SlideShare a Scribd company logo
1 of 44
Download to read offline
หน่วยที่ 10 ไฟฟ้ าและวงจรไฟฟ้ า
. ระบบส่งจ่ายไฟฟ้ า
ระดับแรงดันสาหรับสายส่งแรงสูง ส่งจากโรงไฟฟ้า ระหว่างสถานีไฟฟ้า 69kv 115kv 230kv 500kv อยู่ใน
ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ายแรงสูง สถานีไฟฟ้าย่อยระบบจาหน่าย ไปยังหม้อแปลงระบบจาหน่าย
11kv 22kv 33kv 22kv 24kv
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ายแรงต่า
-ระบบ1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์
-ระบบแรงต่า 3 เฟส 4 สาย 380 โวลต์50 เฮิรตซ์
กระแสไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
• ไฟฟ้ ากระแสตรง (direct current : DC) คือการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางการไหลในทิศทางเดียวจากขั้วลบไปยัง
ขั้วบวก เช่นแบตเตอรี่รถยนต์24 volt ถ่านไฟฉาย 1.5 volt
• ไฟฟ้ ากระแสสลับ (alternating current: AC) เป็นการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางไหลกลับไปกลับมาตลอดเวลา
โดยการเคลื่อนที่ประจุไฟฟ้าบวกและลบสลับกันในตัวนาสาย เช่น ไฟฟ้าตามบ้าน220 โวลต์50 เฮิรตซ์
หน่วยวัดทางไฟฟ้ า
• ความต้านทานไฟฟ้ า (resistance) เป็นคุณสมบัติของสสารที่ต่อต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า
สสารที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่าเรียกว่า ตัวนาไฟฟ้า ส่วนสสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ามากกว่าเรียกว่า
ฉนวนไฟฟ้า ความต้านทานมีหน่วยเป็นโอห์ม
• แรงดันไฟฟ้ า (voltage) เป็นแรงที่ทาให้อิเลคตรอนเกิดการเคลื่อนที่ หรือแรงที่ทาให้เกิดการไหลของ
ไฟฟ้า มีหน่วยเป็น โวล์ท V
กระแสไฟฟ้ า (current) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ภายในตัวนา
ไฟฟ้า หน่วยเป็น แอมแปร์ A
• กาลังงานไฟฟ้ า (power) อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หรืออัดตราการทางาน มีหน่วยเป็น วัตต์watt
W
• พลังงานไฟฟ้ า (energy) คือ กาลังไฟฟ้าที่ใช้ไประยะหนึ่ง มีหน่วยเป็น วัตต์-ชั่วโมง (watt-hour) หรือ
ยูนิต(unit)
• ความถี่ (frequency) คือจานวนรอบของกระแสไฟฟ้าสลับ มีหน่วยเป็น เฮิรตซ์ Hz
• รอบ (cycle) คือการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าครบ 360 องศาซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้าค่าบวกและค่าลบได้สมบูรณ์
• แรงม้า (horse power) หรือกาลังม้า เป็นหน่วยวัดกาลังหรืออัตราการทางาน 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์
หรือ 745.7 วัตต์ ประมาณ 746 วัตต์
สมการไฟฟ้า
• กฎของโอห์ม (ohm’s low) ค.ศ. 1862 นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน George
Simon Ohm กล่าวว่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรจะแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้าและ
แปรผกผันกับค่าความต้านทาน E = IR
• สมการค่ากาลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็นวัตต์P=EI
• สมการค่าพลังงานไฟฟ้า W = Pt กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หรือยูนิต
(unit)
วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น
• - วงจรอนุกรม กระแสไฟฟ้าตลอดวงจรมีค่าเดียวกันตลอด แรงเคลื่อนไฟฟ้าเท่ากับแรงดันที่ตกคร่อม
อุปกรณ์แต่ละตัว
• วงจรขนาน(parallel circuit) กระแสไฟฟ้าไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัว รวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้า
ที่ไหลออกจากแหล่งจ่าย แรงดันตกคร่อมอุปกรณ์แต่ละตัว มีค่าเท่ากับแรงเคลื่อนไฟฟ้าของแหล่งจ่าย
ส่วนประกอบของสายไฟฟ้ า
• ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ตัวนา และฉนวน
• . ประเภทของสายไฟฟ้ า แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สายไฟฟ้าแรงดันสูง
และสายไฟฟ้าแรงดันต่า
• - สายไฟฟ้าแรงดันสูง มีสายเปลือย และสายหุ้มฉนวน
• - สายไฟฟ้าแรงดันต่า ใช้กับแรงดันไม่เกิน 750 โวล์ท
การเลือกสายไฟฟ้ าที่เหมาะสม
• พิกัดแรงดัน พิกัดกระแส สายควบ แรงดันตก (voltage drop)
อุปกรณ์ป้ องกันระบบไฟฟ้ า
• - ฟิวส์ (fuse) อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ทามาจากโลหะผสมสามารถนาไฟฟ้าได้ดี มีจุดหลอมละลายต่า ฟิวส์
ที่ดี เมื่อกระแสไหลเกิน 2.5 ของขนาดทนกระแสของฟิวส์ ฟิวส์ต้องขาด
• - เซอร์กิตเบรกเกอน์ (circuit breaker :CB)
• อุปกรณ์ทาหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้า เมื่อกระแสเกินหรือลัดวงจร สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่เปลี่ยนใหม่เหมือนฟิวส์ การทางานมี
2 แบบคือ เชิงความร้อน และเชิงแม่เหล็ก
วงจรไฟฟ้ าแสงสว่าง
• ประเภทของหลอดไฟฟ้ า มีหลอดไส้ หลอดทัวสเตนฮาโลเจน หลอดเรือง
แสง เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
ประเภทของมอเตอร์
• - มอเตอร์เหนี่ยวนา (induction motor) นิยมใช้มา มี 1 เฟส และ 3 เฟส แบบ
กรงกระรอก และ แบบวาวด์โรเตอร์
• - มอเตอร์ซิงโครนัส (synchronous motor) เป็นมอเตอร์ 3 เฟส มีขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวด
สนาม ความเร็วคงที่
• - มอเตอร์ไฟฟ้ ากระแสตรง (DC motor) มีขดลวดสนามอยุ่บนสเตเตอร์และขดลวดอาร์เมเจอร์
อยู่บนสเตเตอร์ สามารถควบคุมความเร็วได้ดี แรงบิดเริ่มเดินเครื่องสูง
อุปกรณ์ที่สาคัญในการควบคุมมอเตอร์
การต่อลงดิน
• หมายถึงการต่อสายไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าไปยังสายดิน โดยสายดินคือแท่งตัวนาทองแดงที่ตอด
ลงไปในดิน เพื่อป้องกันไฟรั่วซ๊อตบุคคลผู้ใช้งาน
• 1. ประเภทของการต่อลงดิน แบ่งเป็น 2 ประเภท
• การต่อลงดินที่ระบบไฟฟ้ า หมายถึง การต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้าที่มีกระแสไหลผ่านลง
ดิน เช่น การต่อจุดนิวทรัล (neutral point) ลงดิน
• การต่อลงดินที่อุปกรณ์ไฟฟ้ า หมายถึงการต่อส่วนที่เป็นโลหะ ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านของ
อุปกรณ์ต่างๆ ลงดิน
• 2. ส่วนประกอบการต่อลงดิน
• - หลักดิน หรือระบบหลักดิน (grounding electrode) เป็นหลักดิน นิยมใช้ทองแดง
• - สายต่อหลักดิน
ล่อฟ้า
หน่วยที่ 11 ระบบควบคุมทางวิศวกรรม
• องค์ประกอบของเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ประกอบด้วย
• 6 องค์ประกอบ คือ
• 1) เครื่องจักรอุปกรณ์ในการผลิต
• 2) เครื่องมือวัด
• 3) เครื่องส่งสัญญาณ
• 4) สายสัญญาณ
• 5) เครื่องควบคุม
• 6) เครื่องบันทึกสัญญาณ
เครื่องมือ อุปกรณ์ควบคุมทางนิวแมติก
หม้อเก็บลมอัด
เครื่องอัดลม
เครื่องแลกเปลี่ยน
ความร้อน
เครื่องทาลมแห้ง
ส่วนประกอบของเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทางานและควบคุมการทางานของ
ระบบนิวแมติกมีดังต่อไปนี้
- เครื่องอัดลม
- เครื่องระบายความร้อนของลมอัด
- เครื่องทาลมแห้ง
- ชุดทาความสะอาดลม
- ลิ้นหรือวาล์วลดความดัน
- วาล์วควบคุม
- ระบบหล่อลื่นในระบบนิวแมติก
- กระบอกสูบ
- วงจรไฟฟ้าควบคุม
การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ใช้งานระบบโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
• โครงสร้างของตัวเครื่องโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ (พีแอลซี) นั้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก
• 1. หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit) หรือไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor)
เป็นหน่วยการทางานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลาง และควบคุมการสั่งงานของระบบการทางาน
• 2. หน่วยความจา (program หรือ memory unit) เป็นหน่วยของเครื่องที่ทาหน้าที่ในการจัดเก็บ
ข้อมูลและโปรแกรมควบคุมการทางาน ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เก็บไว้สามารถถูกนาออกมาใช้ได้ตามต้องการ
• 3. หน่วยรับสัญญาณอินพุต (input unit) จะเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์
ภายนอกที่จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ มี และแรมต้องจ่ายไฟเลี้ยง
และแบบรอมอยู่ในรูปโมดูล
• 4. หน่วยส่งสัญญาณเอาต์พุต (output unit) จะเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ที่
จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ สัญญาณแบบอนาล็อก หรือ ดิจิตอล
• 5. หน่วยจ่ายกาลังไฟฟ้ า (power supply unit) ทาหน้าที่ในการจ่ายกาลังไฟฟ้าให้กับตัวโปรแกรมมา
เบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ใช้งานระบบควบคุมกลางกระจายการ
ควบคุม ดีซีเอส (distributed control system: DCS)
• วัตถุประสงค์ของการออกแบบระบบดีซีแอส เป็นความต้องการออกแบบมาใช้ในการควบคุมระบบใน
ลักษณะการกระจายการควบคุม หน่วยการผลิต ควบคุมการทางานของระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous process)
• การทางานของระบบดีซีแดส ระบบควบคุมแบบ พีแอลซี ในระบบ ดีซีเอส การควบคุมด้วยอุปกรณ์
ประเภท พีแอลซี จะสั่งการผ่านอุปกรณ์ควบคุม เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บุคคล (personal computer) ผู้ควบคุมระบบ
จะสามารถทาการตรวจสอบติดตามผล และสั่งการโปรแกรมได้
หน่วยที่ 12 หน่วยการผลิตและกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมเคมี
• การผลิต หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) หมายถึง การนาเอาวัตถุดิบที่เป็น
สสารหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ที่เรียกว่าสารตั้งต้น (reactant) มาทาการเปลี่ยนแปลง
รูปร่าง เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางด้านกายภาพ ทางด้านเคมี ให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าการ(Product หรือ Goods) ที่ทาให้
คุณสมบัติของสารเปลี่ยนไปจาเป็นต้องมีปัจจัยหรือกระบวนการทางด้านกายภาพ หรือกระบวนการทางด้านเคมีเสริมได้แก่
อุณหภูมิ ความดัน โดยมีถังปฎิกิริยาเคมี หรือเครื่องปฏิกิริยาเคมี (Chemical Reactor
• งานวิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) หรือวิศวกรรมระบบ (Process Engineering) เป็นการศึกษา
การออกแบบ การควบคุมการทางานของกระบวนการผลิตในงานอุตสาหกรรมที่เน้นการเลือกกระบวนการปฏิกิริยาเคมี เลือก
เงื่อนไขการผลิต การควบคุมการปฏิบัติการที่เหมาะสม
จลนพลศาสตร์ของปฏิกิริยาแบบกวนผสม
• เครื่องปฏิกิริยาเคมีแบบกะ (Batch Reactor) หลักการทางานเบื้องต้นของถังปฏิกิริยาเคมีคือการนาสาร
ตั้งต้น หรือสารนาเข้า (reactants หรือ feed) ใส่เข้าไปในถังปฏิกิริยาเคมีในปริมาณที่คานวณไว้ แล้วให้มีการกวนผสม (Mixing)
ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นอย่างสมบูรณ์
เครื่องปฏิกิริยาหลายถังแบบต่อเนื่อง (Multiple Continuous Reactor )
• เป็นเครื่องปฏิกิริยาเคมีที่มีการเอาถังกวนผสมแบบสมบูรณ์หลายถัง (Continuous Stirred Tank Reactor : CSTR) ต่ออนุกรมกันซึ่ง
สามารถกาหนดให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในแต่ละถังมีค่าสม่าเสมอ (Uniform) และเท่ากับค่าความเข้มข้นในของไหลที่ไหล
ออกของแต่ละถัง
เครื่องปฏิกิริยาเคมีแบบท่อไหล (Tubular Reactor หรือ Plug Flow Reactor)
• เป็นเครื่องปฏิกิริยาเคมีที่มีโครงสร้างคล้ายกับเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนระบบท่อ (Heat Exchanger) ที่มีการไหลในท่อไหล
ขนานกันหลายท่อ
กระบวนการผลิตและระบบการผลิตในงานอุตสาหกรรม
• ปฏิกิริยาดูดซับระหว่างก๊าซกับของแข็ง
• ปฏิกิริยาดูดซึมระหว่างก๊าซกับของเหลว
• ปฏิกิริยาดูดซึมระหว่างก๊าซกับของเหลว
หน่วยที่ 13 พื้นฐานวิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมอุตสาหการ คือการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึง
การทางาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์ เพื่อให้องค์กรสามารถเพิ่มผลิตภาพ มีกาไรและ
ประสิทธิภาพการทางานสูงขึ้น
• การเลือกทาเลที่ตั้งโรงงาน
• แหล่งวัตถุดิบ
• ตลาด
• แรงงานและค่าจ้าง
• สาธารณูปโภค
• การจราจรขนส่ง
• สิ่งแวดล้อม
• กรรมสิทธิ์ที่ดิน
• กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การวางผังโรงงานและแผนภูมิการไหลของวัสดุ
• การวางผังโรงงานแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
• 1 การวางผังโรงงานตามชนิดของผลิตภัณฑ์ (product layout)
2 การวางผังโรงงานตามกระบวนการผลิต (process layout)
3 การวางผังโรงงานแบบตาแหน่งงานคงที่ (fixed position layout)
4 การวางผังโรงงานแบบผสม
รูปแบบในการไหลของวัสดุ
• 1) การไหลแบบเส้นตรงเป็นการไหลของวัสดุง่ายๆ ตามขั้นตอนการผลิต พื้นที่อาคารโรงงานจะต้องมีความยาวเพียงพอ
ด้านข้างของอาคารทั้ง 2 ด้านอาจจะออกแบบเป็นสานักงานหรือหน่วยงานสนับสนุน เช่น แผนกซ่อมบารุง แผนกออกแบบ เป็นต้น
• 2) การไหลแบบตัวเอส หรือซิกแซก เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมากและมีพื้นที่โรงงานที่สั้นกว่า มีการ
ป้อนเข้าของวัตถุดิบและการไหลออกของผลิตภัณฑ์คนละด้านของอาคารโรงงาน
• 3) การไหลแบบตัว ยู เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมาก แต่มีพื้นที่โรงงานที่สั้นกว่า มีการป้ อนวัตถุดิบและ
การไหลออกของผลิตภัณฑ์ด้านเดียวกัน
• 4) การไหลแบบวงกลม เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่มีความยาวมาก อาคารโรงงานที่มีลักษณะทรงจัตุรัส
วัสดุและสินค้าเข้า – ออก จุดเดียวกัน เช่น แผนกรับ-ส่งสินค้าและวัตถุดิบอยู่ ณ จุดเดียวกัน
8 7 6 5
1
1
2 3 4วัตถุดิบ
ผลิตภัณฑ์
1
1
2
3
4
5
67
วัตถุดิบ
ผลิตภัณ
ฑ์
• 5) การไหลแบบไม่เป็นรูปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 13.9 เหมาะสาหรับอาคารโรงงานที่มีข้อจากัดเรื่องพื้นที่และ
จุดติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ สิ่งอานวยความสะดวกที่ติดตั้งถาวรอยู่ก่อนแล้ว จาเป็นต้องจัดสายการผลิตให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่
2 4 5
6
วัตถุดิบ
ผลิตภัณฑ์1 3
• 1. พัสดุคงคลังประกอบด้วย
• 1) วัตถุดิบ
• 2) วัสดุในงานระหว่างทา
• 3) วัสดุซ่อมบารุง
• 4) สินค้าสาเร็จรูป
• 2. ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลัง
• 1) ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ
• 2) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
• 3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสินค้าขาดแคลน
• 4) ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องจักรใหม่
• ลาดับความสาคัญในการวิเคราะห์งาน คือ
• - มีความเร่งด่วน - มีต้นทุนการผลิตสูง - มีความต้องการความชานาญสูง - มีความเสี่ยงสูง
หน่วยที่ 14 อันตรายจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม
• ระบบการผลิตนั้นประกอบไปด้วย 4ขั้นตอน
• 1. วัตถุดิบนาเข้า
2. กระบวนการ
• 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์
• 4. ข้อมูลป้อนกลับ
ประเภทการผลิต4 ประเภท
• 1. กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง
• 2. กระบวนการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง
• 3. กระบวนการผลิตแบบผลิตซ้า
• 4. กระบวนการผลิตแบบงานโครงการ
ปัจจัยสาคัญที่ต้องพิจารณาในการออกแบบกระบวนการผลิต
• ปัจจัยสาคัญฯ เหล่านั้นได้แก่
• 1. ปัจจัยผลิตภัณฑ์
• 2. ปัจจัยทางวัสดุ
• 3. ปัจจัยเครื่องจักร
• 4. ปัจจัยการผลิต
• 5. ปัจจัยต้นทุน
สิ่งแวดล้อมในการทางานที่ก่อให้เกิดอันตราย
แก่ผู้ปฏิบัติงานทางด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรม
• แบ่งออกได้5 ประเภทคือ
• 1. สิ่งแวดล้อมทางด้านกายภาพ
• 2. สิ่งแวดล้อมทางด้านเคมี
• 3. สิ่งแวดล้อมทางด้านชีวภาพ
• 4. สิ่งแวดล้อมทางด้านเออร์โกโนมิคส์
• 5. สิ่งแวดล้อมทางด้านจิตสังคม
การเตรียมเยื่อกระดาษมี 2 วิธีการ
- การเตรียมเยื่อกระดาษโดยกระบวนการทางเคมีและ
- การเตรียมเยื่อกระดาษโดยใช้เครื่องจักร
• อันตรายจากอุตสาหกรรมหลอมเหล็ก เกิดจาก ฝุ่น ความร้อน ก๊าซ CO
2 โลหะหนักหลายชนิด
• อันตรายจากกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
• 1. กระบวนการตัดเวเฟอร์ ได้แก่ ฝุ่นที่อยู่ในรูปของตะกอนเปียกของสารหนู
• (arsenic)
• 2. กระบวนการเชื่อมชิพลงบนแผ่นเฟรม ได้แก่ ไอระเหยของอะซิโตน
• 3. กระบวนการหุ้มชิพและเส้นลวดด้วยเรซิน ได้แก่ สารพลวงและ
• สารประกอบโบรมีน
เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม หมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในทางวิศวกรรมอย่างมี
ประสิทธิภาพ โดยวัดจากคุณค่าของผลงานด้านวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย
- ประสิทธิภาพเชิงกายภาพ
- ประสิทธิภาพเชิงเศรษฐศาสตร์
• การคานวณรายได้ประชาชาติ มี 3 วิธี คือ
• - การคานวณรายได้ประชาชาติด้านผลิตภัณฑ์
• - การคานวณรายได้ประชาชาติด้านรายได้
• - การคานวณรายได้ประชาชาติด้านรายจ่าย
• อุปสงค์ หมายถึง ปริมาณความต้องการสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคมีความสามารถที่จะซื้อ
ได้และมีความเต็มใจที่จะซื้อ
• อุปทาน หมายถึง ปริมาณการเสนอขายสินค้าหรือบริการที่ผู้เสนอขายยินดีขายสินค้าหรือ
บริการนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจ
• จุดดุลยภาพ หมายถึง จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ซึ่งมีปริมาณอุปสงค์เท่ากับ
ปริมาณอุปทาน
• ค่าเสื่อมราคา หมายถึง การลดคุณค่าของทรัพย์สินตามกาลเวลา หรือตาม
ปริมาณการผลิต แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
• 1. การเสื่อมราคาทางกายภาพ
• 2. การเสื่อมราคาทางการใช้งาน
• 3. การเสื่อมราคาจากอุบัติเหตุ

More Related Content

What's hot

What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure
What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure  What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure
What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure Varun Patel
 
Cooling Towers - An Extensive Approach
Cooling Towers - An Extensive ApproachCooling Towers - An Extensive Approach
Cooling Towers - An Extensive ApproachNoaman Ahmed
 
Condenser in thermal power plants
Condenser in thermal power plantsCondenser in thermal power plants
Condenser in thermal power plantsSHIVAJI CHOUDHURY
 
Steam Condenser types,function, tube test, condenser vacuum
Steam Condenser types,function, tube test, condenser vacuumSteam Condenser types,function, tube test, condenser vacuum
Steam Condenser types,function, tube test, condenser vacuumwaqarahmed445
 
What is pressure surge analysis
What is pressure surge analysisWhat is pressure surge analysis
What is pressure surge analysisJohn Kingsley
 
Cooling towers
Cooling towersCooling towers
Cooling towersctlin5
 
Sizing of relief valves for supercritical fluids
Sizing of relief valves for supercritical fluidsSizing of relief valves for supercritical fluids
Sizing of relief valves for supercritical fluidsAlexis Torreele
 
Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)
Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)
Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)Chemical Engineering Guy
 
Cooling towers1
Cooling towers1Cooling towers1
Cooling towers1Dev Rao
 
Heat exchanger design handbook
Heat exchanger design handbookHeat exchanger design handbook
Heat exchanger design handbookvijayabhaskar83
 

What's hot (20)

What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure
What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure  What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure
What is MAWP? Difference between MAWP , Design Pressure and Operating Pressure
 
01 kern's method.
01 kern's method.01 kern's method.
01 kern's method.
 
Pump pipeline
Pump pipelinePump pipeline
Pump pipeline
 
Cooling Towers - An Extensive Approach
Cooling Towers - An Extensive ApproachCooling Towers - An Extensive Approach
Cooling Towers - An Extensive Approach
 
Distillation
DistillationDistillation
Distillation
 
Condenser in thermal power plants
Condenser in thermal power plantsCondenser in thermal power plants
Condenser in thermal power plants
 
Steam Condenser types,function, tube test, condenser vacuum
Steam Condenser types,function, tube test, condenser vacuumSteam Condenser types,function, tube test, condenser vacuum
Steam Condenser types,function, tube test, condenser vacuum
 
Cooling tower
Cooling towerCooling tower
Cooling tower
 
cooling towers
 cooling towers cooling towers
cooling towers
 
Overview of control valves
Overview of control valvesOverview of control valves
Overview of control valves
 
What is pressure surge analysis
What is pressure surge analysisWhat is pressure surge analysis
What is pressure surge analysis
 
Cooling towers
Cooling towersCooling towers
Cooling towers
 
Sizing of relief valves for supercritical fluids
Sizing of relief valves for supercritical fluidsSizing of relief valves for supercritical fluids
Sizing of relief valves for supercritical fluids
 
Condenser performance test
Condenser performance testCondenser performance test
Condenser performance test
 
Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)
Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)
Flash Distillation in Chemical and Process Engineering (Part 3 of 3)
 
Cooling towers1
Cooling towers1Cooling towers1
Cooling towers1
 
Cooling Tower - SNIST
Cooling Tower - SNISTCooling Tower - SNIST
Cooling Tower - SNIST
 
O&m of boiler
O&m of boilerO&m of boiler
O&m of boiler
 
Heat exchanger design handbook
Heat exchanger design handbookHeat exchanger design handbook
Heat exchanger design handbook
 
Pipe sizing
Pipe sizingPipe sizing
Pipe sizing
 

Similar to พลังงานไฟฟ้า (10)

54101 engineer 3
54101 engineer 354101 engineer 3
54101 engineer 3
 
ไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจร
 
ไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจร
 
ไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าและวงจร
ไฟฟ้าและวงจร
 
54101 unit10
54101 unit1054101 unit10
54101 unit10
 
5
55
5
 
3
33
3
 
Electricity atom energy
Electricity atom energyElectricity atom energy
Electricity atom energy
 
4
44
4
 
ตอน2
ตอน2ตอน2
ตอน2
 

More from Thida Noodaeng

คุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียน
คุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียนคุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียน
คุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียนThida Noodaeng
 
ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)
ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)
ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)Thida Noodaeng
 
พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์Thida Noodaeng
 
โครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
โครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาโครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
โครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาThida Noodaeng
 
แรงจูงใจในการทำงาน
แรงจูงใจในการทำงานแรงจูงใจในการทำงาน
แรงจูงใจในการทำงานThida Noodaeng
 
ความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรอง
ความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรองความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรอง
ความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรองThida Noodaeng
 
ลักษณะของการเจรจาต่อรอง
ลักษณะของการเจรจาต่อรองลักษณะของการเจรจาต่อรอง
ลักษณะของการเจรจาต่อรองThida Noodaeng
 
การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์Thida Noodaeng
 
กระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
กระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรองกระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
กระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรองThida Noodaeng
 
การจัดการคุณภาพ 1
การจัดการคุณภาพ 1การจัดการคุณภาพ 1
การจัดการคุณภาพ 1Thida Noodaeng
 
ผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟ
ผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟ
ผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟThida Noodaeng
 
รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์Thida Noodaeng
 
บทที่ 5 นโยบายมหาภาค
บทที่ 5 นโยบายมหาภาคบทที่ 5 นโยบายมหาภาค
บทที่ 5 นโยบายมหาภาคThida Noodaeng
 
การใช้พลังงานนิวเคลียร์
การใช้พลังงานนิวเคลียร์การใช้พลังงานนิวเคลียร์
การใช้พลังงานนิวเคลียร์Thida Noodaeng
 

More from Thida Noodaeng (14)

คุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียน
คุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียนคุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียน
คุณภาพการให้บริการของสำนักทะเบียน
 
ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)
ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)
ข้อมูลทั่วไปของอำเภอวัฒนานคร (อ้างอิงจากนายวิฑูรย์)
 
พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์
 
โครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
โครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาโครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
โครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
 
แรงจูงใจในการทำงาน
แรงจูงใจในการทำงานแรงจูงใจในการทำงาน
แรงจูงใจในการทำงาน
 
ความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรอง
ความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรองความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรอง
ความหมายและความสำคัญของการเจรจาต่อรอง
 
ลักษณะของการเจรจาต่อรอง
ลักษณะของการเจรจาต่อรองลักษณะของการเจรจาต่อรอง
ลักษณะของการเจรจาต่อรอง
 
การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์การจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดการเชิงกลยุทธ์
 
กระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
กระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรองกระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
กระบวนการขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
 
การจัดการคุณภาพ 1
การจัดการคุณภาพ 1การจัดการคุณภาพ 1
การจัดการคุณภาพ 1
 
ผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟ
ผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟ
ผู้นำ ลีดเดอร์ชิฟ
 
รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์รัฐประศาสนศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์
 
บทที่ 5 นโยบายมหาภาค
บทที่ 5 นโยบายมหาภาคบทที่ 5 นโยบายมหาภาค
บทที่ 5 นโยบายมหาภาค
 
การใช้พลังงานนิวเคลียร์
การใช้พลังงานนิวเคลียร์การใช้พลังงานนิวเคลียร์
การใช้พลังงานนิวเคลียร์
 

พลังงานไฟฟ้า

  • 1. หน่วยที่ 10 ไฟฟ้ าและวงจรไฟฟ้ า . ระบบส่งจ่ายไฟฟ้ า ระดับแรงดันสาหรับสายส่งแรงสูง ส่งจากโรงไฟฟ้า ระหว่างสถานีไฟฟ้า 69kv 115kv 230kv 500kv อยู่ใน ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ายแรงสูง สถานีไฟฟ้าย่อยระบบจาหน่าย ไปยังหม้อแปลงระบบจาหน่าย 11kv 22kv 33kv 22kv 24kv ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ายแรงต่า -ระบบ1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์ -ระบบแรงต่า 3 เฟส 4 สาย 380 โวลต์50 เฮิรตซ์
  • 2. กระแสไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ • ไฟฟ้ ากระแสตรง (direct current : DC) คือการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางการไหลในทิศทางเดียวจากขั้วลบไปยัง ขั้วบวก เช่นแบตเตอรี่รถยนต์24 volt ถ่านไฟฉาย 1.5 volt • ไฟฟ้ ากระแสสลับ (alternating current: AC) เป็นการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางไหลกลับไปกลับมาตลอดเวลา โดยการเคลื่อนที่ประจุไฟฟ้าบวกและลบสลับกันในตัวนาสาย เช่น ไฟฟ้าตามบ้าน220 โวลต์50 เฮิรตซ์
  • 3. หน่วยวัดทางไฟฟ้ า • ความต้านทานไฟฟ้ า (resistance) เป็นคุณสมบัติของสสารที่ต่อต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า สสารที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่าเรียกว่า ตัวนาไฟฟ้า ส่วนสสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ามากกว่าเรียกว่า ฉนวนไฟฟ้า ความต้านทานมีหน่วยเป็นโอห์ม • แรงดันไฟฟ้ า (voltage) เป็นแรงที่ทาให้อิเลคตรอนเกิดการเคลื่อนที่ หรือแรงที่ทาให้เกิดการไหลของ ไฟฟ้า มีหน่วยเป็น โวล์ท V กระแสไฟฟ้ า (current) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ภายในตัวนา ไฟฟ้า หน่วยเป็น แอมแปร์ A • กาลังงานไฟฟ้ า (power) อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หรืออัดตราการทางาน มีหน่วยเป็น วัตต์watt W • พลังงานไฟฟ้ า (energy) คือ กาลังไฟฟ้าที่ใช้ไประยะหนึ่ง มีหน่วยเป็น วัตต์-ชั่วโมง (watt-hour) หรือ ยูนิต(unit) • ความถี่ (frequency) คือจานวนรอบของกระแสไฟฟ้าสลับ มีหน่วยเป็น เฮิรตซ์ Hz • รอบ (cycle) คือการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าครบ 360 องศาซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้าค่าบวกและค่าลบได้สมบูรณ์ • แรงม้า (horse power) หรือกาลังม้า เป็นหน่วยวัดกาลังหรืออัตราการทางาน 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์ หรือ 745.7 วัตต์ ประมาณ 746 วัตต์
  • 4. สมการไฟฟ้า • กฎของโอห์ม (ohm’s low) ค.ศ. 1862 นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน George Simon Ohm กล่าวว่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรจะแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้าและ แปรผกผันกับค่าความต้านทาน E = IR • สมการค่ากาลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็นวัตต์P=EI • สมการค่าพลังงานไฟฟ้า W = Pt กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หรือยูนิต (unit)
  • 5. วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น • - วงจรอนุกรม กระแสไฟฟ้าตลอดวงจรมีค่าเดียวกันตลอด แรงเคลื่อนไฟฟ้าเท่ากับแรงดันที่ตกคร่อม อุปกรณ์แต่ละตัว
  • 6. • วงจรขนาน(parallel circuit) กระแสไฟฟ้าไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัว รวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้า ที่ไหลออกจากแหล่งจ่าย แรงดันตกคร่อมอุปกรณ์แต่ละตัว มีค่าเท่ากับแรงเคลื่อนไฟฟ้าของแหล่งจ่าย
  • 7. ส่วนประกอบของสายไฟฟ้ า • ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ตัวนา และฉนวน • . ประเภทของสายไฟฟ้ า แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สายไฟฟ้าแรงดันสูง และสายไฟฟ้าแรงดันต่า • - สายไฟฟ้าแรงดันสูง มีสายเปลือย และสายหุ้มฉนวน • - สายไฟฟ้าแรงดันต่า ใช้กับแรงดันไม่เกิน 750 โวล์ท
  • 8. การเลือกสายไฟฟ้ าที่เหมาะสม • พิกัดแรงดัน พิกัดกระแส สายควบ แรงดันตก (voltage drop)
  • 9. อุปกรณ์ป้ องกันระบบไฟฟ้ า • - ฟิวส์ (fuse) อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ทามาจากโลหะผสมสามารถนาไฟฟ้าได้ดี มีจุดหลอมละลายต่า ฟิวส์ ที่ดี เมื่อกระแสไหลเกิน 2.5 ของขนาดทนกระแสของฟิวส์ ฟิวส์ต้องขาด • - เซอร์กิตเบรกเกอน์ (circuit breaker :CB) • อุปกรณ์ทาหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้า เมื่อกระแสเกินหรือลัดวงจร สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่เปลี่ยนใหม่เหมือนฟิวส์ การทางานมี 2 แบบคือ เชิงความร้อน และเชิงแม่เหล็ก
  • 10. วงจรไฟฟ้ าแสงสว่าง • ประเภทของหลอดไฟฟ้ า มีหลอดไส้ หลอดทัวสเตนฮาโลเจน หลอดเรือง แสง เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
  • 11. ประเภทของมอเตอร์ • - มอเตอร์เหนี่ยวนา (induction motor) นิยมใช้มา มี 1 เฟส และ 3 เฟส แบบ กรงกระรอก และ แบบวาวด์โรเตอร์ • - มอเตอร์ซิงโครนัส (synchronous motor) เป็นมอเตอร์ 3 เฟส มีขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวด สนาม ความเร็วคงที่ • - มอเตอร์ไฟฟ้ ากระแสตรง (DC motor) มีขดลวดสนามอยุ่บนสเตเตอร์และขดลวดอาร์เมเจอร์ อยู่บนสเตเตอร์ สามารถควบคุมความเร็วได้ดี แรงบิดเริ่มเดินเครื่องสูง
  • 13. การต่อลงดิน • หมายถึงการต่อสายไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าไปยังสายดิน โดยสายดินคือแท่งตัวนาทองแดงที่ตอด ลงไปในดิน เพื่อป้องกันไฟรั่วซ๊อตบุคคลผู้ใช้งาน • 1. ประเภทของการต่อลงดิน แบ่งเป็น 2 ประเภท • การต่อลงดินที่ระบบไฟฟ้ า หมายถึง การต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้าที่มีกระแสไหลผ่านลง ดิน เช่น การต่อจุดนิวทรัล (neutral point) ลงดิน • การต่อลงดินที่อุปกรณ์ไฟฟ้ า หมายถึงการต่อส่วนที่เป็นโลหะ ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านของ อุปกรณ์ต่างๆ ลงดิน • 2. ส่วนประกอบการต่อลงดิน • - หลักดิน หรือระบบหลักดิน (grounding electrode) เป็นหลักดิน นิยมใช้ทองแดง • - สายต่อหลักดิน
  • 16.
  • 17. • องค์ประกอบของเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ประกอบด้วย • 6 องค์ประกอบ คือ • 1) เครื่องจักรอุปกรณ์ในการผลิต • 2) เครื่องมือวัด • 3) เครื่องส่งสัญญาณ • 4) สายสัญญาณ • 5) เครื่องควบคุม • 6) เครื่องบันทึกสัญญาณ
  • 18. เครื่องมือ อุปกรณ์ควบคุมทางนิวแมติก หม้อเก็บลมอัด เครื่องอัดลม เครื่องแลกเปลี่ยน ความร้อน เครื่องทาลมแห้ง ส่วนประกอบของเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทางานและควบคุมการทางานของ ระบบนิวแมติกมีดังต่อไปนี้ - เครื่องอัดลม - เครื่องระบายความร้อนของลมอัด - เครื่องทาลมแห้ง - ชุดทาความสะอาดลม - ลิ้นหรือวาล์วลดความดัน - วาล์วควบคุม - ระบบหล่อลื่นในระบบนิวแมติก - กระบอกสูบ - วงจรไฟฟ้าควบคุม
  • 19. การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ใช้งานระบบโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ • โครงสร้างของตัวเครื่องโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ (พีแอลซี) นั้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก • 1. หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit) หรือไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor) เป็นหน่วยการทางานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลาง และควบคุมการสั่งงานของระบบการทางาน • 2. หน่วยความจา (program หรือ memory unit) เป็นหน่วยของเครื่องที่ทาหน้าที่ในการจัดเก็บ ข้อมูลและโปรแกรมควบคุมการทางาน ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เก็บไว้สามารถถูกนาออกมาใช้ได้ตามต้องการ • 3. หน่วยรับสัญญาณอินพุต (input unit) จะเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ ภายนอกที่จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ มี และแรมต้องจ่ายไฟเลี้ยง และแบบรอมอยู่ในรูปโมดูล • 4. หน่วยส่งสัญญาณเอาต์พุต (output unit) จะเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ที่ จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ สัญญาณแบบอนาล็อก หรือ ดิจิตอล • 5. หน่วยจ่ายกาลังไฟฟ้ า (power supply unit) ทาหน้าที่ในการจ่ายกาลังไฟฟ้าให้กับตัวโปรแกรมมา เบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
  • 20. การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ใช้งานระบบควบคุมกลางกระจายการ ควบคุม ดีซีเอส (distributed control system: DCS) • วัตถุประสงค์ของการออกแบบระบบดีซีแอส เป็นความต้องการออกแบบมาใช้ในการควบคุมระบบใน ลักษณะการกระจายการควบคุม หน่วยการผลิต ควบคุมการทางานของระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous process) • การทางานของระบบดีซีแดส ระบบควบคุมแบบ พีแอลซี ในระบบ ดีซีเอส การควบคุมด้วยอุปกรณ์ ประเภท พีแอลซี จะสั่งการผ่านอุปกรณ์ควบคุม เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บุคคล (personal computer) ผู้ควบคุมระบบ จะสามารถทาการตรวจสอบติดตามผล และสั่งการโปรแกรมได้
  • 21. หน่วยที่ 12 หน่วยการผลิตและกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมเคมี • การผลิต หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) หมายถึง การนาเอาวัตถุดิบที่เป็น สสารหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ที่เรียกว่าสารตั้งต้น (reactant) มาทาการเปลี่ยนแปลง รูปร่าง เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางด้านกายภาพ ทางด้านเคมี ให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าการ(Product หรือ Goods) ที่ทาให้ คุณสมบัติของสารเปลี่ยนไปจาเป็นต้องมีปัจจัยหรือกระบวนการทางด้านกายภาพ หรือกระบวนการทางด้านเคมีเสริมได้แก่ อุณหภูมิ ความดัน โดยมีถังปฎิกิริยาเคมี หรือเครื่องปฏิกิริยาเคมี (Chemical Reactor • งานวิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) หรือวิศวกรรมระบบ (Process Engineering) เป็นการศึกษา การออกแบบ การควบคุมการทางานของกระบวนการผลิตในงานอุตสาหกรรมที่เน้นการเลือกกระบวนการปฏิกิริยาเคมี เลือก เงื่อนไขการผลิต การควบคุมการปฏิบัติการที่เหมาะสม
  • 22. จลนพลศาสตร์ของปฏิกิริยาแบบกวนผสม • เครื่องปฏิกิริยาเคมีแบบกะ (Batch Reactor) หลักการทางานเบื้องต้นของถังปฏิกิริยาเคมีคือการนาสาร ตั้งต้น หรือสารนาเข้า (reactants หรือ feed) ใส่เข้าไปในถังปฏิกิริยาเคมีในปริมาณที่คานวณไว้ แล้วให้มีการกวนผสม (Mixing) ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นอย่างสมบูรณ์
  • 23. เครื่องปฏิกิริยาหลายถังแบบต่อเนื่อง (Multiple Continuous Reactor ) • เป็นเครื่องปฏิกิริยาเคมีที่มีการเอาถังกวนผสมแบบสมบูรณ์หลายถัง (Continuous Stirred Tank Reactor : CSTR) ต่ออนุกรมกันซึ่ง สามารถกาหนดให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในแต่ละถังมีค่าสม่าเสมอ (Uniform) และเท่ากับค่าความเข้มข้นในของไหลที่ไหล ออกของแต่ละถัง
  • 24. เครื่องปฏิกิริยาเคมีแบบท่อไหล (Tubular Reactor หรือ Plug Flow Reactor) • เป็นเครื่องปฏิกิริยาเคมีที่มีโครงสร้างคล้ายกับเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนระบบท่อ (Heat Exchanger) ที่มีการไหลในท่อไหล ขนานกันหลายท่อ
  • 26. หน่วยที่ 13 พื้นฐานวิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมอุตสาหการ คือการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึง การทางาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์ เพื่อให้องค์กรสามารถเพิ่มผลิตภาพ มีกาไรและ ประสิทธิภาพการทางานสูงขึ้น • การเลือกทาเลที่ตั้งโรงงาน • แหล่งวัตถุดิบ • ตลาด • แรงงานและค่าจ้าง • สาธารณูปโภค • การจราจรขนส่ง • สิ่งแวดล้อม • กรรมสิทธิ์ที่ดิน • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • 27. การวางผังโรงงานและแผนภูมิการไหลของวัสดุ • การวางผังโรงงานแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ใหญ่ๆ ด้วยกันคือ • 1 การวางผังโรงงานตามชนิดของผลิตภัณฑ์ (product layout)
  • 31. รูปแบบในการไหลของวัสดุ • 1) การไหลแบบเส้นตรงเป็นการไหลของวัสดุง่ายๆ ตามขั้นตอนการผลิต พื้นที่อาคารโรงงานจะต้องมีความยาวเพียงพอ ด้านข้างของอาคารทั้ง 2 ด้านอาจจะออกแบบเป็นสานักงานหรือหน่วยงานสนับสนุน เช่น แผนกซ่อมบารุง แผนกออกแบบ เป็นต้น • 2) การไหลแบบตัวเอส หรือซิกแซก เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมากและมีพื้นที่โรงงานที่สั้นกว่า มีการ ป้อนเข้าของวัตถุดิบและการไหลออกของผลิตภัณฑ์คนละด้านของอาคารโรงงาน
  • 32. • 3) การไหลแบบตัว ยู เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมาก แต่มีพื้นที่โรงงานที่สั้นกว่า มีการป้ อนวัตถุดิบและ การไหลออกของผลิตภัณฑ์ด้านเดียวกัน • 4) การไหลแบบวงกลม เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่มีความยาวมาก อาคารโรงงานที่มีลักษณะทรงจัตุรัส วัสดุและสินค้าเข้า – ออก จุดเดียวกัน เช่น แผนกรับ-ส่งสินค้าและวัตถุดิบอยู่ ณ จุดเดียวกัน 8 7 6 5 1 1 2 3 4วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ 1 1 2 3 4 5 67 วัตถุดิบ ผลิตภัณ ฑ์
  • 33. • 5) การไหลแบบไม่เป็นรูปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 13.9 เหมาะสาหรับอาคารโรงงานที่มีข้อจากัดเรื่องพื้นที่และ จุดติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ สิ่งอานวยความสะดวกที่ติดตั้งถาวรอยู่ก่อนแล้ว จาเป็นต้องจัดสายการผลิตให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่ 2 4 5 6 วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์1 3
  • 34.
  • 35. • 1. พัสดุคงคลังประกอบด้วย • 1) วัตถุดิบ • 2) วัสดุในงานระหว่างทา • 3) วัสดุซ่อมบารุง • 4) สินค้าสาเร็จรูป • 2. ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลัง • 1) ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ • 2) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา • 3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสินค้าขาดแคลน • 4) ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ • ลาดับความสาคัญในการวิเคราะห์งาน คือ • - มีความเร่งด่วน - มีต้นทุนการผลิตสูง - มีความต้องการความชานาญสูง - มีความเสี่ยงสูง
  • 36.
  • 37. หน่วยที่ 14 อันตรายจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม • ระบบการผลิตนั้นประกอบไปด้วย 4ขั้นตอน • 1. วัตถุดิบนาเข้า 2. กระบวนการ • 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์ • 4. ข้อมูลป้อนกลับ
  • 38. ประเภทการผลิต4 ประเภท • 1. กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง • 2. กระบวนการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง • 3. กระบวนการผลิตแบบผลิตซ้า • 4. กระบวนการผลิตแบบงานโครงการ
  • 39. ปัจจัยสาคัญที่ต้องพิจารณาในการออกแบบกระบวนการผลิต • ปัจจัยสาคัญฯ เหล่านั้นได้แก่ • 1. ปัจจัยผลิตภัณฑ์ • 2. ปัจจัยทางวัสดุ • 3. ปัจจัยเครื่องจักร • 4. ปัจจัยการผลิต • 5. ปัจจัยต้นทุน
  • 40. สิ่งแวดล้อมในการทางานที่ก่อให้เกิดอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติงานทางด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรม • แบ่งออกได้5 ประเภทคือ • 1. สิ่งแวดล้อมทางด้านกายภาพ • 2. สิ่งแวดล้อมทางด้านเคมี • 3. สิ่งแวดล้อมทางด้านชีวภาพ • 4. สิ่งแวดล้อมทางด้านเออร์โกโนมิคส์ • 5. สิ่งแวดล้อมทางด้านจิตสังคม
  • 41. การเตรียมเยื่อกระดาษมี 2 วิธีการ - การเตรียมเยื่อกระดาษโดยกระบวนการทางเคมีและ - การเตรียมเยื่อกระดาษโดยใช้เครื่องจักร • อันตรายจากอุตสาหกรรมหลอมเหล็ก เกิดจาก ฝุ่น ความร้อน ก๊าซ CO 2 โลหะหนักหลายชนิด • อันตรายจากกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ • 1. กระบวนการตัดเวเฟอร์ ได้แก่ ฝุ่นที่อยู่ในรูปของตะกอนเปียกของสารหนู • (arsenic) • 2. กระบวนการเชื่อมชิพลงบนแผ่นเฟรม ได้แก่ ไอระเหยของอะซิโตน • 3. กระบวนการหุ้มชิพและเส้นลวดด้วยเรซิน ได้แก่ สารพลวงและ • สารประกอบโบรมีน
  • 42. เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม หมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในทางวิศวกรรมอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยวัดจากคุณค่าของผลงานด้านวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย - ประสิทธิภาพเชิงกายภาพ - ประสิทธิภาพเชิงเศรษฐศาสตร์ • การคานวณรายได้ประชาชาติ มี 3 วิธี คือ • - การคานวณรายได้ประชาชาติด้านผลิตภัณฑ์ • - การคานวณรายได้ประชาชาติด้านรายได้ • - การคานวณรายได้ประชาชาติด้านรายจ่าย
  • 43. • อุปสงค์ หมายถึง ปริมาณความต้องการสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคมีความสามารถที่จะซื้อ ได้และมีความเต็มใจที่จะซื้อ • อุปทาน หมายถึง ปริมาณการเสนอขายสินค้าหรือบริการที่ผู้เสนอขายยินดีขายสินค้าหรือ บริการนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจ • จุดดุลยภาพ หมายถึง จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ซึ่งมีปริมาณอุปสงค์เท่ากับ ปริมาณอุปทาน
  • 44. • ค่าเสื่อมราคา หมายถึง การลดคุณค่าของทรัพย์สินตามกาลเวลา หรือตาม ปริมาณการผลิต แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ • 1. การเสื่อมราคาทางกายภาพ • 2. การเสื่อมราคาทางการใช้งาน • 3. การเสื่อมราคาจากอุบัติเหตุ