More Related Content
Similar to 1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
Similar to 1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ. (20)
More from Jitjaree Lertwilaiwittaya
More from Jitjaree Lertwilaiwittaya (13)
1.1 การแบ่งยุคสมัยปวศ.
- 2. การแบ่ งยุคสมัยทางประวัตศาสตร์ เราจะอาศัยหลักฐานที่
ิ
เป็ นลายลักษณ์ อักษรเป็ นเกณฑ์ ได้ แก่ สมัยก่ อนประวัตศาสตร์
ิ
(Prehistorical Period) เป็ นสมัยที่มนุษย์ ยังไม่ มีตวอักษรสําหรับ
ั
บันทึกเรื่องราว และ สมัยประวัตศาสตร์ (Historical Period)
ิ
เป็ นช่ วงที่มีตวอักษรใช้ บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ ต่างๆ แล้ ว
ั
- 5. ยุคหิ นเก่า (Paleolitic Period)
ลักษณะสังคมเป็ นสังคมล่ าสัตว์ และหาพืชผักผลไม้ ป่าเป็ น
อาหาร และอาศัยอยู่ตามถํา บริเวณที่อุดมสมบรู ณ์ และยังพบว่ า
้
มนุษย์ มีความสามารถด้ านศิลปะ ซึ่งพบภาพวาดตามผนังถําที่ใช้
้
ฝุ่ นสีต่างๆ
- 6. เราสามารถแบ่งยุคหินเก่าได้ เป็ น 3 ช่วง
ยุคหินเก่า
ตอนต้ น
ยุคหินเก่า
ตอนกลาง
ยุคหินเก่าตอน
ปลาย
• ประมาณ 2500000-180000 ปี มาแล้ ว
• เครื่ องมือทําด้ วยหินลักษณะเป็ นขวานกะเทาะแบบ
กําปั ้น
• ประมาณ 180000-49000 ปี มาแล้ ว
• เครื่ องมือทําด้ วยหินมีลักษณะแหลมคม ด้ ามยาวขึน มี
้
ประโยชน์ ใช้ สอยมากกว่ าเดิม
• ประมาณ 49000-10500 ปี มาแล้ ว
• เครื่ องมือทําจากหินและกระดูกสัตว์ เช่ น ฉมวก หัวลูกศร
และทําเครื่ องประดับจากเปลือกหอย
- 7. ยุคหิ นกลาง (Mesolithic Period)
ประมาณ 10500-10000 ปี ล่ วงมาแล้ ว มนุษย์ ในช่ วงเวลานี ้
เริ่มมีการนําวัสดุธรรมชาติมาใช้ ประโยชน์ เช่ น ทําตะกร้ าสาน ทํารถ
ลาก และเครื่องมือเครื่องใช้ ท่ ทาด้ วยหินก็มีความประณีตมากขึน
ี ํ
้
ตลอดจนรู้ จักนําสุนัขมาเลียงเป็ นสัตว์ เลียง โดยมักตังหลักแหล่ งอยู่
้
้
้
ตามแหล่ งนํา ชายฝั่ งทะเล ประกอบอาชีพประมง ล่ าสัตว์ และ
้
บริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์
- 8. ยุคหิ นใหม่(Neolithic Period)
มนุษย์ ในยุคนีอาศัยรวมกันอยู่เป็ นหมู่บ้าน ดํารงชีวิตด้ วย
้
การเพาะปลูกและเลียงสัตว์ การเพาะปลูกได้ เปลี่ยนวิถีชีวิตของ
้
มนุษย์ จากสังคมล่ าสัตว์ มาเป็ นสังคมเกษตรกรรม ที่ตงถิ่นฐาน
ั้
เป็ นหลักแหล่ ง มีการสร้ างที่พักอาศัยถาวรเป็ นกระท่ อมดิน
เหนียวและตังหลักแหล่ งตามบริเวณลุ่มนํา ยุคหินใหม่ เป็ นยุค
้
้
เกษตรกรรม มีการทอผ้ า ทําเครื่องปั ้นดินเผา
- 11. ยุคสําริ ด(Bronze Age)
สําริดเป็ นโลหะผสม
ระหว่ างทองแดงกับดีบุก นํามา
ขึนรูปทําเป็ นเครื่องมือด้ วยการ
้
ตีหรื อหล่ อในแม่ พมพ์ เช่ น
ิ
ขวาน หอก ภาชนะ กําไล
ลูกปั ด ฯลฯ
ในยุคนีความเป็ นอยู่ของมนุษย์ เปลี่ยนไปมากทังด้ าน
้
้
การเมืองและสังคม ชุมชนเกษตรกรรมขยายตัวจนกลายเป็ นชุมชน
เมือง นําไปสู่พัฒนาการทางสังคมสู่ความเป็ นรั ฐในเวลาต่ อมา
- 12. แหล่ งอารยธรรมที่สาคัญๆ ของโลกล้ วนมีการพัฒนาการสังคม
ํ
จากช่ วงเวลาสมัยหินใหม่ และสมัยสําริด แหล่ งอารยธรรมของโลกที่
สําคัญและแหล่ งวัฒนธรรมบางแห่ ง เช่ น แหล่ งอารยธรรมเมโสโปเต
เมียในภูมิภาคเอเชียตะวันตก แหล่ งอารยธรรมลุ่มแม่ นําไนล์ ใน
้
อียปต์ แหล่ งอารยธรรมลุ่มแม่ นําสินธุในอินเดีย แหล่ งอารยธรรมลุ่ม
ิ
้
แม่ นําฮวงโหของจีน
้
- 13. ยุคโลหะ(Iron Age)
ช่ วงเวลานีมีการพัฒนาทางด้ าน
้
เทคโนโลยีการผลิตโลหะ ซึ่งการผลิตเหล็ก
ต้ องใช้ อุณหภูมิสูงมีกรรมวิธีท่ ย่ ุงยาก แต่ ถง
ี
ึ
อย่ างไรเหล็กก็มีความแข็งแกร่ งคงทนกว่ า
โลหะสําริดมาก จึงนําไปสู่พัฒนาการทาง
สังคม เป็ นรัฐที่กาลังทหารเข้ มแข็ง ขยาย
ํ
เป็ นอาณาจักรได้ ต่อไป โดยอารยธรรมแห่ ง
แรกที่ผลิตเหล็กได้ คือ แหล่ งอารยธรรม
เมโสโปเตเมีย
- 14. สมัยประวัติศาสตร์
สมัยประวัตศาสตร์ เป็ นช่ วงเวลาที่มีตัวอักษรใช้ จดบันทึกเรื่ องราว
ิ
เหตุการณ์ ต่างๆ โดย ใช้ หลักฐานที่เป็ นลายลักษณ์ อักษร เช่ น จารึก
จดหมายเหตุ พงศาวดาร ตํานาน และหลักฐานที่ไม่ เป็ นลายลักษณ์
อักษร เช่ น เจดีย์ พระพุทธรู ป เทวรู ป เครื่ องใช้ เครื่ องประดับ เงิน
เหรี ยญ เป็ นต้ น
การศึกษาประวัตศาสตร์ สากลมีความ
ิ
แตกต่ างกันโดยประวัตศาสตร์ ตะวันออกแบ่ งยุค
ิ
สมัยทางประวัตศาสตร์ ตามช่ วงเวลาของแต่ ละ
ิ
ราชวงศ์ หรื อศูนย์ กลางอํานาจเป็ นเกณฑ์ ส่ วน
ตะวันตกใช้ เหตุการณ์ สาคัญทางประวัตศาสตร์
ํ
ิ
เป็ นเกณฑ์ ในการแบ่ งยุค
- 16. ประวัติศาสตร์จีนสมัยโบราณ
ช่ วงเวลาการเริ่มต้ นจากรากฐานอารยธรรมจีน ตังแต่ สมัย
้
ประวัตศาสตร์ ท่ มีการสร้ างสรรค์ วัฒนธรรมหยางเซา วัฒนธรรม
ิ
ี
หลงซาน อันเป็ นวัฒนธรรมเครื่ องปั ้นดินเผาและโลหะสําริด
ต่ อมาเข้ าสู่สมัยประวัตศาสตร์ ราชวงศ์ ต่าง ๆ ได้ ปกครอง
ิ
ประเทศ ได้ แก่ ราชวงศ์ เซียะ และราชวงศ์ ชาง ช่ วงเวลาที่จีนเริ่ม
ก่ อตัวเป็ นรัฐที่มีรากฐานการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม
ราชวงศ์ โจว ซึ่งแบ่ งออกเป็ นราชวงศ์ โจวตะวันตก และราชวงศ์ โจ
วตะวันออก เมื่อราชวงศ์ โจวตะวันออกเสื่อมลง เกิดสงคราม
ระหว่ างเจ้ าผู้ครองรัฐต่ าง ๆ ในที่สุดราชวงศ์ ฉิน รวบรวมก่ อตัง
้
ราชวงศ์ และสมัยราชวงศ์ ฮ่ ัน เป็ นสมัยที่รวมศูนย์ อานาจจนเป็ น
ํ
จักรพรรดิ
- 17. ประวัติศาสตร์จีนสมัยกลาง
อารยธรรมมีการปรั บตัวเพื่อรั บอิทธิพล ต่ างชาติเข้ ามา
ผสมผสานในสังคมจีน ที่สาคัญคือพระพุทธศาสนา ประวัตศาสตร์
ํ
ิ
จีนสมัยกลางเริ่มสมัยด้ วยความวุ่นวายจากการล่ มสลายของ
ราชวงศ์ ฮ่ ัน เรียกว่ าสมัยความแตกแยกทางการเมือง เป็ นช่ วงเวลา
การยึดครอบของชาวต่ างชาติ การแบ่ งแยกดินแดน ก่ อนที่จะมีการ
รวมประเทศในสมัยราชวงศ์ สุย สมัยราชวงศ์ ถัง ช่ วงเวลานีประเทศ
้
จีนเจริญรุ่ งเรืองสูงสุดก่ อนที่จะแตกแยกอีกครั ง ในสมัยห้ าราชวงศ์
้
กับสิบรัฐ ต่ อมาสมัยราชวงศ์ ซ่ง สามารถรวบรวมประเทศจีนได้ อีก
ครั ง และมีความเจริญรุ่ งเรื องทางศิลปวัฒนธรรม จนกระทั่งชาว
้
มองโกลสามารถยึดครองประเทศจีนและสถาปนาราชวงศ์ หยวน
- 18. ประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่
ประวัตศาสตร์ จีนสมัยใหม่ เริ่มใน ค.ศ. 1368 เมื่อชาวจีนขับ
ิ
ไล่ พวกมองโกลออกไป แล้ วสถาปนาราชวงศ์ หมิง ขึนปกครอง
้
ประเทศจีน และถูกโค่ นล้ มอีกครั งโดยราชวงศ์ ซง ในช่ วงปลาย
้
ิ
สมัยราชวงศ์ ชิงเป็ นเวลาที่ประเทศจีนถูกคุกคามจากชาติ
ตะวันตก และจีนพ่ ายแพ้ แก่ อังกฤษในสงครามฝิ่ น จนสินสุด
้
ราชวงศ์ ใน ค.ศ. 1911
สงครามฝิ่ น
- 19. ประวัติศาสตร์จีนสมัยปั จจุบน
ั
ประวัตศาสตร์ จีนสมัยปั จจุบันเริ่มต้ นใน ค.ศ. 1911 เมื่อจีน
ิ
ปฏิวัตเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ิ
มาเป็ น ระบอบสาธารณรั ฐโดย ดร.ซุน ยัตเซน ต่ อมาพรรค
คอมมิวนิสต์ ได้ ปฏิวัตและได้ ปกครองจีน จึงเปลี่ยนแปลงการ
ิ
ปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ตังแต่ ค.ศ. 1949 จนถึงปั จจุบัน
้
ดร.ซุน ยัตเซน
- 20. 2.การแบ่ งยุคสมัยทางประวัตศาสตร์ ญ่ ีปุ่น
ิ
การแบ่ งยุคสมัยทางประวัตศาสตร์ ญ่ ีปุ่น ใช้ พัฒนาการของ
ิ
อารยธรรมและช่ วงเวลาตามศูนย์ กลางอํานาจการปกครองเป็ น
เกณฑ์ ใน การแบ่ งยุคสมัย สาเหตุท่ ใช้ เกณฑ์ การแบ่ งยุคสมัย
ี
เนื่องจากจักรพรรดิท่ เป็ นประมุขของญี่ปุ่น มีเพียงราชวงศ์ เดียว
ี
ตังแต่ อดีตมาจนถึงปั จจุบัน โดยอํานาจการปกครองในช่ วงเวลา
้
ส่ วนใหญ่ อยู่ในตระกูลนักรบต่ าง ๆ สามารถแบ่ งออกได้ เป็ น
• ประวัตศาสตร์ ญ่ ีปุ่นสมัยโบราณ
ิ
• ประวัตศาสตร์ ญ่ ีปุ่นสมัยกลาง
ิ
• ประวัตศาสตร์ ญ่ ีปุ่นสมัยใหม่
ิ
- 22. ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยกลาง
ญี่ปุ่นรับเอาอารยธรรมจีนและพุทธศาสนาเข้ ามาในประเทศ
ประวัตศาสตร์ สมัยกลางแบ่ งได้ เป็ นสมัยอาสุกะ สมัยนารา เมือง
ิ
หลวงอยู่ท่ เมืองนารา สมัยเฮอัน เมืองหลวงอยู่ท่ เมืองเฮอัน(ปั จจุบัน
ี
ี
คือเมืองเกียวโต) ซึ่งจักรพรรดิมีอานาจปกครอง สมัยคามากุระ เป็ น
ํ
สมัยที่โชกุนตระกูลมินาโมโตมีอานาจปกครองประเทศ มีเมืองหลวง
ํ
อยู่ท่ เมืองคามากุระ ต่ อมาตระกูลอาชิกางะได้ โค่ นล้ มตระกูลมินาโม
ี
โตและเป็ นโชกุนแทนที่
ในค.ศ. 1333 โชกุนตระกูลาชิกางะมีศูนย์ กลางการปกครองที่
เมืองมูโรมาจิเขตเมืองเกียวโต สมัยของมูโรมาจิสินสุดเมื่อเกิด
้
สงครามระหว่ างตระกูลต่ าง ๆเป็ นสงครามกลางเมืองใน ค.ศ. 1573
- 26. ต่ อมาอินเดียรวมตัวกันในสมัยราชวงศ์ มคธ และมีการรวมตัวอย่ าง
แท้ จริงในสมัยราชวงศ์ เมารยะ ระยะเวลานีเ้ ป็ นเวลาทีอนเดียเปิ ดเผยแผ่
่ิ
พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนต่ าง ๆ ต่ อมาราชวงศ์ เมารยะล่ มสลายอินเดียก็เข้ า
สู่ สมัยแห่ งการแตกแยกและการรุ กราน จากภายนอก จากพวกกรีกระยะเวลานี้
เป็ นสมัยการผสมผสานทางวัฒนธรรมก่ อนทีจะรวมเป็ นจักรวรรดิได้ อกครั้ง
่
ี
โดยราชวงศ์ คุปตะ
- 27. ประวัติศาสตร์อินเดียสมัยกลาง
อินเดียเข้ าสู่สมัยกลาง ค.ศ. 535 – ค.ศ. 1525 สมัยนีเ้ ป็ น
ช่ วงเวลาของความวุ่นวายทางการเมือง และการรุ กรานจาก
ต่ างชาติ โดยพาชาวมุสลิม สมัยกลางจึงเป็ นสมัยที่อารยธรรม
มุสลิมเข้ ามามีอทธิพลในอินเดีย สมัยกลางแบ่ งได้ เป็ นสมัยความ
ิ
แตกแยกทางการเมือง และสมัยสุลต่ านแห่ งเดลลี
- 28. ประวัติศาสตร์อินเดียสมัยใหม่
ประวัตศาสตร์ อินเดียสมัยใหม่
ิ
เป็ นช่ วงเวลาที่วัฒนธรรมเปอร์ เซียและ
พวกโมกุลได้ ตงราชวงศ์ วัฒนธรรมตะวันตกเข้ ามาในสังคมอินเดีย
ั้
โมกุลถือว่ าสมัยโมกุล เป็ น
ขณะที่ชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูได้
ยึดมั่นในศาสนาของตนเองมากขึน และ
้
การเริ่มต้ นสมัยใหม่
เกิดความแตกแยกในสังคมอินเดีย ดังนัน
้
จนกระทั่งอังกฤษเข้ า
ประวัตศาสตร์ อินเดียสมัยใหม่ สามารถ
ิ
ปกครองอินเดียโดยตรง
แบ่ งได้ เป็ นสมัยราชวงศ์ โมกุล สมัยอังกฤษ
จนถึง ค.ศ. 1947 อินเดียจึง
ได้ รับเอกราช ภายหลังได้ รับ ปกครองอินเดีย อย่ างไรก็ตาม สมัยที่
วัฒนธรรมมุสลิมเข้ ามามีอิทธิพลในอารย
เอกราชและถูกแบ่ งออกเป็ น
ธรรมอินเดียเรี ยก รวมว่ า สมัยมุสลิม
ประเทศต่ าง ๆ ได้ แก่ อินเดีย
หมายถึง รวมสมัยสุลต่ านแห่ งเดลฮีกับ
ปากีสถาน และบังคลาเทศ
สมัยราชวงศ์ โมกุล
- 29. การแบ่ งยุคสมัยประวัตศาสตร์ ตะวันตก
ิ
1.ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ
เริ่มเกิดขึนเป็ นครั งแรกบริเวณ
้
้
ดินแดนเมโสโปเตเมียแถบลุ่มแม่ นํา
้
ไทกริส-ยูเฟรทีส และดินแดนอียปต์
ิ
แถบลุ่มแม่ นําไนล์ ท่ ชาวเมโสโปเต
้
ี
เมียและชาวอียปต์ ร้ ูจัก ประดิษฐ์
ิ
ตัวอักษรได้ เมื่อ 3,500 ปี ก่ อนคริสต์ ศักราช จากนันอิทธิพลของความ
้
เจริญของสองอารยธรรมก็ได้
แพร่ หลายไปยังทางใต้ ของยุโรป สู่
เกาะครี ต
ต่ อมาชาวกรี กได้ รับ
เอาความเจริญจากเกาะครี ต
และของอียปต์ มาสร้ างสม
ิ
เป็ นอารยธรรมกรี กขึน และ
้
เมื่อชาวโรมันในแหลมอิตาลี
ยึดครองกรี กได้ ชาวโรมันก็
นําอารยธรรมกรีกกลับไปยัง
โรมและสร้ างสมอารยธรรม
โรมันขึน
้
- 31. 2..ประวัติศาสตร์ สมัยกลาง
เริ่มตังแต่ การสินสุดของจักรวรรดิโรมันตะวันตกใน ค.ศ. 476
้
้
เมื่อถูกพวกอนารยชนเยอรมันเผ่ าวิสิกอธโจมตี ถือเป็ นจุดสินสุด
้
ของจักรวรรดิโรมันตะวันตก เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่ ม
สลายลง สภาพทั่วไปของกรุ งโรมเต็มไปด้ วยความวุ่นวาย
การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอ่ อนแอ ประชาชนอดอยาก มี
ปั ญหาเรื่องโจรผู้ร้าย เนื่องจากช่ วงเวลานียุโรปตะวันตกไม่ มี
้
จักรวรรดิท่ ย่ งใหญ่ ปกครองดังเช่ น จักรวรรดิโรมัน
ี ิ
- 32. นอกจากนียังถูกพวกอนารยชนเผ่ าต่ างๆเข้ ามารุ กรานจึง
้
ส่ งผลให้ อารยธรรมกรี กและ โรมันอันเจริญรุ่ งเรื องในยุโรป
ตะวันตกได้ หยุดชะงักลง นักประวัตศาสตร์ สมัยก่ อนจึงเรียกช่ วง
ิ
สมัยนีอีกชื่อหนึ่งว่ า ยุคมืด (Dark Ages) หลังจากนันศูนย์ กลางของ
้
้
อํานาจยุโรปได้ ย้ายไปอยู่ท่ เมืองไบแซนไทน์ ซึ่งอยู่ในประเทศตุรกี
ี
ปั จจุบัน โดยจักรพรรดิคอนสแตนตินเป็ นผู้สถาปนาจักรวรรดิแห่ ง
ใหม่ ท่ มีความเจริญรุ่ งเรื อง ซึ่งต่ อมาเป็ นที่ร้ ู จักกันในชื่อ คอนสแตน
ี
ติโนเปิ ล
- 34. นอกจากนีในสมัยกลางนีได้
้
้
เกิดเหตุการณ์ สาคัญ คือ สงคราม
ํ
ครู เสด ซึ่งเป็ นสงครามความ
ขัดแย้ งระหว่ างคริสต์ ศาสนากับ
ศาสนาอิสลาม ที่กินเวลาเกือบ
200 ปี เป็ นผลให้ เกิดการค้ นหา
เส้ นทางการค้ าทางทะเลและ
วิทยาการด้ านอื่นๆ ตามมา สมัย
กลางสินสุดใน ค.ศ. 1453 เมื่อ
้
พวกออตโตมันเติร์กสามารถยึด
กรุ งคอนสแตนติโนเปิ ลของ
จักรวรรดิโรมันตะวันตกได้
สงครามครู เสด
- 35. 3.ประวัติศาสตร์สมัยใหม่
ประวัตศาสตร์ ตะวันตกสมัยใหม่ ถือว่ าเริ่มต้ นใน ค.ศ.
ิ
1453 เป็ นปี ที่ชนเผ่ าเติร์กโจมตีและสามารถยึดกรุ งคอนสแตน
ติโนเปิ ลได้ ทําให้ ศูนย์ กลางความเจริญกลับมาอยู่ในยุโรป
ตะวันตกอีกครัง ในระหว่ างนีในยุโรปตะวันตกเองกําลังมี
้
้
ความเจริญก้ าวหน้ าทางด้ านความคิดและ ศิลปวิทยาการ
ต่ างๆ จากพัฒนาการของการฟื ้ นฟูศิลปวิทยาการที่ดาเนินมา
ํ
ยุโรปจึงกลับมารุ่ งเรื องอีกครัง ในครั งนีได้ มีการสํารวจและ
้
้ ้
ขยายดินแดนออกไปกว้ างไกลจนเกิดเป็ นยุคล่ าอาณานิคม
- 36. ต่ อมานําไปสู่ความขัดแย้ งระหว่ างประเทศ กลายเป็ นสงครามใหญ่
ที่เรี ยกกันว่ าสงครามโลกถึงสองครั งภายในเวลาห่ างกันเพียง 20 ปี
้
ในช่ วงเวลาเกือบห้ าร้ อยปี ของประวัตศาสตร์ สมัยใหม่ มีเหตุการณ์
ิ
สําคัญเกิดขึนมากมายที่โดดเด่ นและมีผลกระทบยาวไกลต่ อเนื่องมา
้
จนถึงโลกปั จจุบันได้ แก่ การสํารวจทางทะเล การปฏิวัตทาง
ิ
วิทยาศาสตร์ การปฏิวัตอุตสาหกรรม การกําเนิดแนวคิดทางการเมือง
ิ
ใหม่ (เสรี นิยม ชาตินิยม และประชาธิปไตย) การขยายดินแดนหรือการ
ล่ าอาณานิคม(จักรวรรดินิยม) และสงครามโลกสองครั ง
้
World
War
- 37. 4.ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบน หรื อ ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
ั
เริ่มตังแต่ สงครามโลกครั งที่ 2 สินสุดลง ซึ่งมีผลกระทบอย่ าง
้
้
้
รุ นแรงทั่วโลกและก่ อให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงทังทางด้ าน
้
เศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครองของสังคมโลกในปั จจุบัน
โดยช่ วงประวัตศาสตร์ สมัยปั จจุบันมีเหตุการณ์ ดังนี ้
ิ
สมัยสงครามเย็น
เมื่อสงครามโลกครั งที่ 2 สินสุดลงได้ เกิดการขัดแย้ ง
้
้
ทางด้ านอุดมการณ์ ทางการเมืองของสองอภิมหาอํานาจ คือ
สหรั ฐอเมริกาผู้นําค่ ายประชาธิปไตย และสหภาพโซเวียตผู้นําค่ าย
คอมมิวนิสต์
- 38. โดยแข่ งขันเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อทางการเมืองและผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจ โดยปราศจากอาวุธ แต่ ใช้ วธีการโฆษณาชวนเชื่อเป็ นหลัก
ิ
ในการหาพันธมิตร สงครามเย็นสินสุดลงเมื่อผู้นําประเทศสหภาพโซ
้
เวียตได้ ปรั บนโยบายการเมืองทังภายในและภายนอกประเทศ ที่เน้ นการ
้
ร่ วมมือกับนานาประเทศในการแก้ ปัญหาต่ างๆ และปฏิรูปให้ เป็ น
ประชาธิปไตยมากขึน
้
รวมถึงมีการแข่ งขันกันทางด้ านอวกาศ สหภาพโซเวียตได้ ส่ง
ดาวเทียมดวงแรกสู่อวกาศ นั่นก็คือ สปุตนิก 1 ต่ อมาสหรั ฐอเมริกาจึงตัง
้
้
องค์ กร NASA และส่ งมนุษย์ ไปเหยียบดวงจันทร์ เป็ นครั งแรก
- 39. สมัยโลกาภิวัตน์
ตังแต่ ช่วงครั งหลังของคริสต์ ศตวรรษที่ 20 เป็ น
้
้
ช่ วงเวลาที่โลกมีความเจริญก้ าวหน้ าทางด้ าน
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รวมทังวิทยาการแขนง
้
ต่ างๆ ทําให้ ความเป็ นอยู่ของมนุษย์ เจริญขึน รู้ จัก
้
ประดิษฐ์ คิดค้ นเครื่ องมือที่ทาให้ สะดวกสบาย ความ
ํ
เจริญทางด้ านการแพทย์ ทําให้ มนุษย์ มีชีวตยืนยาว
ิ
และมีคุณภาพ การคมนาคมขนส่ งข้ ามทวีปเป็ นไป
อย่ างรวดเร็ว หรื อการสื่อสารข้ อมูลแพร่ หลายที่ส่ ือ
ภาพและเสียงโดยผ่ านทางดาวเทียม อินเทอร์ เน็ต
โทรศัพท์ มือถือ เป็ นต้ น