More Related Content
More from Prachaya Sriswang (20)
Ppt. HAD
- 2. High alert drug
ยาที่มีความเสี่ยงสูง (high alert drug) หมายถึง
◦ ยาที่เสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียต่อผู้ป่วย
ที่รุนแรง
◦ ถ้าหากมีความผิดพลาดในการสั่งใช้ยา คัดลอกคาสั่งใช้
ยา จ่ายยา หรือการให้ยา
15-Aug-14 2
- 3. เกณฑ์ในการพิจารณาเลือกยาที่มีความเสี่ยงสูง
เป็นยาที่มีดัชนีการรักษาแคบ ( Narrow Therapeutic Index )
เป็นยาที่มีอุบัติการณ์การรายงานความคลาดเคลื่อนทางยาสูง
การรับยาเข้าโรงพยาบาล
ยาความเสี่ยงสูงต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ
ควบคุมดูแลเรื่องยาของโรงพยาบาล โดยคานึงถึงความเสี่ยงใน
การนามาใช้และการเตรียมการป้องกันอย่างเหมาะสม
ยาที่มีความเสี่ยงสูงที่ถูกส่งมายังโรงพยาบาลต้องตรวจรับโดย
เภสัชกรที่ได้รับมอบหมาย
15-Aug-14 3
- 6. แนวทางปฏิบัติเมื่อมีการสั่งใช้ยาที่มีความเสี่ยงสูง
การสั่งใช้ยาโดยแพทย์ (ต่อ)
◦ ควรมีการวงเล็บ mg/kg ขนาดที่แพทย์ต้องการไว้ข้างหลังชื่อยา
เพื่อการตรวจทานการคานวณความเข้มข้นซ้าได้และหากเป็น
ยาเม็ดควรมีการระบุ mg ที่แพทย์ต้องการใช้ทุกครั้ง เพื่อให้
สามารถตรวจทานขนาดยาซ้าได้
◦ กาหนดขนาด อัตราเร็วของการบริหาร และน้ายาที่ใช้ผสมทุก
ครั้งที่มีการบริหาร
◦ ควรมีการปรับขนาดยาที่เหมาะสมในผู้ป่วยที่มีการทางานของ
ตับและไตผิดปกติ
15-Aug-14 6
- 11. High alert drug จัดแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ
วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทและยาเสพติดให้โทษ
◦ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ได้แก่ dormicum, diazepam,
ketalar ephedrine
◦ ยาเสพติดให้โทษ ได้แก่ morphine, kapanol, pethidine,
fentanyl
ยาเคมีบาบัด
◦ Taxotere, campto, 5-FU, xeloda, oxalip, lipodox, MTX
15-Aug-14 11
- 12. High alert drug จัดแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ
ยาฉีดอินซูลิน
◦ Insulatard (NPH), actrapid (RI), lantus (insulin glagine)
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
◦ Heparin, clexane, warfarin
ยาที่เป็นสารละลายเกลือแร่ความเข้มข้นสูง
◦ KCl, MgSO4, 3%NaCl, calcium gluconate
15-Aug-14 12
- 13. High alert drug จัดแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ
ยาคลายกล้ามเนื้อที่ใช้ในการดมสลบ
◦ Tracium, nimbex, esmoron, succinyl, siccum, thiopental,
etomidate
ยาที่มี therapeutic index แคบ
◦ Theophylline, phenytoin, digoxin
ยา cardiovascular drug
◦ Adenocor, adrenaline, atropine, cardipine, cordarone,
dopamine, dobutex, levophed, nitrocine, sodium
nitroprusside, streptokinase
15-Aug-14 13
- 14. แนวทางแก้ปัญหาและการจัดการ
แพทย์
◦ แพทย์ที่ต้องการสั่งใช้ยากลุ่มนี้ ต้องเขียนใบสั่งจ่ายวัตถุ
ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 ตามแบบฟอร์มที่
โรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ 1 ใบ เพื่อประกอบกับการสั่งยา
เภสัชกร
◦ ควบคุมการเบิกจ่ายตามกฎเกณฑ์ที่โรงพยาบาลกาหนด
◦ แยกพื้นที่เก็บยาในกลุ่มนี้ไว้ในที่มิดชิดและมีกุญแจล็อค
◦ กาหนดให้เภสัชกรเท่านั้นเป็นผู้นายาจากสถานที่เก็บยามาจ่าย
แก่ผู้ป่วย
15-Aug-14 14
- 19. Adrenaline
การบริหารยา
เด็ก 0.05 – 1 mcg/kg/min , Maximum dose 1-2 mcg/kg/min
ผู้ใหญ่ 4 mcg/kg/min แล้วค่อยๆ เพิ่มจนสามารถควบคุมอาการได้
Cardiac arrest 1 mg IV และให้ซ้าทุก 3-5 นาที
Anaphylaxi 0.3 – 0.5 mg IM/SC ทุก 15 -20 นาที
Bronchospasm 0.1 – 0.5 mg IM/SC ทุก 10 -15 นาที จนถึง 4 ชม.
0.1-1 % solution พ่นผ่าน nebulizer ทุก 15 นาที จนถึง 4 ชม.
15-Aug-14 19
- 20. Adrenaline
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ Cardiopulmonary resuscitation (CPR)
◦ Anaphylaxis
◦ Hypotension
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง
◦ ระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรคของหลอดเลือดส่วนปลาย (peripheral vascular disease)
15-Aug-14 20
- 21. Adrenaline
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
◦ ความดันโลหิตสูง
◦ ปลายมือ ปลายเท้าเขียว
◦ หากมีการรั่วออกนอกหลอดเลือด อาจทาให้เกิดเนื้อเยื่อตายได้
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ถ้าให้ IV drip ควรใช้Infusion pump
◦ ควรให้ทางเส้นเลือดใหญ่
15-Aug-14 21
- 22. Adrenaline
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ในกรณี CPR ให้บันทึก Vital signs ทันที เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีชีพจร
◦ ในกรณี Anaphylaxis ให้บันทึก Vital signs ทุก 10 นาที จนครบ
30 นาที
◦ ในกรณี Hypotension ที่มีการให้ยาแบบ IV drip ให้บันทึก Vital
ทุก 1 ชม. ตลอดระยะเวลาที่มีการให้ยา
◦ หากพบว่ามี BP>160/90 mmHg, HR > 120 ครั้ง/นาทีในผู้ใหญ่
BP > 120/80 mmHg, HR > 180 ครั้ง/นาที ในเด็ก
ให้แจ้งแพทย์ทันที
◦ ตรวจดูตาแหน่ง IV site ทุก 1 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่มีการให้ยา
15-Aug-14 22
- 25. Calcium Gluconate
การบริหารยา
Hypocalcemia:
Neonates I.V. 200 – 800 mg/kg/day
แบบ continuous infusion หรือ แบ่งให้ 4 ครั้ง
(maximum : 1 gm /dose)
Infants &
children
I.V. 200 – 500 mg/kg/day
แบบ continuous infusion หรือ แบ่งให้ 4 ครั้ง
(maximum : 2-3 gm/dose)
Adults I.V. 2 – 15 gm/24 hour
แบบ continuous infusion หรือ แบ่งให้เป็นครั้งๆ
15-Aug-14 25
- 26. Calcium Gluconate
การบริหารยา (ต่อ)
Hypocalcemic tetany:
Neonates,
Infants & children
I.V. 100 – 200 mg/kg/dose นานกว่า 5-10 นาที
สามารถให้ซ้าได้ทุก 6-8 ชม. หรือ
ให้แบบ I.V. infusion ที่ขนาด 500 mg/kg/day
Adults 1 – 3 gm (4.5 – 16 mEq)
Hyperkalemia
(Serum K > 7 mEq/L )
Ca glucanate 0.5 – 1 g (5-10 ml) IV push ช้าๆ (2-5 นาที)
monitor EKG
15-Aug-14 26
- 27. Calcium Gluconate
ข้อบ่งใช้ (Indication)
1. ในผู้ป่วยที่มีอาการของภาวะ hypocalcemia
2. รักษาภาวะ K+ ในเลือดสูง ที่มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้า
หัวใจ
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ถ้าผู้ป่วยได้รับ digoxin อยู่ อาจเพิ่มฤทธิ์ของ digoxin จนเกิด
พิษได้
15-Aug-14 27
- 29. Calcium Gluconate
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ควรแยกเส้นการให้ IV กับยาอื่น ๆ เพราะอาจเกิดการ
ตกตะกอนเมื่อผสมกับยาอื่น ๆได้โดยเฉพาะ phosphate
◦ ควรให้ยาทางเส้นเลือดใหญ่ ฉีดช้าๆ ประมาณ 15 นาที หรือ
เจือจาง 1 mg/mL หยดเข้าเส้นเลือดดา
15-Aug-14 29
- 30. Calcium Gluconate
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ กรณีแก้ไข Hyper K+ อาจต้องให้ Ca++ อย่างเร็ว ควร monitor
EKG ขณะฉีด IV push ช้าๆ
◦ กรณีแก้ไขภาวะ Hypocalcemia ควรมีการตรวจติดตามระดับ
Ca++ หลังได้รับยา ตามความรุนแรงของผู้ป่วย
◦ ซักถามอาการที่สัมพันธ์กับการมี Ca++ สูง เช่น อาการ
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกระดูก หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการ
ดังกล่าว ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
◦ ตรวจดู IV site บ่อย ๆ ทุก 1 ชม. ตลอดระยะเวลาการให้ยา
15-Aug-14 30
- 31. Calcium Gluconate
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทางยา
◦ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกระดูก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หยุด
ยาทันที ร่วมกับตรวจระดับCalcium ในเลือดทันที
◦ มีระดับ Calcium ในเลือดสูงให้หยุดยาทันที ร่วมกับเร่งการขับถ่าย
Calcium ออกจากร่างกายโดยให้สารน้าชนิด Normal saline ทาง IV
ในอัตราเร็วเริ่มต้น 200-300 ml/hr หากไม่ได้ผลให้ปรึกษาแพทย์
ทางระบบต่อมไร้ท่อ หรือแพทย์เฉพาะทางโรคไต
◦ หากพบรอยแดง บวม รอยคล้าตามเส้นเลือด บริเวณ IV site ให้
เปลี่ยนตาแหน่งในการให้ยาใหม่
15-Aug-14 31
- 32. Digoxin (Lanoxin®)
รูปแบบ:Digoxin injection (0.5mg/2ml)
1. Lanoxin 0.25 mg tablet
2. Lanoxin PG 0.0625 mg tablet
3. Lanoxin elixir 0.05mg/mL (60 mL)
4. Lanoxin injection 0.25 mg/mL (2 mL)
15-Aug-14 32
- 34. Digoxin (Lanoxin®)
ข้อบ่งใช้ (Indication)
1. Congestive Heart Failure
2. Reduce ventricular rate
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ระวังการใช้ในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตาย
◦ ระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคไตรุนแรง
◦ ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มี K+ ต่า (ต่ากว่า 3.5 mEq/L)
15-Aug-14 34
- 36. Digoxin (Lanoxin®)
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ดูระดับ K+ ก่อนให้ยา Digoxin ถ้า K+ ต่ากว่า 3.5 mEq/L ต้องแจ้ง
แพทย์เพื่อยืนยัน
◦ ตรวจชีพจรและลงบันทึกก่อนให้ยา ในผู้ใหญ่ถ้าชีพจรต่ากว่า 60 ครั้ง/
นาที ในเด็กชีพจรเต้นช้าผิดปกติเมื่อเทียบตามอายุ ให้แจ้งแพทย์เพื่อ
ยืนยันก่อนให้ยา
เด็ก < 1ปี HR ต่ากว่า 100 ครั้ง/นาที
เด็ก 1-6 ปี HR ต่ากว่า 80 ครั้ง/นาที
เด็ก > 6 ปี HR ต่ากว่า 60 ครั้ง/นาที
15-Aug-14 36
- 37. Digoxin (Lanoxin®)
การบริหารยา (ต่อ)
◦ ชนิดฉีด IV ฉีดช้า ๆ เป็นเวลา 5 นาที หรือมากกว่า
◦ ยาน้ารับประทานต้องใช้หลอดหยดที่มีขีดบอกปริมาตร
แน่นอน
◦ ถ้าให้เกินวันละ 1 ครั้ง ยืนยันกับแพทย์ก่อน ยกเว้นผู้ป่วยเด็ก
อาจให้วันละ 2 เวลา ห่างกันทุก 12 ชม.
15-Aug-14 37
- 38. Digoxin (Lanoxin®)
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring) (ต่อ)
◦ กรณี Digoxin ฉีด ควรมีการ monitor EKG ขณะฉีดยาและหลัง
ฉีดยา 1 ชม.
◦ กรณี Digoxin ฉีด ให้บันทึก HR ทุก 15 นาที ติดต่อกัน 2 ครั้ง
ต่อไปทุก 30 นาที ติดต่อกัน 3 ครั้ง ต่อไปทุก 1 ชม. จนครบ 5
ชม. ถ้าผิดปกติให้แจ้งแพทย์
15-Aug-14 38
- 39. Digoxin (Lanoxin®)
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ กรณีที่เป็นผู้ป่วยในให้ซักถามและสังเกตอาการของภาวะ
Digitalis Intoxication ทุกวัน เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน
มองเห็นแสงสีเขียวเหลือง
◦ ควรตรวจระดับ K+ สัปดาห์ละครั้ง กรณีเป็นผู้ป่วยใน
◦ ถ้าสงสัยว่าเกิด Digitalis Intoxication ให้ส่งตรวจวัดระดับยา
ในเลือดทันที (therapeutic level อยู่ที่ 0.8-2 ng/mL) ถ้าเกิน 2
ng/mL ต้องไม่ให้ยาต่อและแจ้งแพทย์ทันที
15-Aug-14 39
- 40. Digoxin (Lanoxin®)
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ เมื่อเกิดภาวะ Digitalis Intoxication ให้ติด monitor EKG ทันที
◦ หากได้รับยาโดยการรับประทาน ภายใน 6-8 ชั่วโมง พิจารณา
ให้ Activated charcoal ขนาด 1 mg/kg เพื่อช่วยดูดซับยาที่
หลงเหลือในทางเดินอาหาร
15-Aug-14 40
- 42. Dobutamine
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ ในผู้ป่วยที่มีการบีบตัวของหัวใจไม่ดี
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ถ้าผู้ป่วยเกิดภาวะ hypovolemia ต้องแก้ไขให้เป็นปกติก่อนเริ่ม
ให้ยา
◦ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็น idiopathic hypertrophic subaortic
stenosis
◦ ระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะ myocardial infarction,
severe coronary artery disease, cardiac arrhythmia
15-Aug-14 42
- 44. Dobutamine
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ระวังสับสนกับ Dopamine
◦ ควรใช้Infusion pump
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ บันทึก BP, HR ทุก 1 ชั่วโมงขณะให้ยา
◦ หากพบว่ามี BP>160/90 mmHg หรือ HR > 120 ครั้ง/นาทีในผู้ใหญ่
BP > 120/80 mmHg หรือ HR > 180 ครั้ง/นาที ในเด็ก
ให้แจ้งแพทย์ทันที หรือตามแพทย์สั่ง
◦ ตรวจสอบ infusion pump เสมอ อย่างน้อยทุก 1 ชม.
◦ ตรวจดูตาแหน่ง IV site ทุก 1 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่มีการให้ยา
15-Aug-14 44
- 47. Dopamine
ข้อบ่งใช้ (Indication)
1. Low cardiac output
2. Hypotension
3. Poor perfusion of vital organs
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ระวังสับสนกับ Dobutamine
◦ ก่อนเริ่มยา ควรแก้ไขภาวะ acidosis, hypercapnia,
hypovolemia, hypoxia ของผู้ป่วยก่อน (ถ้ามี)
◦ ต้องเฝ้าระวังหากใช้ร่วมกับ Dilantin (Phenytoin) เพราะจะ
เกิดความดันต่า และหัวใจเต้นช้าลง ผู้ป่วยอาจช็อคได้
15-Aug-14 47
- 49. Dopamine
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ระวังสับสนกับ Dobutamine
◦ ควรให้ทาง central vein ยกเว้นในผู้ป่วยที่ไม่สามารถให้ทาง central line
ได้จึงต้องให้ทาง peripheral line
◦ ควรใช้Infusion pump
◦ อัตราเร็วสูงสุดในการให้ยา (Max rate) 20 mcg/Kg/min IV
◦ ห้ามหยุดยากะทันหันเพราะความดันจะตกทันที ควรค่อย ๆลดขนาดยา
ลง หรือลด rate of infusion ก่อนหยุดยา
15-Aug-14 49
- 50. Dopamine
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ บันทึก BP, HR ทุก 1 ชั่วโมงขณะให้ยา
◦ หากพบว่ามี BP>160/90 mmHg , HR > 120 ครั้ง/นาทีในผู้ใหญ่
BP > 120/80 mmHg, HR > 180 ครั้ง/นาทีในเด็ก
ให้แจ้งแพทย์ทันที หรือตามแพทย์สั่ง
◦ ตรวจสอบ infusion pump เสมอ อย่างน้อยทุก 1 ชม.
◦ ตรวจดูตาแหน่ง IV site ทุก 1ชม. ตลอดระยะเวลาที่มีการให้ยา
15-Aug-14 50
- 55. Heparin
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ ต้านการแข็งตัวของเลือด
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ห้ามใช้ในผู้ป่ วยที่มีภาวะเลือดออกง่าย
◦ ไม่ควรให้ยาถ้าเกร็ดเลือด (platelet)ต่ากว่า 100,000/mm3
ยกเว้นกรณี keep arterial line หรือ central line
◦ ใช้ในหญิงมีครรภ์ได้เพราะยานี้ไม่ผ่านรก
◦ ระวังการหยิบสลับกับ insulin
15-Aug-14 55
- 56. Heparin
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ ภาวะเลือดออกง่าย
◦ เกร็ดเลือดต่า
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ควรให้ยาผ่าน infusion pump
◦ ห้ามให้ยา heparin พร้อมกับยาต่อไปนี้ ampicillin, ciprofloxacin,
vancomycin, cephalosporins, aminoglycosides, steroids,
antiemetics เพราะอาจตกตะกอน ควรคั่นด้วยการให้ NSS ก่อน
และหลังให้ยาแต่ละชนิดเสมอ
15-Aug-14 56
- 57. Heparin
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ควรตรวจ infusion pump สม่าเสมอ อย่างน้อยทุก 2 ชม.
◦ ตรวจ aPTT ก่อนให้ยา หลังให้ยา 6 ชม. และทุก 24 ชม. ระหว่างที่
ให้ยา
◦ หากมีการปรับเปลี่ยนขนาดยา ควรตรวจ aPTT ซ้าหลังปรับยา 6
ชม.
◦ ตรวจ CBC ก่อนให้ยา หากให้ยาเกิน 7 วัน ควรตรวจซ้า
◦ ระหว่างที่ใช้ยานี้อยู่ควรระมัดระวังเรื่องเลือดออกง่ายและการเกิด
บาดแผลของผู้ป่วย เช่น การใส่ NG tube, การดูดเสมหะ การเจาะ
เลือดบ่อย ๆ
15-Aug-14 57
- 58. Heparin
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ หากพบว่ามีเลือดออกผิดปกติ พิจารณาหยุดยา heparin และ
ตรวจ CBC และ aPTT ทันที
◦ ในกรณีที่มีเลือดออกปริมาณไม่มาก และเป็นอวัยวะที่ไม่สาคัญ
ให้หยุดยา heparin ไว้จนกว่าเลือดหยุด และระดับ aPTT ลดลง
หากจาเป็นต้องให้ heparin ต่อ พิจารณาปรับลดขนาดยาลงจาก
เดิมและติดตามค่า aPTT อย่างใกล้ชิด
15-Aug-14 58
- 64. Insulin
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ ลดน้าตาลในเลือดสาหรับผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และ
ชนิดที่ 2
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ก่อนเพิ่มหรือลดขนาดยา และก่อนให้ยา ควรตรวจสอบการ
รับประทานอาหารหรืออาการที่มีผลต่อระดับน้าตาลในเลือด
ก่อน เช่น อาเจียน
15-Aug-14 64
- 65. Insulin
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ ระดับน้าตาลในเลือดต่า ซึ่งมีอาการแสดงที่สาคัญ ได้แก่ ใจสั่น
เหงื่อออกมาก ตัวเย็น ซึมลง หมดสติ
การบริหารยา
◦ Double check ชนิดและขนาดยาเพราะ Insulin มีหลายชนิด
◦ ระวังการหยิบสลับกับ Heparin
◦ หากบริหารยาแบบ IV drip ควรใช้infusion pump
◦ สอนวิธีดูดยาและวิธีฉีดยาที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยหรือผู้ดูแล หาก
ผู้ป่วยต้องนากลับไปใช้เองที่บ้าน
15-Aug-14 65
- 66. Insulin
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ติดตามระดับน้าตาลในเลือด ถ้าผิดปกติให้แจ้งแพทย์ยกเว้น
ผู้ป่วยที่มีโรคประจาตัวอื่น ๆให้เทียบจาก baseline ของผู้ป่วย
เอง
◦ ภายใน 60 นาทีหลังฉีดยา ให้สังเกตอาการ Hypoglycemia เช่น
ใจสั่น เหงื่อออกมาก หน้ามืด เป็นลมหมดสติ
◦ ตรวจสอบ infusion pump เสมอ อย่างน้อยทุก 2 ชม.
15-Aug-14 66
- 67. Insulin
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ หากพบว่ามีอาการ Hypoglycemia เช่น ใจสั่น เหงื่อออกมาก หน้ามืด
เป็นลม หมดสติ ให้เจาะ capillary blood glucose ทันที
◦ หากพบว่า capillary blood glucose มีค่าน้อยกว่า 60 mg/dL ถ้าได้รับ
insulin อยู่ ให้หยุดยา insulin ทันที และให้ปฏิบัติดังนี้
ถ้ารู้สึกตัวดี ให้ดื่มน้าหวานอย่างน้อยครึ่งแก้ว ตรวจระดับ capillary
blood glucose ซ้า หลังจากรับประทานน้าหวาน 30 นาที หากระดับ
น้าตาลกลับมาสู่ภาวะปกติ ให้ตรวจ capillary blood glucose เป็น
ระยะๆ
15-Aug-14 67
- 68. Insulin
หากพบว่า capillary blood glucoseมีค่าน้อยกว่า 60 mg/dL ถ้ายัง
ได้รับ insulin อยู่ ให้หยุดยา insulin ทันที และให้ปฏิบัติดังนี้ (ต่อ)
◦ ในกรณีที่ไม่รู้สึกตัวหรือไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
พิจารณาให้ 50% glucose 40-50 ml IV push จากนั้นให้ติดตาม
อาการของผู้ป่วยว่าดีขึ้นหรือไม่
◦ พิจารณาให้ 10% dextrose ในอัตราเร็ว 80-100 ml/hr ตรวจระดับ
capillary blood glucose ซ้า หลังได้รับการรักษาไปแล้วประมาณ
30 นาที ปรับอัตราเร็วของสารน้าตามระดับน้าตาลและสภาพของ
ผู้ป่วยตรวจติดตาม capillary blood glucose เป็นระยะๆ
15-Aug-14 68
- 70. Potassium (K+)
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ ภาวะ Hypokalemia ที่ไม่สามารถให้ K+ ทดแทนโดยการกินได้
หรือ ในกรณีที่ K+ ในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ต่ากว่า 2.5 mEq/L
และมีความเสี่ยงสูงจากการเต้นของหัวใจอย่างผิดปกติ
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ห้ามให้ IV push หรือ bolus
◦ ระมัดระวังในการใช้กับผู้ที่มีภาวะไตวายหรือมีปัสสาวะออกน้อย
◦ กรณีที่ให้ K2HPO4 เพื่อแก้ไขภาวะ Hypophosphatemia ต้อง
ระมัดระวังปริมาณ K+ ที่จะเพิ่มขึ้นด้วย
15-Aug-14 70
- 71. Potassium (K+)
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ อาการผู้ป่วยที่มี K+ สูง คลื่นไส้ ใจสั่น หัวใจเต้นช้า กล้ามเนื้ออ่อน
แรง อึดอัด แน่นหน้าอก ชาตามปลายมือปลายเท้า
◦ หากมีการรั่วออกนอกหลอดเลือด อาจทาให้เกิดเนื้อเยื่อตายได้
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ห้ามให้ IV push หรือ bolus
◦ ห้ามให้ IV ที่ผสม K+ ในการ loading
◦ ควรให้ยาผ่าน Infusion pump
15-Aug-14 71
- 72. Potassium (K+)
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ถ้าให้ในอัตราเร็ว 10-20 mEq/hr ต้องวัด HR , BP ทุก 1 ชม.
พร้อมติดตาม EKG
◦ ถ้าให้ 40-60 mEq/L ในอัตราเร็ว 8-12 ชม. ให้วัด HR และ
BP ทุก 4-6 ชม.
◦ หากพบว่าผู้ป่วย BP ไม่อยู่ระหว่าง 160/110 และ 90/60 mmHg
หรือ HR ไม่อยู่ระหว่าง 60-100 ครั้ง/นาที ให้รีบรายงานแพทย์
15-Aug-14 72
- 73. Potassium (K+)
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ติดตามค่า K+ เป็นระยะ ตามความรุนแรงของผู้ป่วย
◦ ซักถามและติดตามอาการของ K+ สูง ได้แก่ คลื่นไส้ ใจสั่น
หัวใจเต้นช้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง อึดอัด แน่นหน้าอก ชาตาม
ปลายมือปลายเท้าทุกวัน ในช่วงที่ผู้ป่วยได้รับ K+ อยู่
◦ ตรวจสอบ infusion pump เสมอ อย่างน้อย ทุก4 ชม.
15-Aug-14 73
- 75. Potassium (K+)
พิจารณาให้การรักษาภาวะ hyperkalemia ตามอาการและความ
รุนแรง โดยพิจารณารักษาดังนี้
◦ การรักษาที่ออกฤทธิ์ทันที ภายใน 1-3 นาที คือการให้ 10%
calcium gluconate 10 ml IV push ช้าๆ เพื่อไปต้านฤทธิ์ของ K+
ที่เยื่อหุ้มเซลล์และ monitor EKG ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง
พิจารณาให้ 10% calcium gluconate ซ้าได้
◦ การรักษาที่ออกฤทธิ์เร็วปานกลาง ภายในเวลา 10-30 นาที โดยให้
potassium ในเลือดถูกดึงเข้าเซลล์คือการให้ 50% glucose 40-50
ml+ regular insulin (RI) 5-10 unit IV push และให้ติดตามระดับ
Capillary blood glucose
15-Aug-14 75
- 76. Potassium (K+)
พิจารณาให้การรักษาภาวะ hyperkalemia ตามอาการและความรุนแรง
โดยพิจารณารักษาดังนี้ (ต่อ)
◦ การรักษาที่ออกฤทธิ์ช้า โดยให้ Cation exchange resin ได้แก่
kayexalate หรือ kalimate 30-60 g จะออกฤทธิ์ภายในเวลา
30 นาที หรือหากให้รับประทาน จะออกฤทธิ์ภายใน 2 ชม.โดย
kayexalate นั้นจะต้องละลายใน sorbitol ทุกครั้ง
◦ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการทางานของไตบกพร่องหรือไม่สามารถแก้ไข
ภาวะ hyperkalemia ได้ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต พิจารณา
ทา HD
ตรวจติดตามค่า K+ เป็นระยะทุก 4-6 ชม.
หากพบรอยแดง บวม รอยคล้าตามเส้นเลือด บริเวณ IV site ให้เปลี่ยน
ตาแหน่งในการให้ยาใหม่
15-Aug-14 76
- 77. Magnesium sulfate Injection
รูปแบบยา
1. 50% MgSO4 inj. 2 mL
2. 20% MgSO4 inj. 20 mL
3. 50% MgSO4 inj. 20 mL
4. 4% MgSO4 in D5W 1000 mL
15-Aug-14 77
- 79. Magnesium sulfate Injection
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ pre-eclampsia , eclampsia
◦ hypomagnesemia
◦ หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ Torsades de Pointes
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ Magnesium sulfate มีหลายความแรง และหลายขนาดบรรจุ จึง
ต้องระมัดระวังการจ่ายผิด
15-Aug-14 79
- 80. Magnesium sulfate Injection
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ คลื่นไส้อาเจียน
◦ หน้าแดง เหงื่อออก กระหายน้า
◦ ท้องเสีย ความดันโลหิตต่า กดการทางานของระบบกล้ามเนื้อ
◦ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต
◦ กดระบบประสาทส่วนกลาง มึนงง สับสน ง่วงหลับ
◦ กดการหายใจ กดการทางานของหัวใจ เกิด heart block ได้
15-Aug-14 80
- 81. Magnesium sulfate Injection
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ในกรณีที่ต้องให้ IV drip ควรใช้infusion pump หรือ syringe
pump
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ต้องมีการตรวจวัดระดับ magnesium ในเลือดสมอง หลัง
loading dose และระหว่างให้ยา ค่าปกติ 1.9-2.9 mg/dL แต่
กรณี preeclampsia therapeutic level อยู่ที่ 4-8 mg/dL
15-Aug-14 81
- 82. Magnesium sulfate Injection
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring) (ต่อ)
◦ กรณี Pre-eclampsia, eclampsia หรือการให้ยาขนาดสูงกว่า 1
gm/hr ให้วัด HR และ RR ทุก 15 นาที 2 ครั้ง ต่อไปทุก 1 ชม.
กรณีอื่นๆให้วัดทุก 4 ชม. ถ้าพบความผิดปกติให้แจ้งแพทย์
RR ควรมากกว่า 14 ครั้ง/นาที
ในผู้ใหญ่ถ้าชีพจรต่ากว่า 60 ครั้ง/นาที ให้แจ้งแพทย์
◦ Urine output > 100 mL/ 4 hr (หรือไม่ต่ากว่าวันละ 600 mL)
15-Aug-14 82
- 83. Magnesium sulfate Injection
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring) (ต่อ)
◦ ตรวจ Deep tendon reflex โดยดู knee jerk reflex ทุก 4 ชม.
ถ้า negative ให้ทา bicep jerk reflex ถ้า negative ให้แพทย์
พิจารณาหยุดยา
◦ หากพบว่ามีอาการแสดงที่บ่งว่าระดับ Magnesium สูงเกินไป
ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
◦ ตรวจสอบ infusion pump เสมอ อย่างน้อยทุก 1 ชม.
15-Aug-14 83
- 84. Magnesium sulfate Injection
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ เมื่อพบอาการแสดงที่บ่งว่าระดับ Magnesium สูงเกินไป ให้พิจารณา
หยุดยาทันที และตรวจระดับ Magnesium ในเลือด
◦ กรณีที่พบว่าระดับ Magnesium ในเลือดสูงกว่าค่าปกติ การแก้ไขให้
หยุดยาทันที ซึ่งในคนที่การทางานของไตเป็นปกติ จะสามารถปรับตัว
ให้ระดับ Magnesium กลับมาเป็นปกติ ยกเว้นในกรณีของผู้ป่วยที่มี
การทางานของไตบกพร่อง ให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคไตเพื่อ
พิจารณาฟอกไต (dialysis)
15-Aug-14 84
- 85. Morphine
รูปแบบยา
◦ Morphine syrup 2 mg/mL
◦ Morphine inj. 1 mg/mL, 10 mg/mL
◦ MST tablet 10, 30, 60 mg
◦ Kapanol cap 20, 50, 100 mg
15-Aug-14 85
- 88. Morphine
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ ระงับปวด
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ห้ามใช้ในผู้ป่ วยหอบหืดรุนแรงและเฉียบพลัน ความดันในสมองสูง
ช็อค และไตวาย
◦ ระมัดระวังการใช้ในหญิงให้นมบุตร หากจาเป็นต้องใช้ในหญิงให้นม
บุตร ควรเฝ้าระวังการกดการหายใจในทารกด้วย
◦ ระมัดระวังการใช้กับผู้ใหญ่ที่ปัสสาวะน้อยกว่าวันละ 600 ซีซี หรือผู้ที่
ไตบกพร่องหรือเสีย
◦ ระมัดระวังพิเศษในผู้ป่วยสูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยโรคหัวใจ ไต ตับ
15-Aug-14 88
- 89. Morphine
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ ถ้า overdose ผู้ป่วยจะง่วงซึมมากและหายใจช้า และม่านตาหดเล็กขนาด
เท่ารูเข็ม
◦ คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ง่วงซึม เบื่ออาหาร วิงเวียน ตาพร่า หัวใจเต้นช้า
เหงื่อออก คัน
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยาก่อนให้ยาทุกครั้ง
◦ หากเป็นการให้แบบ IV push ควรฉีดช้าๆ ไม่ต่ากว่า 5-10 นาที
◦ หากเป็น IV drip ควรใช้infusion pump หรือ syringe pump
◦ ควรให้ยาก่อนที่จะปวดที่สุดจึงจะได้ผลดี
15-Aug-14 89
- 90. Morphine
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
ถ้าเป็น IV push ให้ monitor
◦ Heart rate
◦ respiratory rate
◦ pain score
◦ sedation score
ทุก 5 นาที รวม 4 ครั้ง
จากนั้น ทุก 30 นาที รวม 2 ครั้ง
การ monitor หลังจากนี้ขึ้นกับภาวะของผู้ป่วยและคาสั่งแพทย์
15-Aug-14 90
- 91. Morphine
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring) (ต่อ)
ถ้าเป็น IV continuous drip ให้ monitor
◦ ทุก 1 ชั่วโมง รวม 4 ครั้ง
◦ จากนั้น monitor ทุก 4 ชั่วโมง
ถ้าเป็น SC or IM
◦ monitor ทุก 15 นาที รวม 4 ครั้ง
◦ จากนั้น ทุก 30 นาที รวม 2 ครั้ง
หาก RR < 10/min , HR< 60/min ให้แจ้งแพทย์ทันที
15-Aug-14 91
- 92. Morphine
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ ถ้าพบว่ามีอาการของการได้รับยามากเกินไป คือ มีอาการง่วงซึมมาก
และหายใจช้า และม่านตาหดเล็กขนาดเท่ารูเข็ม ถ้าหายใจ > 10 ครั้ง/
นาที (เด็กอายุต่ากว่า 1 ปี 30 ครั้ง/ นาทีหรือ เด็กอายุเกิน 1 ปี 20 ครั้ง/
นาที) อาจกดการหายใจได้ ให้แจ้งแพทย์ทันที ถ้าให้ยาเป็น continuous
drip อยู่ ให้หยุดยาทันที
◦ ถ้าจะให้ยา Morphine กินเป็นระยะเวลานาน ควรให้ยาระบายร่วมด้วย
เพื่อป้องกันอาการท้องผูก
15-Aug-14 92
- 93. Morphine
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์หรือ ความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ ยาแก้พิษ คือ Naloxone ขนาดยาในผู้ใหญ่ 0.2-0.4 mg IV , IM,
SC ในเด็ก 0.01 mg/Kg ให้ซ้าได้ทุก 2-3 นาที หยุดแก้เมื่อ
หายใจได้เร็วขึ้นกว่า 10 ครั้งต่อนาที
◦ ควรติดตามต่ออย่างใกล้ชิดเพราะฤทธิ์ของ Naloxone มักหมด
ไปก่อน (ประมาณครึ่ง-1 ชั่วโมง) ฤทธิ์ของ Morphine ทาให้
เกิดการง่วงซึมและกลับมากดการหายใจได้อีก
15-Aug-14 93
- 95. Warfarin (Orfarin®)
ข้อบ่งใช้ (Indication)
◦ ต้านการแข็งตัวของเลือด
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง
◦ ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์
◦ ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดออกง่าย
◦ ระวังการใช้ในผู้สูงอายุ เพราะเส้นเลือดเปราะ ผิวหนังบาง
◦ ยานี้มีปฏิกิริยากับยาหลายขนาน
15-Aug-14 95
- 96. Warfarin (Orfarin®)
อาการไม่พึงประสงค์ที่สาคัญ
◦ เลือดออกง่าย เลือดออกที่ต่างๆเช่น ในปาก ใต้ผิวหนัง เลือด-
กาเดา ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดา
การบริหารยา
◦ Double check ชื่อผู้ป่วย ชนิดและขนาดยา
◦ ให้รับประทานวันละครั้งก่อนนอน หรือตอนเย็น
◦ กรณี OPD ตรวจสอบผู้ป่วยว่าเข้าใจในขนาดยาและวิธี
รับประทาน
15-Aug-14 96
- 97. Warfarin (Orfarin®)
การบริหารยา (ต่อ)
◦ สอนผู้ป่วยเรื่องห้ามสูบบุหรี่ ห้ามดื่มสุรา ไม่ควรกินอาหาร
สมุนไพร เช่น โสม ขิง ใบแปะก๊วย น้ามันปลา เพราะจะเสริม
ฤทธิ์ Warfarin
◦ สอนผู้ป่วยให้แจ้งแพทย์/ ทันตแพทย์ทุกครั้งว่าใช้ยา Warfarin
◦ สอนให้ผู้ป่วยระวังการเกิดบาดแผล และสอนวิธีห้ามเลือด
◦ สอนผู้ป่วยเรื่องการสังเกตอาการ bleeding, clotting และหากมี
ความผิดปกติควรมาพบแพทย์
15-Aug-14 97
- 98. Warfarin (Orfarin®)
การติดตามผลการใช้ยา (Monitoring)
◦ ตรวจวัด INR เมื่อมีการเปลี่ยนขนาดยา หรือเมื่อจาเป็นต้องใช้
ยาอื่นที่มีปฏิกิริยากับ Warfarin และตรวจทุกครั้งที่นัด
◦ สังเกตอาการ bleeding ได้แก่ จ้าเลือด เลือดออกที่ต่างๆเช่น ใน
ปาก ใต้ผิวหนัง เลือดกาเดา ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็น
สีดา
◦ สังเกตอาการ clotting ได้แก่ ขาบวม ชา ปวดเมื่อย ไม่มีแรง ตา
พร่า
15-Aug-14 98
- 99. Warfarin (Orfarin®)
การแก้ไขเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์ หรือความคลาดเคลื่อนทาง
ยา
◦ หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการของ bleeding หรือ clotting ให้ส่ง
ตรวจระดับ INR ในเลือดทันที
◦ หากพบว่าค่า INR สูงกว่าค่าปกติที่ควรจะเป็นของผู้ป่วยให้
ปฏิบัติดังนี้
ในกรณีที่มีเลือดออกมากผิดปกติ พิจารณาให้ Vitamin K1 10
mg IV push ช้า ๆ ร่วมกับพิจารณาให้ Fresh Frozen Plasma
(FFP) หรือ Prothrombin complex concentration ขึ้นกับความ
เร่งด่วนและความรุนแรงของผู้ป่ วย
15-Aug-14 99
- 101. Pethidine
รูปแบบ: Pethidine Injection (50 mg/ml)
ข้อบ่งใช้:
◦ บรรเทาอาการปวดชนิดปานกลาง-รุนแรง
◦ ใช้ร่วมกับยาระงับความรู้สึกเพื่อการผ่าตัดหรือการทาหัตถการ
ที่ก่อให้เกิดความปวด (Preanesthetic medication)
15-Aug-14 101
- 102. Pethidine
การบริหารยา: ใช้บรรเทาอาการปวด
◦ ผู้ใหญ่: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าชั้นใต้ผิวหนัง 25-100 มก. ทุก
3-4 ชม.
◦ ถ้าจาเป็นต้องฉีดเข้าหลอดเลือดดา ขนาด 10-30 มก. ให้เจือจาง
ยาในความเข้มข้น 10 มก. /มล. และแบ่งให้หลายครั้ง โดย
ฉีดเข้าหลอดเลือดดาอย่างช้า ๆ นาน 4-5 นาที
◦ เด็ก : ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าชั้นใต้ผิวหนัง 0.5-2 มก./นน. 1
กก. ให้ยาทุก 3-4 ชม. โดยไม่เกิน 100 มก./ครั้ง
15-Aug-14 102
- 103. Pethidine
การติดตามผู้ป่ วย (Monitoring)
◦ ตรวจสอบ vital sign หลังจากให้ยา และให้ผู้ป่วยนอนขณะให้
ยาและให้นอนพัก 30 นาทีหลังให้ยา
◦ RR < 14 ครั้ง/นาที
◦ BP < 90/60 mmHg (orthostatic hypotension)
◦ อาการปวดลดลง
◦ หมดสติ หลับปลุกไม่ตื่น
15-Aug-14 103
- 104. Pethidine
การแก้ไขเมื่อได้รับยาเกินขนาด
◦ ถ้า overdose จะมีอาการง่วงซึมมาก หายใจช้า และม่านตา
หดเล็กเท่ารูเข็ม ถ้าหายใจ < 10 ครั้ง/นาที (เด็กอายุต่ากว่า 1 ปี
30 ครั้ง/นาที เด็กอายุเกิน1 ปี 20 ครั้ง/นาที) อาจกดการหายใจ
◦ ยาแก้พิษคือ naloxone ผู้ใหญ่ 0.2-0.4 mg ให้ทาง IV, IM หรือ
SC ส่วนเด็ก 0.01 mg/kg ให้ซ้าได้ทุก 2-3 นาที หยุดให้ยาแก้
เมื่ออัตราการหายใจ > 10 ครั้ง/นาที
15-Aug-14 104
- 106. Amiodarone
ข้อบ่งใช้ :
◦ Atrial และ Ventricular tachyarrythymia
◦ Rapid atrial arrythymia (AF with RVR) ในผู้ป่วย impair LV function
ที่ใช้Digoxin แล้วไม่ได้ผล
การบริหารยา :
◦ Cardiac arrest IV push ฉีดยาให้เร็วร่วมกับให้สารน้าไล่ตามไปอีก
20 ml. หลังจากนั้นก็ยกแขนข้างนั้นขึ้นสูงนาน 10-20 วินาที เพื่อให้ยา
เข้าสู่หัวใจได้เร็วขึ้น
◦ : wide complex tachycardia (stable) IV infusion
15-Aug-14 106
- 107. Amiodarone
ข้อห้ามใช้ :
◦ hypersensitivity ต่อ amiodarone หรือ iodine
◦ severe sinus-node dysfunction,bradycardia
◦ cause syncope
◦ cardiogenic shock
15-Aug-14 107
- 109. Diazepam
ชื่อการค้า Valium®
ข้อบ่งใช้
◦ การจัดการสภาวะวิตกกังวลทั่วไป,panic disorder, การนาสลบ
ก่อนการผ่าตัด, การสลบชั่วคราว, การทาให้ความจาเสื่อม
ชั่วคราว, การรักษา status epilepticus, อาการถอนยาจาก
alcohol, คลายกล้ามเนื้อ
รูปแบบยาที่มีในโรงพยาบาล
◦ Injection: 10 mg/ 2 ml
15-Aug-14 109
- 110. Diazepam
ขนาดใช้ยา: กรณีคลายกังวล คลายกล้ามเนื้อและสงบระงับ
Oral IM/IV
เด็ก • 0.12-0.8 mg/kg/day ทุก 6-8 ชม. • 0.04-0.3 mg/kg/day ทุก 2-4
ชม. โดยภายใน 8 ชม.ไม่เกิน 0.6
mg/kg
ผู้ใหญ่ • 2-10 mg วันละ 2-4 ครั้ง • 2-10 mg ซ้าได้ทุก 3-4 ชม.
ผู้สูงอายุ • กรณีคลายกังวลเริ่ม 1-2 mg วันละ 1-2
ครั้งแล้วค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้น แต่ไม่เกิน 10
mg/day
• กรณีใช้ในการคลายกล้ามเนื้อ 2-5 mg
วันละ 2-4 ครั้ง
15-Aug-14 110
- 111. Diazepam
การปรับขนาดยาในผู้ป่ วยโรคตับ
◦ ผู้ป่วยโรคตับแข็งลดขนาดยาลง 50% และควรหลีกเลี่ยงในโรค
ตับรุนแรงและเฉียบพลัน
ข้อควรระวัง
◦ ในผู้ป่วยที่ได้รับยาที่กดระบบประสาทส่วนกลาง ผู้ป่วยที่มี
ระดับ albumin ต่า การทางานของไตบกพร่อง ผู้ป่วยสูงอายุ
และเด็กอ่อน
15-Aug-14 111
- 113. Diazepam
ข้อห้ามใช้
1. ผู้ป่วยความดันโลหิตต่าขั้นรุนแรง ( systolic < 90 mmHg )
2. ผู้ป่วยที่มี AV block ระดับที่ 2 หรือ 3 หรือมี sick sinus
syndrome มี (sinus bradycardia ต่อเนื่องต่ากว่า 50 ครั้ง/นาที),
มี sinus arrest หรือ SA block
3. ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง
4. ผู้ป่วยที่มี cardiomyopathy ขั้นรุนแรง
5. หญิงมีครรภ์ หรือให้นมบุตร
6. ผู้ป่วยที่แพ้ยานี้
15-Aug-14 113
- 115. Terbutaline
ข้อบ่งใช้ : ยับยั้งการบีบตัวของมดลูก ป้องกันการคลอดก่อน
กาหนด (preterm labour)
การบริหารยา : IV infusion ให้นานอย่างน้อย 12 ชม. และติดตาม
การหยุดบีบตัวของมดลูก การปรับขนาดยาต้องทาอย่าง
ระมัดระวัง ปรับตามการตอบสนองต่อการบีบตัวของมดลูก
ความดันโลหิตของแม่ อัตราการเต้นของหัวใจของแม่และเด็ก
ข้อห้ามใช้ :
◦ Cardiac arrhythmia associate with tachycardia
◦ Tachycardia from digitalis intoxication
15-Aug-14 115