More Related Content
Similar to เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง (9)
เหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
- 1. วิชา ส33102
ปีการศึกษา 2557
ผู้จัดทา
นางสาวภัทรภร พงษ์คุ้มภัย ม.6.1 เลขที่ 20
นางสาวสาวิตรีศิรวัชรพงศ์ม.6.1 เลขที่ 31
อาจารย์ผู้สอน
อ.ปรางค์สุวรรณ ศักด์ิโสภณ
- 6. สาเหตุของสงคราม
สาเหตุทางด้านการเมือง : เกิดการเปลี่ยนแปลงในจักรวรรดิ
อาหรับเมื่อพวกเซลจุกเติร์ก (Seljuk Turk) ได้เข้าไปมีอานาจ
ในจักรวรรดิอาหรับ ซึ่งเป็นจักรวรรดิอิสลาม ต่อมาพวกเซลเติร์ก
ยึดครองคาบสมุทรตุรกีไว้ได้ทั้งหมด และรุกรานจักรวรรดิไบแซน
ไทน์ จักรวรรดิแห่ง ไบแซนไทน์จึงขอความช่วยเหลือไปยัง
คริสตจักรที่กรุงโรมเพื่อให้ช่วยรบกับพวกเซลจุกเติร์ก
- 8. สาเหตุของสงคราม
สาเหตุทางด้านศาสนา : ในช่วงเวลาที่พวกเซลเติร์กเข้ามามี
อานาจในดินแดนตะวันออกได้ปิดกั้นกรุงเยรูซาเลมไม่ให้ชาว
คริสต์ไปแสวงบุญ และกระทาทารุณกรรมกับชาวคริสต์
สันตะปาปาจึงใช้สาเหตุดังกล่าวชักชวนชาวคริสต์ให้ไปทา
สงครามศักดิ์สิทธิ์ เป็นผลให้ชาวยุโรปทั้งขุนนาง พ่อค้า และ
ประชาชนสามัญพากันเดินทางไปจักรวรรดิไบแซนไทน์และ
ปาเลสไตน์
- 10. ผลกระทบของสงครามครูเสด
1. ระบบฟิวดัลเสื่อมลง ขุนนางลดจานวนเนื่องจากเสียชีวิตใน
สงคราม ขุนนางที่เหลือยากจนลง สถาบันกษัตริย์แข็งแกร่งขึ้น
พวกข้าติดที่ดินได้รับอิสระ
2. การค้าขยายตัว สินค้าจากภาคตะวันออกได้แพร่หลายเข้าไป
ในยุโรป เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ
3. เมืองต่างๆกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่มีความ
เจริญรุ่งเรือง เช่น นครรัฐในอิตาลี
- 14. สาเหตุของสงคราม
1.วลิเลียม ด๊กุแห่งแคว้นนอร์มองดี ซึ่งเป็นข้าติดที่ดินของกษัตริย์
ฝรั่งเศสได้เข้ายึดครองและสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์
อังกฤษใน ค.ศ. 1066 นับตั้งแต่นั้นมากษัตริย์อังกฤษก็มีที่ดินใน
ฝรั่งเศสเป็นจานวนมาก แต่กษัตริย์ฝรั่งเศสก็พยายามแย่งชิง
ดินแดนดังกล่าวกลับคืนจากกษัตริย์อังกฤษในช่วงต้น
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ประเทศอังกฤษเหลือดินแดนเพียงไม่กี่แห่ง
ในประเทศฝรั่งเศส
- 15. สาเหตุของสงคราม
2. พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 3 กษัตริย์อังกฤษทรงอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์
ฝรั่งเศส แต่ขุนนางฝรั่งเศสกลับเลือกพระเจ้าฟิลิปที่ 6 เป็นกษัตริย์
3. อังกฤษต้องการผนวกสกอตแลนด์ แต่สกอตแลนด์ได้รับการ
สนับสนุนจากฝรั่งเศสให้ต่อต้านอังกฤษ ทาให้อังกฤษไม่พอใจฝรั่งเศส
4. ความขัดแย้งทางด้านเศรษฐกิจ ฝรั่งเศสได้พยายามขัดขวาง
ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างอังกฤษกับแคว้นฟลานเดอร์
(ประเทศเบลเยียมในปัจจุบัน) และฝรั่งเศสได้ขัดขวางการที่อังกฤษ
พยายามยึดครองแคว้นกาสโกนีเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้า
- 17. สถานการณ์ของสงคราม
ในช่วงระยะเวลาสงครามร้อยปี อังกฤษและฝรั่งเศสทา
สงครามกันเป็นระยะๆ เมื่อเกิดสงคราม กองทัพอังกฤษได้โจมตี
ฝรั่งเศส กองทัพฝรั่งเศสพยายามต่อต้าน แต่กองทัพอังกฤษ
สามารถเอาชนะได้ ทาให้ฝรั่งเศสต้องทาสัญญาสันติภาพกับ
อังกฤษใน ค.ศ. 1358 โดยอังกฤษได้ครอบครองดินแดนฝรั่งเศส
หลายแห่งด้วยกัน และยังได้รับเงินค่าไถ่องค์พระเจ้าจอห์นที่ 2
กษัตริย์ฝรั่งเศสที่ถูกจับเป็นเชลยด้วย
- 19. สถานการณ์ของสงคราม
หลังสงครามสงบ ฝรั่งเศสต้องเผชิญปัญหาความขัดแย้ง
ภายในระหว่างฝ่ายต่อต้านอังกฤษกับฝ่ายนิยมอังกฤษ ในที่สุด
ฝ่ายนิยมอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ ทาให้ทั้งสองประเทศสงบศึกกัน
นานกว่า 2 ทศวรรษ แต่อังกฤษยังคงแทรกแซงทางการเมืองใน
ประเทศฝรั่งเศสและเกิดสงครามขึ้นเป็นระยะๆ กองทัพอังกฤษ
รุกรานฝรั่งเศส แต่กองทัพฝรั่งเศสมีวีรสตรีโจนออฟอาร์ค
(Joan of Arc) เป็นผู้นา จึงสามารถเอาชนะกองทัพอังกฤษได้
ที่เมืองออร์เลออง และเอาชนะกองทัพอังกฤษได้หลายครั้ง
- 21. ผลกระทบของสงครามร้อยปี
ผลกระทบต่อประเทศอังกฤษ
1. ทาให้กษัตริย์อังกฤษหันมาสนพระทัยกิจการภายในประเทศ
และการค้ากับดินแดนโพ้นทะเลมากขึ้น
2. เพิ่มอานาจของรัฐสภาอังกฤษในการต่อรองกับกษัตริย์
เนื่องจากสงครามทาให้รัฐบาลต้องการเงิน จึงมีการต่อรองเพื่อให้
รัฐสภาผ่านความเห็นชอบงบประมาณที่ใช้ในการทาสงคราม ทา
ให้รัฐสภามีอานาจมากขึ้น
- 23. ผลกระทบของสงครามร้อยปี
ผลกระทบต่อประเทศฝรั่งเศส
1. ส่งเสริมอานาจเด็ดขาดแก่กษัตริย์ฝรั่งเศสในการปรับปรุง
กองทัพ เพื่อปราบปรามขุนนางและทาสงครามกับต่างชาติ
2. รัฐสภาได้ยอมรับอานาจของสถาบันกษัตริย์ฝรั่งเศส ทาให้
กษัตริย์ฝรั่งเศสมีอานาจมากขึ้นจนกลายเป็นระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเวลาต่อมา
3. กระตุ้นความคิดชาตินิยมในหมู่ชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะเรื่อง
แนวคิดความเป็นชาติเดียวกัน
- 25. ความเสื่อมของศาสนจักรในช่วงปลายสมัยกลาง
2. ความแตกแยกภายในของศาสนจักร ในช่วงปลาย
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เกิดเหตุการณ์
ความแตกแยกของศาสนจักรอย่างรุนแรงจนถึงขึ้นมีพระ
สันตปาปา 2 องค์ในเวลาเดียวกัน คือ องค์หนึ่งประทับที่สานัก
สันตะปาปาที่กรุงโรม อีกองค์หนึ่งประทับที่สานักสันตะปาปาที่
เมืองอาวิญงทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทาให้เกิดความปั่นป่วนใน
ระบบการบริหารงานของคริสตจักร อันนาไปสู่การปฏิรูปศาสนา
ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16
- 36. ศิลปะแบบกอทิก(Gothic)
อยู่ในช่วงระยะเวลาแห่งความเจริญ เรียกว่า สมัยกลางยุครุ่งโรจน์
(High Middle Ages) ศิลปะแบบโรมาเนสก์ได้พัฒนามาเป็น
แบบกอทิก ความแตกต่างของสองศิลปะนี้คือ กอทิกไม่ต้องอาศัย
กาแพงที่หนาเพื่อรับน้าหนักหลังคา รูปร่างจึงเพรียวกว่า ประดับด้วย
กระจกสี และรูปแกะสลักของนักบุญ ซึ่งกอทิกมีความพิถีพิถันเรื่อง
ความสวยงามมากกว่า
- 40. วรรณกรรม
วรรณกรรมในสมัยกลางนอกจากจะเน้นเรื่องราวความเชื่อในคริสต์ศาสนา
แล้วยังมีวรรณกรรมทางโลกด้วย แต่งเป็นภาษาละตินซึ่งถือกันว่าเป็นภาษา
หนังสือที่เป็นสากล และเป็นภาษาสาคัญทางศาสนา วรรณกรรมทางศาสนาที่มี
อิทธิพลต่อแนวความคิดของคริสต์ศาสนิกชนในสมัยกลางมาก ที่สุดเล่มหนึ่ง
ได้แก่ เทวนคร เขียนโดยนักบุญออกัสตินในสมัยปลายจักรวรรดิโรมัน งาน
เขียนอีกชิ้นหนึ่งที่ความสาคัญทัดเทียมกัน คือ มหาเทววิทยา โดยนักบุญทอมัส
อะไควนัส ซึ่งใช้สอนในวิชาเทววิทยาในมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องเกี่ยวกับความ
เชื่อและศรัทธาในคริสต์ศาสนาอย่างมีเหตุผล
- 41. มหากาพย์(epic)
ในฝรั่งเศสเรียกว่า ชองซองเดอเจสต์(Chanson de Geste) เป็น
เรื่องราวของการสร้างวีรกรรมของวีรบุรุษในอดีตนิยมประพันธ์ด้วยโคลงกลอน
แพร่หลายในคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 วรรณกรรมประเภทนี้ที่สาคัญ ได้แก่ ชอง
ซองเดอโรลองด์(Chanson de Roland) ซึ่งเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของโร
ลองด์ ทหารคนสนิทของจักรพรรดิชาร์เลอมาญกับกองทัพของพวกซาราเซ็น
- 42. นิยายวีรคติ (romance)
ประพันธ์เป็นคากลอน เกิดใน
ยุโรปตะวันตกในคริสต์ศตวรรษที่ 11-12
ต่อมาได้เจริญแพร่หลายในฝรั่งเศส
อังกฤษและเยอรมัน นิยายวีรคติเป็น
เรื่องราวความจงรักภักดีของอัศวินต่อ
เจ้าและขุนนาง และความรักแบบเทิดทูน
ที่อัศวินมีต่อสตรี นิยายวีรคติคล้ายกับ
มหากาพย์ ต่างกันตรงที่มหากาพย์มี
ความยาวมากกว่าและไม่มีเรื่องของ
ความรักเข้ามา เกี่ยวข้อง นิยายวีรคติที่
รู้จักกันเท่าไป คือ กษัตริย์อาเทอร์กับ
อัศวินโต๊ะกลม
- 46. เมืองที่เกิดจากการค้า
ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 การค้าของโลกตะวันตกได้ฟื้นตัวอีกครั้ง
หลังจากชะงักงันเป็นเวลาหลายร้อยปี อันเนื่องมาจากการรุกรานของพวกอ
นารยชน และการเข้ายึดครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของพวกมุสลิมที่ทาให้
การค้าทางทะเล ของตะวันตกและตะวันออกต้องสิ้นสุดลง การฟื้นตัวของ
การค้าดังกล่าวนี้ยังก่อให้เกิดการฟื้นตัวของบรรดาเมืองเก่า ที่เคยรุ่งเรืองใน
สมัยจักรวรรดิโรมันและการเกิดของเมืองใหม่ๆ ในคาบสมุทรอิตาลีจนถึง
คาบสมุทรสแกนดิเนเวียตลอดจนดินแดนยุโรปตะวันออกอีก ด้วย
- 47. เมืองกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมของ ยุโรป เกิดสมาคมอาชีพ ที่
ควบคุมการดา เนินงานและการจัดสวัสดิการของคนกลุ่มอาชีพเดียวกัน เกิด
ระบบการเก็บภาษีอากร การปกครองแบบท้องถิ่นที่เรียกว่า เทศบาล ตลาดนัด
งานแสดงสินค้า ธนาคาร ฯลฯ ที่เป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมเองในปัจจุบัน
โดยเฉพาะการทา สัญญา และการกู้ยืมเงินของบรรดาพ่อค้าต่อกันก่อให้เกิด
ความจาเป็นในการกาหนดวัน เริ่มต้นและวันสิ้นสุดของปีที่แน่นอน พวกพ่อค้า
ได้กาหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันเริ่มต้นของปีใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับวันเฉลิม
ฉลองปีใหม่ของชาวโรมันที่เคยปฏิบัติมา
- 48. มหาวิทยาลัย นับเป็นมรดกที่สาคัญของยุโรปใน สมัยกลาง และเป็น
ผลิตผลโดยตรงของสังคมเมือง มหาวิทยาลัยในระยะแรกเกิดจากการรวมตัว
ของอาจารย์และนักศึกษา และมีลักษณะเป็นสมาคมอาชีพเช่นเดียวกับ
สมาคมอาชีพอื่นๆ ที่รวมคนอาชีพเดียวกันไว้ด้วยกัน สมาคมอาชีพของ
อาจารย์และนักศึกษาดังกล่าวนี้เรียกว่า ยูนิเวอร์ซิตี(university)