SlideShare a Scribd company logo
1 of 21
อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย
โรมและศาสนาคริสต์
ความเชื่อทางศาสนาของชาวโรมันได้รับอิทธิพลจากศาสนาของ
วัฒนธรรมยุคแรก ในขณะที่ศาสนาคริสต์แผ่กระจายไปทั่วโลกยุค
โบราณก่อนคริสต์ศักราช 100 แต่โรมพยายามที่จะควบคุมศาสนาใมม่
แผนที่แสดงลาดับเมตุการณ์โรมและโลก
แผนที่การแบ่งแยกจักรวรรดิโรมัน ค.ศ. 395
พื้นที่สีเมลือง คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก
พื้นที่สีม่วง คือ จักรวรรดิโรมันตะวันออก
แผนที่แสดงลาดับเมตุการณ์สมัยโรมโบราณและโลก
นโยบายของกรุงโรมที่มีต่อศาสนาคริสต์
โดยทั่วไป โรมอดทนต่อการปฏิบัติกิจทางศาสนาของผู้คนจนได้รับชัยชนะ ยกตัวอย่าง
เช่น โรมไม่ต้องการใม้ชาวยิวนมัสการพระเจ้าจักรพรรดิและเทพเจ้าโรมันอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม
โรมจะไม่ปล่อยใม้ศาสนาของราษฎรก่อการจลาจล สามรับเมตุผลนั่น เมื่อการประท้วงของ
ชาวยิวเริ่มขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม โรมันได้ทาลายวิมารของชาวยิวในคริสต์ศักราช 70
การปฏิเสธที่จะบูชาเทพเจ้าโรมันของชาวคริสเตียนถูกมองว่าเป็น
รูปแบบของการก่อจลาจล นอกจากนี้การเรียกร้องของศาสนาคริสต์ที่มีต่อทาสและผู้มญิง
ก่อใม้เกิดสัญญาณการเตือนภัย ในที่สุด การพูดคุยเกี่ยวกับผู้นาที่จะสร้างอาณาจักรใมม่ ดู
เมมือนจะบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมัน ในขณะที่ผู้ที่ไม่ใช่ยิวมรือบุคคลที่ไม่ใช่ยิว
จานวนมากกว่า ได้เข้าร่วมการเคลื่อนไมวทางศาสนาคริสต์โดยการเปลี่ยนใม้ไปนับถือ
ศาสนาคริสต์ ชาวโรมันก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม
มมาวิมารนักบุญเปโดร (St. Peter's Basilica) เป็นมนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวคริสต์
การข่มเมงของชาวโรมัน ในไม่ช้า ความมวาดกลัวศาสนาคริสต์ของชาวโรมัน ได้นาไปสู่การเป็นศัตรูที่คุกรุ่น
ผู้ปกครองโรมันบางคนกล่าวมาชาวคริสเตียนทางการเมืองและปัญมาทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น
จักรพรรดิเนโร (มรือ นีโร –Nero) กล่าวมาว่าชาวคริสเตียนจุดไฟเผากรุงโรมจนราบเรียบเป็นส่วนมากใน
คริสต์ศักราช 64ในช่วงศตวรรษที่สอง การประมัตประมารชาวคริสต์ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น มลายคนถูก
คุมขังมรือฆ่าเพราะศาสนาของพวกเขา กระนั้น คนเป็นจานวนมาก ก็ยังเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์
ชาวคริสเตียนพวกอื่น ๆ และแม้ผู้ที่ไม่คริสเตียนบางพวก ได้ยกย่องใม้ชาวคริสเตียนผู้ถูกข่มเมงว่าเป็นผู้ยอม
พลีชีพเพื่อศาสนา Martyrs คือ บุคคลที่มีความยินดีที่จะเสียสละชีวิตของพวกเขาเพื่อประโยชน์ของความ
เชื่อมรือความมุ่งมมาย ในระมว่างการข่มเมงของชาวโรมัน ผู้ยอมพลีชีพเพื่อศาสนาชาวคริสเตียนมักจะถูก
ฝังในสุสานใต้ดิน ที่เรียกว่า catacombs (สุสาน) ชาวคริสเตียน ได้รวมตัวกันในสุสานเพื่อเฉลิมฉลองงาน
ศพของผู้ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา เช่นเดียวกับพิธีกรรมและพิธีอื่น ๆ
สุสานใต้ดินในกรุงโรมมีซอกฝังศพติดกาแพงและ
ภาพวาดพระเยซู
ศาสนาของโลก แม้จะมีการประมัตประมารเมล่าสาวกของศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสต์ก็ได้กลายเป็นมีพลัง
ที่ทรงประสิทธิภาพ ประมาณตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 2 มีชาวคริสต์ล้านคน อาศัยอยู่ในจักรวรรดิโรมัน
และไกลออกไป ศาสนาคริสต์เป็นที่นิยมด้วยเมตุผลมลายประการ เช่น
•ศาสนาโอบอุ้มทุกคน ทั้งชายและมญิง ผู้ที่เป็นทาส คนจนและขุนนาง
•ใม้ความมวังแก่ผู้มมดมนทาง
•จิตวิญญาณของความเชื่อทาใม้ผู้ที่ถูกรังเกียจจากรูปแบบการดาเนินชีวิตที่มรูมราของเศรษฐีชาวโรมันใม้
สนใจ
•ศาสนาคริสต์ใม้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับความรักของพระเจ้า
•คาสอนของศาสนาคริสต์ส่งประกายใม้ชีวิตนิรันดร์มลังความตาย
ในขณะที่ศาสนาขยายตัว ชุมชนที่นับถือศาสนาคริสต์ใม้การสนับสนุนสมาชิกของพวกเขา ชาวคริสเตียน ได้
จัดตั้งโรงพยาบาล โรงเรียน และการบริการสังคม อื่น ๆ เป็นผลใม้ความเชื่อมั่นของพวกเขาดึงดูดเมล่าสาวก
มากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าก็เร็ว จานวนของเมล่าสาวกจะรวมผู้ศรัทธาที่มีประสิทธิภาพมากใม้เป็นมนึ่ง
การเปลี่ยนศาสนาของจักรพรรดิคอนสแตนติน
ในคริสต์ศักราช 306 จักรพรรดิคอนสแตนติ (KAHN•stuhn•TEEN) กลายเป็นจักรพรรดิแม่งกรุงโรม ตอน
แรก จักรพรรดิคอนสแตนติอนุญาตใม้ประมัตประมารชาวคริสต์ อย่างไรก็ตาม ในคริสต์ศักราช 312
พระองค์ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีต่อศาสนาคริสต์ ในขณะที่พระองค์กาลังต่อสู้กับคู่แข่งสามคนเพื่อการ
เป็นผู้นาของกรุงโรม
ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ ในท่ามกลางการต่อสู้ จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้อธิษฐานเพื่อขอความช่วยเมลือ
มลังจากนั้น พระองค์ก็รายงานว่าได้มองเม็นไม้กางเขนของชาวคริสต์ในท้องฟ้าพร้อมกับคาพูดเมล่านี้: "ด้วย
สัญลักษณ์นี้ท่านจะพิชิต" พระองค์ได้สั่งทมารของพระองค์ นาสัญลักษณ์ไม้กางเขนไปติดไว้บนโล่และธงรบ
จักรพรรดิคอนสแตนตินและกองกาลังของพระองค์ได้ชัยชนะการต่อสู้ จักรพรรดิผู้ได้รับชัยชนะได้ใม้ความชื่อถือ
ว่าความสาเร็จของพระองค์มาจากพระเจ้าของศาสนาคริสต์
การใม้อานาจตามกฎมมายแก่ศาสนาคริสต์ จักรพรรดิคอนสแตนตินได้มยุดการประมัตประมารชาวคริสต์
ในทันที จากนั้นในพระราชกฤษฎีกาที่รู้จักกันว่า พระราชกฤษฎีกาแม่งมิลาน (Edict of Milan) พระองค์ได้ทา
ใม้ศาสนาคริสต์เป็นมนึ่งในศาสนาที่ต้องถูกตามกฎมมายของจักรวรรดิ จักรพรรดิคอนสแตนตินได้สร้างวิมาร ใช้
สัญลักษณ์คริสเตียนบนเมรียญ และทาใม้วันอาทิตย์เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ของการพักผ่อนและการเคารพบูชา แต่
จักรพรรดิที่นับถือศาสนาคริสต์ของกรุงโรมองค์แรก ได้ขยายเวลาการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็น
ทางการของพระองค์เองจนสิ้นสุดพระชนม์ชีพของพระองค์
แผนที่การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ในจักรวรรดิโรมัน
ค.ศ.600
ผู้สร้างประวัติศาสตร์จักรพรรดิคอนสแตนติน (มีชีวิตระมว่างคริสต์ศักราช 280 – 337)
ภาพโมเสกจักรพรรดิคอนสแตนติน
จักรพรรดิคอนสแตนตินเป็นนักรบที่อามมิตและประสบความสาเร็จ นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นนักศึกษาผู้
เคร่งครัดศาสนาใมม่ของพระองค์ คือ ศาสนาคริสต์ พระองค์ได้เขียนคาอธิษฐานพิเศษสามรับกองกาลังของ
พระองค์และพระองค์ยังได้เดินทางไปพร้อมกับโบสถ์เคลื่อนย้ายในเต็นท์ จักรพรรดิคอนสแตนติออกคาสั่งใม้
สร้างโบสถ์คริสต์เป็นจานวนมากในจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ก่อตั้งเมืองคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople – ปัจจุบันนี้คือ กรุงอิสตันบูล,
ตุรกี) เป็นเมืองมลวงใมม่ เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์เป็นเวลาถึงมนึ่งพันปีถัดมา พระองค์ถูกฝังอยู่ในโบสถ์
ของผู้เผยแพร่ศาสนาในกรุงคอนสแตนติโนเปิล ในคริสต์ศักราช 337 อนุสาวรีย์ที่อุทิศใม้กับอัครสาวก 12 คน
ล้อมรอบมลุมฝังศพของจักรพรรดิคอนสแตนติน จักรพรรดิคอนสแตนติน ซึ่งเป็นจักรพรรดิคริสเตียนคนแรก ถือ
ศาสนาคริสต์เปลี่ยนแปลงกรุงโรม ในคริสต์ศักราช 380 จักรพรรดิธีโอโดเซียส (Theodosius) ได้ทาใม้ศาสนา
คริสต์เป็นศาสนาอย่างเป็นทางการของกรุงโรม สิบเอ็ดปีต่อมา จักรพรรดิธีโอโดเซียส ได้ปิดโบสถ์ที่ไม่ได้เป็น
ศาสนาคริสต์ทั้งมมด พระองค์กล่าวว่า "ประชาชนทุกชาติที่เราปกครองควรจะปฏิบัติศาสนาที่ปีเตอร์อัครสาวก
ส่งไปยังชาวโรมัน"
การเริ่มต้นของนิกายโรมันคาธอลิก ศาสนาคริสต์ในเมืองโรมันได้รับเอาโครงสร้างทั่วไป พระสงฆ์และผู้ดูแลวัด
เชื่อฟังพระสังฆราช(bishops) มรือผู้นาคริสตจักรท้องถิ่น ตามประเพณีโรมันคาทอลิก บิชอปคนแรกของกรุง
โรม คือ อัครสาวกปีเตอร์ ต่อมา บิชอปผู้ใมญ่แม่งกรุงโรมจะกลายเป็นบาทมลวงที่สาคัญที่สุดมรือสมเด็จพระ
สันตะปาปา (Pope) นี่เป็นจุดเริ่มต้นของนิกายโรมันคาทอลิก นิกายศาสนาคริสต์นิกายมนึ่งที่ก่อรากฐานใน
กรุงโรม คาทอลิก (Catholic )มมายความว่า "สากล"
นักเขียนคริสเตียนในยุคแรกบางคน ที่ได้รับการเรียกว่าบิดาแม่งคริสตจักร ได้พัฒนาลัทธิความเชื่อมรือสภาวะ
ของความเชื่อ ลัทธิความเชื่อนี้ได้ทาใม้ความเชื่อเด่นขึ้นในรูปตรีเอกานุภาพ (สามรับชาวคริสเตียน ชาวคริสตัง
เรียกว่า ตรีเอกภาพ –Trinity) มรือการรวมกันเป็นมนึ่งในภาวะอันเป็นทิพย์สามภาวะ คือ พระบิดา พระบุตร
(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ในพระเจ้าองค์เดียว ออกัสติน บิดาแม่งคริสตจักรจากแอฟริกาเมนือ สอน
ว่ามนุษย์ต้องการพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่จะได้รับความคุ้มครอง ต่อมาเขาก็สอนว่าคนไม่สามารถที่จะ
ได้รับพระกรุณาคุณของพระเจ้าจนกว่าพวกเขาจะเป็นคริสตจักร
คริสตจักรยังได้พัฒนาพิธีกรรมทางศาสนาตามเมตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระเยซู การล้างบาป ซึ่งเป็นพิธี
การทาใม้บริสุทธิ์โดยน้า ได้ส่งสัญญาณการเข้ามาในคริสต์ของพระเยซู พิธีเป็นสัญลักษณ์การยอมรับผู้ศรัทธา
เพื่อจะมีชีวิตอยู่แบบชีวิตคริสเตียนที่ดีเลิศและเพื่อเฉลิมฉลองการใม้ศีลเมล่านี้พร้อมกัน ผู้ชายและผู้มญิงที่
นับถือศาสนาคริสต์ ได้ก่อใม้เกิดชุมชนที่เรียกว่า monasteries ขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เมล่าผู้ชายก็ได้เข้ามาสู่
การบรรพชาที่สูงส่งของคริสตจักร กลายเป็นมัวมน้าบาทมลวง นักบวชและพระลูกวัด ศาสนาคริสต์เปลี่ยน
จากนิกายขนาดเล็กไปสู่ศาสนาที่มีประสิทธิภาพ อุดมสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ศาสนาคริสต์เจริญขึ้น จักรวรรดิโรมันก็เสื่อมลง
ภาพนกพิราบที่มน้าต่างกระจกมมาวิมารนักบุญเปโดรมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์พระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ
การเสื่อมโทรมและล่มสลายของจักรวรรดิ
ความอ่อนแอในจักรวรรดิ
ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1จักรวรรดิยังคงดูเมมือนจะแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนมีคนมากที่สุด แต่เริ่ม
จะมีปัญมาภายในคุกคามการดารงอยู่ของกรุงโรมมาเรื่อย ๆ
กรุงโรมไม่สามารถมยุดการบุกรุกของชนเผ่าเจอร์มานิกที่บุกมาเป็นระลอก ๆ ได้รูปปั้นทมารขี่ม้านี้เป็นชนเผ่า
เจอร์มานิก ที่เรียกกันว่า Lombards (ชนชาวแคว้นลอมบาร์ดี้)
ปัญมาด้านเศรษฐกิจ ปัญมาบางส่วนของกรุงโรมมาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1
จักรวรรดิมยุดการขยายตัว การสิ้นสุดของชัยชนะครั้งใมม่มมายถึงการสิ้นสุดการขยายตัวไปยังแมล่งความ
มั่งคั่งแม่งใมม่ เป็นผลใม้รัฐบาลเพิ่มภาษี สร้างความยากลาบากใม้กับประชาชน การเสื่อมโทรมในภาค
เกษตรยังทาใม้จักรวรรดิอ่อนแออีกด้วย การศึกสงครามและการใช้มากเกินไปมีอย่างต่อเนื่องทาใม้พื้นที่
เกษตรถูกทาลาย นอกจากนี้เทคโนโลยีก็ไม่ได้รับการปรับปรุง เพราะเกษตรกรต้องพึ่งพาทาสมากกว่า
เครื่องมือใมม่ ๆ ในการทางาน ทาใม้เกิดการขาดแคลนอามาร อันก่อใม้เกิดจากความไม่สงบ
กาแพงเฮเดรียนในเกาะบริเตนเป็นเขตแดนทางตอนเมนือของจักรวรรดิโรมัน
ปัญมาทางด้านทมาร ในขณะเดียวกัน ครั้งมนึ่ง วงการทมารที่มีประสิทธิภาพของกรุงโรม เริ่มแสดงอาการมี
ปัญมา จักรวรรดิทาสงครามกับคนเร่ร่อนในภาคเมนือและตะวันออกเฉียงเมนืออยู่ตลอดเวลาและกับคนที่
อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนตะวันออกอีกด้วย โรมต้องการกองทัพขนาดใมญ่เพื่อรับผิดชอบต่อภัยคุกคาม
จานวนมากเช่นนั้น จึงได้ว่าจ้างทมารรับจ้างต่างประเทศ ทมารรับจ้าง (mercenary- MUR
•suh•NEHR•ee) คือ ทมารที่ได้รับจ้างวาน ทมารรับจ้างมักจะไม่มีความจงรักภักดีต่อจักรวรรดิ เมื่อเวลา
ผ่านไปทมารโรมันทั่วไปที่มีระเบียบวินัยและมีความจงรักภักดีมีจานวนน้อยกว่า พวกเขาใม้สัตย์ปฏิญาณจะ
จงรักภักดีไม่ใช่ต่อโรม แต่จะจงรักภักดีต่อผู้นาทมารแต่ละคน
ปัญมาทางด้านการเมืองและสังคม ขนาดที่แท้จริงของจักรวรรดิโรมันทาใม้ยากที่จะบริมาร เจ้ามน้าที่ของรัฐ
มีปัญมาในการรับข่าวเกี่ยวกับกิจการในภูมิภาคที่ม่างไกลของจักรวรรดิ นี่เองที่ทาใม้มันยากขึ้นที่จะทราบว่า
ที่ใดมีปัญมาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เจ้ามน้าที่ของรัฐมลายคนยังทุจริต แสวงมาเพียงเพื่อที่จะเสริมสร้างตัวเองใม้
ร่ารวย ปัญมาทางการเมืองเมล่านี้ได้ทาลายความรู้สึกความเป็นพลเมืองของผู้คน ชาวโรมันมลายคนไม่มี
ความรู้สึกในภาระมน้าที่ต่อจักรวรรดิอีกต่อไป ด้านอื่น ๆ ของสังคมโรมันยังได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายการศึกษาเพิ่มขึ้นจนชาวโรมันที่ยากจนเม็นว่ามันยากที่จะได้รับการศึกษา ประชาชนได้รับการ
พัฒนาทางด้านข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องประชาสังคมน้อยลง
กรุงโรมแบ่งออกเป็นตะวันออกและตะวันตก
การเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิที่เป็นไปเรื่อย ๆ
อย่างรวดเร็ว ทาใม้รัฐบาลอ่อนแออีกด้วย
ในช่วง 49 ปี ตั้งแต่ คริสต์ศักราช 235-284
โรมมีจักรพรรดิ 37 คน ในจานวนนี้34 คน
เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองมรือถูกลอบ
สังมาร เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจักรพรรดิบ่อย
ขึ้น ชาวโรมันจึงมีความสานึกเล็กน้อยต่อการ
ปกครองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
การแบ่งแยกจักรวรรดิ ในคริสต์ศักราช 284 จักรพรรไดโอคลีเซียน (Diocletian - DY•uh•KLEE•shuhn)
ได้ยึดอานาจ พระองค์ได้ฟื้นฟูระเบียบใม้กับจักรวรรดิโดยการปกครองด้วยกาปั้นเมล็กและทนความขัดแย้ง
เล็ก ๆ น้อย ๆ ไดโอเชียนได้เปลี่ยนแปลงวิธีการใม้กองทัพดาเนินการโดยการวางกองกาลังอย่างถาวรที่
พรมแดนจักรวรรดิ นอกจากนี้เขายังแนะนาใม้ปฏิรูปเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น เพื่อช่วยในการเลี้ยงคนยากจน
พระองค์ยังคงราคาอามารใม้ต่าไว้
นอกจากนี้ไดโอเชียนได้ตระมนักว่าพระองค์ไม่สามารถปกครองอาณาจักรขนาดใมญ่ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ในคริสต์ศักราช 285 พระองค์ได้แบ่งอาณาจักรออกเป็นส่วนตะวันออกและส่วนตะวันตก
พระองค์เองปกครองส่วนทางทิศตะวันออก และได้เลือกพื้นที่นี้เพื่อความมั่งคั่งและการค้าขายที่ใมญ่ขึ้น
และใม้เป็นเมืองที่งดงาม ไดโอเชียนได้แต่งตั้งแม็กซิมิเลียน (Maximilian) ใม้ปกครองจักรวรรดิตะวันตก
บุรุษทั้งสองได้ปกครองเป็นเวลา 20 ปี
เมืองมลวงแม่งใมม่ ในคริสต์ศักราช 306 สงครามกลางเมืองได้ระอุไปทั่วจักรวรรดิ ผู้บัญชาการกองทัพสี่คน
ได้ต่อสู้เพื่อการควบคุมส่วนแบ่งทั้งสองส่วน มนึ่งในผู้บัญชาการเมล่านี้คือ คอนสแตนติน(Constatine) เขา
ได้เข้าควบคุมในช่วงสงครามกลางเมืองและกลายเป็นจักรพรรดิ
การกระทาที่สาคัญครั้งที่สองของคอนสแตนตินปรากฏในคริสต์ศักราช 330 เมื่อพระองค์ได้ย้ายเมืองมลวง
ของจักรวรรดิจากกรุงโรมไปยังเมืองกรีกโบราณ ชื่อ ไบแซนเทียม (Byzantium - bih•ZAN•shee•uhm)
คอนสแตนตินได้เปลี่ยนชื่อเมือง เป็นคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) ที่สี่แยกระมว่างตะวันออกและ
ตะวันตก เมืองได้ตั้งอยู่อย่างมั่นคงเพื่อการป้องกันและการค้าขาย เมืองมลวงแม่งใมม่ ได้ส่งสัญญาณการ
เปลี่ยนแปลงอานาจจากส่วนตะวันตกของจักรวรรดิไปยังส่วนตะวันออก
คอนสแตนติโนเปิล คือ เมืองอิสตันบูลของตุรกีในปัจจุบันในภาพจะมองเม็นสุเมร่าสีฟ้า (Blue Mosque) ใน
เมืองอิสตันบูล
จักรวรรดิตะวันตกล่มสลาย
นอกจากปัญมาภายใน ชาวโรมันต้องเผชิญกับปัญมาที่สาคัญอีก กลุ่มชาวต่างชาติก็รุมล้อมอยู่รอบ
ๆ ชายแดนของกรุงโรม ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้บุกรุก และจักรวรรดิที่เสื่อมลงอย่างช้า ๆ กลับมายนะอย่าง
รวดเร็ว
แผนที่การบุกรุกจักรวรรดิโรมัน ค.ศ.350 - 500
การบุกรุกและชัยชนะ ประชาชนดั้งเดิมจานวนมนึ่งและกลุ่มอื่น ๆ ได้อาศัยอยู่ทางชายแดนของกรุงโรม ชาว
โรมันดูมมิ่นกลุ่มคนเมล่านี้แต่ยังกลัวพวกเขา สามรับชาวโรมัน ประชาชนดั้งเดิมเป็นคนป่าเถื่อน สามรับ
ชาวโรมันโบราณ คาว่า อนารยชน (barbarian) มมายถึง บางคนที่เป็นคนดั้งเดิมและไม่มีวัฒนธรรม ชาว
โรมันใช้คานั้นกับใครก็ได้ที่อาศัยอยู่นอกอาณาจักร
ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 3 กลุ่มชนดั้งเดิมนี้เริ่มผลักดันเข้าไปดินแดนโรมัน เมตุผลของการบุกรุก
แตกต่างกัน บางคนมามองมาดินแดนที่ดีกว่ามรือมาวิธีการที่จะมีส่วนร่วมกับความมั่งคั่งของกรุงโรม คน
อื่น ๆ เป็นจานวนมาก มนีกลุ่มผู้บุกรุกที่โมดร้ายจากเอเชียที่รู้จักกันว่าชาวฮั่น (Huns – เป็นประชากรส่วน
ใมญ่ในประเทศจีน)
กรุงโรมล่มสลาย ในคริสต์ศักราช 410 ประชาชนดั้งเดิม (คือชาวนอร์สเม็น มมายความว่า “ผู้มาจากทาง
เมนือ”และเป็นคาที่ใช้สามรับชนนอร์ดิคที่เดิมมาจากทางตอนไต้และตอนกลางของสแกนดิเนเวีย ชาว
นอร์สได้ตั้งถิ่นฐานและอาณาบริเวณการปกครองในดินแดนต่าง ๆ ที่รวมทั้งบางส่วนของมมู่เกาะฟาโร
อังกฤษสกอตแลนด์ เวลส์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ รัสเซีย อิตาลี แคนาดา กรีนแลนด์ฝรั่งเศส ยูเครน
เอสโตเนีย ลัตเวีย และ เยอรมนี)ได้โจมตีและปล้นกรุงโรม ปล้นมมายถึงการแย่งชิงมรือการถือเอาสิ่งต่าง ๆ
โดยการบังคับขู่เข็ญ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กอลยึดกรุงโรม เมื่อ 390 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งผู้เข้ามารุกราน
เป็นเผ่าเร่ร่อนที่เข้ามาสู่กรุงโรม ในที่สุด ชาวฮั่นก็จบุกรุกจักรวรรดิ ในคริสต์ศักราช 476 ชนเผ่าดั้งเดิมพิชิต
โรม ยุคนี้นับเป็นการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก
กระโมลกศีรษะชาวเจอร์มานิกยังมีเส้นผมติดอยู่ขมวดผมเป็นลักษณะเฉพาะของชาวเจอร์มานิก
ผลพวงจากการล่มสลายของกรุงโรม ในมลายปีต่อมา การครอบครองครั้งสุดท้ายของอานาจโรมันในส่วน
ตะวันตกก็ล่มสลาย ในคริสต์ศักราช 486 โคลวิส (Clovis - KLOH•vihs) ผู้นาของกลุ่มดั้งเดิมที่รู้จักกันว่า
ชนแฟรงค์ (Franks)ได้พิชิตดินแดนที่เมลือของโรมันในจังมวัดกอล(ปัจจุบัน คือ ฝรั่งเศสและ
สวิตเซอร์แลนด์) และก่อตั้งอาณาจักรแฟรงค์ขึ้น
มลังจากการล่มสลายของกรุงโรม การดาเนินชีวิตในยุโรปตะวันตก ได้เปลี่ยนแปลงไปมลายแนวทาง ถนน
และอาคารสาธารณะอื่น ๆ ทรุดโทรมลง และการค้าและการพาณิชย์ได้เสื่อมลง ราชอาณาจักรดั้งเดิม ได้
เรียกร้องสิทธิ์ดินแดนของชาวโรมันในอดีต และนิกายโรมันคาทอลิกก็รวมกันและมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าส่วนตะวันตกของจักรวรรดิได้ล่มสลาย ส่วนตะวันออกก็ยังคงอยู่รอด ซึ่งจักรวรรดินี้ก็ได้กลายเป็นที่รู้จัก
กันว่า จักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire)
สืบค้นจาก
https://sites.google.com/a/samakkh
i.ac.th/xanacakr-roman-tawan-tk-
lm-slay/kar
การล่มสลาย - อาณาจักรโรมันตะวันตก
ล่มสลาย
บรรณานุกรม
T
H
A
N
K
Y
O
U

More Related Content

Featured

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by HubspotMarius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTExpeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsPixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 

Featured (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย

  • 3. แผนที่การแบ่งแยกจักรวรรดิโรมัน ค.ศ. 395 พื้นที่สีเมลือง คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก พื้นที่สีม่วง คือ จักรวรรดิโรมันตะวันออก
  • 4. แผนที่แสดงลาดับเมตุการณ์สมัยโรมโบราณและโลก นโยบายของกรุงโรมที่มีต่อศาสนาคริสต์ โดยทั่วไป โรมอดทนต่อการปฏิบัติกิจทางศาสนาของผู้คนจนได้รับชัยชนะ ยกตัวอย่าง เช่น โรมไม่ต้องการใม้ชาวยิวนมัสการพระเจ้าจักรพรรดิและเทพเจ้าโรมันอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม โรมจะไม่ปล่อยใม้ศาสนาของราษฎรก่อการจลาจล สามรับเมตุผลนั่น เมื่อการประท้วงของ ชาวยิวเริ่มขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม โรมันได้ทาลายวิมารของชาวยิวในคริสต์ศักราช 70
  • 5. การปฏิเสธที่จะบูชาเทพเจ้าโรมันของชาวคริสเตียนถูกมองว่าเป็น รูปแบบของการก่อจลาจล นอกจากนี้การเรียกร้องของศาสนาคริสต์ที่มีต่อทาสและผู้มญิง ก่อใม้เกิดสัญญาณการเตือนภัย ในที่สุด การพูดคุยเกี่ยวกับผู้นาที่จะสร้างอาณาจักรใมม่ ดู เมมือนจะบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมัน ในขณะที่ผู้ที่ไม่ใช่ยิวมรือบุคคลที่ไม่ใช่ยิว จานวนมากกว่า ได้เข้าร่วมการเคลื่อนไมวทางศาสนาคริสต์โดยการเปลี่ยนใม้ไปนับถือ ศาสนาคริสต์ ชาวโรมันก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม มมาวิมารนักบุญเปโดร (St. Peter's Basilica) เป็นมนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวคริสต์
  • 6. การข่มเมงของชาวโรมัน ในไม่ช้า ความมวาดกลัวศาสนาคริสต์ของชาวโรมัน ได้นาไปสู่การเป็นศัตรูที่คุกรุ่น ผู้ปกครองโรมันบางคนกล่าวมาชาวคริสเตียนทางการเมืองและปัญมาทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น จักรพรรดิเนโร (มรือ นีโร –Nero) กล่าวมาว่าชาวคริสเตียนจุดไฟเผากรุงโรมจนราบเรียบเป็นส่วนมากใน คริสต์ศักราช 64ในช่วงศตวรรษที่สอง การประมัตประมารชาวคริสต์ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น มลายคนถูก คุมขังมรือฆ่าเพราะศาสนาของพวกเขา กระนั้น คนเป็นจานวนมาก ก็ยังเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ชาวคริสเตียนพวกอื่น ๆ และแม้ผู้ที่ไม่คริสเตียนบางพวก ได้ยกย่องใม้ชาวคริสเตียนผู้ถูกข่มเมงว่าเป็นผู้ยอม พลีชีพเพื่อศาสนา Martyrs คือ บุคคลที่มีความยินดีที่จะเสียสละชีวิตของพวกเขาเพื่อประโยชน์ของความ เชื่อมรือความมุ่งมมาย ในระมว่างการข่มเมงของชาวโรมัน ผู้ยอมพลีชีพเพื่อศาสนาชาวคริสเตียนมักจะถูก ฝังในสุสานใต้ดิน ที่เรียกว่า catacombs (สุสาน) ชาวคริสเตียน ได้รวมตัวกันในสุสานเพื่อเฉลิมฉลองงาน ศพของผู้ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา เช่นเดียวกับพิธีกรรมและพิธีอื่น ๆ สุสานใต้ดินในกรุงโรมมีซอกฝังศพติดกาแพงและ ภาพวาดพระเยซู
  • 7. ศาสนาของโลก แม้จะมีการประมัตประมารเมล่าสาวกของศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสต์ก็ได้กลายเป็นมีพลัง ที่ทรงประสิทธิภาพ ประมาณตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 2 มีชาวคริสต์ล้านคน อาศัยอยู่ในจักรวรรดิโรมัน และไกลออกไป ศาสนาคริสต์เป็นที่นิยมด้วยเมตุผลมลายประการ เช่น •ศาสนาโอบอุ้มทุกคน ทั้งชายและมญิง ผู้ที่เป็นทาส คนจนและขุนนาง •ใม้ความมวังแก่ผู้มมดมนทาง •จิตวิญญาณของความเชื่อทาใม้ผู้ที่ถูกรังเกียจจากรูปแบบการดาเนินชีวิตที่มรูมราของเศรษฐีชาวโรมันใม้ สนใจ •ศาสนาคริสต์ใม้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับความรักของพระเจ้า •คาสอนของศาสนาคริสต์ส่งประกายใม้ชีวิตนิรันดร์มลังความตาย ในขณะที่ศาสนาขยายตัว ชุมชนที่นับถือศาสนาคริสต์ใม้การสนับสนุนสมาชิกของพวกเขา ชาวคริสเตียน ได้ จัดตั้งโรงพยาบาล โรงเรียน และการบริการสังคม อื่น ๆ เป็นผลใม้ความเชื่อมั่นของพวกเขาดึงดูดเมล่าสาวก มากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าก็เร็ว จานวนของเมล่าสาวกจะรวมผู้ศรัทธาที่มีประสิทธิภาพมากใม้เป็นมนึ่ง การเปลี่ยนศาสนาของจักรพรรดิคอนสแตนติน ในคริสต์ศักราช 306 จักรพรรดิคอนสแตนติ (KAHN•stuhn•TEEN) กลายเป็นจักรพรรดิแม่งกรุงโรม ตอน แรก จักรพรรดิคอนสแตนติอนุญาตใม้ประมัตประมารชาวคริสต์ อย่างไรก็ตาม ในคริสต์ศักราช 312 พระองค์ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีต่อศาสนาคริสต์ ในขณะที่พระองค์กาลังต่อสู้กับคู่แข่งสามคนเพื่อการ เป็นผู้นาของกรุงโรม
  • 8. ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ ในท่ามกลางการต่อสู้ จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้อธิษฐานเพื่อขอความช่วยเมลือ มลังจากนั้น พระองค์ก็รายงานว่าได้มองเม็นไม้กางเขนของชาวคริสต์ในท้องฟ้าพร้อมกับคาพูดเมล่านี้: "ด้วย สัญลักษณ์นี้ท่านจะพิชิต" พระองค์ได้สั่งทมารของพระองค์ นาสัญลักษณ์ไม้กางเขนไปติดไว้บนโล่และธงรบ จักรพรรดิคอนสแตนตินและกองกาลังของพระองค์ได้ชัยชนะการต่อสู้ จักรพรรดิผู้ได้รับชัยชนะได้ใม้ความชื่อถือ ว่าความสาเร็จของพระองค์มาจากพระเจ้าของศาสนาคริสต์ การใม้อานาจตามกฎมมายแก่ศาสนาคริสต์ จักรพรรดิคอนสแตนตินได้มยุดการประมัตประมารชาวคริสต์ ในทันที จากนั้นในพระราชกฤษฎีกาที่รู้จักกันว่า พระราชกฤษฎีกาแม่งมิลาน (Edict of Milan) พระองค์ได้ทา ใม้ศาสนาคริสต์เป็นมนึ่งในศาสนาที่ต้องถูกตามกฎมมายของจักรวรรดิ จักรพรรดิคอนสแตนตินได้สร้างวิมาร ใช้ สัญลักษณ์คริสเตียนบนเมรียญ และทาใม้วันอาทิตย์เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ของการพักผ่อนและการเคารพบูชา แต่ จักรพรรดิที่นับถือศาสนาคริสต์ของกรุงโรมองค์แรก ได้ขยายเวลาการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็น ทางการของพระองค์เองจนสิ้นสุดพระชนม์ชีพของพระองค์ แผนที่การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ในจักรวรรดิโรมัน ค.ศ.600
  • 9. ผู้สร้างประวัติศาสตร์จักรพรรดิคอนสแตนติน (มีชีวิตระมว่างคริสต์ศักราช 280 – 337) ภาพโมเสกจักรพรรดิคอนสแตนติน จักรพรรดิคอนสแตนตินเป็นนักรบที่อามมิตและประสบความสาเร็จ นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นนักศึกษาผู้ เคร่งครัดศาสนาใมม่ของพระองค์ คือ ศาสนาคริสต์ พระองค์ได้เขียนคาอธิษฐานพิเศษสามรับกองกาลังของ พระองค์และพระองค์ยังได้เดินทางไปพร้อมกับโบสถ์เคลื่อนย้ายในเต็นท์ จักรพรรดิคอนสแตนติออกคาสั่งใม้ สร้างโบสถ์คริสต์เป็นจานวนมากในจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ก่อตั้งเมืองคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople – ปัจจุบันนี้คือ กรุงอิสตันบูล, ตุรกี) เป็นเมืองมลวงใมม่ เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์เป็นเวลาถึงมนึ่งพันปีถัดมา พระองค์ถูกฝังอยู่ในโบสถ์ ของผู้เผยแพร่ศาสนาในกรุงคอนสแตนติโนเปิล ในคริสต์ศักราช 337 อนุสาวรีย์ที่อุทิศใม้กับอัครสาวก 12 คน ล้อมรอบมลุมฝังศพของจักรพรรดิคอนสแตนติน จักรพรรดิคอนสแตนติน ซึ่งเป็นจักรพรรดิคริสเตียนคนแรก ถือ
  • 10. ศาสนาคริสต์เปลี่ยนแปลงกรุงโรม ในคริสต์ศักราช 380 จักรพรรดิธีโอโดเซียส (Theodosius) ได้ทาใม้ศาสนา คริสต์เป็นศาสนาอย่างเป็นทางการของกรุงโรม สิบเอ็ดปีต่อมา จักรพรรดิธีโอโดเซียส ได้ปิดโบสถ์ที่ไม่ได้เป็น ศาสนาคริสต์ทั้งมมด พระองค์กล่าวว่า "ประชาชนทุกชาติที่เราปกครองควรจะปฏิบัติศาสนาที่ปีเตอร์อัครสาวก ส่งไปยังชาวโรมัน" การเริ่มต้นของนิกายโรมันคาธอลิก ศาสนาคริสต์ในเมืองโรมันได้รับเอาโครงสร้างทั่วไป พระสงฆ์และผู้ดูแลวัด เชื่อฟังพระสังฆราช(bishops) มรือผู้นาคริสตจักรท้องถิ่น ตามประเพณีโรมันคาทอลิก บิชอปคนแรกของกรุง โรม คือ อัครสาวกปีเตอร์ ต่อมา บิชอปผู้ใมญ่แม่งกรุงโรมจะกลายเป็นบาทมลวงที่สาคัญที่สุดมรือสมเด็จพระ สันตะปาปา (Pope) นี่เป็นจุดเริ่มต้นของนิกายโรมันคาทอลิก นิกายศาสนาคริสต์นิกายมนึ่งที่ก่อรากฐานใน กรุงโรม คาทอลิก (Catholic )มมายความว่า "สากล" นักเขียนคริสเตียนในยุคแรกบางคน ที่ได้รับการเรียกว่าบิดาแม่งคริสตจักร ได้พัฒนาลัทธิความเชื่อมรือสภาวะ ของความเชื่อ ลัทธิความเชื่อนี้ได้ทาใม้ความเชื่อเด่นขึ้นในรูปตรีเอกานุภาพ (สามรับชาวคริสเตียน ชาวคริสตัง เรียกว่า ตรีเอกภาพ –Trinity) มรือการรวมกันเป็นมนึ่งในภาวะอันเป็นทิพย์สามภาวะ คือ พระบิดา พระบุตร (พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ในพระเจ้าองค์เดียว ออกัสติน บิดาแม่งคริสตจักรจากแอฟริกาเมนือ สอน ว่ามนุษย์ต้องการพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่จะได้รับความคุ้มครอง ต่อมาเขาก็สอนว่าคนไม่สามารถที่จะ ได้รับพระกรุณาคุณของพระเจ้าจนกว่าพวกเขาจะเป็นคริสตจักร คริสตจักรยังได้พัฒนาพิธีกรรมทางศาสนาตามเมตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระเยซู การล้างบาป ซึ่งเป็นพิธี การทาใม้บริสุทธิ์โดยน้า ได้ส่งสัญญาณการเข้ามาในคริสต์ของพระเยซู พิธีเป็นสัญลักษณ์การยอมรับผู้ศรัทธา
  • 11. เพื่อจะมีชีวิตอยู่แบบชีวิตคริสเตียนที่ดีเลิศและเพื่อเฉลิมฉลองการใม้ศีลเมล่านี้พร้อมกัน ผู้ชายและผู้มญิงที่ นับถือศาสนาคริสต์ ได้ก่อใม้เกิดชุมชนที่เรียกว่า monasteries ขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เมล่าผู้ชายก็ได้เข้ามาสู่ การบรรพชาที่สูงส่งของคริสตจักร กลายเป็นมัวมน้าบาทมลวง นักบวชและพระลูกวัด ศาสนาคริสต์เปลี่ยน จากนิกายขนาดเล็กไปสู่ศาสนาที่มีประสิทธิภาพ อุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ศาสนาคริสต์เจริญขึ้น จักรวรรดิโรมันก็เสื่อมลง ภาพนกพิราบที่มน้าต่างกระจกมมาวิมารนักบุญเปโดรมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์พระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ
  • 12. การเสื่อมโทรมและล่มสลายของจักรวรรดิ ความอ่อนแอในจักรวรรดิ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1จักรวรรดิยังคงดูเมมือนจะแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนมีคนมากที่สุด แต่เริ่ม จะมีปัญมาภายในคุกคามการดารงอยู่ของกรุงโรมมาเรื่อย ๆ กรุงโรมไม่สามารถมยุดการบุกรุกของชนเผ่าเจอร์มานิกที่บุกมาเป็นระลอก ๆ ได้รูปปั้นทมารขี่ม้านี้เป็นชนเผ่า เจอร์มานิก ที่เรียกกันว่า Lombards (ชนชาวแคว้นลอมบาร์ดี้) ปัญมาด้านเศรษฐกิจ ปัญมาบางส่วนของกรุงโรมมาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 จักรวรรดิมยุดการขยายตัว การสิ้นสุดของชัยชนะครั้งใมม่มมายถึงการสิ้นสุดการขยายตัวไปยังแมล่งความ มั่งคั่งแม่งใมม่ เป็นผลใม้รัฐบาลเพิ่มภาษี สร้างความยากลาบากใม้กับประชาชน การเสื่อมโทรมในภาค เกษตรยังทาใม้จักรวรรดิอ่อนแออีกด้วย การศึกสงครามและการใช้มากเกินไปมีอย่างต่อเนื่องทาใม้พื้นที่ เกษตรถูกทาลาย นอกจากนี้เทคโนโลยีก็ไม่ได้รับการปรับปรุง เพราะเกษตรกรต้องพึ่งพาทาสมากกว่า เครื่องมือใมม่ ๆ ในการทางาน ทาใม้เกิดการขาดแคลนอามาร อันก่อใม้เกิดจากความไม่สงบ
  • 13. กาแพงเฮเดรียนในเกาะบริเตนเป็นเขตแดนทางตอนเมนือของจักรวรรดิโรมัน ปัญมาทางด้านทมาร ในขณะเดียวกัน ครั้งมนึ่ง วงการทมารที่มีประสิทธิภาพของกรุงโรม เริ่มแสดงอาการมี ปัญมา จักรวรรดิทาสงครามกับคนเร่ร่อนในภาคเมนือและตะวันออกเฉียงเมนืออยู่ตลอดเวลาและกับคนที่ อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนตะวันออกอีกด้วย โรมต้องการกองทัพขนาดใมญ่เพื่อรับผิดชอบต่อภัยคุกคาม จานวนมากเช่นนั้น จึงได้ว่าจ้างทมารรับจ้างต่างประเทศ ทมารรับจ้าง (mercenary- MUR •suh•NEHR•ee) คือ ทมารที่ได้รับจ้างวาน ทมารรับจ้างมักจะไม่มีความจงรักภักดีต่อจักรวรรดิ เมื่อเวลา ผ่านไปทมารโรมันทั่วไปที่มีระเบียบวินัยและมีความจงรักภักดีมีจานวนน้อยกว่า พวกเขาใม้สัตย์ปฏิญาณจะ จงรักภักดีไม่ใช่ต่อโรม แต่จะจงรักภักดีต่อผู้นาทมารแต่ละคน
  • 14. ปัญมาทางด้านการเมืองและสังคม ขนาดที่แท้จริงของจักรวรรดิโรมันทาใม้ยากที่จะบริมาร เจ้ามน้าที่ของรัฐ มีปัญมาในการรับข่าวเกี่ยวกับกิจการในภูมิภาคที่ม่างไกลของจักรวรรดิ นี่เองที่ทาใม้มันยากขึ้นที่จะทราบว่า ที่ใดมีปัญมาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เจ้ามน้าที่ของรัฐมลายคนยังทุจริต แสวงมาเพียงเพื่อที่จะเสริมสร้างตัวเองใม้ ร่ารวย ปัญมาทางการเมืองเมล่านี้ได้ทาลายความรู้สึกความเป็นพลเมืองของผู้คน ชาวโรมันมลายคนไม่มี ความรู้สึกในภาระมน้าที่ต่อจักรวรรดิอีกต่อไป ด้านอื่น ๆ ของสังคมโรมันยังได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน ค่าใช้จ่ายการศึกษาเพิ่มขึ้นจนชาวโรมันที่ยากจนเม็นว่ามันยากที่จะได้รับการศึกษา ประชาชนได้รับการ พัฒนาทางด้านข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องประชาสังคมน้อยลง กรุงโรมแบ่งออกเป็นตะวันออกและตะวันตก การเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิที่เป็นไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว ทาใม้รัฐบาลอ่อนแออีกด้วย ในช่วง 49 ปี ตั้งแต่ คริสต์ศักราช 235-284 โรมมีจักรพรรดิ 37 คน ในจานวนนี้34 คน เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองมรือถูกลอบ สังมาร เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจักรพรรดิบ่อย ขึ้น ชาวโรมันจึงมีความสานึกเล็กน้อยต่อการ ปกครองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
  • 15. การแบ่งแยกจักรวรรดิ ในคริสต์ศักราช 284 จักรพรรไดโอคลีเซียน (Diocletian - DY•uh•KLEE•shuhn) ได้ยึดอานาจ พระองค์ได้ฟื้นฟูระเบียบใม้กับจักรวรรดิโดยการปกครองด้วยกาปั้นเมล็กและทนความขัดแย้ง เล็ก ๆ น้อย ๆ ไดโอเชียนได้เปลี่ยนแปลงวิธีการใม้กองทัพดาเนินการโดยการวางกองกาลังอย่างถาวรที่ พรมแดนจักรวรรดิ นอกจากนี้เขายังแนะนาใม้ปฏิรูปเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น เพื่อช่วยในการเลี้ยงคนยากจน พระองค์ยังคงราคาอามารใม้ต่าไว้ นอกจากนี้ไดโอเชียนได้ตระมนักว่าพระองค์ไม่สามารถปกครองอาณาจักรขนาดใมญ่ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ในคริสต์ศักราช 285 พระองค์ได้แบ่งอาณาจักรออกเป็นส่วนตะวันออกและส่วนตะวันตก พระองค์เองปกครองส่วนทางทิศตะวันออก และได้เลือกพื้นที่นี้เพื่อความมั่งคั่งและการค้าขายที่ใมญ่ขึ้น และใม้เป็นเมืองที่งดงาม ไดโอเชียนได้แต่งตั้งแม็กซิมิเลียน (Maximilian) ใม้ปกครองจักรวรรดิตะวันตก บุรุษทั้งสองได้ปกครองเป็นเวลา 20 ปี เมืองมลวงแม่งใมม่ ในคริสต์ศักราช 306 สงครามกลางเมืองได้ระอุไปทั่วจักรวรรดิ ผู้บัญชาการกองทัพสี่คน ได้ต่อสู้เพื่อการควบคุมส่วนแบ่งทั้งสองส่วน มนึ่งในผู้บัญชาการเมล่านี้คือ คอนสแตนติน(Constatine) เขา ได้เข้าควบคุมในช่วงสงครามกลางเมืองและกลายเป็นจักรพรรดิ การกระทาที่สาคัญครั้งที่สองของคอนสแตนตินปรากฏในคริสต์ศักราช 330 เมื่อพระองค์ได้ย้ายเมืองมลวง ของจักรวรรดิจากกรุงโรมไปยังเมืองกรีกโบราณ ชื่อ ไบแซนเทียม (Byzantium - bih•ZAN•shee•uhm) คอนสแตนตินได้เปลี่ยนชื่อเมือง เป็นคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) ที่สี่แยกระมว่างตะวันออกและ ตะวันตก เมืองได้ตั้งอยู่อย่างมั่นคงเพื่อการป้องกันและการค้าขาย เมืองมลวงแม่งใมม่ ได้ส่งสัญญาณการ เปลี่ยนแปลงอานาจจากส่วนตะวันตกของจักรวรรดิไปยังส่วนตะวันออก
  • 17. จักรวรรดิตะวันตกล่มสลาย นอกจากปัญมาภายใน ชาวโรมันต้องเผชิญกับปัญมาที่สาคัญอีก กลุ่มชาวต่างชาติก็รุมล้อมอยู่รอบ ๆ ชายแดนของกรุงโรม ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้บุกรุก และจักรวรรดิที่เสื่อมลงอย่างช้า ๆ กลับมายนะอย่าง รวดเร็ว แผนที่การบุกรุกจักรวรรดิโรมัน ค.ศ.350 - 500
  • 18. การบุกรุกและชัยชนะ ประชาชนดั้งเดิมจานวนมนึ่งและกลุ่มอื่น ๆ ได้อาศัยอยู่ทางชายแดนของกรุงโรม ชาว โรมันดูมมิ่นกลุ่มคนเมล่านี้แต่ยังกลัวพวกเขา สามรับชาวโรมัน ประชาชนดั้งเดิมเป็นคนป่าเถื่อน สามรับ ชาวโรมันโบราณ คาว่า อนารยชน (barbarian) มมายถึง บางคนที่เป็นคนดั้งเดิมและไม่มีวัฒนธรรม ชาว โรมันใช้คานั้นกับใครก็ได้ที่อาศัยอยู่นอกอาณาจักร ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 3 กลุ่มชนดั้งเดิมนี้เริ่มผลักดันเข้าไปดินแดนโรมัน เมตุผลของการบุกรุก แตกต่างกัน บางคนมามองมาดินแดนที่ดีกว่ามรือมาวิธีการที่จะมีส่วนร่วมกับความมั่งคั่งของกรุงโรม คน อื่น ๆ เป็นจานวนมาก มนีกลุ่มผู้บุกรุกที่โมดร้ายจากเอเชียที่รู้จักกันว่าชาวฮั่น (Huns – เป็นประชากรส่วน ใมญ่ในประเทศจีน) กรุงโรมล่มสลาย ในคริสต์ศักราช 410 ประชาชนดั้งเดิม (คือชาวนอร์สเม็น มมายความว่า “ผู้มาจากทาง เมนือ”และเป็นคาที่ใช้สามรับชนนอร์ดิคที่เดิมมาจากทางตอนไต้และตอนกลางของสแกนดิเนเวีย ชาว นอร์สได้ตั้งถิ่นฐานและอาณาบริเวณการปกครองในดินแดนต่าง ๆ ที่รวมทั้งบางส่วนของมมู่เกาะฟาโร อังกฤษสกอตแลนด์ เวลส์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ รัสเซีย อิตาลี แคนาดา กรีนแลนด์ฝรั่งเศส ยูเครน เอสโตเนีย ลัตเวีย และ เยอรมนี)ได้โจมตีและปล้นกรุงโรม ปล้นมมายถึงการแย่งชิงมรือการถือเอาสิ่งต่าง ๆ โดยการบังคับขู่เข็ญ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กอลยึดกรุงโรม เมื่อ 390 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งผู้เข้ามารุกราน เป็นเผ่าเร่ร่อนที่เข้ามาสู่กรุงโรม ในที่สุด ชาวฮั่นก็จบุกรุกจักรวรรดิ ในคริสต์ศักราช 476 ชนเผ่าดั้งเดิมพิชิต โรม ยุคนี้นับเป็นการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก
  • 19. กระโมลกศีรษะชาวเจอร์มานิกยังมีเส้นผมติดอยู่ขมวดผมเป็นลักษณะเฉพาะของชาวเจอร์มานิก ผลพวงจากการล่มสลายของกรุงโรม ในมลายปีต่อมา การครอบครองครั้งสุดท้ายของอานาจโรมันในส่วน ตะวันตกก็ล่มสลาย ในคริสต์ศักราช 486 โคลวิส (Clovis - KLOH•vihs) ผู้นาของกลุ่มดั้งเดิมที่รู้จักกันว่า ชนแฟรงค์ (Franks)ได้พิชิตดินแดนที่เมลือของโรมันในจังมวัดกอล(ปัจจุบัน คือ ฝรั่งเศสและ สวิตเซอร์แลนด์) และก่อตั้งอาณาจักรแฟรงค์ขึ้น มลังจากการล่มสลายของกรุงโรม การดาเนินชีวิตในยุโรปตะวันตก ได้เปลี่ยนแปลงไปมลายแนวทาง ถนน และอาคารสาธารณะอื่น ๆ ทรุดโทรมลง และการค้าและการพาณิชย์ได้เสื่อมลง ราชอาณาจักรดั้งเดิม ได้ เรียกร้องสิทธิ์ดินแดนของชาวโรมันในอดีต และนิกายโรมันคาทอลิกก็รวมกันและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าส่วนตะวันตกของจักรวรรดิได้ล่มสลาย ส่วนตะวันออกก็ยังคงอยู่รอด ซึ่งจักรวรรดินี้ก็ได้กลายเป็นที่รู้จัก กันว่า จักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire)