SlideShare a Scribd company logo
1 of 29
Download to read offline
อิทธิพลของยุโรปสมัยกลาง
คริสต์ ศาสนาได้ กาเนิดขึนในช่ วงต้ นของสมัยจักรวรรดิ
ํ
้
โรมันผู้ก่อตังศาสนา คือ พระเยซูคริสต์ หลังจากนันประมาณ 300 ปี
้
้
คริสต์ ศาสนาถูกทางการปราบปรามอย่ างรุ นแรง จนกระทั่งในช่ วง
คริสต์ ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงนับถือคริสต์
ศาสนา และใน ค.ศ. 394 จักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่ 1ได้ ประกาศให้
คริสต์ ศาสนาเป็ นศาสนาประจําจักรวรรดิโรมัน
ในช่ วงคริสต์ ศตวรรษที่ 4-5 จักรวรรดิโรมันได้ ถูกรุ กรานจากพวก
เผ่ าอนารยชนหลายเผ่ า จักรพรรดิโรมันพยายามสร้ างความเข้ มแข็งด้ วย
การแบ่ งจักรวรรดิออกเป็ น 2 ภาค คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก มีเมือง
หลวงอยู่ท่ กรุ งโรมและจักรวรรดิโรมันตะวันออก มีเมืองหลวงอยู่ท่ ีกรุ ง
ี
คอนสแตนติโนเปิ ล แต่ กไม่ สามารถทําให้ จักรวรรดิโรมันมั่นคงอยู่ได้ ใน
็
ค.ศ. 476 แม่ ทัพเผ่ าเยอรมันได้ ปลดจักรพรรดิองค์ สุดท้ ายของ จักรวรรดิ
โรมันตะวันตกลง ถือเป็ นการสินสุดจักรวรรดิ ส่ วนจักรวรรดิโรมัน
้
ตะวันออกหรื อจักรวรรดิไบแซนไทน์ ยัง ดํารงสืบต่ อมาอีกเกือบ 1000 ปี
จนกระทั่งล่ มสลายในค.ศ.1453
เหตุท่ คริสต์ ศาสนามีความเจริญรุ่ งเรื่อง
ี
และแผ่ ขยายได้ อย่ างกว้ างขวาง
(1) จักรพรรดิโรมันในยุคนันขาดความสามารถในการบริหารและความ
้
เป็ นผู้นํา
(2) ผู้นําทางคริสต์ ศาสนาในเวลานันมีคุณสมบัตท่ ีจักรพรรดิไม่ มี
้
ิ
(3) ความแตกแยกและเสื่อมโทรมของสังคมและการเมืองคนจึงหวังมีชีวต
ิ
มีความสุขในโลกหน้ า
(4) อนารยชนได้ ทาลายความรุ่ งเรื องของโรมันด้ านการเมือง ไม่ ได้ ย่ ุง
ํ
เกี่ยวกับคริสต์ ศาสนา
1.1 บทบาททางสังคม

ในสมัยกลางคริสต์ ศาสนามีอานาจสูงสุดเหนือสถาบันใด ๆ
ํ
คริสตจักรมีความสัมพันธ์ กับอาณาจักรทางโลก เช่ น การสถาปนา
จักรพรรดิโรมันในสมัยกลาง ทําให้ สร้ างความชอบธรรม ทางการเมือง
ให้ แก่ ศาสนจักร เนื่องจากศาสนจักรเป็ นสื่อกลางระหว่ างมนุษย์ กับพระ
เจ้ ามนุษย์ ต้องดําเนินชีวตตามคําสอนของศาสนาอย่ างเคร่ งครั ด ถ้ าผู้ใด
ิ
หรื อชนกลุ่มใดมีความเห็นขัดแย้ งกับศาสนจักร จะต้ องถูกศาสนจักรไต่
สวนและลงโทษ เช่ น
- การไล่ ออกจากศาสนา
- การตัดขาดจากศาสนาทังชุมชน
้
1.2 บทบาททางการเมือง

ศาสนาได้ เข้ าไปมีส่วนร่ วมในระบบการเมืองของยุโรป
– ระบบกษัตริย์ ศาสนจักรได้ อ้างอํานาจเหนือกษัตริย์และขุนนางใน
ฐานะของผู้สถาปนากษัตริย์ในสมัยกลาง
– ระบบฟิ วดัล ศาสนจักรได้ เข้ ามามีบทบาทในการยุตสงครามการแย่ ง
ิ
ที่ดนระหว่ างเจ้ านายที่ดนต่ าง ๆ และการที่ศาสนจักรมีท่ ีดนจํานวนมาก
ิ
ิ
ิ
ทําให้ ศาสนจักรต้ องไปเกี่ยวข้ องกับเจ้ าของที่ดน
ิ
– ระบบการศาล ศาสนจักรได้ จัดระบบการพิจารณาศาล จึงอ้ างใน
สิทธิท่ ีจะพิจารณาคดีทงศาสนาและทางโลก
ั้
1.3 บทบาททางเศรษฐกิจ

ศาสนจักรเป็ นแหล่ งรวมความมั่งคั่งเนื่องจากได้ เงินภาษีจาก
ประชาชน และบรรณาการที่ดนที่ชนชันปกครองมอบให้
ิ
้
คริสตจักรได้ วางรู ปแบบการบริหารงานเลียนแบบการบริหาร
ของจักรวรรดิโรมันทําให้ คริสตจักรเป็ นสถาบันที่มีกฎระเบียบและมี
เปาหมายชัดเจนโดยมีสันตะปาปา (Pope) เป็ นประมุขสูงสุด และมีคาร์
้
ดินัล (cardinal) เป็ นที่ปรึกษาในส่ วนภูมภาคแบ่ งเป็ นมณฑล ซึ่งมีอาร์ ช
ิ
บิชอป (archbishop) เป็ นผู้ปกครองถัดจากระดับมณฑล คือ ระดับแขวง
ภายใต้ การปกครองของบิชอป (bishop) ส่ วนหน่ วยระดับล่ างสุด คือ
ระดับตําบล มีพระหรื อบาทหลวง (priests) เป็ นผู้ปกครอง
2. การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมยุโรปสมัยกลาง
หลังจากการล่ มสลายของจักรวรรดิโรมันในตะวันตก สภาพ
ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยุโรปตะวันตกเต็มไปด้ วยความ
วุ่นวายจากการอพยพเข้ าของชนเผ่ าต่ างๆ แต่ ช่วงเวลานีกเป็ น
้็
ช่ วงเวลาแห่ งการสร้ างอารยธรรมใหม่ ขนด้ วยเช่ นกัน
ึ้
2.1 ระยะตอนต้ น

เป็ นยุคแห่ งความยุ่งยากซึ่งบางครั งถูกเรี ยกว่ าเป็ นยุค
้
มืด (Dark Age)จักรวรรดิโรมันตะวันตกอยู่ในสภาพที่ป่าเถื่อนสงคราม
และความเดือดร้ อนมี อยู่ทุกหย่ อมหญ้ า
ด้ านการเมือง

เผ่ าเยอรมันได้ ตงอาณาจักรปกครองส่ วนต่ างๆของโรมัน ได้ แก่
ั้
1.) ชนเผ่ าแฟรงก์
2.) ชนเผ่ าออสโตรกอท
3.) ชนเผ่ าลอมบาร์ ด
4.) ชนเผ่ าแองโกล-แซกซัน
5.) ชนเผ่ าเบอร์ กันเดียน
6.) ชนเผ่ าวิสกอธ
ิ
7.) ชนเผ่ าแวนดัล
หลังจากจักรพรรดิชาร์ ลเลอ-มาญสินพระชนม์ จักรวรรดิกเริ่ม
้
็
แตกแยกจนในที่สุด จักรวรรดิถูกแบ่ งแยกเป็ น 3 ส่ วน ซึ่งพัฒนามาเป็ น
อาณาจักรฝรั่ งเศส เยอรมันและอิตาลีในเวลาต่ อมา ขุนนางท้ องถิ่นมี
อํานาจมากขึนเรื่ อยๆจนสามารถแยกดินแดนออกเป็ นแคว้ น นําไปสู่การ
้
ปกครองระบบศักดินาสวามิภักดิ์ในช่ วงต่ อมา
ด้ านเศรษฐกิจ

เกษตรกรรมใช้ ระบบนาโล่ งพืชที่ปลูกส่ วนใหญ่ คือ ข้ าว
สาลี ข้ าวโอ๊ ต ข้ าวบาเล่ ย์
ระบบฟิ วดัล

หมายถึงที่ดนที่เป็ นพันธสัญญาระหว่ างเจ้ านายเป็ นเจ้ าของ
ิ
ที่ดนกับผู้ใช้ ประโยชน์ ในที่ดนที่เรียกว่ าข้ า พวกเจ้ าของที่ดนจะเป็ น
ิ
ิ
ิ
พวกขุนนางเรี ยกว่ า ลอร์ ด (Lord) ผู้ท่ ีอยู่ใต้ อานาจของขุนนางเรี ยกว่ า
ํ
วัสซัล (Vassal)
ด้ านสังคม
สังคมในช่ วงเวลาสมัยกลางตอนต้ นมีความวุ่นวายมาก ขาดระเบียบ
วินัยและความมั่นคงสังคมเมืองแทบสลาย ภาวะตกตํ่า ผู้คนทั่วไปอ่ านและ
เขียนหนังสือไม่ ได้ ยกเว้ นพระและนักบวช ในช่ วงเวลานีคริสต์ ศาสนาได้ เข้ า
้
มามีบทบาทสําคัญต่ อการดํารงชีวตของคนในยุคกลางตังแต่ เกิดจนถึงสินชีวต
ิ
้
้ ิ
ศาสนจักรจึงทําหน้ าที่แทนจักรวรรดิโรมันในการยึดเหนี่ยวประชาชนยุโรปไว้
และรั กษาวัฒนธรรมความเจริญต่ างๆสืบต่ อมา
2.2 ระยะกลาง

เริ่มตังแต่ ค.ศ. 1000 – 1350 ช่ วงเวลานีเ้ ป็ นระยะเวลาแห่ งการ
้
เปลี่ยนแปลงเนื่องจากสังคมตะวันตกมีประชากรเพิ่มขึน คริสต์ ศาสนาและ
้
ระบบฟิ วดัลมีความเจริญรุ่ งเรื องสูงสุด และเริ่มมีการพัฒนาในหลายด้ าน ทัง
้
ด้ านเศรษฐกิจและสังคม รวมทังภูมปัญญา
้ ิ
ด้ านการเมือง

1. ความขัดแย้ งระหว่ างคริสตจักรกับจักรวรรดิ
2. ระบบฟิ วดัลเจริญรุ่ งเรื องถึงขีดสุด
ไวกิ ้ง
1. ความขัดแย้ งระหว่ างคริสตจักรกับจักรวรรดิ

แบ่ งแยกออกเป็ นฝรั่ งเศส เยอรมัน และอิตาลี โดยดินแดน
เยอรมันมีจักรพรรดิปกครองแต่ ไม่ มีอานาจมากนัก สันตะปาปา
ํ
จอห์ นที่ 12 จึงทรงสถาปนาพระเจ้ าออทโทที่ 1 ขึนเป็ นจักรพรรดิแห่ ง
้
จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สทธ์
ิ
ทังจักรพรรดิและสันตะปาปาต่ างอ้ างอํานาจในการปกครอง
้
ร่ วมกันในจักรวรรดิ จนในที่สุดสันตะปาปาก็ทรงประกาศว่ าศาสน
จักรมีอานาจเหนือจักรพรรดิทาให้ เกิดความขัดแย้ งระหว่ าง
ํ
ํ
สันตะปาปาขึน จักรพรรดิเป็ นฝ่ ายพ่ ายแพ้ ส่งผลให้ ขุนนางแต่ ละ
้
แคว้ นมีอานาจมากขึนระบบฟิ วดัลมีความแข็งแกร่ งมากขึน
ํ
้
้

การสวมมงกุฎให้ ดารง
ํ
ตําแหน่ ง จักรวรรดิ
์
โรมันอันศักดิสิทธิ์ จาก
พระสันตะปาปา
สําหรั บในอังกฤษและฝรั่ งเศส ศาสนจักรไม่ ค่อยแทรกแซง
การเมืองภายในของประเทศ ระบบกษัตริย์พยายามเพิ่มอํานาจของตนเอง
ทําให้ อานาจของขุนนางลดลงไป
ํ
- อังกฤษ เกิดความขัดแย้ งระหว่ างกษัตริย์และขุนนางในที่สุด
พระมหากษัตริย์ต้องยอมจํานนต่ อคณะขุนนางและพระได้ กลายมาเป็ น
รั ฐสภา
- ฝรั่ งเศส กษัตริย์กลับมีอานาจมากขึนเรื่ อยๆ จนในที่สุดกลาย
ํ
้
มาเป็ นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในที่สุด
2. ระบบฟิ วดัลเจริญรุ่ งเรื องถึงขีดสุด

สแกนดิเนเวีย(พวกไวกิง) ได้ รุกรานจักรวรรดิของพวกแฟรงก์
้
การปองกันภัยตกเป็ นหน้ าที่ของพวกขุนนางท้ องถิ่นหรื อเจ้ าของที่ดน
้
ิ
ทําไห้ ขุนนางท้ องถิ่นสามารถสร้ างอิทธิพลของตนเองสามารถต่ อรอง
อํานาจกับกษัตริย์ฟิวดัลได้ มีการพัฒนาจนกลายเป็ นระบบการเมือง
เศรษฐกิจ และสังคม
ด้ านเศรษฐกิจ

การค้ าซบเซาระบบฟิ วดัลแต่ ละแมนเนอร์ มีระบบเศรษฐกิจที่
พึ่งตอนได้ เมื่อเกิดสงครามครู เสดระหว่ างคริสต์ ศาสนากับสาสนา
อิสลาม ช่ วงคริสต์ ศตวรรษที่ 11-12 เกิดความต้ องการทางสินค้ า
เศรษฐกิจเริ่มมีการขยายตัวอีกครั งพ่ อค้ าเริ่มมีการติดต่ อการค้ าระหว่ าง
้
ประเทศการค้ าทางทะเลเริ่มมีความเจริญรุ่ งเรืองขึนโดยเฉพาะในเขต
้
ทะเลเหนือและทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน
- ผลจากการขยายตัวของการค้ า ทําให้ เกิดชุมชนการค้ าและ
อุตสาหกรรมชนบทละทิงที่นาเข้ ามาประกอบอาชีพค้ าขายหรื อ
้
ประกอบการผลิตสินค้ าเริ่มเกิดระบบเงินตราขึนมาใหม่ อีกครั ง
้
้
- การขยายตัวทางเศรษฐกิจยุตลงอีกครั งในคริสต์ ศตวรรษที่ 13ิ
้
14เนื่ องจากเกิดสงครามร้ อยปี ระหว่ างอังกฤษกับฝรั่ งเศสเกิดการแพร่
ระบาดของกาฬโรคมีประชากรเสียชีวตจํานวนมากถึง 1 ใน 3 ของ
ิ
ประชากรทังทวีป
้
ด้ านสังคม
หลังจากคริสต์ ศตวรรษที่ 11 ขยายตัวทางการค้ าและ
อุตสาหกรรมเจริญรุ่ งเรืองขึนแถบเมดิเตอร์ เรเนียนเริ่มเกิดชุมชน
้
เมืองขึนประกอบไปด้ วยชาวเมืองฟิ วดัลเป็ นคนรุ่ นใหม่ ท่ ีดาเนิน
้
ํ
ชีวตประกอบการค้ าและอุตสาหกรรมพวกพ่ อค้ าเริ่มมีอานาจมาก
ิ
ํ
ขึนคริสต์ ศาสนาได้ เจริญรุ่ งเรื องสูงสุดศาสนามีบาบาทสําคัญใน
้
การสร้ างความเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันในยุโรป ประชาชนใน
อาณาจักรเข้ าด้ วยกันปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 13 สถาบันศาสนาเริ่ม
เสื่อมลง
2.3 ระยะปลาย

ช่ วงเวลานีเ้ ป็ นช่ วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่
ความเป็ นสมัยใหม่ ทังด้ านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ศาสนาถูก
้
ลดบทบาทลง มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในดินแดนต่ างๆ
ได้ แก่ ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สทธิ์ และการเกิดของ
ิ
รั ฐชาติในฝรั่ งเศส อังกฤษ และสเปน
ด้ านการเมือง
ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สทธิ์ จักรวรรดิโรมัน
ิ
อันศักดิ์สทธิ์จงกลายเป็ นเพียงสัญลักษณ์ ทางการเมืองของดินแดน
ิ ึ
เยอรมนีเท่ านัน การเกิดขึนของรั ฐชาติเปิ ดโอกาสให้ กษัตริย์สามารถ
้
้
รวบรวมอํานาจและก่ อตังรั ฐชาติขนมา
้
ึ้
“วิกฤติกาลของปลายสมัยกลางของยุโรป ”(Crisis of the
Late Middle Ages)บางครั งก็เรี ยกว่ า“กบฏชาวนา”(Peasant
้
revolt) ที่เป็ นการปฏิวัตของชุมชนที่ครอบคลุมอย่ างกว้ างไม่ เฉพาะ
ิ
แต่ เกษตรกรหรื อชาวนา
สาเหตุสาคัญที่ทาให้ เกิดการก่ อความไม่ สงบ
ํ
ํ

1)ช่ องว่ างที่เพิ่มขึนระหว่ างคนจนและคนรวย
้
2) รายได้ ท่ ีลดลงของผู้มีฐานะดี
3) ภาวะเงินเฟอและภาษีท่ ีเพิ่มขึน
้
้
4) วิกฤติกาลภายนอกที่รวมทังความอดอยาก, โรคระบาด
้
5) ความกดดันจากสถาบันศาสนา
ด้ านเศรษฐกิจ

การค้ าจึงเริ่มฟื ้ นตัวขึนในยุโรปตะวันตกพ่ อค้ าเริ่มเดินทาง
้
ค้ าขายระหว่ างแหล่ งการค้ าต่ างๆ มีการสร้ างถนนหนทางและ
สะพาน การค้ าทางทะเลก็ก้าวหน้ าควบคู่ไปกับการค้ าทางบก มีการ
ตังศูนย์ กลางการค้ าในทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน ทะเลเหนือ และทะเล
้
บอลติก สินค้ าต่ างประเทศหลั่งไหลเข้ ามาในยุโรป เช่ น ผ้ าไหม ข้ าว
ผลมะเดื่อ ฝาย เครื่ องเทศ และสินค้ าฟุ่ มเฟื อยต่ างๆทําให้ การค้ า
้
ขยายตัวอย่ างรวดเร็ว ความ เจริญรุ่ งเรืองทางการค้ าทําให้ บรรดา
พ่ อค้ ามั่งคั่งรํ่ารวย มีอานาจในทางเศรษฐกิจ มีบทบาททางสังคม และ
ํ
สามารถขยายอํานาจของตนสู่การเมือง
ด้ านสังคม

เกิดลักษณะของสังคมเปลี่ยนแปลงไป คือ
1) ระบบสังคมแบบฟิ ลดัลเสื่อมสลายลง
2) ชนชันกลางขึนมามีอานาจแทนที่ชนชันขุนนาง
้
้
ํ
้
3) เกิดขบวนการนักวิชาการสายมนุษยนิยม
จัดทําโดย
1. น.ส. ณัฐกันย์ ลิมปวิทยากุล
2. น.ส. พัณณิตา โชติคาวงศ์
ํ้

ม. 6.7 เลขที่ 17
ม. 6.7 เลขที่ 25

More Related Content

What's hot

การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
พัน พัน
 
ประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลาง
ประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลางประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลาง
ประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลาง
Premo Int
 
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
Phonlawat Wichaya
 
สงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะ
สงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะสงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะ
สงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะ
fsarawanee
 

What's hot (20)

กำเนิดรัฐชาติ
กำเนิดรัฐชาติกำเนิดรัฐชาติ
กำเนิดรัฐชาติ
 
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
 
สงครามเย็น [ Cold War ]
สงครามเย็น [ Cold War ]สงครามเย็น [ Cold War ]
สงครามเย็น [ Cold War ]
 
ประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลาง
ประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลางประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลาง
ประวัติศาสตร์สากล ยุโรปสมัยกลาง
 
ยุคกลาง
ยุคกลางยุคกลาง
ยุคกลาง
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
 
ยุคกลาง
ยุคกลางยุคกลาง
ยุคกลาง
 
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
 
ประวัติศาสตร์ยุโรปกลาง ตอน เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง และอารยธรรมสมัยกลาง
ประวัติศาสตร์ยุโรปกลาง ตอน เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง และอารยธรรมสมัยกลางประวัติศาสตร์ยุโรปกลาง ตอน เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง และอารยธรรมสมัยกลาง
ประวัติศาสตร์ยุโรปกลาง ตอน เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง และอารยธรรมสมัยกลาง
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
 
ระบบฟิวดัล
ระบบฟิวดัลระบบฟิวดัล
ระบบฟิวดัล
 
สงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะ
สงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะสงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะ
สงครามโลกครั้งที่ 1 แก้ไขแล้วค่ะ
 
สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1
 
สงครามโลก
สงครามโลกสงครามโลก
สงครามโลก
 
ระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์
ระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์ระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์
ระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
 

Similar to 4.1 4.2 อิทธิพล-การเมือง เศรษฐกิจ

เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง
เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง
เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง
gain_ant
 
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
Sherry Srwchrp
 
Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
 
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายอาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
Natdanai2543
 
สงครามเวียดนาม
สงครามเวียดนามสงครามเวียดนาม
สงครามเวียดนาม
Nattha Namm
 
ไบแซนทิอุม
ไบแซนทิอุมไบแซนทิอุม
ไบแซนทิอุม
Kwandjit Boonmak
 
ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2
Arom Chumchoengkarn
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
Narin Khuansorn
 

Similar to 4.1 4.2 อิทธิพล-การเมือง เศรษฐกิจ (20)

เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง
เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง
เหตุการณ์สำคัญในสมัยยุโรปกลาง
 
เหตุการณ์สำคัญและอารยธรรมสมัยยุโรปกลาง
เหตุการณ์สำคัญและอารยธรรมสมัยยุโรปกลางเหตุการณ์สำคัญและอารยธรรมสมัยยุโรปกลาง
เหตุการณ์สำคัญและอารยธรรมสมัยยุโรปกลาง
 
ศิลปะยุคกลาง
ศิลปะยุคกลางศิลปะยุคกลาง
ศิลปะยุคกลาง
 
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
 
เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สากล
เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สากลเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สากล
เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สากล
 
Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
Unit3 เหตุการณ์สำคัญในสมัยกลางถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
 
ยุคกลาง
ยุคกลางยุคกลาง
ยุคกลาง
 
ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ
ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ
ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ
 
สงครามครูเสด
สงครามครูเสดสงครามครูเสด
สงครามครูเสด
 
ประวัติศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ประวัติศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือประวัติศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ประวัติศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
 
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายอาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
 
ลัทธิจักรวรรดินิยม Imperialism
ลัทธิจักรวรรดินิยม Imperialismลัทธิจักรวรรดินิยม Imperialism
ลัทธิจักรวรรดินิยม Imperialism
 
สงครามเวียดนาม
สงครามเวียดนามสงครามเวียดนาม
สงครามเวียดนาม
 
ไบแซนทิอุม
ไบแซนทิอุมไบแซนทิอุม
ไบแซนทิอุม
 
ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2ประวัติศาสตร์ ม.2
ประวัติศาสตร์ ม.2
 
Crma present1
Crma present1Crma present1
Crma present1
 
การล่มสายยุโกสลาเวีย
การล่มสายยุโกสลาเวียการล่มสายยุโกสลาเวีย
การล่มสายยุโกสลาเวีย
 
Korea
KoreaKorea
Korea
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
โจเซฟ สตาลิน 6.3
โจเซฟ สตาลิน 6.3โจเซฟ สตาลิน 6.3
โจเซฟ สตาลิน 6.3
 

More from Jitjaree Lertwilaiwittaya

1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new
1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new 1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new
1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)
5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)
5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
อารยะธรรมจ นRe (1) (1)
อารยะธรรมจ นRe (1) (1)อารยะธรรมจ นRe (1) (1)
อารยะธรรมจ นRe (1) (1)
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง
8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง
8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
7.2 การประสานประโยชน์
7.2 การประสานประโยชน์7.2 การประสานประโยชน์
7.2 การประสานประโยชน์
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
7.1 ความขัดแย้ง world war 1,2
7.1 ความขัดแย้ง world war 1,27.1 ความขัดแย้ง world war 1,2
7.1 ความขัดแย้ง world war 1,2
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
7.1 ความขัดแย้ง cold war
7.1 ความขัดแย้ง cold war7.1 ความขัดแย้ง cold war
7.1 ความขัดแย้ง cold war
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย
6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย
6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู
5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู
5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง
4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง
4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์
3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์
3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก
2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก
2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
2.2 อารยธรรมอินเดีย
2.2 อารยธรรมอินเดีย2.2 อารยธรรมอินเดีย
2.2 อารยธรรมอินเดีย
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
1.2 หลักฐานทางปวศ.
1.2 หลักฐานทางปวศ.1.2 หลักฐานทางปวศ.
1.2 หลักฐานทางปวศ.
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 
หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)
หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)
หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)
Jitjaree Lertwilaiwittaya
 

More from Jitjaree Lertwilaiwittaya (20)

1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new
1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new 1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new
1.2 ประวัติศาสตร์ (รวม) new
 
5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)
5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)
5.3 5.5 ปฏิรูปศาสนา-ปฏิวัติอุตสาหกรรม(new)
 
อารยะธรรมจ นRe (1) (1)
อารยะธรรมจ นRe (1) (1)อารยะธรรมจ นRe (1) (1)
อารยะธรรมจ นRe (1) (1)
 
3.4 อารยธรรมกร ก
3.4 อารยธรรมกร ก3.4 อารยธรรมกร ก
3.4 อารยธรรมกร ก
 
8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง
8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง
8.1 8.3 เหตุการณ์-ความขัดแย้ง
 
7.2 การประสานประโยชน์
7.2 การประสานประโยชน์7.2 การประสานประโยชน์
7.2 การประสานประโยชน์
 
7.1 ความขัดแย้ง world war 1,2
7.1 ความขัดแย้ง world war 1,27.1 ความขัดแย้ง world war 1,2
7.1 ความขัดแย้ง world war 1,2
 
7.1 ความขัดแย้ง cold war
7.1 ความขัดแย้ง cold war7.1 ความขัดแย้ง cold war
7.1 ความขัดแย้ง cold war
 
6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย
6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย
6.1 6.3 อเมริกา-แอฟริกา-เอเชีย
 
5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
 
5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู
5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู
5.1 5.2 ขยายอิทธิพล-ฟื้นฟู
 
4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง
4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง
4.3 เหตุการณ์สมัยยุโรปกลาง
 
3.5 อารยธรรมโรมัน
3.5 อารยธรรมโรมัน3.5 อารยธรรมโรมัน
3.5 อารยธรรมโรมัน
 
3.4 อารยธรรมกรีก
3.4 อารยธรรมกรีก3.4 อารยธรรมกรีก
3.4 อารยธรรมกรีก
 
3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์
3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์
3.1 3.3 เมโส-ไนล์-เอเชียไมเนอร์
 
2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก
2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก
2.3 อิทธิพลอารยธรรมตะวันออก
 
2.2 อารยธรรมอินเดีย
2.2 อารยธรรมอินเดีย2.2 อารยธรรมอินเดีย
2.2 อารยธรรมอินเดีย
 
1.2 หลักฐานทางปวศ.
1.2 หลักฐานทางปวศ.1.2 หลักฐานทางปวศ.
1.2 หลักฐานทางปวศ.
 
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
 
หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)
หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)
หน วยการเร ยนร__ท__ 5 พ_ฒนาการของย_โรปสม_ยใหม_ (1)
 

4.1 4.2 อิทธิพล-การเมือง เศรษฐกิจ

  • 2. คริสต์ ศาสนาได้ กาเนิดขึนในช่ วงต้ นของสมัยจักรวรรดิ ํ ้ โรมันผู้ก่อตังศาสนา คือ พระเยซูคริสต์ หลังจากนันประมาณ 300 ปี ้ ้ คริสต์ ศาสนาถูกทางการปราบปรามอย่ างรุ นแรง จนกระทั่งในช่ วง คริสต์ ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงนับถือคริสต์ ศาสนา และใน ค.ศ. 394 จักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่ 1ได้ ประกาศให้ คริสต์ ศาสนาเป็ นศาสนาประจําจักรวรรดิโรมัน
  • 3. ในช่ วงคริสต์ ศตวรรษที่ 4-5 จักรวรรดิโรมันได้ ถูกรุ กรานจากพวก เผ่ าอนารยชนหลายเผ่ า จักรพรรดิโรมันพยายามสร้ างความเข้ มแข็งด้ วย การแบ่ งจักรวรรดิออกเป็ น 2 ภาค คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก มีเมือง หลวงอยู่ท่ กรุ งโรมและจักรวรรดิโรมันตะวันออก มีเมืองหลวงอยู่ท่ ีกรุ ง ี คอนสแตนติโนเปิ ล แต่ กไม่ สามารถทําให้ จักรวรรดิโรมันมั่นคงอยู่ได้ ใน ็ ค.ศ. 476 แม่ ทัพเผ่ าเยอรมันได้ ปลดจักรพรรดิองค์ สุดท้ ายของ จักรวรรดิ โรมันตะวันตกลง ถือเป็ นการสินสุดจักรวรรดิ ส่ วนจักรวรรดิโรมัน ้ ตะวันออกหรื อจักรวรรดิไบแซนไทน์ ยัง ดํารงสืบต่ อมาอีกเกือบ 1000 ปี จนกระทั่งล่ มสลายในค.ศ.1453
  • 4. เหตุท่ คริสต์ ศาสนามีความเจริญรุ่ งเรื่อง ี และแผ่ ขยายได้ อย่ างกว้ างขวาง (1) จักรพรรดิโรมันในยุคนันขาดความสามารถในการบริหารและความ ้ เป็ นผู้นํา (2) ผู้นําทางคริสต์ ศาสนาในเวลานันมีคุณสมบัตท่ ีจักรพรรดิไม่ มี ้ ิ (3) ความแตกแยกและเสื่อมโทรมของสังคมและการเมืองคนจึงหวังมีชีวต ิ มีความสุขในโลกหน้ า (4) อนารยชนได้ ทาลายความรุ่ งเรื องของโรมันด้ านการเมือง ไม่ ได้ ย่ ุง ํ เกี่ยวกับคริสต์ ศาสนา
  • 5. 1.1 บทบาททางสังคม ในสมัยกลางคริสต์ ศาสนามีอานาจสูงสุดเหนือสถาบันใด ๆ ํ คริสตจักรมีความสัมพันธ์ กับอาณาจักรทางโลก เช่ น การสถาปนา จักรพรรดิโรมันในสมัยกลาง ทําให้ สร้ างความชอบธรรม ทางการเมือง ให้ แก่ ศาสนจักร เนื่องจากศาสนจักรเป็ นสื่อกลางระหว่ างมนุษย์ กับพระ เจ้ ามนุษย์ ต้องดําเนินชีวตตามคําสอนของศาสนาอย่ างเคร่ งครั ด ถ้ าผู้ใด ิ หรื อชนกลุ่มใดมีความเห็นขัดแย้ งกับศาสนจักร จะต้ องถูกศาสนจักรไต่ สวนและลงโทษ เช่ น - การไล่ ออกจากศาสนา - การตัดขาดจากศาสนาทังชุมชน ้
  • 6. 1.2 บทบาททางการเมือง ศาสนาได้ เข้ าไปมีส่วนร่ วมในระบบการเมืองของยุโรป – ระบบกษัตริย์ ศาสนจักรได้ อ้างอํานาจเหนือกษัตริย์และขุนนางใน ฐานะของผู้สถาปนากษัตริย์ในสมัยกลาง – ระบบฟิ วดัล ศาสนจักรได้ เข้ ามามีบทบาทในการยุตสงครามการแย่ ง ิ ที่ดนระหว่ างเจ้ านายที่ดนต่ าง ๆ และการที่ศาสนจักรมีท่ ีดนจํานวนมาก ิ ิ ิ ทําให้ ศาสนจักรต้ องไปเกี่ยวข้ องกับเจ้ าของที่ดน ิ – ระบบการศาล ศาสนจักรได้ จัดระบบการพิจารณาศาล จึงอ้ างใน สิทธิท่ ีจะพิจารณาคดีทงศาสนาและทางโลก ั้
  • 7. 1.3 บทบาททางเศรษฐกิจ ศาสนจักรเป็ นแหล่ งรวมความมั่งคั่งเนื่องจากได้ เงินภาษีจาก ประชาชน และบรรณาการที่ดนที่ชนชันปกครองมอบให้ ิ ้ คริสตจักรได้ วางรู ปแบบการบริหารงานเลียนแบบการบริหาร ของจักรวรรดิโรมันทําให้ คริสตจักรเป็ นสถาบันที่มีกฎระเบียบและมี เปาหมายชัดเจนโดยมีสันตะปาปา (Pope) เป็ นประมุขสูงสุด และมีคาร์ ้ ดินัล (cardinal) เป็ นที่ปรึกษาในส่ วนภูมภาคแบ่ งเป็ นมณฑล ซึ่งมีอาร์ ช ิ บิชอป (archbishop) เป็ นผู้ปกครองถัดจากระดับมณฑล คือ ระดับแขวง ภายใต้ การปกครองของบิชอป (bishop) ส่ วนหน่ วยระดับล่ างสุด คือ ระดับตําบล มีพระหรื อบาทหลวง (priests) เป็ นผู้ปกครอง
  • 8. 2. การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมยุโรปสมัยกลาง หลังจากการล่ มสลายของจักรวรรดิโรมันในตะวันตก สภาพ ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยุโรปตะวันตกเต็มไปด้ วยความ วุ่นวายจากการอพยพเข้ าของชนเผ่ าต่ างๆ แต่ ช่วงเวลานีกเป็ น ้็ ช่ วงเวลาแห่ งการสร้ างอารยธรรมใหม่ ขนด้ วยเช่ นกัน ึ้
  • 9. 2.1 ระยะตอนต้ น เป็ นยุคแห่ งความยุ่งยากซึ่งบางครั งถูกเรี ยกว่ าเป็ นยุค ้ มืด (Dark Age)จักรวรรดิโรมันตะวันตกอยู่ในสภาพที่ป่าเถื่อนสงคราม และความเดือดร้ อนมี อยู่ทุกหย่ อมหญ้ า
  • 10. ด้ านการเมือง เผ่ าเยอรมันได้ ตงอาณาจักรปกครองส่ วนต่ างๆของโรมัน ได้ แก่ ั้ 1.) ชนเผ่ าแฟรงก์ 2.) ชนเผ่ าออสโตรกอท 3.) ชนเผ่ าลอมบาร์ ด 4.) ชนเผ่ าแองโกล-แซกซัน 5.) ชนเผ่ าเบอร์ กันเดียน 6.) ชนเผ่ าวิสกอธ ิ 7.) ชนเผ่ าแวนดัล
  • 11. หลังจากจักรพรรดิชาร์ ลเลอ-มาญสินพระชนม์ จักรวรรดิกเริ่ม ้ ็ แตกแยกจนในที่สุด จักรวรรดิถูกแบ่ งแยกเป็ น 3 ส่ วน ซึ่งพัฒนามาเป็ น อาณาจักรฝรั่ งเศส เยอรมันและอิตาลีในเวลาต่ อมา ขุนนางท้ องถิ่นมี อํานาจมากขึนเรื่ อยๆจนสามารถแยกดินแดนออกเป็ นแคว้ น นําไปสู่การ ้ ปกครองระบบศักดินาสวามิภักดิ์ในช่ วงต่ อมา
  • 12. ด้ านเศรษฐกิจ เกษตรกรรมใช้ ระบบนาโล่ งพืชที่ปลูกส่ วนใหญ่ คือ ข้ าว สาลี ข้ าวโอ๊ ต ข้ าวบาเล่ ย์
  • 13. ระบบฟิ วดัล หมายถึงที่ดนที่เป็ นพันธสัญญาระหว่ างเจ้ านายเป็ นเจ้ าของ ิ ที่ดนกับผู้ใช้ ประโยชน์ ในที่ดนที่เรียกว่ าข้ า พวกเจ้ าของที่ดนจะเป็ น ิ ิ ิ พวกขุนนางเรี ยกว่ า ลอร์ ด (Lord) ผู้ท่ ีอยู่ใต้ อานาจของขุนนางเรี ยกว่ า ํ วัสซัล (Vassal)
  • 14. ด้ านสังคม สังคมในช่ วงเวลาสมัยกลางตอนต้ นมีความวุ่นวายมาก ขาดระเบียบ วินัยและความมั่นคงสังคมเมืองแทบสลาย ภาวะตกตํ่า ผู้คนทั่วไปอ่ านและ เขียนหนังสือไม่ ได้ ยกเว้ นพระและนักบวช ในช่ วงเวลานีคริสต์ ศาสนาได้ เข้ า ้ มามีบทบาทสําคัญต่ อการดํารงชีวตของคนในยุคกลางตังแต่ เกิดจนถึงสินชีวต ิ ้ ้ ิ ศาสนจักรจึงทําหน้ าที่แทนจักรวรรดิโรมันในการยึดเหนี่ยวประชาชนยุโรปไว้ และรั กษาวัฒนธรรมความเจริญต่ างๆสืบต่ อมา
  • 15. 2.2 ระยะกลาง เริ่มตังแต่ ค.ศ. 1000 – 1350 ช่ วงเวลานีเ้ ป็ นระยะเวลาแห่ งการ ้ เปลี่ยนแปลงเนื่องจากสังคมตะวันตกมีประชากรเพิ่มขึน คริสต์ ศาสนาและ ้ ระบบฟิ วดัลมีความเจริญรุ่ งเรื องสูงสุด และเริ่มมีการพัฒนาในหลายด้ าน ทัง ้ ด้ านเศรษฐกิจและสังคม รวมทังภูมปัญญา ้ ิ
  • 16. ด้ านการเมือง 1. ความขัดแย้ งระหว่ างคริสตจักรกับจักรวรรดิ 2. ระบบฟิ วดัลเจริญรุ่ งเรื องถึงขีดสุด ไวกิ ้ง
  • 17. 1. ความขัดแย้ งระหว่ างคริสตจักรกับจักรวรรดิ แบ่ งแยกออกเป็ นฝรั่ งเศส เยอรมัน และอิตาลี โดยดินแดน เยอรมันมีจักรพรรดิปกครองแต่ ไม่ มีอานาจมากนัก สันตะปาปา ํ จอห์ นที่ 12 จึงทรงสถาปนาพระเจ้ าออทโทที่ 1 ขึนเป็ นจักรพรรดิแห่ ง ้ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สทธ์ ิ
  • 18. ทังจักรพรรดิและสันตะปาปาต่ างอ้ างอํานาจในการปกครอง ้ ร่ วมกันในจักรวรรดิ จนในที่สุดสันตะปาปาก็ทรงประกาศว่ าศาสน จักรมีอานาจเหนือจักรพรรดิทาให้ เกิดความขัดแย้ งระหว่ าง ํ ํ สันตะปาปาขึน จักรพรรดิเป็ นฝ่ ายพ่ ายแพ้ ส่งผลให้ ขุนนางแต่ ละ ้ แคว้ นมีอานาจมากขึนระบบฟิ วดัลมีความแข็งแกร่ งมากขึน ํ ้ ้ การสวมมงกุฎให้ ดารง ํ ตําแหน่ ง จักรวรรดิ ์ โรมันอันศักดิสิทธิ์ จาก พระสันตะปาปา
  • 19. สําหรั บในอังกฤษและฝรั่ งเศส ศาสนจักรไม่ ค่อยแทรกแซง การเมืองภายในของประเทศ ระบบกษัตริย์พยายามเพิ่มอํานาจของตนเอง ทําให้ อานาจของขุนนางลดลงไป ํ - อังกฤษ เกิดความขัดแย้ งระหว่ างกษัตริย์และขุนนางในที่สุด พระมหากษัตริย์ต้องยอมจํานนต่ อคณะขุนนางและพระได้ กลายมาเป็ น รั ฐสภา - ฝรั่ งเศส กษัตริย์กลับมีอานาจมากขึนเรื่ อยๆ จนในที่สุดกลาย ํ ้ มาเป็ นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในที่สุด
  • 20. 2. ระบบฟิ วดัลเจริญรุ่ งเรื องถึงขีดสุด สแกนดิเนเวีย(พวกไวกิง) ได้ รุกรานจักรวรรดิของพวกแฟรงก์ ้ การปองกันภัยตกเป็ นหน้ าที่ของพวกขุนนางท้ องถิ่นหรื อเจ้ าของที่ดน ้ ิ ทําไห้ ขุนนางท้ องถิ่นสามารถสร้ างอิทธิพลของตนเองสามารถต่ อรอง อํานาจกับกษัตริย์ฟิวดัลได้ มีการพัฒนาจนกลายเป็ นระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
  • 21. ด้ านเศรษฐกิจ การค้ าซบเซาระบบฟิ วดัลแต่ ละแมนเนอร์ มีระบบเศรษฐกิจที่ พึ่งตอนได้ เมื่อเกิดสงครามครู เสดระหว่ างคริสต์ ศาสนากับสาสนา อิสลาม ช่ วงคริสต์ ศตวรรษที่ 11-12 เกิดความต้ องการทางสินค้ า เศรษฐกิจเริ่มมีการขยายตัวอีกครั งพ่ อค้ าเริ่มมีการติดต่ อการค้ าระหว่ าง ้ ประเทศการค้ าทางทะเลเริ่มมีความเจริญรุ่ งเรืองขึนโดยเฉพาะในเขต ้ ทะเลเหนือและทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน
  • 22. - ผลจากการขยายตัวของการค้ า ทําให้ เกิดชุมชนการค้ าและ อุตสาหกรรมชนบทละทิงที่นาเข้ ามาประกอบอาชีพค้ าขายหรื อ ้ ประกอบการผลิตสินค้ าเริ่มเกิดระบบเงินตราขึนมาใหม่ อีกครั ง ้ ้ - การขยายตัวทางเศรษฐกิจยุตลงอีกครั งในคริสต์ ศตวรรษที่ 13ิ ้ 14เนื่ องจากเกิดสงครามร้ อยปี ระหว่ างอังกฤษกับฝรั่ งเศสเกิดการแพร่ ระบาดของกาฬโรคมีประชากรเสียชีวตจํานวนมากถึง 1 ใน 3 ของ ิ ประชากรทังทวีป ้
  • 23. ด้ านสังคม หลังจากคริสต์ ศตวรรษที่ 11 ขยายตัวทางการค้ าและ อุตสาหกรรมเจริญรุ่ งเรืองขึนแถบเมดิเตอร์ เรเนียนเริ่มเกิดชุมชน ้ เมืองขึนประกอบไปด้ วยชาวเมืองฟิ วดัลเป็ นคนรุ่ นใหม่ ท่ ีดาเนิน ้ ํ ชีวตประกอบการค้ าและอุตสาหกรรมพวกพ่ อค้ าเริ่มมีอานาจมาก ิ ํ ขึนคริสต์ ศาสนาได้ เจริญรุ่ งเรื องสูงสุดศาสนามีบาบาทสําคัญใน ้ การสร้ างความเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันในยุโรป ประชาชนใน อาณาจักรเข้ าด้ วยกันปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 13 สถาบันศาสนาเริ่ม เสื่อมลง
  • 24. 2.3 ระยะปลาย ช่ วงเวลานีเ้ ป็ นช่ วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ ความเป็ นสมัยใหม่ ทังด้ านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ศาสนาถูก ้ ลดบทบาทลง มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในดินแดนต่ างๆ ได้ แก่ ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สทธิ์ และการเกิดของ ิ รั ฐชาติในฝรั่ งเศส อังกฤษ และสเปน
  • 25. ด้ านการเมือง ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สทธิ์ จักรวรรดิโรมัน ิ อันศักดิ์สทธิ์จงกลายเป็ นเพียงสัญลักษณ์ ทางการเมืองของดินแดน ิ ึ เยอรมนีเท่ านัน การเกิดขึนของรั ฐชาติเปิ ดโอกาสให้ กษัตริย์สามารถ ้ ้ รวบรวมอํานาจและก่ อตังรั ฐชาติขนมา ้ ึ้ “วิกฤติกาลของปลายสมัยกลางของยุโรป ”(Crisis of the Late Middle Ages)บางครั งก็เรี ยกว่ า“กบฏชาวนา”(Peasant ้ revolt) ที่เป็ นการปฏิวัตของชุมชนที่ครอบคลุมอย่ างกว้ างไม่ เฉพาะ ิ แต่ เกษตรกรหรื อชาวนา
  • 26. สาเหตุสาคัญที่ทาให้ เกิดการก่ อความไม่ สงบ ํ ํ 1)ช่ องว่ างที่เพิ่มขึนระหว่ างคนจนและคนรวย ้ 2) รายได้ ท่ ีลดลงของผู้มีฐานะดี 3) ภาวะเงินเฟอและภาษีท่ ีเพิ่มขึน ้ ้ 4) วิกฤติกาลภายนอกที่รวมทังความอดอยาก, โรคระบาด ้ 5) ความกดดันจากสถาบันศาสนา
  • 27. ด้ านเศรษฐกิจ การค้ าจึงเริ่มฟื ้ นตัวขึนในยุโรปตะวันตกพ่ อค้ าเริ่มเดินทาง ้ ค้ าขายระหว่ างแหล่ งการค้ าต่ างๆ มีการสร้ างถนนหนทางและ สะพาน การค้ าทางทะเลก็ก้าวหน้ าควบคู่ไปกับการค้ าทางบก มีการ ตังศูนย์ กลางการค้ าในทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน ทะเลเหนือ และทะเล ้ บอลติก สินค้ าต่ างประเทศหลั่งไหลเข้ ามาในยุโรป เช่ น ผ้ าไหม ข้ าว ผลมะเดื่อ ฝาย เครื่ องเทศ และสินค้ าฟุ่ มเฟื อยต่ างๆทําให้ การค้ า ้ ขยายตัวอย่ างรวดเร็ว ความ เจริญรุ่ งเรืองทางการค้ าทําให้ บรรดา พ่ อค้ ามั่งคั่งรํ่ารวย มีอานาจในทางเศรษฐกิจ มีบทบาททางสังคม และ ํ สามารถขยายอํานาจของตนสู่การเมือง
  • 28. ด้ านสังคม เกิดลักษณะของสังคมเปลี่ยนแปลงไป คือ 1) ระบบสังคมแบบฟิ ลดัลเสื่อมสลายลง 2) ชนชันกลางขึนมามีอานาจแทนที่ชนชันขุนนาง ้ ้ ํ ้ 3) เกิดขบวนการนักวิชาการสายมนุษยนิยม
  • 29. จัดทําโดย 1. น.ส. ณัฐกันย์ ลิมปวิทยากุล 2. น.ส. พัณณิตา โชติคาวงศ์ ํ้ ม. 6.7 เลขที่ 17 ม. 6.7 เลขที่ 25