้แถมยังป้ องกันเชื้อโรคต่างๆที่จะเข้าสู่ร่างกาย
ได้อีกด้วย
 ช่วยลดการปวดหลังหรือบั้นเอว
 ช่วยลดอาการปวดข้อต่างๆ
 ช่วยให้ข้อต่อต่างๆในร่างกายทางานได้ดียิ่งขึ้น เคลื่อนไหวไปมาได้
สะดวก
 รู้หรือไม่ว่าน้าก็คือยาวิเศษดีๆนี่เอง ถึงแม้จะไม่เห็นผลทันตาแต่ก็
สามารถช่วยรักษาโรคหลายๆชนิดได้
 น้าช่วยลดอาการการปวดศีรษะและไมเกรนได้ไม่มากก็น้อย เพราะผู้ป่วย
ไมเกรนหากร่างกายขาดน้าหรือได้รับไม่เพียงพอแล้ว อาการปวดหัว
อาจจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
 ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะทาให้ระบบย่อยอาหารทาหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วย
ป้ องกันโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย
 สาหรับผู้ที่ท้องผูกน้าคือสิ่งจาเป็นอย่างมาก
 น้ามีส่วนช่วยในการลดน้าหนักตัว โดยไปลดความอยากอาหารก่อนการรับประทานอาหารนั่นเอง
8
 การดื่มน้าอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายของเราให้ลดลงได้
 ช่วยให้หัวใจทางานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพ
 ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
 ช่วยรักษาสุขภาพไตให้แข็งแรง
 ประโยชน์ของการดื่มน้า ประการสุดท้ายก็คือช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่วในไต
โทษของน้า
 โรคที่เกิดจากการขาดน้าที่เรามักพบเห็นก็คือ โรคภาวะขาดน้า หรือ ดีไฮเดรชัน
(Dehydration)
 การดื่มน้าประมาณ 1 – 1.15 แกลลอน หรือ 16-24 แก้ว ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อาจทา
ให้เกิดอันตรายในวัยผู้ใหญ่ หรืออาจทาให้เด็กอ่อนเสียชีวิตได้
 การดื่มน้าระหว่างหรือรับประทานอาหารทันทีหรือบ่อยๆ อาจส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร
ทาให้ไม่สามารถทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้
ประโยชน์ของน้า
 ประโยชน์ของน้าในเรื่องอื่นๆ มนุษย์ทั่วไปใช้น้าในบ้านเรือน เช่น อาบน้า ซักผ้า ชาระล้าง ปรุงอาหาร เป็นต้น
 น้าในด้านอุตสาหกรรมเช่น เช่น อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการถลุงเหล็ก เป็นต้น
 ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้าต่างๆ
 ใช้เป็นทางคมนาคมขนส่ง เช่น ทางเรือ เป็นต้น
 พลังงานของน้าในเขื่อนสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้
 ใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร เช่น การเพาะปลูกต่างๆ
การดื่มน้าอย่างถูกวิธี
 น้าที่ดื่มถ้าจะให้ดีต้องเป็นน้าอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนมากหรือเย็นจัด แต่ก็ยกเว้นในบางกรณี เช่น ตอนเช้าถ้า
เป็นไปได้ควรดื่มน้าอุ่นเพราะจะช่วยในการขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น ลาไส้ก็จะสะอาดมากขึ้นตามไปด้วย
 การดื่มนั้นที่ถูกต้องนั้น ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือจะให้ดีก็วันละ 14 แก้ว หรือโดยเฉลี่ยแล้วควร
ดื่มน้าให้เพียงพอกับน้าหนักตัวของคุณ เช่น ถ้าคุณมีน้าหนัก 60 kg. ก็ควรดื่มน้าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
9
หรือประมาณ 10 แก้วนั่นเอง (กรณีนี้ให้นับรวมปริมาณอื่นๆด้วย เช่น น้าจากผักผลไม้แกง ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ
ด้วย)
 ในตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือก่อนแปรงฟัน ควรดื่มน้า 2-4 แก้ว เป็นน้าอุ่นๆได้ก็จะดีมาก
 ในระหว่างวัน ควรดื่มน้า 1 แก้วทั้งก่อนและหลังมื้ออาหาร ทุกๆมื้อ และในระหว่างช่วง สาย บ่าย เย็น ก็
ควรดื่มน้าอีกครั้งละ 1 แก้ว
 ในช่วงก่อนนอน น้าอุ่นๆสัก 1 แก้วจะดีมาก
 การดื่มน้าควรดื่มครั้งละแก้ว และที่สาคัญไม่ควรดื่มรวดเดียวหลายๆแก้ว เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย
ซึ่งอาจทาให้เกิดภาวะ “น้าเป็นพิษได้”
 อย่าดื่มน้ามากเกินไปก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือถ้าจะดื่มก็ควรดื่มน้าก่อนสัก
ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 45 นาที
 ในระหว่างรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้าตลอดเวลา เพราะจะทาให้น้าย่อยใน
กระเพาะอาหารเจือจาง ทาให้ระบบย่อยทางานได้ไม่ดี
 ภายหลังจากรับประทานอาหารเสร็จไม่ควรดื่มน้าทันที เพราะจะทาให้น้าย่อยใน
กระเพาะเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยอาหารทางานได้ไม่เต็มที่ โดยควรดื่มหลังจาก
รับประทานอาหารเสร็จแล้วครึ่งชั่วโมง
 หลีกเลี่ยงการดื่มน้าเย็นและน้าอัดลม เพราะน้าเย็นจะไปดึงความร้อนในร่างกายมา
ทาให้น้าที่เราดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิเท่ากับร่างกาย จึงจะดูดซึมได้ทาให้ร่างกายเสียเวลาในการปรับสมดุล
และสูญเสียพลังงาน
 สาหรับคุณผู้หญิงบางท่านที่มักมีอาการปวดประจาเดือน ช่วงที่มีประจาเดือนควรงดดื่มน้าเย็น เพราะการ
ดื่มน้าเย็นจะทาให้อาการปวดทวีความรุนแรงมากขึ้น
10
จากข่าวการเสียชีวิตของนายสายันต์ ก่อนเกียง อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้าง
ก่อสร้าง ที่จ.สุพรรณบุรีนั้น ผู้ตายท้างานหนักท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว
และรู้สึกกระหายน้้า จึงกลับมาดื่มน้้าเย็นจัดในกระติกที่ใส่น้้าแข็งไว้เบื้องต้น
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะอยู่ในช่วงที่ร่างกายทั้งข้างนอก และ
ภายในร้อนจัด รวมทั้งคอแห้งต้องการน้้ามาก จากนั้นด้วยความกระหายได้
ยกกระติกใส่น้้าแข็งที่เย็นจัดดื่มเข้าไปรวดเร็ว ส่งผลท้าให้ร่างกายปรับสภาพ
ไม่ทันจนหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งนี้ยังต้องรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการ
เสียชีวิตที่ชัดเจนอีกครั้งที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดกรณีการเสียชีวิตเพราะดื่มน้้า
เย็นมาก่อน ผู้ตายเองอาจจะมีโรคประจ้าตัวอย่างอื่นก็เป็นได้ แต่ด้วย
เหตุการณ์นี้ สร้างความสงสัยให้กับหลายๆคนว่า จริงๆแล้วการดื่มน้้าเย็นมี
โทษอย่างไร
1. ดื่มน้้าเย็นจัด ท้าให้ขีดความสามารถในการท้างานของสมองลดลง
วารสารนิวไซเอินทิสต์ (New Scientist Journal) ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยของ
ทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษ พบว่า คนที่ดื่มน้้าเย็นจัดใน
ยามที่ร่างกายไม่ได้เกิดความรู้สึกกระหายน้้านั้น จะท้าให้ขีดความสามารถ
ในการท้างานของสมองลดลงไปทันที โดยน้้าเย็นจัดเพียงแค่แก้วเดียวก็มาก
พอที่จะท้าให้สมรรถภาพทางจิตใจของบางคนลดลงไปถึง 15%
11
ดร.ปีเตอร์ โรเจอร์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลและทีมงาน ได้
ทดสอบผลกระทบของน้้าต่อกลุ่มอาสาสมัครจ้านวน 60 คน ก่อนการทดสอบ
นั้น กลุ่มอาสาสมัครส่วนหนึ่งไม่ดื่มน้้าอะไรเลย และอีกส่วนหนึ่งดื่มน้้าก๊อก
แช่เย็นจัดที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ในปริมาณ1 แก้ว หรือ 300 มิลลิลิตร
ปรากฏว่าคนที่กระหายน้้าก่อนการทดสอบและดื่มน้้าเข้าไป สามารถท้า
แบบทดสอบได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มอะไรประมาณ 10% ส่วนกลุ่มที่ไม่รู้สึก
กระหายน้้าแต่ดื่มน้้าเย็นจัด ปรากฏว่าขีดความสามารถในการท้าแบบทดลอง
ลดลงไปถึง 15 %
นักวิจัยสรุปว่า การดื่มน้้าเย็นจัดมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อขีด
ความสามารถในการขับรถ หรือท้างานที่ต้องใช้สมอง หรือความคิดมาก ๆ
โดยอุณหภูมิของน้้าดื่มอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท้าให้เกิดผลกระทบต่อสมอง
2. ดื่มน้้าเย็นจัด ท้าให้รู้สึกปวดหัวจี๊ด
เวลาอากาศร้อนๆ แล้วเรารีบดื่มน้้าเย็นจัดๆ เข้าไป ก็มักจะมีอาการปวดหัวจี๊ด
ขึ้นสมองกันแทบทุกคน เคยสงสัยมั้ยว่ามันเป็นเพราะอะไร อาการปวดหัว
แบบนี้เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดในสมอง ที่เมื่อถูกความเย็นจัดๆ เส้นเลือดก็จะ
ตีบลง ท้าให้รู้สึกเจ็บปวด เช่นเดียวกับเมื่อคุณปวดฟันแล้วกินของหวานเข้า
ไป อาการปวดก็จะไม่ได้มีเพาะที่ฟันเท่านั้นแต่ยังจี๊ดขึ้นไปถึงสมองของคุณ
ด้วย หรือเวลาอากาศร้อนมากๆ เราก็จะปวดหัวเพราะเส้นเลือดในสมอง
ขยายตัวเกินกว่าปกตินั่นเอง ดังนั้น ถ้าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงชนิด
เฉียบพลัน คุณก็อาจจะปวดหัวจี๊ดได้เหมือนกัน
อาการปวดหัวจี๊ด…ขึ้นสมองนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะตอนดื่มน้้าเย็น น้้าแข็งปั่น
น้้าแข็งใส แม้แต่กินไอศครีม ก็ปวดหัวได้เหมือนกัน อาการนี้เขาเรียก
ไอศกรีม เฮดเอดซ์ส (Ice cream headache) สาเหตุเพราะว่าของพวกนี้มี
ความเย็นจัด เมื่อความเย็นสัมผัสเส้นประสาทในปากจะท้าให้เส้นประสาท
ทั้งหลายเกิดอาการช็อก โดยเฉพาะแถว ๆ เพดานปากด้านใน อาการช็อกนี้
ยังท้าให้เส้นเลือดแดงที่ส่งสัญญาณไปสมองเกิดการขยายตัวและหดตัวแบบ
ทันทีทันใด ท้าให้เปลือกหุ้มสมองมีปริมาณเลือดน้อยลง สมองจะปวดชา
ยาวนานหลายวินาที อาการนี้มักเกิดในช่วงที่อากาศร้อนมาก ๆ เพราะ
อุณหภูมิภายนอกกับภายในร่างกายแตกต่างกันเกินไป วิธีแก้อาการนี้ให้สูด
ลมหายใจเข้าลึก ๆ สักพักจะดีขึ้น และหลีกเลี่ยงการกินของเย็นจัดๆ
3. ดื่มน้้าเย็นจัด ท้าลายระบบย่อยอาหาร
12
ในระบบการย่อยอาหารของคนเรา จะมีการหลั่งสารคัดหลั่งออกมาจ้าพวก
เอ็นไซม์เพื่อย่อยอาหาร ซึ่งสารเหล่านี้ ออกแบบมาให้ท้างานได้ดีกับอุณหภูมิ
ปกติของร่างกายของเรา ซึ่งอุณหภูมิต่้าๆ จะไปลดการท้างานของเอนไซม์ที่
จะมาย่อยอาหารเหล่านี้ท้าให้การย่อยไม่ดี นอกจากนี้ในระบบทางเดิน
อาหารของเรา ยังประกอบด้วยกล้ามเนื้อต่างๆอีกด้วย กล้ามเนื้อพวกนี้ถ้า
ได้รับความเย็นจากน้้าเย็นๆก็จะท้าให้เกิดอาการชา (เหมือนเวลาหน้าหนาว
ที่อากาศหนาวจัดๆปลายนิ้วมือนิ้วเท้าจะชาๆ จากความเย็น) และท้าให้เกิด
การบีบตัว คลุกเคล้าอาหารที่จะท้าการย่อยได้ไม่ดีก็เป็นปัญหาในระบบ
ทางเดินอาหารอีกเช่นกัน
ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ท้าให้ท้องอืดท้องเฟ้อ ระบบการย่อยไม่ดี และ
อาจท้าให้เกิดเป็นโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย ดังนั้น เราควรดื่มน้้าเย็นให้
น้อยลง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
4. ดื่มน้้าเย็นจัด ในระหว่างเป็นประจ้าเดือนท้าให้ป่วยง่ายและปวดท้องมากขึ้น
ในช่วงระหว่างที่เป็นประจ้าเดือน ฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิงจะแปรปรวน ไม่
สมดุล ท้าให้ป่วยได้ง่าย ภูมิคุ้มกันลดลง การดื่มน้้าเย็นจัดหรือแม้กระท้า
อาบน้้าเย็นๆ จะท้าให้อุณหภูมิในร่างกายต้องปรับตัวลดลงไปด้วย บางครั้ง
อาจเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย และการดื่มน้้าเย็นจัดยังท้าให้ปวดท้อง
ประจ้าเดือนมากกว่าปกติอีกด้วย
6 เหตุผลที่ต้องดื่มน้้าอุ่นตอนเช้าเพื่อสุขภาพ
1.ส่งผลดีโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ น้้าจะเข้าไปช้าระล้างสิ่งสกปรก
ต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายออก เพื่อ ให้ท้างานได้ตามปกติ
2 ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เนื่องจากน้้าอุ่นช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มอัตรา
การไหลเวียนเลือดได้ถึง 3,000 มิลลิลิตรต่อนาที ท้าให้เอนไซต์ภายในเซลล์
ท้างานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปกป้องเซลล์ ท้าให้ผิวพรรณดี มีความสม
ดูล ท้าให้เนื้อเยื่อแข็งแรงขึ้น
3. ส่งผลดีต่อโรคเกาต์ ความดัน คอเลสเตอรอล เพราะเหล่านี้เป็นผลมาจาก
การขาดน้้าทั้งนั้น
4. เพราะความร้อนของน้้าจะช่วยให้การหมุนเวียนเลือดและของเหลวใน
ร่างกายดีขึ้น ซึ่งจะช่วยก้าจัดของเสียและไขมันส่วนเกินได้
5. ดีต่อระบบย่อยอาหาร ท้าให้เราได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหาร
สารอาหารครบถ้วน
6.ช่วยเรื่องความเครียด ท้าให้จิตแจ่มใส
สมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง
13
วิธีด้าเนินงาน
แนวทางการด้าเนินงาน
 ก้าหนดหัวข้อโครงงาน
 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
 จัดท้าโครงงานคอมพิวเตอร์
 น้าเสนอรายงานให้ครูที่ปรึกษา เพื่อรับข้อเสนอแนะ และจุดบกพร่อง
ต่างๆ
 ประเมินผลงาน โดยน้าเสนอในรูปแบบ Power Point แล้วให้ครูที่
ปรึกษาประเมินผลงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
 Computer
 Microsoft PowerPoint
 Adobe photoshop
งบประมาณ
-
ขั้นตอนและแผนด้าเนินงาน
ล้า
ดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิด
ชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
17
1 คิดหัวข้อโครงงาน √ √
2 ศึกษาและค้นคว้า
ข้อมูล
√ √
3 จัดท้าโครงร่างงาน √ √
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
√ √ √ √ √
5 ปรับปรุงทดสอบ √ √
6 การท้า
เอกสารรายงาน
√ √
7 ประเมินผลงาน √
8 น้าเสนอโครงงาน √
14
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการท้า
โครงงาน)
 ผู้สนใจมีความเข้าใจในความส้าคัญเกี่ยวกับน้้ามากขึ้น
 ได้น้าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์
สถานที่ด้าเนินการ
 โรงเรียน
 บ้าน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
 กลุ่มสาระสุขศึกษา
 กลุ่มสาระการานอาชีพ และเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่น้ามาใช้การท้าโครงงาน)
 http://nandamization.blogspot.com/2012/04/14000-0.html
 http://environment.ekstepza.ws/water-cycle.html
 http://health.mthai.com/howto/5153.html
 http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=2976&read=tru
e&count=true

More Related Content

What's hot

โครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติก
โครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติกโครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติก
โครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติกพัน พัน
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...ssuser858855
 
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)Pongpan Pairojana
 
แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิต
แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิตแบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิต
แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิตsripayom
 
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...Suricha Phichan
 
กระดาษเส้น
กระดาษเส้นกระดาษเส้น
กระดาษเส้นTik Msr
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์สมศรี หอมเนียม
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทAekapoj Poosathan
 
ตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงานตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงานSamorn Tara
 
โครงงานภาษาอังกฤษ
โครงงานภาษาอังกฤษโครงงานภาษาอังกฤษ
โครงงานภาษาอังกฤษSamrit Kung
 
โครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคม
โครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคมโครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคม
โครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคมจตุรพล ชานันโท
 
แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้
แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้
แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้เทวัญ ภูพานทอง
 
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดพัน พัน
 
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013Kruthai Kidsdee
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมdnavaroj
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องKittichai Pinlert
 
โครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วง
โครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วงโครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วง
โครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วงchanon leedee
 
โครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติดโครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติดพัน พัน
 

What's hot (20)

โครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติก
โครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติกโครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติก
โครงงานการประดิษฐ์กระถางจากขวดพลาสติก
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
 
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
 
แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิต
แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิตแบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิต
แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์ป.1สิ่งมีชีวิต
 
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
โครงงานวิชาไอเอส เรื่องความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท...
 
กระดาษเส้น
กระดาษเส้นกระดาษเส้น
กระดาษเส้น
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
 
ตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงานตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงาน
 
โครงงานภาษาอังกฤษ
โครงงานภาษาอังกฤษโครงงานภาษาอังกฤษ
โครงงานภาษาอังกฤษ
 
โครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคม
โครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคมโครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคม
โครงการจิตอาสาเพื่อชุมชนและสังคม
 
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
 
แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้
แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้
แบบบันทึกการศึกษาแหล่งเรียนรู้
 
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
 
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
โครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วง
โครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วงโครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วง
โครงงานงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ใบฝรั่งลดผมร่วง
 
โครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติดโครงงานยาเสพติด
โครงงานยาเสพติด
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 

Similar to 2557 โครงงานน้ำ

โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวkchwjrak
 
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวi_drm
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Tmw Pcy
 
โครงงานร่าง
โครงงานร่างโครงงานร่าง
โครงงานร่างAom Nachanok
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Sk'b Methasith
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพศิริวรรณ นามสวัสดิ์
 
โครงร่าง1
โครงร่าง1โครงร่าง1
โครงร่าง1qnlivyatan
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Sk'b Methasith
 
แบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงาน
แบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงานแบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงาน
แบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงานfahham
 
โครงร่าง โครงงานน้ำผัก
โครงร่าง โครงงานน้ำผักโครงร่าง โครงงานน้ำผัก
โครงร่าง โครงงานน้ำผักJorJames Satawat
 
โครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหารโครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหารBenaun Pbll
 
งานคอมสาว
งานคอมสาวงานคอมสาว
งานคอมสาวChatika Ruankaew
 

Similar to 2557 โครงงานน้ำ (20)

2561 project 41
2561 project 412561 project 41
2561 project 41
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
โครงงาน เลขที่-4-8 คู่
โครงงาน เลขที่-4-8 คู่โครงงาน เลขที่-4-8 คู่
โครงงาน เลขที่-4-8 คู่
 
Project
ProjectProject
Project
 
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
 
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าวโครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
โครงงานประโยชน์ของมะพร้าว
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
1
11
1
 
โครงงานร่าง
โครงงานร่างโครงงานร่าง
โครงงานร่าง
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
 
โครงร่าง1
โครงร่าง1โครงร่าง1
โครงร่าง1
 
2560 project
2560 project2560 project
2560 project
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
เผ็ดจังหม่าล่า
เผ็ดจังหม่าล่าเผ็ดจังหม่าล่า
เผ็ดจังหม่าล่า
 
แบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงาน
แบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงานแบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงาน
แบบฟอร มเข ยนโครงร_างโครงงาน
 
โครงร่าง โครงงานน้ำผัก
โครงร่าง โครงงานน้ำผักโครงร่าง โครงงานน้ำผัก
โครงร่าง โครงงานน้ำผัก
 
โครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหารโครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหาร
 
งานคอมสาว
งานคอมสาวงานคอมสาว
งานคอมสาว
 
Project thitinan
 Project thitinan Project thitinan
Project thitinan
 

More from Bengelo

น้ำนั้นสำคัญฉะไหน
น้ำนั้นสำคัญฉะไหนน้ำนั้นสำคัญฉะไหน
น้ำนั้นสำคัญฉะไหนBengelo
 
กิจกรรม2 8
กิจกรรม2 8กิจกรรม2 8
กิจกรรม2 8Bengelo
 
ความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlogความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlogBengelo
 

More from Bengelo (9)

น้ำนั้นสำคัญฉะไหน
น้ำนั้นสำคัญฉะไหนน้ำนั้นสำคัญฉะไหน
น้ำนั้นสำคัญฉะไหน
 
กิจกรรม2 8
กิจกรรม2 8กิจกรรม2 8
กิจกรรม2 8
 
6
66
6
 
5
55
5
 
4
44
4
 
3
33
3
 
2
22
2
 
1
11
1
 
ความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlogความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlog
 

2557 โครงงานน้ำ

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2557 ชื่อโครงงาน น้้านั้นส้าคัญฉะไหน ชื่อผู้ท้าโครงงาน 1.นาย นเรนทร์ฤทธิ์ เทพวงค์ เลขที่ 4 ชั้น ม.6 ห้อง 2 2. นางสาว พิมพ์ชนก ชัยวงศ์ เลขที่ 5 ชั้น ม.6 ห้อง 2 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาด้าเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดท้าข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1.นาย นเรนทร์ฤทธิ์ เทพวงค์ เลขที่ 4 2.นางสาว พิมพ์ชนก ชัยวงศ์ เลขที่ 5 ค้าชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) น้้านั้นส้าคัญฉะไหน ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) what is water Important ? ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์สื่อเพื่อการศึกษา ชื่อผู้ท้าโครงงาน 1.นาย นเรนทร์ฤทธิ์ เทพวงค์ 2.นางสาว พิมพ์ชนก ชัยวงศ์ ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาด้าเนินงาน พฤษภาคม 2557 – กุมภาพันธ์ 2558 ที่มาและความส้าคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการท้าโครงงาน) น้าดื่มสะอาดเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แม้ว่าน้าจะไม่มีแคลอรีหรือสารอาหารที่เป็น สารประกอบอินทรีย์ใดๆ การเข้าถึงน้าดื่มสะอาดได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาในเกือบทุกส่วน ของโลก แต่ประชากรประมาณ 1 พันล้านคนยังคงขาดแคลนน้าดื่มสะอาดและกว่า 2.5 พันล้านคนขาดแคลน สุขอนามัยที่เพียงพอ มีความเกี่ยวพันกันเรื่องน้าสะอาดและค่า GDP ต่อคน อย่างไรก็ดี นักสังเกตบางคน ประมาณไว้ว่าภายในปี ค.ศ. 2025 ประชากรโลกมากกว่าครึ่งหนึ่งจะประสบปัญหาความเสี่ยงที่เกี่ยวกับ น้า รายงานล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 รายงานว่า ภายในปี ค.ศ. 2030 ในพื้นที่ประเทศที่กาลัง พัฒนาจะมีความต้องการน้าจะเพิ่มขึ้นเกิดปริมาณน้าที่มีกว่า 50% น้ามีบทบาทสาคัญในเศรษฐกิจโลก เนื่องจาก น้าเป็นตัวทาละลายของสารเคมีหลากหลายชนิดและอานวยความสะดวกในเรื่องการให้ความเย็นใน ภาคอุตสาหกรรมและการคมนาคม น้าจืดประมาณ 70% มนุษย์ใช้ไปกับเกษตรกรรม เราจึงนา ความรู้ความสาคัญในเรื่องของน้ามานาเสนอในรูปแบบ Microsoft PowerPoint เพื่อง่าย แก่การศึกษา และตระหนักถึงคุณค่าความสาคัญของน้า
  • 3. 3 วัตถุประสงค์ 1.เพื่อเป็นสื่อให้ความรู้เกี่ยว ความหมาย ความส้าคัญ ประโยชน์ ของน้้า และ การดื่มที่ถูกต้อง 2.เพื่อให้ทุกคนน้าไปประยุคใช้ในชีวิตประจ้าวัน ขอบเขตโครงงาน 1.จัดท้าโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง น้านั้นสาคัญฉะไหน โดยน้าเนอในรูปแบบของ power point 2.ศึกษา ความหมาย ความส้าคัญ ประโยชน์ ของน้้า และ การดื่มน้้าที่ถูกต้อง หลักการและทฤษฎี น้้า คือ อะไร??? น้้าหมายถึง ของเหลวเกิดจากการรวมตัวกันของก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซ ออกซิเจนในภาวะที่เหมาะสมหรือความหมายในลักษณะเป็น ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สิ่งที่น้ามาใช้อุปโภค บริโภค ช้าระล้างร่างกาย ใช้ในการเพาะปลูก การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคมนาคมทางน้้า การ ผลิตพลังงาน ทรัพยากรน้้ายังเป็นทรัพยากรประเภทหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้น ทดแทนอยู่ตลอดเวลาเป็นวัฎจักร ทรัพยากรน้้าของโลก โลกเรามีน้้าอยู่ทั้งสิ้น 14,000 ล้านลูกบากศ์กิโลเมตร แต่ส่วนใหญ่เป็นน้้าเค็ม น้้าจืดที่อยู่บนโลกนั้น บางส่วนก็เป็นน้้าแข็งที่ขั้วโลกซึ่งเราน้ามาใช้ไม่ได้ บางส่วน ไปตกอยู่ในป่าเขาซึ่งอยู่นอกขอบเขตที่มนุษย์จะเข้าถึง ปริมาณน้้า จืดที่มนุษย์จะใช้ได้ มีอยู่เพียง 0.001% ของปริมาณน้้าที่อยู่บนโลกนี้เท่านั้น
  • 4. 4 สัดส่วนทรัพยากรน้้าของโลกที่มี และที่มนุษย์ใช้ได้ การใช้ทรัพยากรน้้า: การใช้โดยตรง น้้าจืด เกิดจากน้้าทะเล และน้้าบนผิวดินที่ระเหยขึ้นและกลั่นตัวลงมา โดย ธรรมชาติแล้ว จึงบอกได้ว่า น้้าที่น้าใช้ได้นี้ไม่มีวันหมดไป แต่น้้าที่มนุษย์ สามารถน้าใช้ได้นี้ มันมีปริมาณจ้ากัดอยู่ในแต่ละปี โดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์เราใช้น้้าสะอาดในการกินการอาบและใช้ใน ชีวิตประจ้าวันอยู่ที่ประมาณปีละ 20 – 30 ลูกบากศ์เมตร การใช้น้้าตรงนี้อาจ มีมากน้อยตามข้อจ้ากัดของแต่ละพื้นที่
  • 5. 5 การใช้ทรัพยากรน้้า: โครงสร้างการใช้น้้าของมนุษย์ การใช้น้้าของมนุษย์เรานั้น เราใช้ดื่ม เราใช้ปรุงอาหาร ใช้อาบท้าความ สะอาด ใช้ซักเสื้อผ้า ล้างท้าความสะอาดบ้าน และใช้รดสวนเล็กๆน้อยๆ ความต้องการขั้นต่้าที่ทาง WHOประเมินออกมาจะอยู่ที่ 70 L ต่อคนต่อวัน หรือ 25 ลบมต่อคนต่อปี แต่ตรงนี้ เรา ยังไม่รวมถึงการบริโภคทางอ้อม เช่น การใช้น้้าในภาคการเกษตร หรือ การใช้ในภาคอุตสาหกรรม การใช้ทรัพยากรน้้า: การใช้ทรัพยากรน้้าทางอ้อม การใช้น้้าทางอ้อมเหล่านี้ เมื่อเทียบแล้ว จะอยู่ที่ 90% ของการใช้น้้าของ ประเทศไทย ถ้าเราจะลองค้านวณดูง่ายๆ น้้าในเขื่อนของประเทศไทยมี รวมๆกันอยู่ 35,000 ล้าน ลบม และเราใช้หมดใน 1 ปี เฉลี่ยตัวเลขออกมา นับที่ประชากร 60 ล้านคน การใช้น้้าของไทยเราก็จะอยู่ที่ 577 ลบม ต่อคน ต่อปีเป็นอย่างน้อย แน่นอนตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงการใช้น้้าบาดาล หรือการ เก็บกักน้้าจากฝายชุมชน ในระดับโลก ประเมินว่า การใช้น้้าทางอ้อมนี้ มากกว่าการใช้ทางตรงถึง 10 เท่า และส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานในภาค การเกษตร
  • 6. 6 การใช้ทรัพยากรน้้า: น้้าที่แฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ ในรายละเอียดการใช้น้้า ของภาคการเกษตร เราอาจตกใจที่จะต้องรู้ว่า ข้าวที่เรากินนั้น มีการใช้น้้าถึง 1,500 ลิตรต่อกิโลกรัมข้าวเลยทีเดียว และยิ่ง ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ ตัวเลขก็จะยิ่งสูงเพราะปริมาณของอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ก็มี น้้าปริมาณหนึ่งที่ต้องใช้ในการเพาะปลูกขึ้นมาเช่นกัน น้า (Water) น้า คือสารอาหารที่สาคัญที่สุดของร่างกาย เพราะว่า 4/5 ส่วนของน้าหนักตัวก็คือน้า มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ หลายสัปดาห์หากขาดอาหารแต่จะอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้า โดยน้าทาหน้าที่เป็นตัวทาละลายหลักสาหรับ อาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะ แต่ยังไม่มีปริมาณที่ให้ดื่มเฉพาะเจาะจงในแต่ละวัน เพราะการสูญเสียน้า ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วการดื่มน้าประมาณ 8 แก้วต่อวันถือว่าดีต่อสุขภาพ สาหรับผู้สูงอายุจะไม่ค่อยมีความรู้สึกกระหายน้า แม้ในยามที่ร่างกายต้องการก็ตาม โดยกาแฟและเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์มักจะทาให้ร่างกายขาดน้า และไม่นับสิ่งเหล่านี้เป็นปริมาณน้าที่ดื่มในแต่ละวันรวมไปถึงนมด้วย เพราะนมเป็นอาหารดังนั้นไม่ควรจะคิดว่าการดื่มนมนั้นจะทดแทนการดื่มน้าเปล่าได้ สาหรับหญิงให้นมบุตรอาจ ต้องการน้าเพิ่มมากขึ้นจากปกติ เนื่องจากต้องสูญเสียน้าไปในน้านม หรือถ้าหากคุณเป็นไข้หวัด คุณควรพยายามดื่ม น้าเยอะๆ เพื่อป้ องกันอาการขาดน้า และเพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย สาหรับผู้ที่มักมีปัสสาวะสีเหลืองเข้ม อาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าร่างกายของคุณกาลังต้องการน้าเพิ่มมากขึ้น สาหรับผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน ไอบูโทรเฟน ยาปฏิชีวนะ คุณควรดื่มน้าตามมากๆ เพราะยาเหล่านี้จะทาให้เกิด การระคายเคืองที่กระเพาะ คุณไม่ควรดื่มน้าจากก๊อกน้าร้อน เพราะน้าร้อนอาจจะไปละลายสารตะกั่วจากท่อออกมา ได้หรือสาหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ใช้น้ากระด้าง ร่างกายคุณอาจจะต้องได้รับแคลเซียมและแมกนีเซียมเพิ่มขึ้น คุณไม่ควรนาขวดน้าพลาสติกที่มีน้าอยู่ไปแช่แข็ง เพราะจะทาให้สารไดออกซิน (สารก่อมะเร็ง) ออกมาจาก
  • 7. 7 พลาสติกได้! และสาหรับบ้านใครที่มีท่อน้าเป็นตะกั่ว ควรให้หน่วยงานที่ดูแลด้านสุขภาพในพื้นที่มาวิเคราะห์ สภาพน้าให้ เพราะน้าที่มีค่า pH ไม่ถูกต้องอาจละลายสารตะกั่วออกมาจากท่อก็เป็นได้ ประโยชน์ของน้าดื่ม  ประโยชน์ของน้าดื่ม ช่วยให้สุขภาพผิวดูมีน้ามีนวล เปล่งปลั่งสดใส  น้าช่วยป้ องกันการเกิดริ้วรอยได้เพราะช่วยป้ องกันไม่ให้ผิวของเราแห้งกร้าน  ช่วยให้ดวงตาของคุณดูสดใส มีชีวิตชีวา  ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว  ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย  ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลในร่างกาย  ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย สบายใจ  น้าช่วยให้สมองทางานได้ไว และดียิ่งขึ้น  ช่วยทาให้เกิดสมาธิมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนควรให้ความสาคัญ  ช่วยลดการเกิดกลิ่นปาก  ช่วยชะลอความแก่ ทาให้เซลล์ต่างๆในร่างกายไม่ขาดน้า และทางานได้อย่างเป็นปกติ  ช่วยลดอาการเครียด สาหรับผู้ที่อยู่ในวัยทางานจึงเป็นสิ่งจาเป็น อย่าเครียดจนลืมดื่มน้า!  น้าช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเราได้ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่  น้าสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับผิวหนังของคุณได้แถมยังป้ องกันเชื้อโรคต่างๆที่จะเข้าสู่ร่างกาย ได้อีกด้วย  ช่วยลดการปวดหลังหรือบั้นเอว  ช่วยลดอาการปวดข้อต่างๆ  ช่วยให้ข้อต่อต่างๆในร่างกายทางานได้ดียิ่งขึ้น เคลื่อนไหวไปมาได้ สะดวก  รู้หรือไม่ว่าน้าก็คือยาวิเศษดีๆนี่เอง ถึงแม้จะไม่เห็นผลทันตาแต่ก็ สามารถช่วยรักษาโรคหลายๆชนิดได้  น้าช่วยลดอาการการปวดศีรษะและไมเกรนได้ไม่มากก็น้อย เพราะผู้ป่วย ไมเกรนหากร่างกายขาดน้าหรือได้รับไม่เพียงพอแล้ว อาการปวดหัว อาจจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น  ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะทาให้ระบบย่อยอาหารทาหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วย ป้ องกันโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย  สาหรับผู้ที่ท้องผูกน้าคือสิ่งจาเป็นอย่างมาก  น้ามีส่วนช่วยในการลดน้าหนักตัว โดยไปลดความอยากอาหารก่อนการรับประทานอาหารนั่นเอง
  • 8. 8  การดื่มน้าอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายของเราให้ลดลงได้  ช่วยให้หัวใจทางานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพ  ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย  ช่วยรักษาสุขภาพไตให้แข็งแรง  ประโยชน์ของการดื่มน้า ประการสุดท้ายก็คือช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่วในไต โทษของน้า  โรคที่เกิดจากการขาดน้าที่เรามักพบเห็นก็คือ โรคภาวะขาดน้า หรือ ดีไฮเดรชัน (Dehydration)  การดื่มน้าประมาณ 1 – 1.15 แกลลอน หรือ 16-24 แก้ว ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อาจทา ให้เกิดอันตรายในวัยผู้ใหญ่ หรืออาจทาให้เด็กอ่อนเสียชีวิตได้  การดื่มน้าระหว่างหรือรับประทานอาหารทันทีหรือบ่อยๆ อาจส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร ทาให้ไม่สามารถทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ ประโยชน์ของน้า  ประโยชน์ของน้าในเรื่องอื่นๆ มนุษย์ทั่วไปใช้น้าในบ้านเรือน เช่น อาบน้า ซักผ้า ชาระล้าง ปรุงอาหาร เป็นต้น  น้าในด้านอุตสาหกรรมเช่น เช่น อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการถลุงเหล็ก เป็นต้น  ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้าต่างๆ  ใช้เป็นทางคมนาคมขนส่ง เช่น ทางเรือ เป็นต้น  พลังงานของน้าในเขื่อนสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้  ใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร เช่น การเพาะปลูกต่างๆ การดื่มน้าอย่างถูกวิธี  น้าที่ดื่มถ้าจะให้ดีต้องเป็นน้าอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนมากหรือเย็นจัด แต่ก็ยกเว้นในบางกรณี เช่น ตอนเช้าถ้า เป็นไปได้ควรดื่มน้าอุ่นเพราะจะช่วยในการขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น ลาไส้ก็จะสะอาดมากขึ้นตามไปด้วย  การดื่มนั้นที่ถูกต้องนั้น ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือจะให้ดีก็วันละ 14 แก้ว หรือโดยเฉลี่ยแล้วควร ดื่มน้าให้เพียงพอกับน้าหนักตัวของคุณ เช่น ถ้าคุณมีน้าหนัก 60 kg. ก็ควรดื่มน้าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
  • 9. 9 หรือประมาณ 10 แก้วนั่นเอง (กรณีนี้ให้นับรวมปริมาณอื่นๆด้วย เช่น น้าจากผักผลไม้แกง ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ด้วย)  ในตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือก่อนแปรงฟัน ควรดื่มน้า 2-4 แก้ว เป็นน้าอุ่นๆได้ก็จะดีมาก  ในระหว่างวัน ควรดื่มน้า 1 แก้วทั้งก่อนและหลังมื้ออาหาร ทุกๆมื้อ และในระหว่างช่วง สาย บ่าย เย็น ก็ ควรดื่มน้าอีกครั้งละ 1 แก้ว  ในช่วงก่อนนอน น้าอุ่นๆสัก 1 แก้วจะดีมาก  การดื่มน้าควรดื่มครั้งละแก้ว และที่สาคัญไม่ควรดื่มรวดเดียวหลายๆแก้ว เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ซึ่งอาจทาให้เกิดภาวะ “น้าเป็นพิษได้”  อย่าดื่มน้ามากเกินไปก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือถ้าจะดื่มก็ควรดื่มน้าก่อนสัก ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 45 นาที  ในระหว่างรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้าตลอดเวลา เพราะจะทาให้น้าย่อยใน กระเพาะอาหารเจือจาง ทาให้ระบบย่อยทางานได้ไม่ดี  ภายหลังจากรับประทานอาหารเสร็จไม่ควรดื่มน้าทันที เพราะจะทาให้น้าย่อยใน กระเพาะเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยอาหารทางานได้ไม่เต็มที่ โดยควรดื่มหลังจาก รับประทานอาหารเสร็จแล้วครึ่งชั่วโมง  หลีกเลี่ยงการดื่มน้าเย็นและน้าอัดลม เพราะน้าเย็นจะไปดึงความร้อนในร่างกายมา ทาให้น้าที่เราดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิเท่ากับร่างกาย จึงจะดูดซึมได้ทาให้ร่างกายเสียเวลาในการปรับสมดุล และสูญเสียพลังงาน  สาหรับคุณผู้หญิงบางท่านที่มักมีอาการปวดประจาเดือน ช่วงที่มีประจาเดือนควรงดดื่มน้าเย็น เพราะการ ดื่มน้าเย็นจะทาให้อาการปวดทวีความรุนแรงมากขึ้น
  • 10. 10 จากข่าวการเสียชีวิตของนายสายันต์ ก่อนเกียง อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้าง ก่อสร้าง ที่จ.สุพรรณบุรีนั้น ผู้ตายท้างานหนักท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว และรู้สึกกระหายน้้า จึงกลับมาดื่มน้้าเย็นจัดในกระติกที่ใส่น้้าแข็งไว้เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะอยู่ในช่วงที่ร่างกายทั้งข้างนอก และ ภายในร้อนจัด รวมทั้งคอแห้งต้องการน้้ามาก จากนั้นด้วยความกระหายได้ ยกกระติกใส่น้้าแข็งที่เย็นจัดดื่มเข้าไปรวดเร็ว ส่งผลท้าให้ร่างกายปรับสภาพ ไม่ทันจนหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งนี้ยังต้องรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการ เสียชีวิตที่ชัดเจนอีกครั้งที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดกรณีการเสียชีวิตเพราะดื่มน้้า เย็นมาก่อน ผู้ตายเองอาจจะมีโรคประจ้าตัวอย่างอื่นก็เป็นได้ แต่ด้วย เหตุการณ์นี้ สร้างความสงสัยให้กับหลายๆคนว่า จริงๆแล้วการดื่มน้้าเย็นมี โทษอย่างไร 1. ดื่มน้้าเย็นจัด ท้าให้ขีดความสามารถในการท้างานของสมองลดลง วารสารนิวไซเอินทิสต์ (New Scientist Journal) ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยของ ทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษ พบว่า คนที่ดื่มน้้าเย็นจัดใน ยามที่ร่างกายไม่ได้เกิดความรู้สึกกระหายน้้านั้น จะท้าให้ขีดความสามารถ ในการท้างานของสมองลดลงไปทันที โดยน้้าเย็นจัดเพียงแค่แก้วเดียวก็มาก พอที่จะท้าให้สมรรถภาพทางจิตใจของบางคนลดลงไปถึง 15%
  • 11. 11 ดร.ปีเตอร์ โรเจอร์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลและทีมงาน ได้ ทดสอบผลกระทบของน้้าต่อกลุ่มอาสาสมัครจ้านวน 60 คน ก่อนการทดสอบ นั้น กลุ่มอาสาสมัครส่วนหนึ่งไม่ดื่มน้้าอะไรเลย และอีกส่วนหนึ่งดื่มน้้าก๊อก แช่เย็นจัดที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ในปริมาณ1 แก้ว หรือ 300 มิลลิลิตร ปรากฏว่าคนที่กระหายน้้าก่อนการทดสอบและดื่มน้้าเข้าไป สามารถท้า แบบทดสอบได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มอะไรประมาณ 10% ส่วนกลุ่มที่ไม่รู้สึก กระหายน้้าแต่ดื่มน้้าเย็นจัด ปรากฏว่าขีดความสามารถในการท้าแบบทดลอง ลดลงไปถึง 15 % นักวิจัยสรุปว่า การดื่มน้้าเย็นจัดมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อขีด ความสามารถในการขับรถ หรือท้างานที่ต้องใช้สมอง หรือความคิดมาก ๆ โดยอุณหภูมิของน้้าดื่มอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท้าให้เกิดผลกระทบต่อสมอง 2. ดื่มน้้าเย็นจัด ท้าให้รู้สึกปวดหัวจี๊ด เวลาอากาศร้อนๆ แล้วเรารีบดื่มน้้าเย็นจัดๆ เข้าไป ก็มักจะมีอาการปวดหัวจี๊ด ขึ้นสมองกันแทบทุกคน เคยสงสัยมั้ยว่ามันเป็นเพราะอะไร อาการปวดหัว แบบนี้เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดในสมอง ที่เมื่อถูกความเย็นจัดๆ เส้นเลือดก็จะ ตีบลง ท้าให้รู้สึกเจ็บปวด เช่นเดียวกับเมื่อคุณปวดฟันแล้วกินของหวานเข้า ไป อาการปวดก็จะไม่ได้มีเพาะที่ฟันเท่านั้นแต่ยังจี๊ดขึ้นไปถึงสมองของคุณ ด้วย หรือเวลาอากาศร้อนมากๆ เราก็จะปวดหัวเพราะเส้นเลือดในสมอง ขยายตัวเกินกว่าปกตินั่นเอง ดังนั้น ถ้าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงชนิด เฉียบพลัน คุณก็อาจจะปวดหัวจี๊ดได้เหมือนกัน อาการปวดหัวจี๊ด…ขึ้นสมองนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะตอนดื่มน้้าเย็น น้้าแข็งปั่น น้้าแข็งใส แม้แต่กินไอศครีม ก็ปวดหัวได้เหมือนกัน อาการนี้เขาเรียก ไอศกรีม เฮดเอดซ์ส (Ice cream headache) สาเหตุเพราะว่าของพวกนี้มี ความเย็นจัด เมื่อความเย็นสัมผัสเส้นประสาทในปากจะท้าให้เส้นประสาท ทั้งหลายเกิดอาการช็อก โดยเฉพาะแถว ๆ เพดานปากด้านใน อาการช็อกนี้ ยังท้าให้เส้นเลือดแดงที่ส่งสัญญาณไปสมองเกิดการขยายตัวและหดตัวแบบ ทันทีทันใด ท้าให้เปลือกหุ้มสมองมีปริมาณเลือดน้อยลง สมองจะปวดชา ยาวนานหลายวินาที อาการนี้มักเกิดในช่วงที่อากาศร้อนมาก ๆ เพราะ อุณหภูมิภายนอกกับภายในร่างกายแตกต่างกันเกินไป วิธีแก้อาการนี้ให้สูด ลมหายใจเข้าลึก ๆ สักพักจะดีขึ้น และหลีกเลี่ยงการกินของเย็นจัดๆ 3. ดื่มน้้าเย็นจัด ท้าลายระบบย่อยอาหาร
  • 12. 12 ในระบบการย่อยอาหารของคนเรา จะมีการหลั่งสารคัดหลั่งออกมาจ้าพวก เอ็นไซม์เพื่อย่อยอาหาร ซึ่งสารเหล่านี้ ออกแบบมาให้ท้างานได้ดีกับอุณหภูมิ ปกติของร่างกายของเรา ซึ่งอุณหภูมิต่้าๆ จะไปลดการท้างานของเอนไซม์ที่ จะมาย่อยอาหารเหล่านี้ท้าให้การย่อยไม่ดี นอกจากนี้ในระบบทางเดิน อาหารของเรา ยังประกอบด้วยกล้ามเนื้อต่างๆอีกด้วย กล้ามเนื้อพวกนี้ถ้า ได้รับความเย็นจากน้้าเย็นๆก็จะท้าให้เกิดอาการชา (เหมือนเวลาหน้าหนาว ที่อากาศหนาวจัดๆปลายนิ้วมือนิ้วเท้าจะชาๆ จากความเย็น) และท้าให้เกิด การบีบตัว คลุกเคล้าอาหารที่จะท้าการย่อยได้ไม่ดีก็เป็นปัญหาในระบบ ทางเดินอาหารอีกเช่นกัน ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ท้าให้ท้องอืดท้องเฟ้อ ระบบการย่อยไม่ดี และ อาจท้าให้เกิดเป็นโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย ดังนั้น เราควรดื่มน้้าเย็นให้ น้อยลง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น 4. ดื่มน้้าเย็นจัด ในระหว่างเป็นประจ้าเดือนท้าให้ป่วยง่ายและปวดท้องมากขึ้น ในช่วงระหว่างที่เป็นประจ้าเดือน ฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิงจะแปรปรวน ไม่ สมดุล ท้าให้ป่วยได้ง่าย ภูมิคุ้มกันลดลง การดื่มน้้าเย็นจัดหรือแม้กระท้า อาบน้้าเย็นๆ จะท้าให้อุณหภูมิในร่างกายต้องปรับตัวลดลงไปด้วย บางครั้ง อาจเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย และการดื่มน้้าเย็นจัดยังท้าให้ปวดท้อง ประจ้าเดือนมากกว่าปกติอีกด้วย 6 เหตุผลที่ต้องดื่มน้้าอุ่นตอนเช้าเพื่อสุขภาพ 1.ส่งผลดีโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ น้้าจะเข้าไปช้าระล้างสิ่งสกปรก ต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายออก เพื่อ ให้ท้างานได้ตามปกติ 2 ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เนื่องจากน้้าอุ่นช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มอัตรา การไหลเวียนเลือดได้ถึง 3,000 มิลลิลิตรต่อนาที ท้าให้เอนไซต์ภายในเซลล์ ท้างานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปกป้องเซลล์ ท้าให้ผิวพรรณดี มีความสม ดูล ท้าให้เนื้อเยื่อแข็งแรงขึ้น 3. ส่งผลดีต่อโรคเกาต์ ความดัน คอเลสเตอรอล เพราะเหล่านี้เป็นผลมาจาก การขาดน้้าทั้งนั้น 4. เพราะความร้อนของน้้าจะช่วยให้การหมุนเวียนเลือดและของเหลวใน ร่างกายดีขึ้น ซึ่งจะช่วยก้าจัดของเสียและไขมันส่วนเกินได้ 5. ดีต่อระบบย่อยอาหาร ท้าให้เราได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหาร สารอาหารครบถ้วน 6.ช่วยเรื่องความเครียด ท้าให้จิตแจ่มใส สมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง
  • 13. 13 วิธีด้าเนินงาน แนวทางการด้าเนินงาน  ก้าหนดหัวข้อโครงงาน  ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล  จัดท้าโครงงานคอมพิวเตอร์  น้าเสนอรายงานให้ครูที่ปรึกษา เพื่อรับข้อเสนอแนะ และจุดบกพร่อง ต่างๆ  ประเมินผลงาน โดยน้าเสนอในรูปแบบ Power Point แล้วให้ครูที่ ปรึกษาประเมินผลงาน เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้  Computer  Microsoft PowerPoint  Adobe photoshop งบประมาณ - ขั้นตอนและแผนด้าเนินงาน ล้า ดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิด ชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน √ √ 2 ศึกษาและค้นคว้า ข้อมูล √ √ 3 จัดท้าโครงร่างงาน √ √ 4 ปฏิบัติการสร้าง โครงงาน √ √ √ √ √ 5 ปรับปรุงทดสอบ √ √ 6 การท้า เอกสารรายงาน √ √ 7 ประเมินผลงาน √ 8 น้าเสนอโครงงาน √
  • 14. 14 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการท้า โครงงาน)  ผู้สนใจมีความเข้าใจในความส้าคัญเกี่ยวกับน้้ามากขึ้น  ได้น้าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ สถานที่ด้าเนินการ  โรงเรียน  บ้าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง  กลุ่มสาระสุขศึกษา  กลุ่มสาระการานอาชีพ และเทคโนโลยี แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่น้ามาใช้การท้าโครงงาน)  http://nandamization.blogspot.com/2012/04/14000-0.html  http://environment.ekstepza.ws/water-cycle.html  http://health.mthai.com/howto/5153.html  http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=2976&read=tru e&count=true