SlideShare a Scribd company logo
1 of 44
Download to read offline
หน่ วยที่ 10 ไฟฟาและวงจรไฟฟา
                                             ้          ้
                                                . ระบบส่ งจ่ ายไฟฟา
                                                                  ้
ระดับแรงดันสาหรับสายส่ งแรงสู ง                                                                              ่
                                                ส่งจากโรงไฟฟ้ า ระหว่างสถานีไฟฟ้ า 69kv 115kv 230kv 500kv อยูใน
ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้ าฝ่ ายผลิต
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ ายแรงสู ง สถานีไฟฟ้ าย่อยระบบจาหน่าย ไปยังหม้อแปลงระบบจาหน่าย
11kv 22kv 33kv 22kv 24kv
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ ายแรงต่า
-ระบบ1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์
-ระบบแรงต่า 3 เฟส 4 สาย 380 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
กระแสไฟฟ้ าแบ่งได้เป็ น 2 ประเภทคือ

• ไฟฟากระแสตรง (direct current : DC) คือการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางการไหลในทิศทางเดียวจากขั้วลบไปยัง
     ้
    ขั้วบวก เช่นแบตเตอรี่ รถยนต์ 24 volt ถ่านไฟฉาย 1.5 volt

• ไฟฟากระแสสลับ (alternating current: AC) เป็ นการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางไหลกลับไปกลับมาตลอดเวลา
     ้
    โดยการเคลื่อนที่ประจุไฟฟ้ าบวกและลบสลับกันในตัวนาสาย เช่น ไฟฟ้ าตามบ้าน220 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
หน่ วยวัดทางไฟฟา
                                                          ้
• ความต้ านทานไฟฟา (resistance) เป็ นคุณสมบัติของสสารที่ต่อต้านการไหลของกระแสไฟฟ้ า
                 ้
     สสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ าน้อยกว่าเรี ยกว่า ตัวนาไฟฟ้ า ส่วนสสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ ามากกว่าเรี ยกว่า
     ฉนวนไฟฟ้ า ความต้านทานมีหน่วยเป็ นโอห์ม
• แรงดันไฟฟา (voltage) เป็ นแรงที่ทาให้อิเลคตรอนเกิดการเคลื่อนที่ หรื อแรงที่ทาให้เกิดการไหลของ
           ้
     ไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ น โวล์ท V
    กระแสไฟฟา (current) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ภายในตัวนา
            ้
     ไฟฟ้ า หน่วยเป็ น แอมแปร์ A
• กาลังงานไฟฟา (power) อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หรื ออัดตราการทางาน มีหน่วยเป็ น วัตต์ watt
             ้
     W
• พลังงานไฟฟา (energy) คือ กาลังไฟฟ้ าที่ใช้ไประยะหนึ่ง มีหน่วยเป็ น วัตต์-ชัวโมง (watt-hour) หรื อ
            ้                                                                ่
     ยูนิต(unit)
• ความถี่ (frequency) คือจานวนรอบของกระแสไฟฟ้ าสลับ มีหน่วยเป็ น เฮิรตซ์ Hz
•    รอบ (cycle) คือการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้ าครบ 360 องศาซึ่งเป็ นการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้ าค่าบวกและค่าลบได้สมบูรณ์
• แรงม้ า (horse power) หรื อกาลังม้า เป็ นหน่วยวัดกาลังหรื ออัตราการทางาน 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์
     หรื อ 745.7 วัตต์ ประมาณ 746 วัตต์
สมการไฟฟ้ า

• กฎของโอห์ม (ohm’s low) ค.ศ. 1862 นักฟิ สิกส์ชาวเยอรมัน George
  Simon Ohm กล่าวว่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรจะแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้ าและ
  แปรผกผันกับค่าความต้านทาน E = IR
• สมการค่ากาลังไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ นวัตต์ P=EI
• สมการค่าพลังงานไฟฟ้ า W = Pt กิโลวัตต์ต่อชัวโมง หรื อยูนิต
                                             ่
  (unit)
วงจรไฟฟ้ าเบื้องต้น

• - วงจรอนุกรม      กระแสไฟฟ้ าตลอดวงจรมีค่าเดียวกันตลอด แรงเคลื่อนไฟฟ้ าเท่ากับแรงดันที่ตกคร่ อม
  อุปกรณ์แต่ละตัว
• วงจรขนาน(parallel circuit) กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัว รวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้ า
   ที่ไหลออกจากแหล่งจ่าย แรงดันตกคร่ อมอุปกรณ์แต่ละตัว มีค่าเท่ากับแรงเคลื่อนไฟฟ้ าของแหล่งจ่าย
ส่ วนประกอบของสายไฟฟา
                                        ้

• ประกอบด้วย 2 ส่ วนคือ ตัวนา และฉนวน
• . ประเภทของสายไฟฟา แบ่งเป็ น 2 ประเภทคือ สายไฟฟ้ าแรงดันสูง
                       ้
  และสายไฟฟ้ าแรงดันต่า
• - สายไฟฟ้ าแรงดันสูง มีสายเปลือย และสายหุมฉนวน
                                            ้
                           ั
• - สายไฟฟ้ าแรงดันต่า ใช้กบแรงดันไม่เกิน 750 โวล์ท
การเลือกสายไฟฟาทีเ่ หมาะสม
                               ้

• พิกดแรงดัน พิกดกระแส สายควบ แรงดันตก (voltage drop)
     ั          ั
อุปกรณ์ ปองกันระบบไฟฟา
                                              ้           ้



• - ฟิ วส์ (fuse) อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ทามาจากโลหะผสมสามารถนาไฟฟ้ าได้ดี มีจุดหลอมละลายต่า ฟิ วส์
    ที่ดี เมื่อกระแสไหลเกิน 2.5 ของขนาดทนกระแสของฟิ วส์ ฟิ วส์ตองขาด
                                                               ้

• - เซอร์ กตเบรกเกอน์ (circuit breaker :CB)
           ิ
•   อุปกรณ์ทาหน้าที่ตดกระแสไฟฟ้ า เมื่อกระแสเกินหรื อลัดวงจร สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่เปลี่ยนใหม่เหมือนฟิ วส์ การทางานมี
                     ั
    2 แบบคือ เชิงความร้อน และเชิงแม่เหล็ก
วงจรไฟฟาแสงสว่ าง
                             ้

• ประเภทของหลอดไฟฟ้ า มีหลอดไส้ หลอดทัวสเตนฮาโลเจน หลอดเรื อง
  แสง เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
ประเภทของมอเตอร์

• - มอเตอร์ เหนี่ยวนา (induction motor) นิยมใช้มา มี 1 เฟส และ 3 เฟส แบบ
   กรงกระรอก และ แบบวาวด์โรเตอร์
• - มอเตอร์ ซิงโครนัส (synchronous motor) เป็ นมอเตอร์ 3 เฟส มีขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวด
   สนาม ความเร็วคงที่

• - มอเตอร์ ไฟฟากระแสตรง (DC motor) มีขดลวดสนามอยุบนสเตเตอร์และขดลวดอาร์เมเจอร์
               ้                                  ่
      ่
   อยูบนสเตเตอร์ สามารถควบคุมความเร็วได้ดี แรงบิดเริ่ มเดินเครื่ องสู ง
อุปกรณ์ ทสาคัญในการควบคุมมอเตอร์
         ี่
การต่ อลงดิน

• หมายถึงการต่อสายไฟฟ้ าจากอุปกรณ์ไฟฟ้ าไปยังสายดิน โดยสายดินคือแท่งตัวนาทองแดงที่ตอด
  ลงไปในดิน เพื่อป้ องกันไฟรั่วซ๊อตบุคคลผูใช้งาน
                                          ้
• 1. ประเภทของการต่ อลงดิน แบ่งเป็ น 2 ประเภท
• การต่ อลงดินทีระบบไฟฟา หมายถึง การต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้ าที่มีกระแสไหลผ่านลง
                ่      ้
    ดิน เช่น การต่อจุดนิวทรัล (neutral point) ลงดิน
• การต่ อลงดินทีอุปกรณ์ ไฟฟา หมายถึงการต่อส่วนที่เป็ นโลหะ ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านของ
                ่          ้
    อุปกรณ์ต่างๆ ลงดิน
• 2. ส่ วนประกอบการต่ อลงดิน
• - หลักดิน หรื อระบบหลักดิน (grounding electrode) เป็ นหลักดิน นิยมใช้ทองแดง
• - สายต่อหลักดิน
ล่อฟ้ า
หน่ วยที่ 11 ระบบควบคุมทางวิศวกรรม
• องค์ประกอบของเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ประกอบด้วย
• 6 องค์ประกอบ คือ
•      1) เครื่ องจักรอุปกรณ์ในการผลิต
•      2) เครื่ องมือวัด
•      3) เครื่ องส่ งสัญญาณ
•      4) สายสัญญาณ
•      5) เครื่ องควบคุม
•      6) เครื่ องบันทึกสัญญาณ
เครื่องมือ อุปกรณ์ ควบคุมทางนิวแมติก
                                            ส่ วนประกอบของเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทางานและควบคุมการทางานของ
                                            ระบบนิวแมติกมีดงต่อไปนี้ั
                                                       - เครื่ องอัดลม
                                                                - เครื่ องระบายความร้อนของลมอัด
                                                                - เครื่ องทาลมแห้ง
                                เครื่ องแลกเปลี่ยน              - ชุดทาความสะอาดลม
                                ความร้อน                - ลิ้นหรื อวาล์วลดความดัน
                                          เครื่ องทาลมแห้ง
                                                                - วาล์วควบคุม
                                                                - ระบบหล่อลื่นในระบบนิวแมติก
หม้อเก็บลมอัด                                                   - กระบอกสู บ
                                                                - วงจรไฟฟ้ าควบคุม
                เครื่ องอัดลม
การควบคุมอัตโนมัตโดยประยุกต์ ใช้ งานระบบโปรแกรมมาเบิลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
                   ิ                                  ้
• โครงสร้างของตัวเครื่ องโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ (พีแอลซี ) นั้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก

• 1. หน่ วยประมวลผลกลาง (central processing unit) หรื อไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor)
    เป็ นหน่วยการทางานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลาง และควบคุมการสังงานของระบบการทางาน
                                                                    ่
• 2. หน่ วยความจา (program หรื อ memory unit) เป็ นหน่วยของเครื่ องที่ทาหน้าที่ในการจัดเก็บ
    ข้อมูลและโปรแกรมควบคุมการทางาน ข้อมูลหรื อโปรแกรมที่เก็บไว้สามารถถูกนาออกมาใช้ได้ตามต้องการ
• 3. หน่ วยรับสั ญญาณอินพุต (input unit) จะเป็ นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์
    ภายนอกที่จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ มี และแรมต้องจ่ายไฟเลี้ยง
                 ่
    และแบบรอมอยูในรู ปโมดูล
• 4. หน่ วยส่ งสั ญญาณเอาต์ พุต (output unit) จะเป็ นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ที่
    จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
                                           ้                      สัญญาณแบบอนาล็อก หรื อ ดิจิตอล

• 5. หน่ วยจ่ ายกาลังไฟฟา (power supply unit) ทาหน้าที่ในการจ่ายกาลังไฟฟ้ าให้กบตัวโปรแกรมมา
                        ้                                                      ั
    เบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ ใช้ งานระบบควบคุมกลางกระจายการ
           ควบคุม ดีซีเอส (distributed control system: DCS)
• วัตถุประสงค์ ของการออกแบบระบบดีซีแอส เป็ นความต้องการออกแบบมาใช้ ในการควบคุมระบบใน
   ลักษณะการกระจายการควบคุม หน่ วยการผลิต ควบคุมการทางานของระบบการผลิตแบบต่ อเนื่อง (continuous process)

• การทางานของระบบดีซีแดส               ระบบควบคุมแบบ พีแอลซี ในระบบ ดีซีเอส การควบคุมด้วยอุปกรณ์
   ประเภท พีแอลซี จะสังการผ่านอุปกรณ์ควบคุม เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บุคคล (personal computer) ผูควบคุมระบบ
                      ่                                                                       ้
   จะสามารถทาการตรวจสอบติดตามผล และสังการโปรแกรมได้
                                         ่
หน่ วยที่ 12 หน่ วยการผลิตและกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมเคมี

• การผลิต หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Process)                                            หมายถึง การนาเอาวัตถุดิบทีเ่ ป็ น
   สสารหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งทีอยู่ในรู ปของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ทีเ่ รียกว่ าสารตั้งต้ น (reactant) มาทาการเปลียนแปลง
                                       ่                                                                               ่
   รู ปร่ าง เปลียนแปลงคุณสมบัติทางด้ านกายภาพ ทางด้ านเคมี ให้ เป็ นผลิตภัณฑ์ หรือสิ นค้ าการ(Product หรือ Goods) ทีทาให้
                 ่                                                                                                   ่
   คุณสมบัติของสารเปลียนไปจาเป็ นต้ องมีปัจจัยหรือกระบวนการทางด้ านกายภาพ หรือกระบวนการทางด้ านเคมีเสริมได้ แก่
                         ่
   อุณหภูมิ ความดัน โดยมีถังปฎิกริยาเคมี หรือเครื่องปฏิกริยาเคมี (Chemical Reactor
                                 ิ                      ิ

• งานวิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering)               หรื อวิศวกรรมระบบ (Process Engineering) เป็ นการศึกษา
   การออกแบบ การควบคุมการทางานของกระบวนการผลิตในงานอุตสาหกรรมที่เน้นการเลือกกระบวนการปฏิกิริยาเคมี เลือก
   เงื่อนไขการผลิต การควบคุมการปฏิบติการที่เหมาะสม
                                   ั
จลนพลศาสตร์ ของปฏิกริยาแบบกวนผสม
                                        ิ

• เครื่องปฏิกริยาเคมีแบบกะ (Batch Reactor) หลักการทางานเบืองต้นของถังปฏิกริยาเคมีคอการนาสาร
             ิ                                            ้              ิ        ื
   ตั้งต้ น หรือสารนาเข้ า (reactants หรือ feed) ใส่ เข้ าไปในถังปฏิกริยาเคมีในปริมาณทีคานวณไว้ แล้วให้ มการกวนผสม (Mixing)
                                                                     ิ                 ่                 ี
   ให้ เกิดปฏิกริยาเคมีขนอย่ างสมบูรณ์
                ิ        ึ้
เครื่องปฏิกริยาหลายถังแบบต่ อเนื่อง (Multiple Continuous Reactor )
                    ิ

•   เป็ นเครื่ องปฏิกิริยาเคมีที่มีการเอาถังกวนผสมแบบสมบูรณ์หลายถัง (Continuous Stirred Tank Reactor : CSTR) ต่ออนุกรมกันซึ่ง
    สามารถกาหนดให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในแต่ละถังมีค่าสม่าเสมอ (Uniform) และเท่ากับค่าความเข้มข้นในของไหลที่ไหล
    ออกของแต่ละถัง
เครื่องปฏิกริยาเคมีแบบท่ อไหล (Tubular Reactor หรือ Plug Flow Reactor)
                ิ


•   เป็ นเครื่ องปฏิกิริยาเคมีที่มีโครงสร้างคล้ายกับเครื่ องแลกเปลี่ยนความร้อนระบบท่อ (Heat Exchanger) ที่มีการไหลในท่อไหล
    ขนานกันหลายท่อ
กระบวนการผลิตและระบบการผลิตในงานอุตสาหกรรม

• ปฏิกริยาดูดซับระหว่ างก๊าซกับของแข็ง
      ิ
• ปฏิกริยาดูดซึมระหว่ างก๊าซกับของเหลว
        ิ
• ปฏิกริยาดูดซึมระหว่ างก๊าซกับของเหลว
          ิ
หน่ วยที่ 13 พืนฐานวิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมอุตสาหการ คือการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึง
               ้
    การทางาน และค่ าใช้ จ่ายทีเ่ กียวข้ องกับแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์ เพือให้ องค์ กรสามารถเพิมผลิตภาพ มีกาไรและ
                                   ่                                                ่                    ่
                                                   ประสิ ทธิภาพการทางานสู งขึน ้

• การเลือกทาเลทีต้ังโรงงาน
                ่
•   แหล่ งวัตถุดบ
                ิ
•   ตลาด
•   แรงงานและค่ าจ้ าง
•   สาธารณูปโภค
•   การจราจรขนส่ ง
•   สิ่ งแวดล้อม
•   กรรมสิ ทธิ์ทดนี่ ิ
•   กฎหมายทีเ่ กียวข้ อง
                    ่
การวางผังโรงงานและแผนภูมการไหลของวัสดุ
                                        ิ
• การวางผังโรงงานแบ่งออกเป็ น 4 ประเภท ใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
• 1 การวางผังโรงงานตามชนิดของผลิตภัณฑ์ (product layout)
2 การวางผังโรงงานตามกระบวนการผลิต (process layout)
3 การวางผังโรงงานแบบตาแหน่ งงานคงที่ (fixed position layout)
4 การวางผังโรงงานแบบผสม
รูปแบบในการไหลของวัสดุ
• 1) การไหลแบบเส้ นตรง เป็ นการไหลของวัสดุง่ายๆ ตามขั้นตอนการผลิต พื้นที่อาคารโรงงานจะต้องมีความยาวเพียงพอ
    ด้านข้างของอาคารทั้ง 2 ด้านอาจจะออกแบบเป็ นสานักงานหรื อหน่วยงานสนับสนุน เช่น แผนกซ่อมบารุ ง แผนกออกแบบ เป็ นต้น




• 2) การไหลแบบตัวเอส หรือซิกแซก เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมากและมีพ้ืนที่โรงงานที่ส้ ันกว่า มีการ
    ป้ อนเข้าของวัตถุดิบและการไหลออกของผลิตภัณฑ์คนละด้านของอาคารโรงงาน
• 3) การไหลแบบตัว ยู              เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตทียาวมาก แต่ มพนทีโรงงานทีส้ั นกว่ า มีการป้ อนวัตถุดิบและ
                                                            ่           ี ื้ ่      ่
    การไหลออกของผลิตภัณฑ์ ด้านเดียวกัน


                 ผลิตภัณฑ์                      8       7           6           5


                    วัตถุดิบ                    1        2          3           4

                                                1


• 4) การไหลแบบวงกลม เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่มีความยาวมาก อาคารโรงงานที่มีลกษณะทรงจัตุรัส
                                                                             ั
    วัสดุและสิ นค้าเข้า – ออก จุดเดียวกัน เช่น แผนกรับ-ส่ งสิ นค้าและวัตถุดิบอยู่ ณ จุดเดียวกัน

                                                               3
                                            2                                  4

                    วัตถุดิบ                1                                        5

                 ผลิตภัณ                    1       7                   6
                 ฑ์
• 5) การไหลแบบไม่ เป็ นรู ปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 13.9 เหมาะสาหรับอาคารโรงงานที่มีขอจากัดเรื่ องพื้นที่และ
                                                                                ้
    จุดติดตั้งเครื่ องจักรขนาดใหญ่ สิ่ งอานวยความสะดวกที่ติดตั้งถาวรอยูก่อนแล้ว จาเป็ นต้องจัดสายการผลิตให้เข้ากับสิ่ งที่มีอยู่
                                                                       ่




                                      2                      4                    5



         วัตถุดิบ           1                   3
                                                                                            6             ผลิตภัณฑ์
•   1. พัสดุคงคลังประกอบด้ วย
•             1) วัตถุดิบ
•             2) วัสดุในงานระหว่างทา
•             3) วัสดุซ่อมบารุ ง
•             4) สิ นค้าสาเร็จรู ป
•   2. ต้ นทุนทีเ่ กียวข้ องกับพัสดุคงคลัง
                     ่
•             1) ค่าใช้จ่ายในการสังซื้ อ
                                     ่
•             2) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
•             3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสิ นค้าขาดแคลน
•             4) ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่ องจักรใหม่
•   ลาดับความสาคัญในการวิเคราะห์งาน คือ
•   - มีความเร่ งด่วน - มีตนทุนการผลิตสูง - มีความต้องการความชานาญสูง - มีความเสี่ ยงสูง
                              ้
หน่ วยที่ 14 อันตรายจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม

• ระบบการผลิตนั้นประกอบไปด้วย 4ขั้นตอน
• 1. วัตถุดิบนาเข้า
  2. กระบวนการ
• 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์
• 4. ข้อมูลป้ อนกลับ
ประเภทการผลิต4 ประเภท

•      1. กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง
•   2. กระบวนการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง
•      3. กระบวนการผลิตแบบผลิตซ้ า
•   4. กระบวนการผลิตแบบงานโครงการ
ปัจจัยสาคัญที่ตองพิจารณาในการออกแบบกระบวนการผลิต
                   ้

•    ปัจจัยสาคัญฯ เหล่านั้นได้แก่
•   1. ปัจจัยผลิตภัณฑ์
•   2. ปัจจัยทางวัสดุ
•   3. ปัจจัยเครื่ องจักร
•   4. ปัจจัยการผลิต
•   5. ปัจจัยต้นทุน
สิ่ งแวดล้อมในการทางานที่ก่อให้เกิดอันตราย
              แก่ผปฏิบติงานทางด้านสุ ขศาสตร์อุตสาหกรรม
                     ู้ ั
•   แบ่งออกได้ 5 ประเภทคือ
•    1. สิ่ งแวดล้อมทางด้านกายภาพ
•    2. สิ่ งแวดล้อมทางด้านเคมี
•    3. สิ่ งแวดล้อมทางด้านชีวภาพ
•    4. สิ่ งแวดล้อมทางด้านเออร์โกโนมิคส์
•    5. สิ่ งแวดล้อมทางด้านจิตสังคม
การเตรียมเยือกระดาษมี 2 วิธีการ
             ่
- การเตรี ยมเยือกระดาษโดยกระบวนการทางเคมีและ
               ่
- การเตรี ยมเยือกระดาษโดยใช้เครื่ องจักร
               ่
• อันตรายจากอุตสาหกรรมหลอมเหล็ก เกิดจาก ฝุ่ น ความร้อน ก๊าซ CO
  2 โลหะหนักหลายชนิด
• อันตรายจากกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
•                                              ่
      1. กระบวนการตัดเวเฟอร์ ได้แก่ ฝุ่ นที่อยูในรู ปของตะกอนเปี ยกของสารหนู
•         (arsenic)
•        2. กระบวนการเชื่อมชิพลงบนแผ่นเฟรม ได้แก่ ไอระเหยของอะซิ โตน
•        3. กระบวนการหุ มชิพและเส้นลวดด้วยเรซิ น ได้แก่ สารพลวงและ
                        ้
•         สารประกอบโบรมีน
เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม                                        ่
                             หมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยูในทางวิศวกรรมอย่างมี
ประสิ ทธิภาพ โดยวัดจากคุณค่าของผลงานด้านวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย
- ประสิ ทธิ ภาพเชิงกายภาพ
- ประสิ ทธิภาพเชิงเศรษฐศาสตร์



•     การคานวณรายได้ประชาชาติ มี 3 วิธี คือ
•     - การคานวณรายได้ประชาชาติดานผลิตภัณฑ์
                                  ้
•     - การคานวณรายได้ประชาชาติดานรายได้
                                    ้
•     - การคานวณรายได้ประชาชาติดานรายจ่าย
                                      ้
• อุปสงค์    หมายถึง ปริ มาณความต้องการสิ นค้าหรื อบริ การที่ผบริ โภคมีความสามารถที่จะซื้อ
                                                              ู้
  ได้และมีความเต็มใจที่จะซื้อ
• อุปทาน        หมายถึง ปริ มาณการเสนอขายสิ นค้าหรื อบริ การที่ผเู้ สนอขายยินดีขายสิ นค้าหรื อ
  บริ การนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจ
• จุดดุลยภาพ       หมายถึง จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ซึ่งมีปริ มาณอุปสงค์เท่ากับ
  ปริ มาณอุปทาน
• ค่าเสื่ อมราคา หมายถึง การลดคุณค่าของทรัพย์สินตามกาลเวลา หรื อตาม
  ปริ มาณการผลิต แบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภท คือ
• 1. การเสื่ อมราคาทางกายภาพ
• 2. การเสื่ อมราคาทางการใช้งาน
• 3. การเสื่ อมราคาจากอุบติเหตุ
                          ั

More Related Content

What's hot

เศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลัง
เศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลังเศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลัง
เศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลังnuchida suwapaet
 
ส่วนประกอบของหุ่นยนต์
ส่วนประกอบของหุ่นยนต์ส่วนประกอบของหุ่นยนต์
ส่วนประกอบของหุ่นยนต์ssuser5adb53
 
M 3/3 Group 6
M 3/3 Group 6M 3/3 Group 6
M 3/3 Group 6orohimaro
 
Reactive power
Reactive powerReactive power
Reactive powerpeerasuk
 
1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์Jiraporn
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าThida Noodaeng
 
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์Chakkrawut Mueangkhon
 
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าPrasert Boon
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมPongsakorn Poosankam
 
งานไฟฟ้า
งานไฟฟ้างานไฟฟ้า
งานไฟฟ้าNatdanai Kumpao
 

What's hot (14)

เศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลัง
เศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลังเศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลัง
เศรษฐศาสตร์โรงจักรต้นกำลัง
 
ส่วนประกอบของหุ่นยนต์
ส่วนประกอบของหุ่นยนต์ส่วนประกอบของหุ่นยนต์
ส่วนประกอบของหุ่นยนต์
 
Electronic
ElectronicElectronic
Electronic
 
Vvv
VvvVvv
Vvv
 
M 3/3 Group 6
M 3/3 Group 6M 3/3 Group 6
M 3/3 Group 6
 
ไฟฟ้าม3
ไฟฟ้าม3ไฟฟ้าม3
ไฟฟ้าม3
 
Reactive power
Reactive powerReactive power
Reactive power
 
1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้า
 
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์
 
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโม
 
งานไฟฟ้า
งานไฟฟ้างานไฟฟ้า
งานไฟฟ้า
 
En137
En137En137
En137
 

Viewers also liked

บทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการ
บทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการบทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการ
บทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการDr.Krisada [Hua] RMUTT
 
หน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหาร
หน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหารหน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหาร
หน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหารtumetr
 
Process dsign and facility layout
Process dsign and facility layoutProcess dsign and facility layout
Process dsign and facility layoutNsbmUcd
 
บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่
บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่
บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่Teetut Tresirichod
 
กลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการ
กลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการกลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการ
กลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการtumetr
 
Safety efficiency
Safety efficiencySafety efficiency
Safety efficiencytatong it
 
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการบทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการDr.Krisada [Hua] RMUTT
 
บทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิต
บทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิตบทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิต
บทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิตDr.Krisada [Hua] RMUTT
 

Viewers also liked (10)

บทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการ
บทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการบทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการ
บทที่ 9 การวางผังสถานประกอบการ
 
High volume production systems
High volume production systemsHigh volume production systems
High volume production systems
 
หน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหาร
หน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหารหน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหาร
หน่วยที่ 5.3.2 การสุขาภิบาลอาหาร
 
Process dsign and facility layout
Process dsign and facility layoutProcess dsign and facility layout
Process dsign and facility layout
 
บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่
บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่
บทที่ 6 การออกแบบกระบวนการใหม่
 
Plant layout
Plant layout Plant layout
Plant layout
 
กลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการ
กลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการกลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการ
กลยุทธ์การวางผังสถานประกอบการ
 
Safety efficiency
Safety efficiencySafety efficiency
Safety efficiency
 
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการบทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
บทที่ 1 การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ
 
บทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิต
บทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิตบทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิต
บทที่ 7 การวางแผนกระบวนการผลิต
 

Similar to 54101 engineer 3

พลังงานไฟฟ้า เส๊ด
พลังงานไฟฟ้า เส๊ดพลังงานไฟฟ้า เส๊ด
พลังงานไฟฟ้า เส๊ดpanawan306
 
08 Oscilloscope.ppt
08 Oscilloscope.ppt08 Oscilloscope.ppt
08 Oscilloscope.pptbaipho
 
M 303 group 6
M 303 group 6M 303 group 6
M 303 group 6orohimaro
 
M 303 group 6
M 303 group 6M 303 group 6
M 303 group 6orohimaro
 
กลุ่ม1ชั้นม.301
กลุ่ม1ชั้นม.301กลุ่ม1ชั้นม.301
กลุ่ม1ชั้นม.301Nattarika Somkrua
 
[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส
[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส
[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วสnsumato
 
รายงานผลการปฏิบัติการ
รายงานผลการปฏิบัติการรายงานผลการปฏิบัติการ
รายงานผลการปฏิบัติการUsahana Rattanaprapa
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมpipopsin163
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมpanupong
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมpanupong
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมpanupong
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมpanupong
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าSarun Boonwong
 

Similar to 54101 engineer 3 (20)

ไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจร
 
ไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจร
 
10 11 2011
10 11 201110 11 2011
10 11 2011
 
พลังงานไฟฟ้า เส๊ด
พลังงานไฟฟ้า เส๊ดพลังงานไฟฟ้า เส๊ด
พลังงานไฟฟ้า เส๊ด
 
08 Oscilloscope.ppt
08 Oscilloscope.ppt08 Oscilloscope.ppt
08 Oscilloscope.ppt
 
53211817 10 december
53211817 10 december53211817 10 december
53211817 10 december
 
Electricity acessories final
Electricity acessories finalElectricity acessories final
Electricity acessories final
 
M 303 group 6
M 303 group 6M 303 group 6
M 303 group 6
 
M 303 group 6
M 303 group 6M 303 group 6
M 303 group 6
 
SMEs
SMEsSMEs
SMEs
 
กลุ่ม1ชั้นม.301
กลุ่ม1ชั้นม.301กลุ่ม1ชั้นม.301
กลุ่ม1ชั้นม.301
 
[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส
[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส
[Solar rooftop] บรรยาย วสท. solar rooftop 28 พค. 58 รวม กก. วส
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
รายงานผลการปฏิบัติการ
รายงานผลการปฏิบัติการรายงานผลการปฏิบัติการ
รายงานผลการปฏิบัติการ
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโม
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโม
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโม
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโม
 
หลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโมหลักการของไดนาโม
หลักการของไดนาโม
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 

More from juejan boonsom

สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3juejan boonsom
 
แผ่นใสหน่วยที่ 3
แผ่นใสหน่วยที่ 3แผ่นใสหน่วยที่ 3
แผ่นใสหน่วยที่ 3juejan boonsom
 
สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3juejan boonsom
 

More from juejan boonsom (6)

Chap8
Chap8Chap8
Chap8
 
Sci 2009 03
Sci 2009 03Sci 2009 03
Sci 2009 03
 
สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3
 
แผ่นใสหน่วยที่ 3
แผ่นใสหน่วยที่ 3แผ่นใสหน่วยที่ 3
แผ่นใสหน่วยที่ 3
 
Plan(7)
Plan(7)Plan(7)
Plan(7)
 
สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3สารรอบตัวเรา ป3
สารรอบตัวเรา ป3
 

54101 engineer 3

  • 1. หน่ วยที่ 10 ไฟฟาและวงจรไฟฟา ้ ้ . ระบบส่ งจ่ ายไฟฟา ้ ระดับแรงดันสาหรับสายส่ งแรงสู ง ่ ส่งจากโรงไฟฟ้ า ระหว่างสถานีไฟฟ้ า 69kv 115kv 230kv 500kv อยูใน ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้ าฝ่ ายผลิต ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ ายแรงสู ง สถานีไฟฟ้ าย่อยระบบจาหน่าย ไปยังหม้อแปลงระบบจาหน่าย 11kv 22kv 33kv 22kv 24kv ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ ายแรงต่า -ระบบ1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ -ระบบแรงต่า 3 เฟส 4 สาย 380 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
  • 2. กระแสไฟฟ้ าแบ่งได้เป็ น 2 ประเภทคือ • ไฟฟากระแสตรง (direct current : DC) คือการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางการไหลในทิศทางเดียวจากขั้วลบไปยัง ้ ขั้วบวก เช่นแบตเตอรี่ รถยนต์ 24 volt ถ่านไฟฉาย 1.5 volt • ไฟฟากระแสสลับ (alternating current: AC) เป็ นการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางไหลกลับไปกลับมาตลอดเวลา ้ โดยการเคลื่อนที่ประจุไฟฟ้ าบวกและลบสลับกันในตัวนาสาย เช่น ไฟฟ้ าตามบ้าน220 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
  • 3. หน่ วยวัดทางไฟฟา ้ • ความต้ านทานไฟฟา (resistance) เป็ นคุณสมบัติของสสารที่ต่อต้านการไหลของกระแสไฟฟ้ า ้ สสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ าน้อยกว่าเรี ยกว่า ตัวนาไฟฟ้ า ส่วนสสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ ามากกว่าเรี ยกว่า ฉนวนไฟฟ้ า ความต้านทานมีหน่วยเป็ นโอห์ม • แรงดันไฟฟา (voltage) เป็ นแรงที่ทาให้อิเลคตรอนเกิดการเคลื่อนที่ หรื อแรงที่ทาให้เกิดการไหลของ ้ ไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ น โวล์ท V กระแสไฟฟา (current) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ภายในตัวนา ้ ไฟฟ้ า หน่วยเป็ น แอมแปร์ A • กาลังงานไฟฟา (power) อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หรื ออัดตราการทางาน มีหน่วยเป็ น วัตต์ watt ้ W • พลังงานไฟฟา (energy) คือ กาลังไฟฟ้ าที่ใช้ไประยะหนึ่ง มีหน่วยเป็ น วัตต์-ชัวโมง (watt-hour) หรื อ ้ ่ ยูนิต(unit) • ความถี่ (frequency) คือจานวนรอบของกระแสไฟฟ้ าสลับ มีหน่วยเป็ น เฮิรตซ์ Hz • รอบ (cycle) คือการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้ าครบ 360 องศาซึ่งเป็ นการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้ าค่าบวกและค่าลบได้สมบูรณ์ • แรงม้ า (horse power) หรื อกาลังม้า เป็ นหน่วยวัดกาลังหรื ออัตราการทางาน 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์ หรื อ 745.7 วัตต์ ประมาณ 746 วัตต์
  • 4. สมการไฟฟ้ า • กฎของโอห์ม (ohm’s low) ค.ศ. 1862 นักฟิ สิกส์ชาวเยอรมัน George Simon Ohm กล่าวว่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรจะแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้ าและ แปรผกผันกับค่าความต้านทาน E = IR • สมการค่ากาลังไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ นวัตต์ P=EI • สมการค่าพลังงานไฟฟ้ า W = Pt กิโลวัตต์ต่อชัวโมง หรื อยูนิต ่ (unit)
  • 5. วงจรไฟฟ้ าเบื้องต้น • - วงจรอนุกรม กระแสไฟฟ้ าตลอดวงจรมีค่าเดียวกันตลอด แรงเคลื่อนไฟฟ้ าเท่ากับแรงดันที่ตกคร่ อม อุปกรณ์แต่ละตัว
  • 6. • วงจรขนาน(parallel circuit) กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัว รวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้ า ที่ไหลออกจากแหล่งจ่าย แรงดันตกคร่ อมอุปกรณ์แต่ละตัว มีค่าเท่ากับแรงเคลื่อนไฟฟ้ าของแหล่งจ่าย
  • 7. ส่ วนประกอบของสายไฟฟา ้ • ประกอบด้วย 2 ส่ วนคือ ตัวนา และฉนวน • . ประเภทของสายไฟฟา แบ่งเป็ น 2 ประเภทคือ สายไฟฟ้ าแรงดันสูง ้ และสายไฟฟ้ าแรงดันต่า • - สายไฟฟ้ าแรงดันสูง มีสายเปลือย และสายหุมฉนวน ้ ั • - สายไฟฟ้ าแรงดันต่า ใช้กบแรงดันไม่เกิน 750 โวล์ท
  • 8. การเลือกสายไฟฟาทีเ่ หมาะสม ้ • พิกดแรงดัน พิกดกระแส สายควบ แรงดันตก (voltage drop) ั ั
  • 9. อุปกรณ์ ปองกันระบบไฟฟา ้ ้ • - ฟิ วส์ (fuse) อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ทามาจากโลหะผสมสามารถนาไฟฟ้ าได้ดี มีจุดหลอมละลายต่า ฟิ วส์ ที่ดี เมื่อกระแสไหลเกิน 2.5 ของขนาดทนกระแสของฟิ วส์ ฟิ วส์ตองขาด ้ • - เซอร์ กตเบรกเกอน์ (circuit breaker :CB) ิ • อุปกรณ์ทาหน้าที่ตดกระแสไฟฟ้ า เมื่อกระแสเกินหรื อลัดวงจร สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่เปลี่ยนใหม่เหมือนฟิ วส์ การทางานมี ั 2 แบบคือ เชิงความร้อน และเชิงแม่เหล็ก
  • 10. วงจรไฟฟาแสงสว่ าง ้ • ประเภทของหลอดไฟฟ้ า มีหลอดไส้ หลอดทัวสเตนฮาโลเจน หลอดเรื อง แสง เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
  • 11. ประเภทของมอเตอร์ • - มอเตอร์ เหนี่ยวนา (induction motor) นิยมใช้มา มี 1 เฟส และ 3 เฟส แบบ กรงกระรอก และ แบบวาวด์โรเตอร์ • - มอเตอร์ ซิงโครนัส (synchronous motor) เป็ นมอเตอร์ 3 เฟส มีขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวด สนาม ความเร็วคงที่ • - มอเตอร์ ไฟฟากระแสตรง (DC motor) มีขดลวดสนามอยุบนสเตเตอร์และขดลวดอาร์เมเจอร์ ้ ่ ่ อยูบนสเตเตอร์ สามารถควบคุมความเร็วได้ดี แรงบิดเริ่ มเดินเครื่ องสู ง
  • 13. การต่ อลงดิน • หมายถึงการต่อสายไฟฟ้ าจากอุปกรณ์ไฟฟ้ าไปยังสายดิน โดยสายดินคือแท่งตัวนาทองแดงที่ตอด ลงไปในดิน เพื่อป้ องกันไฟรั่วซ๊อตบุคคลผูใช้งาน ้ • 1. ประเภทของการต่ อลงดิน แบ่งเป็ น 2 ประเภท • การต่ อลงดินทีระบบไฟฟา หมายถึง การต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้ าที่มีกระแสไหลผ่านลง ่ ้ ดิน เช่น การต่อจุดนิวทรัล (neutral point) ลงดิน • การต่ อลงดินทีอุปกรณ์ ไฟฟา หมายถึงการต่อส่วนที่เป็ นโลหะ ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านของ ่ ้ อุปกรณ์ต่างๆ ลงดิน • 2. ส่ วนประกอบการต่ อลงดิน • - หลักดิน หรื อระบบหลักดิน (grounding electrode) เป็ นหลักดิน นิยมใช้ทองแดง • - สายต่อหลักดิน
  • 15. หน่ วยที่ 11 ระบบควบคุมทางวิศวกรรม
  • 16.
  • 17. • องค์ประกอบของเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ประกอบด้วย • 6 องค์ประกอบ คือ • 1) เครื่ องจักรอุปกรณ์ในการผลิต • 2) เครื่ องมือวัด • 3) เครื่ องส่ งสัญญาณ • 4) สายสัญญาณ • 5) เครื่ องควบคุม • 6) เครื่ องบันทึกสัญญาณ
  • 18. เครื่องมือ อุปกรณ์ ควบคุมทางนิวแมติก ส่ วนประกอบของเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทางานและควบคุมการทางานของ ระบบนิวแมติกมีดงต่อไปนี้ั - เครื่ องอัดลม - เครื่ องระบายความร้อนของลมอัด - เครื่ องทาลมแห้ง เครื่ องแลกเปลี่ยน - ชุดทาความสะอาดลม ความร้อน - ลิ้นหรื อวาล์วลดความดัน เครื่ องทาลมแห้ง - วาล์วควบคุม - ระบบหล่อลื่นในระบบนิวแมติก หม้อเก็บลมอัด - กระบอกสู บ - วงจรไฟฟ้ าควบคุม เครื่ องอัดลม
  • 19. การควบคุมอัตโนมัตโดยประยุกต์ ใช้ งานระบบโปรแกรมมาเบิลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ ิ ้ • โครงสร้างของตัวเครื่ องโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ (พีแอลซี ) นั้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก • 1. หน่ วยประมวลผลกลาง (central processing unit) หรื อไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor) เป็ นหน่วยการทางานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลาง และควบคุมการสังงานของระบบการทางาน ่ • 2. หน่ วยความจา (program หรื อ memory unit) เป็ นหน่วยของเครื่ องที่ทาหน้าที่ในการจัดเก็บ ข้อมูลและโปรแกรมควบคุมการทางาน ข้อมูลหรื อโปรแกรมที่เก็บไว้สามารถถูกนาออกมาใช้ได้ตามต้องการ • 3. หน่ วยรับสั ญญาณอินพุต (input unit) จะเป็ นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ ภายนอกที่จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ มี และแรมต้องจ่ายไฟเลี้ยง ่ และแบบรอมอยูในรู ปโมดูล • 4. หน่ วยส่ งสั ญญาณเอาต์ พุต (output unit) จะเป็ นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ที่ จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ ้ สัญญาณแบบอนาล็อก หรื อ ดิจิตอล • 5. หน่ วยจ่ ายกาลังไฟฟา (power supply unit) ทาหน้าที่ในการจ่ายกาลังไฟฟ้ าให้กบตัวโปรแกรมมา ้ ั เบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
  • 20. การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ ใช้ งานระบบควบคุมกลางกระจายการ ควบคุม ดีซีเอส (distributed control system: DCS) • วัตถุประสงค์ ของการออกแบบระบบดีซีแอส เป็ นความต้องการออกแบบมาใช้ ในการควบคุมระบบใน ลักษณะการกระจายการควบคุม หน่ วยการผลิต ควบคุมการทางานของระบบการผลิตแบบต่ อเนื่อง (continuous process) • การทางานของระบบดีซีแดส ระบบควบคุมแบบ พีแอลซี ในระบบ ดีซีเอส การควบคุมด้วยอุปกรณ์ ประเภท พีแอลซี จะสังการผ่านอุปกรณ์ควบคุม เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บุคคล (personal computer) ผูควบคุมระบบ ่ ้ จะสามารถทาการตรวจสอบติดตามผล และสังการโปรแกรมได้ ่
  • 21. หน่ วยที่ 12 หน่ วยการผลิตและกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมเคมี • การผลิต หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) หมายถึง การนาเอาวัตถุดิบทีเ่ ป็ น สสารหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งทีอยู่ในรู ปของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ทีเ่ รียกว่ าสารตั้งต้ น (reactant) มาทาการเปลียนแปลง ่ ่ รู ปร่ าง เปลียนแปลงคุณสมบัติทางด้ านกายภาพ ทางด้ านเคมี ให้ เป็ นผลิตภัณฑ์ หรือสิ นค้ าการ(Product หรือ Goods) ทีทาให้ ่ ่ คุณสมบัติของสารเปลียนไปจาเป็ นต้ องมีปัจจัยหรือกระบวนการทางด้ านกายภาพ หรือกระบวนการทางด้ านเคมีเสริมได้ แก่ ่ อุณหภูมิ ความดัน โดยมีถังปฎิกริยาเคมี หรือเครื่องปฏิกริยาเคมี (Chemical Reactor ิ ิ • งานวิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) หรื อวิศวกรรมระบบ (Process Engineering) เป็ นการศึกษา การออกแบบ การควบคุมการทางานของกระบวนการผลิตในงานอุตสาหกรรมที่เน้นการเลือกกระบวนการปฏิกิริยาเคมี เลือก เงื่อนไขการผลิต การควบคุมการปฏิบติการที่เหมาะสม ั
  • 22. จลนพลศาสตร์ ของปฏิกริยาแบบกวนผสม ิ • เครื่องปฏิกริยาเคมีแบบกะ (Batch Reactor) หลักการทางานเบืองต้นของถังปฏิกริยาเคมีคอการนาสาร ิ ้ ิ ื ตั้งต้ น หรือสารนาเข้ า (reactants หรือ feed) ใส่ เข้ าไปในถังปฏิกริยาเคมีในปริมาณทีคานวณไว้ แล้วให้ มการกวนผสม (Mixing) ิ ่ ี ให้ เกิดปฏิกริยาเคมีขนอย่ างสมบูรณ์ ิ ึ้
  • 23. เครื่องปฏิกริยาหลายถังแบบต่ อเนื่อง (Multiple Continuous Reactor ) ิ • เป็ นเครื่ องปฏิกิริยาเคมีที่มีการเอาถังกวนผสมแบบสมบูรณ์หลายถัง (Continuous Stirred Tank Reactor : CSTR) ต่ออนุกรมกันซึ่ง สามารถกาหนดให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในแต่ละถังมีค่าสม่าเสมอ (Uniform) และเท่ากับค่าความเข้มข้นในของไหลที่ไหล ออกของแต่ละถัง
  • 24. เครื่องปฏิกริยาเคมีแบบท่ อไหล (Tubular Reactor หรือ Plug Flow Reactor) ิ • เป็ นเครื่ องปฏิกิริยาเคมีที่มีโครงสร้างคล้ายกับเครื่ องแลกเปลี่ยนความร้อนระบบท่อ (Heat Exchanger) ที่มีการไหลในท่อไหล ขนานกันหลายท่อ
  • 25. กระบวนการผลิตและระบบการผลิตในงานอุตสาหกรรม • ปฏิกริยาดูดซับระหว่ างก๊าซกับของแข็ง ิ • ปฏิกริยาดูดซึมระหว่ างก๊าซกับของเหลว ิ • ปฏิกริยาดูดซึมระหว่ างก๊าซกับของเหลว ิ
  • 26. หน่ วยที่ 13 พืนฐานวิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมอุตสาหการ คือการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึง ้ การทางาน และค่ าใช้ จ่ายทีเ่ กียวข้ องกับแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์ เพือให้ องค์ กรสามารถเพิมผลิตภาพ มีกาไรและ ่ ่ ่ ประสิ ทธิภาพการทางานสู งขึน ้ • การเลือกทาเลทีต้ังโรงงาน ่ • แหล่ งวัตถุดบ ิ • ตลาด • แรงงานและค่ าจ้ าง • สาธารณูปโภค • การจราจรขนส่ ง • สิ่ งแวดล้อม • กรรมสิ ทธิ์ทดนี่ ิ • กฎหมายทีเ่ กียวข้ อง ่
  • 27. การวางผังโรงงานและแผนภูมการไหลของวัสดุ ิ • การวางผังโรงงานแบ่งออกเป็ น 4 ประเภท ใหญ่ๆ ด้วยกันคือ • 1 การวางผังโรงงานตามชนิดของผลิตภัณฑ์ (product layout)
  • 31. รูปแบบในการไหลของวัสดุ • 1) การไหลแบบเส้ นตรง เป็ นการไหลของวัสดุง่ายๆ ตามขั้นตอนการผลิต พื้นที่อาคารโรงงานจะต้องมีความยาวเพียงพอ ด้านข้างของอาคารทั้ง 2 ด้านอาจจะออกแบบเป็ นสานักงานหรื อหน่วยงานสนับสนุน เช่น แผนกซ่อมบารุ ง แผนกออกแบบ เป็ นต้น • 2) การไหลแบบตัวเอส หรือซิกแซก เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมากและมีพ้ืนที่โรงงานที่ส้ ันกว่า มีการ ป้ อนเข้าของวัตถุดิบและการไหลออกของผลิตภัณฑ์คนละด้านของอาคารโรงงาน
  • 32. • 3) การไหลแบบตัว ยู เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตทียาวมาก แต่ มพนทีโรงงานทีส้ั นกว่ า มีการป้ อนวัตถุดิบและ ่ ี ื้ ่ ่ การไหลออกของผลิตภัณฑ์ ด้านเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ 8 7 6 5 วัตถุดิบ 1 2 3 4 1 • 4) การไหลแบบวงกลม เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่มีความยาวมาก อาคารโรงงานที่มีลกษณะทรงจัตุรัส ั วัสดุและสิ นค้าเข้า – ออก จุดเดียวกัน เช่น แผนกรับ-ส่ งสิ นค้าและวัตถุดิบอยู่ ณ จุดเดียวกัน 3 2 4 วัตถุดิบ 1 5 ผลิตภัณ 1 7 6 ฑ์
  • 33. • 5) การไหลแบบไม่ เป็ นรู ปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 13.9 เหมาะสาหรับอาคารโรงงานที่มีขอจากัดเรื่ องพื้นที่และ ้ จุดติดตั้งเครื่ องจักรขนาดใหญ่ สิ่ งอานวยความสะดวกที่ติดตั้งถาวรอยูก่อนแล้ว จาเป็ นต้องจัดสายการผลิตให้เข้ากับสิ่ งที่มีอยู่ ่ 2 4 5 วัตถุดิบ 1 3 6 ผลิตภัณฑ์
  • 34.
  • 35. 1. พัสดุคงคลังประกอบด้ วย • 1) วัตถุดิบ • 2) วัสดุในงานระหว่างทา • 3) วัสดุซ่อมบารุ ง • 4) สิ นค้าสาเร็จรู ป • 2. ต้ นทุนทีเ่ กียวข้ องกับพัสดุคงคลัง ่ • 1) ค่าใช้จ่ายในการสังซื้ อ ่ • 2) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา • 3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสิ นค้าขาดแคลน • 4) ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่ องจักรใหม่ • ลาดับความสาคัญในการวิเคราะห์งาน คือ • - มีความเร่ งด่วน - มีตนทุนการผลิตสูง - มีความต้องการความชานาญสูง - มีความเสี่ ยงสูง ้
  • 36.
  • 37. หน่ วยที่ 14 อันตรายจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม • ระบบการผลิตนั้นประกอบไปด้วย 4ขั้นตอน • 1. วัตถุดิบนาเข้า 2. กระบวนการ • 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์ • 4. ข้อมูลป้ อนกลับ
  • 38. ประเภทการผลิต4 ประเภท • 1. กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง • 2. กระบวนการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง • 3. กระบวนการผลิตแบบผลิตซ้ า • 4. กระบวนการผลิตแบบงานโครงการ
  • 39. ปัจจัยสาคัญที่ตองพิจารณาในการออกแบบกระบวนการผลิต ้ • ปัจจัยสาคัญฯ เหล่านั้นได้แก่ • 1. ปัจจัยผลิตภัณฑ์ • 2. ปัจจัยทางวัสดุ • 3. ปัจจัยเครื่ องจักร • 4. ปัจจัยการผลิต • 5. ปัจจัยต้นทุน
  • 40. สิ่ งแวดล้อมในการทางานที่ก่อให้เกิดอันตราย แก่ผปฏิบติงานทางด้านสุ ขศาสตร์อุตสาหกรรม ู้ ั • แบ่งออกได้ 5 ประเภทคือ • 1. สิ่ งแวดล้อมทางด้านกายภาพ • 2. สิ่ งแวดล้อมทางด้านเคมี • 3. สิ่ งแวดล้อมทางด้านชีวภาพ • 4. สิ่ งแวดล้อมทางด้านเออร์โกโนมิคส์ • 5. สิ่ งแวดล้อมทางด้านจิตสังคม
  • 41. การเตรียมเยือกระดาษมี 2 วิธีการ ่ - การเตรี ยมเยือกระดาษโดยกระบวนการทางเคมีและ ่ - การเตรี ยมเยือกระดาษโดยใช้เครื่ องจักร ่ • อันตรายจากอุตสาหกรรมหลอมเหล็ก เกิดจาก ฝุ่ น ความร้อน ก๊าซ CO 2 โลหะหนักหลายชนิด • อันตรายจากกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ • ่ 1. กระบวนการตัดเวเฟอร์ ได้แก่ ฝุ่ นที่อยูในรู ปของตะกอนเปี ยกของสารหนู • (arsenic) • 2. กระบวนการเชื่อมชิพลงบนแผ่นเฟรม ได้แก่ ไอระเหยของอะซิ โตน • 3. กระบวนการหุ มชิพและเส้นลวดด้วยเรซิ น ได้แก่ สารพลวงและ ้ • สารประกอบโบรมีน
  • 42. เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม ่ หมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยูในทางวิศวกรรมอย่างมี ประสิ ทธิภาพ โดยวัดจากคุณค่าของผลงานด้านวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย - ประสิ ทธิ ภาพเชิงกายภาพ - ประสิ ทธิภาพเชิงเศรษฐศาสตร์ • การคานวณรายได้ประชาชาติ มี 3 วิธี คือ • - การคานวณรายได้ประชาชาติดานผลิตภัณฑ์ ้ • - การคานวณรายได้ประชาชาติดานรายได้ ้ • - การคานวณรายได้ประชาชาติดานรายจ่าย ้
  • 43. • อุปสงค์ หมายถึง ปริ มาณความต้องการสิ นค้าหรื อบริ การที่ผบริ โภคมีความสามารถที่จะซื้อ ู้ ได้และมีความเต็มใจที่จะซื้อ • อุปทาน หมายถึง ปริ มาณการเสนอขายสิ นค้าหรื อบริ การที่ผเู้ สนอขายยินดีขายสิ นค้าหรื อ บริ การนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจ • จุดดุลยภาพ หมายถึง จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ซึ่งมีปริ มาณอุปสงค์เท่ากับ ปริ มาณอุปทาน
  • 44. • ค่าเสื่ อมราคา หมายถึง การลดคุณค่าของทรัพย์สินตามกาลเวลา หรื อตาม ปริ มาณการผลิต แบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภท คือ • 1. การเสื่ อมราคาทางกายภาพ • 2. การเสื่ อมราคาทางการใช้งาน • 3. การเสื่ อมราคาจากอุบติเหตุ ั