10. ตัวอย่าง : มาตรอุณหภูมิฟาเรนไฮต์อันหนึ่ง ซึ่งมีจุดเยือกแข็ง
และจุดเดือดของน้าเป
็ น 32 และ 212oF ตามลาดับ อ่านอุณหภูมิ
ของน้าในภาชนะใบหนึ่งได้เท่ากับ 122oF จงหาอุณหภูมิของน้า
ในภาชนะใบนั้นเป
็ นองศาเซลเซียสและเคลวิน
100
15
.
273
100
180
32
K
C
F
x t
t
t
FP
BP
FP
t
C
t
t F
C
50
)
32
122
(
9
5
)
32
(
9
5
K
t
t C
K 15
.
323
15
.
273
11. ศาสตร ์
(The zeroth law of
thermodynamics)
“ถ้าระบบสองระบบต่างอยู่ในภาวะสมดุลทางความ
ร้อนกับระบบที่สามแล้ว ระบบทั้งสองนี้ต่างก็อยู่ใน
ภาวะสมดุลทางความร้อนซึ่งกันและกันด้วย”
• ถ้าอุณหภูมิที่ A เท่ากับที่ C
• และอุณหภูมิที่ C เท่ากับที่ B
• อุณหภูมิที่ A จะเท่ากับท
12. ตัวกลาง (mediums)
ตัวกลางแอเดียแบติก (adiabatic medium; A;
) คือตัวกลางสมมติที่ไม่ยอมให้พลังงานความ
ร้อนผ่านได้เลย เช่น ฉนวน
ตัวกลางไดอะเทอร ์มิก (diathermic medium; D;
) คือตัวกลางสมมติที่ยอมให้พลังงานความร้อน
ผ่านได้ดี เช่น โลหะตัวนา
D
S1 S2
A
D D
A
S1 S2
S3
The zeroth law of thermodynamics
13. The zeroth law of
thermodynamics
ระบบ 2 ระบบที่อยู่ในสมดุลความร้อนย่อม
16. และผลของอุณหภูมิที่เปลี่ยนทาให ้ขนาดของสาร
เปลี่ยนแปลง เช่นความยาวเปลี่ยนไป
การขยายตัวของสารจากความร้อน
(Thermal expansion)
โดยทั่วไปการขยายตัวตามเส ้นจะแปรตามอุณหภูมิที่เปล
0
l
l
l
0
t
t
t
เมื่อ คือ ส.ป.ส. การขยายตัวต
t
l
l
0
ดังนั้นสามารถเขียนได้ว่า
t
l
l
1
0
การขยายตัวตามพื้นที่
0 1
A A t
การขยายตัวตามปริมาตร
0 1
V V t
การขยายตัวตามเส้น
และจะได ้ว่า
เมื่อ คือ ส.ป.ส. การขยายต
เมื่อ คือ ส.ป.ส. การขยา
ปริมาตร
17. การขยายตัวของสาร
จากความร้อน
0 (1 )
A A T
ขยายตัวตามเส้น
ขยายตัวตามพื้นที่
ขยายตัวตามปริม
0 1
L L T
0 1
V V T
2
และ
3
โดยทั่วไป
21. ตัวอย่าง: แท็งก์เหล็กขนาดความจุ 70 ลิตร
บรรจุน้ามันไว้จนเต็ม ถ้าในวันหนึ่ง อุณหภูมิ
เปลี่ยนแปลงจากเดิม 20 oC ไปเป
็ น 35 oC. จะมี
น้ามันปริมาณเท่าใดที่จะล้นหกไป
T
V
V
T
V
V
V
T
V
V
o
o
0
0
)
1
(
70 L
steel
petrol
สาหรับของเหลว การ
เปลี่ยนแปลงปริมาตร :
L
998
.
0
m
10
98
.
9
)
20
35
(
)
10
10
70
(
10
950
3
4
6
3
6
สาหรับ
แท็งก์โลหะ : L
038
.
0
998
.
0
950
36
V
0.998 0.038 0.960 litre
เป
็ นปริมาณน้ามันท
-1
-6
petrol
( = 950 x 10 C )
-1
-6
steel
( = 36 x 10 C )
T
V
p
T
V
t
V
V
p
t
0
0
30. ความจุความร้อนและความจุความร้อนจาเพาะ
(Heat capacity and specific heat capacity)
ความจุความร้อน คือ ความร ้อนที่เปลี่ยนแปลงต่อ
T
Q
C
ทาให ้เป็นปริมาณไม่ขึ้นกับมวล (intensive variable)
T
Q
m
m
C
c
1 เรียกว่า ความจุความร้อนจา
(specific heat capacity)
ทั้งค่า C และ c จะไม่คงที่ โดยจะขึ้นกับอุณหภูมิ T
ในกรณีที่หารด ้วยจานวนโมล n จะได ้
T
Q
n
c
1 เรียกว่า ความจุความร้อน
จาเพาะเทียบกับโมล
(molar specific heat
capacity)
K
g
cal
น้ำ
00
.
1
c
34. ตัวอย่าง : ต้องเติมนมที่มีอุณหภูมิ 4oC ปริมาณเท่าใดลงใน
กาแฟ 0.25 kg ที่มีอุณหภูมิ 95oC เพื่อให้ได้อุณหภูมิสุดท้ายเป
็ น
70oC (ถ้าพิจารณาให้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของแก้วกาแฟมี
น้อยมาก)
ให้
ccoffee = cwater = cmilk
=4180 J/kg-C
นม
กาแฟ
HLoss = HGain
ความร้อนของกาแฟที่ลดลง = ความร้อนของนมที่เพิ่มขึ้น
วิธีทา
g
m
kg
m
m
T
c
m
T
c
m
m
m
m
m
m
m
c
c
c
5
.
9
0095
.
0
)
4
70
(
4180
)
70
95
(
4180
25
.
0
35. ตัวอย่าง : เมื่อใส่ก้อนอะลูมิเนียมมวล 120 กรัม ลงใน แคลอรี
มิเตอร์ ที่มีน้า อุณหภูมิ 20oC อยู่ 1.5 กิโลกรัม ถ้าก่อนใส่ก้อน
อะลูมิเนียมมีอุณหภูมิ เท่ากับ 205oC ให้หาว่าสุดท้ายแล้ว
อุณหภูมิของน้าจะเป
็ นเท่าใด กาหนด cAl = 900 J/kg.oC-1
1.5 kg
ก่อน
ใส่ 120 g
205 oC
20 oC
หลัง
ใส่
TF = ?
HLoss = HGain
ความร้อนของก้อนอะลูมิเนียมที่ลดลง = ความ
ร้อนของน้าที่เพิ่มขึ้น
วิธีทา
C
23
T
)
20
T
(
4180
5
.
1
)
T
205
(
900
10
120
F
F
F
3
NOTE: อุณหภูมิของน้า
3 oC
w
w
w
Al
Al
Al T
c
m
T
c
m
37. นิยาม
ความร ้อนแฝงของการหลอม
m m
Q mL
ความร ้อนแฝงของการกลายเป็นไอ v
v mL
Q
เมื่อ m คือ มวลของระบบ
Lf และ Lv คือ ความร้อนแฝงจาเพาะ
(specific latent heat) ของการหลอมเหลว
และการกลายเป็นไอตามลาดับ
ตัวอย่าง สาหรับน้า
f f
Q mL
หรือ
79.7cal/gm 334J/gm
L
m
539cal/gm 2260J/gm
L
v
ความร้อนแฝง (Latent
heat; L)
38. Graph of Ice to Steam
A=Warming Ice
B=Melting Ice
C=Warming W
D=Boiling Water
E=Heating Steam
39. ตัวอย่าง : ใส่ก้อนน้าแข็งมวล 20 กรัม ที่มี
อุณหภูมิ 0oC ลงในกระป
๋ องแคลอรีมิเตอร์ที่ทา
จากทองแดง ที่มีน้ามวล 100 กรัม อุณหภูมิ 20
oC โดยที่กระป
๋ องแคลอรีมิเตอร์มวล 500 กรัม ถ้า
กระป
๋ องแคลอรีมิเตอร์ และ น้ามีอุณหภูมิ 8oC
ตอนที่น้าแข็งละลายหมด จงหา Lf ของน้าแข็ง
HG = HL
1
5
F kg
J
10
34
.
3
L
F i i i i c c c w w w
L m m c T m c T m c T
)
cal
(
water
HL
)
cal
(
HL
)
ice
(
water
HG
ice
HG
0 oC, 20 g
20 oC, 500 g
น้าแข็ง
20 oC, 100 g
CW = 4180 J kg-1 oC-1
Cc = 390 J kg-1 oC-1
3 3
( 20 10 ) [20 10 4180 (8 0)]
F
L
[0.5 390 (20 8)] [ 0.1 4180 (20 8)]
42. Temperature gradient =
x
T
ที่ steady state : คงที่
dt
dQ
x
T
A
t
Q
α
α
dx
dT
A
dt
dQ
α
α
หรือ
คงที่
t
Q
หรือ
กล่าวคือ
ดังนั้น dx
dT
kA
dt
dQ
เรียก H
dt
dQ
ว่าเป
็ นอัตราการถ่ายเทปริมาณ
ความร้อน (Rate of heat flow หรือ Heat c
นั่นคือ dx
dT
kA
H
เมื่อค่าคงที่ k คือ ส.ป.ส. การนาความร้อน
T1
T2
T1 > T2
Q
การนาความร้อน
กฎการนาความร้อนของฟูเรียร์
(Fourier’s heat conduction law)
43. การนาความร้อน
สาหรับแท่งวัตถุพื้นที่หน้าตัด A ยาว L ขณะที่
ปลายร ้อนเป็น T1 ส่วนที่ปลายเย็นเป็น T2 ที่
steady state จะคานวณ H ได ้ดังนี้
dx
dT
kA
H
kAdT
Hdx
ดังนั้น
2
1
0
T
T
L
kAdT
Hdx เมื่อ H มีค่าคงที่เนื่องจาก stead
ได ้
1
2 T
T
kA
HL
2 1 cold hot
kA kA
H T T T T
L L
T1 T2
L
Q
T1 > T2
44. การนาความร้อน
ผนังประกอบ (compound wall)
ที่ steady state : H คงที่
สาหรับ L1 :
สาหรับ L2 :
x
T
T
L
A
k
H
1
1
1
1
2
2
2
2
T
T
L
A
k
H x
H
รอยต่ออุณหภูมิ
Tx
x
ถ ้า A1 = A2 = A ได ้
2
2
1
1
2
1
k
L
k
L
T
T
A
H
รูปแบบทั่วไปสาหรับหลาย
2 1 hot cold
i i
i i
A T T A T T
H
L L
k k
T2 > T1
45. L
การนาความร้อน
ทรงกระบอกกลวง
ภายใน : รัศมี r1,
อุณหภูมิ T1
ภายนอก:รัศมี r2,
อุณหภูมิ T2
โดย T1 > T2
ที่รัศมี r ใด ๆ ในโลหะ state
steady
,
คงที่
dx
dT
kA
H
พื้นที่ที่ส่งผ่านความร ้อน ณ ที่ r ใด ๆ คือ A = 2
ดังนั้น
dr
dT
L
r
k
H
2
2
1
2
1
2
T
T
r
r
r
r
dT
L
k
r
dr
H
1
2
1
2
2
ln T
T
kL
r
r
H
1 2
2 1 2 1
2 2
ln ln
hot cold
kL T T kL T T
H
r r r r
48. การแผ่รังสีความร้อน
กาหนดให ้ อัตราการแผ่รังสี = Re
และ R A
Te
4
(e : emission , ปลดปล่อย
เมื่อ A = พื้นที่ผิวของวัตถุ
Te = อุณหภูมิของวัตถุ : เคลว
เขียน 4
e
e AT
R
เมื่อ
= Stefan-Boltzmann
constant
= 5.6710-8 W/m2-
K4
= สภาพเปล่งรังสี (emissiti
มีค่า 0 ถึง 1
= ความสามารถในการแผ่ร
กฏของสเตฟาน-โบลต์ซมานน
EMW: คลื่นวิทยุ-โทรทัศน์, microwave, infrared,
49. การแผ่รังสีความร้อน
วัตถุตั้งในสิ่งแวดล ้อมอุณหภูมิ Ta วัตถุจะดูดกลืนรังสีจ
4
a
a AT
R
(a : absorption ,
: (0-1)
เมื่อ Ra = อัตราการดูดกลืนรังสีของวัตถุ
Ta = อุณหภูมิสิ่งแวดล ้อม, เคลวิน,
ถ ้า Te > Ta อุณหภูมิวัตถุลดลง , Re > Ra
Te < Ta อุณหภูมิวัตถุเพิ่มขึ้น , Re < Ra
ปริมาณสุทธิที่วัตถุได ้รับพลังงาน
R = Re - Ra R เป็นลบ อุณหภูมิของวัตถุจะเพ
R เป็นบวก อุณหภูมิของวัตถุจะล
ดูด
แผ่
Te = อุณหภูมิของวัตถุ :
50. ตัวอย่าง : จงหา Q ที่ทาให้น้าแข็ง 250 g ที่ 00C
กลายเป
็ นน้าหมดและสุดท้ายน้า 10 g เดือดกลายเป
็ นไอ
(กาหนด cน้า = 4.2 kJ/kg-K, Lm=334 kJ/kg,
Lv=2260 kJ/kg)
วิธีทา
น้าแข็ง น้าที่ 00C:
1 = 0.25kg × 334kJ/kg 83.5kJ
m
Q mL
น้าที่ 00C น้า 1000C:
น้า 10 g ไอน้า 1000C :
3 0.01kg × 2260kJ/kg = 22.6kJ
v
Q mL
ดังนั้น ความร ้อนทั้งหมดที่ต ้องใช ้ เท่ากับ 83.5 kJ + 10
kJ
K
K
Kg
kJ
kg
T
mc
Q 105
100
)
/
2
.
4
(
)
25
.
0
(
2
57. กฎเกี่ยวกับแก๊สและทฤษฎี
จลน์ของแก๊ส
กฎของแก๊สอุดมคติ (Ideal gas law)
สมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ
(สถานะ)ของระบบ P,V, T และ n (สมการ
สถานะ,equation of state) ของแก๊สอุดมคติ
กฎของบอยล์(Boyle’s law) :
กฎของชารลส์(Charles’s law) :
กฎของเกย์-ลุคแซค (Gay-Lussac’s law) :
กฎของอาร ์โวกาโดร (Avogadro’s law) :
1
α ; , constant
V T n
P
α ; , constant
V T P n
α ; , constant
P T V n
α ; , constant
V n T P
n คือ จานวนโมลของสาร และ T เป็ นอุณหภูมิห
58. กฎของบอยล์
1 1
α α ; , constant
V P T n
P V
3
3
2
2
1
1 V
P
V
P
V
P
PV ค่
ำคงที่
หรือ
กราฟ ไฮเปอร์โบลาของ P กับ V
71. ตัวอย่าง : O2 ในถังมี V = 40 dm3 เดิมมี P = 20 atm และ T =
270C ต่อมาแก๊สรั่วจนเหลือความดัน 4 atm และมีอุณหภูมิ 200C
จงหาแก๊สรั่วไปกี่กิโลกรัม (กาหนดให้มวลโมเลกุลของ O2 = 32
และ T(K) T(0C)+273 )
วิธีทา
5
1 20 1.013 10 Pa
P 5
2 4.0 1.013 10 Pa
P
1 273 27 300K
T 2 273 20 293K
T
3 3
1 2 40 10 m
V V
จาก PV nRT
5 2 3 3
1 1
1
1
20 1.013 10 N/m 40 10 m
32.51mol
8.31J/mol-K 300K
PV
n
RT
5 2 3 3
2 2
2
2
4.0 1.013 10 N/m 40 10 m
6.66mol
8.31J/mol-K 293K
PV
n
RT
ดังนั้นแก๊สรั่วไป n1 - n2 = 32.51 - 6.66 = 25.85 mol
หรือแก๊สรั่วไปเท่ากับ (25.85 mol)(32 g/mol) = 827g =
ตอบ
M
g
n
72. กฎของดาลตันสาหรับความดัน
ย่อย
(Dalton’s law of partial
pressure)
“สาหรับแก๊สผสม ความดันของแก๊สแต่ละชนิดขึ้นกับ
จานวนโมเลกุลของแก๊สชนิดนั้น”
สมมุติ แก๊ส 3 ชนิดมีจานวนโมเลกุล N1, N2 และ N3
ตามลาดับแล้วผสมกันได้แก๊สรวมที่มีจานวนโมเลกุล N
(แก๊สไม่มีปฏิกิริยาต่อกัน)
N = N1 + N2 + N3
จาก nRT
PV หรือ NkT
PV
ได้ kT
N
N
N
PV 3
2
1
V
kT
N
V
kT
N
V
kT
N
P 3
2
1
1 2 3
P P P P
ความดันร่วม = ความดัน
เมื่อ
A
A N
R
k
N
N
n
,
74. • สาหรับแก๊สผสมในภาชนะเดียวกันที่อุณหภูมิ T
เดียวกัน แก๊สทุกชนิดจะมีปริมาตร V เท่ากัน
• และจากกฎความดันย่อย P = P1 + P2 + P3 + …
• จากสมการของแก๊สอุดมคติ PV = nRT P =
nRT/V
• จะได ้ว่า
...
,
,
, 3
3
2
2
1
1 RT
n
V
P
RT
n
V
P
RT
n
V
P
...
,
,
, 3
3
2
2
1
1
nRT
RT
n
PV
V
P
nRT
RT
n
PV
V
P
nRT
RT
n
PV
V
P
ดังนั้น xP
P
n
n
P i
i
นิยาม เศษส่วนโมล (mole faction) x ของแก๊สใด ๆ
หมายถึง อัตราส่วนของโมล ของแก๊สชนิดนั้นเทียบ
กฎความดันย่อยของดาล
ตัน
75. ตัวอย่างกฎความดันย่อย
ตัวอย่าง : ถัง A บรรจุ O2 ความดัน 1 atm ถัง B บรรจุ H2
ความดัน 2 atm และถัง C บรรจุ N2 ความดัน 3 atm เมื่อ
นาถังแก๊สทั้งสามถังมาต่อเข้าด้วยกัน ความดันรวมจะเป็ น
เท่าใด ถ้าปริมาตร A = 2 litre , B = 3 litre และ C = 5
litre (ในการผสมอุณหภูมิคงที่)
วิธีทา nRT
PV
วิธีที่ 1 คิดในรูปแบบ โมล (n) การผสมเป็นระบบปิด
จานวนโมเลกุลหลังผสม = ก่อนผสม
n = nA + nB + n
ถัง A,
A
A
A
A
RT
V
P
n
ถัง B, B
B
B
B
RT
V
P
n
ถัง C,
C
C
C
C
RT
V
P
n
และเมื่อรวมกันแล ้ว
C
B
A V
V
V
V
และจานวนโมลรวม
RT
PV
n
76.
77.
78. แทนค่า
A B C
C C
A A B B
A B C
P V V V
P V
P V P V
PV
RT RT RT RT RT
เนื่องจากอุณหภูมิคงที่ T = TA = TB = TC
ได ้
(1)(2) (2)(3) (3)(5)
2.3atm
2 3 5
A A B B C C
A B C
P V P V P V
P
V V V
วิธีที่ 2 ใช ้กฎของดาลตัน P = PA +
ก่อนผสม
ถัง A,A A A A
P V n RT
ถัง B,B B B B
P V n RT
ถัง C,C C C C
P V n RT
และเมื่อผสมกัน
C
B
A V
V
V
V
ตอบ
n = nA + nB + nC
คิดในรูปแบบความดัน (P)
79. สมมุติ ความดันของแก๊สแต่ละชนิดเป็น
PA, PB, และ PC ตามลาดับ
หลังผสม ถัง A, A A
P V n RT
ถัง B,B B
P V n RT
ถัง C, C C
P V n RT
เมื่อ T คือ อุณหภูมิของ
และ T = TA = TB = TC
ดังนั้น A
A
n RT
P
V
B
B
n RT
P
V
C
C
n RT
P
V
, ,
atm
3
.
2
C
B
A
C
C
B
B
A
A
V
V
V
V
P
V
P
V
P
P
C
B
A P
P
P
P
ตอบ
C
B
A V
V
V
V
โดยที่
n = nA +
nB + nC
84. ดังนั้น หากพิจารณาเฉพาะขนาด;
t
mv
Fext
2
กาหนดให ้ FW = แรงที่โมเลกุลกระทาต่อผนัง
กฎการเคลื่อนที่ข ้อที่ 3 ของนิวตัน
ext
W F
F
ไ
ด ้
t
mv
FW
2
A
d = vt
6 ทิศทา
โมเลกุลที่วิ่งชนผนังบนพื้นที่ A ต ้องอยู่ในปริมาตร
V = Ad
ถ ้าสมมุติใน V มีโมเลกุลทั้งหมด N
ตัวและกาหนด แต่โมเลกุลมีโอกาสเคลื่อนที่ 6 ท
density
number
;
V
N
จะได ้ t
Av
Ad
V
N
ความดันของแก๊สอุดม
คติ
85. จานวนโมเลกุลที่เข ้าชนผนัง = N/6
และแรงลัพธ์ที่กระทาต่อผน
2
3
1
2
6
1
6
Amv
t
mv
t
Av
F
N
F W
หรือ 2
1
3
F
mv
A
แต่ v ของแต่ละโมเลกุลไม่เท่ากันดังนั้น v ที่ใช ้ต ้องเป
รากที่สองของกาลังสองเฉลี่ยของความเร็ว (root mean
square velocity) คือ
2
v
vrms และ
2
2
1
v
m
KE
ดังนั้น ความดัน KE
P
3
2
แต่ V
nRT
P และ = N/V ; N = nNA ;
และ
ความดันของแก๊สอุดม
คติ
2
1
3
m
kT
vrms
kT
KE
2
3
density
number
;
V
N
ได ้
ว่า
เทียบ
โดยที่
2
3
1
v
m
P
อัตราเร็วกาลังสองเฉลี่ย
86. แก๊สโมเลกุลอะตอมเดี่ยว
“ในเอกภพ เราไม่มีศูนย
สมการ kT
KE
2
3
ใช้อธิบายได้เฉพาะแก๊สอะตอม
เดี่ยว โมเลกุลของแก๊สมีลักษณะ
เป็นจุด
คิดเฉพาะการเลื่อนที่
(translation motion) 3 แกน
คือ แกน x, y และ z
เรียกว่ามีองศาความเป็นอิสระ
อย่างไรก็ตาม
แต่ละองศาความเป็นอิสระมีพลังงาน
1
2
kT
kT
KE
2
3
แสดงว่า ถ้า T = 0 K ความเร็ว v จะมีข
จาก
ตัวอย่างแก๊สที่มักพบได้เช่น He, Ne, Ar เป็ นต้น จะเห็นได้
ว่าสมบัติเชิงกล และ สมบัติเชิงความร้อนมีความสัมพันธ ์
กัน คือ
T
KE α
88. แก๊สโมเลกุลอะตอมคู่
ดังนั้นโมเลกุลที่มี degree of freedom = D
kT
D
KE
2
ถ ้าระบบมี N โมเลกุล KE รวม เรียกว่า พลังงานภายใ
นั่นคือ kTN
D
KE
N
U
2
nRT
D
U
2
แสดงว่าถ ้า T = คงที่ T = 0 ดังนั้น U คงที่ด ้วย
จะมี
หรือ
ในความเป็นจริง โมเลกุลอะตอมคู่ทั่วในอาจจะไม่มี
การเคลื่อนในบางลักษณะ เช่น การสั่น (ยกเว้น
อุณหภูมิจะสูงมาก ๆ)
ดังนั้น ในทางปฏิบัติ diatomic molecule ที่เป็น
แก๊ส 1 โมเลกุล จะมี D = 5
จึงได ้ kT
KE
2
5
RT
U
2
5
หรือ
89. แก๊สไม่อุดมคติและสมการวานเดอวาลส์
(Imperfect gases and Van der Walls’ equation)
กฎของแก๊สอุดมคติ (Ideal gas law)
RT
M
m
nRT
PV
n คือ จานวนโมล
เมื่อ m คือ มวลของสาร
M คือ มวลของสารจานวน 1 โมล
เพื่อทดสอบแก๊สจริง
เขียนสมการแก๊สอุดมคติใหม่R
nT
PV
การทดลอง ทาการวัดค่านิจของแก๊ส R ของแก๊สต่าง
*** สมการแก๊สอุดมคติ
98. งานในทางอุณหพลศาสตร ์
• งาน คือ กลไกการส่งพลังงานที่
สาคัญในระบบอุณหพลวัตร
เช่นเดียวกับความร้อน
• ตัวอย่าง : แก๊สในกระบอกสูบมี
ปริมาตร V และมีความดัน P
กระทาต่อผนังกระบอกสูบและ
ลูกสูบ กาลังขยายตัวจาก (a)
เป็ น (b)
• สมมติการขยายตัว(หรือการ
อัด)จะเป็ นไปอย่างช้า ๆ ซึ่ง
เพียงพอที่จะทาให้ทุกจุดของ
ระบบอยู่ในภาวะสมดุลเชิง
PdV
PAdy
dy
F
y
d
F
dW
cos
หรือ V
P
W
Ady =
dV
110. กระบวนการปริมาตรคงที่
และความดันคงที่
1. Isochoric process ; dV = 0
งาน dW = PdV
Gay-lussac’s law
คงที่
T
P
จาก dW
dQ
dU
ดังนั้น dT
mc
dQ
dU V
2. Isobaric process ; dP = 0
; งาน
Charle’s law
คงที่
T
V
จาก dW
dQ
dU
ดังนั้น PdV
dT
mc
dU P
0
dW
dW PdV
งานช่วง Vi ถึง Vf คือ
f i
W P V V
คือ ระบบไม่ทางาน
112. กระบวนการผันกลับได้
3. Adiabatic process ; dQ = 0
ดังนั้น PdV
dT
ncV
ได ้ dW
dU
ในกรณี dT
nc
dU V
PdV
dT
nc
dU P
Isochoric
process; dV = 0
:
Isobaric process; dP = 0 :
V
nc
PdV
dT
dU dQ dW
และ ideal gas
PV = nRT
PdV+VdP = nRdT
หรือ PdV = nRdT - VdP
113. กระบวนการผันกลับได้
1
P V
V V
P
V
c c
PdV
PdV nR VdP PdV VdP
nc c
c
PdV VdP
c
ดังนั้น R
c
c V
P
0
PdV
c
c
VdP
V
P
หรือ 0
V
dV
c
c
P
dP
V
P
เมื่อกาหนด
P
V
c
c
ดังนั้น 0
V
dV
P
dP
แก ้สมการจะได ้ คงที่
V
P ln
ln หรือ คงที่
PV
ได ้
VdP
PdV
PdV
c
c
PdV
V
P
nRT
P
V
เนื่องจาก ดังนั้น 1
constant
V T
nR
V
TV constant
114. งานของกระบวนการความร้อน
คงที่
งานของกระบวนการ adiabatic process : dQ = 0
นิยามของงาน ั่
2
1
V
V
PdV
dW
W เมื่อ 1 คือ initial, 2 คือ
final, P ไม่คงที่
แต่ adiabatic process ;
constant
PV k
ดังนั้น
V
k
P
1
1
1
1
1
2
1
2
1
2
1
kV
kV
V
k
dV
V
k
W
V
V
V
V
แต่
2
2
1
1 , V
P
k
V
P
k
ดังนั้น
1
1
1
1
1
2
2 V
P
V
P
W
1
1
1
2
2 V
P
V
P
W
1
1
1
2
2 V
P
V
P
W
Adiabatic work
P
V
c
c
115. 115
กระบวนการอุณหภูมิคงที่
4. Isothermal process ; dT = 0
และถ ้า dT = 0 แสดงว่า dU = 0 เพราะว่า
V
dU nc dT
ดังนั้น
จาก PdV
dW
dQ
ได ้
0
dU dQ dW
หาปริพันธ์ ;
f f
i i
V V
V V
nRT nRT
dQ dW PdV P dV
V V
งานของ isothermal process
i
f
V
V
nRT
W ln
ถ ้า T คงที่ได ้ว่า PV = ค่าคงที่ (Boyle’s law)
116. สรุปการคานวณงานจาก
กระบวนการ
0
dW dT
mc
dQ
dU V
dW PdV
1. Isochoric process ; dV = 0
2. Isobaric process ; dP = 0
f i
W P V V
3. Adiabatic process ; dQ = 0
1
1
1
2
2 V
P
V
P
W P
V
c
c
4. Isothermal process ; dT = 0
i
f
V
V
nRT
W ln
PdV
dT
mc
dU P
117. ตัวอย่าง : จากรูปแสดงแผนภาพค่าความ
ดัน-ปริมาตรของก๊าซจานวนหนึ่ง จงหา
งานที่ก๊าซจานวนนี้กระทาครบวัฏจักรเป็ น
เท่าใด
แนวคิด : งานที่เกิดขึ้น
เท่ากับพื้นที่ใต้กราฟ
0
1
3
1 2
P (บรรยากาศ)
P2
P1 P3
V (ลิตร)
W = พื้นที่ใต้กราฟ
J
m
N
W
m
N
m
W
m
N
atm
atm
litre
W
P
V
W
32
.
101
32
.
101
10
0132
.
1
)
10
0132
.
1
2
(
)
10
1
(
2
1
10
0132
.
1
1
)
2
(
)
1
(
2
1
)
(
)
(
2
1
2
2
5
3
3
2
5
118. ปริมาตรของก๊าซอุดมคติจานวนหนึ่งที่มีการ
เปลี่ยนแปลงจากสถานะเริ่มต้น ณ Pi ไปสูสถานะ
ปลาย ณ Pf ตาม 2 ทิศทาง จงคานวณหางานที่
ระบบก๊าซอุดมคติจานวนนี้กระทาตามกระบวนการ
ต่อไปนี้ 1.ไอโซคอริก 2.ไอโซบาริก
3.ไอโซเทอร ์มอล
0
)
( 1 pdV
P
P
W i
J
W
V
V
p
P
P
W i
f
f
100
)
10
1
)(
10
100
(
)
(
)
(
3
3
1
1. กระบวนการไอโซคอริก
V=0 PiP1
J
W
W
V
V
V
p
V
dV
nRT
P
P
W
i
f
i
i
V
V
f
i
f
i
6
.
138
2
ln
)
10
1
)(
10
2
(
ln
)
(
3
5
2. กระบวนการไอโซบาริก
P=0P1Pf
3. กระบวนการไอโซเทอร ์มอล
T=0 PiPf
124. กฎข้อที่สองทางอุณหพล
ศาสตร ์
เครื่องกลที่เป็ นไปได้
1. เครื่องทาความเย็น
C
H C
Q
W
Q
Q Q
2. เครื่องกลความร้อน
1
1
H C
H H
C
H
C
H
Q Q
W
e
Q Q
Q
Q
T
T
C
H C
T
T T
ตู้เย็นคาร์โนท์
เครื่องกลคาร์โนท์
H
C
H
T
T
T
e
1
1
e
e เครื่องยนต์สมบูรณ์
เครื่องยนต์จริง
ตู้เย็นที่ดีควรมี
สูงถึง5,6
128. สมมติว่า:
• ระบบมีแก๊สจานวน N โมเลกุล
• แก๊สแต่ละโมเลกุลจะครอบครองปริมาตร Vm
• ถ ้าแบ่งปริมาตรทั้งหมด V ออกเป็นส่วนเล็ก ๆ
ส่วนละ Vm จะได ้ว่าแก๊ส 1โมเลกุลจะเลือกที่อยู่ได ้
W = V/Vm กรณี(แบบ)
• ดังนั้น ถ ้ามีแก๊ส N โมเลกุลจะได ้ว่าจานวนแบบ
ทั้งหมดที่แก๊สเลือกอยู่ได้ () คือ
เอนโทรปีกับมุมมองระดับจุลภาค
(Entropy and microscopic view)
• เอนโทรปี องศาความไม่เป
็ นระเบียบ
N
W
N
W
W
W
W
1
2
1
N
m
V
V
129. เอนโทรปีกับมุมมองระดับจุลภาค
ถ ้าระบบมีการเปลี่ยนแปลงจากสถานะเริ่มต ้น (initial sta
(final state) จะได ้ว่า
Initial state:
m
i
i V
V
W N
m
i
i V
V
,
Final state:
m
f
f V
V
W N
m
f
f V
V
,
N
i
f
i
f
V
V
i
f
i
f
A
i
f
i
f
V
V
nR
V
V
nkN
V
V
Nk
k ln
ln
ln
ln
i
f S
S
S
โดยการใส่ฟังก์ชันล็อกการิทึมและคูณด ้วยค่าคงที่ขอ
130. เอนโทรปีกับมุมมองระดับจุลภาค
ในการขยายตัวแบบอุณหภูมิคงที่ T จาก(a) ไป (b)
1
1
ln
f f
r
i i
f f
i
i
dQ
S PdV
T T
V
nRT
dV nR
T V V
i
f
i
f
i
f
i
f
i
f
k
k
S
S
k
V
V
nR
S
S
ln
ln
ln
ln
W
Nk
k
S ln
ln
ดังนั้น เอนโทรปีคือการวัดความไม่เป
็ นระเบีย
W
Q
131. แก๊ส สุญญากาศ
ฉนวน
ตัวอย่าง : จงแสดงให้เห็นว่ากระบวนการแพร่ของ
แก๊สในสุญญากาศในกระบวนการอุณหภูมิคงที่ ดัง
รูปเป
็ นกระบวนการผันกลับไม่ได้
วิธีทา
อุณหภูมิคงที่ ดังนั้น dU = 0
ดังนั้นdQ = dW = PdV
จาก PV = nRT,
V
nRT
P
dV
V
nRT
dQ
จาก T
dV
V
nRT
T
dQ
dS
1
2
2
1
2
1
1
2 ln
V
V
nR
V
dV
nR
T
dQ
S
S
แต่ V2 > V1 แสดงว่า
หรือ Sระบบ > 0
สิ่งแวดล ้อม Sสิ่งแวดล ้อม
นั่นคือ S > 0 จึงเป
็ นกร
ผันกลับไม่ได้
W
Q
U
132. ตัวอย่าง : น้าแข็ง 1 kg ที่ 00C หลอมเหลวหมด
วิธีทา ความร ้อนจาเพาะของการหลอมเหลวของน้า Lf(น้า)
จาก
T
dQ
dS
ทาการหาปริพันธ์(อินทิเกรต) :
0
Q
water ice
dQ
S S
T
เมื่อ T คงที่ที่ 00C
; T = 273 K
แต่ Q = mL = (103)(79.6) = 7.95104 Cal
ดังนั้น
0
1 Q Q
dQ
T T
เนื่องจากความร ้อนที่ใช ้ใน
น้าแข็งที่อุณหภูมิเดียวกันน
สิ่งแวดล ้อม ดังนั้น
ดังนั้น cal/K
292
ม
สิ่
ง
แ
วดล
อ
S
แสดงว่า S = 0
กระบวนการนี้จึงเป
็ นก
การที่ผันกลับได้
4
7.95 10 cal
Q
สิ่
งแ
วด
ล
อ
ม
K
cal
S
S
S
S
system
ice
water
system
/
292
273
10
95
.
7 4
133. ตัวอย่าง จงคานวณค่าเอนโทรปี ที่
เปลี่ยนไปเมื่อต้มน้า 1 kg ที่ 0C ให้มี
อุณหภูมิ 100C โดยไม่มีการเปลี่ยน
สถานะ
T
mc
Q
วิธีทา
ณีนี้อุณหภูมิไม่คงที่ ดังนั้นจึงแปลง dQ ให้เป็ นฟังกช
K
cal
S
S
T
T
mc
T
dT
mc
T
mcdT
T
dO
S
S
T
T
T
T
T
T
/
312
)
273
373
ln(
1
1000
)
ln(
1
2
1
2
1
2
2
1
2
1
2
1
134. ตัวอย่าง : แก๊สอุดมคติ 4 โมล ขยายตัวมีปริมาตร 2
ก. เมื่อขยายตัวแบบอุณหภูมิคงที่ ที่ 400 K จง
ข. เมื่อขยายตัวแบบความร้อนคงที่ จงคานวณ
วิธีทา ก. dW = PdV
PV = nRT หรือ P = nRT/V
J
nRT
V
V
nRT
V
dV
nRT
PdV
W
V
V
V
9214
2
ln
ln
1
2
2
2
1
1
2
1
เอนโทรปี
2
1
1
2
T
dQ
S
S
แต่ dW
dU
dQ
และ 0
0
dU
T
ได ้ dW
dQ
ดังนั้น
2
2
2 1 1
1
1
ln 2 ln 2
dW W
S S
T T
nRT nR
T
ตอบ
วิธีทา ข.
ความร ้อนคงที่ dQ = 0
ดังนั้น dS = dQ/T = 0 S2-S1 =S= 0
ตอบ ข.
กระบวนการ
ไอโซเทอร์มอ
งาน
กระบวนการ
อะเดียแบติก 23
S
142. เครื่องยนต์
เครื่องยนต์
ความร้อน
• เครื่องยนต์จะดึง Qh จาก
แหล่งความร ้อนสูง
•เครื่องยนต์ทางาน
W
•เครื่องยนต์ปล่อยความร ้อน Qc
สู่แหล่งความร ้อนต่า
c
h Q
Q
W
0
c
Q
ประสิทธิภาพเชิงอุณหภาพ
(thermal efficiency)
h
c
h
c
h
h Q
Q
Q
Q
Q
Q
W
e
1
นั่นคือ ประสิทธิภาพ e
จะน้อยกว่า 100% เสมอ(กฎข ้อที่สองทางอุณหพลศาสตร
143. เครื่องทาความเย็น
ของเหลวหล่อเย็นที่อุณหภูมิต่า TC
จะดูดความร ้อน QC จากแหล่งความ
ร ้อนอุณหภูมิต่า TC.
งาน W ถูกจ่ายให ้กับตัว Heat
pump (โดยการอัดสารหล่อเย็นที่
ความดันสูงจนมีอุณหภูมิสูงกว่า Th)
ไอร ้อนจาก Heat pump จะคลาย
ความร ้อน Qh ไปยังแหล่งความร ้อน
อุณหภูมิสูง Th
เครื่องทา
ความเย็น
เครื่องยนต์ที่ทางานในลักษณะตรง
ข ้าม
กฎข ้อที่หนึ่ง(กฎอนุรักษ์
พลังงาน) W
Q
Q C
H
สัมประสิทธิ์
สมรรถภาพ
C C
H C
Q Q
COP
W Q Q
146. V1
V2
Q = 0
Q = 0
หลักการวิเคราะห์การทางาน
ของเครื่องจักรเบนซิน
2 2
2
,
H V c b
V
c b
V
H c b
Q nc T T PV nRT
nc
PV PV
nR
c
Q V P P
R
a
d
V
C P
P
V
R
c
Q
1
ดังนั้น
1
2
d a
C
H c b
P P
Q V
Q V P P
ช่วง cd,
1
2
1
2
;
0
V
V
P
P
V
V
P
P
Q
b
a
c
d
แ
ล
ะ
อัตราส่วนการอัด
compression ratio = V1/V2
typical = 7 - 8
ช่วง bc,
V = 0
ทานองเดียวกัน
P
V
c
c
147. เครื่องจักรเบนซิน
แทนค่า
b
c
b
c
H
C
P
P
P
V
V
P
V
V
V
V
Q
Q
1
2
1
2
1
2
1
1
2
V
V
Q
Q
H
C
ประสิทธิภาพ
1
2
1
1 1
H C C
H H H
Q Q Q V
W
e
Q Q Q V
เช่น อากาศมี = 1.4 8
2
1
V
V
ถ ้า ได ้ประสิทธิภาพ = 56%
ในทางปฏิบัติ
ประสิทธิภาพที่พบจะมีเพียง 15 ถึง 20%
เพราะ
- ความเสียดทาน
- การสูญเสียความร้อนที่เสื้อสูบ
- การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เพราะส่วนผสมอากา
149. หลักการวิเคราะห์การทางาน
เครื่องยนต์ดีเซล
P
V
c
c
2 3
2 3
,
,
H P b c
P
b c
P
H c c b
Q nc T T PV nRT
nc
PV PV
nR
c
Q P V V P P
R
ช่วง bc,
P = 0:
ช่วง da,
V = 0:
1 1
1
,
C V a d
V
a d
V
C a d
Q nc T T PV nRT
nc
PV P V
nR
c
Q V P P
R
3
2
1
3
2
1 /
/
V
V
P
P
P
P
V
V
V
P
P
P
V
c
c
Q
Q c
d
c
a
d
a
c
P
V
H
C
150. หลักการวิเคราะห์การทางาน
เครื่องยนต์ดีเซล
ช่วงความร ้อน
คงที่ cd ได ้
3
3 1
1
d
c d
c
P V
PV P V
P V
ช่วงความร ้อน
คงที่ ab ได ้ 2 2
1 2
1 1
a a
a b b c
b c
P P
V V
PV PV P P
P V P V
แทนค่าได ้
2 1 3 1 2 1 3 1
1
2 3 2 1 3 1
/ / / /
/ /
C
H
V V V V V V V V
Q V
Q V V V V V V
ประสิทธิภาพ
2 1 3 1
2 1 3 1
/ /
1 1
/ /
H C C
H H H
V V V V
Q Q Q
W
e
Q Q Q V V V V