More Related Content
Similar to พลังงานไฟฟ้า (10)
More from Thida Noodaeng (14)
พลังงานไฟฟ้า
- 1. หน่วยที่ 10 ไฟฟ้ าและวงจรไฟฟ้ า
. ระบบส่งจ่ายไฟฟ้ า
ระดับแรงดันสาหรับสายส่งแรงสูง ส่งจากโรงไฟฟ้า ระหว่างสถานีไฟฟ้า 69kv 115kv 230kv 500kv อยู่ใน
ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ายแรงสูง สถานีไฟฟ้าย่อยระบบจาหน่าย ไปยังหม้อแปลงระบบจาหน่าย
11kv 22kv 33kv 22kv 24kv
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ายแรงต่า
-ระบบ1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์
-ระบบแรงต่า 3 เฟส 4 สาย 380 โวลต์50 เฮิรตซ์
- 2. กระแสไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
• ไฟฟ้ ากระแสตรง (direct current : DC) คือการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางการไหลในทิศทางเดียวจากขั้วลบไปยัง
ขั้วบวก เช่นแบตเตอรี่รถยนต์24 volt ถ่านไฟฉาย 1.5 volt
• ไฟฟ้ ากระแสสลับ (alternating current: AC) เป็นการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางไหลกลับไปกลับมาตลอดเวลา
โดยการเคลื่อนที่ประจุไฟฟ้าบวกและลบสลับกันในตัวนาสาย เช่น ไฟฟ้าตามบ้าน220 โวลต์50 เฮิรตซ์
- 3. หน่วยวัดทางไฟฟ้ า
• ความต้านทานไฟฟ้ า (resistance) เป็นคุณสมบัติของสสารที่ต่อต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า
สสารที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่าเรียกว่า ตัวนาไฟฟ้า ส่วนสสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ามากกว่าเรียกว่า
ฉนวนไฟฟ้า ความต้านทานมีหน่วยเป็นโอห์ม
• แรงดันไฟฟ้ า (voltage) เป็นแรงที่ทาให้อิเลคตรอนเกิดการเคลื่อนที่ หรือแรงที่ทาให้เกิดการไหลของ
ไฟฟ้า มีหน่วยเป็น โวล์ท V
กระแสไฟฟ้ า (current) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ภายในตัวนา
ไฟฟ้า หน่วยเป็น แอมแปร์ A
• กาลังงานไฟฟ้ า (power) อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หรืออัดตราการทางาน มีหน่วยเป็น วัตต์watt
W
• พลังงานไฟฟ้ า (energy) คือ กาลังไฟฟ้าที่ใช้ไประยะหนึ่ง มีหน่วยเป็น วัตต์-ชั่วโมง (watt-hour) หรือ
ยูนิต(unit)
• ความถี่ (frequency) คือจานวนรอบของกระแสไฟฟ้าสลับ มีหน่วยเป็น เฮิรตซ์ Hz
• รอบ (cycle) คือการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าครบ 360 องศาซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้าค่าบวกและค่าลบได้สมบูรณ์
• แรงม้า (horse power) หรือกาลังม้า เป็นหน่วยวัดกาลังหรืออัตราการทางาน 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์
หรือ 745.7 วัตต์ ประมาณ 746 วัตต์
- 4. สมการไฟฟ้า
• กฎของโอห์ม (ohm’s low) ค.ศ. 1862 นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน George
Simon Ohm กล่าวว่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรจะแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้าและ
แปรผกผันกับค่าความต้านทาน E = IR
• สมการค่ากาลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็นวัตต์P=EI
• สมการค่าพลังงานไฟฟ้า W = Pt กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หรือยูนิต
(unit)
- 6. • วงจรขนาน(parallel circuit) กระแสไฟฟ้าไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัว รวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้า
ที่ไหลออกจากแหล่งจ่าย แรงดันตกคร่อมอุปกรณ์แต่ละตัว มีค่าเท่ากับแรงเคลื่อนไฟฟ้าของแหล่งจ่าย
- 7. ส่วนประกอบของสายไฟฟ้ า
• ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ตัวนา และฉนวน
• . ประเภทของสายไฟฟ้ า แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สายไฟฟ้าแรงดันสูง
และสายไฟฟ้าแรงดันต่า
• - สายไฟฟ้าแรงดันสูง มีสายเปลือย และสายหุ้มฉนวน
• - สายไฟฟ้าแรงดันต่า ใช้กับแรงดันไม่เกิน 750 โวล์ท
- 9. อุปกรณ์ป้ องกันระบบไฟฟ้ า
• - ฟิวส์ (fuse) อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ทามาจากโลหะผสมสามารถนาไฟฟ้าได้ดี มีจุดหลอมละลายต่า ฟิวส์
ที่ดี เมื่อกระแสไหลเกิน 2.5 ของขนาดทนกระแสของฟิวส์ ฟิวส์ต้องขาด
• - เซอร์กิตเบรกเกอน์ (circuit breaker :CB)
• อุปกรณ์ทาหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้า เมื่อกระแสเกินหรือลัดวงจร สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่เปลี่ยนใหม่เหมือนฟิวส์ การทางานมี
2 แบบคือ เชิงความร้อน และเชิงแม่เหล็ก
- 11. ประเภทของมอเตอร์
• - มอเตอร์เหนี่ยวนา (induction motor) นิยมใช้มา มี 1 เฟส และ 3 เฟส แบบ
กรงกระรอก และ แบบวาวด์โรเตอร์
• - มอเตอร์ซิงโครนัส (synchronous motor) เป็นมอเตอร์ 3 เฟส มีขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวด
สนาม ความเร็วคงที่
• - มอเตอร์ไฟฟ้ ากระแสตรง (DC motor) มีขดลวดสนามอยุ่บนสเตเตอร์และขดลวดอาร์เมเจอร์
อยู่บนสเตเตอร์ สามารถควบคุมความเร็วได้ดี แรงบิดเริ่มเดินเครื่องสูง
- 13. การต่อลงดิน
• หมายถึงการต่อสายไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าไปยังสายดิน โดยสายดินคือแท่งตัวนาทองแดงที่ตอด
ลงไปในดิน เพื่อป้องกันไฟรั่วซ๊อตบุคคลผู้ใช้งาน
• 1. ประเภทของการต่อลงดิน แบ่งเป็น 2 ประเภท
• การต่อลงดินที่ระบบไฟฟ้ า หมายถึง การต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้าที่มีกระแสไหลผ่านลง
ดิน เช่น การต่อจุดนิวทรัล (neutral point) ลงดิน
• การต่อลงดินที่อุปกรณ์ไฟฟ้ า หมายถึงการต่อส่วนที่เป็นโลหะ ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านของ
อุปกรณ์ต่างๆ ลงดิน
• 2. ส่วนประกอบการต่อลงดิน
• - หลักดิน หรือระบบหลักดิน (grounding electrode) เป็นหลักดิน นิยมใช้ทองแดง
• - สายต่อหลักดิน
- 19. การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ใช้งานระบบโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
• โครงสร้างของตัวเครื่องโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ (พีแอลซี) นั้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก
• 1. หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit) หรือไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor)
เป็นหน่วยการทางานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลาง และควบคุมการสั่งงานของระบบการทางาน
• 2. หน่วยความจา (program หรือ memory unit) เป็นหน่วยของเครื่องที่ทาหน้าที่ในการจัดเก็บ
ข้อมูลและโปรแกรมควบคุมการทางาน ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เก็บไว้สามารถถูกนาออกมาใช้ได้ตามต้องการ
• 3. หน่วยรับสัญญาณอินพุต (input unit) จะเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์
ภายนอกที่จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ มี และแรมต้องจ่ายไฟเลี้ยง
และแบบรอมอยู่ในรูปโมดูล
• 4. หน่วยส่งสัญญาณเอาต์พุต (output unit) จะเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ที่
จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ สัญญาณแบบอนาล็อก หรือ ดิจิตอล
• 5. หน่วยจ่ายกาลังไฟฟ้ า (power supply unit) ทาหน้าที่ในการจ่ายกาลังไฟฟ้าให้กับตัวโปรแกรมมา
เบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
- 20. การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ใช้งานระบบควบคุมกลางกระจายการ
ควบคุม ดีซีเอส (distributed control system: DCS)
• วัตถุประสงค์ของการออกแบบระบบดีซีแอส เป็นความต้องการออกแบบมาใช้ในการควบคุมระบบใน
ลักษณะการกระจายการควบคุม หน่วยการผลิต ควบคุมการทางานของระบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (continuous process)
• การทางานของระบบดีซีแดส ระบบควบคุมแบบ พีแอลซี ในระบบ ดีซีเอส การควบคุมด้วยอุปกรณ์
ประเภท พีแอลซี จะสั่งการผ่านอุปกรณ์ควบคุม เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บุคคล (personal computer) ผู้ควบคุมระบบ
จะสามารถทาการตรวจสอบติดตามผล และสั่งการโปรแกรมได้
- 21. หน่วยที่ 12 หน่วยการผลิตและกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมเคมี
• การผลิต หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) หมายถึง การนาเอาวัตถุดิบที่เป็น
สสารหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ที่เรียกว่าสารตั้งต้น (reactant) มาทาการเปลี่ยนแปลง
รูปร่าง เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางด้านกายภาพ ทางด้านเคมี ให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าการ(Product หรือ Goods) ที่ทาให้
คุณสมบัติของสารเปลี่ยนไปจาเป็นต้องมีปัจจัยหรือกระบวนการทางด้านกายภาพ หรือกระบวนการทางด้านเคมีเสริมได้แก่
อุณหภูมิ ความดัน โดยมีถังปฎิกิริยาเคมี หรือเครื่องปฏิกิริยาเคมี (Chemical Reactor
• งานวิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) หรือวิศวกรรมระบบ (Process Engineering) เป็นการศึกษา
การออกแบบ การควบคุมการทางานของกระบวนการผลิตในงานอุตสาหกรรมที่เน้นการเลือกกระบวนการปฏิกิริยาเคมี เลือก
เงื่อนไขการผลิต การควบคุมการปฏิบัติการที่เหมาะสม
- 23. เครื่องปฏิกิริยาหลายถังแบบต่อเนื่อง (Multiple Continuous Reactor )
• เป็นเครื่องปฏิกิริยาเคมีที่มีการเอาถังกวนผสมแบบสมบูรณ์หลายถัง (Continuous Stirred Tank Reactor : CSTR) ต่ออนุกรมกันซึ่ง
สามารถกาหนดให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในแต่ละถังมีค่าสม่าเสมอ (Uniform) และเท่ากับค่าความเข้มข้นในของไหลที่ไหล
ออกของแต่ละถัง
- 26. หน่วยที่ 13 พื้นฐานวิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมอุตสาหการ คือการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึง
การทางาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์ เพื่อให้องค์กรสามารถเพิ่มผลิตภาพ มีกาไรและ
ประสิทธิภาพการทางานสูงขึ้น
• การเลือกทาเลที่ตั้งโรงงาน
• แหล่งวัตถุดิบ
• ตลาด
• แรงงานและค่าจ้าง
• สาธารณูปโภค
• การจราจรขนส่ง
• สิ่งแวดล้อม
• กรรมสิทธิ์ที่ดิน
• กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- 31. รูปแบบในการไหลของวัสดุ
• 1) การไหลแบบเส้นตรงเป็นการไหลของวัสดุง่ายๆ ตามขั้นตอนการผลิต พื้นที่อาคารโรงงานจะต้องมีความยาวเพียงพอ
ด้านข้างของอาคารทั้ง 2 ด้านอาจจะออกแบบเป็นสานักงานหรือหน่วยงานสนับสนุน เช่น แผนกซ่อมบารุง แผนกออกแบบ เป็นต้น
• 2) การไหลแบบตัวเอส หรือซิกแซก เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมากและมีพื้นที่โรงงานที่สั้นกว่า มีการ
ป้อนเข้าของวัตถุดิบและการไหลออกของผลิตภัณฑ์คนละด้านของอาคารโรงงาน
- 32. • 3) การไหลแบบตัว ยู เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมาก แต่มีพื้นที่โรงงานที่สั้นกว่า มีการป้ อนวัตถุดิบและ
การไหลออกของผลิตภัณฑ์ด้านเดียวกัน
• 4) การไหลแบบวงกลม เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่มีความยาวมาก อาคารโรงงานที่มีลักษณะทรงจัตุรัส
วัสดุและสินค้าเข้า – ออก จุดเดียวกัน เช่น แผนกรับ-ส่งสินค้าและวัตถุดิบอยู่ ณ จุดเดียวกัน
8 7 6 5
1
1
2 3 4วัตถุดิบ
ผลิตภัณฑ์
1
1
2
3
4
5
67
วัตถุดิบ
ผลิตภัณ
ฑ์
- 33. • 5) การไหลแบบไม่เป็นรูปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 13.9 เหมาะสาหรับอาคารโรงงานที่มีข้อจากัดเรื่องพื้นที่และ
จุดติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ สิ่งอานวยความสะดวกที่ติดตั้งถาวรอยู่ก่อนแล้ว จาเป็นต้องจัดสายการผลิตให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่
2 4 5
6
วัตถุดิบ
ผลิตภัณฑ์1 3
- 35. • 1. พัสดุคงคลังประกอบด้วย
• 1) วัตถุดิบ
• 2) วัสดุในงานระหว่างทา
• 3) วัสดุซ่อมบารุง
• 4) สินค้าสาเร็จรูป
• 2. ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลัง
• 1) ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ
• 2) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
• 3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสินค้าขาดแคลน
• 4) ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องจักรใหม่
• ลาดับความสาคัญในการวิเคราะห์งาน คือ
• - มีความเร่งด่วน - มีต้นทุนการผลิตสูง - มีความต้องการความชานาญสูง - มีความเสี่ยงสูง
- 38. ประเภทการผลิต4 ประเภท
• 1. กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง
• 2. กระบวนการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง
• 3. กระบวนการผลิตแบบผลิตซ้า
• 4. กระบวนการผลิตแบบงานโครงการ
- 41. การเตรียมเยื่อกระดาษมี 2 วิธีการ
- การเตรียมเยื่อกระดาษโดยกระบวนการทางเคมีและ
- การเตรียมเยื่อกระดาษโดยใช้เครื่องจักร
• อันตรายจากอุตสาหกรรมหลอมเหล็ก เกิดจาก ฝุ่น ความร้อน ก๊าซ CO
2 โลหะหนักหลายชนิด
• อันตรายจากกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
• 1. กระบวนการตัดเวเฟอร์ ได้แก่ ฝุ่นที่อยู่ในรูปของตะกอนเปียกของสารหนู
• (arsenic)
• 2. กระบวนการเชื่อมชิพลงบนแผ่นเฟรม ได้แก่ ไอระเหยของอะซิโตน
• 3. กระบวนการหุ้มชิพและเส้นลวดด้วยเรซิน ได้แก่ สารพลวงและ
• สารประกอบโบรมีน
- 43. • อุปสงค์ หมายถึง ปริมาณความต้องการสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคมีความสามารถที่จะซื้อ
ได้และมีความเต็มใจที่จะซื้อ
• อุปทาน หมายถึง ปริมาณการเสนอขายสินค้าหรือบริการที่ผู้เสนอขายยินดีขายสินค้าหรือ
บริการนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจ
• จุดดุลยภาพ หมายถึง จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ซึ่งมีปริมาณอุปสงค์เท่ากับ
ปริมาณอุปทาน
- 44. • ค่าเสื่อมราคา หมายถึง การลดคุณค่าของทรัพย์สินตามกาลเวลา หรือตาม
ปริมาณการผลิต แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
• 1. การเสื่อมราคาทางกายภาพ
• 2. การเสื่อมราคาทางการใช้งาน
• 3. การเสื่อมราคาจากอุบัติเหตุ