More Related Content
Similar to เครื่องใช้ไฟฟ้า
Similar to เครื่องใช้ไฟฟ้า (20)
เครื่องใช้ไฟฟ้า
- 2. ด.ช.ภัครพงษ์ สุ ยะ เลขที่ 6
ด.ช. วสุ นรัตน์ สุ ยะ เลขที่ 7
ด.ช. ศรัณ บุญวงศ์ เลขที่ 8
ด.ช. ศุภชัย เทพธิดา เลขที่ 9
ด.ช. ศุภวิชญ์ วรรณภพ เลขที่ 10
ชั้นมัธยมศึกษาปี่ ที่ 3/1
- 3. 1.เครื่องใช้ ไฟฟาทีให้ แสงสว่ าง เช่ น หลอดไฟ
้ ่
2.เครื่องใช้ไฟฟาทให้ความร้อน เช่น เตารีด กระทะไฟฟา
้ ี่ ้
3. เครื่องใช้ ไฟฟาทีให้ พลังงานกล เช่ น พัดลม มอเตอร์
้ ่
4. เครื่องใช้ ไฟฟาทีให้ พลังงานเสี ยง เช่ น ทีวี วิทยุ ลําโพง
้ ่
- 4. 1.เครื่องใช้ ไฟฟาทีให้ แสงสว่าง
้ ่
ั ั ่
อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงานแสงสวางคือ หลอดไฟ ซ่ ึง
หลอดไฟที่ใชในบานสามารถ แบ่งออกเป็น2ชนิดคือ
้ ้
1. หลอดไฟธรรมดาหรือหลอดไฟชนิดไส้ มีการเปลี่ยนรูปพลงงานจาก
ั
พลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงานความร้อน แลวจึงเปลี่ยนเป็นพลงงานแสง หลอด
ั ั ้ ั
ไฟฟ้าแบบธรรมดามี 2 แบบ คือแบบเกลียวและแบบเขี้ยว มีส่วนประกอบดังนี้
- 5. 1. ไสหลอด ทาดวยโลหะที่มีจุดหลอดเหลวสูง ทนความร้อนไดมาก มีความ
้ ํ ้ ้
ทานสูง เช่น ทงสเตน
ั
2. หลอดแกวทาจากแกวที่ทนความร้อนไดดี ไมแตกง่าย สูบอากาศออกจน
้ ํ ้ ้ ่
หมดภายในบรรจุก๊าซไนโตรเจนและอาร์กอนเลกนอย ก๊าซชนิดน้ ีทาปฏิกิริยา
็ ้ ํ
ยาก ช่วยป้ องกันไม่ให้ไส้หลอดระเหิ ดไปจับที่หลอดแก้ว
2.หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์(Fluorescent Lamp)
หลอดเรื องแสงหรื อหลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp)
ทําด้วยหลอดแก้วที่สูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทไว้เล็กน้อย มีไส้ที่
ปลายหลอดท้ งสองขาง ส่วนประกอบและการทางานของหลอดเรืองแสง มีดงน้ ี
ั ้ ํ ั
1. ตวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทและก๊าซ
ั
อาร์กอน เลกนอย ผิวด้านในของหลอดเรื องแสงฉาบด้วยสารเรื องแสงชนิด
็ ้
ต่างๆ
- 6. ่
2. ไส้หลอด ทําด้วยทังสเตนหรื อวุลแฟรมอยูที่ปลายทั้งสองข้าง เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไส้หลอดจะทําให้
ไส้หลอดร้อนขึ้น
3. สตาร์ตเตอร์ ทําหน้าที่เป็ นสวิตซ์ไฟฟ้ าอัตโนมัติของวงจรโดยต่อขนานกับหลอด ทําด้วยหลอดแก้ว
ภายในบรรจุก๊าซนี ออนและแผ่นโลหะคู่ที่งอตัวได้
ั ่
4. แบลลสต์ เป็ นขดลวดที่พนอยูบนแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านจะเกิดการเหนี่ ยวนํา
ั
แม่เหลกไฟฟ้าทาให้เกิดแรงเคลื่อน ไฟฟ้าเหนี่ยวนาข้ ึน
็ ํ ํ
หลักการทํางานของหลอดเรืองแสง
เมื่อกระแสไฟฟ้าผานไอปรอทจะคายพลงงานไฟฟ้าให้อะตอมไอปรอท ทาให้อะตอมของไอปรอทอยู่
่ ั ํ
ในสภาวะถูกกระตุน และอะตอมของปรอทจะคายพลังงานออกมาเพื่อลดระดับพลังงาน ในรู ปของรังสี
้
่
อัลตราไวโอเลต ซึ่ งอยูในช่วงของแสงที่มองไม่เห็น เมื่อรังสี น้ ี กระทบสารเรื องแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวหลอด สาร
เรื องแสงจะเปล่งแสงสี ต่างๆตามชนิดของสารเรื องแสงที่ฉาบไว้ในหลอด
- 7. 2. เครื่องใช้ไฟฟาทให้ความร้อน
้ ี่
เครื่องใชไฟฟ้าที่ใหพลงงานความร้อน เป็นเครื่องใชที่เปลี่ยนพลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงาน
้ ้ ั ้ ั ั
ความร้อน โดยใชหลกการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผานขดลวดตวนาที่มีความตานทานสูงๆ
้ ั ่ ั ํ ้
ลวดตัวนํานั้นจะร้อนจนสามารถนําความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ได้
1. ขดลวดความร้อน หรือแผนความร้อน มกทาจากโลหะผสมระหวางนิเกิลกบโครเมียม
่ ั ํ ่ ั
เรี ยกว่า นิโครม ซึ่งมีสมบัติคือมีจุดหลอมเหลวสูงมากจึงทนความร้อนได้สูงเมื่อมีความร้อนเกิด
่
ข้ ึนมากๆจึงไมขาด และมีความตานทานสูงมาก
้
2. เทอร์โมสตาร์ท หรื อสวิตซ์ความร้อนอัตโนมัติ ทําหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป
มีส่วนประกอบเป็นโลหะต่างชนิดกน 2 แผ่นมาประกบกัน เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวได้ไม่
ั
เท่ากัน เช่น เหล็กกับทองเหลือง
- 8. 3. เครื่องใช้ ไฟฟาที่ให้ พลังงานกล
้
เครื่องใชไฟฟ้าที่ใหพลงงานกล มีการเปลี่ยนรูปพลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงานกล โดยอาศย
้ ้ ั ั ั ั
หลกการเหนี่ยวนาแม่เหลกไฟฟ้า ดวยอุปกรณ์ ที่เรียกวา มอเตอร และ เครื่องควบคุมความเร็ว
ั ํ ็ ้ ่
ซ่ ึงเป็นอุปกรณ์หลกในเครื่องใชไฟฟ้าที่ใหพลงงานกล เครื่องใชไฟฟ้าที่ใหพลงงานกล เช่น
ั ้ ้ ั ้ ้ ั
เครื่องดูดฝ่ น พดลม เครื่องซกผา เครื่องปั่นน้ าผลไม ้
ุ ั ั ้ ํ
มอเตอร์ เป็นเครื่องใชไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงานกล ประกอบด้วยขดลวดที่
้ ั ั
พนรอบแกนโลหะที่วางอยระหวางข้ วแม่เหลก โดยเมื่อผานกระแสไฟฟ้าเขาไปยงขดลวดที่อยู่
ั ู่ ่ ั ็ ่ ้ ั
ระหวางข้ วแม่เหลก จะทาใหขดลวดหมุนไปรอบแกน และเมื่อสลบข้ วไฟฟ้า การหมุนของ
่ ั ็ ํ ้ ั ั
ขดลวดจะหมุนกลับทิศทางเดิม มอเตอร์ มี 2 ประเภท คือ มอเตอร์กระแสตรง และมอร์
กระแสสลับ
- 9. 4.เครื่องใช้ไฟฟาทให้พลงงานเสียง
้ ี่ ั
เครื่องใชไฟฟ้าที่ใหพลงงานเสียงที่เปลี่ยนพลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงานเสียง
้ ้ ั ั ั
ได้แก่ เครื่ องรับวิทยุ เครื่ องขยายเสี ยง เครื่ องบันทึกเสี ยง
เครื่องรับวิทยุ เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลงงานไฟฟ้าเป็นพลงงานเสียง โดยรับคลื่นวทยุ
ั ั ิ
จากสถานีส่งแล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสี ยงที่มีอยูในรู ปของ สัญญาณไฟฟ้ า
่
่ ั
ใหแรงข้ ึนเมื่อผานสญญาณไฟฟ้าน้ ีไปยงลาโพงจะทาใหลาโพงสน สะเทือนเปลี่ยนเป็นเสียงที่
้ ั ํ ํ ้ ํ ั่
สามารถรับฟังได้
- 10. เครื่องขยายเสียง(Amplifier) คือ เครื่องใชไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลงงานไฟฟ้าเป็น
้ ั
ั ั ํ
พลงงานเสียงโดยรับสญญาณไฟฟ้าจากไมโครโฟน หวเทป หรือจาก เครื่องกาเนิดสญญาณไฟฟ้า
ั ั
จากเสียงต่างๆ มาขยายสญญาณไฟฟ้าจนมีกาลงมากพอจึงส่งออกสู่ลาโพงเสียง เครื่องขยายเสียง
ั ํ ั ํ
จะตองมีส่วนประกอบดงน้ ี
้ ั
1. ไมโครโฟน เปลี่ยนพลงงานเสียงใหเ้ ป็นสญญาณไฟฟ้า
ั ั
2. เครื่ องขยายสัญญาณไฟฟ้ า ขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น
3. ลาโพง เปลี่ยนสญญาณไฟฟ้าใหเ้ ป็นพลงงานเสียง
ํ ั ั
เครื่องบันทกเสียง ขณะบนทึกดวยการพดผานไมโครโฟน ซ่ ึงจะเปลี่ยนพลงงานเสียง
ึ ั ้ ู ่ ั
เป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วบันทึกลงในแถบบันทึกเสี ยงซึ่งฉาบด้วยสารแม่เหล็กในรู ปของสัญญาณ
แม่เหล็ก
- 11. 1.เครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ แสงสว่าง
้
-ควรปิ ดไฟทกครังเมื่อไมมีคนอยในห้อง
ุ ้ ่ ู่
-เปลียนมาใช้ หลอดตะเกียบ
่
-เลือกใช้ หลอดไฟที่มีกําลังวัตที่เหมาะสมกับการใช้ งาน
- 12. 2.เคร่ ืองใช้ไฟฟาท่ ให้ความร้อน
้ ี
-ถอดปลกทกครังเมอไมได้ใช้งาน
ั๊ ุ ้ ื่ ่
-ควรซกผ้าครังละมากๆติดตอกนจนเสร็จ
ั ้ ่ ั
-อยาพรมนํ ้าจนเปียกแฉะ
่
3.เครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ พลังงานกล
้
-เปิ ดความเร็วลมพอควร
- เปิ ดเครื่องใช้ ไฟฟ้ าเฉพาะเวลาใช้ งาน
- ควรเปิดหน้าตางใช้ลมธรรมชาติแทน
่
- 13. 4.เครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ พลังงานเสียง
้
-ปิ ดเครื่องทกครังเมื่อไมได้ฟังวิทยุ
ุ ้ ่
-ควรถอดปลักออกเมื่อใช้ เป็ นเวลานาน
๊
-ไม่เปิ ดโทรทัศน์ทิ ้งไว้ เวลานาน